ศาสตร์และศิลป์
-
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
ศาสตร์และศิลป์
โพสต์ที่ 1
การลงทุนเป็นเรื่องของศาสตร์และศิลป์ นี่คงเป็นคำพูดที่เราเคยได้ยินมา เราเคยถามตัวเองไหมว่าทำไมเป็นอย่างนั้น แล้วอะไรเป็นศาสตร์และอะไรเป็นศิลป์
ศาสตร์น่าจะหมายถึง วิชา ความรู้ เมื่อเป็นวิชาความรู้ก็คงต้องมีแบบแผนหรือรูปแบบที่ชัดเจน แน่นอน เช่น 1 +1 = 2 คงไม่มีใครบอกว่า 1+1 น่าจะเท่ากับ 2 หรือ 100 ซม. = 1 เมตร ไมใช่ 1 ฟุตแน่นอน สิ่งเหล่านี้สามารถพิสูจน์ได้ คำนวนได้ ชัดเจนโดยไม่มีข้อโต้แย้ง (แม้เราจะไม่รู้ที่มาของค่าเหล่านี้ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกปลูกฝังให้เชื่อ)
ศิลป์น่าจะหมายถึง งานฝีมือ งานที่แสดงออกถึงความนึกคิด อารมณ์อย่างเช่น ภาพวาดของนาย ก นาย ก บอกว่าสวย แต่นาย ข บอกว่าไม่สวยด้วยเหตุผลมากมาย แต่ก็ไม่มีเกณฑ์ในการชี้วัดได้ชัดเจน บอกได้แต่ว่าคนส่วนใหญ่บอกว่าดี บอกว่าสวย
แล้วทำไมการลงทุนถึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่การลงทุนเป็นศาสตร์อาจเป็นเพราะได้มีความพยามที่จะนำความรู้ กฏเกณฑ์ต่างๆ มาใช้ในการลงทุน ถ้าเป็นทางเทคนิคคงพูดถึงรูปกราฟ ปริมาณการซื้อขาย แนวโน้มราคา แต่ถ้าเป็นทางพื้นฐานคงเป็นเรื่อง PE PB EPS เพื่อทำให้ทุกอย่างอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน เช่น หุ้น PE 10 หมายถึงราคาหุ้นปัจจุบันเป็น 10 เท่าของกำไร 1 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นไม่ว่าหุ้นจะราคา 30 หรือ 300 ลองถ้า PE 10 ก็มีความหมายเหมือนกัน
แล้วด้วยหลักเกณฑ์ที่เราสร้างขึ้นมาเหล่านี้ทำให้เกิดการตัดสินใจในการซื้อขาย การให้มูลค่า(Valuation) และตรงนี้แหละที่ผมคิดว่ามันเป็นศิลป์ เช่นถามว่าทำไมหุ้นบางตัว PE 10 คนไม่ซื้อบอกว่าแพงในขณะที่คนอีกกลุ่มบอกว่าถูกทั้งๆที่ PE คือ10แล้วอะไรเป็นตัวติดสินว่าถูกหรือแพง หรือหุ้น A นาย ก ให้มูลค่า 10 บาท แต่นาย ข ให้มูลค่า 20 อะไรทำให้มูลค่าที่ให้ถึงแตกต่างกัน หลักต่างๆ ที่ถูกเราสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการตัดสินใจถือว่าเป็นศิลป์อย่างหนึ่ง
สุดท้ายอาจบอกได้ว่าการลงทุนเป็นศาสตร์ที่ต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจและเป็นศิลป์ที่ต้องใช้ทัศนคติ การตัดสินใจ แล้วคุณเคยถามตัวเองไหมคับว่าคุณมีศาสตร์และศิลป์ในการลงทุนหรือยัง
ศาสตร์น่าจะหมายถึง วิชา ความรู้ เมื่อเป็นวิชาความรู้ก็คงต้องมีแบบแผนหรือรูปแบบที่ชัดเจน แน่นอน เช่น 1 +1 = 2 คงไม่มีใครบอกว่า 1+1 น่าจะเท่ากับ 2 หรือ 100 ซม. = 1 เมตร ไมใช่ 1 ฟุตแน่นอน สิ่งเหล่านี้สามารถพิสูจน์ได้ คำนวนได้ ชัดเจนโดยไม่มีข้อโต้แย้ง (แม้เราจะไม่รู้ที่มาของค่าเหล่านี้ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกปลูกฝังให้เชื่อ)
ศิลป์น่าจะหมายถึง งานฝีมือ งานที่แสดงออกถึงความนึกคิด อารมณ์อย่างเช่น ภาพวาดของนาย ก นาย ก บอกว่าสวย แต่นาย ข บอกว่าไม่สวยด้วยเหตุผลมากมาย แต่ก็ไม่มีเกณฑ์ในการชี้วัดได้ชัดเจน บอกได้แต่ว่าคนส่วนใหญ่บอกว่าดี บอกว่าสวย
แล้วทำไมการลงทุนถึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่การลงทุนเป็นศาสตร์อาจเป็นเพราะได้มีความพยามที่จะนำความรู้ กฏเกณฑ์ต่างๆ มาใช้ในการลงทุน ถ้าเป็นทางเทคนิคคงพูดถึงรูปกราฟ ปริมาณการซื้อขาย แนวโน้มราคา แต่ถ้าเป็นทางพื้นฐานคงเป็นเรื่อง PE PB EPS เพื่อทำให้ทุกอย่างอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน เช่น หุ้น PE 10 หมายถึงราคาหุ้นปัจจุบันเป็น 10 เท่าของกำไร 1 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นไม่ว่าหุ้นจะราคา 30 หรือ 300 ลองถ้า PE 10 ก็มีความหมายเหมือนกัน
แล้วด้วยหลักเกณฑ์ที่เราสร้างขึ้นมาเหล่านี้ทำให้เกิดการตัดสินใจในการซื้อขาย การให้มูลค่า(Valuation) และตรงนี้แหละที่ผมคิดว่ามันเป็นศิลป์ เช่นถามว่าทำไมหุ้นบางตัว PE 10 คนไม่ซื้อบอกว่าแพงในขณะที่คนอีกกลุ่มบอกว่าถูกทั้งๆที่ PE คือ10แล้วอะไรเป็นตัวติดสินว่าถูกหรือแพง หรือหุ้น A นาย ก ให้มูลค่า 10 บาท แต่นาย ข ให้มูลค่า 20 อะไรทำให้มูลค่าที่ให้ถึงแตกต่างกัน หลักต่างๆ ที่ถูกเราสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการตัดสินใจถือว่าเป็นศิลป์อย่างหนึ่ง
สุดท้ายอาจบอกได้ว่าการลงทุนเป็นศาสตร์ที่ต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจและเป็นศิลป์ที่ต้องใช้ทัศนคติ การตัดสินใจ แล้วคุณเคยถามตัวเองไหมคับว่าคุณมีศาสตร์และศิลป์ในการลงทุนหรือยัง
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
-
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
ศาสตร์และศิลป์
โพสต์ที่ 2
ผมสัญญาว่าจะพยามเขียนบทความสั้นเพื่อพัฒนาตนเองขอพี่ๆช่วยชี้แนะด้วยนะคับ ชี้แนะได้ทุกด้านนะคับ
ปล. จะพยามเขียนอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 บทความ
ปล. จะพยามเขียนอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 บทความ
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
-
- Verified User
- โพสต์: 242
- ผู้ติดตาม: 0
ศาสตร์และศิลป์
โพสต์ที่ 5
อย่างนี้และครับ
ผมถึงเคยรู้สึกว่า เป็น VI เนี่ยต้องใช้ทั้ง IQ EQ เยอะทั้งคู่เลย
เพราะว่าถ้าท่านแค่ลอกเลียนแบบ เซียนมาโดยไม่ได้ลอกมาหมดทุกอย่าง
หรือเข้าใจเหตผลที่เซียนทำ ท่านอาจเจ็บตัว
เช่น ไม่ได้เลือกหุ้นแบบ Buffet แต่คิดว่าต้องถือยาวแบบ buffet
หุ้นถึงจะแสดงศักยภาพ แบบนี้ เจ็บแน่ๆครับ
ผมถึงเคยรู้สึกว่า เป็น VI เนี่ยต้องใช้ทั้ง IQ EQ เยอะทั้งคู่เลย
เพราะว่าถ้าท่านแค่ลอกเลียนแบบ เซียนมาโดยไม่ได้ลอกมาหมดทุกอย่าง
หรือเข้าใจเหตผลที่เซียนทำ ท่านอาจเจ็บตัว
เช่น ไม่ได้เลือกหุ้นแบบ Buffet แต่คิดว่าต้องถือยาวแบบ buffet
หุ้นถึงจะแสดงศักยภาพ แบบนี้ เจ็บแน่ๆครับ
