อาจารย์บางมดออกมาอีกแล้วล้วครับเรื่องแก๊สโซฮอลล์
- CEO
- Verified User
- โพสต์: 1243
- ผู้ติดตาม: 0
อาจารย์บางมดออกมาอีกแล้วล้วครับเรื่องแก๊สโซฮอลล์
โพสต์ที่ 1
นักวิชาการพลังงานแนะนำให้รัฐบาลศึกษาสารพิษแก๊สโซฮอล์ E85 ก่อนส่งเสริม
นักวิชาการด้านพลังงาน ระบุแก๊สโซฮอล์ E85 ปล่อยสารก่อมะเร็งสูงกว่าเบนซินออกเทน 95 แนะนำให้รัฐบาลศึกษาหาวิธีลดผลกระทบสารพิษก่อนเร่งส่งเสริมใช้ภายในประเทศ
รศ.ดร.สุวิทย์ เตีย ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาและฝึกอบรมโรงงานต้นแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า ในรายงานการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10, E20 และ E85 ซึ่งภาครัฐพยายามผลักดันให้เกิดในอนาคตอันใกล้ เพื่อลดใช้เชื้อเพลิงปิโตรเลียมว่า E85 เกิดได้ยากจากความไม่พร้อมหลายปัจจัย รวมถึงปัญหาด้านสุขภาพ โดย E85 ผสมเอทานอล 85% ปล่อยสารพิษกลุ่มอัลดีไฮด์ (Aldehyde) สูงกว่าน้ำมันเบนซินทั่วไป
แม้ว่ารถที่ใช้แก๊สโซฮอล์จะปล่อยมลพิษโดยรวมน้อยลง เมื่อเทียบกับรถที่ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ มลพิษจากเครื่องยนต์ที่ใช้ E85 ซึ่งผลการวิเคราะห์ของต่างประเทศพบว่า E85 ปลดปล่อยสารก่อมะเร็งอย่าง Aldehyde สูงกว่ารถที่ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 อย่างมีนัยสำคัญ และ E85 ยังไม่ทำให้เกิดการประหยัดพลังงาน เพราะวิ่งได้ระยะทางน้อยกว่าน้ำมันชนิดอื่นในปริมาณที่เท่ากัน
นักวิชาการด้านพลังงาน ระบุแก๊สโซฮอล์ E85 ปล่อยสารก่อมะเร็งสูงกว่าเบนซินออกเทน 95 แนะนำให้รัฐบาลศึกษาหาวิธีลดผลกระทบสารพิษก่อนเร่งส่งเสริมใช้ภายในประเทศ
รศ.ดร.สุวิทย์ เตีย ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาและฝึกอบรมโรงงานต้นแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า ในรายงานการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10, E20 และ E85 ซึ่งภาครัฐพยายามผลักดันให้เกิดในอนาคตอันใกล้ เพื่อลดใช้เชื้อเพลิงปิโตรเลียมว่า E85 เกิดได้ยากจากความไม่พร้อมหลายปัจจัย รวมถึงปัญหาด้านสุขภาพ โดย E85 ผสมเอทานอล 85% ปล่อยสารพิษกลุ่มอัลดีไฮด์ (Aldehyde) สูงกว่าน้ำมันเบนซินทั่วไป
แม้ว่ารถที่ใช้แก๊สโซฮอล์จะปล่อยมลพิษโดยรวมน้อยลง เมื่อเทียบกับรถที่ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ มลพิษจากเครื่องยนต์ที่ใช้ E85 ซึ่งผลการวิเคราะห์ของต่างประเทศพบว่า E85 ปลดปล่อยสารก่อมะเร็งอย่าง Aldehyde สูงกว่ารถที่ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 อย่างมีนัยสำคัญ และ E85 ยังไม่ทำให้เกิดการประหยัดพลังงาน เพราะวิ่งได้ระยะทางน้อยกว่าน้ำมันชนิดอื่นในปริมาณที่เท่ากัน
การซื้อกิจการอาจไม่ใช่การเทคโอเวอร์ และการเทคโอเวอร์ ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าซื้อหุ้น..
- CEO
- Verified User
- โพสต์: 1243
- ผู้ติดตาม: 0
อาจารย์บางมดออกมาอีกแล้วล้วครับเรื่องแก๊สโซฮอลล์
โพสต์ที่ 2
หลังจากที่ออกมาพูดถึงผลกระทบด้านลยของแก๊สโซฮอลล์เมื่อปี 2005 ดังที่ผมโพสต์ในกระทู้ข้างล่างครับ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... highlight=
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... highlight=
การซื้อกิจการอาจไม่ใช่การเทคโอเวอร์ และการเทคโอเวอร์ ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าซื้อหุ้น..
- CEO
- Verified User
- โพสต์: 1243
- ผู้ติดตาม: 0
อาจารย์บางมดออกมาอีกแล้วล้วครับเรื่องแก๊สโซฮอลล์
โพสต์ที่ 3
CEO เขียน:หลังจากที่ออกมาพูดถึงผลกระทบด้านลยของแก๊สโซฮอลล์เมื่อปี 2004 ดังที่ผมโพสต์ในกระทู้ข้างล่างครับ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... highlight=
การซื้อกิจการอาจไม่ใช่การเทคโอเวอร์ และการเทคโอเวอร์ ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าซื้อหุ้น..
-
- Verified User
- โพสต์: 305
- ผู้ติดตาม: 0
อาจารย์บางมดออกมาอีกแล้วล้วครับเรื่องแก๊สโซฮอลล์
โพสต์ที่ 5
คงจะจริง เพียงแต่ไม่ได้บอกว่าเบนซินปัจจุบันก็ปล่อยสารพิษ สารก่อมะเร็งเยอะ แล้วไม่ได้บอกว่าเปรียบเทียบแล้วใครเยอะกว่าใคร
อาศัยความรู้สึกไม่ได้อาศัยวิชาการ ผมว่าปล่อยออกซิเจนเยอะ น่าจะดีกว่าปล่อยคาร์บอนเยอะนะ
อาศัยความรู้สึกไม่ได้อาศัยวิชาการ ผมว่าปล่อยออกซิเจนเยอะ น่าจะดีกว่าปล่อยคาร์บอนเยอะนะ
- CEO
- Verified User
- โพสต์: 1243
- ผู้ติดตาม: 0
อาจารย์บางมดออกมาอีกแล้วล้วครับเรื่องแก๊สโซฮอลล์
โพสต์ที่ 6
ใช้เวลา 5 ปีถึงรู้ชัดโซฮอล์ทำให้เป็นมะเร็งหรือไม่ [30 มี.ค. 52 - 16:18]
วันนี้ (30 มี.ค.) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีที่มีข่าวใช้ก๊าซโซฮอล์แล้วส่งผลให้เป็นมะเร็ง ว่า ตัวเลขที่ออกมานั้นเป็นการศึกษาของกรมควบคุมมลพิษเท่านั้น ไม่มีการศึกษาจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคเข้าไปทำการศึกษาและตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษา เนื่องจากโรคมะเร็งไม่สามารถตรวจสอบได้ทันที การก่อโรคใช้ระยะเวลานาน
นายวิทยา กล่าวต่อว่า เนื่องจากการใช้ก๊าซโซฮอล์เป็นเรื่องการรณรงค์การใช้พลังงานจากพืช ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นของประเทศไทย จึงต้องทำการตรวจสอบและศึกษาถึงผลกระทบ หากพบว่าส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งจริง ก็จะวางมาตรการป้องกันต่อไป จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก สามารถใช้ก๊าซโซฮอล์ต่อไปได้ จนกว่าจะทำการศึกษาเป็นที่เรียบร้อย
ด้านนพ.พนมพันธ์ ศิริวัฒนานุกูล ผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ก๊าซโซฮอล์มีการใช้กันทั่วโลก จึงไม่อยากให้ประชาชนไทยตื่นตระหนกข่าวนี้จนเกินไป ขอให้รอผลการศึกษาวิจัยก่อน โดยในการศึกษาผลกระทบด้านการเกิดโรคมะเร็งนั้น คาดว่าจะใช้เวลาศึกษา 5 ปีขึ้นไป โดยจะศึกษาที่เม็ดเลือด ตับและไต เนื่องจากขณะนี้ยังไม่ผลการวิจัยว่าสารกลุ่มคาร์บอนิล เช่น ฟอร์มัลดีไฮด์ อะซีโตน อะโครรีน อะเซทัลดีไฮด์ ทำให้เกิดมะเร็งในมนุษย์
นพ.พนมพันธ์ กล่าวว่า ตามปกติตัวของก๊าซโซฮอล์ไม่มีก๊าซกลุ่มคาร์บอนิล แต่กระบวนการเผาไหม้ก่อให้เกิดสารตัวนี้ได้ และหากพบว่าก่อให้เกิดมะเร็งในคนได้จริง ก็มีวิธีการป้องกัน เช่น ติดตั้งเครื่องกรองที่ท่อไอเสียรถยนต์ หรือใช้พลังงานทางเลือกใหม่ที่ปลอดภัย เช่น อาจเปลี่ยนไปใช้กลุ่มไฮโดรเจนแทน ซึ่งเมื่อเผาไหม้แล้วจะเกิดเป็นน้ำและออกซิเจน ไม่มีสารพิษตกค้างในอากาศ
เพื่อให้คำตอบประชาชนในระยะเวลาอันสั้น ควรมีการศึกษาวิจัยต่อยอดการเผาไหม้ของ ก๊าซโซฮอล์ขึ้นไปอีก โดยนักวิชาการที่เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ เพื่อทราบปริมาณของสารเคมีที่ปลดปล่อยจากท่อไอเสียของรถยนต์ที่ถูกต้อง และควรศึกษาการแปรรูปของสารเคมี ที่พิสูจน์ได้ว่าเกิดจากการเผาไหม้ดังกล่าว ในบรรยากาศอีกครั้งหนึ่งนพ.พนมพันธ์ กล่าว
วันนี้ (30 มี.ค.) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีที่มีข่าวใช้ก๊าซโซฮอล์แล้วส่งผลให้เป็นมะเร็ง ว่า ตัวเลขที่ออกมานั้นเป็นการศึกษาของกรมควบคุมมลพิษเท่านั้น ไม่มีการศึกษาจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคเข้าไปทำการศึกษาและตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษา เนื่องจากโรคมะเร็งไม่สามารถตรวจสอบได้ทันที การก่อโรคใช้ระยะเวลานาน
นายวิทยา กล่าวต่อว่า เนื่องจากการใช้ก๊าซโซฮอล์เป็นเรื่องการรณรงค์การใช้พลังงานจากพืช ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นของประเทศไทย จึงต้องทำการตรวจสอบและศึกษาถึงผลกระทบ หากพบว่าส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งจริง ก็จะวางมาตรการป้องกันต่อไป จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก สามารถใช้ก๊าซโซฮอล์ต่อไปได้ จนกว่าจะทำการศึกษาเป็นที่เรียบร้อย
ด้านนพ.พนมพันธ์ ศิริวัฒนานุกูล ผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ก๊าซโซฮอล์มีการใช้กันทั่วโลก จึงไม่อยากให้ประชาชนไทยตื่นตระหนกข่าวนี้จนเกินไป ขอให้รอผลการศึกษาวิจัยก่อน โดยในการศึกษาผลกระทบด้านการเกิดโรคมะเร็งนั้น คาดว่าจะใช้เวลาศึกษา 5 ปีขึ้นไป โดยจะศึกษาที่เม็ดเลือด ตับและไต เนื่องจากขณะนี้ยังไม่ผลการวิจัยว่าสารกลุ่มคาร์บอนิล เช่น ฟอร์มัลดีไฮด์ อะซีโตน อะโครรีน อะเซทัลดีไฮด์ ทำให้เกิดมะเร็งในมนุษย์
นพ.พนมพันธ์ กล่าวว่า ตามปกติตัวของก๊าซโซฮอล์ไม่มีก๊าซกลุ่มคาร์บอนิล แต่กระบวนการเผาไหม้ก่อให้เกิดสารตัวนี้ได้ และหากพบว่าก่อให้เกิดมะเร็งในคนได้จริง ก็มีวิธีการป้องกัน เช่น ติดตั้งเครื่องกรองที่ท่อไอเสียรถยนต์ หรือใช้พลังงานทางเลือกใหม่ที่ปลอดภัย เช่น อาจเปลี่ยนไปใช้กลุ่มไฮโดรเจนแทน ซึ่งเมื่อเผาไหม้แล้วจะเกิดเป็นน้ำและออกซิเจน ไม่มีสารพิษตกค้างในอากาศ
เพื่อให้คำตอบประชาชนในระยะเวลาอันสั้น ควรมีการศึกษาวิจัยต่อยอดการเผาไหม้ของ ก๊าซโซฮอล์ขึ้นไปอีก โดยนักวิชาการที่เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ เพื่อทราบปริมาณของสารเคมีที่ปลดปล่อยจากท่อไอเสียของรถยนต์ที่ถูกต้อง และควรศึกษาการแปรรูปของสารเคมี ที่พิสูจน์ได้ว่าเกิดจากการเผาไหม้ดังกล่าว ในบรรยากาศอีกครั้งหนึ่งนพ.พนมพันธ์ กล่าว
การซื้อกิจการอาจไม่ใช่การเทคโอเวอร์ และการเทคโอเวอร์ ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าซื้อหุ้น..