ป่ารอบบ้านหลังจากมรสุมเมื่อเดือนก่อนผ่านไป
อากาศร้อนอบอ้าวเข้ามาโปรยของขวัญให้ถึงข้างบ้าน
แค่เดินไม่กี่ก้าว เห็ดตูมๆอร่อยๆก็รอเราไปเก็บ....กินฟรี
อีกข้อดีของการกลับบ้าน
ลักษณะทางชีววิทยาของเห็ดโคน
การจำแนกเห็ดโคน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Termitomyces fuliginosus Heim
ชื่อสามัญ : เห็ดโคน เห็ดปลวก เห็ดร้อน
Class : Basidiomycetes
Order : Agaricales
Family : Termitophilae
Genus : Termitomyces
Species : fuliginosus
ลักษณะทั่วไปของเห็ดโคน
จากการศึกษาพบว่าเห็ดโคนจะเกิดอยู่ใต้ผิวดิน มีรากหยั่งลึกลงถึงรังปลวก การพลเห็ดโคนพลได้ทั้งที่ราบ ที่เนิน หรือตามผาหินที่มีการสร้างอาณาจักรของาปลวก (Colony) โดยในอาณาจักรจะมีการแผ่ขยายรังย่อยออกไปทั้งสี่ทิศ ตามความเหมาะสมของภูมิศาสตร์ แต่ละแห่งในรังปลวกแต่ละรังจะเป็นสวนเห็ด (fungus garden) เป็นอาหารของปลวกตัวอ่อน ในวงจรชีวิตของปลวกมันจะมีการตระเตรียมพลงไงว้สร้างอาหาร และขยายพันธุ์ออกไปสู่โลกภายนอกซึ่งก็คือ แมลงเมา เมื่อมีปัจจัยต่างที่มีความเหมาะสม เห็ดดคนมีโอกาสในการเจริญเติบโตเป็นดอกเห็ดโคนที่อยู่ใต้ดิน เท่าที่ศึกษามีอยู่ 2 ประเภท
ประเภทที่ 1 เติบโตจนชนดินที่อยู่ห่าง 1-2 เซนติเมตร มีกากรพอกบานแบบดอกไม้บริเวณที่ชนดิน และต่อจากนั้นจึงสร้างเป็นก้านและดอกเห็ด ซึ่งเราจะรับประทานเฉพาะส่วนที่เจาะเข้าไปในดิน จนถึงปลายหมวกดอก โคนดอกที่พ้นดินจะอวบอ้วน รังปลวกจะอยู่ต่ำจากผิวดินไม่มากนัก
ประเภทที่ 2 เติบโตและมีหมวกดอกจากรังปลวก ปลายหมวกดอกแหลมจะทะลุดินขึ้นมา พวกนี้ก้านจะเรียวยาวเก็บยากเพราะอยู่ในดินลึก
นากจากลักษณะใต้ดินที่พอจะแยกได้สองประเภทแล้ว เวลาพ้นดินขึ้นมายังมีลักษณะของสีดอก และก้านที่ตาต่างกันไปตามลักษณะดิน อากาศ แสง และอุณหภ๔มิ ซึ่งมีอาจารย์หลายท่นได้แยกไว้ เช่น เห็ดโคนปี เห็ดโคนขาไก่ เห็ดโคนข้าวดอก เห็ดโคนไฟ เห็ดโคนน้ำท่วม และอื่น ๆ ตมลักษณะสี รูปร่างและปัจจัยในการเกิด แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะหาข้อยุติในสิ่งต่าง ๆ ได้ เพราะธรรมชาติยังคงความเป็นธรรมชาติที่เรายังไม่เข้าใจ จึงต้องพยายามศึกษากันต่อไปอีก
สัณฐานวิทยา
1. หมวกดอก (Cap) มีขนาดแตกต่างกันขึ้นอยู๋กับความสมบูรณ์ของดอกเห็ดมีขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ (จากการบอกเล่าของ Dr. David Arora ช่วอเมริกันที่พบเห็ดโคนหมวกดอกใหญ่สามารถนำมาแทนร่มกันฝนได้) ที่ปลายของหมวกดอกเห็ดโคนมีทั้งที่พบว่าปลายหมวกดอกแหลมและพบที่ปลายหมวกดอกทู่แต่ส่วนใหญ่เหตุผลสนับสนุนว่าหมวกดอกน่าจะเรียวแหลม เพื่อการแทงโผล่พ้นดินขึ้นมาเมื่อฉีกดูเนื้อในมีสีขาว
2. ครีบดอก (Gills) ของเห็ดโคนมีลักษณะที่เป็นแผ่นบาง ๆ สีขาว ที่บริเวณครีบดอกจะเป็นแหล่งกำเนิดขอสปอร์
3. สปอร์ (Spore) มีสีขาว เมื่อสปอร์แก่ก็จะหลุดออกจากครีบดอกตกบริเวณนั้นหรืออาจถูกลมพัดปลิวไปตกบริเวณข้างเคียง จากนั้นสปอร์จะงอกหรือเจริญบนอินทรีย์วัตถุและทำให้อินทรีย์วัตถุผุพังและมีกลิ่นหอมที่ดึงดูดปลวกได้อย่างดี เมื่อปลวกมากินอินทรีย์วัตถุและนำเชื้อเห็ดโคนบางส่วนเข้าไปเพราต่อในบริเวณรังปลวก
4. ก้านดอก (Stalk or stripe) ก้านของเห็ดโคนจะมี 3 ส่วนคือ
a. ส่วนที่โผล่พ้นดิน
b. ส่วนที่อยู่ในดิน
c. ส่วนที่อยู่ระหว่างข่องว่างของรังปลวกและดิน ซึ่งมีสองลักษณะสีของก้านดอกเนื้อในจะเป็นสีขาว ด้านนอกจะเป็นขาวปนดำ อาจเพราะเปรอะดิน หรือการที่ออกมาถูกอากาศและแสงมากไปจึงมีสีคล้ำดำ
คุณค่าทางอาหารของเห็ดโคน
% น้ำ
% โปรตีน (ตัวอย่างสด)
% โปรตีน (ตัวอย่างสด)
เห็ดโคน
84.90
62.27
41.52
เห็ดโคน(ดอกใหญ่)
89.07
3.72
33.94
สรรพคุณทางยาของเห็ดโคน
เห็ดโคนเป็นเห็ดอีกชนิดหนึ่งที่มีขายกันตามฤดูกาลเท่านั้น ในเห็ดโคนสดและแห้ง เมื่อนำส่วนที่กินได้มาทุก ๆ 100 กรัม พบว่ามีน้ำ 93 และ 17 กรัม โปรตีน 2.9 และ 35.6 กรัม ไขมัน 0.2 และ 1.4 กรัม คาร์โบโฮเดรท 3 และ 14 กรัม เส้นใย 0.6 และ 6.9 กรัม ฝุ่นผง 0.6 และ 16.2 กรัม แคลเซียม 8 และ 100 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 6.6 และ 162 มิลลิกรัม เหล็ก 1.3 และ 3.2 มิลลิกรัม นอกจากนี้ยังมีวิตามิน B1, B2 และ C อีกด้วย มีการทดลองทางเภสัชวิทยาพบว่าน้ำสกัดเห็ดโคนมีฤทธิ์ต้นเชื้อได้หลายตัว เช่น Staphylococcus aureus เชื้อไทฟรอยด์ และเชื้อ Enterobacteria และถ้าให้คนดื่มคนดื่มน้ำสกัดเห็ดโคน 250 cc. ไม่พบว่ามีอาการข้างเยง ถ้าใช้แอลกอฮอล์และอาซีโตนสกัดสารมีฤทธิ์จากเห็ดโคน พบว่า มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้
เห็ดโคนมีรสหวาน มีฤทธิ์เป็นกลาง ไม่มีพิษ เป็นยาบำรุงกำลัง ช่วยย่อยอาหาร ละลายเสมหะ แก้บิด ลดการอาเจียน มีใช้เป็นตำรับยาดังนี้
- เสริมการศึกษาโรคเบาหวาน : กินเห็ดโคนเป็นประจำ
- ไอมีเสมหะมาก แน่นหน้าอก : เห็ดโคนสด 3-9 กรัม ต้มรับประทานทั้งน้ำและเนื้อ
- ร่างกายอ่อนแอ เบื่ออาหาร ช่วยย่อย : นำเห็ดโคนต้มจนสุกกินเป็นอาหาร(นอกจากนี้ยังเคยได้รับคำบอกเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่แถวอำเภอสามพรานว่า เห็ดโคนนี้ เวลาแห้งตายตามธรรมชาติ ไม่ถูกแลงรบกวนจะมีกระเปาะสีดำ ๆ ที่ใต้ดินติดกับรังปลวก ซึ่งเรียกว่า หัวดิน สามารถนำมาต้มเอาน้ำมาดื่มกันเป็นยาอายุวัฒนะรักษาโรคต่าง ๆ ได้มากมายซึ่งยังไม่มีใครเคยพิสูจน์ นานวันมีแต่จะเลือนหายไปเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง)
ความคืบหน้าในการเพาะ เห็ดโคน
เห็ดโคนหรือเห็ดปลวก นับเป็นเห็ดที่มีรสชาติอร่อยที่สุด และมีราคาแพงที่สุดของไทย หลายคนบอกว่าเห็ดโคนมีรสชาติอร่อยระดับโลก และเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปัจจุบันนี้เห็ดโคนยังไม่สามารถที่จะเพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ได้ จะต้องเก็บจากธรรมชาติ และเก็บได้เพียงปีละ 1-2 รุ่น ในช่วงที่อากาศร้อยอบอ้าวและมีฝนตกลงมาในช่วงฤดูฝน ถึงแม้ในขณะนี้จะมีการส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะเลี้ยงเห็ดโคนน้อยมากขึ้น อย่างไรก็ตามเห็ดโคนน้อย ยังมีรสชาติที่อร่อยสู้เห็ดโคนไม่ได้ เห็ดโคนพบได้ในหลายพื้นที่ของประเทศไทยตามป่าหรือสวนผลไม้ แต่ที่มีเชื่อเสียงมากที่สุดจะพบมากในป่าเบญจพรรณทางภาคตะวันตก โดยเฉพาในเจตพื้นที่ จ. กาญจนบุรี ราคา ซื้อ-ขาย เฉลี่ยกิโลกรัมละ 300-500 บาท ทำให้มีความพยายามที่จะศึกษาวิจัยการเพาะเห็ดโคนในเชิงพาณิชย์ให้ได้
ในอดีตมีนักวิจัยหลายท่านพยายามศึกษาการเพาะเลี้ยงเห็ดโคน โดยใช้สูตรอาหารคล้ายสูตรอาหารของ Batra แต่ไม่สามารถทำให้เส้นใยเห็ดโคนออกดอกได้ ในสภาพของการเพาะเลี้ยง ดร. ณิศ กีร์ติบุตร ได้อธิบายถึงธรรมชาติความสัมพันธ์ระหว่างปลวกและเห็ดโคนพบว่า เห็ดปลวกไฟ เห็ดปลวกน้ำท่วม และเห็ดปลวกข้าวตอก มีความเกี่ยวข้องกับปลวกจำนวน 3 ชนิด นอกจากนั้นยังได้ศึกษาศักยภาพของการเพาะเห็ดโคนด้วยวิธีการติดตามพลวัตประชากรปลวก โดยใช้กับดักที่มีกระดาษฟางเป็นเหลื่อล่อปลวกให้เพาะเห็ดโคนทั้ง 3 ชนิด พบว่าพืชอาหารของปลวกที่พบในบริเวณที่กับดักนั้นคือ สาบเสือ, ต้นแดง, พันชาติ และต้นเพ็ก ดร. ณิศ จึงได้สรุปในเบื้องต้นว่า การเพาะเห็ดโคน ควรทำโดยอาศัยหลักการลดประชากรปลวกแล้วปรับปัจจัยทางกายภาพให้คล้ายคลึกกับสภาพอากาศในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน การพัฒนาดอกของเห็ดโคนก็จะเกิดขึ้นได้
รายงานว่าปัจจุบันชาวบ้ายในเขตท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ได้ทดลองเพาะเห็ดโคนโดยวิธีการเลียนแบบธรรมชาติ ผลก็คือ ได้เห็ดดคนในฤดูแรก แต่ในฤดูต่อมาเห็ดโคนจะออกน้อยหรือแทบไม่มีเลย เมื่อปี พ.ศ. 2543 คุณสุนิศา สงวนทรัพย์ ได้ทำการศึกษาปลวกเพาะเห็ดโคนในป่าเบญจพรรณทางภาคตะวันตกที่จังหวัดกาญจนบุรี มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับปลวก Hypotermes makhamensis และปลวกชนิดเดียวกันนี้เป็น 1 ใน 5 ของปลวกที่พบในป่าดิบของอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎและเขตพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาวเมื่อปี พ.ศ. 2544 การศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับปลวกเพาะเลี้ยงเห็ดโคนล่าสุดในขณะก็คือ การวิจัยศักยภาพการเลี้ยงปลวกเพาะเห็ดโคนในระบบนิเวศของหญ้าแฝกซึ่ง ดร. ณิศ กีร์ติบุตร ได้ใช้หญ้าแฝก 2 สายพันธุ์ปลูกล้อมรอบจอมปลวก โดยปลูกสายพันธุ์สุราษฎร์ธานีไว้ด้านในและสายพันธุ์ราชบุรีอยู่ด้านนอก ทั้งนี้เพื่อให้หญ้าแฝกสายพันธุ์สุราษฎรธนีเป็นอาหารของปลวก ส่วนหญ้าแฝกสายพันธุ์ราชบุรี (โดยเฉพาะระบบราก) เป็นตัวกั้นไม่ให้ปลวกออกจากบริเวณที่ปลูกหญ้าแฝกล้อมรอบ เมื่อถึงฤดูกาลออกดอกของเห็ดโคน จะได้เกิดอยู่ภายในแปลงที่ปลูกหญ้าแฝกล้อมรอบไว้
ทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ
เดลินิวส์ พุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2546 แรม 2 ค่ำ เดือน 4 ปี มะเมีย
http://www.ku.ac.th/kaset60/Theme05/the ... 05-06.html