เข็มทิศชีวิต

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
RONNAPUM
Verified User
โพสต์: 1455
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ใครที่อ่านหนังสือเข็มทิศชีวิต แล้วสนใจศึกษาเพิ่มเติม เกี่ยวกับเข็มทิศชีวิต สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ web นี้นะครับ  อ่านแล้วดีมากเลยนะครับ

http://www.kemtidchewit.com/
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
ภาพประจำตัวสมาชิก
Akajon
Verified User
โพสต์: 530
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 2

โพสต์

thx kub  :)
กระโจมไฟ
Verified User
โพสต์: 199
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับ  :bow:
RONNAPUM
Verified User
โพสต์: 1455
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ช่วงนี้ใจไม่นิ่ง เลยหาธรรมอ่านมากหน่อยนำมาฝากอีกหนึ่ง web
http://www.fungdham.com/doojit2.html
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
RONNAPUM
Verified User
โพสต์: 1455
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 5

โพสต์

RONNAPUM เขียน:ช่วงนี้ใจไม่นิ่ง เลยหาธรรมอ่านมากหน่อยนำมาฝากอีกหนึ่ง web
http://www.fungdham.com/doojit2.html
บทความธรรมะ

http://www.fungdham.com/article.html
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
MindTrick
Verified User
โพสต์: 1289
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 6

โพสต์

RONNAPUM เขียน: บทความธรรมะ

http://www.fungdham.com/article.html
ลองทำดูครับ http://www.enggy.com/awake/awake02.html คิดว่าคงพอช่วยได้ครับ  :D
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Juninho
Verified User
โพสต์: 1050
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 7

โพสต์

อ่านเข็มทิศชีวิต จบแล้ว
แต่ไม่เข้าใจอย่างว่า  
การรู้สึกตัวตลอดเวลา จะทำให้เราพ้นทุกข์ได้อย่างไร

ผู้รู้ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ
ไป เว็บลานธรรม อ่านบทความของ
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ทำให้ได้ทราบวิธีการปฎิบัติแล้ว
แต่ปัญหาที่ผมข้องใจก็ยังไม่ได้คำตอบ เจอแต่ข้อความนี้

"รับรองว่าถ้าทำจริง ในระยะ ๓ ปี อย่างนาน ทำให้ติดต่อกันจริงๆ นะ อย่างกลาง ๑ ปี อย่างเร็วที่ สุดนับแต่ ๑ ถึง ๙๐ วัน อานิสงส์ไม่ต้องพูดถึงเลย ความทุกข์จะลดน้อยไปจริงๆ ทุกข์จะไม่มารบกวนเรา "

ปล.ขอแบบไม่เอาคำบาลีนะครับ เอาภาษาง่าย ๆ ขอบคุณครับ
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
...
Verified User
โพสต์: 1817
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 8

โพสต์

frog2 เขียน:การรู้สึกตัวตลอดเวลา จะทำให้เราพ้นทุกข์ได้อย่างไร
ขออธิบายแบบบ้านๆตามที่ผมเข้าใจนะครับ

การรู้สึกตัวตลอดเวลาหรือการมีสติอยู่ตลอดเวลานั้น อาจไม่ได้ทำให้เราพ้นทุกข์ในทันที แต่ก็ทำให้เรา"รู้"ว่า ณ.ขณะนั้นเรากำลังทำอะไรอยู่ อะไรคือเหตุและผลของการกระทำนั้น ความเข้าใจในธรรมชาติที่ตามมาจะช่วยให้เราดีขึ้น เช่นเรากำลังโมโหตัวเองที่ขายหมู ถ้าตอนนั้นเราไม่มีสติก็อาจพาลใส่คนรอบข้างได้ แต่ถ้าเรารู้ตัวว่ากำลังโกรธ และเมื่อมาพิจารณาถึงเหตุและผลที่เกิดขึ้น หมูหนอ หมูหนอ ก็จะทำให้เรา"เข้าใจ"และช่วยบรรเทาทุกข์ที่เกิดขึ้นได้ครับ

หรืออย่างที่เซียนท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ เวลาที่ท่านวิ่งออกกำลังกายเมื่อกำหนดลมหายใจเข้าออกได้แล้ว ความสงบที่ได้มาก็คือสวรรค์ดีๆนี่เอง
แมงเม่าบินเข้ากลางใจ
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ซื้อของ 7-11 ครบ 40 บาท
แลกซื้อในราคา 59 บาท
ถ้าซื้อหนังสืออย่างเดียว 108 บาท

วันนี้ไปสอยมาแล้ว
:)
:)
MindTrick
Verified User
โพสต์: 1289
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 10

โพสต์

miracle เขียน:ซื้อของ 7-11 ครบ 40 บาท
แลกซื้อในราคา 59 บาท
ถ้าซื้อหนังสืออย่างเดียว 108 บาท

วันนี้ไปสอยมาแล้ว
:)
อ้าว ผมเห็น หมดเขตไป 25เม.ย. ....โดนหลอกอีกละ :lol:
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
คนเรือ VI
Verified User
โพสต์: 1647
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 11

โพสต์

อ่านเข็มทิศชีวิต จบแล้ว
แต่ไม่เข้าใจอย่างว่า  
การรู้สึกตัวตลอดเวลา จะทำให้เราพ้นทุกข์ได้อย่างไร
อ่านไปก็ไม่รู้ครับต้องไปปฎิบัติครับ
. . .
RONNAPUM
Verified User
โพสต์: 1455
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 12

โพสต์

[quote="frog2"]อ่านเข็มทิศชีวิต จบแล้ว
แต่ไม่เข้าใจอย่างว่า
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
RONNAPUM
Verified User
โพสต์: 1455
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 13

โพสต์

[quote="RONNAPUM"][quote="frog2"]อ่านเข็มทิศชีวิต จบแล้ว
แต่ไม่เข้าใจอย่างว่า
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
wiras
Verified User
โพสต์: 86
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 14

โพสต์

อ่านเข็มทิศชีวิต จบแล้ว
แต่ไม่เข้าใจอย่างว่า  
การรู้สึกตัวตลอดเวลา จะทำให้เราพ้นทุกข์ได้อย่างไร
การรู้สึกตัวตลอดเวลานั้นทำไม่ได้จริงครับ เพราะจิตมีธรรมชาติที่ไม่นิ่ง จะวิ่งไปตามทวารต่างๆคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจตามแต่เหตุปัจจัย ความรู้สึกตัวจะเกิดได้เพียงแค่ชั่วขณะ แล้วก็จะหลงไปอีกทางทวารทั้ง 6 คือหลงไปดู หลงไปฟัง หลงได้กลิ่น หลงสัมผัสทางกาย และหลงไปคิด แต่ทวารที่คนจะหลงได้บ่อยที่สุดคือทางใจ คือหลงไปคิด นั่นคือเรามักจะเผลอไปคิด หรือใจลอย มากที่สุด  หน้าที่ของเราคือตามรู้ไปเรื่อยๆหลงไปทางใดก็ให้รู้ตัว ยิ่งรู้ตัวว่าหลงได้บ่อยๆ ถี่ๆยิ่งดี แรกๆอาจจะรู้ตัวว่าหลงได้ไม่บ่อย นานๆจึงรู้ตัวที พอรู้ไปเรื่อยๆจิตก็จะรู้ตัวได้บ่อยขึ้น ถี่ขึ้น พอนานๆเข้า จิตเขาจะวิวัฒน์ไปได้เองโดยทีเราไม่ได้ทำ ไม่ได้บังคับ จิตเขาจะเข้าใจได้เองว่า ทุกสิ่ง ทุกอย่างมีเกิดก็มีดับ ทุกอย่างเป็นของชั่วคราว จิตเขาก็จะสลัดความเห็นผิดได้ว่า ทุกอย่างคือกายและใจ ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา ถึงขั้นนี้คือจิตได้พลิกเปลี่ยนไปแล้วที่พระพูทธเจ้าท่านให้ชื่อว่า "โสดาบัน" แต่กิเลสอื่นๆคือ ราคะ โทสะ โมหะก็ยังมีอยู่  ต่อจากนี้หน้าที่ก็คือการเจริญสติ รู้สึกตัวต่อไปเช่นเดิม  สติก็จะว่องไวขึ้นไปอีก ถึงจุดหนี่งจิตก็จะวิวัฒน์เปลี่ยนอีกครั้ง เรียกว่า "สกิทาคามี" ในชั้นนี้สติจะมีความว่องไวมาก กิเลสทีีมี่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ความรู้สึกตัวก็จะเกิดขึ้น กิเลสนั้นก็จะขาดไปทันที ไม่มีโอกาสที่จะขยายตัวเติบโตไปเป็นกิเลสหยาบๆได้   ต่อจากนี้ก็เจริญสติรู้สึกตัวต่อไปอีกสติก็จะมีความว่องไวขึ้นไปอีกเป็นลำดับ จนถึงจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ครั้งนี้เรียกว่า "อนาคามี" ในขั้นนี้จิตเขาจะสลัดกาย หรือละกายได้แล้ว ไม่มีความหวงกายนี้อีกต่อไป  ในขั้น โสดาบัน และสกิทาคามีนั้นแม้จะรู้แล้วว่ากายนี้ ใจนี้ไม่ใช่ของเรา แต่ก็ยังหวงกาย หวงใจอยู่ ไม่ยอมคืนกาย คืนใจให้กับธรรมชาติ  ในขั้น อนาคามีนี้กิเลสที่ถูกละได้อย่างเด็ดขาดแล้วคือราคะและโทสะ   หน้าที่ต่อไปก็ยังเหมือนเดิมคือเจริญสติ รู้สึกตัวต่อไป จนนานเข้า จิตที่อิ่มแล้ว พอแล้วก็จะวิวัฒน์เป็นครั้งสุดท้าย เปลี่ยนไปสู่สภาวะที่เรียกว่า "พระอรหันต์" ถึงขั้นนี้จิตจะละวางความหวงแหนจิต สลัดคืนจิต คีนสู่ธรรมชาติ ไม่มีความหวงแหนจิตอีกต่อไป กิเลสตัวสุดท้ายคือโมหะ จะถูกละได้อย่างเด็ดขาด จิตเข้าสู่สภาวะของ "วิชชา" เพราะจิตเข้าใจแล้ว ว่ากายนี้ ใจนี้ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน ไม่ใช่ของเราเป็นเพี่ยงแต่ธรรมชาติ ที่มาประชุมพร้อมกันเท่านั้น  จิตจึงปราศจากความทุกข์  แม้กายจะเจ็บป่วยจะทุกข์ แต่จิตก็ไม่ทุกข์ตามไปด้วย   ในขั้นนี้เมือกายถึงกาลแตกดับไปแล้ว จิตก็ จะกลับคืนเป็นพลังงานคืนสู่ธรรมชาติ ไม่มีการเวี่ยนว่าย ตาย เกิด ในวัฎฎสงสารอีกต่อไป     ความมีสติรู้สึกตัว จึงทำให้เราพ้นทุกข์ได้ด้วยประการฉะนี้ครับ   รายละเอียด ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก พระธรรมเทศนาของ หลวงพ่อ ปราโมทย์ ปาโมชโช ได้ที่นี่ครับ  (ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล พระกรรมฐานสายวัดป่า หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ท่านก็เป็นศิษย์ของพระอาจารย์ใหญ่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต   ครับ)
http://www.wimutti.net/pramote/
ภาพประจำตัวสมาชิก
doodeemak
Verified User
โพสต์: 411
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 15

โพสต์

:bow:  ขอบคุณทุกท่านสำหรับ Link เว็บดีๆครับ
Inactive investor
August
Verified User
โพสต์: 510
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ตามไปดูแล้วครับ

ขอบคุณครับ
:D
ภาพประจำตัวสมาชิก
krisy
Verified User
โพสต์: 736
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 17

โพสต์

อ่านผ่านๆไปบ้าง ไม่ค่อยเข้าใจเลย
แต่ทุกวันพยายามเป็นคนมีความสุขง่ายๆ (คิดมากปวดหัว) ก็เลยต้องพักเล่มนี้ไว้ก่อน เพราะอ่านแล้วปวดหนักกว่าเดิม
.....Give Everything but not Give Up.....
RONNAPUM
Verified User
โพสต์: 1455
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 18

โพสต์

krisy เขียน:อ่านผ่านๆไปบ้าง ไม่ค่อยเข้าใจเลย
แต่ทุกวันพยายามเป็นคนมีความสุขง่ายๆ (คิดมากปวดหัว) ก็เลยต้องพักเล่มนี้ไว้ก่อน เพราะอ่านแล้วปวดหนักกว่าเดิม
เป็นวิธิการที่ถูกแล้วที่หยุดใว้ก่อน เพราะการที่เราจ้องและมุ่งมั้นจนเกินความพอดี จะทำให้เราเป็นทุกข์มาก ดั้งคำของพระพุทธเจ้า ท่านตรัสว่าให้เดินสายกลางนะดีที่สุด  
  หรือดั้งในหนังสือเข็มทิศชีวิต มีเรื่องเล่า มีการแข่งให้เอาตะเกียบคีบภูเขา จะทำอย่างไร ผูผเข้าแข่งขันทุกก็พยามคิดกันใหญ่ว่าจะทำอย่างดี แต่ก็คิดไม่ออก แต่มีเด็กคนหนึ่ง คิดออกโดยเขาเดินถอยห่างจากภูเขา เลื่อนๆ จนมองภูเขาเหลือขนาดเล็กมาก แล้วเขาก็เอาตะเกียบมาคีบสำเร็จ  
เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า การที่เราพยามทีมุ่งมันกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากไปจะทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าเรายอมถอยหรือหยุดจะทำให้เรา มองทุกสิ่งทุกอย่างได้กว้างขึ้นทำให้ปัญหานั้นๆ เล็กไปเลย ..
 
   " วันนี้คุณคิดไม่ออกแล้ว คุณหยุดและลองเดินถอยห่างบ้างหรือยัง "
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 19

โพสต์

ทุกอย่างมีเหตุและปัจจัยเสมอ
:)
:)
MindTrick
Verified User
โพสต์: 1289
ผู้ติดตาม: 0

เข็มทิศชีวิต

โพสต์ที่ 20

โพสต์

wiras เขียน: การรู้สึกตัวตลอดเวลานั้นทำไม่ได้จริงครับ เพราะจิตมีธรรมชาติที่ไม่นิ่ง จะวิ่งไปตามทวารต่างๆคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจตามแต่เหตุปัจจัย ความรู้สึกตัวจะเกิดได้เพียงแค่ชั่วขณะ แล้วก็จะหลงไปอีกทางทวารทั้ง 6 คือหลงไปดู หลงไปฟัง หลงได้กลิ่น หลงสัมผัสทางกาย และหลงไปคิด แต่ทวารที่คนจะหลงได้บ่อยที่สุดคือทางใจ คือหลงไปคิด นั่นคือเรามักจะเผลอไปคิด หรือใจลอย มากที่สุด  หน้าที่ของเราคือตามรู้ไปเรื่อยๆหลงไปทางใดก็ให้รู้ตัว ยิ่งรู้ตัวว่าหลงได้บ่อยๆ ถี่ๆยิ่งดี แรกๆอาจจะรู้ตัวว่าหลงได้ไม่บ่อย นานๆจึงรู้ตัวที พอรู้ไปเรื่อยๆจิตก็จะรู้ตัวได้บ่อยขึ้น ถี่ขึ้น พอนานๆเข้า จิตเขาจะวิวัฒน์ไปได้เองโดยทีเราไม่ได้ทำ ไม่ได้บังคับ จิตเขาจะเข้าใจได้เองว่า ทุกสิ่ง ทุกอย่างมีเกิดก็มีดับ ทุกอย่างเป็นของชั่วคราว จิตเขาก็จะสลัดความเห็นผิดได้ว่า ทุกอย่างคือกายและใจ ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา ถึงขั้นนี้คือจิตได้พลิกเปลี่ยนไปแล้วที่พระพูทธเจ้าท่านให้ชื่อว่า "โสดาบัน" แต่กิเลสอื่นๆคือ ราคะ โทสะ โมหะก็ยังมีอยู่  ต่อจากนี้หน้าที่ก็คือการเจริญสติ รู้สึกตัวต่อไปเช่นเดิม  สติก็จะว่องไวขึ้นไปอีก ถึงจุดหนี่งจิตก็จะวิวัฒน์เปลี่ยนอีกครั้ง เรียกว่า "สกิทาคามี" ในชั้นนี้สติจะมีความว่องไวมาก กิเลสทีีมี่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ความรู้สึกตัวก็จะเกิดขึ้น กิเลสนั้นก็จะขาดไปทันที ไม่มีโอกาสที่จะขยายตัวเติบโตไปเป็นกิเลสหยาบๆได้   ต่อจากนี้ก็เจริญสติรู้สึกตัวต่อไปอีกสติก็จะมีความว่องไวขึ้นไปอีกเป็นลำดับ จนถึงจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ครั้งนี้เรียกว่า "อนาคามี" ในขั้นนี้จิตเขาจะสลัดกาย หรือละกายได้แล้ว ไม่มีความหวงกายนี้อีกต่อไป  ในขั้น โสดาบัน และสกิทาคามีนั้นแม้จะรู้แล้วว่ากายนี้ ใจนี้ไม่ใช่ของเรา แต่ก็ยังหวงกาย หวงใจอยู่ ไม่ยอมคืนกาย คืนใจให้กับธรรมชาติ  ในขั้น อนาคามีนี้กิเลสที่ถูกละได้อย่างเด็ดขาดแล้วคือราคะและโทสะ   หน้าที่ต่อไปก็ยังเหมือนเดิมคือเจริญสติ รู้สึกตัวต่อไป จนนานเข้า จิตที่อิ่มแล้ว พอแล้วก็จะวิวัฒน์เป็นครั้งสุดท้าย เปลี่ยนไปสู่สภาวะที่เรียกว่า "พระอรหันต์" ถึงขั้นนี้จิตจะละวางความหวงแหนจิต สลัดคืนจิต คีนสู่ธรรมชาติ ไม่มีความหวงแหนจิตอีกต่อไป กิเลสตัวสุดท้ายคือโมหะ จะถูกละได้อย่างเด็ดขาด จิตเข้าสู่สภาวะของ "วิชชา" เพราะจิตเข้าใจแล้ว ว่ากายนี้ ใจนี้ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน ไม่ใช่ของเราเป็นเพี่ยงแต่ธรรมชาติ ที่มาประชุมพร้อมกันเท่านั้น  จิตจึงปราศจากความทุกข์  แม้กายจะเจ็บป่วยจะทุกข์ แต่จิตก็ไม่ทุกข์ตามไปด้วย   ในขั้นนี้เมือกายถึงกาลแตกดับไปแล้ว จิตก็ จะกลับคืนเป็นพลังงานคืนสู่ธรรมชาติ ไม่มีการเวี่ยนว่าย ตาย เกิด ในวัฎฎสงสารอีกต่อไป     ความมีสติรู้สึกตัว จึงทำให้เราพ้นทุกข์ได้ด้วยประการฉะนี้ครับ   รายละเอียด ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก พระธรรมเทศนาของ หลวงพ่อ ปราโมทย์ ปาโมชโช ได้ที่นี่ครับ  (ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล พระกรรมฐานสายวัดป่า หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ท่านก็เป็นศิษย์ของพระอาจารย์ใหญ่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต   ครับ)
http://www.wimutti.net/pramote/
ขอบคุณมากครับ  :D
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
โพสต์โพสต์