ถามคุณหมออีกเรื่อง

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
oatty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2444
ผู้ติดตาม: 0

ถามคุณหมออีกเรื่อง

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ส่งคนเป็นไข้หวัดขึ้นเครื่องบินที่สุวรรณภูมิ

    ตี 2 ครึ่ง วันเสาร์ พี่ชายโทร.มาจากตจว. กำลังหลับสบายๆ งัวเงียขึ้นมารับโทรศัพท์แบบงงๆ ได้ความว่าหลานชายที่กำลังเรียนปริญญาโทที่จุฬาฯ จะขึ้นเครื่องบินไปลงหาดใหญ่ แต่ดันเป็นไข้สูง น้ำมูกไหล จาม ไอบ้าง เกรงว่าจะโดนกักที่สนามบินด้วยข้อหาสงสัยเป็นไข้หวัดพันธุ์ใหม่ ขอให้ช่วยพาไปส่งที่สนามบินก่อน 9 โมงครึ่ง ถ้าไม่ผ่านก็รับตัวกลับไปดูแลที่บ้านด้วย ก็เลยรับปากแถมรับรองว่าจะส่งขึ้นเครื่องได้ 99.99 เปอร์เซนต์ เว้นแต่ไปจามใส่หน้าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของการท่าฯ
    หลังจากนั้นโทร.ไปหาหลานชายถามอาการดู บอกว่าไข้มา 2 วันแล้ว ไข้ค่อยๆขึ้นสูงจนสูงมากตอนหัวค่ำ เพิ่งจะเริ่มมีเหงื่อออกหลังจากกินยาพาราเซตามอลทุกๆ 4 ชม. ครั้งสุดท้ายเมื่อซักชั่วโมงที่ผ่านมา มีน้ำมูกไหล แต่ใส ไม่มีสีเหลือง ไอบ้าง ไม่เจ็บคอ กินได้ แต่ท้องผูก กังวล+เครียดนอนไม่หลับ บอกไปว่าอย่ากินยาพาราฯอีก ให้เช็ดตัวแล้วนอนเล่นๆไปเรื่อยๆ
    8 โมงเช้าไปถึงหอพักแถวๆสุทธิสาร หลานชายดูโทรมมาก เพราะหลับไปได้แค่ซักชั่วโมงกว่าๆ
    เริ่มงาน.... เอายาขมเม็ดตราใบห่อ ให้กิน 2 เม็ด เพื่อป้องกันอาการเจ็บคอ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ ให้กินแอสไพริน 325 มก. 2 เม็ด ตามด้วย Cettec ยาแก้แพ้ 1 เม็ด
    บอกเขาว่าตอนไปถึงสนามบินให้แอ๊คอาร์ทหน่อย ทำเหมือนคนปกติ อย่าหงอย ไม่ต้องใส่หน้ากาก
    ขับรถออกมาขึ้นทางด่วนที่ถนนพระราม 9 สังเกตหลานชายเริ่มจะพูดคุยมากขึ้น น้ำมูกหยุดไหลไปเลย พอใกล้สุวรรณภูมิ เขาบอกว่ารู้สึกดีขึ้นมาก หัวโล่งไม่มึนเหมือนก่อนหน้านี้
    พอถึงที่จอดรถส่งผู้โดยสาร หลานชายลงไป หันกลับมาบอกว่า อาไม่ต้องรอแล้ว รู้สึกสบายเป็นปกติแล้ว ลองเอาหลังมือแตะหัวดูปกติดี ไม่ร้อน ไม่เย็นผิดปกเหมือนกินยาแก้ไข้ใหม่ๆ
    ขับรถวนอยู่ 2 รอบ...เพราะเข้าช่องผิด เลยหาที่ว่างๆจอดโทรศัพท์ไปถาม หลายชายก็บอกว่าไม่มีปัญหา สบายมาก ก็เลยขับรถกลับบ้าน

    คำแนะนำคนที่กลัวไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่....
    ถ้ารู้สึกว่ามีอาการระคายคอ ซื้อยาขมชนิดเม็ด "ตราใบห่อ" กล่องละ 20 บาท 80 เม็ด กินแค่ 2 เม็ด วันละ 1- 2 ครั้ง อาการระคายคอจะหายเร็วมาก ขนาดคนที่เป็นทอนซินอักเสบเรื้อรังมาหลายปี กินแค่ 2-3 วันก็หาย ดีกว่ายาแก้อักเสบฝรั่งมากมาย อย่ารอให้คออักเสบเพราะจะทำให้ความต้านทานของร่างกายลดลง จะต้านทานเชื้อหวัดได้น้อยลง ยาตัวนี้ปกติจะใช้กินแก้ไข้ ร้อนใน กิน 4 เม็ดจะช่วยระบาย
    ฟ้าทะลายโจร ก็ใช้ได้แต่ได้ผลน้อยกว่า และมีผลข้างเคียงต่ออวัยวะภายใน ยังไม่มีอาการก็ไม่ควรจะกิน จะเป็นผลเสีย
    ยาพาราเซตามอล เป็นพิษต่อตับอย่างรุนแรง อย่างหมาแมวกินแล้วมีโอกาสตับวายตายสูงมาก และเป็นยาที่ใช้ได้ผลต่ำ มีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งสารที่ทำให้เส้นเลือดบีบรัดตัว แต่ไม่ช่วยขยายเส้นเลือด

    ยาแอสไพริน ยอดยาแห่งศตวรรษ เป็นยาสกัดจากเปลือกไม้ ลิขสิทธิ์ของไบเออร์ เยอรมัน มีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งสารที่ทำให้เส้นเลือดบีบรัดตัว ทำให้เส้นเลือดขยายตัว ป้องกันเลือดจับตัวเป็นลิ่ม ครบสูตร ทุกวันนี้ใช้เป็นยาสำหรับคนที่เลือดข้น โรคหัวใจขาดเลือด กินครั้งละ 30-50 มก. ข้อจำกัดของคือมันระคายกระเพาะอาหาร และกระตุ้นทำให้เลือดออกมาก หมอก็เลยห้ามกิน แทนที่จะหาวิธีกินแบบไม่เป็นอันตราย
    วิธีกินยาแอสไพริน ปกติให้กินหลังอาหารทันที แต่ถ้าท้องว่างให้กินกับน้ำหวาน เอาน้ำตาลทราย 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือเฮลล์บลูบอย 2 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำกินพร้อมยา น้ำตาลจะป้องกันไม่ให้ยากัดกระเพาะ นี่เป็นคำแนะนำของหมอจีน!!!! น้ำผึ้งใช้ไม่ได้ครับเพราะเป็นกลูโคส โมเลกุลเล็กไป
    สำหรับคนที่ติดเชื้อไข้เลือดออก ถ้าไม่อยู่ในภาวะเลือดออกกินได้ ลองกดผิวท้องแขนทดสอบดูก่อนได้นี่
    ทุกวันนี้ยาแก้ไข้แก้ปวดตัวใหม่ๆที่ขายกันแพงๆ อย่าง ไอ้อะไรเฟ่นๆ หรือตัวอื่นๆ ล้วนแล้วสังเคราะห์เลียนแบบแอสไพรินทั้งนั้นแหละ ผลก็คือกัดกระเพาะเหมือนกัน แพงกว่า ผลเสียข้างเคียงมากกว่า บริษัทยาอเมริกันหวังเพียงแค่ผลทางธุรกิจด้วยการครอบงำบุคคลากรทางการแพทย์
    ใครที่มีอาการปวดหลังแล้วหมอให้ยาคลายเส้นมากิน กินแล้วเพลีย ง่วง เบลอ ฯลฯ ลองเปลี่ยนมากินแอสไพรินดูสิ แล้วจะรู้ว่ามันดีกว่ากันในทุกๆด้าน อาการปวดก็ลดลงมากกว่า ไม่ง่วง ไม่เบลอ เม็ดละบาท วันละเม็ด
    ผู้หญิงที่ปวดประจำเดือนก็ได้ผลดีกว่า มีเพื่อนคนนึงต้องกินยาแก้ปวดประจำเดือนเฉพาะ ต้องกินหลายมื้อ ตามจำนวนวันที่ปวด แต่กินแอสไพรินมื้อเดียวหายปวดยาว กินเดือนละมื้อเดียวพอ... ดีกว่า ถูกกว่า
    แอสไพรินที่ขายดีที่สุดในเมืองไทยน่าจะเป็นยี่ห้อ "ทัมใจ" คนงานก่อสร้างกินแก้ปวดเมื่อยกันแทบจะทุกคน บางคนอายุ 70 แล้ว ถามดู แกบอกว่ากินมาตั้งแต่หนุ่มๆ นี่ถ้าเป็นยาพาราฯ แกคงไม่มีโอกาสแก่ตายแน่ๆ พวกคนงานที่กินยาทัมใจนี่แหละมักจะมีปัญหากระเพาะทะลุเพราะแอสไพรินกัดกัน เยอะ แต่...รู้ไหมว่าเขากินแบบไหน? พวกเขากินยาทัมใจกับเหล้าขาวครับ!!!
    ยาแอสไพรินที่มีขายจะแบ่งเป็น 3 แบบ
    -พวกกินป้องกันโรคหัวใจ บรรจุ 10 ,20 ,30 ,50 หรือ 80 มก. มักจะเป็นแผง 10 เม็ด 15 บาท แพง...
    -เป็นเม็ด 325 มก. มาเป็นกระป๋องใหญ่ๆ แบ่งขายเม็ดละบาท ถ้าต้องการกินน้อยก็หักครึ่ง หรือตัด 1 ใน 4 ตามใจปรารถณา แบบนี้ราคาถูก
    -แบบผงใส่ซองแบบยาทัมใจ

    ปล.ว่างๆก็หัดเป็นหมอกันบ้าง อย่าเอาชีวิตเราไปฝากไว้กับหมอ ยิ่งเป็นหมอบางคนที่ยังไม่อดนมด้วย...น่ากลัว
คัดลอกมาจากเวบแห่งหนึ่ง คุณหมอช่วยวิพากษ์ต่อด้วย
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nongki
Verified User
โพสต์: 1222
ผู้ติดตาม: 0

ถามคุณหมออีกเรื่อง

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ลางเนื้อชอบลางยา
เรารักในหลวง  เรารักอำมาตย์  เราเกลียดคนขายชาติ  เรารักประชาธิปไตย
mprandy
Verified User
โพสต์: 1992
ผู้ติดตาม: 0

ถามคุณหมออีกเรื่อง

โพสต์ที่ 3

โพสต์

พวกที่กินแอสไพรินแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ อย่างเป็นไข้พวกนี้

ถ้ามีโอกาสได้เห็น หรือคนใกล้ชิดเป็นโรค "ราย" (Reye syndrome) ซักที

จะจำไปจนวันตายเลย เพราะเมื่อไหร่ตับวายแล้วโอกาสตายใกล้ 100%

http://en.wikipedia.org/wiki/Reye_syndrome

ยาลดไข้ มีสรรพคุณลดไข้ได้ทุกตัว บางตัวลดได้มาก บางตัวลดได้น้อย

แอสไพรินเป็นยาที่ดีมาก ถ้าไม่ดีจริงไม่อยู่ยืนยงมาได้ร้อยกว่าปีหรอก แต่ใช่ว่าของที่มีอายุยืนยาวจะมีแต่ข้อดี

ส่วนเรื่องน้ำตาล น้ำผึ้งอะไรนั่นก็ไม่ถูกต้อง น้ำตาลไม่ช่วยป้องกันฤทธิ์ระคายกระเพาะอาหาร และน้ำตาลในน้ำผึ้งส่วนใหญ่เป็น ฟรุคโตส ไม่ใช่กลูโคส โมเลกุลน้ำตาล เล็กใหญ่ ไม่มีผลต่อการป้องกันกระเพาะอาหาร แถมน้ำตาลปกติที่เรากินกัน (ซูโครส) ก็คือ กลูโคสสองตัวมาต่อกัน ทางเดินอาหารเราหลั่งน้ำย่อยเดี๋ยวเดียว ซูโครสก็กลายเป็นกลูโคสได้แล้ว

แล้วหมอก็ไม่ได้ห้ามกินแอสไพริน ยิ่งไปกว่านั้น ยานี้ถือเป็นยาที่ "ต้องกิน" ถ้าไม่มีข้อห้าม ในผู้ป่วยทุกรายที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ หรือหลอดเลือดหัวใจตีบ เพราะกินแล้วลดอัตราการตายได้ 1 ใน 4 ขนาดที่ใช้กินแล้วได้ผล ก็คือตั้งแต่ 60 - 325 มก จะกินแบบไหนก็ได้ กินน้อยก็ผลข้างเคียงน้อยหน่อย ขนาดที่มีขายก็คือ 60-80-81-100-160-325 มก. ไอ้ขนาด 10-20-50 นี่ สงสัยไม่ใช่แอสไพริน

เพียงแต่เขาไม่แนะนำให้กินแก้ปวดเมื่อยทั่วไป และใช้เป็นยาลดไข้ เพราะอันตราย

เขียนแนะนำความรู้แบบผิด ๆ ผมว่าบาปเหมือนกันนะ  :8)
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
โพสต์โพสต์