ประสบการณ์รับน้อง

[Ryuga]

พ่อ-แม่ ร้องกองปราบ ลูกชายเจ็บสาหัส เหตุรุ่นพี่รับน้องโหด

 
ที่กองปราบปราม นายสมนึก โตสิงห์ อายุ 56 ปี และนางบุญส่ง โตสิงห์ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/2 หมู่ 5 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี บิดาและมารดาของนายนิพนธ์ โตสิงห์ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ปวช.ปี 1 โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ ซึ่งนอนหมดสติเนื่องจากศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรงหลังรุ่นพี่พาไปรับน้องที่ริมทะเล จ.ประจวบคีรีขันธ์ เดินาทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมบัติ มาลัย พงส. (สบ 3) กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. เพื่อร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมให้กองปราบปรามช่วยสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ที่ทำร้ายร่างกายบุตรชายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

นางบุญส่ง กล่าวว่า ลูกชายออกจากบ้านในช่วงค่ำวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยบอกว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆก็คิดว่าเป็นการไปเที่ยวธรรมดา ไม่มีอะไร แต่มาทราบเรื่องเมื่อลูกชายอาการสาหัสนอนหมดสติว่า ลูกชายกับเพื่อนๆไปรับน้องกับรุ่นพี่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์เมื่อเพื่อนๆกับรุ่นพี่เห็นอาการไม่ดีจึงเรี่ยไรเงินกันพาลูกชายเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทับสะแกแต่อาการไม่ดีขึ้นจึงตัดสินใจให้ส่งตัวลูกมารักษาที่โรงพยาบาลชลประทาน

นางบุญส่ง กล่าวอีกว่า หลังเกิดเรื่องตนพยายามสอบถามเพื่อนๆที่ไปกับลูกชายก็ไม่มีใครยอมบอกอะไร แต่เมื่อแพทย์บอกว่าอาการสาหัสอาจไม่รอด เพื่อนลูกชายคนหนึ่งจึงหลุดปากมาว่าจะเอาเรื่องกับรุ่นพี่ให้ได้ ตนจึงคิดเองว่าน่าจะเกิดจากการรับน้องของรุ่นพี่จากนั้นตนก็ไปที่โรงเรียนเพื่อให้ผู้บริหารช่วยติดตามรุ่นพี่มาสอบถามแต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ กระทั่งได้คุยกับเจ้าของรีสอร์ทที่ไปพักและขอความกรุณาให้ช่วยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก็ทราบแค่ว่ามีการเอาบันไดพาดต้นมะพร้าวเพื่อนำตัวลูกชายตนลงมา

นางบุญส่ง กล่าวต่อว่า ทางเจ้าของรีสอร์ทเล่าให้ฟังว่าลูกชายตนนอนหมดสติอยู่ในห้องพักแต่พวกรุ่นพี่และเพื่อนๆก็บอกว่าลูกชายตนเมาแฮงค์ ให้นอนพักไปก่อน แต่หลังจากนั้นพอถึงวันกลับพวกรุ่นพี่และเพื่อนก็ช่วยกันอุ้มลูกชายออกมาโดยปากคาบช้อนอยู่ ตนจึงมาถามเพื่อนๆลูกชายในเรื่องนี้แต่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไรอีกบอกแต่ว่าตอนกำลังกลับกรุงเทพฯ ลูกชายกับเพื่อนเขาอีกคนอาการหนักจึงต้องเรี่ยไรเงินกันพาเข้าโรงพยาบาลก่อน

ดิฉันได้สอบถามไปทางโรงเรียนเกี่ยวกับเรื่องการรับน้อง ซึ่งทางโรงเรียนชี้แจงมาว่าไม่ได้มีการจัดกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่ แต่มีการจัดกิจกรรมปฐมนิเทศให้กับนักเรียนใหม่และมีการทำบุญเท่านั้น จึงไม่สามารถรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ทางโรงเรียนได้ให้ความร่วมมือมอบรายชื่อนักเรียนรุ่นพี่ที่ร่วมเดนิทางไปรับน้องทั้งหมดกับตน เพื่อใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด นางบุญส่ง กล่าว

นางบุญส่ง กล่าวว่า เจ้าของรีสอร์ทบอกว่า กลุ่มลูกชายที่มากันมีประมาณ 70 คน ไม่ใช่เพียง 8-9 คน อย่างที่รุ่นพี่และเพื่อนที่ไปร่วมรับน้องพยายามปกปิดเรื่องทั้งหมด ส่วนอาการของลูกชายนั้นหมอบอกว่าสมองบวม แต่ไม่ได้ระบุว่าเกิดจากสาเหตุใดทำให้ตนยังบอกไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทั้งนี้ตนได้รับรายชื่อรุ่นพี่มาแล้วซึ่งมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด จึงนำเรื่องไปแจ้งความที่ สภ.อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานให้เท่านั้นเพราะบอกว่าไม่มีอำนาจสอบสวนแต่ก็แนะนำให้มากองปราบปรามตนกับสามีจึงเดินทางมาร้องทุกข์ดังกล่าว

นางบุญส่ง กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาบุตรชายเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนเทคนิคดอนเมือง แต่มีปัญหาทะเลาะวิวาทและเคยนักเรียนโรงเรียนคู่อริใช้มีดฟันจนนิ้วนางข้างซ้ายขาดแต่แพทย์ต่อนิ้วได้ ประกอบกับถูกรุ่นพี่ที่โรงเรียนข่มขู่จึงขอลาออกมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ และเพิ่งพาบุตรชายไปมอบตัวและเข้ารับการปฐมนิเทศน์กับทางโรงเรียนแต่กลับมาเกิดเรื่องกับบุตรชายตนขึ้นมาเสียก่อน

เบื้องต้น พ.ต.ท.สมบัติ ได้สอบปากคำนางบุญส่งไว้เป็นหลักฐานเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงหรือนี้อีกครั้ง

http://www.naewna.com/news.asp?ID=75711

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

หัวข้อ : รับน้องโหดสั่งกลิ้งบนกองไฟสาหัส 2 หมดสติ 1  

--------------------------------------------------------------------------------

รุ่นพี่อาชีวะดังเมืองกรุง ชวนรุ่นน้องร่วม 40 คนไปเที่ยวทะเลประจวบฯ ตกดึกสั่งให้รุ่นน้อง 3 คนกระโดดเอาหัวทิ่มพื้นทราย บังคับให้นอนกลิ้งบนกองไฟจนแผลพุพองไหม้เกรียมถึง 3 คน เผยหนึ่งในนั้นอาการโคม่า ไม่รู้สึกตัว หลังถูกไฟไหม้เกรียมทั้งตัว ต้องนอนซมในห้องไอซียู รพ.ชลประทาน พ่อแม่ร่ำไห้จี้รุ่นพี่ที่ก่อเหตุรับผิดชอบ
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 18 กันยายน ทีมข่าว "คม ชัด ลึก" ได้รับแจ้งจากญาติของนักศึกษาโรงเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งใน กทม. ว่า  มีนักศึกษาถูกรุ่นพี่ทำร้าย หลังชวนกันไปเที่ยวพักผ่อนที่ต่างจังหวัด จนได้รับบาดเจ็บ 3 คน โดย 1 ใน 3 มีอาการสาหัส ต้องนอนรักษาตัวในห้องไอซียู รพ.ชลประทาน ถนนติวานนท์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

 ทั้งนี้ พบว่าที่ห้องผู้ป่วยไอซียู ชั้น 2 ของ รพ.ชลประทาน มีเพื่อนๆ นักศึกษาสถาบันเดียวกันหลายสิบคนต่างมารอเยี่ยมอาการ นายนิพนธ์ โตสิงห์ หรืออั้ม อายุ 16 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สถาบันดังกล่าว ซึ่งพักอาศัยอยู่ย่านปทุมธานี นอนอยู่บนเตียง ในสภาพที่ร่างกายถูกไฟไหม้เกรียม ศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก และยังไม่รู้สึกตัว เบื้องต้นแพทย์ระบุว่า อาการอยู่ในขั้นโคม่าเป็นตายเท่ากัน

 นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนนักศึกษาที่บาดเจ็บอีก 2 คน นอนพักฟื้นอยู่ที่ห้อง 521 ชั้น 5 โรงพยาบาลเดียวกัน ทราบชื่อคือ นายนัด อายุ 16 ปี มีบาดแผลถูกไฟไหม้ที่ลำตัว แพทย์ให้นอนพักฟื้นเพื่อรักษาอาการ

ส่วนชั้น 3 ห้อง 337 พบนายภาณุ อายุ 15 ปี อาการทั่วไปยังนอนซมด้วยความระบม เนื่องจากร่างกายมีบาดแผลถูกไฟไหม้ที่หน้าอกลงมาจนถึงหน้าท้องและขาทั้งสองข้าง ส่วนที่ใบหน้ายังโดนไฟไหม้จนเกรียม มีพ่อแม่รวมทั้งเพื่อนๆ นักศึกษาเฝ้าดูอาการด้วยความห่วงใย

สอบถามนายภาณุ หนึ่งในคนเจ็บ ให้การว่า ตนกับเพื่อนคือ นายนัด และนายอั้ม เรียนอยู่ที่เดียวกัน โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา โรงเรียนมีกีฬาสี หลังเสร็จสิ้นการแข่งขันกีฬา มีรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วหลายคน พร้อมกับรุ่นพี่ที่ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกันได้ชวนตน นายนัด และนายอั้ม พร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆ อีกประมาณ  40 คน ไปเที่ยวทะเลที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยที่ไม่ต้องเสียค่ารถในการเดินทาง ตนกับเพื่อนเห็นว่าแข่งกีฬาสีเสร็จแล้ว จึงร่วมเดินทางไปกับรุ่นพี่ทั้งหมด เพราะอยากไปพักผ่อน

 กระทั่งคืนวันจันทร์ที่ 17 กันยายน เวลาประมาณ 02.00 น. ปรากฏว่ารุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วได้จัดให้มีการเล่นรอบกองไฟ ตน นายนัด และนายอั้ม ถูกสั่งให้วิ่งที่ชายหาดพร้อมทั้งกระโดดเอาหัวทิ่มหาดทราย แต่ที่หนักที่สุดคือ สั่งให้พวกตนกระโดดเข้าไปในกองไฟที่เพิ่งมอด แต่ยังมีไฟอยู่ ก่อนสั่งให้กลิ้งบนกองไฟคนละ 2-3 รอบ จนพวกตนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว หลังจากนั้นรุ่นพี่เห็นว่าอาการหนัก จึงรีบพาพวกตนส่งโรงพยาบาลที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนจะถูกส่งตัวต่อมาที่ รพ.ชลประทาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดพ่อแม่ของนายภาณุ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่อยากให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับสถาบันอื่นอีก จึงขอให้รุ่นพี่ที่ก่อเหตุออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วย

ผู้ปกครองของนักศึกษาที่บาดเจ็บรายหนึ่ง เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุกับบุตรชาย มีอาจารย์ของสถาบันดังกล่าวเดินทางมาดูอาการ พร้อมรับปากว่าจะเรียกรุ่นพี่ทั้งหมดมาสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และให้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ทราบว่าทางโรงเรียนได้จัดกีฬาสีประจำปีจริง แต่สถาบันไม่ได้จัดให้ไปเที่ยวทะเล แต่เด็กๆ ได้รับการชักชวนจากเพื่อนรุ่นพี่เดินทางไปเที่ยว กระทั่งมาเกิดเหตุ  

ส่วนนักศึกษาที่มีอาการโคม่านั้น ล่าสุดพบว่า สมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เนื่องจากถูกรุ่นพี่บังคับให้กระโดดเอาศีรษะโหม่งพื้นทรายชายหาด และมีบาดแผลจากการถูกไฟไหม้ประมาณ 20-30%

มีรายงานว่า ก่อนนี้มีผู้ปกครองของเด็กรายหนึ่งมาแจ้งความที่ สภ.อ.เมืองนนทบุรี (สาขาย่อยรัตนาธิเบศร์) แต่ตำรวจแนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นท้องที่ที่เกิดเหตุ

ที่มา คมชัดลึก


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


นี่ก็อีกกรณีหนึ่งในตัวอย่างการรับน้องที่น่ารังเกียจ ผิดทั้งทางโลกและทางธรรม
คิดว่าพี่ๆ ทั้งหลายน่าจะเคยผ่านประสบการณ์การรับน้องมาเยอะแยะแล้วอ่ะครับ
อยากฟังรายละเอียดจังครับ ว่าสมัยก่อนเขารับน้องกันยังไง โหดได้แบบนี้อ๊ะป่าว

[noooon010]

ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ

[Jeng]

เรื่องนี้ แก้ให้หนักเป็นเบาได้

1. ให้รุ่นพี่ทุกคนเซ็นต์สัญญา รับผิดชอบ กรณีจัดงานรับน้อง ( เซ็นต์วันลงทะเบียนเข้าเรียนขึ้นปีใหม่ แล้วมี copy ให้กลับบ้านไปอ่านอีก ) หากมีใครบาดเจ็บ ทุกพลภาพ พิการ ล้มตาย รุ่นพี่ในกลุ่มนั้นๆ ที่จัดกิจกรรมนั้นๆขึ้นมาเอง ต้องรับผิดชอบ ทั้งคดี แพ่ง และอาญา

2. ให้รุ่นน้องทุกคนเซ็นต์ ว่าหากงานรับน้อง จะต้องดูแลตัวเอง หากเห็นว่ากิจกรรมนั้นๆ ไม่อยากเข้าร่วม เพราะเสียงเกินไป อาจจะมีอุบัตเหตุได้ รุ่นน้องท่านนั้นมีสิทธิ์ ตามหนังสือสัญญาฉบับนี้ ว่าสามารถเรียกร้องที่จะไม่เข้าร่วมเฉพาะกิจกรรมนั้นๆ ได้ โดยหากรุ่นพี่ มารุม โดยใช้อิทธิพลกลุ่ม หรืออย่างอื่น ที่ทำให้ตัวเองต้องเข้าร่วมโดยไม่อยากเข้าร่วม รุ่นน้องท่านนั้นมีสิทธิ์ ฟ้องไล่รุ่นพี่ออกจากมหาลัยได้ ในฐานะ ใช้อิทธิพลกลุ่ม มาบังคับ ขืนใจ ให้กระทำในสิ่งที่ไม่อยากกระทำ

ระบบก็จะเข้าสู่สมดุลอีกนิด คือ มีการรับน้อง แต่ หากมีอะไรรุนแรง อุบัติเหตุ ถึงขั้น บาดเจ็บ ทุกพลภาพ ตาย ก็จะต้องมีคนรับผิดชอบ ติดคุก ติดตาราง

ทำให้เป็นตัวอย่าง รุ่นต่อๆมาก็จะไม่กล้ารุนแรงเกินขอบเขต

[naris]

เวบเราเอารับน้องไหมครับ

เอาแบบ เอาไป(ถูกเจ้ามือ)กิน และเล่นกับไฟ(แนนซ์)สักพัก พอรู้จักแล้วความเจ็บปวดแล้วค่อยจับเอามาเป็นVI

[Ano]

พี่นริศ  รับน้องโหดจังค่ะ  เดี๋ยวน้องซินเธอก็ไม่เข้ามาหรอก  (อิอิ  ขอพาดพิงน้องซินคนสวย  ดาว VI หน่อยนะคะ)

[misterjai]

เวบเราเอารับน้องไหมครับ

เอาแบบ เอาไป(ถูกเจ้ามือ)กิน และเล่นกับไฟ(แนนซ์)สักพัก พอรู้จักแล้วความเจ็บปวดแล้วค่อยจับเอามาเป็นVI

 

[Ryuga]

ขอบคุณความเห็นพี่เจ๋งครับ แล้วก็ถามต่อเลยว่าพี่เจ๋งเคยไปรับน้องมั้ยครับ สมัยก่อนเขารับน้องยังไงหรือครับ อาจารย์ผมเล่าว่าสมัยก่อนรับน้องแรงกว่านี้เยอะ เด็กสมัยนี้เหลาะแหละ หยิบโหย่ง ไม่ได้ความ ไม่มีน้ำอดน้ำทน นิดหน่อยก็ว่าสิทธิมนุษยชน แต่รับน้องแบบที่เป็นข่าวนี่ก็น่าเกลียดจริงๆ รับไม่ได้เลยสักนิด

ผมเห็นรูปพรรณสัณฐานพี่หวีแล้ว รู้สึกองคาพยพคล้ายคลึงประดุจว้ากเก้อร์เก่า เป็นอย่างงั้นรึป่าวครับ :lol: พี่หวีเคยไปรับน้องโหดๆ บ้างมั้ยคับ

พี่ naris ไม่มีเรื่องรับน้องเด็ดๆ มาเล่าบ้างเหรอคับ อยากรู้

[ShexShy]

จริง ๆ แล้วผมมีประสบการณ์ที่ดีต่อการรับน้องนะ

ผมยังเห็นว่าการรับน้องเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องปรับปรุงรูปแบบวิธีการ ให้ทันสมัยตามกาลเวลา น่ะ ...

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ขอบคุณความเห็นพี่เจ๋งครับ  แล้วก็ถามต่อเลยว่าพี่เจ๋งเคยไปรับน้องมั้ยครับ สมัยก่อนเขารับน้องยังไงหรือครับ อาจารย์ผมเล่าว่าสมัยก่อนรับน้องแรงกว่านี้เยอะ เด็กสมัยนี้เหลาะแหละ หยิบโหย่ง ไม่ได้ความ ไม่มีน้ำอดน้ำทน นิดหน่อยก็ว่าสิทธิมนุษยชน แต่รับน้องแบบที่เป็นข่าวนี่ก็น่าเกลียดจริงๆ รับไม่ได้เลยสักนิด 

ไปครับ ไปบ่อยมากครับ Ryuga เหตุเพราะพี่ไม่มีน้องมั๊ง คือ เป็นคนเล็ก

ก็เลยชอบรับน้อง 555

หนุกดี แต่ ว่า ควรปรับปรุง กฎเกณ ให้ดีกว่านี้ครับ อะไรกัน รับน้องขนาด บาดเจ็บ รุนแรง อย่างนี้ ต้องหาคนรับผิดชอบ จะได้ อยู่ในกรอบกันบ้างครับ

[กระทิงแดง]

ของผม ก็รับกันแบบสนุกๆครับ ชอบมากครับ (ทำให้ผมได้รู้จักกับแฟนผม...555)

ผมแทบจะไปเกือบทุกทริปครับ

ที่ชอบที่สุด โหดที่สุดที่ทำให้ผมเกือบอ๊วกแตกอ๊วกแตน
ก็คือเกมส์วัดใจครับ
เพื่อต้องการสรางความสามัคคี ให้มีความช่วยเหลือกัน ไม่รังเกียจกันเวลาเจอสถานะการณ์คับขัน...

1.ให้กินช็อคโกแล็ต
2.ให้กินขนมโก๋
3.ให้กินถั่ว เม็ดเหลืองๆเล็กๆ ที่มากับหลอดยาวๆ
4.จากนั้น ให้ใช้ยาสีฟัน ดอกบัวคู่แปลงฟัน เพื่อรักษาความสะอาดของฟัน โดย
มีแปรง 1 อันกับ น้ำ 1 แก้ว และต้องใช้กันให้หมดทุกคน (ห้ามน้ำหมดแก้ว เพราะเดี่ยวคนข้างหลัง จะไม่มีน้ำบ้วน... :lol:  :lol:  :lol: )
ก็วนกันจนครบครับ ทั้งชาย-หญิง น้ำสุดท้ายอย่าให้พูดครับ...หึหึหึ

แต่ที่สุดยอดก็คือ รุ่นพี่ หลายๆคนเป็นน้ำสุดท้ายครับ แล้วพวกแกทั้งหลายก็แบ่งกันกินน้ำจนหมดแก้ว...  :vm:  :vm:

[MarginofSafety]

ผมเห็นรูปพรรณสัณฐานพี่หวีแล้ว รู้สึกองคาพยพคล้ายคลึงประดุจว้ากเก้อร์เก่า เป็นอย่างงั้นรึป่าวครับ :lol: พี่หวีเคยไปรับน้องโหดๆ บ้างมั้ยคับ

ไปเห็นมาจากไหนอ่ะ
รู้ด้วยว่าเราเป็นว้ากเก้อเก่า ว้ากเก้อจริงๆครับ ไม่มีใครกลัว อิอิ

[คนเรือ VI]

การรับน้องเป็นกิจกรรมนึงที่สร้างวัฒนธรรมของมหาลัยนะผมว่า จากการสังเกตุดูแล้ว ทำให้ทุกคนที่ผ่าน กลุ่ม คณะ หรือ มหาลัย นั้นๆ รู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน ไปจนตาย

รุ่นพี่ต้องคิดถึงความปลอดภัยของรุ่นน้องเป็นหลักนะครับ แล้วก็ต้องคิดถึงจุดประสงค์ของการรับน้องด้วย ว่าจะหลอมรวมทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียว พวกเดียวกัน คิดดู คน 50 คน 100 คนจะเป็นเพื่อนกันได้สนิทใจคงต้องมีการแชร์ประสบการณ์กันสักอย่างนึง

ไอ้รับน้องทีละ 2 คน ไม่ใช่การรับน้องแล้ว ผมว่า ผิดหลักการสุดๆ

[ดาวหางสีแดง]

เรื่องนี้ แก้ให้หนักเป็นเบาได้

1. ให้รุ่นพี่ทุกคนเซ็นต์สัญญา รับผิดชอบ กรณีจัดงานรับน้อง ( เซ็นต์วันลงทะเบียนเข้าเรียนขึ้นปีใหม่ แล้วมี copy ให้กลับบ้านไปอ่านอีก ) หากมีใครบาดเจ็บ ทุกพลภาพ พิการ ล้มตาย รุ่นพี่ในกลุ่มนั้นๆ ที่จัดกิจกรรมนั้นๆขึ้นมาเอง ต้องรับผิดชอบ ทั้งคดี แพ่ง และอาญา

2. ให้รุ่นน้องทุกคนเซ็นต์ ว่าหากงานรับน้อง จะต้องดูแลตัวเอง หากเห็นว่ากิจกรรมนั้นๆ ไม่อยากเข้าร่วม เพราะเสียงเกินไป อาจจะมีอุบัตเหตุได้ รุ่นน้องท่านนั้นมีสิทธิ์ ตามหนังสือสัญญาฉบับนี้ ว่าสามารถเรียกร้องที่จะไม่เข้าร่วมเฉพาะกิจกรรมนั้นๆ ได้ โดยหากรุ่นพี่ มารุม โดยใช้อิทธิพลกลุ่ม หรืออย่างอื่น ที่ทำให้ตัวเองต้องเข้าร่วมโดยไม่อยากเข้าร่วม รุ่นน้องท่านนั้นมีสิทธิ์ ฟ้องไล่รุ่นพี่ออกจากมหาลัยได้ ในฐานะ ใช้อิทธิพลกลุ่ม มาบังคับ ขืนใจ ให้กระทำในสิ่งที่ไม่อยากกระทำ

ระบบก็จะเข้าสู่สมดุลอีกนิด คือ มีการรับน้อง แต่ หากมีอะไรรุนแรง อุบัติเหตุ ถึงขั้น บาดเจ็บ ทุกพลภาพ ตาย ก็จะต้องมีคนรับผิดชอบ ติดคุก ติดตาราง

ทำให้เป็นตัวอย่าง รุ่นต่อๆมาก็จะไม่กล้ารุนแรงเกินขอบเขต

ถึงไม่มีสัญญาแต่มันก็ต้องเป็นไปตามทั้งข้อ 1 และ 2 อยู่แล้วมิใช่หรือ

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ถึงไม่มีสัญญาแต่มันก็ต้องเป็นไปตามทั้งข้อ 1 และ 2 อยู่แล้วมิใช่หรือ

จริงเหรอ เห็นพอถึงเวลามีอะไรผิดพลาด ทุกฝ่ายก็ได้แต่พูดว่า ไม่มีใครมีเจตนาให้เกิด ไม่อยากให้เกิด และปัดความรับผิดชอบกันให้วุ่น

เท่าที่ทราบยังไม่เห็นมีใครโดนลงโทษ จากเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้เลย

[ดาวหางสีแดง]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ถึงไม่มีสัญญาแต่มันก็ต้องเป็นไปตามทั้งข้อ 1 และ 2 อยู่แล้วมิใช่หรือ

จริงเหรอ เห็นพอถึงเวลามีอะไรผิดพลาด ทุกฝ่ายก็ได้แต่พูดว่า ไม่มีใครมีเจตนาให้เกิด ไม่อยากให้เกิด และปัดความรับผิดชอบกันให้วุ่น

เท่าที่ทราบยังไม่เห็นมีใครโดนลงโทษ จากเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้เลย

ใช่ครับ เป็นอย่างที่คุณ Jeng ว่า ในความเป็นจริงผมเองก็ยังไม่เคยได้ยินการลงโทษตามกฎหมายเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้เลย (นอกจากการให้ออกจากสถาบัน ซึ่งผมเคยได้ยินเป็นบางครั้ง)

แต่ตามความเข้าใจผม กรณีแบบนี้มันน่าจะผิดกฎหมายอยู่แล้ว
ถึงจะไม่มีสัญญา แต่ตามกฎหมายที่มีอยู่ มันก็น่าจะเอาผิดได้
แต่ไม่เอากันจริงๆมากกว่า

กฎหมายมีอยู่แต่ไม่ทำตามกฎหมาย
ถ้ามีสัญญาแล้วจะทำตามสัญญารึปล่า

หรือรุ่นพี่พวกนี้ไม่รู้ว่ามันผิดกฎหมาย แต่ถ้ามีสัญญาเป็นการเฉพาะถึงจะรู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิดดังนั้นห้ามทำ
(ไม่กลัวกฎหมาย แต่กลัวสัญญาเหรอ?)

[ดาวหางสีแดง]

ผมไม่เข้าใจจริงๆนะครับว่า การทำร้ายร่างกายผู้อื่นอย่าง การเอาตะแกรงปิ้งปลา กับส้อมไปเผาไฟให้ร้อน แล้วเอามานาบร่างกาย หรือการรุมเตะต่อย

ถ้าเป็นกรณีทั่วๆไป มันผิดกฎหมายชัดเจนใช่มั้ย?

แล้วทำไมถ้ามันเป็นการกระทำในกิจกรรม(ที่อ้างว่า)รับน้อง ทำไมเราถึงมองเป็นคนละประเด็นล่ะ

หรือมันมีประเด็นอื่นๆที่แตกต่างออกไป ทำให้มันไม่ผิดกฎหมายครับ(เช่นสามารถอ้างว่าน้องสมยอมให้ทำเอง)

[ดาวหางสีแดง]

ผมมองว่าความพิกลพิการบางอย่างของสังคมเรา
มันไม่ได้เกิดขึ้นจากการไม่มีกติกา กฎ อะไรหรอกครับ

ไอ้สิ่งเหล่านี้มันมีอยู่แล้ว แต่ไม่ทำต่างหาก

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

แต่ตามความเข้าใจผม กรณีแบบนี้มันน่าจะผิดกฎหมายอยู่แล้ว 
ถึงจะไม่มีสัญญา แต่ตามกฎหมายที่มีอยู่ มันก็น่าจะเอาผิดได้ 
แต่ไม่เอากันจริงๆมากกว่า 

กฎหมายมีอยู่แต่ไม่ทำตามกฎหมาย 
ถ้ามีสัญญาแล้วจะทำตามสัญญารึปล่า 

หรือรุ่นพี่พวกนี้ไม่รู้ว่ามันผิดกฎหมาย แต่ถ้ามีสัญญาเป็นการเฉพาะถึงจะรู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิดดังนั้นห้ามทำ 

คือว่าเด็กๆพวกนี้ยังวัยรุ่นครับ และยังไม่ได้เรียน กฎหมาย และอาจจะคิดไม่ถึงอะไรประมาณนั้น

การมีสัญญา เป็นการป้องปราม และทำให้เกิดสมดุลใหม่ คือเขียนกฎ เล็กๆ ขึ้นมาเช่น รุ่นน้องมีสิทธิ์ 100 % ในการไม่เข้าร่วมในกิจกรรมที่ตนเองคิดว่าหล่อแหลม เสี่ยง อันตราย

หากรุ่นพี่ยังยืนยัน และใช้อิทธิพลกลุ่ม รุ่นน้องมีสิทธิ์ ฟ้องทั้งแพ่ง และอาญา

ทำให้ รุ่นพี่ก็จะไม่กล้าทำเกินเลย

บริษัทต่างๆก็ยังมีกฎของบริษัท ทั้งๆที่กฎหมายโดยรวมก็มีอยู่แล้วครับ

โรงเรียน มหาลัยก็มีกฎของมหาลัย

ก็ต้องถึงเวลาแล้วครับ ที่ต้องมีกฎในการรับน้อง

[ดาวหางสีแดง]

คือว่าเด็กๆพวกนี้ยังวัยรุ่นครับ และยังไม่ได้เรียน กฎหมาย และอาจจะคิดไม่ถึงอะไรประมาณนั้น

การมีสัญญา เป็นการป้องปราม และทำให้เกิดสมดุลใหม่ คือเขียนกฎ เล็กๆ ขึ้นมาเช่น รุ่นน้องมีสิทธิ์ 100 % ในการไม่เข้าร่วมในกิจกรรมที่ตนเองคิดว่าหล่อแหลม เสี่ยง อันตราย

หากรุ่นพี่ยังยืนยัน และใช้อิทธิพลกลุ่ม รุ่นน้องมีสิทธิ์ ฟ้องทั้งแพ่ง และอาญา

ทำให้ รุ่นพี่ก็จะไม่กล้าทำเกินเลย

บริษัทต่างๆก็ยังมีกฎของบริษัท ทั้งๆที่กฎหมายโดยรวมก็มีอยู่แล้วครับ

โรงเรียน มหาลัยก็มีกฎของมหาลัย

ก็ต้องถึงเวลาแล้วครับ ที่ต้องมีกฎในการรับน้อง

อืม.. ชักจะเห็นด้วยกับคุณ Jeng ที่ว่า
ถ้ามีสัญญามันก็จะอยู่ในกรอบมากขึ้น

แต่มันก็ไม่ได้ตอบโจทย์ทั้งหมด

เรียน ปวส. ปี 2 -3 แถมบางคนเป็นปีแก่ที่จบไปแล้ว อายุก็ไม่ใช่น้อย
ถ้าจะไม่รู้ว่าการทำร้ายร่างกายมันผิดกฎหมาย ผมคิดว่าสังคมเราอาการหนักแล้วครับ

สมัยผมเป็นเด็กตอนประถม ผมก็รู้จักศีล 5 แล้ว การทำร้ายร่างกายผู้อื่นน่ะผิดทั้งกฎหมาย ทั้งศีลธรรม

ศีล แปลว่า ปรกตินะครับ
ดังนั้นศีลก็คือ สิ่งปรกติที่มนุษย์เราพึงมี คนถือศีลคือคนปรกติ
การทำผิดชัดเจนอย่างนี้ มันไม่น่าจะไม่รู้นะว่ามันผิด


อย่างกรณีที่อยุธยาอีก เด็กทั้ง 6 คนที่ก่อคดีก็อายุ 14 - 16 ทั้งนั้น
ถ้าจะบอกว่าเป็นเพราะเด็กไม่รู้กฎหมาย แล้วสังคมเราจะมีทางออกยังไงครับ

[Jeng]

จริงๆแล้วเป็นความคึกคะนอง ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเสี่ยง ไม่ใช่ไม่รู้ว่าอาจจะอันตราย

แต่ ไม่มีอะไรมาอ้าง กับรุ่นพี่ หรือรุ่นที่ที่ลงมือ เวลาเพื่อนมาห้าม ก็ไม่มีหลักการอะไรมาห้าม

เพราะว่าไม่ใช่ทั้งหมด จะเกิดอันตราย

หลายอย่าง คิดตอนนั้นเองครับ และก็มีบางคนไม่เห็นด้วย

แต่ถ้ามีกฎระเบียบ ขึ้นมา น้องๆก็ ไม่เข้าร่วมได้ รุ่นพี่ ก็จะถูกเพื่อนๆปรามว่าอันตรายเกินไป หากเอ็งจะทำ เอ็งรับผิดชอบนะ แล้วก็มีตั้งหลายคน หลายคนก็จะเป็นพยานกัน ว่า เรื่องนี้ เรื่องนั้น นายคนนี้คิดเอง ทำเอง โดยอาศัยคำว่า รุ่นพี่ ชั้นปี เป็นเกราะกำบัง ทั้งๆที่ อีกตั้งหลายคนไม่เห็นด้วย

[Jeng]

ผมเองเคยโดนรุ่นพี่หมอจุฬา จับมัดมือ มัดเท้า แล้วให้ไปนอน กลางๆ ต้นไม้ แล้วบอกว่า ให้เชื่อรุ่นพี่ ห้ามเงยหัวขึ้น

ผมก็ไม่เงย ก็มีเสียง เอ้า ปล่อย

สักพัก มีมีดติดเชือก พุ่งลงมาที่คอผม ไม่ตรงนัก

ผมก็หัวเราะกะว่ามีดปลอมแหงมๆ

พอเล่นเสร็จ ผมรีบไปคว้ามีดมาดู

อิอิ มีดจริงหวะ

555

ผมว่า แบบนี้ หากพลาดไป ผมโดนเสียบ ตาบอด

ผมว่ารุ่นพี่ควรติดคุกครับ

ต่อให้รักผมมากแค่ไหน ก็ติดไปเหอะ

[ดาวหางสีแดง]

เห็นด้วยครับ ในกรณีรับน้องส่วนใหญ่ทั่วไปวิธีของคุณJeng  น่าจะช่วยให้ดีขึ้น(จากหนักเป็นเบาอย่างที่คุณ Jeng ว่า)

แต่ในบางกรณีอย่างเช่นกรณีที่เป็นข่าวนี้เนี่ย ถึงจะมีระเบียบให้ทำสัญญา ผมว่าพวกรุ่นพี่พวกนี้ก็คงไม่ยอมร่างสัญญาขึ้นมาหรอก เพราะมันเหมือนเป็นการหลอกพาไป(ปิดประตูตีแมว)เลยนะครับ

เท่าที่ทราบปัจจุบันมีระเบียบห้ามรับน้องนอกสถานที่แล้ว
กิจกรรมรับน้องต้องทำภายใต้การควบคุมในสถาบันเท่านั้น
แต่กรณีนี้เป็นการไปกันเองแล้วหลอกพาน้องไป


ผมนั่งฟังรายการจับเข่าคุยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาแล้ว สงสารคนเป็นพ่อเป็นแม่เหลือเกิน อยากให้นำตัวพวกที่กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ครับ

[ดาวหางสีแดง]

ผมเองเคยโดนรุ่นพี่หมอจุฬา จับมัดมือ มัดเท้า แล้วให้ไปนอน กลางๆ ต้นไม้ แล้วบอกว่า ให้เชื่อรุ่นพี่ ห้ามเงยหัวขึ้น

ผมก็ไม่เงย ก็มีเสียง เอ้า ปล่อย

สักพัก มีมีดติดเชือก พุ่งลงมาที่คอผม ไม่ตรงนัก

ผมก็หัวเราะกะว่ามีดปลอมแหงมๆ

พอเล่นเสร็จ ผมรีบไปคว้ามีดมาดู

อิอิ มีดจริงหวะ

555

ผมว่า แบบนี้ หากพลาดไป ผมโดนเสียบ ตาบอด

ผมว่ารุ่นพี่ควรติดคุกครับ

ต่อให้รักผมมากแค่ไหน ก็ติดไปเหอะ

โอ... เสียวจริงๆ
รุ่นพี่เขาเปลี่ยนมีดรึเปล่าครับ
แบบว่าตอนปล่อยลงมาเป็นมีดปลอม แต่มีดที่คุณ Jeng ดูเป็นมีดจริง

[Jeng]

จริงๆแล้ว เรื่องทุกเรื่อง ที่อยากแก้ เราต้องตั้งธงไว้เช่น

เป้าหมาย ต้องไม่มีคนเจ็บ พิการ บาดเจ็บ ทุพลภาพ หรือตาย จากการรับน้องเลย

แล้วก็ หาวิธีเช่น

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ทำไปเรื่อยๆ ปรับปรุงไปเรื่อยๆ จากหนักก็จะเป็นเบา และน้อยมากถึงขั้นไม่มีเลย

หากมีการทำอย่างต่อเนื่อง

ผมเห็นแต่คนออกมาปฎิเสธความรับผิดชอบ ผมไม่เห็นมีใครเสนอว่า ให้ทำแบบนั้น แบบโน้น แบบนี้ น่าจะดี

ผมว่า ครู บา อาจารย์บ้านเรา นี่ทำงานไม่ค่อยเป็นครับ ( ไม่ได้หลบหลู่นะ ) แต่ทำงานกันไม่เป็นจริงๆ ปล่อยปะละเลย ให้เรื่องลุกลามใหญ่โต แล้วก็ ตัวใครตัวมัน ดูแลกันเอง

เรื่องการรับน้องนอกสถานที่หรืออะไรนั่น ก็มีไว้ในกฎก็ได้ ว่า กรณีแบบนั้นไม่เรียกรับน้อง ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง ต้องไปดูแลกันเอง ไม่เกียวกับสถาบัน และสถาบันจะไม่เข้ามาเกียวข้อง ใดๆทั้งสิ้น หากเกิดกรณี ผิดพลาดเสียหาย ห้ามไปประโคมข่าวว่ารับน้องที่มหาลัยนั้นๆ แล้วเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

ให้เซ็นต์ไว้ให้หมด

เพราะนอกเวลาทำการ วันหยุด หรือก่อนเปิดเรียน นักเรียนมีเยอะ ใครจะไปรู้ว่า ใครจะนัดใครไป โดยอ้างว่าเป็นการรับน้อง

สรุปคือ มีกฎอะไรบ้างเพิ่มเติม ดีกว่าไม่มีแน่นอนครับ

[Jeng]

ผมคิดเล่นๆต่อว่า

ให้คุณพ่อ คุณแม่ ของนักศึกษา รุ่นพี่ ทุกคน ทุกครอบครัว เซ็นต์ค้ำประกันไว้ วงเงิน 1 ล้านบาท หากรุ่นพี่ ไปรับน้องแล้วเกิดกรณี รุ่นน้อง บาดเจ็บ พิการ ทุกพลภาพ หรือตาย

ก็จะมีการป้องปรามมาจาก ทางบ้านด้วย ว่า อย่านะ อย่าไปรับอะไรรุนแรง เอาแบบหนุกๆพอ แม่ไม่มีเงินจ่ายนะ ตั้ง ล้าน

กฎ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 เปลี่ยนแปลงได้จนกว่าจะลงตัวครับ

เวลาพูดคุยกันแบบนี้ ผมสังเกตว่า จะมีการมาแย้ง ว่าทำไม่ได้หรอก อะไรให้เซ็นต์ตั้งล้าน 555

ไม่ล้านก็ได้ เอาแสนเดียว ก็ได้ โดยเนื้อหา คือ หากฎเกณอะไรบางอย่าง มาขั้นไว้หน่อยเพื่อไม่ได้เกินเลย มากไปกว่านี้

ที่ผ่านมา ปล่อยกันมากเกินไป อิสระกันเลย

รุ่นน้อง มา 1 คน รุ่นพี่มารุม 7-8 คน หัวเราะคิกคั๊ก

แล้วแบบนี้เรียกว่า อะไร ทำไปแล้วได้อะไร ความมันส์ของรุ่นพี่ หรืออะไรกันแน่

ภาพโดยรวมของการรับน้อง โอเคนะครับ แต่ภาพเล็กๆ ที่ควรเริ่มแก้ ก็คือเรื่องอันตรายนี่แหละครับ

[Ryuga]

ผมเองเคยโดนรุ่นพี่หมอจุฬา จับมัดมือ มัดเท้า แล้วให้ไปนอน กลางๆ ต้นไม้ แล้วบอกว่า ให้เชื่อรุ่นพี่ ห้ามเงยหัวขึ้น

ผมก็ไม่เงย ก็มีเสียง เอ้า ปล่อย

สักพัก มีมีดติดเชือก พุ่งลงมาที่คอผม ไม่ตรงนัก

ผมก็หัวเราะกะว่ามีดปลอมแหงมๆ

พอเล่นเสร็จ ผมรีบไปคว้ามีดมาดู

อิอิ มีดจริงหวะ

555

ผมว่า แบบนี้ หากพลาดไป ผมโดนเสียบ ตาบอด

ผมว่ารุ่นพี่ควรติดคุกครับ

ต่อให้รักผมมากแค่ไหน ก็ติดไปเหอะ

หยึ๋ย กัว  :|  :|  :|

[Ryuga]

ผมเคยได้ยินมาว่ารับน้องวิศวะนี่เขามีบวชน้องด้วยนี่ครับ

น้องใหม่ก็จะถูกโกน.................    :shock:  
เสร็จแล้วเลยกลายเป็นเณรน้อยในบัดดลครับ จริงรึเปล่าครับเนี่ย  :oops:  :oops:

[ดาวหางสีแดง]

ผมคิดเล่นๆต่อว่า

ให้คุณพ่อ คุณแม่ ของนักศึกษา รุ่นพี่ ทุกคน ทุกครอบครัว เซ็นต์ค้ำประกันไว้ วงเงิน 1 ล้านบาท หากรุ่นพี่ ไปรับน้องแล้วเกิดกรณี รุ่นน้อง บาดเจ็บ พิการ ทุกพลภาพ หรือตาย

ก็จะมีการป้องปรามมาจาก ทางบ้านด้วย ว่า อย่านะ อย่าไปรับอะไรรุนแรง เอาแบบหนุกๆพอ แม่ไม่มีเงินจ่ายนะ ตั้ง ล้าน

กฎ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 เปลี่ยนแปลงได้จนกว่าจะลงตัวครับ

เวลาพูดคุยกันแบบนี้ ผมสังเกตว่า จะมีการมาแย้ง ว่าทำไม่ได้หรอก อะไรให้เซ็นต์ตั้งล้าน 555

ไม่ล้านก็ได้ เอาแสนเดียว ก็ได้ โดยเนื้อหา คือ หากฎเกณอะไรบางอย่าง มาขั้นไว้หน่อยเพื่อไม่ได้เกินเลย มากไปกว่านี้

ที่ผ่านมา ปล่อยกันมากเกินไป อิสระกันเลย

รุ่นน้อง มา 1 คน รุ่นพี่มารุม 7-8 คน หัวเราะคิกคั๊ก

แล้วแบบนี้เรียกว่า อะไร ทำไปแล้วได้อะไร ความมันส์ของรุ่นพี่ หรืออะไรกันแน่

ภาพโดยรวมของการรับน้อง โอเคนะครับ แต่ภาพเล็กๆ ที่ควรเริ่มแก้ ก็คือเรื่องอันตรายนี่แหละครับ

ดีครับ

อีกวิธีหนึ่ง ผมว่าน่าจะบังคับให้การรับน้องต้องจัดให้มีอาจารย์จากสถาบันไปคอยดูแลระหว่างการทำกิจกรรมด้วย ถ้าไม่มีอาจารย์ดูแล ห้ามทำกิจกรรม

แต่หลังๆที่ได้ยินข่าวมานี่
มันจะเป็นการแอบทำนะครับ ประมาณว่าไปกันเอง
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องลงโทษตามกฎหมาย

[ดาวหางสีแดง]

[quote="Ryuga"]ผมเคยได้ยินมาว่ารับน้องวิศวะนี่เขามีบวชน้องด้วยนี่ครับ

น้องใหม่ก็จะถูกโกน.................

[คนเรือ VI]

อาจารย์เค้าก็ห้ามอยู่แล้วครับ แต่ก็ห้ามไม่อยู่แน่นอน

รับน้องนอกสถานที่เป็นสิ่งที่ทุกสถาบันมีหมดครับ อาทิตย์ที่ 3 หลังเปิดภาคเรียนแรก หรือ แถวๆนั้นล่ะ

การเซ็นสัญญาหรือทำจดหมายเป็นเรื่องที่ดีครับแต่จะทำได้สำหรับสังคมที่ mature แล้วครับ

ไม่คิดว่า จะใช้ได้กับระดับ ปวช แน่นอนครับ ปวช นี่มัน ม.ปลายนะครับ เด็กมากๆ