ปวดฉี่.......
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 1
เมื่อคืนผมเกิดปวดฉี่ขึ้นมาขณะหลับสบายๆ
มองดูนาฬิกาก็ตีสามกว่าๆ
ด้วยความขี้เกียจ
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉี่
บอกว่ารอเดี๋ยวก็แล้วกันน่ายังง่วงอยู่
ให้เช้าก่อนแล้วค่อยลุกมาฉี่
เพราะถ้าลุกตอนนี้เดี๋ยวจะหายง่วง
ผมเป็นคนหลับยากซะด้วย
ถ้าหายง่วงแล้วก็นอนต่อยาก
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉี่
อาการปวดก็ยังคงอยู่
ปวดมากขึ้นบ้างน้อยลงบ้าง
ทนได้บ้างทนแทบไม่ได้บ้าง
แต่ทั้งหมดก็รวมๆว่ายังพอทนได้
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉี่
มองดูนาฬิกาก็ตีสามกว่าๆ
ด้วยความขี้เกียจ
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉี่
บอกว่ารอเดี๋ยวก็แล้วกันน่ายังง่วงอยู่
ให้เช้าก่อนแล้วค่อยลุกมาฉี่
เพราะถ้าลุกตอนนี้เดี๋ยวจะหายง่วง
ผมเป็นคนหลับยากซะด้วย
ถ้าหายง่วงแล้วก็นอนต่อยาก
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉี่
อาการปวดก็ยังคงอยู่
ปวดมากขึ้นบ้างน้อยลงบ้าง
ทนได้บ้างทนแทบไม่ได้บ้าง
แต่ทั้งหมดก็รวมๆว่ายังพอทนได้
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉี่
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 2
หลับไปพักหนึ่งก็ไม่ปวดอีก
ก็หลับแล้วจะรู้สึกปวดได้อย่างไร
ก็สบายแล้ว
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉี่
แล้วก็กลายเป็นปวดมากจนปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีก
ดูนาฬิกาก็ตีสี่
ยังไม่ถึงเวลาตื่นอยู่ดี
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉี่
ก็พยายามหาวิธีแก้ความปวด
เมื่อกี้แก้โดยการหลับ
อาการปวดก็หายไป
ตอนนี้ไม่หลับแล้ว
ก็แก้โดยการสะกดตัวเองว่าไม่ปวดๆๆๆๆ
สักพักก็หายไป
หายไปเพราะมัวไปคิดเรื่องอื่นทำเรื่องอื่น
เมื่ออาการปวดหายไป
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉี่
ก็หลับแล้วจะรู้สึกปวดได้อย่างไร
ก็สบายแล้ว
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉี่
แล้วก็กลายเป็นปวดมากจนปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีก
ดูนาฬิกาก็ตีสี่
ยังไม่ถึงเวลาตื่นอยู่ดี
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉี่
ก็พยายามหาวิธีแก้ความปวด
เมื่อกี้แก้โดยการหลับ
อาการปวดก็หายไป
ตอนนี้ไม่หลับแล้ว
ก็แก้โดยการสะกดตัวเองว่าไม่ปวดๆๆๆๆ
สักพักก็หายไป
หายไปเพราะมัวไปคิดเรื่องอื่นทำเรื่องอื่น
เมื่ออาการปวดหายไป
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉี่
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 3
แต่ความปวดไม่เชื่อฟังเอาซะเลย
สะกดก็แล้ว
ไม่สนใจก็แล้ว
ขอร้องก็แล้ว
ก็ยังปวดอีก
จึงตัดสินใจลุกขึ้นมาฉี่
เฮ้อ........หายปวดซะที
ลงทุนเดินมาเข้าห้องน้ำสามก้าวก็ถึงแล้ว
และหายปวดเป็นปลิดทิ้ง
ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ
ทนปวดอยู่ 2-3 ชั่วโมงไปทำไม
ลงทุนแค่เดินนิดเดียวก็แก้ปัญหาได้หมดแล้ว
มีใครเคยเป็นแบบผมบ้างครับ
แก้ปัญหาตามอารมณ์ ตามความคิด ตามความ(ที่คิดเองว่า)เข้าใจ
ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง
ยิ่งแก้ยิ่งเปลือง
เพราะไม่ยอมแก้ด้วยปัญญา
เมื่อทุกข์ก็ต้องดับทุกข์สิ
ถึงจะถูก
สะกดก็แล้ว
ไม่สนใจก็แล้ว
ขอร้องก็แล้ว
ก็ยังปวดอีก
จึงตัดสินใจลุกขึ้นมาฉี่
เฮ้อ........หายปวดซะที
ลงทุนเดินมาเข้าห้องน้ำสามก้าวก็ถึงแล้ว
และหายปวดเป็นปลิดทิ้ง
ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ
ทนปวดอยู่ 2-3 ชั่วโมงไปทำไม
ลงทุนแค่เดินนิดเดียวก็แก้ปัญหาได้หมดแล้ว
มีใครเคยเป็นแบบผมบ้างครับ
แก้ปัญหาตามอารมณ์ ตามความคิด ตามความ(ที่คิดเองว่า)เข้าใจ
ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง
ยิ่งแก้ยิ่งเปลือง
เพราะไม่ยอมแก้ด้วยปัญญา
เมื่อทุกข์ก็ต้องดับทุกข์สิ
ถึงจะถูก
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 4
สมัยอยู่ประถมผมเคยเห็นไฟไหม้บ้านครั้งใหญ่(ไม่ใช่บ้านผมนะ)
บ้านวอดวายไปหลายหลัง
ทุกคนอลเวงขนข้าวขนของพะรุงพะรังวุ่นวายไปหมด
เพราะเสียดายข้าวของ
ไฟก็ลามไปเรื่อยๆ
ไหม้ไปเรื่อย เพราะไม่มีคนดับไฟ
จนกระทั่งรถดับเพลิงมาถึง(หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง)
การเริ่มต้นดับไฟจึงเกิดขึ้นอย่างจริงจัง
ไฟจึงค่อยๆสงบลง
การสูญเสียจึงยุติลงเพียงเท่านั้น
ไม่มากกว่านั้นอีก
ไฟไหม้ก็ต้องดับที่ไฟ
มีทุกข์ก็ต้องดับทุกข์
ไม่ว่าจะทุกข์หนักหรือทุกข์เบาก็ใช้วิธีเดียวกัน
นี่เขาสอนมาอย่างนี้
ทำไมผมไม่รู้จักจำ
บ้านวอดวายไปหลายหลัง
ทุกคนอลเวงขนข้าวขนของพะรุงพะรังวุ่นวายไปหมด
เพราะเสียดายข้าวของ
ไฟก็ลามไปเรื่อยๆ
ไหม้ไปเรื่อย เพราะไม่มีคนดับไฟ
จนกระทั่งรถดับเพลิงมาถึง(หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง)
การเริ่มต้นดับไฟจึงเกิดขึ้นอย่างจริงจัง
ไฟจึงค่อยๆสงบลง
การสูญเสียจึงยุติลงเพียงเท่านั้น
ไม่มากกว่านั้นอีก
ไฟไหม้ก็ต้องดับที่ไฟ
มีทุกข์ก็ต้องดับทุกข์
ไม่ว่าจะทุกข์หนักหรือทุกข์เบาก็ใช้วิธีเดียวกัน
นี่เขาสอนมาอย่างนี้
ทำไมผมไม่รู้จักจำ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 5
แต่ เอ๊ะ..............
เมื่อคืนผมก็ดับทุกข์แล้วนี่
ปวดฉี่ผมก็พยายามทำให้หายปวด
ทั้งสะกดไว้ทั้งเพิกเฉยตั้งหลายวิธี
ก็ผมมีอาการปวดท้องฉี่
ปวดที่ไหนก็แก้ที่นั่น
เกิดที่ตาก็ดับที่ตา
เกิดที่หูก็ดับที่หู
เกิดทีท้องฉี่ก็ต้องดับที่ท้องฉี่
ทำไมมันไม่ดับ
ทีดับไฟยังแก้โดยการเอาน้ำไปราดไฟ
แล้วไฟก็ดับ
ทำไมไม่เหมือนกัน
เมื่อคืนผมก็ดับทุกข์แล้วนี่
ปวดฉี่ผมก็พยายามทำให้หายปวด
ทั้งสะกดไว้ทั้งเพิกเฉยตั้งหลายวิธี
ก็ผมมีอาการปวดท้องฉี่
ปวดที่ไหนก็แก้ที่นั่น
เกิดที่ตาก็ดับที่ตา
เกิดที่หูก็ดับที่หู
เกิดทีท้องฉี่ก็ต้องดับที่ท้องฉี่
ทำไมมันไม่ดับ
ทีดับไฟยังแก้โดยการเอาน้ำไปราดไฟ
แล้วไฟก็ดับ
ทำไมไม่เหมือนกัน
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 6
มันมาดับตอนที่ผมไปแก้สาเหตุต่างหาก
มันปวดท้องฉี่เพราะมีฉี่เต็มท้อง
ฉี่เต็มท้องเป็นสาเหตุ
พอเอาฉี่ออกมันก็หายปวด
อ้าวก็ไหนพูดกันมานานว่า
มีทุกข์ให้ดับทุกข์
ที่ถูกควรจะเป็น
มีทุกข์ให้ดับสาเหตุของความทุกข์ ไม่ใช่หรือ
อย่างปวดท้องฉี่
ก็ลุกไปฉี่
อ้าว.......แล้วเรื่องไฟไหม้ล่ะ
ไฟไหม้เราเอาน้ำไปราด
แต่เราไม่ได้ราดตรงไฟ
เพราะราดตรงไฟมันไม่ดับหรอก
เราราดตรงไม้ต่างหาก
ตรงไม้ที่เป็นเชื้อไฟนั่นแหละ
หรืออะไรก็ตามที่เป็นเชื้อไฟ เป็นสาเหตุของการเกิดไฟ
นี่เห็นไหมเราดับที่สาเหตุต่างหาก
มันปวดท้องฉี่เพราะมีฉี่เต็มท้อง
ฉี่เต็มท้องเป็นสาเหตุ
พอเอาฉี่ออกมันก็หายปวด
อ้าวก็ไหนพูดกันมานานว่า
มีทุกข์ให้ดับทุกข์
ที่ถูกควรจะเป็น
มีทุกข์ให้ดับสาเหตุของความทุกข์ ไม่ใช่หรือ
อย่างปวดท้องฉี่
ก็ลุกไปฉี่
อ้าว.......แล้วเรื่องไฟไหม้ล่ะ
ไฟไหม้เราเอาน้ำไปราด
แต่เราไม่ได้ราดตรงไฟ
เพราะราดตรงไฟมันไม่ดับหรอก
เราราดตรงไม้ต่างหาก
ตรงไม้ที่เป็นเชื้อไฟนั่นแหละ
หรืออะไรก็ตามที่เป็นเชื้อไฟ เป็นสาเหตุของการเกิดไฟ
นี่เห็นไหมเราดับที่สาเหตุต่างหาก
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 7
ที่จริงเขาไม่ได้สอนผิดหรอก
ที่ว่ามีทุกข์ก็ดับทุกข์
คือเขาพูดรวมๆ
แต่เราไปตีความเอาเองแล้วเอามาปฏิบัติแบบเถรตรงไปหน่อย
ภาคทฤษฎีเขาก็ต้องพูดให้กระชับ
ภาคปฏิบัติก็ต้องทำแบบมีศิลปะ
ในทางปฏิบัติจริง
ถ้าจะดับทุกข์ก็ต้องดับที่สาเหตุของทุกข์
อ๊ะๆ.........แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างล้วนมีเหตุให้เกิดทั้งสิ้น
ทั้งเหตุที่เรารู้และเราไม่รู้
แต่ไม่รู้กับไม่มีเป็นคนละเรื่องกัน
อย่างเช่นพอเราจะเริ่มดับเหตุแห่งทุกข์
เราไปดับตรงๆไม่ได้
เพราะจะเข้าทำนองเดิมที่เกิดทุกข์แล้วจะดับทุกข์
ถ้าจะดับเหตุแห่งทุกข์
เราต้องดับที่สาเหตุของสาเหตุแห่งทุกข์
ที่ว่ามีทุกข์ก็ดับทุกข์
คือเขาพูดรวมๆ
แต่เราไปตีความเอาเองแล้วเอามาปฏิบัติแบบเถรตรงไปหน่อย
ภาคทฤษฎีเขาก็ต้องพูดให้กระชับ
ภาคปฏิบัติก็ต้องทำแบบมีศิลปะ
ในทางปฏิบัติจริง
ถ้าจะดับทุกข์ก็ต้องดับที่สาเหตุของทุกข์
อ๊ะๆ.........แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างล้วนมีเหตุให้เกิดทั้งสิ้น
ทั้งเหตุที่เรารู้และเราไม่รู้
แต่ไม่รู้กับไม่มีเป็นคนละเรื่องกัน
อย่างเช่นพอเราจะเริ่มดับเหตุแห่งทุกข์
เราไปดับตรงๆไม่ได้
เพราะจะเข้าทำนองเดิมที่เกิดทุกข์แล้วจะดับทุกข์
ถ้าจะดับเหตุแห่งทุกข์
เราต้องดับที่สาเหตุของสาเหตุแห่งทุกข์
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 8
โอย......อย่างนี้จะไม่เป็นพลวัตไม่มีสิ้นสุดหรอกหรือ
เกิด 1 จะดับที่ 1 ไม่ได้ให้ไปดับที่ 2
เพราะ 2 เป็นสาเหตุของ 1
ครั้นจะวิ่งไปดับ 2 ก็บอกว่าดับที่ 2ไม่ได้
ให้ไปดับที่ 3 เพราะ 3 ต่างหากที่เป็นสาเหตุของ 2
แล้วจะไม่เกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ไปเรื่อยๆ
จนเราต้องวิ่งไปดับที่ 1,000,000 หรอกหรือ
คำตอบคือใช่ ถ้าจะดับเรื่องที่ 999,999 ก็ต้องไปดับเรื่องที่ 1,000,000
เพราะเรื่องที่ 1,000,000 เป็นสาเหตุของเรื่องที่ 999,999 นั่นเอง
โหแล้วอย่างนี้ก็ไม่มีทางทำได้เลยสิ
เพราะตัวเลขที่ 1,000,000 ก็ยังไม่ใช่ตัวเลขสุดท้ายที่มากที่สุด
มันมีเป็นอินฟินิตี้เลยนี่นา แปลว่าไม่มีทางทำได้เลยในทางปฏิบัติจริง
ไม่ใช่............
สาเหตจะมีมากมายเป็นลูกโซ่ยาวไกลแค่ไหนก็ตาม
ท่านบอกว่าแก้ได้ง่ายๆด้วยคำว่า รู้ คำเดียว
ท่านบอกมาอย่างนี้ ผมเชื่อนะครับ
ผมเชื่อว่า รู้ คำเดียวสั้นๆนี่แหละที่แก้สาเหตุแห่งปัญหาต่างๆได้
แล้วเพื่อนๆ ว่าอย่างไรครับ......
เกิด 1 จะดับที่ 1 ไม่ได้ให้ไปดับที่ 2
เพราะ 2 เป็นสาเหตุของ 1
ครั้นจะวิ่งไปดับ 2 ก็บอกว่าดับที่ 2ไม่ได้
ให้ไปดับที่ 3 เพราะ 3 ต่างหากที่เป็นสาเหตุของ 2
แล้วจะไม่เกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ไปเรื่อยๆ
จนเราต้องวิ่งไปดับที่ 1,000,000 หรอกหรือ
คำตอบคือใช่ ถ้าจะดับเรื่องที่ 999,999 ก็ต้องไปดับเรื่องที่ 1,000,000
เพราะเรื่องที่ 1,000,000 เป็นสาเหตุของเรื่องที่ 999,999 นั่นเอง
โหแล้วอย่างนี้ก็ไม่มีทางทำได้เลยสิ
เพราะตัวเลขที่ 1,000,000 ก็ยังไม่ใช่ตัวเลขสุดท้ายที่มากที่สุด
มันมีเป็นอินฟินิตี้เลยนี่นา แปลว่าไม่มีทางทำได้เลยในทางปฏิบัติจริง
ไม่ใช่............
สาเหตจะมีมากมายเป็นลูกโซ่ยาวไกลแค่ไหนก็ตาม
ท่านบอกว่าแก้ได้ง่ายๆด้วยคำว่า รู้ คำเดียว
ท่านบอกมาอย่างนี้ ผมเชื่อนะครับ
ผมเชื่อว่า รู้ คำเดียวสั้นๆนี่แหละที่แก้สาเหตุแห่งปัญหาต่างๆได้
แล้วเพื่อนๆ ว่าอย่างไรครับ......
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 11
ตื่นนอนเช้านี้ผมดับสาเหตุแห่งทุกข์แล้วเหมือนกัน
ก่อนจิบกาแฟอย่างสบายใจ :lol:
ก่อนจิบกาแฟอย่างสบายใจ :lol:
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 12
หมอศรรามเป็นหมอ ย่อมเข้าใจดีเรื่องการรักษาคนไข้
ต้องดูที่พื้นฐานของโรค ประกอบกะพื้นฐานของคนไข้ไปด้วย
เช่น โรคที่เป็นคืออะไร มันมาจากอะไร และเช่น คนไข้มีพื้นฐานร่างกายเป็นอย่างไร แพ้ยาอะไร ถูกกะยาอะไร เช่น เด็กกินยาน้ำง่าย กินยาเม็ดลำบาก เป็นต้น
ประมาณนี้ จิงบ่ อิอิ
คนบางคน(ว่าไปคงหลายคน) ไม่ถูกโฉลกกะวิธีรักษาโรคทางใจ ด้วยการสะกดกั้น เขาอาจเติบโตมากับการโหยหาการปลดปล่อย
ดังนั้น ถ้าไปสะกดไว้ จะยิ่งไปกันใหญ่ เสียเวลารักษา หลงทางเปล่าๆปลี้ๆ บางทีเป็นการสะสมเชื้อโรคด้วยซ้ำไปน่ะค่ะ
ตามความเห็นโดยส่วนตัว ไม่เห็นด้วยกะวิธีการสะกัดกั้น หรือการวางปัญหาซุกไว้ใต้พรมแบบนั้น
การตามดู ตามรู้ เป็นวิธีที่เฉียบขาด แต่นุ่มนวล แนบเนียนจนคนไข้ใจนั้นๆ อาจไม่รู้สึกว่ากำลังถูกรักษาอยู่
แนะนำอ่าน "สปาอารมณ์" emotional willness โดย โอโช
แปลโดย ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด
ไม่แน่ใจว่ายังมีวางแผงมั้ย แต่ตั้งใจหาหน่อยคงพอหาได้ ยังไม่เก่ามาก เพิ่งออกปลายปีที่แล้วนี่เอง
ประโยคนึงในหนังสือ ที่ดิฉันอ่านแล้ว ตีแตกดังเพี้ยะในหัวสมอง ประมาณว่า
" ความโกรธ คือ ความเศร้าที่แอ๊คทีฟ ,ความเศร้า คือ ความโกรธที่ไม่แอ๊คทีฟ มันไม่ใช่สองส่วนที่แยกออกจากกัน "
ดังนั้น หมายถึง คนจะแสดงว่าโกรธออกมา คือมันเศร้ากดไว้แล้วระเบิดออก เศร้านี่คืออะไรก็ได้ เช่น คือไม่ชอบเลย มาทำงี้กะฉันได้ไง แต่ฉันก็สู้อดทนไม่แสดงความโกรธใส่เธอ มาตั้งสองปี (หรือตั้งสองนาที สองวินาที ก็ว่าไป)
ส่วนเศร้า มันเป็นอีกด้านนึงของเหรียญ ..เฮ้ย ทำงี้ ฉันโกรธว่ะ หรือว่า ไม่พอใจน่ะ แต่กดไว้ ไม่แสดงโกรธออกมาข้างนอก สะสมไปเรื่อยๆดูสิ ...มันจะแปรรูปเป็นเศร้า ...เศร้าๆๆๆ แปรรูปไป...แค้นๆๆๆ...วนกลับมาวงจร เศร้าระเบิดเป็นโกรธ....อยู่ดีน่ะละ
แต่การรักษาด้วยการ ยิงเลเซอร์ "รู้" เข้าไปที่เป้าหมายที่ปรากฏ เป็นวิธีกำจัดตัวแสบออกไปได้อย่างแนบเนียน ทีละน้อย
จนเมื่อ ฝึก "รู้" ได้เร็วขึ้น ว่องไวในการ "รู้" ได้ดีขึ้น
ความผันผวนของ อารมณ์ จะค่อยๆน้อยลง และ ค่อยๆ สั้นลง
เช่น...
เริ่มจะโกรธ เอา "รู้" จับปั๊งไปที่เป้าหมาย "ความโกรธ" จะเหมือนเอ็มแอนด์เอ็ม ที่ละลายในปาก ไม่ละลายในมือ (จะเล่นมุขทำไมเนี่ย 555)
ถ้าไปกำมันไว้ ไม่ละลาย ต้องกลืนมันเลย มันจะละลาย อิอิ
วิธีนี้ (หรือวิธีไหนๆ) จะต้องมีพลาดบ้าง เพราะมันจะมีบางอันจับไม่ทัน มันพุ่งมาแรง เร็ว เป้าหมายเคลื่อนที่มาก หรือรุนแรงเกินกว่า เลเซอร์ "รู้" จะยิงได้โดนตัวมันในทันที
เช่น ช้ากว่าอารมณ์ที่เกิดไปสองวัน หรือสองนาที สองชั่วโมง แต่ยังไงก็จะจับได้ อาจจะช้าไปหน่อย แต่จับได้
ฝึกจับไปเรื่อยๆ จะทำได้เร็วขึ้น
ฝึกจากอารมณ์ปกติไปเรื่อยๆ อาจจะเริ่มจากฝึกให้เคยชิน ด้วยการมีสติจับที่กายก่อน
การจับกาย ง่ายกว่าจับอารมณ์
ยิง "รู้" ไปที่ทุกการกระทำ ...ยกมือ "รู้"...วางมือ "รู้" ...หยิบแก้ว "รู้"
ทำเรื่อยๆ ตลอดเวลาที่นึกขึ้นได้ว่าต้องทำ ...จะค่อยๆเคยชิน และจะสมู้ดขึ้นเรื่อยๆ
การฝึกยิง "รู้" ไปที่ "อารมณ์" เปรียบเหมือนการ ฝึกยิงเป้าบิน
มันยากกว่า การยิงเป้านิ่งทั่วไป แต่จะสนุก (ถ้าเราเห็นว่ามันสนุก มันก็สนุกละน่า อิอิ)
ทีนี้...ถ้าเราจะฝึกยิงเป้าบิน แล้วเราไม่ปล่อยเป้าให้บินออกไป จะฝึกยิงจากอะไรได้เล่า
ยิงลม มันก็ได้ลมเน้อ แม่นบ่อ้าย....
ต้องดูที่พื้นฐานของโรค ประกอบกะพื้นฐานของคนไข้ไปด้วย
เช่น โรคที่เป็นคืออะไร มันมาจากอะไร และเช่น คนไข้มีพื้นฐานร่างกายเป็นอย่างไร แพ้ยาอะไร ถูกกะยาอะไร เช่น เด็กกินยาน้ำง่าย กินยาเม็ดลำบาก เป็นต้น
ประมาณนี้ จิงบ่ อิอิ
คนบางคน(ว่าไปคงหลายคน) ไม่ถูกโฉลกกะวิธีรักษาโรคทางใจ ด้วยการสะกดกั้น เขาอาจเติบโตมากับการโหยหาการปลดปล่อย
ดังนั้น ถ้าไปสะกดไว้ จะยิ่งไปกันใหญ่ เสียเวลารักษา หลงทางเปล่าๆปลี้ๆ บางทีเป็นการสะสมเชื้อโรคด้วยซ้ำไปน่ะค่ะ
ตามความเห็นโดยส่วนตัว ไม่เห็นด้วยกะวิธีการสะกัดกั้น หรือการวางปัญหาซุกไว้ใต้พรมแบบนั้น
การตามดู ตามรู้ เป็นวิธีที่เฉียบขาด แต่นุ่มนวล แนบเนียนจนคนไข้ใจนั้นๆ อาจไม่รู้สึกว่ากำลังถูกรักษาอยู่
แนะนำอ่าน "สปาอารมณ์" emotional willness โดย โอโช
แปลโดย ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด
ไม่แน่ใจว่ายังมีวางแผงมั้ย แต่ตั้งใจหาหน่อยคงพอหาได้ ยังไม่เก่ามาก เพิ่งออกปลายปีที่แล้วนี่เอง
ประโยคนึงในหนังสือ ที่ดิฉันอ่านแล้ว ตีแตกดังเพี้ยะในหัวสมอง ประมาณว่า
" ความโกรธ คือ ความเศร้าที่แอ๊คทีฟ ,ความเศร้า คือ ความโกรธที่ไม่แอ๊คทีฟ มันไม่ใช่สองส่วนที่แยกออกจากกัน "
ดังนั้น หมายถึง คนจะแสดงว่าโกรธออกมา คือมันเศร้ากดไว้แล้วระเบิดออก เศร้านี่คืออะไรก็ได้ เช่น คือไม่ชอบเลย มาทำงี้กะฉันได้ไง แต่ฉันก็สู้อดทนไม่แสดงความโกรธใส่เธอ มาตั้งสองปี (หรือตั้งสองนาที สองวินาที ก็ว่าไป)
ส่วนเศร้า มันเป็นอีกด้านนึงของเหรียญ ..เฮ้ย ทำงี้ ฉันโกรธว่ะ หรือว่า ไม่พอใจน่ะ แต่กดไว้ ไม่แสดงโกรธออกมาข้างนอก สะสมไปเรื่อยๆดูสิ ...มันจะแปรรูปเป็นเศร้า ...เศร้าๆๆๆ แปรรูปไป...แค้นๆๆๆ...วนกลับมาวงจร เศร้าระเบิดเป็นโกรธ....อยู่ดีน่ะละ
แต่การรักษาด้วยการ ยิงเลเซอร์ "รู้" เข้าไปที่เป้าหมายที่ปรากฏ เป็นวิธีกำจัดตัวแสบออกไปได้อย่างแนบเนียน ทีละน้อย
จนเมื่อ ฝึก "รู้" ได้เร็วขึ้น ว่องไวในการ "รู้" ได้ดีขึ้น
ความผันผวนของ อารมณ์ จะค่อยๆน้อยลง และ ค่อยๆ สั้นลง
เช่น...
เริ่มจะโกรธ เอา "รู้" จับปั๊งไปที่เป้าหมาย "ความโกรธ" จะเหมือนเอ็มแอนด์เอ็ม ที่ละลายในปาก ไม่ละลายในมือ (จะเล่นมุขทำไมเนี่ย 555)
ถ้าไปกำมันไว้ ไม่ละลาย ต้องกลืนมันเลย มันจะละลาย อิอิ
วิธีนี้ (หรือวิธีไหนๆ) จะต้องมีพลาดบ้าง เพราะมันจะมีบางอันจับไม่ทัน มันพุ่งมาแรง เร็ว เป้าหมายเคลื่อนที่มาก หรือรุนแรงเกินกว่า เลเซอร์ "รู้" จะยิงได้โดนตัวมันในทันที
เช่น ช้ากว่าอารมณ์ที่เกิดไปสองวัน หรือสองนาที สองชั่วโมง แต่ยังไงก็จะจับได้ อาจจะช้าไปหน่อย แต่จับได้
ฝึกจับไปเรื่อยๆ จะทำได้เร็วขึ้น
ฝึกจากอารมณ์ปกติไปเรื่อยๆ อาจจะเริ่มจากฝึกให้เคยชิน ด้วยการมีสติจับที่กายก่อน
การจับกาย ง่ายกว่าจับอารมณ์
ยิง "รู้" ไปที่ทุกการกระทำ ...ยกมือ "รู้"...วางมือ "รู้" ...หยิบแก้ว "รู้"
ทำเรื่อยๆ ตลอดเวลาที่นึกขึ้นได้ว่าต้องทำ ...จะค่อยๆเคยชิน และจะสมู้ดขึ้นเรื่อยๆ
การฝึกยิง "รู้" ไปที่ "อารมณ์" เปรียบเหมือนการ ฝึกยิงเป้าบิน
มันยากกว่า การยิงเป้านิ่งทั่วไป แต่จะสนุก (ถ้าเราเห็นว่ามันสนุก มันก็สนุกละน่า อิอิ)
ทีนี้...ถ้าเราจะฝึกยิงเป้าบิน แล้วเราไม่ปล่อยเป้าให้บินออกไป จะฝึกยิงจากอะไรได้เล่า
ยิงลม มันก็ได้ลมเน้อ แม่นบ่อ้าย....
-
- Verified User
- โพสต์: 439
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 15
เคยเป็นค่ะ
ระหว่างที่เลือกว่าจะลุกขึ้นหรือนอนต่อ จะนึกย้อนไปที่ตอนก่อนนอนว่ากินน้ำมากหรือเปล่า ถ้าไม่มากก็นอนต่อ ถ้านึกได้ว่ากินไมโล หรือกินน้ำหลังมื้อดึก ก็จะลุกขึ้น ทั้งๆที่ความปวดเท่ากันค่ะ
เคยได้ยินแต่ "ทุกข์มีไว้ให้เห็น" ไม่ใช่หรือคะ
ระหว่างที่เลือกว่าจะลุกขึ้นหรือนอนต่อ จะนึกย้อนไปที่ตอนก่อนนอนว่ากินน้ำมากหรือเปล่า ถ้าไม่มากก็นอนต่อ ถ้านึกได้ว่ากินไมโล หรือกินน้ำหลังมื้อดึก ก็จะลุกขึ้น ทั้งๆที่ความปวดเท่ากันค่ะ
เคยได้ยินแต่ "ทุกข์มีไว้ให้เห็น" ไม่ใช่หรือคะ
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 16
เค้าถึงเรียกห้องน้ำว่า "สุขา" ไงครับnanchan เขียน:กำลังปวดฉี่พอดี จะไปดับทุกข์ซะหน่อย
ยังงงอยู่ทำไมถึงบอกว่าดับทุกข์
ปวดฉี่แล้วเป็นทุกข์เหรอ
แต่ทำไมฉี่ออกแล้วเป็นสุขหละ
ทุกข์จากการปวดฉี่
ภาษาธรรมะคงเรียกสภาวะที่ปวดฉี่ว่า "วิภวตัณหา" (ความไม่อยากมี ไม่อยากเป็น) ไม่อยากปวดฉี่ อยากอยู่ในสภาพที่ไม่ปวดฉี่
พอปลดปล่อยสมอยากแล้วจิตก็คลาย ปล่อยวางตัว "วิภวตัณหา"
เกิดสภาวะที่เรียกว่า "สุข" (ในภาษาไทย)
ในทางธรรมมะ "สุข" (ในภาษาไทย) ก็ยังเป็น "ทุกข์"
"ทุกข์" ในภาษาไทย กับภาษาธรรมมะ ความหมายก็ไม่เหมือนกัน
เอ้า...เขียนเอง งงเอง
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 2938
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 17
HVI ใกล้บรรลุโสดาบันแล้ว
ผมว่าวิธีตัดปัญหา คือตัดที่ต้นเหตุแห่งทุกข์
ดังนั้น
ผมเสนอดังนี้ครับ
ตัดออก แล้วต่อท่อแทน ก๊อกเปิดปิด อาจจะไม่รู้สึกปวดฉี่ 555
ทุกข์ไม่ได้อยู่ที่ปวดฉี่ ฉี่เสร็จก็ไม่ได้เกี่ยวกะสุข
สุขทุกข์ เกิดจากใจทั้งสิ้น เมื่อใดคิดว่าสุขก็สุข
เมื่อใดคิดว่าทุกข์ก็ทุกข์
ปวดฉี่มาก็ฉี่ไป ไม่ปวดฉี่ก็ไม่ต้องฉี่ คิดมากทำไม
ธรรมชาติสร้างมา
ผมว่าวิธีตัดปัญหา คือตัดที่ต้นเหตุแห่งทุกข์
ดังนั้น
ผมเสนอดังนี้ครับ
ตัดออก แล้วต่อท่อแทน ก๊อกเปิดปิด อาจจะไม่รู้สึกปวดฉี่ 555
ทุกข์ไม่ได้อยู่ที่ปวดฉี่ ฉี่เสร็จก็ไม่ได้เกี่ยวกะสุข
สุขทุกข์ เกิดจากใจทั้งสิ้น เมื่อใดคิดว่าสุขก็สุข
เมื่อใดคิดว่าทุกข์ก็ทุกข์
ปวดฉี่มาก็ฉี่ไป ไม่ปวดฉี่ก็ไม่ต้องฉี่ คิดมากทำไม
ธรรมชาติสร้างมา
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 18
ก่อนอื่นขอกัดพี่หมอสักหน่อยครับว่า สงสัยเป็นอาการของต่อมลูกหมากโต และจะทำให้เกิดการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในเร็ววันนี้ 555
มาเข้าเรื่องที่พี่แพะทดสอบเชาว์ปัญญาของน้องๆดูนะครับ
ธรรมชาติของคน หลายครั้งก็คิดว่า การไม่ทำอะไรเลย เพราะคิดว่าปัญหามันจะหายไปเองนั้น.......บางครั้งก็ใช้ได้........แต่บางครั้งกลับเป็นการเพิ่มปัญหา......
แล้วมันต่างกันตรงไหน........
ชงว่ามันต่างกันตรงปัญญาของคนๆนั้น....ที่จะมีสติมองเห็นต้นเหตุและผลที่ตามมา.......
แต่ปัญญาอีกนั่นแหละว่า แล้วยังไม่มีปัญญาในเรื่องนั้นๆจะทำอย่างไร.........
ชงก็เรียนรู้ด้วยตัวเองว่า ถ้ายังไม่มีปัญญาในเรื่องนั้นๆ......ให้มองโลกในแง่ดีและความเป็นจริง........แง่ดีที่ว่า ปัญหาจะใหญ่หรือเล็ก ไม่ใช่ปัญหาเป็นตัวบอก แต่ขึ้นกับเรากำหนดขนาดมันขึ้นมาเองมากกว่า.......และเรื่องที่สองคือ .....เมื่อเราคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว......สุดท้ายจงวางปัญหานั้นลง.......ถ้าเราแก้ไขในตอนนั้นไม่ได้....
เหมือนพี่ตอนนี้ ถ้าเที่ยวไม่ได้.......ก็ต้องวางบ้างนะครับ 555
มาเข้าเรื่องที่พี่แพะทดสอบเชาว์ปัญญาของน้องๆดูนะครับ
ธรรมชาติของคน หลายครั้งก็คิดว่า การไม่ทำอะไรเลย เพราะคิดว่าปัญหามันจะหายไปเองนั้น.......บางครั้งก็ใช้ได้........แต่บางครั้งกลับเป็นการเพิ่มปัญหา......
แล้วมันต่างกันตรงไหน........
ชงว่ามันต่างกันตรงปัญญาของคนๆนั้น....ที่จะมีสติมองเห็นต้นเหตุและผลที่ตามมา.......
แต่ปัญญาอีกนั่นแหละว่า แล้วยังไม่มีปัญญาในเรื่องนั้นๆจะทำอย่างไร.........
ชงก็เรียนรู้ด้วยตัวเองว่า ถ้ายังไม่มีปัญญาในเรื่องนั้นๆ......ให้มองโลกในแง่ดีและความเป็นจริง........แง่ดีที่ว่า ปัญหาจะใหญ่หรือเล็ก ไม่ใช่ปัญหาเป็นตัวบอก แต่ขึ้นกับเรากำหนดขนาดมันขึ้นมาเองมากกว่า.......และเรื่องที่สองคือ .....เมื่อเราคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว......สุดท้ายจงวางปัญหานั้นลง.......ถ้าเราแก้ไขในตอนนั้นไม่ได้....
เหมือนพี่ตอนนี้ ถ้าเที่ยวไม่ได้.......ก็ต้องวางบ้างนะครับ 555
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 19
เมื่อคืนผมเกิดปวดฉี่ขึ้นมาขณะหลับสบายๆ
มองดูนาฬิกาก็ตีสามกว่าๆ
ด้วยความขี้เกียจ
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉี่
ใครก็เป็นครับ คืนไหนทานน้ำก่อนนอนเยอะกว่าปกติ
บอกว่ารอเดี๋ยวก็แล้วกันน่ายังง่วงอยู่
ให้เช้าก่อนแล้วค่อยลุกมาฉี่
เพราะถ้าลุกตอนนี้เดี๋ยวจะหายง่วง
ผมเป็นคนหลับยากซะด้วย
ถ้าหายง่วงแล้วก็นอนต่อยาก
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉี่
เมื่อก่อนผมก็เป็นนะ
ตื่นมาแล้ว นอนต่อไม่ค่อยหลับ คิดโน่น ฟุ้งนี่ ประจำ
แต่ตอนหลังมาเข้าวัดเข้าวา หัดปฏิับัติกรรมฐาน
หลวงพ่อที่วัดสอนว่า ผมเป็นสายจิต
สามารถดูจิตได้ตลอดเวลา
ดังนั้นถ้าคืนไหน ไม่นอน ก็ืถือเป็นจังหวะที่ดีสิครับในการนั่งภาวนา
แฮะ...พอนั่งไป แรกๆก็เข้มแข็ง ซักพักก็หลับเหมือนเดิม
พอตอนเช้าตื่นขึ้นมา แหมสดชื่น ภาวนาดีจัง...ฮ่า...
ที่จริงโมหะมันเอาไปกินหมดเลยครับ
ผมว่ากิเลสมันสั่งใจให้ทำตรงข้ามกับที่ต้องการ
เช่นเราอยากหลับ มันจะคอยปรุงไม่ให้เราหลับ
แต่พอเราไม่อยากหลับ มันจะพยายามทำให้เราหลับ
หมออยากหลับง่าย ก็ิเชิญมาปรึกษาได้
อาการปวดก็ยังคงอยู่
ปวดมากขึ้นบ้างน้อยลงบ้าง
ทนได้บ้างทนแทบไม่ได้บ้าง
แต่ทั้งหมดก็รวมๆว่ายังพอทนได้
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉ
ผมเคยเห็นคนนั่งท่าคู้บัลลังค์อยู่เฉยๆราว3ชั่วโมง
และดูท่าว่าจะนั่งต่ออีกได้ไม่จำกัด
โดยไม่ต้องเปลี่ยนท่าซักกะนิด
แต่ผมไม่เู้คยเห็นหรือได้ยินว่า
มีคนทนเวทนาเรื่องปวดฉี่ได้ระดับไหน
่
มองดูนาฬิกาก็ตีสามกว่าๆ
ด้วยความขี้เกียจ
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉี่
ใครก็เป็นครับ คืนไหนทานน้ำก่อนนอนเยอะกว่าปกติ
บอกว่ารอเดี๋ยวก็แล้วกันน่ายังง่วงอยู่
ให้เช้าก่อนแล้วค่อยลุกมาฉี่
เพราะถ้าลุกตอนนี้เดี๋ยวจะหายง่วง
ผมเป็นคนหลับยากซะด้วย
ถ้าหายง่วงแล้วก็นอนต่อยาก
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉี่
เมื่อก่อนผมก็เป็นนะ
ตื่นมาแล้ว นอนต่อไม่ค่อยหลับ คิดโน่น ฟุ้งนี่ ประจำ
แต่ตอนหลังมาเข้าวัดเข้าวา หัดปฏิับัติกรรมฐาน
หลวงพ่อที่วัดสอนว่า ผมเป็นสายจิต
สามารถดูจิตได้ตลอดเวลา
ดังนั้นถ้าคืนไหน ไม่นอน ก็ืถือเป็นจังหวะที่ดีสิครับในการนั่งภาวนา
แฮะ...พอนั่งไป แรกๆก็เข้มแข็ง ซักพักก็หลับเหมือนเดิม
พอตอนเช้าตื่นขึ้นมา แหมสดชื่น ภาวนาดีจัง...ฮ่า...
ที่จริงโมหะมันเอาไปกินหมดเลยครับ
ผมว่ากิเลสมันสั่งใจให้ทำตรงข้ามกับที่ต้องการ
เช่นเราอยากหลับ มันจะคอยปรุงไม่ให้เราหลับ
แต่พอเราไม่อยากหลับ มันจะพยายามทำให้เราหลับ
หมออยากหลับง่าย ก็ิเชิญมาปรึกษาได้
อาการปวดก็ยังคงอยู่
ปวดมากขึ้นบ้างน้อยลงบ้าง
ทนได้บ้างทนแทบไม่ได้บ้าง
แต่ทั้งหมดก็รวมๆว่ายังพอทนได้
จึงไม่ลุกขึ้นมาฉ
ผมเคยเห็นคนนั่งท่าคู้บัลลังค์อยู่เฉยๆราว3ชั่วโมง
และดูท่าว่าจะนั่งต่ออีกได้ไม่จำกัด
โดยไม่ต้องเปลี่ยนท่าซักกะนิด
แต่ผมไม่เู้คยเห็นหรือได้ยินว่า
มีคนทนเวทนาเรื่องปวดฉี่ได้ระดับไหน
่
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 20
โอ้ย... มันเกี่ยวอะไรกับใกล้บรรลุโสดาบันล่ะเนี่ยnanchan เขียน:HVI ใกล้บรรลุโสดาบันแล้ว
ผมก็แค่พยายามอธิบายตาม "สัญญา" (ความรู้จากการจดจำ)
และคิดว่ามันน่าจะถูกต้องตามสภาวะธรรม มีเหตุมีปัจจัย ก็เท่านั้น
("สัญญา" ภาษาธรรมมะกับภาษาไทยก็ความหมายไม่เหมือนกัน)
ผมว่าเราก็แค่ตามรู้ เช่นรู้ว่าปวด รู้ว่าหิว แล้วควรทำอะไร
ปวดฉี่ก็รู้ว่าปวด รู้ว่าต้องไปฉี่ (แต่ปราศจากความรู้สึกในแง่อยาก/ไม่อยาก ไปฉี่)
อันนี้หมายถึงคนที่เค้าปฏิบัติธรรมมะนะ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญ (เดี๋ยวจะมาแซวผมอีก)
กลั้นฉี่เพื่อปฏิบัติธรรมหรือตามดูเวทนาเนี่ยผมก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน
หิวก็ต้องรับประทานอาหาร เช่นกัน
รับประทานแบบ "พระกิน" อย่างที่กลอนหลวงปู่พุทธทาสว่าไว้
คือไม่ได้รับประทานด้วยความ อยากหรือไม่อยาก
สรุปก็คงเห็นเหมือนพี่หมอแหละครับ
คำว่า "รู้" ที่พี่หมอพูดก็ตรงกับคำว่า "ปัญญา" ในภาษาธรรมะ
ซึ่งเหล่าพุทธศาสนิกชนทั้งหลายที่เลื่อมใสในศาสนาพุทธ
ต่างก็ยึดมั่นในศีล ฝึกสมาธิ ก็เพื่อความรู้ หรือ "ปัญญา" เนี่ยแหละ...
โอ้... สาธุ
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 22
007-s เขียน:หมอศรรามเป็นหมอ ย่อมเข้าใจดีเรื่องการรักษาคนไข้
แนะนำอ่าน "สปาอารมณ์" emotional willness โดย โอโช
แปลโดย ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด
ไม่แน่ใจว่ายังมีวางแผงมั้ย แต่ตั้งใจหาหน่อยคงพอหาได้ ยังไม่เก่ามาก เพิ่งออกปลายปีที่แล้วนี่เอง
ประโยคนึงในหนังสือ ที่ดิฉันอ่านแล้ว ตีแตกดังเพี้ยะในหัวสมอง ประมาณว่า
" ความโกรธ คือ ความเศร้าที่แอ๊คทีฟ ,ความเศร้า คือ ความโกรธที่ไม่แอ๊คทีฟ มันไม่ใช่สองส่วนที่แยกออกจากกัน "
ยังมีเห็นอยู่นะครับ ที่ B2S หรือที่ se-ed ยังเห็นอยู่เลยครับ
ถ้าหาไม่ได้จริงๆ mial ไปหาอาจารย์ ประพนธ์ เลยครับ
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 24
ทุกข์แรก คือกลัวการนอนไม่หลับหรือนอนไม่ได้
ทุกข์สอง คือการขับถ่าย
การบำรุงร่างกายก็ต้องกิน นอน ถ่าย อย่าไปยิดติดว่าต้องตื่นนอนก่อนถ่าย หรือว่าต้องถ่ายตามเวลา
แบบนี้มันเครียดเกินไป
เอาแบบธรรมดาๆ ปวดก็ถ่าย ง่วงก็นอน จบ
ทุกข์สอง คือการขับถ่าย
การบำรุงร่างกายก็ต้องกิน นอน ถ่าย อย่าไปยิดติดว่าต้องตื่นนอนก่อนถ่าย หรือว่าต้องถ่ายตามเวลา
แบบนี้มันเครียดเกินไป
เอาแบบธรรมดาๆ ปวดก็ถ่าย ง่วงก็นอน จบ
-
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 25
ไม่ต้องทุกข์ไม่ต้องสุขก็อยู่ได้ใช่ไหมคับ
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 28
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ถ้ายังปวดฉี่แบบนี้อีก แนะนำให้ไปฉี่นอกบ้าน
อิอิอิ
ตอนที่ทำ ก็ขอให้คุณหมอรู้ว่าทำ มีสติรู้เท่าทันการทำด้วยนะครับ
อิอิอิ
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 29
[quote="san"]
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ถ้ายังปวดฉี่แบบนี้อีก แนะนำให้ไปฉี่นอกบ้าน
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
ปวดฉี่.......
โพสต์ที่ 30
ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำตอนดึกๆ
ผมอ่านประโยคนี้ทำให้ความคิด ผุดขึ้นว่า
เอ๋ มีโรคไหมมั้งที่เป็นแบบนี้ หนึ่งในน้นคือ เบาหวาน
ที่คนเป็นลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน แถมถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูง
อาการเห็นได้ชัดเจน
ส่วนเรื่องกลัวนอนไม่หลับ
ยาขนานนี้แก้ไขได้คือ บอกมันว่า หลับ เดี๋ยวไม่ถึง ห้านาทีก็ ZzZzZZZz แล้วครับ
ผมอ่านประโยคนี้ทำให้ความคิด ผุดขึ้นว่า
เอ๋ มีโรคไหมมั้งที่เป็นแบบนี้ หนึ่งในน้นคือ เบาหวาน
ที่คนเป็นลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน แถมถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูง
อาการเห็นได้ชัดเจน
ส่วนเรื่องกลัวนอนไม่หลับ
ยาขนานนี้แก้ไขได้คือ บอกมันว่า หลับ เดี๋ยวไม่ถึง ห้านาทีก็ ZzZzZZZz แล้วครับ