อินเทรน หวัด2009 จะสามารถควบคุมโรคนี้ได้ในเวลาเท่าไร

[superboy]

ดูข่าวแจ้งว่า เครื่องอุปโภค เช่น สบู่ น้ำยา เกี่ยวกับทำความสะอาด กำลังขายดี ครับ

ถ้าโรคนี้ใช้เวลาควบคุมนานเกินเดือนจะคิดยังไงครับ

แล้วกระทบกับหุ้นตัวไหนบ้าง

มาคิดกันดีกว่า  

ผมตอบเองก่อน 2 เดือน ยังคุมไม่ได้ คิดผิดคิดถูก ก้อไม่เป็นไร เพราะผมมันอ่อนหัด ครับ

เรื่องหุ้นให้ผู้รู้มาตอบดีกว่า

[gradius173]

ตาม pattern พึ่งpeakแรกเอง
ผมว่าคงลากยาวถึงต้นปีหน้า หรือจนกว่าจะได้วัคซีน



ผลประกอบการหุ้นโรงพยาบาลน่าจะดีต่อเนื่องถึงไตรมาส4
โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่ไม่มีประกันสังคม
และไม่พึ่งพาลูกค้าต่างชาติมาก
(ที่ชลบุรี มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ติดหวัด2009เกือบหมดทุกที่แล้ว)
ถ้าเป็นไปได้ช่วงนี้อย่าไปโรงพยาบาลดีที่สุดครับ

[Isamu]

ผมมองในแง่ดีนิดนึง ตรงที่ว่าประชากรผู้สูงอายุ ไม่ค่อยเป็นกัน เป็นเด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ สงสัยเคยติดสายพันธุ์ใกล้เคียงกันมาก่อน ทำให้อัตรานอนโรงพยาบาลก็ไม่สูง อัตราตายก็ต่ำ ก็ไม่น่าจะกอบโกยกำไรอะไรได้มากมาย
แต่!!!!! บริษัทผลิตวัคซีน รับไปเต็มๆ โรงพยาบาลก็รับส่วนต่างค่าฉีดวัคซีนนี้ไปเต็มๆ โรงพยาบาลที่มีฐานคนไข้มากก็ได้ไป เพราะประกันสังคม หรือสามสิบบาทไม่ครอบคลุม คนไข้ส่วนใหญ่ไม่ไปฉีดยาไกลจากบ้าน เพราะคิดว่าวัคซีนน่าจะเหมือนกัน

[booklover]

มีเพื่อนอยู๋บริษัท z..med ตอนนี้ถังขยะอัตโนมัติ ยาฆ่าเชื้อขายดีมาม

เสียดายไม่อยู่ในตลาด  เท่าที่อ่านจากกระทรวงถ้าไม่เอามือไปแคะเกา

จะไม่ติดไม่ใช่หรือครับ

[LppJ]

คงขึ้นกับมาตรการณ์ที่ออกมาใช้ด้วย อย่างตอนนี้ให้ปิดโรงเรียนกวดวิชา ต่อไป ไม่แน่อาจจะปิดโรงเรียนทั้งระบบ หรืออาจจะให้หยุดงาน ปิดประเทศไปเลย ไม่ต้องไปไหน เหมือนเม็กซิโก ซัก 2 อาทิตย์ อะไรประมาณนั้น ถ้าถึงจุดนี้ ผมว่า SET คงลงหลายจุดแน่นอน แฮะ แฮะ คิดไกลไปหน่อย
 แต่ช่วงนี้ท่องเที่ยวกระทบแน่นอน ซึ่งมันกำลังจะเข้าสู่ไฮซีซั้น หุ้นก็เลยไม่รู้ขึ้นหรือจะลงดี 55

[naris]

ผมจำได้ว่าตอนเรียนไบโอ การแพร่ของไวรัสที่กระจายตัวเร็วๆทางอากาศ น่าจะเป็นแบบเรขาคณิต ผมเลยคิดเอาเองว่าจุดพีคน่าจะอยู่ไม่เกินอีก15วัน และจะเริ่มลดอย่างรวดเร็ว
เลยอย่างถามพี่173ประดับความรู้ด้วยครับว่า ทำไมมันถึงมีหลายยอด และแต่ละยอดมีช่วงเว้นเป็นเดือนครับ

[KriangL]

คาดหวัดใหม่ระบาดอีก 3 ปี ป่วย 15 ล.ตายกว่าพัน แนะเลิก “คอนเสิร์ต-งานธรรมกาย”

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.a ... 0000078148

[เพื่อน]

ตอนนี้คุมไม่อยู่แล้วครับ

มีแต่ว่าจะหาทางชลอเวลาได้ยังไง เพราะระบบการแพทย์รับมือกันไม่ทัน

ผมว่ากราฟที่เป็นwaveนั้นไม่น่าจะใช้กับเชื้อตัวนี้ได้นะครับ
เชื้อตัวนี้ระบาดเร็วมากเพราะ เราไม่มีภูมิคุ้มกันมาก่อน (ผู้สูงอายุอาจจะมีภูมิมาจากในอดีต )

ระยะเวลาน่าจะนานจนกว่าคนส่วนใหญ่จะติดเชื้อกันหมดแล้ว โดยเฉพาะเด็กนักเรียนนักศึกษา เริ่มมีภูมิมากกว่าครึ่ง แล้วจะค่อยๆลดลง

อีกทางหนึ่งก็คือ การค้นพบวัคซีน จะช่วยได้ แต่ระยะแรกคงแพงมาก และยังไม่ได้รับรองเท่าที่ควร

เมื่อ2วันก่อน ผมถามแหย่คุณหมอที่รักษาลูกผมอยู่(ลูกชายผมติดแล้วเรียบร้อย) ว่าหมอคิดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจริงๆเกินแสนรึยัง คุณหมอตอบว่า "จากการสังเกตุของหมอเอง เฉพาะกรุงเทพ เกินแสนแล้ว"

ผมว่าไม่เกินสิ้นเดือนนี้ คงได้เห็นคำสั่งปิดเทอมก่อนเวลา ค่อนข้างชัวร์ เพื่อชลอการติดเชื้อออกไปได้อีกหน่อย....คราวที่แล้วปล่อยปละเกินไปหน่อย แทนที่จะรีบหยุดโรงเรียน14วันแบบฮ่องกง ก็คงทำให้เบาไปได้มาก กลับไม่ให้ความสำคัญกัน

คนที่ยังไม่ติด ก็เตรียมตัวไว้ก่อนได้เลยครับ โอกาสรอดจากการติดเชื้อน้อยมาก....ปัญหาคือห้องพักในรพ.ไม่พอ (ไม่เชื่อลองโทรไปเช็คดูได้เลยครับ โดยเฉพาะแผนกเด็ก แทบไม่มีห้องแล้ว)

ตอนนี้ผมพยายามกินวิตตามินซี วันละ2-3พันมิลิกรัม +ฟ้าทะลายโจร 6-9แคปซุลต่อวัน ลองดูว่าจะช่วยต้านได้มากน้อยแค่ไหน (ผมอยู่ในระยะเสี่ยงจากการติดจากลูก) ได้ผลหรือไม่ได้ผล จะมาเล่าให้ฟังอีกทีครับ

[gradius173]

Patternนี้มาจากSpanish fluครับ



ที่มันมีหลายwaveมีคำอธิบายว่า
ช่วงแรก(มิ.ย.-ก.ค.)ที่ระบาดคนตื่นตัวมาก คนที่ป่วยหนักจะโดนกักตัว
คนที่ป่วยไม่มากก็ถูกเฝ้าระวัง พอดูไปซักพักcaseที่เสียชีวิตมีไม่มาก (mild strain)
ประชาชนเริ่มเพิกเฉย มาตรการป้องกันเริ่มหย่อนลง คนที่ป่วยไม่มาก
ก็ไปใช้ชีวิตตามปกติ

พอผ่านไปซักพัก(ต.ค.-พ.ย.) ผู้ป่วยเริ่มกระจายไปกว้างขวาง
จำนวนยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น (severe strain)
พบว่าเชื้อเริ่มมีการmutant(กลายพันธุ์)ให้เข้ากับคนมากขึ้น
ความรุนแรงมากขึ้น(Increase Virulence)

ประวัติศาสตร์มีไว้ซ้ำรอย :lol:

[naris]

ขอถามเอาความรู้เพิ่มเติมครับ แล้วคราวที่แล้ว ที่เชื้อไข้หวัดสเปนหายไปนี่เพราะอะไรครับ

[naris]

ผมพอจะหาเหตุผลบางอย่างมาอธิบายได้เพิ่มเติมครับว่า ทำไมในอดีตถึงเว้นช่วง อาจจะเป็นเพราะการเดินทางและการติดต่อสัมพันธ์กันในที่แออัดกันในสมัยก่อน น้อยกว่าปัจจุบันมากๆ ทำให้การแพร่ในช่วงแรกๆจึงค่อยเป็นค่อยไป และอาจจะหยุดการกระจายจากการได้รับเชื้อกันเกือบครบแล้วในกลุ่มจำกัด และพอเว้นไว้สักพัก การระบาดเริ่มใหม่ในกลุ่มใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมและกระจายตัวพร้อมกันในวงกว้าง เพราะการติดต่อสื่อสารช้าและน้อยกว่าปัจจุบัน ทำให้เหมือนเชื้อมันเว้นช่วงแต่ที่จริงแล้วมันก่อตัวเงียบๆในกลุ่มใหม่ที่กำลังจะระเบิดต่างหาก

เมื่อเทียบกับปัจจุบัน การสื่อสารและตรวจพบรวดเร็ว การแพร่กระจายของเชื้อโดยการคมนาคมสมัยใหม่ก็รวดเร็วเช่นกัน การเว้นช่วงของเชื้อหรือติดต่อระบาดก็จะเร็วมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
ถ้าอย่างนั้น สเต็ปแรกที่ระบาด ก็อาจจะเป็นการระบาดในกลุ่มทวีปอเมริกา และเหมือนการระบาดจะช้าลงในช่วงตามมา(เป็นสเต็ปที่ดรอปเว้นช่วง)แต่ในที่สุดก็กระจายทั่วโลกเหมือนปัจจุบัน(ที่กำลังเป็นสเต็ปสอง)ที่กำลังวิ่งหาจุดพีค ซึ่งผมเดาว่าในไทยไม่น่าจะเกินสิ้นเดือนนี้ครับ และจะค่อยๆลดลงอย่างรวดเร็ว(ใครจะเก็งกำไรหุ้น รพ.โดยไม่มีพื้นฐาน ก็คิดให้ดีนะครับ) และอาจจะตามมาอีกระลอกในประเทศที่พื้นที่ชนบทจริงๆที่เชื้อยังเข้าไม่ถึง(เสต็ปสุดท้าย)ก่อนที่มันจะกลายเป็นเชื้อประจำถิ่นตัวต่อไป ที่จะรอการกลายพันธุ์เหมือนไข้หวัดใหญ่ทั่วๆไปครับ

ปล.เป็นความเห็นของคนไม่ใช่หมอนะครับ เดาล้วนๆ

[mprandy]

ขอถามเอาความรู้เพิ่มเติมครับ แล้วคราวที่แล้ว ที่เชื้อไข้หวัดสเปนหายไปนี่เพราะอะไรครับ

ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าทำไมครับ เข้าใจว่าอาจจะเป็นหลาย ๆ องค์ประกอบร่วมกัน

1. second wave นั้นเชื้อมีความรุนแรงมาก คนที่ได้รับเชื้อจะป่วยค่อนข้างมาก เลยไปไหนไม่ได้ มักพักรักษาตัวอยู่กับบ้านหรือโรงพยาบาล ทำให้การแพร่กระจายลดน้อยลง (ต่างกับตอนนี้ เวลาปิดโรงเรียนที เด็กก็เฮโลไปเที่ยวตามศูนย์การค้า, ร้านเน็ต ฯลฯ แล้วมันจะไปเหลือ ?)

2. ความรู้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยเริ่มดีขึ้น คือตอนนั้นคงมีมาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาด และการดูแลสุขอนามัยของประชาชนดีขึ้น มีความตื่นตัวมากขึ้นในสังคม (ก็เล่นตายไปเป็นเบือซะขนาดนั้น ถ้านิ่งดูดายก็กระไรอยู่)

3. บางคนว่าไวรัสมันกลายพันธุ์หลายหนเกินไป จนทำให้ความรุนแรงมันน้อยลง (คือ กลายพันธุ์จากไวรัสเด็ก ๆ -> ไวรัสโหด ๆ -> ไปเป็นไวรัสเด็ก ๆ อีกที)

[naris]

ขอบคุณครับอาจารย์หมอ.

ข้อสังเกตุของผมในเรื่องเชื้อไวรัสนี่ผมสังเกตุว่า คนเราจะคาดคะเนอะไรจากมันไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นซาร์ หวัดนก มันอยากมาก็มา อยากไปก็ไป ผมคิดส่วนตัวว่ามันต้องมีพาหะในการระบาด หรือ อาจมีสิ่งที่กำหนดให้การเจริญเติบโตและฟักตัวให้กับไวรัส โดยที่บางครั้งเชื้อหายไปไม่ใช่เพราะเราควบคุมโรคได้ แต่อาจเป็นเพราะธรรมชาติกำหนดให้มันอยู่หรือไปต่างหาก

[Renne]

ขอสอบถามพี่ๆหรืออาจารย์หมอครับ เรื่องเกี่ยวกับการรับตรวจไข้หวัด2009
้
ผมไปอ่านตามเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง การจะรับตรวจไข้หวัด2009 เขาจะรับตรวจให้เฉพาะผู้ป่วยที่มีไข้่เกิน 38.9 องศาเซลเซียส จึงอยากรบกวนถามว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆหรือเปล่าครับ

และตัวชี้บอกที่สำคัญเกี่ยวกับหวัดตัวนี้ คืออุณหภูมิของไข้ที่ค่อนข้างสูงหรือเปล่าครับ แบบนี้ถ้าคนเป็นหวัดแต่ไม่มีไข้สูง ก็ไม่น่าจะใช่ไข้หวัดตัวนี้? หรืออาจจะติดไข้หวัดตัวนี้ก็ได้แต่ไวรัสยังอยู่ในระยะเวลาฟักตัวอยู่ จึงยังไม่ออกอาการให้้เห็นมากนักหรือเปล่าครับ

(ไม่ได้ตามข่าวเสียนาน ไปออกพื้นที่กลางป่า กลับลงมาตามอ่านข่าวก็พบว่ามีระบาดเพิ่มขึ้นเยอะกับมีคนเสียชีวิตเพิ่มซะแล้ว+_+)

ขอบตุณสำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่างๆมากครับ m( _ _ )m

[เก็ตถวา]

ขอสอบถามพี่ๆหรืออาจารย์หมอครับ เรื่องเกี่ยวกับการรับตรวจไข้หวัด2009
้
ผมไปอ่านตามเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง การจะรับตรวจไข้หวัด2009 เขาจะรับตรวจให้เฉพาะผู้ป่วยที่มีไข้่เกิน 38.9 องศาเซลเซียส จึงอยากรบกวนถามว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆหรือเปล่าครับ

และตัวชี้บอกที่สำคัญเกี่ยวกับหวัดตัวนี้ คืออุณหภูมิของไข้ที่ค่อนข้างสูงหรือเปล่าครับ แบบนี้ถ้าคนเป็นหวัดแต่ไม่มีไข้สูง ก็ไม่น่าจะใช่ไข้หวัดตัวนี้? หรืออาจจะติดไข้หวัดตัวนี้ก็ได้แต่ไวรัสยังอยู่ในระยะเวลาฟักตัวอยู่ จึงยังไม่ออกอาการให้้เห็นมากนักหรือเปล่าครับ

(ไม่ได้ตามข่าวเสียนาน ไปออกพื้นที่กลางป่า กลับลงมาตามอ่านข่าวก็พบว่ามีระบาดเพิ่มขึ้นเยอะกับมีคนเสียชีวิตเพิ่มซะแล้ว+_+)
ขอบตุณสำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่างๆมากครับ m( _ _ )m

เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ป่วยเยอะมากค่ะ ที่รายงานน่ะ under report ค่ะ กระทรวงจึงกำหนดนโยบายว่าให้ตรวจเฉพาะคนที่มีความเสี่ยง มีอาการมาก(ไข้สุุุุุุุุุูง ปวดตัว หอบ) มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะคนที่มาจากแหล่งที่มีการแพร่ระบาด ตรวจก็เจอแหงมๆ (ตอนนี้ lab ทำกันไม่หวัดไม่ไหว จากเดิม 12 ชม. รายงานผล เดี๋ยวนี้ 1.5 วัน เพราะทำไม่ทัน) และอีกอย่างผป.สามารถหายเองได้ค่ะ เป็นส่วนใหญ่ ไืม่จำเป็นต้องได้ Tamifu ทุกราย
 :)

[Undertaker]

ผมว่า ไข้หวัด 2009 ก็มีส่วนเหมือนวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้นะ

ตอนแรกที่เกิดไข้หวัดหมูที่เม็กซิโก เราก็บอกว่าไม่ต้องกลัว หมูมันบินมาเมืองไทยไม่ได้ เราก็เลยไม่ได้ป้องกันอะไร  

ซักพักเพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก ก็เปลี่ยนชื่อเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 บอกว่าไม่ต้องกลัว (แต่ WHO ขึ้นเป็นระดับ 5 แล้ว)

ต่อมามีการตรวจนักเดินทางที่เดินทางมาจากต่างประเทศเสี่ยงทุกคน  ใครมีไข้สูงก็กักตัวไว้เพื่อทำการรักษาตัว  ไม่ต้องกลัวอีกตามเคย  

ต่อมามีผู้เชี่ยวชาญออกมาบอกว่า ไข้หวัดประเภทนี้ไม่อันตราย คนที่ติดเชื้อ ถ้าร่างกายแข็งแรง สามารถรักษาให้หายได้เอง แต่เริ่มมีมาตราการที่เข้มข้นขึ้น เช่นปิดโรงเรียนบางโรงเรียน ทำความสะอาดครั้งใหญ่ (เหมือนคนปวดหัวธรรมดา หมอบอกว่าไม่เป็นไร แต่กลับเอาเข้าห้องผ่าตัดเลย)

และแล้วข่าวเกี่ยวกับไข้หวัด 2009 ก็เริ่มจางไป แต่ก็มีนักวิชาการบางท่านออกมาเตือนว่า ระวังมันจะกลับมาอีกครั้ง และยิ่งใหญ่กว่าเดิม

ปัจจุบันนี้มันกลับมาตามคำเรียกร้อง พอเริ่มมีคนเสียชีวิต ก็ยิ่งเริ่มมีมาตรการใหม่ ๆ ออกมา (คำว่าไม่น่ากลัวเริ่มไม่ได้ยินแล้ว)  

ปัจจุบันนี้ ปิดสถาบันกวดวิชา และขอความร่วมมือร้านเกมส์ช่วยระวัง ไม่ให้คนเป็นหวัดมาเล่นเกมส์  (ทำอย่างกับคนคุมร้านเกมส์เป็นหมอ จะได้รู้ว่าคนนี้ตัวร้อนหรือเป็นหวัด)  สาเหตุที่ออกมาตรการนี้ก็น่าจะมาจากว่า คนที่ติดเชื่อส่วนมากอายุระหว่าง 11-20 ปี  

ผมลองมาคิดดูว่า ตอนผมอายุเท่านั้นผมทำอะไร  ไปกวดวิชาหรือ? ไปร้านเกมส์หรือ?  กลับกันตอนนั้นผมกลับไปเดิน ห......  และไปดู ห...... รวมถึงไปเดินเที่ยวที่สวน จ....   ซะเป็นส่วนมาก  แถมยังเดินทางด้วยรถ เ....... อีกต่างหาก โหแต่ละอย่างคนเพียบเลย  

แล้วมันคล้ายกับวิกฤตตรงไหน   ก็ตรงที่เกิดจากเมืองนอกเหมือนกัน ประเทศไทยโดนแค่ส่วนหางนิดหน่อย  พอผลกระทบเริ่มมากขึ้นก็มีคนออกมาปลอบใจกันมากขึ้น  พอตัวเลขจากเมืองนอกดีขึ้น ก็บอกว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว  คนก็เริ่มมีความหวังมากขึ้น  โดยไม่ได้ดูเลยว่ายอดขายบางอย่างที่เพิ่มขึ้นมาจาก Demand ที่แท้จริง หรือใช้สินค้าคงคลังจนหมดจนต้องสั่งซื้อสินค้ามาไว้ในสต๊อก  จนปัจจุบันเริ่มมีตัวเลขที่ไม่ดีออกมาเพิ่มกันแล้ว

ทั้ง 2 อย่างก็ต้องรอดูมันต่อไป  

ผมว่าไข้หวัด 2009 น่าจะใช้เวลาอีกสักพัก จนกว่าจะมีคนติดเชื้อเป็นหมื่นเป็นแสนคน  หรือไม่ก็มีการปิดสถานที่ที่มีคนเยอะ ๆ และกักตัวคนที่ติดเชื้อไม่ให้ไปไหน

[Alastor]

แฟนผมเคยโทรไปคุยกะเพื่อนที่เป็นหมอใน usa เห็นเค้าว่ากันว่า it is just a flu อ่ะครับ ดูแลสุขภาพกันดีๆละกันครับ ผมจำได้ว่า ในประเทศไทยฆ่ากันตายปีละ 3,xxx คน มีคนเป็น HIV Positive ประมาณ 1% ของประชากร โรคมันรุนแรงแค่ไหนคงขึ้นกับระดับความกลัวของคนด้วยนะครับ ส่วนข่าวเรื่องปิดประเทศอะไรนั่นผมว่านักข่าวคงใส่ไข่ลงไปให้รสชาดมันดีขึ้นอ่ะครับ

[mprandy]

ผมว่า ไข้หวัด 2009 ก็มีส่วนเหมือนวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้นะ

น่าจะเป็นเช่นนั้นครับ เพราะดูมันมีขึ้นมีลงเป็น cycle เหมือนดัชนีหุ้น หรือวงจรเศรษฐกิจยังไงยังงั้น :lovl:

ไม่ได้เข้าข้างใครนะครับ แต่ผมว่ารัฐมนตรี สธ. และรองนายก ฯ ที่ชอบจิบไวน์ แกไม่มี competency เพียงพอที่จะรับมือวิกฤติอย่างนี้ได้เลย

ขาดวิสัยทัศน์ และการวางแผนเชิงมหภาคอย่างรุนแรง สู้สมัยที่เรามีหวัดนก กับโรคซาร์ไม่ได้เลย

ตอนแรกที่มันระบาดที่ทวีปอเมริกา ก็มาดีใจว่าไม่มีทางมาถึงเราแน่นอน เพราะเรามี thermoscan (เป็นเหตุผลที่บ้าที่สุด)

พอมีรายงานคนแรก ... ก็มาบอกว่า อย่าตกใจ คนที่เป็นหน่ะ หายแล้ว

พอมีรายงานมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็มาบอกว่า โอ๊ย ประเทศอื่นเขากระจายกันไปทั่วแล้ว และจริง ๆ ไข้หวัดนี้ไม่รุนแรงหรอก โอกาสตายน้อย ปิดโรงเรียนไม่กี่แห่งซักสามสี่วัน เดี๋ยวก็เรียบร้อย (แต่จะไปเที่ยวที่ไหนก็เชิญ ข้าไม่สน)

.... งามหน้ามาก ๆ เมื่อรายงานผู้ป่วยรายแรกจากไต้หวัน พบว่าติดจากประเทศไทย เพราะไปเที่ยว "พัทยา" เราถึงมารู้ทีหลังว่า คนพัทยาและชลบุรีไปหาหมอที่ รพ.กันเป็นพรวน เพราะเป็นไข้ตัวร้อน เหมือนไข้หวัดใหญ่ ตั้งสัปดาห์ก่อน ... ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่าการระบาดเกิดขึ้นแล้วในเมืองไทย เพราะเรามัวแต่ภูมิใจกับ thermoscan ที่จับไข้ได้ทุกคน (ตอนนั้นยังบ้าของบจะซื้อเพิ่มอีก... ฮา)

ถึงมานึกขึ้นได้ว่า ... อ้อ แล้วที่มันระบาดในพัทยา พวกนักท่องเที่ยวมันเข้าประเทศทาง "สุวรรณภูมิ" และก่อนหน้านั้นคงเที่ยวใน "กรุงเทพ" และจะต้องมีอีกเยอะที่ไปเที่ยว "ต่างจังหวัด" กันมากมาย

รายงานคนไข้เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เปลี่ยนใหม่ ... บอกว่า โอ๊ย ไอ้โรคนี้มันเหมือนหวัดแหละ ... คนติดกันเยอะแยะ เดี๋ยวจะเลิกรายงานละ ... ปรากฏว่าคนด่ากันทั่วบ้านทั่วเมือง จนต้องกลับมารายงานกันรายวันเหมือนเดิม

... จนเริ่มมีคนไข้ตายรายแรก รายที่สอง ... เรื่อยมาจนรายที่ 15 16 17 ....

ตอนนี้ขอความร่วมมือ โปรดปิดร้านเกม และโรงเรียนกวดวิชาเถอะนะ เพราะเป็นที่แพร่เชื้อ แต่ใครจะไปดูหนัง เที่ยวผับ ดูคอนเสิร์ต เชิญตามสบาย

นี่มีไอเดียบรรเจิดอีกแล้ว จะชวนนายก ฯ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ "ฮีโร่หน้ากาก" (ตูจะบ้า)

เคยบอกประชาชนกันบ้างหรือเปล่าว่า หน้ากากที่ใส่กันอยู่หน่ะ กันเชื้อเข้าสู่ร่างกายไม่ได้เลย

อนิจจัง ประเทศไทย .... เมื่อไหร่พวกเสานบดี มันจะฉลาดเสียที  :8)

[mprandy]

อยากจะขอร้องท่าน รมต. และบรรดาคนใหญ่คนโตทั้งหลายอย่างนึง ไม่รู้พวกเขาจะทำได้หรือเปล่า

เลิกออกไปตระเวณแจกโบชัวร์ กะหน้ากากตามสถานที่ชุมชน หรือออกไปตระเวณตรวจร้านเน็ท โรงหนัง ศูนย์การค้าได้แล้วครับ (บางคนร้ายกว่า ... โพสต์ท่าฉีดสเปรย์อะไรไม่รู้ ในโรงหนังที่พารากอน ให้นักข่าวถ่ายรูปไปลงหนังสือพิมพ์, หรือไปยืนใช้สายยางฉีดน้ำในตลาดสด กะขบวนรถไฟ)

ถ้าจะอยู่เฉย ๆ ซะบ้าง น่าจะเป็นคุณแก่ประเทศมากกว่า  :8)

[gradius173]

[quote="mprandy"]อยากจะขอร้องท่าน รมต. และบรรดาคนใหญ่คนโตทั้งหลายอย่างนึง ไม่รู้พวกเขาจะทำได้หรือเปล่า

เลิกออกไปตระเวณแจกโบชัวร์ กะหน้ากากตามสถานที่ชุมชน หรือออกไปตระเวณตรวจร้านเน็ท โรงหนัง ศูนย์การค้าได้แล้วครับ (บางคนร้ายกว่า ... โพสต์ท่าฉีดสเปรย์อะไรไม่รู้ ในโรงหนังที่พารากอน ให้นักข่าวถ่ายรูปไปลงหนังสือพิมพ์, หรือไปยืนใช้สายยางฉีดน้ำในตลาดสด กะขบวนรถไฟ)

ถ้าจะอยู่เฉย ๆ ซะบ้าง น่าจะเป็นคุณแก่ประเทศมากกว่า

[MO101]

วิธีป้องกันเวลานี้คือ
ไม่เดินห้าง ไม่ดูหนัง ทำกับข้าวที่บ้านใช่ไหมครับ
ใส่หน้ากากเป็นการกันเชื้อไม่ให้แพร่ออกมากกว่าป้องกันถูกหรือเปล่า

[naris]

เพิ่งจะมารู้จากอาจารย์หมอว่า.หน้ากากกันไม่ได้

แล้ววิธีป้องกันที่ดีที่สุดทำอย่างไรครับ โปรดแนะนำที เพราะตอนนี้ลูกผมเรียนอยู่ม.1ที่อนแก่น(กำลังระบาดหนักเชียว)จะได้แนะนำลูกได้ถูก

ของคุณล่วงหน้าครับ

[naris]

ระบาดยาวกว่าที่คิดไว้แฮะ :lol:

ฟันธงคุมหวัด09ไม่ได้ใน1-2เดือน  
วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 06:37

นักไวรัสวิทยาชี้อาจใช้เวลา1-3ปียุติการแพร่ระบาดเชื้อไข้หวัด2009

นพ.ยง ภู่วรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญไวรัสวิทยา จากจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั่วโลกขณะนี้ ถือว่าเป็นการระบาดใหญ่ มีมากกว่า 120 ประเทศ และมีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้ว มากกว่า 100,000 คน ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่มีผู้ป่วยด้วยโรคนี้ในประเทศไทย และแนวโน้มการแพร่ระบาด ยังไม่สามารถหยุดได้ภายใน 1-2 เดือน แต่จะใช้เวลาเป็นปีโดยอาจอยู่ระหว่าง 1-3 ปี

นพ.ยงกล่าวต่อว่า คาดว่าจะสามารถยุติการแพร่ระบาดได้ เมื่อมีการติดเชื้อแล้ว 1 ใน 3 ของประชากรโลก แต่อย่างไรก็ตามถ้ามีมาตรการดูแลการแพร่กระจายของโรคที่ดี อัตราการแพร่ระบาดก็สามารถลดลงได้ ส่วนการแพร่ระบาดในประเทศจะเป็นไปตามฤดูกาล จึงไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนก และยังยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องตรวจวินิจฉัยเชื้อในผู้ป่วยทุกคน แต่ควรมุ่งไปที่คนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมากกว่า

ทั้งนี้ จากการประเมินการแพร่ระบาด คาดว่าทั่วโลกจะมีผู้เสียชีวิตจากการระบาดครั้งนี้ประมาณ 1,200 คน แต่หากมีมาตรการที่เข้มข้น จะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ครึ่งหนึ่งหรือจะมีจำนวนไม่เกิน 600 คน

[investment biker]

เห็นท่านนายกบอกว่าแค่หวัดธรรมดา ไม่ต้องห่วง อีกหน่อยทุกคนคงโดนหมด เอ.... เมื่อไหร่ท่านนายกจะติดหวัดน้อ จะได้รู้สึกซะทีว่าเป็นยังไง แต่ท่านมีอภิสิทธิน่าจะได้รับการรักษาอย่างดี คงไม่เป็นอันตรายหรอก

ตอนระบาดแรก ๆ นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศน่าจะโดนตรวจรายคนเหมือนที่ประเทศจีนทำ ถ้ามีไข้ก็ต้องโดนกักตัว เหมือนตอนหวัดนก แต่หวัด 2009 มีแต่ตั้งเครื่อง termoscan เพื่อสร้างภาพเท่านั้นเอง วัน ๆ เอาแต่สร้างภาพ ทำงานกันไม่ค่อยเป็น พนักงานที่คุมเครื่อง termoscan ไม่เห็นจะตรวจสอบอะไร นั่งคุยกัน บางเครื่องก็ไม่เห็นมีคนคุม ใครเดินทางผ่านสนามบินช่วงที่มีข่าวระบาดใหม่ ๆ เห็นแล้วเซ็ง

ที่ผ่านมา ข่าวคราวเกี่ยวกับการรณรงค์และป้องกันหวัด 2009 แทบไม่มี เห็นแต่ข่าวหมีแพนด้าคลอดลูก และก็ช่วยเด็กเชื้อสายญี่ปุ่นหาพ่อ แสดงความยินดีกับน้องนกนักเทนนิส ขนาดนักชกฟิลิปปินส์ก็ไปยินดีกับเขา วัน ๆ ดูดีมีความสุขดีครับ ประมาณว่า คนรวยก็รวยไป ชิว ๆ ๆ  ปัญหาประเทศมีเยอะแต่ไม่กล้าตัดสินใจ มัวแต่กลัวผิด "คนที่ไม่ทำอะไรเลย ไม่เคยทำผิด" น่าจะเป็นคำขวัญวันเด็กปีหน้าดีไหมครับท่าน  :lol:

[chatchai]

แฟนผมเคยโทรไปคุยกะเพื่อนที่เป็นหมอใน usa เห็นเค้าว่ากันว่า it is just a flu อ่ะครับ ดูแลสุขภาพกันดีๆละกันครับ ผมจำได้ว่า ในประเทศไทยฆ่ากันตายปีละ 3,xxx คน มีคนเป็น HIV Positive ประมาณ 1% ของประชากร โรคมันรุนแรงแค่ไหนคงขึ้นกับระดับความกลัวของคนด้วยนะครับ ส่วนข่าวเรื่องปิดประเทศอะไรนั่นผมว่านักข่าวคงใส่ไข่ลงไปให้รสชาดมันดีขึ้นอ่ะครับ

จริงๆก็เป็นดังที่คุณหมอที่สหรัฐบอกไว้  ก็เหมือนดังชื่อครับ  ไข้หวัด 2009  

เพียงแต่ที่แตกต่างก็คือ  เป็นสายพันธ์ใหม่ที่เกือบทุกคนไม่มีภูมิคุ้มกัน  และแพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็ว

ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ  หรือมีโรคประจำตัว  อาจจะป่วยรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

ที่นี้ลองนึกภาพ  ถ้าไม่มีการเตือนการป้องกันให้ดี  มีคนป่วยในไทยพร้อมๆกันเป็นแสนๆคน  ไปรักษาโรงพยาบาลพร้อมกัน  คุณหมอและเครื่องมือจะเพียงพอที่จะดูแลไหมครับ

อีกทั้งถ้าบริษัทหรือโรงงาน  มีการแพร่ระบาด  จนกระทั่งต้องปิดบริษัท  ปิดโรงงาน  เหมือนปิดโรงเรียน  อะไรจะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจครับ

[chode]

http://www.manager.co.th/Politics/ViewN ... 0000078400
(แหล่งข่าวอาจไม่น่าเชื่อถือ แต่รายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ก็พูดเรื่องยี้)

ล่าสุดทุกโรงเรียนต้องคัดกรองผู้ป่วยก่อนเริ่มเรียนแล้วครับ
ไม่รู้จะให้ครูคัดกรองอย่างไง ให้นักเรียนลองสั่งน้ำมูกให้ดูเหรอไง

[Diablo]

http://www.manager.co.th/Politics/ViewN ... 0000078400
(แหล่งข่าวอาจไม่น่าเชื่อถือ แต่รายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ก็พูดเรื่องยี้)

ล่าสุดทุกโรงเรียนต้องคัดกรองผู้ป่วยก่อนเริ่มเรียนแล้วครับ
ไม่รู้จะให้ครูคัดกรองอย่างไง ให้นักเรียนลองสั่งน้ำมูกให้ดูเหรอไง

   

[mprandy]

[quote="chatchai"]
จริงๆก็เป็นดังที่คุณหมอที่สหรัฐบอกไว้

[investment biker]

เพิ่งจะมารู้จากอาจารย์หมอว่า.หน้ากากกันไม่ได้

แล้ววิธีป้องกันที่ดีที่สุดทำอย่างไรครับ โปรดแนะนำที เพราะตอนนี้ลูกผมเรียนอยู่ม.1ที่อนแก่น(กำลังระบาดหนักเชียว)จะได้แนะนำลูกได้ถูก

ของคุณล่วงหน้าครับ

ไม่ใช่หมอ แต่เป็นวิธีที่ผมใช้แล้วรู้สึกว่าได้ผล คือกินวิตามินซีทุกวัน ที่ผมกินยี่ห้ิอ Blackmore เม็ดละ 1000 mg ประมาณวันละเม็ดหรือสองเม็ด รู้สึกว่าเวลากินแล้วเป็นหวัดยากขึ้นครับ

อีกอย่างเวลารู้สึกเจ็บคอ ก็รีบกินฟ้าทะลายโจนตราใบห่อครั้งละ 4 เม็ดทุก ๆ 3-4 ชม เข้าใจว่าฟ้าทะลายโจนมีฤทธิแก้อักเสบ ส่่วนใหญ่จะทำให้หายก่อนที่จะเป็นหนักจนมีไข้  วิตามินซี  Blackmore ขวดใหญ่ประมาณ 700 กว่าบาท ส่วนฟ้าทะลายโจนกล่องละ 20-30 บาท

ส่วนอย่างอื่นที่พอช่วยได้คือ ควรล้างมือบ่อย ๆ และพยายามไม่เอามือมาเช็ดหน้าตา แคะจมูก น่าจะช่วยลดความเสี่ยงได้บ้าง

ิีอีกอย่างนอนให้พอ หลาย ๆ ครั้งที่ผมมีอาการเริ่มจะเป็นหวัดมักมาจากนอนน้อย ๆ หลายวันติดกัน

ไม่ทราบว่าท่านอื่น มีวิธีป้องกันหวัดกันยังไงบ้างครับ

[<< New >>]

หวัด2009 จะสามารถควบคุมโรคนี้ได้ในเวลาเท่าไร??

สงสัยต้องรอจนหมดปี แต่ถ้าปีหน้ายังเป็นกันอีก คงต้องเปลี่ยนชื่อเป็นหวัด2010  :lol:

เข้ามาป่วน