ใหญ่จริงๆ ขนาดของเอกภพ
- หมีบึงกุ่ม
- Verified User
- โพสต์: 408
- ผู้ติดตาม: 0
ใหญ่จริงๆ ขนาดของเอกภพ
โพสต์ที่ 3
ผมสงสัยอยู่เสมอตั้งแต่เด็กจนเดี๋ยวนี้ว่า "ข้างนอกของข้างนอก" หรือ "ข้างนอกสุดๆ" หรือ "เปลือก" มันคืออะไร
ขยายความนะครับ
นอกบ้าน เป็น เมือง
นอกเมือง เป็น จังหวัด
นอกจังหวัด เป็น ประเทศ
นอกประเทศ เป็น โลก
นอกโลก เป็น เอกภพ
นอกเอกภพ เป็น ????!!!!!.....ก็ยังเป็นเอกภพ ไม่มีเปลือกหรือขอบเขตอะไรที่หุ้มมันอยู่หรือ? เคยได้ยินว่าเอกภพมีหด มีขยายตัว นอกจากนี้ยังโค้งงอได้อีก เทียบกับอะไร? ดูจากภายใน หรือ ภายนอก? เป็นงงครับ
ทุกวันนี้เรามีคำตอบเรื่องเหล่านี้กันหรือยัง หรือยังเป็นปริศนา :roll:
ขยายความนะครับ
นอกบ้าน เป็น เมือง
นอกเมือง เป็น จังหวัด
นอกจังหวัด เป็น ประเทศ
นอกประเทศ เป็น โลก
นอกโลก เป็น เอกภพ
นอกเอกภพ เป็น ????!!!!!.....ก็ยังเป็นเอกภพ ไม่มีเปลือกหรือขอบเขตอะไรที่หุ้มมันอยู่หรือ? เคยได้ยินว่าเอกภพมีหด มีขยายตัว นอกจากนี้ยังโค้งงอได้อีก เทียบกับอะไร? ดูจากภายใน หรือ ภายนอก? เป็นงงครับ

- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
ใหญ่จริงๆ ขนาดของเอกภพ
โพสต์ที่ 6
พี่ครับ นิพาน เป็น กุศโลบาย เพื่อให้คนทําดี ใช่ใหมครับdino เขียน:แหะ แหะ เป็นคำถามที่มีคำตอบแต่ไม่เป็นประโยชน์ให้ถึงนิพพานได้ พระพุทธองค์จึงทรงไม่ตอบ
ทําไมถึงพิสูจน์ออกมาเป็นผลทางวิชาการ หรือ วิทยาศาสต์ ไม่ได้ครับ
เคยได้ยินแรกๆว่า วัญญาณ คือ พลังงาน ต่อว่า วิทยาศาสต์ พิสูจน์
พลังงานได้เกือบทุกรูปแบบ ด้วย การตรวจจับต่างๆ
ต่อ มาได้ยินว่า วิญญาณ คือ จิต ๆ พิสูจน์ ไม่ได้ เป็นอากาศ :shock:
รู้สึกว่าพอวิธีการใดเริ่มพิสูจน์ข้อสมมุติฐานได้ หากผู้นั้นยังเชื่อต่อ
แม้จะพิสูจน์แล้วก็จะเปลี่ยนคําพูดให้พิสูจน์ไม่ได้
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
ใหญ่จริงๆ ขนาดของเอกภพ
โพสต์ที่ 11
แนะนำให้อ่าน "ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น" ของคุณหมอสม สุจีรา
เฮียพอใจซื้อให้ผมอ่านสมัยจิบเบียร์ที่ in love
บอกได้ว่าดีมาก ๆ อ่านแล้วคิดตาม จะได้คำตอบของคำถามข้างบน :8)
เฮียพอใจซื้อให้ผมอ่านสมัยจิบเบียร์ที่ in love
บอกได้ว่าดีมาก ๆ อ่านแล้วคิดตาม จะได้คำตอบของคำถามข้างบน :8)
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
ใหญ่จริงๆ ขนาดของเอกภพ
โพสต์ที่ 12
หยุดคิดทุกอย่างครับ...............
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
- หมีบึงกุ่ม
- Verified User
- โพสต์: 408
- ผู้ติดตาม: 0
ใหญ่จริงๆ ขนาดของเอกภพ
โพสต์ที่ 13
[quote="mprandy"]แนะนำให้อ่าน "ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น" ของคุณหมอสม สุจีรา
เฮียพอใจซื้อให้ผมอ่านสมัยจิบเบียร์ที่ in love
บอกได้ว่าดีมาก ๆ อ่านแล้วคิดตาม จะได้คำตอบของคำถามข้างบน
เฮียพอใจซื้อให้ผมอ่านสมัยจิบเบียร์ที่ in love
บอกได้ว่าดีมาก ๆ อ่านแล้วคิดตาม จะได้คำตอบของคำถามข้างบน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ใหญ่จริงๆ ขนาดของเอกภพ
โพสต์ที่ 15
แตกประเด็นหน่อย เมื่อสมัยพระพุทธเจ้า ท่านรู้ในสิ่งที่พวกเรา มาเรียนรู้ตอนนี้แล้ว ยัง โอ สุดยอด
เช่น เมื่อสิ่งหนึ่งเกิด สิ่งหนึ่งจึงเกิด เมื่อสิ่งหนึ่งดับ สิ่งหนึ่งจึงดับ
การดับตัณหา ก็ต้อง ดับเวทนาก่อน เป็นต้น
หากสติ เรายังรู้ไม่เท่าทันเวทนา นั่นหมายความว่า เวทนา ไม่ดับ ตัณหาก็เกิด
สุดยอดมาก พระพุทธเจ้า ท่านรู้จริงๆ
เช่น เมื่อสิ่งหนึ่งเกิด สิ่งหนึ่งจึงเกิด เมื่อสิ่งหนึ่งดับ สิ่งหนึ่งจึงดับ
การดับตัณหา ก็ต้อง ดับเวทนาก่อน เป็นต้น
หากสติ เรายังรู้ไม่เท่าทันเวทนา นั่นหมายความว่า เวทนา ไม่ดับ ตัณหาก็เกิด
สุดยอดมาก พระพุทธเจ้า ท่านรู้จริงๆ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ใหญ่จริงๆ ขนาดของเอกภพ
โพสต์ที่ 16
[quote="Rocker"][quote="por_jai"][quote="Rocker"]
เคยได้ยินแรกๆว่า วัญญาณ คือ พลังงาน ต่อว่า วิทยาศาสต์ พิสูจน์
พลังงานได้เกือบทุกรูปแบบ ด้วย การตรวจจับต่างๆ
ต่อ มาได้ยินว่า วิญญาณ คือ จิต ๆ พิสูจน์ ไม่ได้ เป็นอากาศ
เคยได้ยินแรกๆว่า วัญญาณ คือ พลังงาน ต่อว่า วิทยาศาสต์ พิสูจน์
พลังงานได้เกือบทุกรูปแบบ ด้วย การตรวจจับต่างๆ
ต่อ มาได้ยินว่า วิญญาณ คือ จิต ๆ พิสูจน์ ไม่ได้ เป็นอากาศ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
ใหญ่จริงๆ ขนาดของเอกภพ
โพสต์ที่ 17
โดยความเชื่อส่วนตัว
เชื่อเหมือนกับ อา ครับ ตาม พระพุทธเจ้า สอนเพราะ ตอนเด็ก ก็เข้าวัดบ่อยและทั้งๆจริงเคยมีประสบเหตุการณ์ ผี อํา ต่างๆนาๆแต่ด้วยความที่เป็นคนหัวสมัยใหม่ใจมันก็ค้านว่า คิดไปเอง มั๊ง แต่อาจมีอยู่จริงครับ
คุณ อา เล่าตามความเชื่อของ อา เลยครับ
เชื่อเหมือนกับ อา ครับ ตาม พระพุทธเจ้า สอนเพราะ ตอนเด็ก ก็เข้าวัดบ่อยและทั้งๆจริงเคยมีประสบเหตุการณ์ ผี อํา ต่างๆนาๆแต่ด้วยความที่เป็นคนหัวสมัยใหม่ใจมันก็ค้านว่า คิดไปเอง มั๊ง แต่อาจมีอยู่จริงครับ
คุณ อา เล่าตามความเชื่อของ อา เลยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
ใหญ่จริงๆ ขนาดของเอกภพ
โพสต์ที่ 18
ตอนเด็กๆโรงเรียนพาไปท้องฟ้าจำลอง ก็โอเคนะ แต่ไม่จำไรเท่าไหร่
พอโตขึ้นมา วันนั้นแวะไป ทางผ่าน
อืม มันบอกไม่ถูก แต่มันได้คำตอบนะ
คือ แต่มันตอบออกมาเป็นคำพูดลำบากนะ แต่รู้ว่าตอบอะไร
มันไม่ได้ตอบคำถามแรกที่อยากรู้ ว่าเอกภพจบตรงไหน ยังไง
แต่ตอบได้ว่า เรานี่อะไร ชีวิตเรานี่อะไรกัน
เดินออกมาลืมไปเลยว่า คำถามตอนแรกจะอยากรู้อะไร ไม่เชิงลืมหรอก แต่มันไม่สนมากกว่า
มันสวยนะ ความจริง หรือบางคนอาจเรียกความลวง ก็ตาม
แต่มันสวย มันไม่น่ากลัวนะ ปัญหาอ่ะ เล็กหรือใหญ่ คนไปแบ่ง ไปเรียก นั่นมาก นั่นน้อย นี่ดี นี่เลว
ทั้งหมดแล้วเนี่ย มันอันเดียวกันหมด เรื่องเดียวกันหมด แต่เรามาแยกเป็นส่วนๆกันเอง
นี่ของชั้น นั่นของเธอ นี่ชาติเรา นั่นคนละเผ่าพันธุ์ อะไรเงี้ย
แยกลัทธิ ศาสนา สายพันธุ์ ประเทศ ชนชั้น อะไรต่างๆ
แต่มองให้สวยก็สวย มันมีลายเส้นสวิงไปมา ของความขวักไขว่ทั้งพาดข้ามไปมา นานนับพันๆๆๆปี
(รู้น่ะ พูดไม่ค่อยรู้เรื่องแระ พอๆ :lol: )
พอโตขึ้นมา วันนั้นแวะไป ทางผ่าน
อืม มันบอกไม่ถูก แต่มันได้คำตอบนะ
คือ แต่มันตอบออกมาเป็นคำพูดลำบากนะ แต่รู้ว่าตอบอะไร
มันไม่ได้ตอบคำถามแรกที่อยากรู้ ว่าเอกภพจบตรงไหน ยังไง
แต่ตอบได้ว่า เรานี่อะไร ชีวิตเรานี่อะไรกัน
เดินออกมาลืมไปเลยว่า คำถามตอนแรกจะอยากรู้อะไร ไม่เชิงลืมหรอก แต่มันไม่สนมากกว่า
มันสวยนะ ความจริง หรือบางคนอาจเรียกความลวง ก็ตาม
แต่มันสวย มันไม่น่ากลัวนะ ปัญหาอ่ะ เล็กหรือใหญ่ คนไปแบ่ง ไปเรียก นั่นมาก นั่นน้อย นี่ดี นี่เลว
ทั้งหมดแล้วเนี่ย มันอันเดียวกันหมด เรื่องเดียวกันหมด แต่เรามาแยกเป็นส่วนๆกันเอง
นี่ของชั้น นั่นของเธอ นี่ชาติเรา นั่นคนละเผ่าพันธุ์ อะไรเงี้ย
แยกลัทธิ ศาสนา สายพันธุ์ ประเทศ ชนชั้น อะไรต่างๆ
แต่มองให้สวยก็สวย มันมีลายเส้นสวิงไปมา ของความขวักไขว่ทั้งพาดข้ามไปมา นานนับพันๆๆๆปี
(รู้น่ะ พูดไม่ค่อยรู้เรื่องแระ พอๆ :lol: )
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ใหญ่จริงๆ ขนาดของเอกภพ
โพสต์ที่ 19
โค้ด: เลือกทั้งหมด
มันสวยนะ ความจริง หรือบางคนอาจเรียกความลวง ก็ตาม
แต่มันสวย มันไม่น่ากลัวนะ ปัญหาอ่ะ เล็กหรือใหญ่ คนไปแบ่ง ไปเรียก นั่นมาก นั่นน้อย นี่ดี นี่เลว
ทั้งหมดแล้วเนี่ย มันอันเดียวกันหมด เรื่องเดียวกันหมด แต่เรามาแยกเป็นส่วนๆกันเอง
นี่ของชั้น นั่นของเธอ นี่ชาติเรา นั่นคนละเผ่าพันธุ์ อะไรเงี้ย
แยกลัทธิ ศาสนา สายพันธุ์ ประเทศ ชนชั้น อะไรต่างๆ
แต่มองให้สวยก็สวย มันมีลายเส้นสวิงไปมา ของความขวักไขว่ทั้งพาดข้ามไปมา นานนับพันๆๆๆปี
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ใหญ่จริงๆ ขนาดของเอกภพ
โพสต์ที่ 20
007 s ขนาดของเอกภพ หรือ เรียกไรไม่รู้ ใหญ่สุดตามภาพ คือ 1 billion light year
เรารู้ เพราะ แสงเดินทางมา 1 พันล้านปี ทำให้เราเห็น แต่สิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้ เพราะ 1 พันล้านปีแสง นี่ เท่ากับ 1 พันล้านปีนะ
แต่ โลกเราเอง ก็อายุมากกว่า 3000 ล้านปีเข้าไปแล้ว แสดงว่า เอกภพ จักรภพ หรืออะไรนี่ ใหญ่กว่านี้เยอะ
ก็เข้าธรรมะอีก ว่า พระท่านคงรับรู้ สิ่งที่เดินทางมาไกล มาก จากจิต ของท่าน
ทำให้ ท่านปล่อยวาง และว่างเปล่า
อิอิ
เรารู้ เพราะ แสงเดินทางมา 1 พันล้านปี ทำให้เราเห็น แต่สิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้ เพราะ 1 พันล้านปีแสง นี่ เท่ากับ 1 พันล้านปีนะ
แต่ โลกเราเอง ก็อายุมากกว่า 3000 ล้านปีเข้าไปแล้ว แสดงว่า เอกภพ จักรภพ หรืออะไรนี่ ใหญ่กว่านี้เยอะ
ก็เข้าธรรมะอีก ว่า พระท่านคงรับรู้ สิ่งที่เดินทางมาไกล มาก จากจิต ของท่าน
ทำให้ ท่านปล่อยวาง และว่างเปล่า
อิอิ
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
ใหญ่จริงๆ ขนาดของเอกภพ
โพสต์ที่ 21
มันใหญ่แค่ไหน (แล้วนี่มันเรื่องจริงหรือเปล่า หรือมายากะจริงคือสิ่งเดียวกัน :lol: ) ยังไม่มีใครตอบได้ชัดเจนมั้ง
แต่เท่าที่เข้าใจ นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ ตอนนี้ ในยุคนี้ ท่าทางว่าเขายอมรับในทฤษฏีขยาย มากกว่าคงที่ (เพราะคงที่อ่ะ มันขัดกะหลักการเชิงประจักษ์ คือมีการวัดได้ด้วยแสงของดาว หรือเว้าง่ายๆ เราเห็นๆกันอยู่ว่าทุกอย่างขยาย)
คือประมาณ พอบิ๊คแบงปุ๊บ ก็มีขั้นตอนนั่นนี่ ว่าไป จนกระทั่ง มีโลก จนโลกมีสิ่งมีชีวิต เราก็คือสัตว์ทั้งหลาย แต่บังเอิญเราพัฒนาได้ครองโลก จึงยกตนว่าเป็นสัตว์ประเสริฐกว่าสายพันธุ์อื่นๆทั้งหมด
แล้วคือ โลกเรานี่ อยู่ในระบบสุริยะ ประมาณว่าเราเป็นลิ่วล้อของดวงอาทิตย์ ถ้าพวกลิ่วล้อ ไม่ได้ความร้อนจากพี่ใหญ่ทิตย์ เราจะตายดับดิ้น
พี่ทิตย์พอดับลง จะกลายเป็นดาวที่หดตัว ประมาณว่าย้อนกลับ คือหดเข้าๆไปจนควบแน่น เป็นเล็กจิ๋วริ๋ว แล้วจะมีพลังสูง ดูดโลก และลิ่วล้อที่อยู่ใกล้ตัวตายดับเข้าไปควบแน่นรวมกัน แต่ไอ้พวกดวงใหญ่ที่อยู่วงไกลๆ เช่น เสาร์ พฤหัส ไรเนี่ย อาจจะโดนผลักออก จริงๆไม่เชิงผลัก แต่ประมาณว่า พี่ทิตย์ตาย ก็ไม่มีบารมีอะไรที่จะดึงให้ลิ่วล้อที่อยู่ไกลๆ เอาไว้ได้เหมือนเดิม พวกนั้นก็ลอยเพ้อเจ้อไป เหมือนผีไร้ญาติเลย น่าสงสาร
แล้วก๊กสุริยะนี่ เป็นแค่ก๊กปลายแถวนะ ประมาณว่าเราอยู่กันแถวๆชานเมืองเลย คือ อีตรงขอบๆชายแดนอ่ะ ของระบบกาแล๊คซี่ใหญ่นะ มันจะมีหลายก๊กเลย ลิ่วล้อหมุนรอบพี่ใหญ่ แล้วทุกก๊กก็อยู่รอบกาแล๊คซี่อีกที
แล้วในกาแลกซี่นี่ ก็เต็มไปด้วย หลุมดำ อ่ะนะ คือหลุมดำนี่ เมื่อก่อนมันเป็นดาวเฉิดฉายไฉไลนี่อ่ะ แต่พอหมดบารมี ก็หดควบแน่น แล้วเขาว่าเป็นจุดเล็กกกกกกกกกกกกกกก มากกกกกกกกกกกก แล้วเวลาดาวอะไร เดินเอ๋อๆไปใกล้ได้ระยะ มันดูดลงหลุมไปเลย
นักวิทย์ ก็ไม่สามารถตอบได้ ว่าดูดลงไปแล้วไปไหน(หรือคงเหมือนดูดเข้าไปควบแน่นกะตัวมัน) มันเป้นจุดจิ๋วลอยดำๆอยู่ แต่เวลามันดูด มันดึงดาวเข้าตัว แล้วทึ้งฉีกขาดกระจุย ดูดสูบ ยังกะลงหลุม เขาเลยเรียกหลุมดำ
แล้วเขาก็ไม่รู้ว่ามีทั้งหมดกี่หลุม แต่เห็นว่าค้นพบเจอหลุมใหม่เรื่อยๆเลย
แล้วหนักกว่านั้นนะ คือเข้าใจว่า มีอยู่หลายกาแล๊คซี่เลย ไม่แน่ใจจำนวน แต่ที่พอจะจำได้คือ มีอีกบานเลย ที่ลอยอยู่ในเอกภพเนี่ย (ไปเที่ยวท้องฟ้าจำลองสิ เขาทำจอฉายเจ๋งมาก)
แล้วก็ที่เขาเชื่อกันนี่อ่ะคะ ว่าจำนวนกาแล๊คซี่มันเพิ่ม หรือไม่ก็คือ ระยะห่างของกาแล๊คซี่นี่ขยายจากกัน ก็คือว่า จักรวาลนี้ขยายเขตอยู่เรื่อยๆ....ซึ่งตรงนี้แหละ มนุษย์ก็ไม่สามารถหยุดการค้นหาได้ ว่า มันจะขยายไปถึงไหน(เหมือนรู้กำเนิด แต่ไม่รู้ตอนตาย) แต่บางทฤษฏีว่า พอขยายไปถึงจุดนึง แล้วจะยุบแล้ว จะเริ่มหดควบลงมา แล้วปฏิกิริยาย้อนกลับ ...เนี่ย คุ้นๆนะ คล้ายทฤษฏี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
แล้วพออ่านมาถึงเกี่ยวกะเรื่อง บิ๊คแบง (บางทีก็ชอบดูสารคดีเกี่ยวกะบิ๊คแบง)
คือตอนแรก มันเหมือนไม่มีอะไร ก็ว่างๆดำๆโล่งๆ แล้วมันเกิดการรวมตัวกัน แล้วมีธาตุ4-5 อย่างหลักๆมั้ง แล้วคงจะเสียดกันอ่ะ อาจจะเหมือนเดินชนไหล่เหยียบเท้ากันในผับหรือไงไม่ทราบ :lol:
มันก้เกิดที่เรียกว่า บิ๊คแบง มีเสี่ยงตูมเปล่าไม่มีใครรู้ แต่มีคนตรวจวัดได้ว่าทุกวันนี้ยังมีการจับเสียงคลื่นรังสี หลังจากการเกิดบิ๊คแบง เสียงซ่าๆเหมือนตอนทีวีปิดสถานี เสียงนี้วัดได้ทั่วไปเลย ไม่ว่าจุดไหนๆก้จะมีเสียงรังสีนี้เหมือนกัน เป็นการยืนยันว่ามีบิ๊คแบง และยันว่าบิ๊คแบงเกิดแล้วมันทำให้เกิดธาตุเกิดไรต่างๆ มันเลยเดเวลอปมาเรื่อย แล้วทุกอย่างมันขยาย มันแปรรูปไป ...อะไรก็ตามที่มีอยู่ในจักรวาลนี้ มีที่มาเดียวกัน
อ่านเรื่องธาตุ เรื่องวิธีบิ๊คแบง แล้วลองกลับมาอ่าน สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ คือธาตุหรือว่าคือธรรมอ่ะอ่ะ มีหลักๆ สองชนิด คือ สังขตะ และ อสังขตะ
แล้วมาฟังเรื่องๆนึงที่ ท่านพุทธทาส เล่าเรื่อง เรามองไปข้างหน้าโล่งๆนี่สมมติคือ ความว่าง แล้วเอาโต๊ะมาตั้งใส่เข้าไปตรงนั้น แล้วพอยกเอาโต๊ะออกไป หรือโต๊ะแปรรูปไป แล้วเรายังเห็นความว่างก้ยังอยู่
แต่จริงๆ "ว่าง" นั้นมันอยู่ตลอด มันไม่ได้ไปไหน และมันไม่ได้แปรเปลี่ยนไปได้อีกด้วย มันซ้อนกันกะโต๊ะอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ มันอยู่ด้วยกัน ตอนที่โตะเข้ามาทรงตัวอยู่ แต่ความว่างนั้น มันก็ทรงตัวอยู่ของมัน
ว่าง มันเป็นชนิดที่ ไม่เปลี่ยน และไม่ต้องพึ่งพาอย่างอื่นเพื่อจะทรงตัวอยู่
แต่ ไม่ว่าง มันเป็นชนิดที่เปลี่ยนได้ และต้องพึ่งกรือไปเกี่ยวพันกะปัจจัยอย่างอื่นได้ด้วย แต่มันก็ทรงตัวอยู่ได้ของมันแม้มันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
อ้าว ไปใหญ่เลยช้านน :oops: จากท้องฟ้าจำลอง มาถึงนี่ได้ เพ้อไปแล้วจบไม่ลง จบดื้อๆเลยแล้วกันตรงนี้นะคะ
:lol:
แต่เท่าที่เข้าใจ นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ ตอนนี้ ในยุคนี้ ท่าทางว่าเขายอมรับในทฤษฏีขยาย มากกว่าคงที่ (เพราะคงที่อ่ะ มันขัดกะหลักการเชิงประจักษ์ คือมีการวัดได้ด้วยแสงของดาว หรือเว้าง่ายๆ เราเห็นๆกันอยู่ว่าทุกอย่างขยาย)
คือประมาณ พอบิ๊คแบงปุ๊บ ก็มีขั้นตอนนั่นนี่ ว่าไป จนกระทั่ง มีโลก จนโลกมีสิ่งมีชีวิต เราก็คือสัตว์ทั้งหลาย แต่บังเอิญเราพัฒนาได้ครองโลก จึงยกตนว่าเป็นสัตว์ประเสริฐกว่าสายพันธุ์อื่นๆทั้งหมด
แล้วคือ โลกเรานี่ อยู่ในระบบสุริยะ ประมาณว่าเราเป็นลิ่วล้อของดวงอาทิตย์ ถ้าพวกลิ่วล้อ ไม่ได้ความร้อนจากพี่ใหญ่ทิตย์ เราจะตายดับดิ้น
พี่ทิตย์พอดับลง จะกลายเป็นดาวที่หดตัว ประมาณว่าย้อนกลับ คือหดเข้าๆไปจนควบแน่น เป็นเล็กจิ๋วริ๋ว แล้วจะมีพลังสูง ดูดโลก และลิ่วล้อที่อยู่ใกล้ตัวตายดับเข้าไปควบแน่นรวมกัน แต่ไอ้พวกดวงใหญ่ที่อยู่วงไกลๆ เช่น เสาร์ พฤหัส ไรเนี่ย อาจจะโดนผลักออก จริงๆไม่เชิงผลัก แต่ประมาณว่า พี่ทิตย์ตาย ก็ไม่มีบารมีอะไรที่จะดึงให้ลิ่วล้อที่อยู่ไกลๆ เอาไว้ได้เหมือนเดิม พวกนั้นก็ลอยเพ้อเจ้อไป เหมือนผีไร้ญาติเลย น่าสงสาร
แล้วก๊กสุริยะนี่ เป็นแค่ก๊กปลายแถวนะ ประมาณว่าเราอยู่กันแถวๆชานเมืองเลย คือ อีตรงขอบๆชายแดนอ่ะ ของระบบกาแล๊คซี่ใหญ่นะ มันจะมีหลายก๊กเลย ลิ่วล้อหมุนรอบพี่ใหญ่ แล้วทุกก๊กก็อยู่รอบกาแล๊คซี่อีกที
แล้วในกาแลกซี่นี่ ก็เต็มไปด้วย หลุมดำ อ่ะนะ คือหลุมดำนี่ เมื่อก่อนมันเป็นดาวเฉิดฉายไฉไลนี่อ่ะ แต่พอหมดบารมี ก็หดควบแน่น แล้วเขาว่าเป็นจุดเล็กกกกกกกกกกกกกกก มากกกกกกกกกกกก แล้วเวลาดาวอะไร เดินเอ๋อๆไปใกล้ได้ระยะ มันดูดลงหลุมไปเลย
นักวิทย์ ก็ไม่สามารถตอบได้ ว่าดูดลงไปแล้วไปไหน(หรือคงเหมือนดูดเข้าไปควบแน่นกะตัวมัน) มันเป้นจุดจิ๋วลอยดำๆอยู่ แต่เวลามันดูด มันดึงดาวเข้าตัว แล้วทึ้งฉีกขาดกระจุย ดูดสูบ ยังกะลงหลุม เขาเลยเรียกหลุมดำ
แล้วเขาก็ไม่รู้ว่ามีทั้งหมดกี่หลุม แต่เห็นว่าค้นพบเจอหลุมใหม่เรื่อยๆเลย
แล้วหนักกว่านั้นนะ คือเข้าใจว่า มีอยู่หลายกาแล๊คซี่เลย ไม่แน่ใจจำนวน แต่ที่พอจะจำได้คือ มีอีกบานเลย ที่ลอยอยู่ในเอกภพเนี่ย (ไปเที่ยวท้องฟ้าจำลองสิ เขาทำจอฉายเจ๋งมาก)
แล้วก็ที่เขาเชื่อกันนี่อ่ะคะ ว่าจำนวนกาแล๊คซี่มันเพิ่ม หรือไม่ก็คือ ระยะห่างของกาแล๊คซี่นี่ขยายจากกัน ก็คือว่า จักรวาลนี้ขยายเขตอยู่เรื่อยๆ....ซึ่งตรงนี้แหละ มนุษย์ก็ไม่สามารถหยุดการค้นหาได้ ว่า มันจะขยายไปถึงไหน(เหมือนรู้กำเนิด แต่ไม่รู้ตอนตาย) แต่บางทฤษฏีว่า พอขยายไปถึงจุดนึง แล้วจะยุบแล้ว จะเริ่มหดควบลงมา แล้วปฏิกิริยาย้อนกลับ ...เนี่ย คุ้นๆนะ คล้ายทฤษฏี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
แล้วพออ่านมาถึงเกี่ยวกะเรื่อง บิ๊คแบง (บางทีก็ชอบดูสารคดีเกี่ยวกะบิ๊คแบง)
คือตอนแรก มันเหมือนไม่มีอะไร ก็ว่างๆดำๆโล่งๆ แล้วมันเกิดการรวมตัวกัน แล้วมีธาตุ4-5 อย่างหลักๆมั้ง แล้วคงจะเสียดกันอ่ะ อาจจะเหมือนเดินชนไหล่เหยียบเท้ากันในผับหรือไงไม่ทราบ :lol:
มันก้เกิดที่เรียกว่า บิ๊คแบง มีเสี่ยงตูมเปล่าไม่มีใครรู้ แต่มีคนตรวจวัดได้ว่าทุกวันนี้ยังมีการจับเสียงคลื่นรังสี หลังจากการเกิดบิ๊คแบง เสียงซ่าๆเหมือนตอนทีวีปิดสถานี เสียงนี้วัดได้ทั่วไปเลย ไม่ว่าจุดไหนๆก้จะมีเสียงรังสีนี้เหมือนกัน เป็นการยืนยันว่ามีบิ๊คแบง และยันว่าบิ๊คแบงเกิดแล้วมันทำให้เกิดธาตุเกิดไรต่างๆ มันเลยเดเวลอปมาเรื่อย แล้วทุกอย่างมันขยาย มันแปรรูปไป ...อะไรก็ตามที่มีอยู่ในจักรวาลนี้ มีที่มาเดียวกัน
อ่านเรื่องธาตุ เรื่องวิธีบิ๊คแบง แล้วลองกลับมาอ่าน สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ คือธาตุหรือว่าคือธรรมอ่ะอ่ะ มีหลักๆ สองชนิด คือ สังขตะ และ อสังขตะ
แล้วมาฟังเรื่องๆนึงที่ ท่านพุทธทาส เล่าเรื่อง เรามองไปข้างหน้าโล่งๆนี่สมมติคือ ความว่าง แล้วเอาโต๊ะมาตั้งใส่เข้าไปตรงนั้น แล้วพอยกเอาโต๊ะออกไป หรือโต๊ะแปรรูปไป แล้วเรายังเห็นความว่างก้ยังอยู่
แต่จริงๆ "ว่าง" นั้นมันอยู่ตลอด มันไม่ได้ไปไหน และมันไม่ได้แปรเปลี่ยนไปได้อีกด้วย มันซ้อนกันกะโต๊ะอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ มันอยู่ด้วยกัน ตอนที่โตะเข้ามาทรงตัวอยู่ แต่ความว่างนั้น มันก็ทรงตัวอยู่ของมัน
ว่าง มันเป็นชนิดที่ ไม่เปลี่ยน และไม่ต้องพึ่งพาอย่างอื่นเพื่อจะทรงตัวอยู่
แต่ ไม่ว่าง มันเป็นชนิดที่เปลี่ยนได้ และต้องพึ่งกรือไปเกี่ยวพันกะปัจจัยอย่างอื่นได้ด้วย แต่มันก็ทรงตัวอยู่ได้ของมันแม้มันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
อ้าว ไปใหญ่เลยช้านน :oops: จากท้องฟ้าจำลอง มาถึงนี่ได้ เพ้อไปแล้วจบไม่ลง จบดื้อๆเลยแล้วกันตรงนี้นะคะ
:lol: