เคยสังเกตตัวเองกันมั้ยครับ ว่าตอนนี้ตัวเราเอง ทุกข์ หรือ สุข อยู่
ถ้าผมจะเปรียบ ความสุข ก็เหมือนอยู่บนสวรรค์ เมื่อมีทุกข์ ก็เหมือนอยู่ในนรก จะถูกรึเปล่า
แต่มีคราวนึง ที่ผมได้รู้สึกว่าตัวผมเองได้รู้จักนรกแบบหนึ่ง มันเป็นรูปแบบง่ายๆ ที่บังเอิญได้มองเห็น เรื่องก็มีอยู่ว่า วันหนึ่ง คนสนิทของผม ป่วย ซึ่งการรักษานั้นเกี่ยวกับการผ่าตัดซึ่งทำให้ผมรู้สึกว่ามันไม่ง่ายนัก ต้องไปหาหมอ ซึ่งผมไปด้วย ในตัวผมเต็มไปด้วยความรู้สึก รู้สึกร้อนรน กลัว เป็นห่วง เครียด คิดมาก วุ่นวายใจ นอนไม่หลับ ปวดหัว และรวมถึงหวัดเล็กๆ และก็ไปที่โรงพยาบาล ที่ดีมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง แถวนานา โรงพยาบาล เป็นสถานที่ตกแต่งสวยมาก ห้องต่างๆก็ดูสวยดี ถ้าเทียบกับบ้านผมเป็นตึกแถวง่ายๆ โรงพยาบาลนี้ก็ถือว่าสวยกว่ามากราว สวรรค์กับ บ้านที่อยู่บนพื้นดินธรรมดา แล้วก็ได้เวลาเข้าไปพบหมอ ผมก็ยังคงเข้าไปด้วยความรู้สึกที่ร้อนรนที่ยังคงอยู่ แต่มีช่วงนึงที่ หมอ จะต้องตรวจคนไข้โดยปิดม่าน ทำให้ผมได้นั่งอยู่คนเดียว ด้วยความบังเอิญผมจึงเงยหน้าขึ้นมองเพดาน แล้วก็นิ่ง คิดกับตัวเองว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน แล้วทำไมผมรู้สึกแย่ขนาดนี้ ผมก็ตอบตัวเองว่า ผมอยู่ในโรงพยาบาล ที่หรู สวยงาม หมอก็เก่ง แต่ทำไมผมรู้สึกแย่ขนาดนี้ และคิดกับตัวเองต่อ เหมือนผมอยู่ในนรกเลย ผมก็เลยเริ่มมองไปรอบๆห้อง เห็นโต๊ะทำงานหมอ เห็นเอกสาร เห็นรูปภายในร่างกายคน เห็นกำแพงห้อง เห็นหลอดไฟสว่าง และผมก็คิดได้ว่า ใช่ ที่นี่ ถึงแม้มันจะสวยแค่ไหน มันเป็นที่ที่ผมไม่อยากมาเลย เพราะผมมาโรงพยาบาลหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งเป็นเพราะว่ามีคนที่ผมรัก ไม่สบาย แต่ผมยังคงยอมรับว่า โรงพยาบาล เป็นสถานที่ที่ช่วยเหลือคนป่วยได้ดีที่สุด แต่จะดีกว่ามาก ถ้าร่างกายเราแข็งแรงดีและไม่ต้องไปโรงพยาบาล หลังจากคิด และรอได้สักพัก ก็ตรวจเสร็จ นั่งคุยกับหมอต่อ ทุกอย่างก็ดำเนินต่อไปตามที่มันจะเป็น ทุกอย่างเป็นไปได้ดี
แต่นี่คือวินาทีที่ผมได้มองเห็น สถานที่สวยงามมากราวสวรรค์ แต่ผมกลับทุกข์ร้อนมากมายราวกับอยู่ในนรก
ซึ่งเมื่อผมคิดได้อย่างนี้ ผมอยากที่จะคิดค้นหาต่อ ใน เมื่อผมได้สัมผัสมองเห็นความรู้สึกทุกข์แบบนรกแล้ว ผมจะไม่หาความสุขแบบสวรรค์ได้อย่างไร 555 ผมไม่อยากได้นรกสักหน่อย ผมต้องการสวรรค์ต่างหาก
ผมเลยมองหาเวลาที่ผมมีความสุขมากๆ ผมก็มองหาไปที่ต่างๆ สิ่งต่างๆที่ผมได้ทำ ผมมองถึงตอนที่ผมทำความสำเร็จเกี่ยวกับ หาเงินหาทองได้แบบน่าดีใจสุดๆ หรือสวรรค์ ของผมคือสิ่งนี้ อืม ตอนแรกที่ได้ ใช่ผมดีใจมาก มากๆ อิ่มใจ ตัวเราเก่งว่ะ ทุกคนใกล้ตัวก็ดีใจไปกับเรา เอ แต่พอเวลาผ่านไป สักอาทิตย์ 55 เราเก่งน่านี่ที่ทำสำเร็จ ผ่านไปเป็นเดือน อืม ชักเฉยๆแล้ว ผ่านไปครึ่งปี เออ มันก็ดีนะที่ทำสำเร็จ แต่มันก็แค่นั้นเอง และเราก็ต้องทำสิ่งอื่นๆต่อไป ดูมันเป็นสุขที่ไม่ยาวนานสักเท่าไหร่เลย ครึ่งปีก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว งั้นเอาเป็นตอนที่ ผมได้ซื้อของชิ้นใหญ่ ราคาแพง ดีกว่า อืม ยิ่งไปใหญ่เลย ตอนแรกก็ดีใจมาก แต่ ได้มาสักพักเลิกเห่อเลย แถมยังมานั่งคิดเสียเงินตั้งเยอะไปซื้อมาทำไมว่ะ 555
และก็มีสิ่งหนึ่งที่ผมได้มองเห็น ฉากหลักมันอยู่ในบ้านของผมเองแหละ ทุกๆอย่าง ทุกๆคน ทุกๆความห่วงใย ทุกๆการด่า ทุกๆการทะเลาะ ทุกๆการคิดถึง ทุกๆปัญหา ทุกๆการพูดจา ทุกๆการเล่น ทุกๆการเอาแต่ใจ ทุกๆสิ่งใหม่ที่เข้ามา ให้ทุกๆคนได้สัมผัสไปพร้อมๆกัน หรือ ที่คนอื่นเค้าเรียกกันว่า ความรัก และมันแปลกดีตรงที่ ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เมื่อผมย้อนกลับไปคิดถึง โดยรวมก็จะมีความสุขมาก แม้เรื่องนั้นจริงๆเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน แต่กลับมีความสุข ที่วันนั้นได้เกิดความไม่เข้าใจกันเป็นสีนึงในชีวิตผม และก็ได้ซึ้งใจในทุกๆครั้งที่คิดถึง และผมว่าสิ่งที่ผมรู้สึกสุขมากมายนี้คงไม่ต่างไปจากอยู่บนสวรรค์ แม้ว่าเราต่างอยู่ในบ้าน ธรรมดาบนพื้นดินธรรมดาไม่ได้ตกแต่งสวยอะไรมากมาย
แม้ในบ้านหลังเดียวกันนี้ เวลาที่มีปัญหา ทะเลาะกันบ้าง ผมก็ยอมรับว่า บางทีก็ทุกข์ร้อน บ้าง แต่แปลกที่พอเวลาผ่านไปเมื่อทำความเข้าใจได้ ปัญหาและทะเลาะ กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของความสุขโดยน่าอัศจรรย์ เมื่อคนเหล่านั้นคือ คนที่คุณรักและเค้ารักคุณ
และงานหนึ่งที่ผมทำอยู่ อย่างยาวนานหลายปี ก็คือ การเล่นหุ้น และการลงทุนในหุ้น และหลังจากที่ผมได้เห็น และแยก ความทุกข์ความสุขได้บ้าง ก็คงไม่แปลกอะไร ที่จะเอามาคิด ว่า ผมทุกข์ หรือสุข กับการเล่น และการลงทุนในหุ้นของผม เลยมองไปที่คำว่าความสำเร็จของสิ่งนี้ก่อน ผมว่าคนโดยส่วนใหญ่คงคิดว่า ความสำเร็จ คือได้เงิน ได้กำไร ยิ่งมากยิ่งดี ความล้มเหลว คือการขาดทุน ตอนแรกผมก็คิดเช่นนั้นไม่แตกต่างอะไร จนมาถึงวันนึง มีคนถามผมว่า ผมมีความผิดพลาดหรือล้มเหลว ในการลงทุนหรือไม่ ผมตอบว่า ถ้าจะมองว่าการขาดทุนเป็นความล้มเหลว ผมก็ขาดทุนจริงครับ โดยเฉพาะช่วงแรกๆที่ยังเล่นไม่เป็น และช่วงเล่นเก็งกำไร แต่อาจจะไม่มากนักแค่ไม่กี่หมื่น เพราะตอนนั้นก็ไม่ได้มีเงินลงมากมาย และก็พูดต่อว่า แต่ผมคิดว่า สิ่งที่ผมได้เห็นความล้มเหลว ในช่วงเวลานั้นก็คือ การที่ผมรู้สึกร้อนรนในตอนซื้อขายหุ้นตลอดเวลา การต้องคอยตาม ดัชนีตลาดทั้งในและต่างประเทศ ความเครียด ความกังวล ที่ต้องการซื้อขายหุ้น ผมว่าเหล่านี้ คือความล้มเหลวที่ผมได้เจอมาและต้องแก้ไข ดังนั้น จนวันนี้สิ่งที่ผมรู้สึกคือ เวลาที่ผมร้อนรนมากมาย ขนาดนั้นในตอนเล่นหุ้น ผมว่ามันก็ทำให้ผมทุกข์ร้อน คล้ายอยู่ในนรก และเมื่อทุกข์ผมว่ามันล้มเหลว
เลยดูเหมือนว่า คนส่วนใหญ่ ดูความสำเร็จ หรือล้มเหลว จากขาดทุนหรือกำไร หรือ เงิน แต่ผมว่าการที่เราจะดูความสำเร็จ หรือล้มเหลว จาก ความสุข และ ความทุกข์ ประกอบ ก็คงจะดีไม่ใช่น้อย
เงิน ข้างนอกเค้าพิมพ์เพิ่มขึ้นมาทุกวัน มีแต่ คนโง่ เท่านั้นที่จะเลือกเงิน และทิ้งโอกาสดีๆนี้ไป
*ประโยคจากเรื่อง chocolate factory ซึ่งมีเด็กคนนึงได้บัตรทอง1ใน5ใบ เพื่อเข้าชมโรงงานซึ่งไม่มีใครได้เข้าไปนานมากแล้ว และมีคนที่พร้อมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อบัตรทองใบนี้
แยกแยะ ทุกข์ และ สุข
- mario
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 720
- ผู้ติดตาม: 0
แยกแยะ ทุกข์ และ สุข
โพสต์ที่ 2
คุณ areliang ชอบศึกษาธรรมะหรือเปล่าครับ
อ่านหลายๆบทความแล้ว เขียนแนว "การลงทุนวิธีพุทธ" ได้ดีนะครับ
อ่านแล้วชอบ เป็นกำลังใจให้ครับ
อ่านหลายๆบทความแล้ว เขียนแนว "การลงทุนวิธีพุทธ" ได้ดีนะครับ
อ่านแล้วชอบ เป็นกำลังใจให้ครับ
The basic ideas of investing are to look at stocks as business,
use the market's fluctuations to your advantage,
and seek a margin of safety.
Investing is not about big returns ,it's about safety of principal and satisfactory returns.
use the market's fluctuations to your advantage,
and seek a margin of safety.
Investing is not about big returns ,it's about safety of principal and satisfactory returns.
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
แยกแยะ ทุกข์ และ สุข
โพสต์ที่ 3
หวัดดีครับอาเหลียง
เจอกันล่้าสุดที่รถใต้ดิน
ต่างคนต่างมีธุระ
ก็เลยไม่ไ้ดเจรจาต้าอ้วยกัน
เรื่องความสุข
ผมเคยฟังท่านพุทธทาสว่า
ท่านว่าความสุึขนี่ไม่ต้องใช้เงินซื้อครับ
ส่วนมากที่ต้องใช้เงินซื้อนี่มาจากพี่กิเลสเขานะ
ส่วนเรื่องทุกข์จากการร้อนรนเล่นหุ้น
ถ้าจริตของเราไม่เหมาะกับการเล่นเก็งกำไรก็อย่าไปฝืน
คงเอาดีได้ยาก
แต่ในชีิวิตที่ผมเห็นมา
คนที่จริตเหมาะกับการเล่นเก็งกำไรก็มีอยู่
พวกนี้ไม่ใช่เขาไม่เครียดไม่ทุกข์
แต่เขามีวิธีจัดการได้
เจอกันล่้าสุดที่รถใต้ดิน
ต่างคนต่างมีธุระ
ก็เลยไม่ไ้ดเจรจาต้าอ้วยกัน
เรื่องความสุข
ผมเคยฟังท่านพุทธทาสว่า
ท่านว่าความสุึขนี่ไม่ต้องใช้เงินซื้อครับ
ส่วนมากที่ต้องใช้เงินซื้อนี่มาจากพี่กิเลสเขานะ
ส่วนเรื่องทุกข์จากการร้อนรนเล่นหุ้น
ถ้าจริตของเราไม่เหมาะกับการเล่นเก็งกำไรก็อย่าไปฝืน
คงเอาดีได้ยาก
แต่ในชีิวิตที่ผมเห็นมา
คนที่จริตเหมาะกับการเล่นเก็งกำไรก็มีอยู่
พวกนี้ไม่ใช่เขาไม่เครียดไม่ทุกข์
แต่เขามีวิธีจัดการได้
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า