เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
-
jojosati
- Verified User
- โพสต์: 190
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3880 (3080)
ยอดขายมือถือหนองคายลดวูบ90% จีนก๊อบปี้โนเกีย-โมโตฯตีตลาดกระจุย
มือถือจีนดอดตีตลาดโทรศัพท์มือถือหนองคายกระเจิง คนแห่ซื้อมือถือเลียนแบบแบรนด์ดัง โนเกียรุ่น N70 และ N73 ราคาถูกสุดๆ แค่ 3,500-4,400 บาท ไม่หวั่นเรื่องคุณภาพและบริการหลังการขายสุดห่วย ร้านค้าโทรศัพท์หนองคายป่วนหนัก ยอดขายตกวูบ 90% ต้องหันมาขายอุปกรณ์เสริม รับจำนำ และซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนโทรศัพท์มือสอง พ่อค้าจีน-ลาวพาเหรดยึดพื้นที่ดิวตี้ฟรี นครเวียงจันทน์ ผุดร้านมือถือหลายร้อยแห่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดหนองคายว่า ขณะนี้กระแสความนิยมโทรศัพท์มือถือจากประเทศจีนที่วางขายในร้านค้าปลอดภาษีบริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพลาว-ไทย ด้านฝั่งลาว และในนครหลวงเวียงจันทน์ได้รับความนิยมจากชาวไทยและชาวลาวเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการเลียนแบบโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ได้รับความนิยมของแบรนด์ดังๆ อย่างโนเกีย โมโตโรล่า และ ไอโมบาย โดยเฉพาะยี่ห้อโนเกียนั้น มีการเลียนแบบมากกว่าทุกแบรนด์ในรุ่น N70 และ N73 ทำให้สินค้าขาดตลาดเป็นช่วงๆ นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่โนเกียไม่มีคือรุ่น N94 ที่ผลิตออกมาคล้ายกับรุ่น N70 แต่หน้าจอใหญ่กว่า และที่สำคัญเป็นระบบที่สัมผัสหน้าจอได้ (มีปากกา) นอกจากนี้ยังจำหน่ายราคาถูกกว่าแบรนด์ดังประมาณ 4-6 เท่า
กระแสความนิยมดังกล่าวส่งผลให้ขณะนี้ ชาวลาว ชาวหนองคาย และจังหวัดใกล้เคียง เดินทางข้ามไปซื้อโทรศัพท์มือถือดังกล่าวที่ร้านค้าปลอดภาษีที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพลาว-ไทย ฝั่งลาวเป็นจำนวนมาก ทำให้ร้านค้าปลอดภาษีในลาวหันมาจำหน่ายโทรศัพท์กันมากขึ้น จากเดิมเมื่อต้นปี 2549 มีอยู่เพียง 2 ร้าน ที่นำโทรศัพท์มาขายโดยตั้งเป็นตู้กระจกเล็กๆ ข้างสินค้าอื่นๆ ที่ทางร้านขายอยู่ แต่เมื่อมีลูกค้าแห่มาซื้อมากขึ้น ขณะนี้มีร้านค้าเกือบ 100 ร้าน ที่เช่าพื้นที่อยู่บริเวณร้านค้าปลอดภาษีในฝั่งลาว พร้อมทั้งนำโทรศัพท์มือถือจากจีนมาวางขายเกือบทุกร้าน แต่มีร้านขนาดใหญ่ประมาณ 5 ร้าน ส่วนในพื้นที่นครหลวงเวียงจันทน์ก็มีร้านของคนจีนที่แห่มาเปิดร้านโทรศัพท์มือถือจากจีนอีกนับ 100 ร้าน
นายสุรชัย ดิ่งสวัสดิ์ เจ้าของร้านโชคชัยอีเลคทรอนิคส์ซึ่งเป็นร้านค้าส่งอุปกรณ์สื่อสาร โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์เสริมรายใหญ่ไปยัง สปป.ลาว เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงความเป็นมาของการขายโทรศัพท์มือถือจากจีนใน สปป.ลาว ว่า มีพัฒนาการ 3 ยุค คือยุคแรกประมาณ 2 ปีที่ผ่านมามีร้านในลาวที่นำเข้ามาจำหน่ายเพียงไม่กี่ร้าน และไม่ได้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก แต่นำมาเสริมกับการขายสินค้าอื่นเท่านั้น ซึ่งโทรศัพท์ที่นำมาขายในยุคแรกไม่มีการปั๊มยี่ห้อใดๆ แต่เป็นการเลียนแบบมือถือยี่ห้อไอโมบาย โดยเฉพาะรุ่น 606 มีลักษณะเหมือนกันทุกอย่าง รวมไปถึงโลโก้ โปรแกรม ก็ใช้ของไอโมบายทั้งหมด ซึ่งได้รับความนิยมในระดับหนึ่งเท่านั้น
ต่อมายุคที่ 2 เมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา เป็นยุคที่โนเกียและไอโมบายไปเปิดที่ สปป.ลาว บริเวณถนนดงป่าลานซึ่งได้รับความนิยมจากชาวลาวมากขึ้น ทำให้ยอดขายของร้านโทรศัพท์มือถือในจังหวัดหนองคายได้รับผลกระทบมากพอสมควร แต่ยังไม่สาหัสเหมือนในยุคที่ 3 ซึ่งยุคที่ 3 เริ่มจากกลางปี 2549 เป็นต้นมาซึ่งเป็นยุคที่โทรศัพท์จากจีนมีการปรับกลยุทธ์ โดยการเลียนแบบแบรนด์ดังอย่างโนเกียและโมโตโรล่า โดยโนเกียรุ่น N70 ได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวลาวและชาวไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งในช่วงแรกๆ นั้นมีการเลียนแบบแต่ไม๊ปั๊มแบรนด์เป็นโนเกีย แต่มีการปั๊มเป็นแบรนด์อื่นหรือปล่อยไว้เฉยๆ
ในช่วงหลังจึงมีการปั๊มแบรนด์โนเกียออกมาชัดเจน จึงได้รับความนิยมมากขึ้น จาก N70 ก็มีรุ่น N73 ตามออกมา ยิ่งได้รับกระแสการตอบรับมากขึ้น มีลูกค้าชาวไทยเข้าไปจับจ่ายซื้อหาจนเรียกได้ว่าต้องเข้าแถวซื้อ ร้านค้าเกือบทุกร้านที่เช่าพื้นที่ในร้านค้าปลอดภาษีฝั่งลาวมองเห็นผลกำไรจากการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือจากจีน จึงได้หันมาจำหน่ายกันเกือบทุกร้าน
นอกจากนี้ยังมีชาวจีนมาเปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือจากจีนบริเวณถนนดงลาน ถนนสายลม และใกล้ๆ กับตลาดเช้า รวมแล้วประมาณ 100 กว่าร้าน ยิ่งทำให้ราคาที่ถูกอยู่แล้วถูกลงมาจากเดิมอีก ความนิยมก็เพิ่มขึ้นอีกเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือในจังหวัดหนองคาย ยอดขายลดลงมากกว่า 90% จนทำให้หลายร้านต้องปิดตัวเองไปแล้ว ร้านที่อยู่ได้ก็ต้องมีการปรับกลยุทธ์ ไม่เน้นการจำหน่ายโทรศัพท์ แต่หันมา จำหน่ายอุปกรณ์เสริม การบริการ แลกเปลี่ยนซื้อ-ขายโทรศัพท์มือสอง และบางร้านได้เน้นการรับจำนำ ซึ่งให้ผลตอบแทนชดเชยการขายเครื่องโทรศัพท์ใหม่
แหล่งข่าวจากผู้ค้ามือถือเปิดเผยว่า ราคาของโทรศัพท์มือถือจากจีนจำหน่ายอยู่ที่ 3,400-5,500 บาท แล้วแต่รุ่น ซึ่งรุ่นที่เลียนแบบ N70 และ N73 จะจำหน่ายในราคา 3,500-4,400 บาท และ N94 จำหน่ายในราคา 4,900-5,500 บาท ในขณะที่ราคาส่งของรุ่น N94 ไม่เกิน 3,100 บาท ส่งผลให้ร้านที่นำมาจำหน่ายรับกำไรส่วนต่างสูงมาก
ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ได้รับความนิยมสูงสุด แต่คาดว่าในเร็วๆ นี้กระแสความนิยมน่าจะเริ่มลดลง เนื่องจากคุณสมบัติและคุณภาพแตกต่างจาก แบรนด์จริงอย่างเทียบกันไม่ได้ มีเพียงรูปลักษณ์ที่เหมือนกันเท่านั้น ฟังก์ชันการทำงานก็เป็นแบบพื้นๆ เนื่องจากไม่ได้ใช้โอเอสของซิมเบี้ยน แต่เป็นโปรแกรมง่ายๆ ที่สามารถดูหนัง ฟังเพลง ถ่ายวิดีโอ และถ่ายรูปได้เท่านั้น ความคมชัดความละเอียดของภาพก็มีน้อย ไม่ถึงล้านพิกเซล ความทนทานยิ่งไม่ต้องพูดถึง
นอกจากนี้บางเครื่องซื้อมาไม่ถึง 3 วันก็แสดงอาการรวนแล้ว อาการที่เริ่มพบหลังจากที่ใช้ไม่ถึงเดือนคือแบตเตอรี่ไม่เก็บไฟ เครื่องชาร์จไฟเสีย ไม่มีสัญญาณ เครื่องดับๆ ติดๆ และเครื่องเปิดไม่ติดเลย เมื่อลูกค้านำไปให้ร้านที่ตนซื้อมาก็ไม่ได้รับการบริการที่ดี เนื่องจากร้านส่วนใหญ่จะเหมามาในราคาถูกๆ จึงไม่มีการซื้ออุปกรณ์เสริม
เมื่อลูกค้านำเครื่องที่มีปัญหาไปให้ร้าน ร้านก็บอกให้ทิ้งเครื่องไว้แล้วจะส่งไปซ่อมให้ โดยไม่รับปากว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ ทำให้ลูกค้าบางคนเสียความรู้สึกและทิ้งเครื่องไปเลย ส่วนคนที่ยังเสียดายเครื่องอยู่ก็จะตระเวนสอบถามตามร้านต่างๆ ในจังหวัดหนองคายเพื่อซ่อมเครื่องให้สามารถใช้ได้ แต่ส่วนใหญ่ได้รับการปฏิเสธว่าซ่อมไม่ได้และไม่มีอะไหล่
หน้า 32
-
NinjaTurtle
- Verified User
- โพสต์: 506
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์