สวรรค์เบี่ยง,จำเลยรัก,ร้ายก็รัก ทำร้ายสังคมรึเปล่าครับ?
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
สวรรค์เบี่ยง,จำเลยรัก,ร้ายก็รัก ทำร้ายสังคมรึเปล่าครับ?
โพสต์ที่ 1
เนื้อเรื่องแทบจะเหมือนกัน ทรมานผู้หญิงเหมือนกัน ง้อแล้วก็คืนดีได้เหมือนกัน ส่งเสริมความรุนแรงไปรึเปล่าครับ
ละครไทย "ส่วนใหญ่" พระเอกรวย ไม่เน้นทำงาน นางร้ายมาอ่อย ไล่จับ อิจฉาริษายาตบตี ยิ่งส่งผลลบให้สังคมรึเปล่าครับ
น่าจะมีละครข้อคิดดีๆ เรื่องสนุกๆ ให้คนติดเยอะๆ นะครับ
ละครไทย "ส่วนใหญ่" พระเอกรวย ไม่เน้นทำงาน นางร้ายมาอ่อย ไล่จับ อิจฉาริษายาตบตี ยิ่งส่งผลลบให้สังคมรึเปล่าครับ
น่าจะมีละครข้อคิดดีๆ เรื่องสนุกๆ ให้คนติดเยอะๆ นะครับ
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
สวรรค์เบี่ยง,จำเลยรัก,ร้ายก็รัก ทำร้ายสังคมรึเปล่าครับ?
โพสต์ที่ 3
ละครประเภทสวรรค์เบี่ยง จำเลยรัก พลอตเรื่องเน่าหนอน คนไทยชอบเพราะดูแล้วไม่ต้องคิดมาก
มีแต่ ปลุกปล้ำ ตบจูบ ฯลฯ พระเอกหล่อ พ่อรวย นางเอกยอมหมด
แต่ไม่ได้แสดงชีวิตจริง ๆ อะไรเลย ทำไมพระเอก ไม่ก็นางเอก ต้องรวย (หรือถ้าจนเดี๋ยวก็ต้องรวยฉับพลันในไม่ช้า เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นทายาทเศรษฐี อะไรทำนองนี้) แต่วัน ๆ ไม่เห็นจะทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หยิบโหย่งไปเรื่อย ๆ
ละครดี ๆ ก็พอมีแม้จะไม่ดังเปรี้ยงปร้าง เช่น ทางช้างเผือก ที่จินตหราเล่นเป็นย่า หรือ ทองเนื้อแท้ ก็ไม่เลว
(บ่น ๆ เข้าไป แต่ผมก็ดู )
มีแต่ ปลุกปล้ำ ตบจูบ ฯลฯ พระเอกหล่อ พ่อรวย นางเอกยอมหมด
แต่ไม่ได้แสดงชีวิตจริง ๆ อะไรเลย ทำไมพระเอก ไม่ก็นางเอก ต้องรวย (หรือถ้าจนเดี๋ยวก็ต้องรวยฉับพลันในไม่ช้า เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นทายาทเศรษฐี อะไรทำนองนี้) แต่วัน ๆ ไม่เห็นจะทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หยิบโหย่งไปเรื่อย ๆ
ละครดี ๆ ก็พอมีแม้จะไม่ดังเปรี้ยงปร้าง เช่น ทางช้างเผือก ที่จินตหราเล่นเป็นย่า หรือ ทองเนื้อแท้ ก็ไม่เลว
(บ่น ๆ เข้าไป แต่ผมก็ดู )
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
สวรรค์เบี่ยง,จำเลยรัก,ร้ายก็รัก ทำร้ายสังคมรึเปล่าครับ?
โพสต์ที่ 5
เมื่อคุณธรรม...นำการศึกษา โดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
เด็กก้าวร้าวเพราะอะไร เกิดขึ้นมาคุณพ่อ-คุณแม่ทะเลาะกัน ตีกัน หย่าร้าง ปัญหาในครอบครัวรอบด้านมีแต่เรื่องวุ่นวาย โทรทัศน์ก็มีแต่เรื่องวุ่นวายให้เราได้ดูได้ชม เด็กก็จ้องดูเขาฆ่ากันเป็นว่าเล่น อิจฉากัน อะไรต่ออะไรในละคร เพราะฉะนั้นโทรทัศน์ทั้งหลายเนี่ยน่ะครับ เด็กก็จดจำสิ่งเหล่านี้ บันทึกสิ่งเหล่านี้ไว้ ถึงเวลาก็เอาสิ่งเหล่านี้ออกมาตีความ
เพราะฉะนั้นเราต้องระมัดระวังมาก แล้วเราต้องช่วยกันในระบบการศึกษาเนี่ยน่ะครับ ที่จะต้องช่วยเด็ก เด็กของเราเป็นเหยื่อสังคมจริงๆ ครับ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นทำลายเด็กทั้งนั้น มีปัญหาเยอะมาก ก็..ไม่ยุติธรรมที่จะบอกว่าทำลายเด็กน่ะครับ ..ของดีก็เยอะ แต่ส่วนใหญ่แล้ว เรากำลังสร้างปัญหาให้กับลูกหลานของเรา
เพราะฉะนั้นโรงเรียนน่ะครับ เริ่มตั้งแต่ตรงนี้เริ่มเลยครับ สอนให้เด็กมีวิจารณญาณ น่ะง่ายๆ เด็กทุกโรงเรียนเลยนะครับ ทุกคนและรวมถึงตัวเราด้วย วิธีการใช้วิจารณญาณง่ายนิดเดียว สอนให้คิดทันทีเมื่อมีอะไรเข้ามาในจิตใจของเรา ดีสำหรับเรามั้ย? ตั้งคำถามแรก ถ้าเผื่อดีสำหรับเรา..ผ่านไปคำถามที่สอง ดีสำหรับทุกคนมั้ย? ถ้าเผื่อผ่านตัวนี้เอาไปใช้ได้เลยครับ มีปฏิกิริยาได้เลยน่ะ นำเอาไปใช้ประโยชน์ได้เลยเพราะมันดีสำหรับทุกคน แต่ถ้าเผื่อไม่ดีสำหรับทุกคน..ปฏิเสธ! อย่าไปใช้มันถึงมันจะดีสำหรับเรา แต่ไม่ดีสำหรับทุกคน..อย่าไปใช้ อย่าเอาความคิดอันนี้ไปพิจารณาเลย ใช้วิจารณญาณแบบนี้ล่ะครับ
เด็กที่โรงเรียนผมคิดอย่างนี้เป็นทั้งนั้น พอมีอะไรเข้ามาปุ๊บ ดีสำหรับเรามั้ย ดีสำหรับทุกคนมั้ย สอนอย่างนี้ล่ะครับ ให้ทุกคนคิดอย่างนี้น่ะง่ายๆ เสร็จแล้วเขาคิดอย่างไรเขาก็จะส่งข้อมูลอันนั้นเข้าไปบันทึกไว้ในจิตใต้สำนึกเป็นแรงเสริมที่จะเปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนพฤติกรรมของมนุษย์
ในขณะเดียวกันเราบูรณาการคุณธรรมเข้าไปในทุกวิชา พอบูรณาการเข้าไปในคณิตศาสตร์ในอะไรต่ออะไร เราสอนเด็กมันก็เข้าใจในจิตสำนึก คุณธรรมมันก็ฝังเข้าไปในจิตใต้สำนึกอีกทีครับ แล้วต่อไปเราก็จะตีความทุกอย่างโดยอาศัยคุณธรรม ..แทรกเข้าไปๆ ตั้งแต่เช้าจรดเย็นน่ะครับ เด็กอยู่ในโรงเรียนของเรา เด็กอยู่ที่บ้านของเรา ลูกของเรา หลานของเรา แทรกคุณธรรมตลอด
แล้วก็เราช่วยกันน่ะครับ หา video ที่ดีๆ ที่มีคุณธรรมให้เด็กดู อย่าให้เขาไปดูละครโทรทัศน์ของไทยเลยครับ มันไม่มีอะไรครับ มันมีพระเอก มันมีนางเอกอาภัพ เสร็จแล้วก็ไปเจอพระเอกฐานะดีร่ำรวย เสร็จแล้วก็มีตัวอิจฉาแทรกเข้ามา...ไปดูทำไม เพราะมีอยู่แค่นี้ ไม่มีอะไรมาก เดี๋ยวเขาก็ทะเลาะกัน ตีกัน ด่ากัน ก็เสียใจร้องห่มร้องไห้ เสร็จแล้วก็ตอนหลังก็โชคดีน่ะครับ ในที่สุดพระเอก-นางเอกก็เข้าหากันได้น่ะครับ เราก็รู้อยู่แล้ว อย่าไปดูเลย ถ้าเผื่อเราดูน่ะครับเด็กก็จะเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เริ่มตบตีคนอื่นน่ะครับ อะไรแบบนี้ น่ะ ซึ่งเราต้องหาอะไรดีๆ ให้เด็กดูครับ แล้วก็สิ่งเหล่านี้ก็จะฝังลงไปในจิตใต้สำนึกนำมาใช้ในการตีความในครั้งต่อๆ ไป
เพราะฉะนั้นเราสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กได้ง่ายน่ะครับ แค่เดือนเดียวเราเปลี่ยนได้แล้ว ถ้าเผื่อครูทำกันอย่างจริงจังในโรงเรียน ยกตัวอย่าง เด็กขี้ขลาด เด็กขาดความมั่นใจ เราต้องสร้างความมั่นใจให้กับเด็ก อันนี้สำคัญ ความสำเร็จในอนาคตของเขาขึ้นอยู่กับการที่เขามีความความมั่นใจในตัวเอง ...ตอนเช้าเด็กมาเข้าแถวหน้าเสาธงน่ะครับ คุณครูช่วยนำใส่ความคิดเข้าไปในจิตสำนึกของเขาครับ โดยบอกเด็กนักเรียน..เอาล่ะให้เขาสวดมนต์อะไรต่ออะไรกันตามรูปแบบที่เราใช้หน้าเสาธงน่ะครับ ..เสร็จแล้วคุณครูลองทำบ้าง
อ้าว..นักเรียนทุกคนขอให้พูดตามคุณครู
ต่อไปนี้ (เด็กทุกคนก็พูด) ต่อไปนี้...
เราจะเป็นเด็กกล้าหาญ เราจะเดินก้าวหน้าไปด้วยความมั่นใจ เราจะข้ามอุปสรรคทั้งหลายด้วยความมั่นใจ ด้วยความกล้าหาญ เราจะต้องประสบความสำเร็จในชีวิตของเรา นี้หละครับใส่ความคิดเข้าไป
เมื่อเด็กพูด ความคิดเหล่านั้นก็ฝังเข้าไปในจิตใต้สำนึก
เรากำลังใส่โปรแกรมใหม่ให้กับเด็กครับ เสร็จแล้วพอเด็กเข้าไปในโรงเรียน ตกลงกันทั้งโรงเรียนบูรณาการความกล้าหาญ ความมั่นใจ เข้าไปในคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม วิชาทุกวิชาก่อนจะทำกิจกรรมอะไรก็บูรณาการเข้าไปน่ะครับ
http://gotoknow.org/blog/wichitchawaha/65377
เด็กก้าวร้าวเพราะอะไร เกิดขึ้นมาคุณพ่อ-คุณแม่ทะเลาะกัน ตีกัน หย่าร้าง ปัญหาในครอบครัวรอบด้านมีแต่เรื่องวุ่นวาย โทรทัศน์ก็มีแต่เรื่องวุ่นวายให้เราได้ดูได้ชม เด็กก็จ้องดูเขาฆ่ากันเป็นว่าเล่น อิจฉากัน อะไรต่ออะไรในละคร เพราะฉะนั้นโทรทัศน์ทั้งหลายเนี่ยน่ะครับ เด็กก็จดจำสิ่งเหล่านี้ บันทึกสิ่งเหล่านี้ไว้ ถึงเวลาก็เอาสิ่งเหล่านี้ออกมาตีความ
เพราะฉะนั้นเราต้องระมัดระวังมาก แล้วเราต้องช่วยกันในระบบการศึกษาเนี่ยน่ะครับ ที่จะต้องช่วยเด็ก เด็กของเราเป็นเหยื่อสังคมจริงๆ ครับ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นทำลายเด็กทั้งนั้น มีปัญหาเยอะมาก ก็..ไม่ยุติธรรมที่จะบอกว่าทำลายเด็กน่ะครับ ..ของดีก็เยอะ แต่ส่วนใหญ่แล้ว เรากำลังสร้างปัญหาให้กับลูกหลานของเรา
เพราะฉะนั้นโรงเรียนน่ะครับ เริ่มตั้งแต่ตรงนี้เริ่มเลยครับ สอนให้เด็กมีวิจารณญาณ น่ะง่ายๆ เด็กทุกโรงเรียนเลยนะครับ ทุกคนและรวมถึงตัวเราด้วย วิธีการใช้วิจารณญาณง่ายนิดเดียว สอนให้คิดทันทีเมื่อมีอะไรเข้ามาในจิตใจของเรา ดีสำหรับเรามั้ย? ตั้งคำถามแรก ถ้าเผื่อดีสำหรับเรา..ผ่านไปคำถามที่สอง ดีสำหรับทุกคนมั้ย? ถ้าเผื่อผ่านตัวนี้เอาไปใช้ได้เลยครับ มีปฏิกิริยาได้เลยน่ะ นำเอาไปใช้ประโยชน์ได้เลยเพราะมันดีสำหรับทุกคน แต่ถ้าเผื่อไม่ดีสำหรับทุกคน..ปฏิเสธ! อย่าไปใช้มันถึงมันจะดีสำหรับเรา แต่ไม่ดีสำหรับทุกคน..อย่าไปใช้ อย่าเอาความคิดอันนี้ไปพิจารณาเลย ใช้วิจารณญาณแบบนี้ล่ะครับ
เด็กที่โรงเรียนผมคิดอย่างนี้เป็นทั้งนั้น พอมีอะไรเข้ามาปุ๊บ ดีสำหรับเรามั้ย ดีสำหรับทุกคนมั้ย สอนอย่างนี้ล่ะครับ ให้ทุกคนคิดอย่างนี้น่ะง่ายๆ เสร็จแล้วเขาคิดอย่างไรเขาก็จะส่งข้อมูลอันนั้นเข้าไปบันทึกไว้ในจิตใต้สำนึกเป็นแรงเสริมที่จะเปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนพฤติกรรมของมนุษย์
ในขณะเดียวกันเราบูรณาการคุณธรรมเข้าไปในทุกวิชา พอบูรณาการเข้าไปในคณิตศาสตร์ในอะไรต่ออะไร เราสอนเด็กมันก็เข้าใจในจิตสำนึก คุณธรรมมันก็ฝังเข้าไปในจิตใต้สำนึกอีกทีครับ แล้วต่อไปเราก็จะตีความทุกอย่างโดยอาศัยคุณธรรม ..แทรกเข้าไปๆ ตั้งแต่เช้าจรดเย็นน่ะครับ เด็กอยู่ในโรงเรียนของเรา เด็กอยู่ที่บ้านของเรา ลูกของเรา หลานของเรา แทรกคุณธรรมตลอด
แล้วก็เราช่วยกันน่ะครับ หา video ที่ดีๆ ที่มีคุณธรรมให้เด็กดู อย่าให้เขาไปดูละครโทรทัศน์ของไทยเลยครับ มันไม่มีอะไรครับ มันมีพระเอก มันมีนางเอกอาภัพ เสร็จแล้วก็ไปเจอพระเอกฐานะดีร่ำรวย เสร็จแล้วก็มีตัวอิจฉาแทรกเข้ามา...ไปดูทำไม เพราะมีอยู่แค่นี้ ไม่มีอะไรมาก เดี๋ยวเขาก็ทะเลาะกัน ตีกัน ด่ากัน ก็เสียใจร้องห่มร้องไห้ เสร็จแล้วก็ตอนหลังก็โชคดีน่ะครับ ในที่สุดพระเอก-นางเอกก็เข้าหากันได้น่ะครับ เราก็รู้อยู่แล้ว อย่าไปดูเลย ถ้าเผื่อเราดูน่ะครับเด็กก็จะเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เริ่มตบตีคนอื่นน่ะครับ อะไรแบบนี้ น่ะ ซึ่งเราต้องหาอะไรดีๆ ให้เด็กดูครับ แล้วก็สิ่งเหล่านี้ก็จะฝังลงไปในจิตใต้สำนึกนำมาใช้ในการตีความในครั้งต่อๆ ไป
เพราะฉะนั้นเราสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กได้ง่ายน่ะครับ แค่เดือนเดียวเราเปลี่ยนได้แล้ว ถ้าเผื่อครูทำกันอย่างจริงจังในโรงเรียน ยกตัวอย่าง เด็กขี้ขลาด เด็กขาดความมั่นใจ เราต้องสร้างความมั่นใจให้กับเด็ก อันนี้สำคัญ ความสำเร็จในอนาคตของเขาขึ้นอยู่กับการที่เขามีความความมั่นใจในตัวเอง ...ตอนเช้าเด็กมาเข้าแถวหน้าเสาธงน่ะครับ คุณครูช่วยนำใส่ความคิดเข้าไปในจิตสำนึกของเขาครับ โดยบอกเด็กนักเรียน..เอาล่ะให้เขาสวดมนต์อะไรต่ออะไรกันตามรูปแบบที่เราใช้หน้าเสาธงน่ะครับ ..เสร็จแล้วคุณครูลองทำบ้าง
อ้าว..นักเรียนทุกคนขอให้พูดตามคุณครู
ต่อไปนี้ (เด็กทุกคนก็พูด) ต่อไปนี้...
เราจะเป็นเด็กกล้าหาญ เราจะเดินก้าวหน้าไปด้วยความมั่นใจ เราจะข้ามอุปสรรคทั้งหลายด้วยความมั่นใจ ด้วยความกล้าหาญ เราจะต้องประสบความสำเร็จในชีวิตของเรา นี้หละครับใส่ความคิดเข้าไป
เมื่อเด็กพูด ความคิดเหล่านั้นก็ฝังเข้าไปในจิตใต้สำนึก
เรากำลังใส่โปรแกรมใหม่ให้กับเด็กครับ เสร็จแล้วพอเด็กเข้าไปในโรงเรียน ตกลงกันทั้งโรงเรียนบูรณาการความกล้าหาญ ความมั่นใจ เข้าไปในคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม วิชาทุกวิชาก่อนจะทำกิจกรรมอะไรก็บูรณาการเข้าไปน่ะครับ
http://gotoknow.org/blog/wichitchawaha/65377
-
- Verified User
- โพสต์: 2032
- ผู้ติดตาม: 0
สวรรค์เบี่ยง,จำเลยรัก,ร้ายก็รัก ทำร้ายสังคมรึเปล่าครับ?
โพสต์ที่ 6
ละครพวกนี้ ไม่เคยได้ดู เพราะที่บ้านมีแต่ช่อง TGN
แฟนได้ดูแต่ ละครช่อง5 เพิ่งจบไปก็ ตราบสิ้นดินฟ้า
ตอนนี้ดู เงาอโศกอยู่มั้ง แต่ผมไม่ได้ดูด้วย
แต่กระนั้น แม่บ้านคนอื่นก็ยังติดกัน สวรรค์เบี่ยง จำเลยรัก เพราะว่าโหลดจาก internet
แต่ว่าๆอยู่ จะคุยเรื่องเพลงไทยสมัยนี้ เพราะโหลดเพลงมาฟัง แล้วเจอ
สวยจัง (เทยนี่หว่า) - Buddha Bless
ผู้หญิงมี... - Tattoo color
โห เดี๋ยวนี้แต่งเพลงยังงี้กันเลยเหรอ โดยเฉพาะเพลงหลัง
แฟนได้ดูแต่ ละครช่อง5 เพิ่งจบไปก็ ตราบสิ้นดินฟ้า
ตอนนี้ดู เงาอโศกอยู่มั้ง แต่ผมไม่ได้ดูด้วย
แต่กระนั้น แม่บ้านคนอื่นก็ยังติดกัน สวรรค์เบี่ยง จำเลยรัก เพราะว่าโหลดจาก internet
แต่ว่าๆอยู่ จะคุยเรื่องเพลงไทยสมัยนี้ เพราะโหลดเพลงมาฟัง แล้วเจอ
สวยจัง (เทยนี่หว่า) - Buddha Bless
ผู้หญิงมี... - Tattoo color
โห เดี๋ยวนี้แต่งเพลงยังงี้กันเลยเหรอ โดยเฉพาะเพลงหลัง
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สวรรค์เบี่ยง,จำเลยรัก,ร้ายก็รัก ทำร้ายสังคมรึเปล่าครับ?
โพสต์ที่ 7
ทางช้างเผือกมีดาวเคราะห์มากกว่าที่เคยคิดไว้
นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า กาแลกซี่ทางช้างเผือกของเรานั้นมีดาวที่น่าจะมีดาวเคราะห์โคจรล้อมรอบอยู่ซะเยอะ แถมมีโอกาสที่ดาวเคราะห์เหล่านั้นจะมีขนาดใกล้เคียงกับโลกมากกว่าโอกาสที่จะมีขนาดเท่ากับดาวพฤหัสอีกด้วย
การศึกษาครั้งนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ Nature แล้ว โดยระบุว่า ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะมีจำนวนมากกว่าที่คิดไว้มาก ทำให้ความน่าจะเป็นที่จะมีสิ่งมีชีวิตนอกโลกมีมากขึ้นด้วย "ดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดาวอื่นในกาแลกซี่ของเราน่าจะเป็นเรื่องปกติ มากกว่าจะเป็นเรื่องผิดปกติ" ดร.อาร์โนด์ คัสซอง แห่งสถาบันฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ปารีส กล่าว
ดร.คัสซองและทีมงานได้วิเคราะห์ข้อมูลระหว่างปี 2002 ถึง 2007 โดยใช้ข้อมูลเลนส์จากแรงโน้มถ่วงในการค้นหาดาวเคราะห์ เทคนิคดังกล่าวคือการวัดแสงดาวที่เบี่ยงเบนไปซึ่งเบี่ยงเบนมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับแรงโน้มถ่วงของวัตถุที่อยู่ใกล้ เช่น ดาวฤกษ์ อาจมองว่าเป็นเลนส์ของแสงที่เกิดจากแรงโน้มถ่วงก็เป็นได้ นอกจากนี้ ปรากฏการณ์นี้ยังใช้ได้ผลดีกับการหาดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดาวฤกษ์อีกด้วย
ทีมวิจัยกล่าวว่า เทคนิคนี้มีประโยชน์กับการค้นหาดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดาวฤกษ์โดยเฉพาะดาวที่อยู่ห่างจากดาวแม่คิดเป็นระยะทาง 0.5 ถึง 10 เท่าของระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ เทคนิคนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์อีกหลายดวงที่โคจรรอบดาวแม่ในรัศมีที่เหมาะแก่การดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต นำมาซึ่งความเป็นไปได้ที่จะมีน้ำ อันเป็นสสารที่จำเป็นต่อการบังเกิดขึ้นของสิ่งมีชีวิต ดังที่เราทราบกันดี จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ดาวฤกษ์กว่า 62 เปอร์เซ็นต์นั้นมีดาวเคราะห์ที่มีลักษณะคล้ายโลก ถ้าคิดตามมวลแล้ว จะมีดาวฤกษ์ 17 เปอร์เซ็นต์ที่สำรวจมาที่จะมีมวลเท่ากับดาวพฤหัส และหากคิดตามขนาด จะมีดาวฤกษ์ 52 เปอร์เซ็นต์ที่มีขนาดเท่ากับดาวเนปจูน
ทีมวิจัยยังระบุด้วยว่า ระบบสุริยะส่วนใหญ่จะมีดาวเคราะห์ 4 ดวงโดยประมาณที่โคจรในโซนที่น่าจะเป็นดาวเคราะห์หินแข็ง อันเป็นโซนที่ระบบสุริยะของเรามีดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และดาวอังคารอาศัยอยู่ และนักวิจัยยังพบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว จะมีดาวเคราะห์ 1.6 ดวงโคจรรอบดาวฤกษ์ดวงแม่ในโซนระยะห่างตั้งแต่ดาวศุกร์ถึงดาวเสาร์
"ทางช้างเผือกมีดาวฤกษ์อยู่ 200,000 ล้านดวง ถ้ามีดาวเคราะห์โคจรอยู่รอบดวงดาวทุกดวง ก็หมายความว่าโอกาสที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่อื่นนั้นก็มีสูงอย่างเหลือเชื่อ แต่ต้องไม่ลืมว่า การมีดาวเคราะห์ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีชีวิต และดาวเคราะห์อยู่ในโซนที่เหมาะกับการอยู่อาศัยก็ไม่ได้หมายความว่า บริเวณนั้นจะอยู่อาศัยได้จริงๆด้วย"
ที่มา : http://www.vcharkarn.com/vnews/154165
นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า กาแลกซี่ทางช้างเผือกของเรานั้นมีดาวที่น่าจะมีดาวเคราะห์โคจรล้อมรอบอยู่ซะเยอะ แถมมีโอกาสที่ดาวเคราะห์เหล่านั้นจะมีขนาดใกล้เคียงกับโลกมากกว่าโอกาสที่จะมีขนาดเท่ากับดาวพฤหัสอีกด้วย
การศึกษาครั้งนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ Nature แล้ว โดยระบุว่า ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะมีจำนวนมากกว่าที่คิดไว้มาก ทำให้ความน่าจะเป็นที่จะมีสิ่งมีชีวิตนอกโลกมีมากขึ้นด้วย "ดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดาวอื่นในกาแลกซี่ของเราน่าจะเป็นเรื่องปกติ มากกว่าจะเป็นเรื่องผิดปกติ" ดร.อาร์โนด์ คัสซอง แห่งสถาบันฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ปารีส กล่าว
ดร.คัสซองและทีมงานได้วิเคราะห์ข้อมูลระหว่างปี 2002 ถึง 2007 โดยใช้ข้อมูลเลนส์จากแรงโน้มถ่วงในการค้นหาดาวเคราะห์ เทคนิคดังกล่าวคือการวัดแสงดาวที่เบี่ยงเบนไปซึ่งเบี่ยงเบนมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับแรงโน้มถ่วงของวัตถุที่อยู่ใกล้ เช่น ดาวฤกษ์ อาจมองว่าเป็นเลนส์ของแสงที่เกิดจากแรงโน้มถ่วงก็เป็นได้ นอกจากนี้ ปรากฏการณ์นี้ยังใช้ได้ผลดีกับการหาดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดาวฤกษ์อีกด้วย
ทีมวิจัยกล่าวว่า เทคนิคนี้มีประโยชน์กับการค้นหาดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดาวฤกษ์โดยเฉพาะดาวที่อยู่ห่างจากดาวแม่คิดเป็นระยะทาง 0.5 ถึง 10 เท่าของระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ เทคนิคนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์อีกหลายดวงที่โคจรรอบดาวแม่ในรัศมีที่เหมาะแก่การดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต นำมาซึ่งความเป็นไปได้ที่จะมีน้ำ อันเป็นสสารที่จำเป็นต่อการบังเกิดขึ้นของสิ่งมีชีวิต ดังที่เราทราบกันดี จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ดาวฤกษ์กว่า 62 เปอร์เซ็นต์นั้นมีดาวเคราะห์ที่มีลักษณะคล้ายโลก ถ้าคิดตามมวลแล้ว จะมีดาวฤกษ์ 17 เปอร์เซ็นต์ที่สำรวจมาที่จะมีมวลเท่ากับดาวพฤหัส และหากคิดตามขนาด จะมีดาวฤกษ์ 52 เปอร์เซ็นต์ที่มีขนาดเท่ากับดาวเนปจูน
ทีมวิจัยยังระบุด้วยว่า ระบบสุริยะส่วนใหญ่จะมีดาวเคราะห์ 4 ดวงโดยประมาณที่โคจรในโซนที่น่าจะเป็นดาวเคราะห์หินแข็ง อันเป็นโซนที่ระบบสุริยะของเรามีดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และดาวอังคารอาศัยอยู่ และนักวิจัยยังพบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว จะมีดาวเคราะห์ 1.6 ดวงโคจรรอบดาวฤกษ์ดวงแม่ในโซนระยะห่างตั้งแต่ดาวศุกร์ถึงดาวเสาร์
"ทางช้างเผือกมีดาวฤกษ์อยู่ 200,000 ล้านดวง ถ้ามีดาวเคราะห์โคจรอยู่รอบดวงดาวทุกดวง ก็หมายความว่าโอกาสที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่อื่นนั้นก็มีสูงอย่างเหลือเชื่อ แต่ต้องไม่ลืมว่า การมีดาวเคราะห์ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีชีวิต และดาวเคราะห์อยู่ในโซนที่เหมาะกับการอยู่อาศัยก็ไม่ได้หมายความว่า บริเวณนั้นจะอยู่อาศัยได้จริงๆด้วย"
ที่มา : http://www.vcharkarn.com/vnews/154165
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."