มีเรื่องขอปรึกษาคุณหมอหน่อยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
มีเรื่องขอปรึกษาคุณหมอหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1
ผมเดินทางไปอบรมที่ต่างประเทศ ตามกำหนดต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน แต่ระหว่างที่ทำการอบรมก็มีความรู้สึกคล้ายเป็นไข้ ทานอาหารก็ไม่ค่อยลง ผมเข้าใจว่าอากาศเปลี่ยน ก็เลยกินยาลดไข้มาตลอด 1 เดือนกว่า พอดีอาจารย์ที่ทำการอบรมต้องไปทำธุระที่อีกประเทศ ทางบริษัทฯ ต้นสังกัดเลยให้กลับมาก่อน แล้วค่อยไปอบรมต่อเมื่อทุกอย่างพร้อม พอกลับมา อาการเป็นไข้ก็ยังไม่หาย แถมมีอาการอ่อนเพลีย สมองมึนงงอยู่บ่อย ๆ เลยไปที่โรงพยาบาลแถวบ้าน (ชลบุรี) เมื่อวันที่ 2/ 4/ 51 เข้าไปตรวจเพื่อรักษาอาการที่เป็น แพทย์ที่ตรวจผม ตรวจแล้วก็ให้ไปเจาะเลือด ตอนนั้นก็คือแล้วแต่แพทย์ให้ทำอะไรก็ทำครับ มันเพลียแล้วก็มึนหัว พอได้ผลออกมาแล้ว แพทย์ก็สั่งยาให้ กลับไปรับทานที่บ้าน มียา ชื่อ ESSENTIAL 18 เม็ด และ วิตามิน B1,6,12 อีก 2 แผง ยา ESSENTIAL ให้ทานหลังอาหารทันที แนะนำให้ดื่มน้ำบ่อย ๆ พักผ่อนมาก ๆ แล้วอีก 3 เดือน ให้มาตรวจอีกครั้งนึง อ้อ มียาแอสไพรินด้วย บอกว่า ถ้ารู้สึกเป็นไข้ ก็ให้ทานหลังอาหาร ถ้าไม่มีอาการก็ไม่ต้องทาน พอกลับมาบ้าน เพื่อนที่เป็นเภสัช มาหาแล้วก็ขอดูว่า ยาอะไรบ้าง พอเห็นยา แล้วเขาก็ถามว่า คุณหมอบอกหรือเปล่าว่าเป็นอะไร ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า ลืมถาม เพื่อนบอกว่า ยา ESSENTIAL แพทย์มักจะสั่งให้กับคนไข้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบ แล้วอธิบายถึงอาการของผู้ที่เป็น รู้สึกว่า เป็นอาการเดียวกัน ซึ่งเขาบอกว่า โรคนี้ถ้าเป็นชนิดบี แล้วจะหายยาก บางทีก็จะเป็นพาหะต่อไป ปัญหาคือ ผมแต่งงานแล้ว ยังไม่มีบุตร ก็อยากมี แต่เกรงว่า จะเป็นการถ่ายทอดต่อไปยัง ภรรยา และ บุตรหรือไม่ ภรรยาผม เคยไปฉีดวัคซีนไวรัสตับบี แล้ว ผมควรทำอย่างไรครับ ปัจจุบันผมอายุ 48 สูง 171 cm. น้ำหนัก 74.5 kgs. ดื่มเหล้า,เบียร์ บ้าง นาน ๆ ครั้ง เลิกบุหรีมา 5 ปีแล้ว แต่พอดื่มทีไรก็ขอเพื่อนสูบทุกที ถ้าไม่ดื่มก็ไม่ได้สูบครับ กลางวันผมจะทำงานปกติ และจะสอนหนังสือเป็นรายได้พิเศษ ในช่วงเย็น ถึงประมาณ 3 ทุ่ม คุณหมอแนะนำให้งดสอนหนังสือ ซึ่งก็เป็นการขาดรายได้ไปพอสมควรครับ แต่ก็ตอนนี้ก็ยังไปสอนอยู่เพราะถ้าจะหยุดสอน อาจต้องรอให้จบคอร์สนี้ก่อน ถ้าผมเป็นไวรัสตับจริง ผมควรหยุดงานนี้หรือเปล่าครับ มีโรงพยาบาลไหนที่ทำการรักษาโรคนี้ได้บ้างครับ เพราะที่ฟังจากเพื่อน ว่า เขาจะรักษาไปตามอาการที่เป็น เคยได้ยินว่าที่ ร.พ.ราชวิถี มีความชำนาญด้านนี้ แต่ก็แนะนำว่าไม่ควรเปลี่ยนแพทย์ ควรให้แพทย์ที่เป็นเจ้าของไข้รักษาอย่างต่อเนื่องจะดีกว่า จะขอความเห็นของคุณหมอว่าผมควรจะต้องทำอย่างไรดีครับ
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
มีเรื่องขอปรึกษาคุณหมอหน่อยครับ
โพสต์ที่ 2
อาการ non-specific symptom มากๆ ครับ
ขอความกรุณา ลองไปขอผลเลือด หรือ กลับไปถามแพทย์ คนเดิม
ว่า ตกลงเป็นอะไร - เพราะอะไร
และ ผลการเจาะเลือด ที่เคยเจาะไว้ จะช่วยได้มากครับ
การเป็น-ไม่เป็นไวรัสตับ อักเสบ ผมว่า ยังไงหมอก็น่าจะบอกนะครับ
ให้พอเดาออกก่อนว่าเป็นอะไร จะได้ แนะนำ ต่อได้ถูกครับ
ไม่งั้นแนะนำไปแบบ ไว้รัสตับอักเสบเรื้อรัง ปรากฎว่าไม่ใช่ จะงงเปล่าๆ ครับ
ยังไงลองกลับไปถามอีกที ไม่น่าจะเสียค่าใช้จ่ายอะไร (เทียบกับต้องไป รพ ใหม่) แล้วลองมา เล่าให้ฟังอีกทีนะครับ
ขอความกรุณา ลองไปขอผลเลือด หรือ กลับไปถามแพทย์ คนเดิม
ว่า ตกลงเป็นอะไร - เพราะอะไร
และ ผลการเจาะเลือด ที่เคยเจาะไว้ จะช่วยได้มากครับ
การเป็น-ไม่เป็นไวรัสตับ อักเสบ ผมว่า ยังไงหมอก็น่าจะบอกนะครับ
ให้พอเดาออกก่อนว่าเป็นอะไร จะได้ แนะนำ ต่อได้ถูกครับ
ไม่งั้นแนะนำไปแบบ ไว้รัสตับอักเสบเรื้อรัง ปรากฎว่าไม่ใช่ จะงงเปล่าๆ ครับ
ยังไงลองกลับไปถามอีกที ไม่น่าจะเสียค่าใช้จ่ายอะไร (เทียบกับต้องไป รพ ใหม่) แล้วลองมา เล่าให้ฟังอีกทีนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
มีเรื่องขอปรึกษาคุณหมอหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4
วันนี้ไปพบกับคุณหมอแล้วครับ ได้รับแจ้งว่า เป็นไวรัสตับอักเสบบี ได้วิตามินมาอีกถุงนึงครับ ส่วนที่จะเป็นเรื้อรัง / พาหะ หรือไม่ อีก 3 เดือน ให้มาตรวจซ้ำครับ คุณหมอบอกว่า จากการซักประวัติแล้ว คุณพ่อของผมเสียชีวิต จากมะเร็งตับ ผมจึงมีโอกาสที่จะได้รับเชื้อไวรัสนี้ทางกรรมพันธุ์ ซึ่งหมายความว่า มีความน่าจะเป็นตับอักเสบเรื้อรังและเป็นพาหะด้วย มีข้อห้ามให้งดอาหารหมักดองและอาหารประเภทไขมัน ให้พักผ่อนมาก ๆ เปลี่ยนแปลงการออกกำลังกายให้เบาลง ทานน้ำเยอะ ๆ บ่อย ๆ นอกนั้นไม่มีอะไร เพียงแต่ให้มาตรวจซ้ำตามกำหนด เท่าที่ถามจากคุณหมอ ยังไม่มีการรักษาให้หายขาดได้ ส่วนยาที่คุณหมอสังให้ (ESSENTIAL) คุณหมอบอกว่า ช่วยในการละลายไขมันที่ตับ เพื่อให้ตับทำงานได้ดีขึ้น แต่อาจมีผลข้างเคียง ให้ทานตามแพทย์สั่งเท่านั้น
ไม่ทราบจะเป็นการ Over Reacting หรือเปล่า คือผมอยากทราบว่า
- ก่อนหน้านี้ 8 ปี ผมไม่เคยป่วยเลย (หวัดก็ยังไม่เป็น) แล้วอยู่ ๆ ก็มาเป็นเลยสงสัยว่า เราจะทราบได้อย่างไรว่าเราเป็นโรคนี้ครับ (กรณีเป็นตับอักเสบเรื้อรัง)
- โรคนี้จะติดต่อกันทางไหนบ้างครับ
- การดูแลรักษาตามที่คุณหมอแนะนำมา ผมต้องปฏิบัติอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าครับ
- การป้องกันโรค ในกรณีที่อยากมีบุตรต้องทำอย่างไรบ้างครับ
ขอความกรุณาคุณหมอช่วยชี้แนะให้ด้วยครับ
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
ไม่ทราบจะเป็นการ Over Reacting หรือเปล่า คือผมอยากทราบว่า
- ก่อนหน้านี้ 8 ปี ผมไม่เคยป่วยเลย (หวัดก็ยังไม่เป็น) แล้วอยู่ ๆ ก็มาเป็นเลยสงสัยว่า เราจะทราบได้อย่างไรว่าเราเป็นโรคนี้ครับ (กรณีเป็นตับอักเสบเรื้อรัง)
- โรคนี้จะติดต่อกันทางไหนบ้างครับ
- การดูแลรักษาตามที่คุณหมอแนะนำมา ผมต้องปฏิบัติอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าครับ
- การป้องกันโรค ในกรณีที่อยากมีบุตรต้องทำอย่างไรบ้างครับ
ขอความกรุณาคุณหมอช่วยชี้แนะให้ด้วยครับ
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
- gradius173
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
มีเรื่องขอปรึกษาคุณหมอหน่อยครับ
โพสต์ที่ 5
พาหะโรคไวรัสตับอักเสบไม่มีอาการครับ ส่วนพวกที่เป็นไวรัสตับอักเสบบีชนิดเรื้อรังจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร บางครั้งมีอาการคลื่นไส้วิงเวียนศีรษะ อาจมีอาการตาเหลืองตัวเหลืองร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ แต่จะให้แน่นอน ต้องตรวจ Liver Enz.(SGOT,SGPT) ว่าสูงขึ้นจากค่าปกติ(ของผู้ป่วยเอง)อย่างน้อย2เท่าหรือไม่ หากสูงเกิน2เท่าต้องตรวจFollow upต่อทุกเดือนว่ามีEnz.ลดลงหรือไม่ หากยังสูงเกิน2เท่าต่อเนื่องตลอด3เดือนติดต่อกันจึงจะวินิจฉัยเป็นไวรัสตับอักเสบบีชนิดเรื้อรัง ฃึ่งมีโอกาสที่จะกลายเป็นตับแข็ง(Cirrhosis) และมะเร็งตับ(Hepatocellularcarcinoma)ต่อไป
โรคนี้ตามตำราติดต่อได้ 3 ทาง
1.จากเลือด และสารประกอบของเลือด (ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ได้รับเลือดเป็นต้น)
2.จากการมีเพศสัมพันธ์
3.จากแม่ไปสู่ลูก
การปฏิบัติตัว ควรออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ครบ5หมู่ หลีกเลี่ยงของหมักดอง อาหารที่มีไขมันสูง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารแห้งที่ขึ้นรา หลีกเลี่ยงการทานยาที่ไม่จำเป็นโดยเฉพาะParacetamol ไปพบแพทย์ตามนัด
ตรวจภรรยาก่อนว่าได้ติดเชื้อจากเราแล้วหรือยัง หากยังไม่ติดควรฉีดวัคซีน ส่วนการมีบุตรแพทย์จะดูว่าภรรยาของคุณติดโรคหรือยัง หากติดแล้วแพทย์จะฉีด Immonoglobulin ให้เด็กตอนแรกคลอดเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากแม่ไปสู่ลูก
หากผมตอบผิดพลาดหรือขาดตกบกพร่องขอฝากแพทย์ท่านอื่นช่วยแก้ไขเพิ่มเติมด้วยครับ
โรคนี้ตามตำราติดต่อได้ 3 ทาง
1.จากเลือด และสารประกอบของเลือด (ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ได้รับเลือดเป็นต้น)
2.จากการมีเพศสัมพันธ์
3.จากแม่ไปสู่ลูก
การปฏิบัติตัว ควรออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ครบ5หมู่ หลีกเลี่ยงของหมักดอง อาหารที่มีไขมันสูง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารแห้งที่ขึ้นรา หลีกเลี่ยงการทานยาที่ไม่จำเป็นโดยเฉพาะParacetamol ไปพบแพทย์ตามนัด
ตรวจภรรยาก่อนว่าได้ติดเชื้อจากเราแล้วหรือยัง หากยังไม่ติดควรฉีดวัคซีน ส่วนการมีบุตรแพทย์จะดูว่าภรรยาของคุณติดโรคหรือยัง หากติดแล้วแพทย์จะฉีด Immonoglobulin ให้เด็กตอนแรกคลอดเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากแม่ไปสู่ลูก
หากผมตอบผิดพลาดหรือขาดตกบกพร่องขอฝากแพทย์ท่านอื่นช่วยแก้ไขเพิ่มเติมด้วยครับ
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
มีเรื่องขอปรึกษาคุณหมอหน่อยครับ
โพสต์ที่ 6
เอ่อ ฟังดูงงงงนะครับ ไวรัสตับอักเสบ ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์จากบิดาได้ทางไหน ?uth เขียน:คุณพ่อของผมเสียชีวิต จากมะเร็งตับ ผมจึงมีโอกาสที่จะได้รับเชื้อไวรัสนี้ทางกรรมพันธุ์
สงสัยต้องให้อาจารย์ mprandy มาเฟิร์มอีกทีนะครับ
เดิมออกกำลังยังไงครับuth เขียน: เปลี่ยนแปลงการออกกำลังกายให้เบาลง
ไม่คิดว่าการออกกำลังแบบคนปกติทั่วไปจะเป็นข้อห้ามนะครับ
น่าจะกลับช่วยให้ร่างกายดีขึ้น ถ้าออกพอเหมาะพอดี (ซึ่งคนน่าจะเกินร้อยละ90) ออกกำลังน้อยเกินไป
สำคัญมากๆครับuth เขียน: เพียงแต่ให้มาตรวจซ้ำตามกำหนด
ในกรณีที่เป็นไวรัสตับบี เรื้อรังนะครับ**uth เขียน: เท่าที่ถามจากคุณหมอ ยังไม่มีการรักษาให้หายขาดได้
แต่อย่าตกใจไปครับ ฟังคุณหมอพูดอย่างนี้ คนส่วนมากก็จะตกใจกลัวแล้ว
ปัจจุบันมียาดีๆพัฒนามามากครับ
เมื่อก่อนก็ได้แต่กินยาบำรุง รอวันเป็นตับแข็ง เป็นมะเร็ง
เด๋วนี้ มียาควบคุม สามารถกดจำนวนไวรัสได้ดีมาก
ถึงไม่หายขาดแต่ผลการรักษาดีครับ
เพียงแต่ต้องไปตรวจเลือดซ้ำ เป็นประจำ รับการ ultrasound เป็นระยะๆครับ
แต่ยังไงก็เป็นกรณีที่เป็นเรื้อรังนะครับ
ยังไงก็รอสามเดือนดู อย่างที่คุณหมอนัด ว่าเป็นอย่างไร
ช่วงนี้ก็ทำใจเย็นๆ บำรุงสุขภาพไปตามปกติครับ
ที่เหลือมีคนตอบให้แล้วนะครับ
รักษาสุขภาพครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 242
- ผู้ติดตาม: 0
มีเรื่องขอปรึกษาคุณหมอหน่อยครับ
โพสต์ที่ 8
คงติดทางเลือด จากแม่ไปลูก น่ะครับ ไม่ใช่ทางกรรมพันธ์
เพราะวัคซีน ตับอักเสบ บี เพิ่งมีฉีดในประเทศไทย ปี 2525
ไวรัสตับอักเสบ บี ชนิดเรื้อรัง
ปกติเรา จะรักษาเมื่อโรคมัน active ครับ
เนื่องจากตัวไวรัสเองไม่ใช่ตัวหลักที่ทำให้เซลล์ตับเกิด injury
แต่เกิดจากภูมิคุ้มกันของเราไปทำลาย
ฟังแล้วอาจจะงง คือ
ปกติ เมื่อเป็นไวรัสตับอักเสบ บี ถ้ายังไม่ active (คือเชื้อไวรัส ยังไม่แบ่งตัวมาก)
ภูมิคุ้มกันของเรา ก็จะปล่อยไปก่อน คือ เหมือนยังไม่เหม็นหน้า แต่เมื่อ เชื้อไวรัสแบ่งตัวมากขึ้น ภูมิคุ้มกันของเรา ก็จะเกิดอาการ เหม็นหน้า และเข้าไปทำลายเชื้อไวรัสที่เพิ่มขึ้น ซึ่งไวรัสอาศัยอยู่ในตับ มีผลให้เซลล์ตับเราถูกทำลายไปด้วย
ถ้าภูมิคุ้มกัน เราแข็งแรงกว่ามาก ก็จะทำลายเชื้อไวรัสให้สูญสลายอย่างรวดเร็ว ตับเราก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าสูสี กัน สงครามคราวนี้ก็จะยืดเยื้อ ทำให้เซลล์ตับเราถูกทำลายอย่างยาวนาน ทำให้เกิดภาวะตับแข็งตามมาครับ
ดังนั้นการรักษาของเราก็คือ การเพิ่มขีปนาวุธให้ภูมิคุ้มกันของเรา ในช่วงที่มันสู้รบกัน เพื่อให้สงครามจบลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ตับของเราไม่เกิดอาการบาดเจ็บอย่างเรื้อรัง
ดังนั้นเมื่อเราป่วยเป็นตับอักเสบ บี เรื้อรัง สิ่งที่แพทย์จะทำคือ
1.ตรวจสอบว่าเชื้อไวรัส active หรือไม่
โดยการตรวจ หาค่า Hbe Ag (เป็นตัวบอกว่าไวรัส active) และตรวจหา ค่า SGOT , SGPT (ค่าเอนไซม์ตับ) เพื่อดูว่าตับเราถูกทำลายอยู่หรือเปล่า
ถ้าโรคมัน active อยู่ แพทย์จะได้ส่งขีปนาวุธ (ยา) ไปช่วย
เพื่อให้สงครามจบอย่างรวดเร็ว
2.u/s ดูตับว่ามี มะเร็งตับ หรือตับแข็งหรือไม่ครับ
ในปัจจุบัน มียาหลายชนิด ครับ ยาใหม่ๆมี โอกาสหายเพิ่มขึ้น
มีการดื้อยาลดลงครับ ใจเย็นๆ ครับ ตอนนี้น่าจะออกกำลังกาย รักษาสุขภาพให้แข็ง แรง เพื่อตอนที่ภูมิคุ้มกัน เราไปรบกับไวรัสจะได้ฟิตๆ ครับ แล้วก็ต้องหยุด เหล้า เพราะทำให้ ตับแข็งเพิ่มขึนครับ
ปล. คำอธิบายบางอย่างอาจไม่ฟังบ้านๆ น่ะครับ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น
เพราะวัคซีน ตับอักเสบ บี เพิ่งมีฉีดในประเทศไทย ปี 2525
ไวรัสตับอักเสบ บี ชนิดเรื้อรัง
ปกติเรา จะรักษาเมื่อโรคมัน active ครับ
เนื่องจากตัวไวรัสเองไม่ใช่ตัวหลักที่ทำให้เซลล์ตับเกิด injury
แต่เกิดจากภูมิคุ้มกันของเราไปทำลาย
ฟังแล้วอาจจะงง คือ
ปกติ เมื่อเป็นไวรัสตับอักเสบ บี ถ้ายังไม่ active (คือเชื้อไวรัส ยังไม่แบ่งตัวมาก)
ภูมิคุ้มกันของเรา ก็จะปล่อยไปก่อน คือ เหมือนยังไม่เหม็นหน้า แต่เมื่อ เชื้อไวรัสแบ่งตัวมากขึ้น ภูมิคุ้มกันของเรา ก็จะเกิดอาการ เหม็นหน้า และเข้าไปทำลายเชื้อไวรัสที่เพิ่มขึ้น ซึ่งไวรัสอาศัยอยู่ในตับ มีผลให้เซลล์ตับเราถูกทำลายไปด้วย
ถ้าภูมิคุ้มกัน เราแข็งแรงกว่ามาก ก็จะทำลายเชื้อไวรัสให้สูญสลายอย่างรวดเร็ว ตับเราก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าสูสี กัน สงครามคราวนี้ก็จะยืดเยื้อ ทำให้เซลล์ตับเราถูกทำลายอย่างยาวนาน ทำให้เกิดภาวะตับแข็งตามมาครับ
ดังนั้นการรักษาของเราก็คือ การเพิ่มขีปนาวุธให้ภูมิคุ้มกันของเรา ในช่วงที่มันสู้รบกัน เพื่อให้สงครามจบลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ตับของเราไม่เกิดอาการบาดเจ็บอย่างเรื้อรัง
ดังนั้นเมื่อเราป่วยเป็นตับอักเสบ บี เรื้อรัง สิ่งที่แพทย์จะทำคือ
1.ตรวจสอบว่าเชื้อไวรัส active หรือไม่
โดยการตรวจ หาค่า Hbe Ag (เป็นตัวบอกว่าไวรัส active) และตรวจหา ค่า SGOT , SGPT (ค่าเอนไซม์ตับ) เพื่อดูว่าตับเราถูกทำลายอยู่หรือเปล่า
ถ้าโรคมัน active อยู่ แพทย์จะได้ส่งขีปนาวุธ (ยา) ไปช่วย
เพื่อให้สงครามจบอย่างรวดเร็ว
2.u/s ดูตับว่ามี มะเร็งตับ หรือตับแข็งหรือไม่ครับ
ในปัจจุบัน มียาหลายชนิด ครับ ยาใหม่ๆมี โอกาสหายเพิ่มขึ้น
มีการดื้อยาลดลงครับ ใจเย็นๆ ครับ ตอนนี้น่าจะออกกำลังกาย รักษาสุขภาพให้แข็ง แรง เพื่อตอนที่ภูมิคุ้มกัน เราไปรบกับไวรัสจะได้ฟิตๆ ครับ แล้วก็ต้องหยุด เหล้า เพราะทำให้ ตับแข็งเพิ่มขึนครับ
ปล. คำอธิบายบางอย่างอาจไม่ฟังบ้านๆ น่ะครับ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น
เป็น VI มันไม่ง่าย
VI ถือยาว ก็ลงได้
VI ขาดทุนได้
และจะเป็น VI ที่ดี ต้อง "รอ" ให้เป็น
VI ถือยาว ก็ลงได้
VI ขาดทุนได้
และจะเป็น VI ที่ดี ต้อง "รอ" ให้เป็น