น.พ.ประกิตเผ่า

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
Supra
Verified User
โพสต์: 479
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 1

โพสต์

นพ.ประกิตเผ่า ถึงกับซม แฟนสาวแจ้งตร.ช่วยด่วน ร้องศาลไต่สวนฉุกเฉิน!เจ้าของสถาบันกวดวิชา "แอพพลายด์ฟิสิกส์" ใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศ น.พ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ถูกครอบครัวพาไปอยู่ในรพ.ศรีธัญญา อ้างตำรวจสงสัยว่ามีส่วนพัวพันกับการตายของเมีย ต้องไปหลบให้เรื่องเงียบก่อนแล้วจะช่วยออกมาภายหลัง เจ้าตัวหลงเชื่อ เลยถูกกักอยู่ในตึกประสาทวิทยา อ้างมีหมอฉีดยาแก้บ้าทุกวันทั้งที่ไม่ได้เป็นคนบ้า เจ้าตัวขอยืมมือถือจนท.โทรฯ หาเพื่อนสาวให้ช่วยเหลือด่วน ตำรวจโรงพักบางซื่อสืบสาวราวเรื่องพบหลักฐานเชื่อได้ว่าเป็นเรื่องจริง ทั้งประเด็นครอบครัวสูญรายได้นับร้อยล้าน จากการเข้าบริหารสถาบันฯ ของเจ้าตัวคนเดียว แถมคนใกล้ชิดยังยืนยันว่า คุณหมอ ไม่ได้บ้า รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลใต้สวนฉุกเฉิน ให้ผอ.รพ.ศรีธัญญา ปล่อยตัว ประกิตเผ่า หวั่น ปล่อยไว้นานจะบ้าจริง ศาลพิจารณานัดไต่สวนฉุกเฉิน 2 มี.ค.หมายเรียก ผอ.ให้ปากคำ พร้อมให้พา ประกิตเผ่า มาด้วย เผย สถาบัน แอพพลายด์ฟิสิกส์ มี 21 สาขากระจายทั่วประเทศ รายได้ปีละนับร้อยล้านบาท

เรื่องราวเหลือเชื่อดังนิยายน้ำเน่าที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นกับชีวิตจริงของมนุษ
ย์ในครั้งนี้ ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 ก.พ. ผู้สื่อข่าว "เดลินิวส์" รายงานจากศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร ว่า พ.ต.ท.ฐิติเดช อินทรแป้น พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ได้มายื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้โรงพยาบาลศรีธัญญา ปล่อยตัวนายประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์ ซึ่งถูกโรงพยาบาลดังกล่าวควบคุมตัวโดยผิดกฎหมาย

โดยในคำร้องดังกล่าวมีรายละเอียดระบุว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา เวลา 16.00 น. ได้มี น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต อายุ 24 ปี มาแจ้งความกับ พ.ต.ท.ฐิติเดช ว่าเมื่อเวลา 06.00 น. วันเดียวกัน น.ส.เปมิกาได้รับโทรศัพท์จากนายประกิตเผ่า เพื่อนชายที่รู้จักกันมานานประมาณ 9 ปี ใช้โทรศัพท์มือถือที่ขอยืมจาก เจ้าหน้าที่ผู้คุมโทรฯ มาบอกว่านายประกิตเผ่าถูกกลุ่มบุคคลกักตัวไว้ที่ตึกประสาทวิทยา โรงพยาบาลศรีธัญญา จ.นนทบุรี เนื่องจากนายประกิตพันธ์ ทมทิตชงค์ พี่ชายได้บอกว่าภรรยาของนายประกิตเผ่า เสียชีวิต โดยไม่ทราบสาเหตุ และนายประกิตเผ่าเป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการเสียชีวิตของภรรยา และจะหาทางช่วยเหลือด้วยการพาไปหลบซ่อนตัวก่อน จากนั้นจึงนำตัวนายประกิตเผ่าไปไว้ที่ตึกประสาทวิทยาดังกล่าว เพื่อจะหาทางช่วยเหลือต่อไป โดยที่นายประกิตเผ่าไม่ทราบข้อเท็จจริง

นอกจากนี้นายประกิตพันธ์ ยังบอกด้วยว่ามีตำรวจกองปราบปราม 4 นาย คุมตัวอยู่ ห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเรื่องจะบานปลาย เหมือนหลบหนี จึงเชื่อว่านายประกิตเผ่าจะถูกหลอก จึงให้ น.ส.เปมิกา ตรวจสอบเรื่องการเสียชีวิตของภรรยานายประกิตเผ่า ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หลังตรวจสอบรายละเอียดไปตามสถานีตำรวจทั่วนครบาล และ สภ.อ. ใกล้เคียงแล้วไม่พบการรับแจ้งเหตุการเสียชีวิตของนาง อลิสา ทมทิตชงค์ ภรรยาของนายประกิตเผ่า แต่อย่างใด อีกทั้งเมื่อตรวจสอบกับสถาบันนิติเวชของโรงพยาบาลต่าง ๆ ก็ไม่มีที่ใดได้รับศพของนางอลิสาไว้ จึงมั่นใจว่านายประกิตเผ่า ต้องถูกหลอกเอาตัวไปคุมไว้ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา และเมื่อได้ตรวจสอบกับแผนกทะเบียนของโรงพยาบาล ศรีธัญญา ก็ไม่ปรากฏชื่อนายประกิตเผ่า เป็นผู้ป่วยรับตัวไว้รักษาแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าต้องมีการควบคุมตัวนายประกิตเผ่าไว้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

จากนั้น พ.ต.ท.ฐิติเดช จึงเดินทางด้วยตัวเองไปตรวจสอบที่ รพ.ศรีธัญญา ก็ทราบว่าผู้ที่นำตัวนายประกิตเผ่าไปไว้ที่ รพ.คือนางเพลินจิต ทมทิตชงค์ มารดา กับนายประกิตพันธ์ พี่ชาย และยังพบอีกว่ามีตำรวจนอกเครื่องแบบเฝ้านายประกิตเผ่าอีกด้วย เมื่อ พ.ต.ท.ฐิติเดช พบกับนางเพลินจิต และนายประกิตพันธ์ จึงแจ้งให้ทราบว่าได้รับการกล่าวโทษจากน.ส.เปมิกา ว่านายประกิตเผ่าถูกคุมตัวอยู่ที่ รพ.ศรีธัญญา ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นางเพลินจิตกับนายประกิตพันธ์ จึงแสดงใบรับรองแพทย์ของนายแพทย์ไพทูรย์ สมุทรสินธุ์ แพทย์เจ้าของไข้ลงความเห็นว่า นายประกิตเผ่าป่วยเป็นโรคจิตเวช ต้องได้รับการรักษาใกล้ชิด และนางเพลินจิตยังบอกด้วยว่า น.ส.เปมิกาเป็นเพื่อนหญิงที่มาติดพันกับนายประกิตเผ่า และพยายามหลอกเอาเงินของลูกชายไป นอกจากนี้ น.ส.เปมิกายังทำคุณไสยจนนายประกิตเผ่าหลง และประมาณต้นเดือน ม.ค. จะมีเงินเข้าบัญชีของนายประกิตเผ่าอีก เกรงว่าจะถูก น.ส.เปมิกา หลอกเอาเงินไปอีก จึงรีบเอาตัวลูกชายมารักษา ทาง พ.ต.ท.ฐิติเดช จึงพูดคุยกับตำรวจที่เฝ้าอยู่หน้าห้อง ก็บอกว่าเพื่อป้องกันเหตุร้าย แต่ไม่มีการพูดถึงการเสียชีวิตของนางอลิสา ภรรยานายประกิตเผ่าแต่อย่างใด

ต่อมา พ.ต.ท.ฐิติเดช ได้เข้าไปเยี่ยมนายประกิตเผ่า ซึ่งต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงจึงได้เข้าไป พบนายประกิตเผ่า นอนหลับอยู่ในตึกประสาทวิทยา มีผ้าคลุมตัวไว้ตลอดเห็นแต่ใบหน้า แต่นายประกิตพันธ์ ไม่ให้พูดคุยด้วย อ้างว่าแพทย์สั่งห้ามไว้ จากนั้นทั้งนางเพลินจิต นายประกิตพันธ์ และ น.ส.เปมิกา ได้เดินทางไปตกลงกันที่ สน.บางซื่อ โดยนางเพลินจิตขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่า ไม่ให้ผู้ใดไปรบกวนนายประกิตเผ่าอีก ทั้งนี้เพื่อให้ความจริงปรากฏชัด พ.ต.ท.ฐิติเดช จึงได้ตรวจสอบอาการทางโรคจิตของนายประกิตเผ่า จากบุคคลที่รู้จักสนิทสนม และนักเรียนที่เคยเรียนกวดวิชากับนายประกิตเผ่า ก็ยืนยันว่านายประกิตเผ่าเป็นคนปกติดี มีความรู้ ความสามารถ เป็นคนใจบุญ ประกอบกับเมื่อ พ.ต.ท.ฐิติเดช โทรศัพท์กลับไปหาเจ้าหน้าที่ผู้คุม ที่เคยให้นายประกิตเผ่า ยืมโทรศัพท์ จึงทราบความจริงจากผู้คุมดังกล่าวว่า นายประกิตเผ่าปกติดี ไม่ใช่คนโรคจิต เพียงแต่มาให้น้ำเกลือ จึงให้ยืมโทรศัพท์ แต่เมื่อขอพบนายประกิตเผ่า ผู้คุมคน ดังกล่าวพูดตัดบทว่า "ไม่อยากยุ่ง" จึงมั่นใจว่านายประกิตเผ่าไม่ได้บ้าแน่นอน

จากนั้น พ.ต.ท.ฐิติเดช ได้ทำหนังสือถึง ผอ.รพ.ศรีธัญญา เพื่อขอสอบปากคำนายแพทย์ไพทูรย์ แพทย์เจ้าของไข้ เพื่อขอทราบสาเหตุการป่วยโรคจิตเวชของนายประกิตเผ่า แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ให้ไปนำหมายศาลมาอย่างเดียว และเมื่อสอบถาม น.ส.เปมิกาเพื่อให้ทราบความจริง เพราะเรื่องนี้ คนที่ควบคุมตัวนายประกิตเผ่า เป็นแม่กับพี่ชายแท้ ๆ จึงทราบว่านายประกิตเผ่ามีปัญหากับครอบครัวทั้งกับมารดา พี่ชาย และภรรยา โดยที่สถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์ ซึ่งแต่เดิมชื่อสถาบันกวดวิชาอาจารย์ช่วง ซึ่งเป็นบิดาของนายประกิตเผ่า มีปัญหาครูลาออกหมด มีหนี้สินท่วมตัวนับสิบล้านบาท นายประกิตเผ่าจึงลาออกจากแพทย์ไปดำเนินกิจการแทนบิดามารดา จนประสบความสำเร็จ เป็นสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์มาจนปัจจุบัน

โดยการดำเนินการตอนแรก บิดามารดาจะแบ่งรายได้ของสถาบันฯ ซึ่งมีประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี เป็นเปอร์เซ็นต์และเงินเดือนให้กับนายประกิตเผ่า แต่รายได้ส่วนใหญ่ บิดามารดา จะนำไปให้พี่ชายและน้องสาวของนายประกิตเผ่า ทำให้นายประกิตเผ่าอึดอัด เพราะตัวเองทำงานหนักคนเดียว เป็นคนกู้สถานการณ์ แต่เงินส่วนใหญ่กลับตกอยู่กับคนอื่น จึงตกลงกับบิดามารดาว่า สถาบันกวดวิชาฯ เป็นของตนเอง จะแบ่งรายได้ให้กับบิดามารดาไปเลยปีละ 10 ล้านบาท เนื่องจากไม่ต้องการให้ผู้อื่นมาใช้เงินที่ตนหามาด้วยตัวเอง กระทั่งเดือน ต.ค. 2549 บิดามารดา จึงโอนสถาบันกวดวิชาฯ ให้กับนายประกิตเผ่า ระหว่างนั้นเอง นายประกิตเผ่าเริ่มมีปัญหาระหองระแหงกับนางอลิสา ภรรยา ที่ไม่ดูแล เอาแต่เงิน นายประกิตเผ่าจึงไประบายออกกับ น.ส.เปมิกา และปรึกษาปัญหามาตลอดจนสนิทสนมชอบพอกัน

โดยหลังจากรับโอนสถาบันฯมาแล้ว ช่วงแรกนายประกิตเผ่าไม่มีเงินเท่าไหร่ เพราะรายได้ประจำปี 2549 บิดามารดาเก็บไป แบ่งเพียงเปอร์ เซ็นต์ให้เล็กน้อย จากนั้นเมื่อสถาบันฯดังกล่าวเป็นของนายประกิตเผ่าคนเดียว รายได้ในการจุนเจือบิดามารดา พี่ชาย และน้องสาวจึงลดน้อยลง เชื่อว่าสาเหตุดังกล่าว ครอบครัวของนายประกิตเผ่า จึงเอาตัวนายประกิตเผ่าไปคุมไว้ที่รพ.ศรีธัญญา เพื่อให้เป็นคนมีอาการโรคจิต ไร้ความสามารถ แล้วมารดาจะขอเป็นผู้อนุบาลเพื่อดำเนินการกับทรัพย์สินของสถาบันกวดวิชาฯ โดยที่บุคคลส่วนใหญ่ก็จะไม่เชื่อว่ามารดาจะทำกับบุตรได้ และถ้านายประกิตเผ่าเป็นอะไรไป ทางสถาบันฯ ก็จะดำเนินกิจการต่อได้ เพราะนายประกิตเผ่าได้บันทึกวิดีโอการสอนไว้ และสามารถใช้สอนนักเรียนไปอีก 4-5 ปี หารายได้อีกประมาณ 400 ล้านบาท แม้ไม่มีนายประกิตเผ่าก็ตาม

ทั้งนี้จากการตรวจสอบของ พ.ต.ท.ฐิติเดช เชื่อว่าการที่นายแพทย์ไพทูรย์ลงความเห็นว่านายประกิตเผ่า มีอาการป่วยเป็นโรคจิตเวช เพียงแต่เข้าไปรักษาตัวได้แค่วันเดียว เป็นสิ่งที่น่าสงสัย ไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ ประกอบกับที่ผ่านมา นายประกิตเผ่าเป็นคนมีชื่อเสียงในสังคม ชอบช่วยเหลือสังคม มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ดูได้จากหลักฐานการขอบริจาคจากวัดต่าง ๆ เกือบทุกภาคในประเทศ และถ้านายประกิตเผ่าป่วยเป็นโรคจิต ก็ไม่น่าจะขอยืมโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ผู้คุม โทรฯหาผู้อื่นได้ และเงินที่มารดากับพี่ชายอ้างว่าถูก น.ส.เปมิกา หลอกไป ก็ไม่ใช่มรดก แต่เป็นเงินที่นายประกิตเผ่าหามาด้วยตัวเอง ปัจจุบันนายประกิตเผ่า อายุ 37 ปี น.ส.เปมิกา อายุ 24 ปี โดยวุฒิภาวะนายประกิตเผ่าจึงไม่น่าถูกหลอกได้

พ.ต.ท.ฐิติเดช จึงขอให้ศาลได้โปรดมีคำสั่งให้ ผอ.รพ.ศรีธัญญา ปล่อยตัวออกจากการควบคุมโดยมิชอบด้วยกฎหมายภายในวันนี้ หากล่าช้า นายประกิตเผ่าถูกฉีดยาทุกวัน อาจจะได้รับอันตรายเป็นผู้ป่วยทางจิตได้ อย่างไรก็ตามศาลพิจารณาแล้ว ยังไม่อนุญาตตามคำร้อง แต่มีคำสั่งให้นัดไต่สวนฉุกเฉิน ให้ออกหมายเรียก ผอ.รพ. ศรีธัญญา ให้มาให้ปากคำ พร้อมแนบคำร้องของพนักงานสอบสวนไปด้วย และแจ้งให้ รพ.ศรีธัญญา ควบคุมตัวนายประกิตเผ่า มาให้ศาลไต่สวนด้วยในวันที่ 2 มี.ค. นี้

สำหรับสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์ เป็นสถาบันสำหรับกวดวิชาฟิสิกส์โดยเฉพาะ ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย บรรดานักเรียนมัธยมที่จะสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยจะต้องจองที่นั่งล่วงหน้ากันข้า
มปี เพราะหวังผลได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันเปิดมาแล้วประมาณ 21 ปี มีผู้บริหารประกอบด้วยนพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ นายช่วง ทมทิตชงค์ บิดา และ รศ.เพลินจิต ทมทิตชงค์ มารดา มีสาขาให้บริการทั้งหมด 16 แห่ง ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล มี 5 แห่ง ได้แก่ สาขาสยามสแควร์ บางกะปิ วิสุทธิ์กษัตริย์ วงเวียนใหญ่ และงามวงศ์วาน ส่วนต่างจังหวัด 11 แห่ง ได้แก่ จ.พิษณุโลก ชลบุรี หาดใหญ่ ขอนแก่น เชียงใหม่ โคราช สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต นครสวรรค์ อุบลราชธานี และนครศรีธรรมราช

ส่วน นพ.ประกิตเผ่า เป็นแพทย์และนักวิชาการที่มีชื่อเสียง มีนิตยสารชื่อดังทั่วฟ้าเมืองไทยติดต่อขอสัมภาษณ์และขึ้นปกมาแล้วมากมาย อาทิ นิตยสารจีเอ็ม, ไลฟ์แอนด์แฟมิลี่, ไฮ-คลาส ดิฉัน, เปรียว ทุกเล่มล้วนแล้วแต่ลงเรื่องราวความสำเร็จของ นพ.ประกิตเผ่า ในการเป็นแพทย์ของผู้ป่วยยากไร้ ก่อนจะผันตัวเดินรอยตามธุรกิจของครอบครัวจนประสบความสำเร็จมีรายได้นับร้อยล้านบาทต่
อไป แต่ นพ.ประกิตเผ่า ก็ยังทำบุญกับผู้ยากไร้ และสถานที่ห่างไกลไม่เคยขาด นอกจากนี้ยังเคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ของอาหารเสริมแบรนเนอร์โปรตีน และยาสีฟันคอลเกตโททอล คีพ ล่าสุดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ออกรายการ "สุริวิภา" ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี ดำเนินรายการโดย "หนูแหม่ม" สุริวิภา กุลตังวัฒนา เนื้อหาในรายการล้วนแล้วแต่ชื่นชมกับความสำเร็จของ นพ.ประกิตเผ่า และครอบครัว ที่ดำเนินมาตลอดชีวิต.


  :roll:  :roll: อา.....ชีวิต จำได้คุ้นๆว่าอ. เขียน หนังสือ ฟิสิก ม.ปลายด้วย
เวงกำ.....
*****
jaychou
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ดูข่าวอยู่เหมือนกันครับ

อ.ช่วง นี่เป็นอาจารย์ฟิสิกส์หนังสือของผมเลยครับ ผมไม่ได้เรียน ม.ปลาย แต่กระแดะอยากเอ็น ช่วงเอ็นนี่ถือหนังสือท่านเป็นสรณะเลย แต่อ.เผ่าไม่เคยเรียนครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 3

โพสต์

8) ลูกศิษย์ก็ไปเรียนพิเศษกันแทบบ้า
    ปรากฏว่าคนสอนดันบ้าไปก่อน
    ใครหนอไม่เชื่อเรื่องกรรม
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
moonkiss
Verified User
โพสต์: 656
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ป่วยครับ
แย่จัง ไม่น่าต้องเป็นข่าว รักษาไปเงียบๆ ดีแล้วค่อยกลับมาต่อ
จากนี้ใครจะอยากมาเรียนกับคนมีปัญหาทางจิต
สงสารเจ้าตัวนั่นแหละมากทีสุด :cry:
Reminiscence of 3 Dogs
Verified User
โพสต์: 898
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เคยเรียนที่ Applied Physics ด้วยครับ
ไม่นึกว่าเฮฮา ติดมุก ทั้งคู่  เบื้องหลังจะทำกับลูกได้แบบนี้นะครับเนี่ย

ในแง่การสอน
อาจารย์ประกิตเผ่าสอนดีกว่าครับ
ถ้าไม่มีอาจารย์ คนคงเลิกเรียนที่Applied Physics ไปเยอะ
ผู้รับประโยชน์คงเป็นตาอยู่เช่น Neo Physics Center  :P
bid please!!
คนเรือ VI
Verified User
โพสต์: 1647
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ผมก็เคยเรียนกับอ.ประกิตเผ่านะ ก็สอนดี เอนต์ติดมาได้ก็เพราะที่นี่น่ะล่ะ
woody
Verified User
โพสต์: 3763
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 7

โพสต์

คนเรือ VI เขียน:ผมก็เคยเรียนกับอ.ประกิตเผ่านะ ก็สอนดี เอนต์ติดมาได้ก็เพราะที่นี่น่ะล่ะ
เอนท์เสร็จก็ไม่ได้ใช้หรือเปล่าครับ ฮิฮิ
Impossible is Nothing
moonkiss
Verified User
โพสต์: 656
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ไม่มีพ่อแม่ปกติที่ไหนหวังร้ายกับลูกหรอกครับ  เชื่อผมเถอะ
แกล้งให้ลูกเป็นบ้า ฮุบสมบัติ
นั่นนิยายแหงครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 9

โพสต์

8) เห็นออกบ่อยไป















............... ในละครทีวีช่อง3ก็มีช่อง7ก็เยอะ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ผมเรียนกะอาจารย์ช่วงมาครับ ที่เตรียมอุดม
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 11

โพสต์

จับหมอไปเข้าศรีธัญญา ถ้าไม่บ้าจริง

เขาไม่มีเพื่อนไปช่วยเขาเชียวหรือ

สงสัยบ้าจริงครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
bsk(มหาชน)
Verified User
โพสต์: 3206
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 12

โพสต์

จริงไม่จริงไม่ซาบ.. :roll:
ผมเป็นคนวงในที่รู้จักที่มาที่ไปของเรื่องนี้ ซึ่งที่จริงแล้วถือว่าไม่ได้มากมายอะไร แต่อยากจะให้ผู้ที่เข้ามาอ่านทราบไว้ในบางเรื่องซึ่งผมยืนยันว่าเป็นความจริงอย่างแน่นอนครับ คุณเปมิกา คือคนที่ได้พา น.พ. ประกิตเผ่า ไปทำสมาธิที่วัดต่างๆ โดยตอนแรกได้อ้างว่ามีแฟนอยู่แล้วซึ่งนายแพทย์ประกิตเผ่าเองก็ชอบการทำสมาธิอยู่แต่ก่อนเดิม ทางด้านภรรยาจึงไม่ได้วิตกระแวงอะไร (ไม่ทราบว่าเค้าพูดอะไรกันนะครับ แต่คงเป็นการโกหก ภรรยา เพราะว่าการไปต่างจังหวัดทำสมาธิกับนักศึกษาคณะจิตวิทยา(คุณเปมิกา)นั้น เป็นเรื่องที่น่าสงสัยว่าจะมีอะไรอยู่ไม่ใช่น้อย ประวัติของคุณเป นั้นแต่ก่อนไม่ได้ชื่อ เป ครับ รู้สึกว่าจะชื่ออุ๋ย เป็นนักเรียนคณะวิทยาศาสตร์ แล้วได้ซิ่วมาพร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อ และ นามสกุลด้วย อีกทั้งจะเป็นเด็กที่ค่อนข้างโกหกเก่ง เคยมีเลือดอาบตัวแล้วบอกอาจารย์ที่กำลังคุมสอบว่า มีคนกำลังตามฆ่า ไม่ว่าจะมีการสอบทีไรนั้น คุณอุ๋ยคนนี้จะอ้างว่าไม่สบายหรือว่าไปผ่าตัดตลอด และจะสอบทีหลังเพื่อนทุกที) หลังจากทำสมาธิกันบ่อยๆนั้นคนสองคนก็เริ่มที่จะสนิทกัน โดยฝ่ายหญิงทำทีเป็นสลบแล้วบอกทาง น.พ. ประกิตเผ่าว่าตนเองนั้นสามารถถอดจิตได้ โดยพื้นฐานแล้ว น.พ.ประกิตเผ่าเองเชื่อเรื่องนี้อยู่พอควร แต่สิ่งที่ทำให้เชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตานั้น ทางด้าน ร.พ. ศรีธัญญาได้ตรวจปัสสาวะและพบว่ามีสารที่เป็นส่วนผสมของยาบ้า มากกว่าผู้อื่นถึง200 เท่า จึงเป็นไปได้อย่างมากว่า อาจารย์จะโดยยาหลอนประสาทก็เป้นได้ ทำให้เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ถึงขั้นงมงาย พื้นฐานคุณเปเป็นคนที่ไม่ค่อยมีฐานะเท่าไรนัก (ได้สอบถามอาจารย์ที่รู้จักคุณเป และบอกผมอีกด้วยว่าแต่ก่อนไม่ได้ชื่อเป ชื่อคุณอุ๋ย อายุประมาณ 25 ปี แล้ว อยู่ปีสี่ คณะจิตวิทยา มหาลัยชื่อดังตั้งอยู่ข้างๆสยาม ครับ) เท่าที่ทราบนั้นตอนนี้ได้รับเงินจากอาจารย์ประกิตเผ่าไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้านบาทแล้ว ผู้คนที่ไม่เชื่อว่าคุณเปมีฐานะไม่ดีนั้น ก็ขอให้รู้ว่าเค้าได้รับเงินจากอาจารย์ประกิตเผ่านั่นเอง ที่ร้ายแรงที่สุดคือ พินัยกรรมตอนนี้ได้เขียนยกให้คุณเปทั้งหมด นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทางบ้านอาจารย์ซึ่งมีความเป็นห่วงลูกอยู่เป็นเดิมทุน รวมทั้งทรัพย์สมบัติที่ต้องให้กับผู้อื่นโดยไม่ได้รู้จักนั้น เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ รวมทั้งลูกอาจารย์ประกิตเผ่าอีกหละ จึงได้พาอาจารย์ประกิตเผ่าเข้าโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบสภาพทางจิต ซึ่งก็ได้ผลยืนยันจากแพทย์ถึงสองท่านว่ามีอาการทางจิตจริง ทางด้านคุณเป เมื่อเห็นท่าไม่ดีกลัวว่าอาจารย์ประกิตเผ่าจะฟื้นจากความงมงานลุ่มหลง ก็ได้พยายามทุกวิถีทางทั้งแจ้งความที่ สน บางซื่อ รวมทั้งเดินไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขอพบท่านเสรีพิศุทย์ (โชคดีที่ท่านไม่ให้พบ) เพื่อที่จะนำนายแพทย์ประกิตเผ่าออกมาให้ได้ โดยตำรวจใน สน นี้ ในส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะรู้จักคุณเปเป็นการส่วนตัว ทำให้ปฏิบัติหน้าที่ที่น่ารังเกียจเช่นนี้
ผมอยากขอเตือนทุกคนที่ได้อ่านว่า การทำอย่างคุณเปเค้าทำเป็นขบวนการเพื่อที่หวังผลทางทรัพย์สมบัติ และสุดท้ายนี้ขอให้อาจารย์ประกิตเผ่าที่ผมนับถือ หายจากอาการจิตหลอนและกลับมาให้สัมภาษณ์ ในตอนที่หายดีแล้วครับ ไม่ใช่โดยคำเรียกร้องของคุณเป ที่จะให้มาออกสัมภาษณ์ตอนนี้ โดยที่ยังไม่ปกติ
อั้ม
http://www2.manager.co.th/mwebboard/lis ... MBrowse=11

มาจากเมเนเจอร์ก็ต้องหารเยอะหน่อย.. :wink:
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ว๊าว ไสยศาสตร์มีจริง

ขอให้คุณหมอหายเร็วๆละกัน
Capo
Verified User
โพสต์: 1067
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 14

โพสต์

เท่าที่ฟังจากฝ่ายโรงพยาบาล
พยาธิสภาพน่าจะมาจากสารเคมีกระมังครับ
คงไม่ได้มาจากทางสมองแต่อย่างใด


รอวันคุณหมอหาย
จะได้มีความชัดเจนมากขึ้น


เหตุการณ์นี้ให้แง่คิดว่า
First Move มันแรงจนโน้มนำให้เกิดอคติได้ดีทีเดียวครับ
... จุดเริ่มต้นของคนเราไม่สำคัญ

มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
P_1
Verified User
โพสต์: 148
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 15

โพสต์

เคยอ่านหนังสือครับ แต่ไม่เคยไปเรียนกะเขาเหมือนกัน

ผมเชื่อในกฎแห่งกรรมนะครับ  :D
กับบางเรื่อง ไม่รู้ก็เป็นปัญญา
GrahamDodd
Verified User
โพสต์: 107
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 16

โพสต์

เรื่องนี้ คิดได้เพียง 2 แบบครับ
1. ครอบครัวคุณหมอต้องการยึดทรัพย์จากคุณหมอจริงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
2. คุณเปเป็นตัวการจริง ต้องการหลอกเอาเงินจากคุณหมอ

ในความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่า ข้อ1 มีความเป็นไปได้น้อยครับ เหมือนที่คนส่วนใหญคิดว่า แม่ตัวเองไม่น่าทำกับลูกตัวเองอย่างนั้น นอกจากนี้ การจะเอาใครสักคนเข้าโรงพยาบาลบ้า ไม่ว่าสติดีหรือไม่ดี เข้าไปก็บ้าแน่ ๆ ครับ เจ้าตัวบอกไม่บ้า คนอื่นก็ว่ามันบ้า เจ้าตัวบอกว่าบ้า คนอื่นก็ว่าเออ มันบ้า ดังนั้นการเอาคนสติดีเข้าเหมือนเป็นการฆาตกรรมนะครับ

สำหรับข้อ 2 ไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เพราะไม่รู้จักกับคุณเปเป็นการส่วนตัว หวังแต่เพียงว่า เรื่องนี้จะคลี่คลายในทางที่ดีและถูกต้องมากที่สุดได้ ไม่อยากเห็นคนที่เราเคยคิดว่าดีมีอันเป็นไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 17

โพสต์

โรคจิตนั้นทางการแพทย์แบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ  บางตำราอาจจะแบ่งละเอียดมากกว่านี้แต่โดยภาพรวมก็ไม่หนีไปจากสองกลุ่มนี้

1.โรคประสาท  เป็นโรคเกี่ยวกับจิตใจแต่เป็นในระดับอ่อนๆ  กลุ่มนี้จะยังคงอยู่ในโลกแห่งความจริง  เจ้าตัวก็รู้ตัวว่าตนเองมีปัญหา และส่วนใหญ่จะมาโรงพยาบาลเองเพื่อทำการรักษา  

2. โรคจิต  กลุ่มนี้อยู่ในขั้นรุนแรง  ผู้ป่วยจะออกจากโลกแห่งความจริง  มีพฤติกรรมแปลกๆ  บางกลุ่มสังเกตุได้ง่าย  บางกลุ่มจะมีเพียงคนใกล้ชิดมากๆเท่านั้นจึงจะสังเกตุได้  มักจะมีอาการเห็นภาพหลอน(แต่ผู้ป่วยคิดว่าเป็นเรื่องจริงนะ) หรือหูแว่ว เป็นต้น  กลุ่มนี้จะไม่รู้ตัวเอง  และญาติมักจะเป็นผู้พามาหาหมอ  ในขณะที่ผู้ป่วยจะเอะอะโวยวายบอกว่า  ตนเองปกติดี

กลุ่มนี้โดยส่วนใหญ่แล้วก็สามารถอยู่ร่วมในสังคมได้โดยอาจจะสร้างความเดือดร้อนและน่ารำคาญให้คนรอบข้างนิดๆหน่อย    แต่มีกลุ่มเล็กๆที่เป้นอันตรายมาก  เรียกว่า  กลุ่มหวาดระแวง  กลุ่มนี้จะคิดว่ามีคนจะมาทำร้าย  จึงต้องป้องกันตัวเองโดยการทำร้ายหรือฆ่าผู้อื่นก่อน  หรืออาจจะฆ่าตัวเอง

การวินิจฉัยว่าผู้ป่วยเป็นโรคจิตหรือไม่นั้น  ถ้าอาการชัดเจนก็ไม่ยากแม้แต่สามล้อก็บอกได้  แต่ในกรณีที่ยากๆนั้นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหรือจิตแพทย์  เพราะมีองค์ประกอบจำนวนมากในการวินิจฉัย  เกินกว่าคนธรรมดาสามัญจะตัดสินตามอำเภอใจได้

และโรคกลุ่มนี้นั้น  ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นมาแต่กำเนิด  บางคนมีไอคิวสูงมาก  บางคนเริ่มเป็นเมื่ออายุมากแล้ว

กรณี อ.เผ่าน  น่าเชื่อ 99.99% ว่าเป็นจริงเพราะผ่านขั้นตอนการวินิจฉัยจากผู้เชี่ยวชาญหลายๆฝ่าย  ซึ่งน่าเชื่อว่าเป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาการ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
boybbcom
Verified User
โพสต์: 269
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 18

โพสต์

ผม ว่า  อาจารย์แกไม่ได้บ้าหรอกครับ คงถูกเด็กหลอก มากกว่าครับ เป็นไปได้ไหม ที่ เด็กเค้าเอายาอะไรมาให้กิน ไปเรื่อยๆ แล้วก็พูดย้ำเรื่อยๆ ประมาณว่าล้างสมองแบบใช้ยาช่วยด้วยอีกแรง เพื่อ ทรัพย์สินเงินทองประมาณนี้น่ะครับ

เห็นว่า พอกันไปทำบุญทีละเยอะๆด้วยนะครับ ไม่รู้มีรายการสมรู้ร่วมคิดกันด้วยรึเปล่า  


ส่วนประเด็นที่ว่า ทางบ้านใส่ความให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ เพื่อที่จะฮุบธุรกิจ ผมว่าคงไม่ใช่ นะ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 19

โพสต์

เรื่องนี้ คิดได้เพียง 2 แบบครับ
1. ครอบครัวคุณหมอต้องการยึดทรัพย์จากคุณหมอจริงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
2. คุณเปเป็นตัวการจริง ต้องการหลอกเอาเงินจากคุณหมอ


ทำไมคิดได้แค่สองแบบ น่าจะมากกว่านี้นะ

3. คุณหมอบ้าจริง แต่ค่อยๆบ้าขึ้นทุกวัน จนกระทั่ง คนที่เจอตอนแรกๆนึกว่าไม่บ้า

4. ปนๆกันระหว่างข้อ 1-3
ภาพประจำตัวสมาชิก
san
Verified User
โพสต์: 1675
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 20

โพสต์

คุณเจ๋ง   นั่งสมาธิ มากๆ  ระวังนา......

มีเสื้อเกราะกับปืนรึป่าวครับ  

ถ้ามีระวังโดนจับส่งศรีธัญญานะครับ

55555

เอ  ล้อเล่นได้ป่าวเนี่ย  อิอิอิ
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
jojosati
Verified User
โพสต์: 190
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 21

โพสต์

 "วกุล"เป็นลูกสาวบุญธรรมของพยาบาลชาวอเมริกัน เคยทำงานเป็นแอร์โฮสเตส แต่ตอนนี้เธอลาออกแล้ว เพราะจะไปอยู่กับแม่บุญธรรมที่
แม่ฮ่องสอน กัปตันสายการบินได้แนะนำให้วกุลรู้จักกับ "วิเชียร" น้องชายของเขา ซึ่งมีอาชีพเป็นทนายความอยู่ที่นั่น เชียรมารับวกุลที่สนามบิน
เชียงใหม่และพาวกุลไปดูบ้านแบรดเลย์ที่เขาเป็นลูกจ้างอยู่ เขาเล่าให้วกุลฟังว่าเจ้าของบ้านนี้คือ มิสเตอร์แบรดเลย์ แต่งงานกับหญิงสาวชื่อ "ปันสี"
ซึ่งอพยพมาจากพม่า แต่เมื่อสองสามี-ภรรยาต้องมาเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุ และทิ้งลูกชายอายุขวบครึ่งชื่อ "ลมหวน" หรือ "วาทิต" ไว้กับ "เดช"
พี่ชายของปันสี วิเชียรเล่าให้วกุลฟังว่าแม่ของลมหวนมี "แม่ขาว" คนเก่าแก่ที่เป็นใบ้ หูหนวก ผู้ติดตามดูแลปรนนิบัติ เดชเป็นผู้จัดการมรดก
ทั้งหมดจากพ่อของลมหวน เพราะตามพินัยกรรมให้เดชช่วยดูแลรับผิดชอบลูกชายอายุขวบครึ่งถ้าหากว่ามีอะไรเกิดขึ้น

วิเชียรเล่าว่าลมหวนเป็นเด็กปัญญาอ่อน เดชจึงสร้างโรงพยาบาลส่วนตัวเล็กๆทันสมัยพร้อมแพทย์ พยาบาล เลี้ยงดูโดยไม่เอาตัวเข้าโรงพยาบาล
ของรัฐ เดชมีลูกชายคนหนึ่งชื่อ "เดโช"เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ วิเชียรชวนวกุลไปงานเลี้ยงบ้านเดชซึ่งเป็นนายจ้าง ทำให้วกุลได้เห็นบ้านโบราณ
ของตระกูลแบรดเลย์ที่งดงามแบบล้านนาแท้ๆ วกุลมีความรู้สึกไม่เป็นมิตรกับเดช เมื่อวกุลกลับบ้านก็รู้ว่าแม่บุญธรรมของเธอได้เสียชีวิตแล้ว
ทำให้เธอตัดสินใจรับงานเป็นเลขานุการของเดโช และย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์แบรดเลย์ วกุลเริ่มศึกษาการใช้ภาษามือและพยายามสื่อสารกับแม่ขาว
เดชมีเลขานุการชื่อ "สมคิด" ซึ่งได้รับคำสั่งให้คอยดูความเคลื่อนไหวของวกุลและรายงานให้เดชทราบ

วกุลเล่าให้วิเชียรฟังว่าแม่ขาวร้องไห้เมื่อพูดถึงลมหวน แม่ขาวว่าลมหวนเกิดมาปกติทุกอย่างวิ่งได้ พูดได้ แต่เดชเอาตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล
วิเชียรยืนยันว่าแม่ขาวสติไม่ดี เวลานี้ลมหวนอายุ 25 ปีแล้วยังไม่รู้ประสา น้ำลายไหลยืด แต่วิเชียรก็รับปากกับวกุลว่าจะพาไปพบลมหวน
ที่โรงพยาบาลวกุลได้พบกับ "หมอพิชิต" ที่ดูแลลมหวน


วกุลพบว่าลมหวนเป็นหนุ่มที่หน้าตาหล่อมากแต่ขี้โมโห ที่นี่เธอก็ได้รู้จักกับนักจิตวิทยาชื่อ "เมธี" ทั้งคู่รู้สึกเป็นมิตรต่อกัน วกุลเสนอจะเล่นดนตรี
ให้ลมหวนฟัง ซึ่งอาจจะทำให้ลมหวนใจเย็นลงได้บ้าง วกุลกลับมาเล่าให้แม่ขาวฟังด้วยภาษามือ วกุลบอกแม่ขาวว่าได้พบลมหวนเป็นปัญญาอ่อน
จริงๆแต่อยู่สุขสบายดี แม่ขาวบอกวกุลว่าหมอพิชิตให้ยา และฉีดยาลมหวนก่อนทุกครั้งที่จะมีคนมาเยี่ยม เพื่อให้เขามีอาการเหมือนคนปัญญาอ่อน วกุลกับเมธีมีโอกาสทดสอบทางจิตกับลมหวน และในที่สุดก็รู้ว่าลมหวนมีไอคิวปกติ แต่เดชรู้เรื่องเสียก่อน เพราะได้พบรายงานทดสอบของเมธี
จึงสั่งทำลายเอกสารและฆ่าเมธี วิเชียรเชื่อวกุลแล้วว่าลมหวนปกติเมื่อดูหลักฐานของเมธี แต่ก็กลัวอันตรายจะเกิดกับลมหวนจึงคิด แผนการ
พาลมหวนหนีไปที่อื่น เดโชบอกว่าเดชพ่อของเขากำลังจะย้ายไปอยู่เมืองนอก แต่แล้วก็มีเหตุไฟไหม้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเด็กปัญญาอ่อนเสียก่อน
ทำให้ลมหวนหนีไปได้พร้อมกับวกุล ทั้งคู่ต้องไปอยู่ในป่าลึก

วกุลพยายามรื้อฟื้นการใช้ชีวิตใหม่ให้ลมหวนได้รู้จักความจริง ซึ่งเขาไม่เคยรับรู้มาก่อน ลมหวนเกิดป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาล และเมื่อหายดีแล้ว
เขาก็ออกไปเที่ยว เพราะไม่เคยเห็นชีวิตหนุ่มสาวตามผับ วกุลกับวิเชียรออกตามหาจนพบลมหวนที่ผับ โดยเขากำลังถูกพวกแมงดาซ้อมจนเสื้อขาด
เลือดเปรอะเปื้อน วิเชียรบอกว่าดีแล้วที่ลมหวนคิดสู้ แทนที่จะยอมให้ใครรังแกเอาง่ายๆ เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป เดชกับพวกจะได้รับ
ผลกรรมหรือไม่
ชอบคุณหมอเผ่า เอ๊ย คุณอั้ม ที่เล่นเรื่องนี้มากง่ะ
oaaa19
Verified User
โพสต์: 158
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 22

โพสต์

สงสัยนิดนึง

อ่านจากpantip แล้วรู้สึกว่า วัดนี้เค้าแปลกๆ

อ้างอิงจาก
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/ ... 80592.html

อืม.....ไม่พูดเรื่องคุณหมอประกิตเผ่า  แต่จะพูดเรื่องวัดท่าซุง เพราะคนที่บ้านไปอยู่  จะบอกว่าต้องใจแข็งจริงๆเท่านั้นจึงไปวัดนี้ได้  เพราะที่บ้านไปแล้ว กลับมาพูดจาเพี้ยนๆ  คนรู้จักที่ไปกลับมาบอกว่าตัวเองรู้วันตาย ได้เห็นว่าตัวเองไปอยู่บนสวรรค์ จากการนั่งสมาธิ ไม่เชื่อลองไปคุยดูกับทุกคนที่ไปนั่ง จะพูดจาทำนองนี้ทุกคน น้องสาวแฟน เค้าเป็นคนจิตแข็งลองไปนั่ง แล้วมาเล่าให้ฟัง จะมีพระมาพูดในทำนองว่า เห็นบ้านไหม เห็นสวรรค์ไหม เป็นลักษณะยังไงอะไร คือเราหลับตาแล้วท่านก็พูดไป  น้องสาวบอกว่า เออก็เห็นน่ะ  เพราะเค้าพูดอย่างนั้น แต่พอดีเค้าจิตแข็งเค้าเลยเฉยๆ แล้วเรื่องเงิน  คนที่บ้านเอาไปบริจาคกับวัดนี้เยอะมาก จะไม่ทำบุญกับพระทั่วๆไป อ้างว่าไปบุญไม่เท่ากัน  คือเห็นบอกว่าที่วัดสอนมาอย่างนี้  ตอนนี้ชวนคนแถวบ้านไป บ้างคนก็หลง บ้างคนก็ไม่  แต่มีคนหลงเยอะมาก  ที่บ้านไปเกือบทุกอาทิตย์  คนจิตอ่อนๆไป รับรองเสร็จทุกราย

จากคุณ : นู๋เอม&นู๋อิง  - [ 28 ก.พ. 50 17:49:15 ]

และ

เคยไปนั่งสมาธิ ฝึกมโนยิทธิ ที่บ้านสายลม สาขาของวัด
ท่าซุง ไม่อยากบอกเหมือนกันว่า มีคนมาพูดนำว่า ให้นำจิต
ไปตามที่เขาพูด แป๊บเดียวว่า เห็นจุฬามณีไม๊ เห็นพระพุทธเจ้าไม๊
เห็นท่านพ่อท่านแม่ที่เฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่ไม๊ (ไม่รู้ท่านพ่อ
ใครท่านแม่ใคร) อีกเดี๋ยวว่า เตรียมตัวนะ จะนำจิตไปดูว่า
พระพุทธเจ้าท่านกำลังทำอะไรอยู่ (ด้วยความเคารพ เรา
เองก็นั่งสมาธิมานาน ไม่คิดว่าจะเจอกับการนั่งแบบง่ายซะ
แค่ทำใจให้คล้อยตาม) มีหลายคนตอบกันใหญ่ว่า เห็นนั่น
เห็นนี่ แต่เราไม่เห็น คงไม่มีอภิญญา แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่ง
พูดเสียงดังแบบเหลืออดว่า ทำไมชั้นไม่เห็นอะไรเลย
ตั้งแต่วันนั้นมา นั่งเองที่บ้านดีกว่า หรือไม่ก็ไปวัดปทุมวนาราม

จากคุณ : หนอนสายตายาว  - [ 28 ก.พ. 50 18:20:41 ]

-=-=-=-=

เพิ่งอ่านหนังสือของดร.สนอง วรอุไร เค้าก็บอกว่า ไม่ให้ยึดติดกับอภิญญา
ให้กำหนดรู้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป    หรือว่า เป็นวิธีหนึ่งในการนั่งกรรมฐานเหมือนกัน พี่เจ๋ง หรือ ใครที่รู้ช่วยตอบหน่อย
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 23

โพสต์

[quote="san"]คุณเจ๋ง
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 24

โพสต์

[quote="por_jai"]
8) พี่ san เวลานั่งสมาธิ หรือเวลาไหนๆ
"Winners never quit, and quitters never win."
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 25

โพสต์

[quote="oaaa19"]สงสัยนิดนึง

อ่านจากpantip แล้วรู้สึกว่า วัดนี้เค้าแปลกๆ

อ้างอิงจาก
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/ ... 80592.html

อืม.....ไม่พูดเรื่องคุณหมอประกิตเผ่า
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 26

โพสต์

[quote="HVI"][quote="por_jai"]
8) พี่ san เวลานั่งสมาธิ หรือเวลาไหนๆ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 27

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

เพิ่งอ่านหนังสือของดร.สนอง วรอุไร เค้าก็บอกว่า ไม่ให้ยึดติดกับอภิญญา 
ให้กำหนดรู้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป    หรือว่า เป็นวิธีหนึ่งในการนั่งกรรมฐานเหมือนกัน พี่เจ๋ง หรือ ใครที่รู้ช่วยตอบหน่อย
ตอบคุณ oaaa19 การนั่งแบบมโนยิทธิ หรือ ธรรมกาย ผมว่าไม่ต่างกัน เป็นการฝึก เพื่อได้ ณาน

ซึ่งก็จะติดได้ง่าย และไม่ใช่ทางพ้นทุกข์

แต่จริงๆแล้ว คนที่ฝึก ได้ มโนมยิทธิ หรือ ธรรมกาย ไม่ใช่ทุกคนจะติด และผมก็คิดว่า สามารถไปต่อได้

ผมคิดว่า การปฎิบัติ ควรจะค่อยๆ ทำ และมีศิลบริสุทธิ์ ฝึกสติให้มาก เราก็จะไม่คล้อยตาม ผู้ฝึกบางท่าน ซึ่งท่านอาจจะมีเจตนาดี แต่พาเราหลงทางได้

สายดร.สนอง คุณแม่สิริ กรินชัย หลวงพ่อจรัญ ผมว่าโอเคครับ เน้นฝึกสติ แล้วสมาธิจะตามมา

สังคมสมัยนี้ต้องการสติมากครับ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 28

โพสต์

พี่ san ผมว่าผมจะออกข่าวนะ ว่า

ผมก็บ้าเหมือนหมอประกิต แถมเคยเรียนหมอด้วย

ชอบนั่งสมาธิอีกตะหาก

ออกข่าวเสร็จ ก็เปิดติวเตอร์ เจ๋ง ipo ซะเลย

โค้ด: เลือกทั้งหมด

555

คุณเจ๋ง   นั่งสมาธิ มากๆ  ระวังนา...... 

มีเสื้อเกราะกับปืนรึป่าวครับ   

ถ้ามีระวังโดนจับส่งศรีธัญญานะครับ 

55555 

เอ  ล้อเล่นได้ป่าวเนี่ย  อิอิอิ
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 29

โพสต์

[quote="por_jai"][quote="HVI"][quote="por_jai"]
8) พี่ san เวลานั่งสมาธิ หรือเวลาไหนๆ
"Winners never quit, and quitters never win."
ภาพประจำตัวสมาชิก
กระทิงแดง
Verified User
โพสต์: 952
ผู้ติดตาม: 0

น.พ.ประกิตเผ่า

โพสต์ที่ 30

โพสต์

[quote="Jeng"]
ออกข่าวเสร็จ ก็เปิดติวเตอร์ เจ๋ง ipo ซะเลย

quote]

อย่าลืม PP ให้ผมด้วยนะพี่ ถือว่าเป็นน้องเป็นนุ่งละกันนะครับ.... :lol:  :lol:  :lol:
"The enemy is a very good teacher" Dalai Lama
"Confidence doesn't come from being right all the time; it comes
from surviving the many occasions of being wrong." B.N. Steenbarger
"Luck is where preparation meets opportunity"
โพสต์โพสต์