...เหตุการณ์หนึ่งที่ผมสังเกตได้ทุกครั้งที่หุ้นลงมาอย่างรวดเร็ว
...ผู้คนมักจะข่นหุ้นมาขายแทบจะหมดพอร์ตเพื่อลดความเสียหายจากการลดลงของราคาหุ้น
...บางคนก็โชคดีที่ขายแล้วราคาหุ้นยังลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่บางท่านโชคร้ายที่ขายแล้วราคาหุ้นกับปรับตัวสูงขึ้น
...นั้นคือการกระทำที่คนมีหุ้นส่วนใหญทำกัน
...แต่ถ้าเราถือเงินสดอยู่ล่ะ
...สิ่งหนึ่งที่มักจะได้ยินคำตอบคือคอย
...แต่ลองถามต่อไปว่าที่เราคอยนั้นเพราะ เรากำลังกลัวหรือกำลังโลภ
...กลัวเพราะกลัวว่าซื้อแล้วราคาหุ้นจะลงต่อ
...โลภเพราะคิดว่าถ้าซื้อได้ถูกกว่านี้กำไรก็จะมากกว่านี้
...ผมก็เป็นเหมือนกันคับ ทุกครั้งที่ผมจะซื้อหุ้นผมมักจะคอยให้ราคาลงมาถึงราคาที่ต้องการแล้วจึงซื้อซึ่งบ้างครั้งรอกันเป็นปี
...แต่พอหุ้นตกหนักๆ ราคาหุ้นมาถึงราคาที่ต้องการซื้อแล้วผมมักจะไม่กล้าที่จะซื้อ
...นั้นทำให้ผมพลาดโอกาสทองในการลงทุนหลายต่อหลายครั้ง
...และผมคิดว่าหลายๆ คนก็เป็นเช่นเดียวกับผม
...ในสถานการณ์อย่างนี้เราควรทำอย่างไร ผมคิดว่าหลายคนคงมีคำตอบในใจแล้ว
...ให้เรารู้จักกลัวในสิ่งที่เราไม่รู้ และโลภในสิ่งที่เราเข้าใจเป็นดีที่สุด
เรากำลังกลัวหรือกำลังโลภ
-
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
เรากำลังกลัวหรือกำลังโลภ
โพสต์ที่ 1
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
-
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
เรากำลังกลัวหรือกำลังโลภ
โพสต์ที่ 3
เวลาเรากลัวอะไรมักเกิดจากสิ่งที่เราไม่รู้หรือไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเรามีความรู้หรือความสามารถที่จะคาดการณ์ได้เราก็สามารถกำจัดความกลัวนั้นได้
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
เรากำลังกลัวหรือกำลังโลภ
โพสต์ที่ 4
ถึงบางครั้งเราทราบว่าบริษัทนั้นๆเป็นอย่างไร
มูลค่าที่แท้จริงที่เราประมาณเป็นเท่าไหร่
แต่มีหลายครั้งที่ อารมณ์ของคนในตลาดเข้ามามีส่วนกับราคาหุ้น
เพราะงั้นถ้าไม่อยากเสียดายว่าตกรถ
ก็อาจซื้อเมื่อราคาลงมาถึงขีดหนึ่ง
ซึ่งเราทราบว่า ยังไงราคาก็"น่าจะ
"สูงกว่านี้น่า
ถ้าราคานั้น sale อยู่แล้ว
บางทีก็เป็นการยากครับว่าเราจะทราบว่า ราคาที่ sale สุดๆเป็นเท่าไหร่
แค่เราทราบว่าราคานั้น sale อยู่แล้ว
ซื้อมาคุ้มค่าแล้ว
เรามีความสุขที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของกิจการนั้นแล้ว
(และถ้าเราแบ่งเงินสดไว้เตรียมซื้อเพิ่มอีกบ้างแล้ว
)
ก็ซื้อหุ้นเถิดครับ
มีหล่ยครั้งที่เราเสียดาย ดีกว่าเสียน้ำตา
แต่ก็หลายครั้งที่เราชอบบอกว่า "รู้งี้ ฯลฯ"
ดังนั้นตัวเราเองจะต้องยอมรับการตัดสินใจลงทุนของเราครับ
มีความสุขในการลงทุนหุ้นคุณค่าครับผม
มูลค่าที่แท้จริงที่เราประมาณเป็นเท่าไหร่
แต่มีหลายครั้งที่ อารมณ์ของคนในตลาดเข้ามามีส่วนกับราคาหุ้น
เพราะงั้นถ้าไม่อยากเสียดายว่าตกรถ
ก็อาจซื้อเมื่อราคาลงมาถึงขีดหนึ่ง
ซึ่งเราทราบว่า ยังไงราคาก็"น่าจะ

ถ้าราคานั้น sale อยู่แล้ว
บางทีก็เป็นการยากครับว่าเราจะทราบว่า ราคาที่ sale สุดๆเป็นเท่าไหร่
แค่เราทราบว่าราคานั้น sale อยู่แล้ว
ซื้อมาคุ้มค่าแล้ว
เรามีความสุขที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของกิจการนั้นแล้ว
(และถ้าเราแบ่งเงินสดไว้เตรียมซื้อเพิ่มอีกบ้างแล้ว

ก็ซื้อหุ้นเถิดครับ
มีหล่ยครั้งที่เราเสียดาย ดีกว่าเสียน้ำตา
แต่ก็หลายครั้งที่เราชอบบอกว่า "รู้งี้ ฯลฯ"
ดังนั้นตัวเราเองจะต้องยอมรับการตัดสินใจลงทุนของเราครับ
มีความสุขในการลงทุนหุ้นคุณค่าครับผม

อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ