เรื่องวุ่นๆของงบการเงิน

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
sattaya
Verified User
โพสต์: 1372
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องวุ่นๆของงบการเงิน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ผมขออนุญาตพี่โหน่งเอามาตั้งกระทู้ใหม่นะครับ
humdrum เขียน: พี่ท่านเขียนเรื่องบัญชีให้เป็นวิทยาทาน ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ผมถามก่อนเลย

1. เวลาพี่ท่านเซียนบัญชีอยางนี้ อ่านงบ พี่ท่านดูอะไรก่อนเป็นอันดับแรกครับ คือ เปิดมานี่ ต้องอ่านก่อนเลย
 2. การดูงบบัญชีมีจดอ่อนตรงไหนบ้างครับ
 3.  ส่วนไหนที่พี่ท่านตั้งข้อสังเกคให้ระวะงมากที่สุดในการอ่านงบ
 4. เวลาผมอ่าน ผมจะเอากำไรไว้บนสุด กลับหัวแล้วอ่านกลับลงมาที่รายได้  อยากทราบว่า ทำไมเขาไม่ทำอย่างนี้กัน แล้วมีบัญชีในแนวตั้งหรือไม่ครับ

ขอบคุณมากครับ  :wink:
ผมกลัวว่าจะเป็นการสอนปลาฉลามว่านน้ำนะสิครับ แต่เมื่อพี่ท่านถามมาก็ขอตอบเท่าที่หางอึ่งในสมองจะรู้นะครับ
 1. เวลาพี่ท่านเซียนบัญชีอยางนี้ อ่านงบ พี่ท่านดูอะไรก่อนเป็นอันดับแรกครับ คือ เปิดมานี่ ต้องอ่านก่อนเลย
     ก่อนอ่านงบการเงินผมจะดูกำไรก่อนเป็นอันดับแรก แต่เวลาผมโหลดงบการเงินมาอ่านผมจะอ่านในส่วนของรายงานผู้สอบบัญชีก่อนเลย ถามว่าดูทำไม ตัวรายงานผู้สอบนี้ผมว่าสำคัญนะครับ เหมือนกับเราจ้างนักสืบไปสืบเรื่องบางอย่าง พอเราได้ข้อมูลโดยสรุปแล้ว เราสามารถใช้ข้อมูลของนักสืบเพื่อไปดำเนินการต่อว่าเราจะดูจุดไหนเป็นพิเศษ จะเป็นจุดที่นักสืบตั้งข้อสังเกตุไว้หรือ จะดูเองใหม่หมด
    หมายเหตุประกอบงบการเงินเป็นอีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจและควรอ่านคู่ไปกับอ่านงบการเงิน
    แต่งบการเงินเป็นเพียงจิ๊กซอตัวหนึ่งในอีกหลายๆตัว ที่จะบอกได้ว่าบริษัทนั้นๆน่าลงทุนหรือไม่ สิ่งที่ควรรู้ก่อนงบการเงินก็น่าจะรู้ Business Model จุดอ่อนแข็งของบริษัท ความสามารถและจริยธรรมของผู้บริหาร Positioning ของบริษัท ถ้าเป็นพี่หมอศรรามก็จะบอกว่าต้องรู้ วัฏจักรของอุตสาหกรรม
    พอแงะงบการเงินแล้วก็ต้องคำนวณราคาที่เหมาะสมอย่างที่หลายท่านบอกว่ามี Margin of safety มากพอไหม วิธีคำนวณราคาก็มีหลายวิธี อันนี้แล้วแต่ความถนัดของแต่ละท่าน ต่อมาก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะเข้าซื้อหุ้น สุดท้ายเป็นเรื่องปราบเซียน ที่หลายท่านบอกว่ายากสุดคือเวลาหรือราคาที่เหมาะสมที่จะขาย
  2. การดูงบบัญชีมีจดอ่อนตรงไหนบ้างครับ
     งบดุลเป็นงบที่แสดงสินทรัพย์ หนี้สิน ทุน เพียงแค่เวลาใดเวลาหนึ่ง (วันสิ้นงวดบัญชีนั้นๆ) ดังนั้นแค่ 1 วันในรอบทั้งปีความน่าเชื่อถือได้ก็คงมีระดับหนึ่ง
    งบกำไรขาดทุน เป็นการแสดงกำไรขาดทุนในเกณฑ์สิทธิ์ คือที่ว่ามีกำไรนะ เงินได้รับหรือยังไม่รู้ ลูกค้าจะเบี้ยวหนี้ไหมบอกได้ยาก
    อย่างที่พี่โหน่งบอกครับ ตัวเลขเป็นสิ่งที่คนสมมติขึ้นมันหลอกเราได้ง่าย ขนาดบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก ที่ทำกิจการมานานหลายสิบปียังกลายเป็นเพียงแชร์ลูกโซ่ได้เลย ก็เพราะคนเชื่องบการเงิน เชื่อคำผู้บริหาร
      รูปภาพ
    มันถูกบิดเบือนได้ง่าย
  3.  ส่วนไหนที่พี่ท่านตั้งข้อสังเกตให้ระวังมากที่สุดในการอ่านงบ
     ในส่วนของงบการเงินผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าปกติจะตั้งข้อสังเกตตรงไหน เพราะเท่าที่อ่านมาแต่ละงบจะมีจุดสังเกต หรือจุดที่น่าสงสัยต่างกัน สำหรับสิ่งที่ต้องระวังที่สุดน่าจะเป็นความมั่นใจจนเกินเหตุที่จะเชื่อตัวเลขที่เราได้ออกมาครับ เพราะบางครั้งตอนที่ดูคร่าวๆ จะมีความรู้สึกบางอย่างแต่เมื่ออ่านงบแล้วจะเกิด bias จนทำให้เราเชื่อมั่นจนเกินเหตุ

  4. เวลาผมอ่าน ผมจะเอากำไรไว้บนสุด กลับหัวแล้วอ่านกลับลงมาที่รายได้  อยากทราบว่า ทำไมเขาไม่ทำอย่างนี้กัน แล้วมีบัญชีในแนวตั้งหรือไม่ครับ
    เวลาผมดูงบกำไรขาดทุนเบื้องต้นผมก็ดุแบบพี่โหน่งนะครับ เปรียบเทียบกำไรแล้วดูต้นทุน ค่าใช้จ่าย ยอดขายหลังสุด
    เวลาลงบัญชีผมคิดว่าเหมือนกับการจัดของลงกล่องครับกล่องแต่ละใบก็คือรายการบัญชีแต่ละรายการ รายการไหนเกิดขึ้นก่อนมันต้องวางก่อน ส่วนของที่อยู่บนสุดของกล่องแต่ละใบคือใบปะหน้าว่าในนั้นมีอะไรบ้าง
    ส่วนงบการเงินก็คล้ายกับใบสรุปว่ากล่องใส่ของแต่ละกล่องมีอะไรอยู่เท่าใด ซึ่งก็ต้องจัดทำตามลำดับการเกิดก่อนหลัง มีรายได้ มีค่าใช้จ่าย ถึงจะรู้ได้ว่ามีกำไรหรือขาดทุนเท่าใด
    ผู้บริหารหรือคนอ่านงบการเงินอย่างเราๆ คงจะใช้เพียงใบสรุปหรืองบการเงินต่างๆ ส่วนอยากได้แบบไหนนั้นคงต้องมาปรับใหม่ตามถนัดของเราครับ
สติมา ปัญญาเกิด
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องวุ่นๆของงบการเงิน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากครับ  
 ผมชอบเวลาอ่านงานของพี่ท่านนะครับ คืออย่างน้อย เราได้รูว่าพี่ท่านมีกระบวนการคิดอย่างไร ผมว่าสิ่งพวกนี้สอนกันไมได้ แต่อย่างนี้ผมได้รูว่าคนที่เก่งบัญชีเขาคิดกันแบบไหน พี่ท่านตอบได้แจ่มครับ ขอบคุณอีกครั้ง

 ถ้าให้ความหมายเกี่ยวกับบัญชี ในคำที่สั้นที่สุด แต่มีควาหมายที่สุด พี่ท่านจะใช้คำว่าอะไรครับ คือ โลกนี้จะแตกแล้ว แต่พี่ท่านต้องถ่ายถอดวิชาบัฐชีให้กับลูกศิษคนหนึ่งที่จะมีชีวิตรอด ไม่ทราบท่านจะสอนอะไขครับในเวลาที่จำกัดอย่างนั้น  

      :wink:
sattaya
Verified User
โพสต์: 1372
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องวุ่นๆของงบการเงิน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

คุณพี่ถามแต่ละดอกยากจัง

ถ้าเกี่ยวกับการบันทึกบัญชี ก็น่าจะเป็น ถูกต้อง ครบถ้วน ตรวจสอบได้

แล้วถ้าเป็นพี่โหน่งละครับ ในสถานการณ์เดียวกัน พี่จะให้ความหมายเกี่ยวกับ critical mach ในคำที่สั้นที่สุด แต่มีควาหมายที่สุด ว่าอย่างไรครับ
สติมา ปัญญาเกิด
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องวุ่นๆของงบการเงิน

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณครับ
criitical mass ก็กเลศคนไงครับ critical ในใจเราต้องสำคัญก่อนครับ
อารมณ์ 9 ชนิดที่ต้องระวังในการเทรด แต่หน้าที่เราคือ หาเงินจากคนที่มีอารมณ์เหล่านั้น นั่นคือเหตุผลที่เราต้องตัดอารมณ์ขิงเราออกก่อนครับ ภาษาหุ้นเขาเรียกว่า จืตวิทยามวลชนครับ  เราต้องเดาว่าจะหาหุ้นที่จะเกิด critical mass ทุกวันได้อย่างไร โดยดูจากอารมณ์เหล่านี้ว่าจะเกิดกับหุ้นตัวใดบ้าง  

ข้อที่ 1  

1.. ความแตกตื่น
2. ความกลัว
3. ความลังเล
4. ความฟุ้งซ่าน
5. ความประมาท
6. ความโกรธ
7. ความใจร้อน
8. ความหลง
9. ความโลภ        

    ส่วนการเตรียมตัวนั้น ใช้แบบท่าน Puggy Pearson ครับ
   มีหลายเรื่องที่เราสามารถเรียนรู้จากชายผู้นี้ครับ..
     เขาเสียไปสัก 3 ปี กว่าแล้วครับ เกิดมาจนมากครับ จบแค่ ป.3 แต่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้
เขาชนะเกม World Series of Poker 1973
เล่น pool เก่ง ติดอันดับ 10 ของประเทศอเมริกา
เล่น กอล์ฟเก่ง เก่งกว่านักกอล์ฟอาชีพ
อะไรที่พนัน เขาสนใจหมด
มีคนไปถามเคล็ดลับความสำเร็จ เขาบอกมา 3 อย่าง

 หนึ่ง... รู้จัก odd  60:40
ผมแปล odd เป็นไทยไม่ได้จริงๆ ใครร้ช่วยบอกที แปลแบบผมก็เรื่อง expected value
สอง...รู้จักการบริหารเงิน..money management  
สาม....รู้จักตัวเอง..knowing self



 
 ผมจะแยกอย่างนี้ทุกวันครับ
1.  odd ที่จะเกิด mass ใช้ invet first investigate later
2. เงินที่ลงทุน expected value คุ้มที่จะเสียงหรือไม่
3. การหาทางหนีทีไล่ การยอมรับความผิดพลาด ว่าถ้าเกิดขาดทุน เราจะรูสึกอย่างไรบ้าง

 สามเรื่องนี้ ผมจินตนาการทุกอย่างหมดตั้งแต่ตี 3 ครับ แล้วพอตอนเช้าเรา invert กลับมาเป้นกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับเราเท่านั้น มันบอกคนอื่นไมได้ เพราะ 1. มอง odd ไม่เหมือนกัน ถึงบอกหุ้นกันได้ แต่ 2. เงินไม่เท่ากัน และ 3  การเข้าใจตนเองและการยอมรับตัวเองไม่เท่ากัน

   นั่นคือเหตุผลทีผมไม่เคยบอกหุ้นใครครับ
 บอกไปก้แต่นั่น ถ้าเขาไม่รูจักกลยุทธ์สามอย่างนี้เป้นอย่างดีครับ

   Puggy บอกว่ามันคือ Psychology  เล่นกับตัวเองไม่พอ ต้องเล่นกับความคิดคนอื่นด้วย เขาบอกว่า เกมทุกเกมมีผู้อื่นอื่นเข้ามาเกี่ยว บางทีเราสู้เขาไม่ได้ แต่เกมมันขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และสถานการณ์ บางคนกอดตำราไว้แน่น เหมือนกอดตำราพิชัยสงคราม ถึงรู้ก็ไม่แน่ว่าชนะเสมอไป เขาชนะคนที่เก่งกว่าเขามานับไม่ถ้วน "ต้องรู้จักจิตวิทยาของเกม" เขาบอกสามอย่างนี้ เขาให้ความสำคัญจิตวิทยามากที่สุด

  ผมอาจผิดครับ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นครับ  :wink:

 ชื่อพี่ท่าน อ่านว่าอะไรครับ แปลว่าอะไรครับ
พี่ท่านไม่เคยตอบแบบขอไปที คิดอะไรลึกซึ่งเสมอ
ผมมีคำถามจะมาถามใหม่ครับ ขอบคุณมากครับ
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องวุ่นๆของงบการเงิน

โพสต์ที่ 5

โพสต์

อัตราส่วนลิมบอกครับ ตรงนี้สำคัญมากครับ ขึ้นกับว่าสถานการณืเป้นอย่างไรครับ  โดยเฉลียทั้งปี อัตราส่วนผมจะอยู๋ที่ 60:30:10 คือ   รู้จักจิตวิทยาตัวเอง : การบริหารเงิน : ระบบที่ใช้หา odd หรือ system trading

   system trading เป้นความลับเฉพาะตัว เป้นศิลปมากกว่า logic สอนกันลำบากครับ  แสงที่บอกเล่าได้ ย่อมไม่ใช่แสง

     Buffett ยังไม่บอกเลยครับ  ^ ^
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องวุ่นๆของงบการเงิน

โพสต์ที่ 6

โพสต์

หนึ่ง... รู้จัก odd  60:40
ผมแปล odd เป็นไทยไม่ได้จริงๆ ใครร้ช่วยบอกที แปลแบบผมก็เรื่อง expected value
สอง...รู้จักการบริหารเงิน..money management  
สาม....รู้จักตัวเอง..knowing self
ในความเห็นผมoddนี่
น่าจะเป็นแต้มต่อ
ที่เราเชื่อมั่นว่าจะสู้เขาได้
มี60
สู้ไม่ได้มี40
ถ้าเล่นแบดกินไอ๊ซที พอเสี่ยงอย่างนี้ได้ครับ
อย่างพุธที่แล้ว ผมเสียไป2ขวดได้กลับมา3ขวด
เท่าoddอันนี้พอดีเลย
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
sattaya
Verified User
โพสต์: 1372
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องวุ่นๆของงบการเงิน

โพสต์ที่ 7

โพสต์

พี่โหน่ง เขียน: หนึ่ง... รู้จัก odd  60:40
ผมแปล odd เป็นไทยไม่ได้จริงๆ ใครร้ช่วยบอกที แปลแบบผมก็เรื่อง expected value
สอง...รู้จักการบริหารเงิน..money management  
สาม....รู้จักตัวเอง..knowing self
แปลมั่วๆว่า
อด 40:60   :oops:
สติมา ปัญญาเกิด
สถาปนิกต่างดาว
Verified User
โพสต์: 463
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องวุ่นๆของงบการเงิน

โพสต์ที่ 8

โพสต์

พี่ sattaya นี่ เก่งทั้ง "บัญชี"  เก่งทั้ง "กล้วยไม้"
ส่วนผม เห็น "บัญชี"ทีไร พาลจะ "ใกล้ม้วย"เอาซะทุกที
( อาร์ตๆครับ จำอะไรเป็นภาพครับ จำเป็นตัวเลขไม่เป็น
 อย่างมีคนบอก ๓๖  ๒๔  ๓๖ เงี้ย ต้องหลับตานึกเป็นภาพ)

ติ๊ดต่างว่าพี่สอนเด็กมัธยมต้น ให้วิเคราะห์งบดุลย์บัญชีซักบริษัทนึง
พี่จะบอกให้เขาดูตรงไหน  ยังไง บ้าง
เอาแบบ หนึ่ง สอง สาม สี่ ก็ดีครับ

ขอบคุณครับ
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
sattaya
Verified User
โพสต์: 1372
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องวุ่นๆของงบการเงิน

โพสต์ที่ 9

โพสต์

พี่สถาปนิกก็ชมผมเกินไป เรื่องบัญชีผมรู้แค่ผิวๆ  :oops:  ไหนเลยจะกล้าสอนใครได้

รู้วิธีลงบัญชี กับรู้วิธีอ่านงบการเงิน ต่างกันแบบคนละขั้ว ขืนพูดมากไปเดี๋ยวจะโดนอาจารย์มาเขกกะโหลกเอา

ส่วนเรื่องกล้วยไม้ตอนนี้แทบไม่มีที่แขวนแล้ว พี่สถาปนิกสนใจเลี้ยงสักต้นไหมครับ ผมนิยมดอกหอม
สติมา ปัญญาเกิด
โพสต์โพสต์