นโยบายพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
-
- Verified User
- โพสต์: 30
- ผู้ติดตาม: 0
นโยบายพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
โพสต์ที่ 1
จากการศึกษาประวัติของชาติไทยเรา และประวัติศาสตร์ของโลกทำให้ผมได้แง่คิดในเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืนดังต่อไปน
ี้
นับตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเรื่่อยมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน พื้นฐานประเทศไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม และ การบริการเป็นส่วนมาก ชาวไทยมีนิสัยอ่อนโยน ยิ้มแย้มแจ่มใส พื้นดินเราอุดมสมบูรณ์ สิ่งแวดล้อมดี่ไม่มีมลภาวะ ภัยธรรมชาติก็น้อยที่สุด แผ่นดินไหวก็ไม่มี ทรัพยากรธรรมชาติมากมาย แหล่งท่องเที่ยวมาก ซึ่งนับว่าดีที่สุดในโลก
โดยการพัฒนาประเทศไทยเรา ขึ้นกับการบริหารประเทศของพระมหากษัตริย์ของไทยเรา เป็นส่วนมากซึ่งนโยบายหลักของเราที่ใช้ ก็คือการเน้นทางด้านการเกษตร และการบริการ งานค้าขาย งานฝีมือเป็นหลัก
ต่อมาเมื่อการติดต่อกับชาวต่างชาติมากขึ้น ช่วงแรก ๆ ก็จะเป็นการค้าขายแรกเปลี่ยนกันเป็นส่วนมาก ช่วงนั้นชาวตะวันตก อาวุธยุทโธปกรณ์ยังไม่ทันสมัยมาก การรบยังเน้นกำลังคนเป็นหลัก ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีภัยคุกคามเราในด้านนี้
:twisted: ต่อมาเมื่อมีการคิดค้นเทคโนโลยีพวกเครื่องจักรพลังน้ำ และ พวกดินระเบิดพัฒนาขึ้น ชาวตะวันตก เปลี่ยนจาก เกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรมเต็มตัว เกิดโรงงานอุตสาหกรรมขึ้นมากมาย สิ่งแวดล้อมแย่ลง น้ำเสีย ควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมมากมาย จนในสุดชาวบ้านก็ประท้วงกันทั่ว รัฐบาลของชาวตะวันตก จึงต้องแสวงหาทรัพยากร และ แหล่งตั้งโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อที่จะได้ย้ายจากบ้านของตนไปยังประเทศอื่น ๆ
จึงเป็นที่มาของยุคล่าอาณานิคม เพื่อเป็นการย้ายขยะในประเทศตนไปยังประเทศอื่น ๆ โดยการยึดครองก็อาศัยเหตุแค่ว่าประเทศเหล่านั้นด้อยพัฒนา และจะต้องตกเป็นของตนจะได้พัฒนาประเทศให้
ประเทศไทยเมื่อถึงยุคนี้ก็นับว่าโชคดี ที่เรามีพระมหากษัตริย์ที่มีวิสัยทัศนยาวไกล อย่าง พระปิยมหาราช รัชกาลที่ห้า ทรงริเริ่มพัฒนาประเทศในทุก ๆ ด้าน มีการทูตที่ดี จึงทำให้เรารอดจากการตกเป็นเมืองขึ้นได้ นโยบายหลักของพระองค์เน้นที่พื้นฐานประเทศ โดยมีนโยบายหลักดังนี้
1.การเกษตร มีการพัฒนาที่ดินเพื่อการเกษตร โดยพัฒนาระบบชลประทานขึ้น ตัวอย่างก็คือ ที่ดินแถวรังสิตคลองต่าง ๆ ซื่งพระองค์ทำไว้อย่างดี น่่าเสียดายที่เรานำไปสร้างเมืองซะ
ระบบคูคลอง ต่าง ๆ เพื่อการคมนาคมและการเกษตร ที่สมัยก่อนประเทศเราได้ชื่อว่าเป็นเวนิสของเอเชีย
2.การคมนาคม ทรงริ่เริ่มสร้างระบบราง และถนนขึ้นโดยรถไฟที่พระองค์สร้างขึ้นเป็นอันดับแรก ๆ ในเอเชีย ซึ่งช่วงนั้นมีประเทศต่าง ๆ มาดูงานเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายเหมือนกัน ที่ระบบรถไฟเราสมัย ร ห้า เป็นเช่นไร สมัยปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้น แถมเก่าไปตามกาลเวลาอีกต่างหาก
ถนนหนทาง เช่นราชดำเนิน สมัยก่อนชาวบ้านคิดว่าจะสร้างไปทำไมกว้างนัก เปิดหน้าต่างตะโกนกันไม่ถึง แต่สมัยนี้ถึงได้รู้ว่า ทัศนวิสัยของพระองค์ยาวไกลมาก ในยุคเราถึงกลับคิดว่า น่าจะสร้างกว้างกว่านี้อีกสักหน่อย
3.การศึกษา ทรงเป็นคนตั้ง รร และมหาวิทยาลัยหลายแห่ง โดยบริจาคที่ดิน และทรงส่งลูก ๆ ของพระองค์ไปเรียนเมืองนอก เพื่อกลับมาเป็นอาจารย์ของหลายสาขาวิชา
ฯลฯ
ยุคนี้เป็นยุคที่ประเทศพัฒนาไปมาก และประชาชนมีความสุขมาก
พระองค์ทรงเป็นที่รักของปวงชนชาวไทยก็เพราะสาเหตุดังกล่าว
จะเห็นได้ว่าประเทศพัฒนาไปในด้านต่าง ๆ มากจนต่างชาติโดยเฉพาะชาติในเอเชียต้องส่งคนมาดูงานเป็นอันมาก
ี้
นับตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเรื่่อยมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน พื้นฐานประเทศไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม และ การบริการเป็นส่วนมาก ชาวไทยมีนิสัยอ่อนโยน ยิ้มแย้มแจ่มใส พื้นดินเราอุดมสมบูรณ์ สิ่งแวดล้อมดี่ไม่มีมลภาวะ ภัยธรรมชาติก็น้อยที่สุด แผ่นดินไหวก็ไม่มี ทรัพยากรธรรมชาติมากมาย แหล่งท่องเที่ยวมาก ซึ่งนับว่าดีที่สุดในโลก
โดยการพัฒนาประเทศไทยเรา ขึ้นกับการบริหารประเทศของพระมหากษัตริย์ของไทยเรา เป็นส่วนมากซึ่งนโยบายหลักของเราที่ใช้ ก็คือการเน้นทางด้านการเกษตร และการบริการ งานค้าขาย งานฝีมือเป็นหลัก
ต่อมาเมื่อการติดต่อกับชาวต่างชาติมากขึ้น ช่วงแรก ๆ ก็จะเป็นการค้าขายแรกเปลี่ยนกันเป็นส่วนมาก ช่วงนั้นชาวตะวันตก อาวุธยุทโธปกรณ์ยังไม่ทันสมัยมาก การรบยังเน้นกำลังคนเป็นหลัก ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีภัยคุกคามเราในด้านนี้
:twisted: ต่อมาเมื่อมีการคิดค้นเทคโนโลยีพวกเครื่องจักรพลังน้ำ และ พวกดินระเบิดพัฒนาขึ้น ชาวตะวันตก เปลี่ยนจาก เกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรมเต็มตัว เกิดโรงงานอุตสาหกรรมขึ้นมากมาย สิ่งแวดล้อมแย่ลง น้ำเสีย ควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมมากมาย จนในสุดชาวบ้านก็ประท้วงกันทั่ว รัฐบาลของชาวตะวันตก จึงต้องแสวงหาทรัพยากร และ แหล่งตั้งโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อที่จะได้ย้ายจากบ้านของตนไปยังประเทศอื่น ๆ
จึงเป็นที่มาของยุคล่าอาณานิคม เพื่อเป็นการย้ายขยะในประเทศตนไปยังประเทศอื่น ๆ โดยการยึดครองก็อาศัยเหตุแค่ว่าประเทศเหล่านั้นด้อยพัฒนา และจะต้องตกเป็นของตนจะได้พัฒนาประเทศให้
ประเทศไทยเมื่อถึงยุคนี้ก็นับว่าโชคดี ที่เรามีพระมหากษัตริย์ที่มีวิสัยทัศนยาวไกล อย่าง พระปิยมหาราช รัชกาลที่ห้า ทรงริเริ่มพัฒนาประเทศในทุก ๆ ด้าน มีการทูตที่ดี จึงทำให้เรารอดจากการตกเป็นเมืองขึ้นได้ นโยบายหลักของพระองค์เน้นที่พื้นฐานประเทศ โดยมีนโยบายหลักดังนี้
1.การเกษตร มีการพัฒนาที่ดินเพื่อการเกษตร โดยพัฒนาระบบชลประทานขึ้น ตัวอย่างก็คือ ที่ดินแถวรังสิตคลองต่าง ๆ ซื่งพระองค์ทำไว้อย่างดี น่่าเสียดายที่เรานำไปสร้างเมืองซะ
ระบบคูคลอง ต่าง ๆ เพื่อการคมนาคมและการเกษตร ที่สมัยก่อนประเทศเราได้ชื่อว่าเป็นเวนิสของเอเชีย
2.การคมนาคม ทรงริ่เริ่มสร้างระบบราง และถนนขึ้นโดยรถไฟที่พระองค์สร้างขึ้นเป็นอันดับแรก ๆ ในเอเชีย ซึ่งช่วงนั้นมีประเทศต่าง ๆ มาดูงานเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายเหมือนกัน ที่ระบบรถไฟเราสมัย ร ห้า เป็นเช่นไร สมัยปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้น แถมเก่าไปตามกาลเวลาอีกต่างหาก
ถนนหนทาง เช่นราชดำเนิน สมัยก่อนชาวบ้านคิดว่าจะสร้างไปทำไมกว้างนัก เปิดหน้าต่างตะโกนกันไม่ถึง แต่สมัยนี้ถึงได้รู้ว่า ทัศนวิสัยของพระองค์ยาวไกลมาก ในยุคเราถึงกลับคิดว่า น่าจะสร้างกว้างกว่านี้อีกสักหน่อย
3.การศึกษา ทรงเป็นคนตั้ง รร และมหาวิทยาลัยหลายแห่ง โดยบริจาคที่ดิน และทรงส่งลูก ๆ ของพระองค์ไปเรียนเมืองนอก เพื่อกลับมาเป็นอาจารย์ของหลายสาขาวิชา
ฯลฯ
ยุคนี้เป็นยุคที่ประเทศพัฒนาไปมาก และประชาชนมีความสุขมาก
พระองค์ทรงเป็นที่รักของปวงชนชาวไทยก็เพราะสาเหตุดังกล่าว
จะเห็นได้ว่าประเทศพัฒนาไปในด้านต่าง ๆ มากจนต่างชาติโดยเฉพาะชาติในเอเชียต้องส่งคนมาดูงานเป็นอันมาก
-
- Verified User
- โพสต์: 30
- ผู้ติดตาม: 0
นโยบายพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
โพสต์ที่ 2
ต่อมาจนถึงยุครัชกาลที่เจ็ด เป็นยุคเปลี่ยนการปกครอง โดยทหารทำการปฎิวัติ โดยให้สาเหตุว่าอยากได้ประชาธิปไตย ซึ่งคนในประเทศ ยังไม่มีความพร้อม โดยบังคับให้กษัตริย์ เซ็นเอกสาร นับว่าประชาธิปไตยเราเกิดมาจากการแย่งชิง นับว่าเป็นกรรมประการหนึ่ง เหมือนกับเราไปแย่งของที่เจ้าของไม่เต็มใจให้ ไปบังคับฝืนใจมา ดังนั้นนโยบายประเทศและการบริหารประเทศจึงเปลี่ยนมือยัง ประชาชนโดยยังไม่สมบูรณ์ ทำให้ประชาธิปไตยประเทศเราถึงเป็นเช่นนี้
หลังจากนั้นนโยบายประเทศก็ขึ้นกับผู้มีอำนาจในขณะนั้น ซึ่งไม่มีความต่อเนื่อง เนื่องจากมีการแย่งชิงอำนาจ กันเป็นประจำ ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันจึงไม่แน่แปลกใจเลย ต้องทำใจไปก่อน อันนี้เป็นเรื่องปกติของประเทศเรา
จากนั้นนโยบายของเราก็เน้นในเรื่องการร่ำรวยอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นการสร้างภาพให้ประชาชนเห็น ว่าประเทศพัฒนาแล้ว โดยไม่ได้เน้นที่พื้นฐานของประเทศเป็นหลัก
ถ้าใครดูโหมโรง จะรู้ว่า การพัฒนาให้ทัดเทียมตะวันตกนั้น เราทำกันอย่างไร
เราเลียนแบบเพียงแค่ลักษณะที่เห็นจากภายนอก เช่นการแต่งกาย ดนตรีสากล การสร้างบ้านเรือนเลียนแบบตะวันตก
ซึ่งต่างจากการพัฒนาของพระมหากษัตริย์เรามาก ที่เน้นความเป็นจิงและพื้นฐานประเทศมากกว่า
กลับมาที่การพัฒนาประเทศ จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่หนึ่งเป็นต้นมา ที่ต้องการเห็นประเทศร่ำรวย โดยการเปลี่ยนสภาพจากเกษตรกรรม เป็นอุตสาหกรรม นั้นเป็นการตกหลุมพรางของชาวตะวันตก ที่ต้องการหลอกใช้เราเป็นที่ทิ้งขยะ และ แรงงานราคาถูก โดยมีคนร่ำรวยอยู่ไม่กี่คน ฝรั่งรวยขึ้น ๆ ส่วนประชาชนทำงานเยี่ยงทาส และให้ค่าจ้างเพียงเล็กน้อย และน้อยลงเรื่อย ๆ
อาจจะมีคนเถียงว่า มันน้อยลงได้อย่างไร เมื่อก่อนเงินเดือนหลักร้อย เด๋วนี้เงินเดือนหลักหมื่น ก็ให้ลองดูที่ราคาอาหาร และราคาทองเป็นเกณ์
เมื่อก่อนเงินเดือนสี่ร้อย อาหารชามละไม่ถึงบาท ทองบาทละร้อยกว่าบาท เงินเดือนหนึ่งเดือนซึื้อทองได้สองบาท เด๋วนี้ไม่ถึงบาท
หลังจากนั้นประเทศเราก็มีสภาวะแวดล้อมที่แย่ลง เกิดน้ำเสีย ควันพิษ ฝุ่นละออง คนเป็นภูมิแพ้มากมาย จากที่มีโรงงานอุตสาหกรรมมา
ใช้ทรัพยากรอย่างฟุ่มเฟือย สถานที่ท่องเที่ยวทรุดโทรม ขยะมากมาย
คนต้องดิ้นรนแข่งขัน มีแต่ความเครียด กินเหล้าสูบบุหรี่
นี่หรือคือการพัฒนาประเทศ นี่หรือคือสภาพเมืองไทยในปัจจุบัน นี่หรือคืือสภาพของเมืองไทยที่ประชาชนต้องการ ความสุขในประเทศเราที่มีมากมาย ตอนนี้แทบไม่เหลือ
ทุกคนอยากให้ประเทศเราเป็นเช่นนี้จริงหรือ
ของถามชาว VI ว่า เราพอใจในสภาพแบบนี้หรือ
หลังจากนั้นนโยบายประเทศก็ขึ้นกับผู้มีอำนาจในขณะนั้น ซึ่งไม่มีความต่อเนื่อง เนื่องจากมีการแย่งชิงอำนาจ กันเป็นประจำ ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันจึงไม่แน่แปลกใจเลย ต้องทำใจไปก่อน อันนี้เป็นเรื่องปกติของประเทศเรา
จากนั้นนโยบายของเราก็เน้นในเรื่องการร่ำรวยอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นการสร้างภาพให้ประชาชนเห็น ว่าประเทศพัฒนาแล้ว โดยไม่ได้เน้นที่พื้นฐานของประเทศเป็นหลัก
ถ้าใครดูโหมโรง จะรู้ว่า การพัฒนาให้ทัดเทียมตะวันตกนั้น เราทำกันอย่างไร
เราเลียนแบบเพียงแค่ลักษณะที่เห็นจากภายนอก เช่นการแต่งกาย ดนตรีสากล การสร้างบ้านเรือนเลียนแบบตะวันตก
ซึ่งต่างจากการพัฒนาของพระมหากษัตริย์เรามาก ที่เน้นความเป็นจิงและพื้นฐานประเทศมากกว่า
กลับมาที่การพัฒนาประเทศ จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่หนึ่งเป็นต้นมา ที่ต้องการเห็นประเทศร่ำรวย โดยการเปลี่ยนสภาพจากเกษตรกรรม เป็นอุตสาหกรรม นั้นเป็นการตกหลุมพรางของชาวตะวันตก ที่ต้องการหลอกใช้เราเป็นที่ทิ้งขยะ และ แรงงานราคาถูก โดยมีคนร่ำรวยอยู่ไม่กี่คน ฝรั่งรวยขึ้น ๆ ส่วนประชาชนทำงานเยี่ยงทาส และให้ค่าจ้างเพียงเล็กน้อย และน้อยลงเรื่อย ๆ
อาจจะมีคนเถียงว่า มันน้อยลงได้อย่างไร เมื่อก่อนเงินเดือนหลักร้อย เด๋วนี้เงินเดือนหลักหมื่น ก็ให้ลองดูที่ราคาอาหาร และราคาทองเป็นเกณ์
เมื่อก่อนเงินเดือนสี่ร้อย อาหารชามละไม่ถึงบาท ทองบาทละร้อยกว่าบาท เงินเดือนหนึ่งเดือนซึื้อทองได้สองบาท เด๋วนี้ไม่ถึงบาท
หลังจากนั้นประเทศเราก็มีสภาวะแวดล้อมที่แย่ลง เกิดน้ำเสีย ควันพิษ ฝุ่นละออง คนเป็นภูมิแพ้มากมาย จากที่มีโรงงานอุตสาหกรรมมา
ใช้ทรัพยากรอย่างฟุ่มเฟือย สถานที่ท่องเที่ยวทรุดโทรม ขยะมากมาย
คนต้องดิ้นรนแข่งขัน มีแต่ความเครียด กินเหล้าสูบบุหรี่
นี่หรือคือการพัฒนาประเทศ นี่หรือคือสภาพเมืองไทยในปัจจุบัน นี่หรือคืือสภาพของเมืองไทยที่ประชาชนต้องการ ความสุขในประเทศเราที่มีมากมาย ตอนนี้แทบไม่เหลือ
ทุกคนอยากให้ประเทศเราเป็นเช่นนี้จริงหรือ
ของถามชาว VI ว่า เราพอใจในสภาพแบบนี้หรือ
-
- Verified User
- โพสต์: 30
- ผู้ติดตาม: 0
นโยบายพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
โพสต์ที่ 3
ทำไมเราถึงมองสิ่งต่างๆ โดยมองเพียงสิ่งที่เห็น ไม่ได้มองเนื้อแท้
ทำไมประเทศเราจึงได้แต่ผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน
มีแต่การคอรัปชั่น การแก่งแย่งชิงดี การหลอกลวงประชาชน เพียงเพื่อความร่ำรวย และอำนาจ โดยละทิ้งประชาชน ปากว่าเพื่อประชาชน
แต่จิง ๆ ทำเพื่อพวกตนและครอบครัว ปล่อยใหชาวต่างชาติมาย่ำยีประเทศ
้จะมีใครที่จริงใจในการพัฒนาประเทศบ้างมัยเนี่ย
เด๋วมาเขียนต่อนะครับ ตอนต่อไปจะเป็นเรื่องแนวทางในการพัฒนาประเทศในยุคต่อไป
ยุคปัจจุบันนี้ทุกอย่างซับซ้อนมากขึ้น การพัฒนาประเทศต้องมองในทุก ๆ ด้าน
อดีตเป็นบทเรียน ปัจจุบันเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข อนาคตเป็นเป้าหมา
ทำไมประเทศเราจึงได้แต่ผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน
มีแต่การคอรัปชั่น การแก่งแย่งชิงดี การหลอกลวงประชาชน เพียงเพื่อความร่ำรวย และอำนาจ โดยละทิ้งประชาชน ปากว่าเพื่อประชาชน
แต่จิง ๆ ทำเพื่อพวกตนและครอบครัว ปล่อยใหชาวต่างชาติมาย่ำยีประเทศ
้จะมีใครที่จริงใจในการพัฒนาประเทศบ้างมัยเนี่ย
เด๋วมาเขียนต่อนะครับ ตอนต่อไปจะเป็นเรื่องแนวทางในการพัฒนาประเทศในยุคต่อไป
ยุคปัจจุบันนี้ทุกอย่างซับซ้อนมากขึ้น การพัฒนาประเทศต้องมองในทุก ๆ ด้าน
อดีตเป็นบทเรียน ปัจจุบันเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข อนาคตเป็นเป้าหมา
-
- Verified User
- โพสต์: 30
- ผู้ติดตาม: 0
นโยบายพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
โพสต์ที่ 4
ถามว่าถ้าเราเป็นบุคคลคนหนึ่งแล้วฝันไว้ว่าอยากให้ตัวเองร่ำรวย จะต้องทำอย่างไร
หนึ่งจะต้องมองว่ารายได้เราได้มาจากส่วนใด
สองจะต้องมองว่ารายจ่ายเรามีอะไรบ้าง
สามจะต้องมองว่า เรามีเงินออมบ้างมัย ที่จะนำไปลงทุนเพื่อความร่ำรวยได้
ที่นี้ลองมาเปรียบเทียบประเทศไทยดูนะครับ
รายได้หลักของประเทศมาจากการส่งออก 70 เปอร์เซ็นต์ การท่องเที่ยว 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ และอื่น ๆ 10 เปอร์เซ็นต์ รัฐได้รายได้ในรูปของการเก็บภาษี ได้ปีหนึ่งประมาณ หนึ่งล้านล้านบาท
รายจ่ายของเราประกอบด้วย เงินเดือนค่าราชการ 60 กว่าเปอร์เซ็นต์ งบประมาณผูกพันธ์กว่า 30 เปอร์เซ็นต์ดัังนั้น รวมกว่า เกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นในแต่ละปีหากเราต้องการที่จะลงทุนอะไรเพิ่ม จะต้องกู้เงินจากญี่ปุ่นตลอด
ดังจะเห็นได้ว่างบประมาณของประเทศไทยขาดดุลตลอดมา
หนึ่งจะต้องมองว่ารายได้เราได้มาจากส่วนใด
สองจะต้องมองว่ารายจ่ายเรามีอะไรบ้าง
สามจะต้องมองว่า เรามีเงินออมบ้างมัย ที่จะนำไปลงทุนเพื่อความร่ำรวยได้
ที่นี้ลองมาเปรียบเทียบประเทศไทยดูนะครับ
รายได้หลักของประเทศมาจากการส่งออก 70 เปอร์เซ็นต์ การท่องเที่ยว 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ และอื่น ๆ 10 เปอร์เซ็นต์ รัฐได้รายได้ในรูปของการเก็บภาษี ได้ปีหนึ่งประมาณ หนึ่งล้านล้านบาท
รายจ่ายของเราประกอบด้วย เงินเดือนค่าราชการ 60 กว่าเปอร์เซ็นต์ งบประมาณผูกพันธ์กว่า 30 เปอร์เซ็นต์ดัังนั้น รวมกว่า เกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นในแต่ละปีหากเราต้องการที่จะลงทุนอะไรเพิ่ม จะต้องกู้เงินจากญี่ปุ่นตลอด
ดังจะเห็นได้ว่างบประมาณของประเทศไทยขาดดุลตลอดมา
-
- Verified User
- โพสต์: 30
- ผู้ติดตาม: 0
นโยบายพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
โพสต์ที่ 5
ที่นี้หากเราต้องการจะให้ประเทศพัฒนาอย่างยั่งยืน จะต้องเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และมีเงินออม
ฟังดูเหมือนง่ายนะครับ แต่ว่าเราจะทำได้อย่างไร
ว่ากันด้วยรายได้ จะมีรายได้สองประเภท คือ รายได้จากการทำงาน และรายได้จากการความคิด จากพ่อรวยสอนลูก
ซึ่งเราจะต้องมองให้ดี ๆ
เนื่องจากว่ารายได้ของเราเป็นรายได้จากการทำงาน เช่น ตั้งโรงงานอุตสาหกรรม ผลิตของเสีย เกิดมลภาวะ เราจึงควรลดรายได้ในส่วนนี้ลง รายได้ที่เราควรเพิ่มขึ้นประกอบด้วย
1.การท่องเที่ยวและบริการ
ปัจจุบันนี้เรามองว่า อยากให้คนมาเที่ยวประเทศมาก ๆ จะได้เงินเข้าประเทศมาก ๆ ซึ่งความคิดนี้ดี แต่ไม่ดีที่สุด เพราะว่าการที่จำนวนนักท่องเที่ยวมาก ก่อให้เกิดสภาวะแวดล้อม ไม่ดี สถานที่ท่องเที่ยวเสียหาย แถมเรายังต้องเสียตังค์มากมาย เพื่อไปสร้างสนามบินเป็นแสน ๆ ล้าน เป็นหนี้เป็นสินมหาศาล
ดังนั้นรายได้ในส่วนนี้เราควรจะเน้นที่คุณภาพของนักท่องเที่ยวมากกว่า เพราะว่านักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ จะร่ำรวยกว่า และนำรายได้เข้่าประเทศมากกว่า เช่น ถ้าเบคแฮม มาเที่ยวเมืองไทยหนึ่งคน จะใช้จ่าย เที่ยบกับฝรั่งขี้นกร้อยคน หรือ บิลเกต มาสร้างบ้านพักที่ภูเก็ต ก็ใช้จ่าย เท่ากับฝรั่งเที่ยวเป็นหมื่นคน โดยที่เราต้อนรับคนไม่กี่คนเท่านั้น เป็นต้น และเราควรจะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังดีอยู่เนื่องจากจำนวนคนที่มาเที่ยวน้อยลง โดยที่รายได้เพิ่มขึ้น อาจจะต้องทำแบบภูฐานที่มีการจำกัดนักท่องเที่ยวที่จะเข้าประเทศ โดยการเก็บเงิน ซึ่งช่วงแรกจะดูไม่ดี แต่ระยะยาวจะมั่นคงกว่า เพราะเรามั่นใจว่านักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา จะได้คุณภาพ การศึกษาดี รายได้ดี ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวไม่เสียหาย ช่วยหารายได้ให้เราได้ไปอีกนาน สิ่งไหนที่ยิ่งห้าม คนก็จะยิ่งอยากไปชม เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ต้องกลัวว่าคนจะไม่มาเที่ยว
สรุปหลักการก็คือ เน้นที่คุณภาพ มากกว่าปริมาณ ในเรื่องนี้ ทำให้สถานทีท่องเที่ยว่เราเป็นเกรดเอ ต้อนรับนักท่องเที่ยวเกรดเอ
2.รายได้จากอุตสาหกรรมหนัก การส่งออก
เป็นรายได้ที่ได้มาแล้วทำให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติมากที่สุด เกิดมลพิษ สิ่งแวดล้อมแย่ โดยที่คนที่รวยก็มีไม่กี่คน คนที่เหลือก็เป็นเพียงคนรับจ้างได้เพียงเศษเงิน พี่น้องประชาชนในประเทศฐานะย่ำแย่ ได้เงินวันล่ะไม่กี่ร้อย แต่เจ้าของรวยเป็นร้อย เป็นพันล้าน พอค่าแรงแพงชึ้น ก็หาเเรื่องย้ายไปประเทศอื่นแทน ไม่มีความจริงใจ รายได้ประเภทนี้ควรจะลดลง เราไม่ควรเสียดายรายได้ประเภทนี้ เพราะก่อผลเสียแก่คนส่วนมาก มีคนส่วนน้อยได้ประโยชน์ ไม่่ตรงกับพื้นฐานของประเทศ
3.รายได้จากอุตสาหกรรมการเกษตร
เป็นรายได้ที่เหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุด เนื่องจากบ้านเราเป็นสังคมเกษตรกรรม เราควรจะเน้นพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตร โดยการแปรรูปวัตถุดิบ และอุตสาหกรรมประเภทนี้ก่อมลพิษน้อย และควบคุมได้มากกว่า เมื่อเที่ยบกับอุตสาหกรรมประเภทอื่น ๆ เช่น เคมี พลาสติก
ทางเราควรเน้นในด้านนี้มากที่สุด เนื่องจากตรงกับพื้นฐานประเทศ และก่อให้เกิดการจ้างงานมากกว่า และมั่นคงกว่า
4.รายได้พิเศษ จากการไม่ทำงาน
ชาว VI ทราบหรือไม่ สิงค์์โปร์หากินเช่นไร
ท่านคงทราบดีว่า เป็นนายหน้าเก็บเงินค่าผ่านทาง ค่าบริการจากเรือที่่ิวิ่งผ่าน ช่องแคบมะละกา เป็นท่าเรือกระจายสินค้าในอาเซียน ปีหนึ่งรายได้เป็นล้าน ๆ บาท ดังนั้นท่านจะเห็นได้ว่าชาวสิงคโปร์จะมีรายได้ต่อหัวเทียบแล้วสูงสุดเป็นอันดับต้น ๆ ของชาวเอเซีย หุ้นสิงคโปร์ก็แข็งแรงกว่าเมืองไทย เนื่องจากรายได้จะสม่ำเสมอ ไม่ขาดตอน
เปรียบเทียบง่าย ๆ
เหมือนกับชาวไทย ทำงานโรงงาน ปลูกผัก ผลไม้
ชาวสิงคโปร์เก็บค่าผ่านทาง ทำตัวเป็นพ่อค้า
ถามว่า ถ้าใครจะรายได้มั่นคงกว่ากัน และใครจะรวยกว่ากัน
ยังไงการค้าขายก็คงอยู่ตลอดไป สินค้าอาจจะเปลี่ยนไป บ้างจากเครื่องเทศ เป็นน้ำมัน
หรือเปรียบเทียบเป็นหุ้น ท่านอยากจะถือหุ้นประเทศไหน นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นสิงค์โปร์จึงเป็นหมื่นจุด ขณะที่ของเรา เจ็ดแปดร้อย มาร์เก็ตแคปต่างกันเป็นสิบเท่า ทั้ง ๆ ที่สิงค์โปร์เล็กนิดเดียว
ถ้าเป็นเช่นนี้ถามว่าแล้วเราอยากได้รายไ้ด้แบบนี้บ้างไหม
ฟังดูเหมือนง่ายนะครับ แต่ว่าเราจะทำได้อย่างไร
ว่ากันด้วยรายได้ จะมีรายได้สองประเภท คือ รายได้จากการทำงาน และรายได้จากการความคิด จากพ่อรวยสอนลูก
ซึ่งเราจะต้องมองให้ดี ๆ
เนื่องจากว่ารายได้ของเราเป็นรายได้จากการทำงาน เช่น ตั้งโรงงานอุตสาหกรรม ผลิตของเสีย เกิดมลภาวะ เราจึงควรลดรายได้ในส่วนนี้ลง รายได้ที่เราควรเพิ่มขึ้นประกอบด้วย
1.การท่องเที่ยวและบริการ
ปัจจุบันนี้เรามองว่า อยากให้คนมาเที่ยวประเทศมาก ๆ จะได้เงินเข้าประเทศมาก ๆ ซึ่งความคิดนี้ดี แต่ไม่ดีที่สุด เพราะว่าการที่จำนวนนักท่องเที่ยวมาก ก่อให้เกิดสภาวะแวดล้อม ไม่ดี สถานที่ท่องเที่ยวเสียหาย แถมเรายังต้องเสียตังค์มากมาย เพื่อไปสร้างสนามบินเป็นแสน ๆ ล้าน เป็นหนี้เป็นสินมหาศาล
ดังนั้นรายได้ในส่วนนี้เราควรจะเน้นที่คุณภาพของนักท่องเที่ยวมากกว่า เพราะว่านักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ จะร่ำรวยกว่า และนำรายได้เข้่าประเทศมากกว่า เช่น ถ้าเบคแฮม มาเที่ยวเมืองไทยหนึ่งคน จะใช้จ่าย เที่ยบกับฝรั่งขี้นกร้อยคน หรือ บิลเกต มาสร้างบ้านพักที่ภูเก็ต ก็ใช้จ่าย เท่ากับฝรั่งเที่ยวเป็นหมื่นคน โดยที่เราต้อนรับคนไม่กี่คนเท่านั้น เป็นต้น และเราควรจะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังดีอยู่เนื่องจากจำนวนคนที่มาเที่ยวน้อยลง โดยที่รายได้เพิ่มขึ้น อาจจะต้องทำแบบภูฐานที่มีการจำกัดนักท่องเที่ยวที่จะเข้าประเทศ โดยการเก็บเงิน ซึ่งช่วงแรกจะดูไม่ดี แต่ระยะยาวจะมั่นคงกว่า เพราะเรามั่นใจว่านักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา จะได้คุณภาพ การศึกษาดี รายได้ดี ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวไม่เสียหาย ช่วยหารายได้ให้เราได้ไปอีกนาน สิ่งไหนที่ยิ่งห้าม คนก็จะยิ่งอยากไปชม เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ต้องกลัวว่าคนจะไม่มาเที่ยว
สรุปหลักการก็คือ เน้นที่คุณภาพ มากกว่าปริมาณ ในเรื่องนี้ ทำให้สถานทีท่องเที่ยว่เราเป็นเกรดเอ ต้อนรับนักท่องเที่ยวเกรดเอ
2.รายได้จากอุตสาหกรรมหนัก การส่งออก
เป็นรายได้ที่ได้มาแล้วทำให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติมากที่สุด เกิดมลพิษ สิ่งแวดล้อมแย่ โดยที่คนที่รวยก็มีไม่กี่คน คนที่เหลือก็เป็นเพียงคนรับจ้างได้เพียงเศษเงิน พี่น้องประชาชนในประเทศฐานะย่ำแย่ ได้เงินวันล่ะไม่กี่ร้อย แต่เจ้าของรวยเป็นร้อย เป็นพันล้าน พอค่าแรงแพงชึ้น ก็หาเเรื่องย้ายไปประเทศอื่นแทน ไม่มีความจริงใจ รายได้ประเภทนี้ควรจะลดลง เราไม่ควรเสียดายรายได้ประเภทนี้ เพราะก่อผลเสียแก่คนส่วนมาก มีคนส่วนน้อยได้ประโยชน์ ไม่่ตรงกับพื้นฐานของประเทศ
3.รายได้จากอุตสาหกรรมการเกษตร
เป็นรายได้ที่เหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุด เนื่องจากบ้านเราเป็นสังคมเกษตรกรรม เราควรจะเน้นพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตร โดยการแปรรูปวัตถุดิบ และอุตสาหกรรมประเภทนี้ก่อมลพิษน้อย และควบคุมได้มากกว่า เมื่อเที่ยบกับอุตสาหกรรมประเภทอื่น ๆ เช่น เคมี พลาสติก
ทางเราควรเน้นในด้านนี้มากที่สุด เนื่องจากตรงกับพื้นฐานประเทศ และก่อให้เกิดการจ้างงานมากกว่า และมั่นคงกว่า
4.รายได้พิเศษ จากการไม่ทำงาน
ชาว VI ทราบหรือไม่ สิงค์์โปร์หากินเช่นไร
ท่านคงทราบดีว่า เป็นนายหน้าเก็บเงินค่าผ่านทาง ค่าบริการจากเรือที่่ิวิ่งผ่าน ช่องแคบมะละกา เป็นท่าเรือกระจายสินค้าในอาเซียน ปีหนึ่งรายได้เป็นล้าน ๆ บาท ดังนั้นท่านจะเห็นได้ว่าชาวสิงคโปร์จะมีรายได้ต่อหัวเทียบแล้วสูงสุดเป็นอันดับต้น ๆ ของชาวเอเซีย หุ้นสิงคโปร์ก็แข็งแรงกว่าเมืองไทย เนื่องจากรายได้จะสม่ำเสมอ ไม่ขาดตอน
เปรียบเทียบง่าย ๆ
เหมือนกับชาวไทย ทำงานโรงงาน ปลูกผัก ผลไม้
ชาวสิงคโปร์เก็บค่าผ่านทาง ทำตัวเป็นพ่อค้า
ถามว่า ถ้าใครจะรายได้มั่นคงกว่ากัน และใครจะรวยกว่ากัน
ยังไงการค้าขายก็คงอยู่ตลอดไป สินค้าอาจจะเปลี่ยนไป บ้างจากเครื่องเทศ เป็นน้ำมัน
หรือเปรียบเทียบเป็นหุ้น ท่านอยากจะถือหุ้นประเทศไหน นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นสิงค์โปร์จึงเป็นหมื่นจุด ขณะที่ของเรา เจ็ดแปดร้อย มาร์เก็ตแคปต่างกันเป็นสิบเท่า ทั้ง ๆ ที่สิงค์โปร์เล็กนิดเดียว
ถ้าเป็นเช่นนี้ถามว่าแล้วเราอยากได้รายไ้ด้แบบนี้บ้างไหม
-
- Verified User
- โพสต์: 30
- ผู้ติดตาม: 0
นโยบายพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
โพสต์ที่ 6
การขุดคอขอดกระ
เป็นจุดเปลี่ยนของภูมิภาคนี้ ที่สำคัญมากที่สุด
รายได้จะเปลี่ยนมือจากประเทศสิงคโปร์มายังประเทศไทย
ประเทศไทยจะมีรายไ้ด้จากปีละหนึ่งล้าน ๆ กลายเป็นสองสามล้าน ๆ
เพิ่มขึ้นอย่างน้อย สองสามเท่า ประเทศสิงค์โปร์จะหมดประโยชน์ คนไทยจะร่ำรวยขึ้น เราจะไม่สนใจว่าค่าเงินจะแข็งหรืออ่อน เราจะทำตัวเป็นเสือนอนกิน เหมือนกับที่สิงค์โปร์ทำมาเป็นศตวรรษ
ถ้าต้องการรายได้เพิ่ม ทำง่าย ๆ ก็ขึ้นราคาค่าผ่านทาง ไม่ต้องง้อต่างชาติ จะขนเงินมาหรือป่าวก็ไม่สน หุ้นประเทศไทยก็จะกลายเป็นหลักหมื่น
การขุดใช้เงินพอ ๆ กับสร้างสนามบิน ประมาณแสนล้าน
แต่สิ่งที่ตามมาต่างกันฟ้ากับเหว
การขุดใช้เวลาคืนทุนไม่เกินครึ่งปี แต่สนามบิน อีกสิบปีจะคืนทุนหรือป่าวไม่รู้
ถ้าดีจิง ทำไมถึงไม่มีคนคิดล่ะ บ้างคนอาจจะถาม
จากการศึกษาประวัติศาสตร์ประเทศไทย
คนที่คิดขุดน่ะ มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้วววววววว ส่วนมากเป็นนักเดินเรือต่างชาติ ชาวสเปน ฮอลันดา
เพราะคนเดินเรือย่อมรู้ว่า หากมีช่องทางนี้ จะทำให้ประหยัดการเดินเรือไปมากหลายวัน ประหยัดค่าใช้จ่ายอีกมาก คุ้มค่ากับการลงทุน ขนาดสมัยก่อนไม่มีเทคโนโลยี ใช้แรงงานคนยังคุ้มเลย
แต่่ทว่ามักจะมีอิทธิพลมืด มากดดันเสมอมา อย่างเช่น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็มีข้อที่ว่าห้ามขุดคอขอดกระ เขียนไว้ในสัญญาอีกต่างหาก แต่สัญญานี้หมดอายุไปแล้ว
คนที่มีโอกาสในการขุดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ก็คือ นายกปรีดี พนมยงศ์ ถึงกับมีการเวนคืนที่ดินบริเวณนั้นไว้เป็นแสน ๆ ไร่ แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงดวงดาว โดยปฎิวัติเสียก่อน โดยทหาร ซึ่งมีข่าวลือว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ และมีต่างชาติแอบหนุนหลัง
และต่อมาหากมีคนต้องการจะขุดเมื่อไร ก็จะมีการจ่ายเงินใต้โต็ะเป็นพันล้าน แล้วเรื่องก็จะเงียบไป หากไม่ยอมรับ ก็จะเกิดปฎิวัติขึ้น รัฐบาลนั้นก็จะล้มไป
ทำไมเราถึงมองสินบนเพียงเล็กน้อย ไม่มองประโยชน์ภายภาคหน้า
ไ่ม่มองประโยชน์ส่วนรวม
เป็นจุดเปลี่ยนของภูมิภาคนี้ ที่สำคัญมากที่สุด
รายได้จะเปลี่ยนมือจากประเทศสิงคโปร์มายังประเทศไทย
ประเทศไทยจะมีรายไ้ด้จากปีละหนึ่งล้าน ๆ กลายเป็นสองสามล้าน ๆ
เพิ่มขึ้นอย่างน้อย สองสามเท่า ประเทศสิงค์โปร์จะหมดประโยชน์ คนไทยจะร่ำรวยขึ้น เราจะไม่สนใจว่าค่าเงินจะแข็งหรืออ่อน เราจะทำตัวเป็นเสือนอนกิน เหมือนกับที่สิงค์โปร์ทำมาเป็นศตวรรษ
ถ้าต้องการรายได้เพิ่ม ทำง่าย ๆ ก็ขึ้นราคาค่าผ่านทาง ไม่ต้องง้อต่างชาติ จะขนเงินมาหรือป่าวก็ไม่สน หุ้นประเทศไทยก็จะกลายเป็นหลักหมื่น
การขุดใช้เงินพอ ๆ กับสร้างสนามบิน ประมาณแสนล้าน
แต่สิ่งที่ตามมาต่างกันฟ้ากับเหว
การขุดใช้เวลาคืนทุนไม่เกินครึ่งปี แต่สนามบิน อีกสิบปีจะคืนทุนหรือป่าวไม่รู้
ถ้าดีจิง ทำไมถึงไม่มีคนคิดล่ะ บ้างคนอาจจะถาม
จากการศึกษาประวัติศาสตร์ประเทศไทย
คนที่คิดขุดน่ะ มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้วววววววว ส่วนมากเป็นนักเดินเรือต่างชาติ ชาวสเปน ฮอลันดา
เพราะคนเดินเรือย่อมรู้ว่า หากมีช่องทางนี้ จะทำให้ประหยัดการเดินเรือไปมากหลายวัน ประหยัดค่าใช้จ่ายอีกมาก คุ้มค่ากับการลงทุน ขนาดสมัยก่อนไม่มีเทคโนโลยี ใช้แรงงานคนยังคุ้มเลย
แต่่ทว่ามักจะมีอิทธิพลมืด มากดดันเสมอมา อย่างเช่น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็มีข้อที่ว่าห้ามขุดคอขอดกระ เขียนไว้ในสัญญาอีกต่างหาก แต่สัญญานี้หมดอายุไปแล้ว
คนที่มีโอกาสในการขุดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ก็คือ นายกปรีดี พนมยงศ์ ถึงกับมีการเวนคืนที่ดินบริเวณนั้นไว้เป็นแสน ๆ ไร่ แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงดวงดาว โดยปฎิวัติเสียก่อน โดยทหาร ซึ่งมีข่าวลือว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ และมีต่างชาติแอบหนุนหลัง
และต่อมาหากมีคนต้องการจะขุดเมื่อไร ก็จะมีการจ่ายเงินใต้โต็ะเป็นพันล้าน แล้วเรื่องก็จะเงียบไป หากไม่ยอมรับ ก็จะเกิดปฎิวัติขึ้น รัฐบาลนั้นก็จะล้มไป
ทำไมเราถึงมองสินบนเพียงเล็กน้อย ไม่มองประโยชน์ภายภาคหน้า
ไ่ม่มองประโยชน์ส่วนรวม
-
- Verified User
- โพสต์: 30
- ผู้ติดตาม: 0
นโยบายพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
โพสต์ที่ 7
เอาล่ะหลังจากผ่านจากเรื่องรายได้ไปแล้ว หากเราปรับปรุงเรื่องรายได้อย่างที่ว่ามา รายรับของประเทศจะเพิ่มมากขี้น มลพิษน้อยลง ประชาชนร่ำรวยขึ้น ต่อไปจะเป็นเรื่องของรายจ่่าย การลงทุนที่จำเป็นและเรื่องเงินออมนะครับ
่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการลดรายจ่าย เงินออม และการลงทุนที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ
ไว้ติดตามตอนต่อไป
มีคนอ่านบ้างมัยเนี่ย :oops: เศร้าเลย
่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการลดรายจ่าย เงินออม และการลงทุนที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ
ไว้ติดตามตอนต่อไป
มีคนอ่านบ้างมัยเนี่ย :oops: เศร้าเลย
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
นโยบายพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
โพสต์ที่ 8
อ่านอยู่ครับ 8)
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- Linzhi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1464
- ผู้ติดตาม: 1
นโยบายพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
โพสต์ที่ 10
ติดตามอยู่ครับ
เรื่องรายได้ จากอุตสาหกรรมหนัก ผมก็ไม่เห็นด้วยครับ ไม่ว่าจะดีทร้อยต์ หรือเหล็กต้นน้ำ (ไม่รู้ว่าเรียกต้นน้ำได้ยังไง เพราะไม่มีสินแร่) และทำไปก็แพ้จีนอยู่ดี เจอเค้าลงทุนทีมหึมา สเกลมันต่างกันเห็น ๆ
คอคอดกระ ถ้าจะทำตอนนี้ Return จะไปได้หรอครับ
เรื่องรายได้ จากอุตสาหกรรมหนัก ผมก็ไม่เห็นด้วยครับ ไม่ว่าจะดีทร้อยต์ หรือเหล็กต้นน้ำ (ไม่รู้ว่าเรียกต้นน้ำได้ยังไง เพราะไม่มีสินแร่) และทำไปก็แพ้จีนอยู่ดี เจอเค้าลงทุนทีมหึมา สเกลมันต่างกันเห็น ๆ
คอคอดกระ ถ้าจะทำตอนนี้ Return จะไปได้หรอครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 843
- ผู้ติดตาม: 0
นโยบายพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
โพสต์ที่ 12
อ่านแล้ว....ดีครับ
เรื่องวัดคุณภาพคน ที่พูดเรื่องนักท่องเที่ยว
ไม่ทราบว่าเอาอะไรมาวัดว่ามหาเศรษฐี
ทำลายสิ่งแวดล้อมบ้านเราน้อยกว่าคนจนๆ
เช่น อาสาสมัครนานาชาติ
อนึ่ง ผมไม่อยากหวังอะไรมากกับนักการเมืองประเทศนี้อีกแล้ว
แต่ ผมอยากเห็นท่อส่งน้ำจากทางเหนือที่ท่วมๆกันประจำ
ส่งผ่านไปอีสานที่แล้งซ้ำซาก
ก่อนผมตายจะได้เห็นไหมนี่
เรื่องวัดคุณภาพคน ที่พูดเรื่องนักท่องเที่ยว
ไม่ทราบว่าเอาอะไรมาวัดว่ามหาเศรษฐี
ทำลายสิ่งแวดล้อมบ้านเราน้อยกว่าคนจนๆ
เช่น อาสาสมัครนานาชาติ
อนึ่ง ผมไม่อยากหวังอะไรมากกับนักการเมืองประเทศนี้อีกแล้ว
แต่ ผมอยากเห็นท่อส่งน้ำจากทางเหนือที่ท่วมๆกันประจำ
ส่งผ่านไปอีสานที่แล้งซ้ำซาก
ก่อนผมตายจะได้เห็นไหมนี่
-
- Verified User
- โพสต์: 551
- ผู้ติดตาม: 0
นโยบายพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
โพสต์ที่ 13
อ่านประวัติศาสตร์โลกมาหลายเล่ม อ่านประวัติศาสตร์ไทยทั้งฉบับบนดินเรื่องแต่ง และฉบับจริงที่นักวิชาการเขาศึกษามา แล้วเผยแพร่ไม่ได้
สรุปได้อย่างเดียว
สิ่งที่เราเห็น ไม่ใช่สิ่งที่เป็นอยู่
สิ่งที่เรารู้ ไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริง
ประเทศไทยจะก้าวหน้าไปได้ ต้องทะลุแนวกรอบคิดเดิมๆที่พวกเราสร้างให้ตัวเองมาโดยตลอด และต้องมีความกล้า
ไม่มีใครกล้าจริงหรอก
อย่างอาจารย์ปรีดี กล้าจริง ดีจริง แล้วตายเมืองไทยได้ไหม เพราะอะไร
สรุปได้อย่างเดียว
สิ่งที่เราเห็น ไม่ใช่สิ่งที่เป็นอยู่
สิ่งที่เรารู้ ไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริง
ประเทศไทยจะก้าวหน้าไปได้ ต้องทะลุแนวกรอบคิดเดิมๆที่พวกเราสร้างให้ตัวเองมาโดยตลอด และต้องมีความกล้า
ไม่มีใครกล้าจริงหรอก
อย่างอาจารย์ปรีดี กล้าจริง ดีจริง แล้วตายเมืองไทยได้ไหม เพราะอะไร
just one life, use it!
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
นโยบายพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
โพสต์ที่ 14
อยากอ่านฉบับจริงอ่ะครับ หาอ่านได้ที่ไหนครับ?อ่านประวัติศาสตร์โลกมาหลายเล่ม อ่านประวัติศาสตร์ไทยทั้งฉบับบนดินเรื่องแต่ง และฉบับจริงที่นักวิชาการเขาศึกษามา แล้วเผยแพร่ไม่ได้
สรุปได้อย่างเดียว
สิ่งที่เราเห็น ไม่ใช่สิ่งที่เป็นอยู่
สิ่งที่เรารู้ ไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริง
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
- BOONPARUEY
- Verified User
- โพสต์: 184
- ผู้ติดตาม: 0
นโยบายพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
โพสต์ที่ 15
:lol: