นพ.ประกิตเผ่า ถึงกับซม แฟนสาวแจ้งตร.ช่วยด่วน ร้องศาลไต่สวนฉุกเฉิน!เจ้าของสถาบันกวดวิชา "แอพพลายด์ฟิสิกส์" ใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศ น.พ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ถูกครอบครัวพาไปอยู่ในรพ.ศรีธัญญา อ้างตำรวจสงสัยว่ามีส่วนพัวพันกับการตายของเมีย ต้องไปหลบให้เรื่องเงียบก่อนแล้วจะช่วยออกมาภายหลัง เจ้าตัวหลงเชื่อ เลยถูกกักอยู่ในตึกประสาทวิทยา อ้างมีหมอฉีดยาแก้บ้าทุกวันทั้งที่ไม่ได้เป็นคนบ้า เจ้าตัวขอยืมมือถือจนท.โทรฯ หาเพื่อนสาวให้ช่วยเหลือด่วน ตำรวจโรงพักบางซื่อสืบสาวราวเรื่องพบหลักฐานเชื่อได้ว่าเป็นเรื่องจริง ทั้งประเด็นครอบครัวสูญรายได้นับร้อยล้าน จากการเข้าบริหารสถาบันฯ ของเจ้าตัวคนเดียว แถมคนใกล้ชิดยังยืนยันว่า คุณหมอ ไม่ได้บ้า รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลใต้สวนฉุกเฉิน ให้ผอ.รพ.ศรีธัญญา ปล่อยตัว ประกิตเผ่า หวั่น ปล่อยไว้นานจะบ้าจริง ศาลพิจารณานัดไต่สวนฉุกเฉิน 2 มี.ค.หมายเรียก ผอ.ให้ปากคำ พร้อมให้พา ประกิตเผ่า มาด้วย เผย สถาบัน แอพพลายด์ฟิสิกส์ มี 21 สาขากระจายทั่วประเทศ รายได้ปีละนับร้อยล้านบาท
เรื่องราวเหลือเชื่อดังนิยายน้ำเน่าที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นกับชีวิตจริงของมนุษ
ย์ในครั้งนี้ ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 ก.พ. ผู้สื่อข่าว "เดลินิวส์" รายงานจากศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร ว่า พ.ต.ท.ฐิติเดช อินทรแป้น พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ได้มายื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้โรงพยาบาลศรีธัญญา ปล่อยตัวนายประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์ ซึ่งถูกโรงพยาบาลดังกล่าวควบคุมตัวโดยผิดกฎหมาย
โดยในคำร้องดังกล่าวมีรายละเอียดระบุว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา เวลา 16.00 น. ได้มี น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต อายุ 24 ปี มาแจ้งความกับ พ.ต.ท.ฐิติเดช ว่าเมื่อเวลา 06.00 น. วันเดียวกัน น.ส.เปมิกาได้รับโทรศัพท์จากนายประกิตเผ่า เพื่อนชายที่รู้จักกันมานานประมาณ 9 ปี ใช้โทรศัพท์มือถือที่ขอยืมจาก เจ้าหน้าที่ผู้คุมโทรฯ มาบอกว่านายประกิตเผ่าถูกกลุ่มบุคคลกักตัวไว้ที่ตึกประสาทวิทยา โรงพยาบาลศรีธัญญา จ.นนทบุรี เนื่องจากนายประกิตพันธ์ ทมทิตชงค์ พี่ชายได้บอกว่าภรรยาของนายประกิตเผ่า เสียชีวิต โดยไม่ทราบสาเหตุ และนายประกิตเผ่าเป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการเสียชีวิตของภรรยา และจะหาทางช่วยเหลือด้วยการพาไปหลบซ่อนตัวก่อน จากนั้นจึงนำตัวนายประกิตเผ่าไปไว้ที่ตึกประสาทวิทยาดังกล่าว เพื่อจะหาทางช่วยเหลือต่อไป โดยที่นายประกิตเผ่าไม่ทราบข้อเท็จจริง
นอกจากนี้นายประกิตพันธ์ ยังบอกด้วยว่ามีตำรวจกองปราบปราม 4 นาย คุมตัวอยู่ ห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเรื่องจะบานปลาย เหมือนหลบหนี จึงเชื่อว่านายประกิตเผ่าจะถูกหลอก จึงให้ น.ส.เปมิกา ตรวจสอบเรื่องการเสียชีวิตของภรรยานายประกิตเผ่า ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หลังตรวจสอบรายละเอียดไปตามสถานีตำรวจทั่วนครบาล และ สภ.อ. ใกล้เคียงแล้วไม่พบการรับแจ้งเหตุการเสียชีวิตของนาง อลิสา ทมทิตชงค์ ภรรยาของนายประกิตเผ่า แต่อย่างใด อีกทั้งเมื่อตรวจสอบกับสถาบันนิติเวชของโรงพยาบาลต่าง ๆ ก็ไม่มีที่ใดได้รับศพของนางอลิสาไว้ จึงมั่นใจว่านายประกิตเผ่า ต้องถูกหลอกเอาตัวไปคุมไว้ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา และเมื่อได้ตรวจสอบกับแผนกทะเบียนของโรงพยาบาล ศรีธัญญา ก็ไม่ปรากฏชื่อนายประกิตเผ่า เป็นผู้ป่วยรับตัวไว้รักษาแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าต้องมีการควบคุมตัวนายประกิตเผ่าไว้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จากนั้น พ.ต.ท.ฐิติเดช จึงเดินทางด้วยตัวเองไปตรวจสอบที่ รพ.ศรีธัญญา ก็ทราบว่าผู้ที่นำตัวนายประกิตเผ่าไปไว้ที่ รพ.คือนางเพลินจิต ทมทิตชงค์ มารดา กับนายประกิตพันธ์ พี่ชาย และยังพบอีกว่ามีตำรวจนอกเครื่องแบบเฝ้านายประกิตเผ่าอีกด้วย เมื่อ พ.ต.ท.ฐิติเดช พบกับนางเพลินจิต และนายประกิตพันธ์ จึงแจ้งให้ทราบว่าได้รับการกล่าวโทษจากน.ส.เปมิกา ว่านายประกิตเผ่าถูกคุมตัวอยู่ที่ รพ.ศรีธัญญา ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นางเพลินจิตกับนายประกิตพันธ์ จึงแสดงใบรับรองแพทย์ของนายแพทย์ไพทูรย์ สมุทรสินธุ์ แพทย์เจ้าของไข้ลงความเห็นว่า นายประกิตเผ่าป่วยเป็นโรคจิตเวช ต้องได้รับการรักษาใกล้ชิด และนางเพลินจิตยังบอกด้วยว่า น.ส.เปมิกาเป็นเพื่อนหญิงที่มาติดพันกับนายประกิตเผ่า และพยายามหลอกเอาเงินของลูกชายไป นอกจากนี้ น.ส.เปมิกายังทำคุณไสยจนนายประกิตเผ่าหลง และประมาณต้นเดือน ม.ค. จะมีเงินเข้าบัญชีของนายประกิตเผ่าอีก เกรงว่าจะถูก น.ส.เปมิกา หลอกเอาเงินไปอีก จึงรีบเอาตัวลูกชายมารักษา ทาง พ.ต.ท.ฐิติเดช จึงพูดคุยกับตำรวจที่เฝ้าอยู่หน้าห้อง ก็บอกว่าเพื่อป้องกันเหตุร้าย แต่ไม่มีการพูดถึงการเสียชีวิตของนางอลิสา ภรรยานายประกิตเผ่าแต่อย่างใด
ต่อมา พ.ต.ท.ฐิติเดช ได้เข้าไปเยี่ยมนายประกิตเผ่า ซึ่งต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงจึงได้เข้าไป พบนายประกิตเผ่า นอนหลับอยู่ในตึกประสาทวิทยา มีผ้าคลุมตัวไว้ตลอดเห็นแต่ใบหน้า แต่นายประกิตพันธ์ ไม่ให้พูดคุยด้วย อ้างว่าแพทย์สั่งห้ามไว้ จากนั้นทั้งนางเพลินจิต นายประกิตพันธ์ และ น.ส.เปมิกา ได้เดินทางไปตกลงกันที่ สน.บางซื่อ โดยนางเพลินจิตขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่า ไม่ให้ผู้ใดไปรบกวนนายประกิตเผ่าอีก ทั้งนี้เพื่อให้ความจริงปรากฏชัด พ.ต.ท.ฐิติเดช จึงได้ตรวจสอบอาการทางโรคจิตของนายประกิตเผ่า จากบุคคลที่รู้จักสนิทสนม และนักเรียนที่เคยเรียนกวดวิชากับนายประกิตเผ่า ก็ยืนยันว่านายประกิตเผ่าเป็นคนปกติดี มีความรู้ ความสามารถ เป็นคนใจบุญ ประกอบกับเมื่อ พ.ต.ท.ฐิติเดช โทรศัพท์กลับไปหาเจ้าหน้าที่ผู้คุม ที่เคยให้นายประกิตเผ่า ยืมโทรศัพท์ จึงทราบความจริงจากผู้คุมดังกล่าวว่า นายประกิตเผ่าปกติดี ไม่ใช่คนโรคจิต เพียงแต่มาให้น้ำเกลือ จึงให้ยืมโทรศัพท์ แต่เมื่อขอพบนายประกิตเผ่า ผู้คุมคน ดังกล่าวพูดตัดบทว่า "ไม่อยากยุ่ง" จึงมั่นใจว่านายประกิตเผ่าไม่ได้บ้าแน่นอน
จากนั้น พ.ต.ท.ฐิติเดช ได้ทำหนังสือถึง ผอ.รพ.ศรีธัญญา เพื่อขอสอบปากคำนายแพทย์ไพทูรย์ แพทย์เจ้าของไข้ เพื่อขอทราบสาเหตุการป่วยโรคจิตเวชของนายประกิตเผ่า แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ให้ไปนำหมายศาลมาอย่างเดียว และเมื่อสอบถาม น.ส.เปมิกาเพื่อให้ทราบความจริง เพราะเรื่องนี้ คนที่ควบคุมตัวนายประกิตเผ่า เป็นแม่กับพี่ชายแท้ ๆ จึงทราบว่านายประกิตเผ่ามีปัญหากับครอบครัวทั้งกับมารดา พี่ชาย และภรรยา โดยที่สถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์ ซึ่งแต่เดิมชื่อสถาบันกวดวิชาอาจารย์ช่วง ซึ่งเป็นบิดาของนายประกิตเผ่า มีปัญหาครูลาออกหมด มีหนี้สินท่วมตัวนับสิบล้านบาท นายประกิตเผ่าจึงลาออกจากแพทย์ไปดำเนินกิจการแทนบิดามารดา จนประสบความสำเร็จ เป็นสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์มาจนปัจจุบัน
โดยการดำเนินการตอนแรก บิดามารดาจะแบ่งรายได้ของสถาบันฯ ซึ่งมีประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี เป็นเปอร์เซ็นต์และเงินเดือนให้กับนายประกิตเผ่า แต่รายได้ส่วนใหญ่ บิดามารดา จะนำไปให้พี่ชายและน้องสาวของนายประกิตเผ่า ทำให้นายประกิตเผ่าอึดอัด เพราะตัวเองทำงานหนักคนเดียว เป็นคนกู้สถานการณ์ แต่เงินส่วนใหญ่กลับตกอยู่กับคนอื่น จึงตกลงกับบิดามารดาว่า สถาบันกวดวิชาฯ เป็นของตนเอง จะแบ่งรายได้ให้กับบิดามารดาไปเลยปีละ 10 ล้านบาท เนื่องจากไม่ต้องการให้ผู้อื่นมาใช้เงินที่ตนหามาด้วยตัวเอง กระทั่งเดือน ต.ค. 2549 บิดามารดา จึงโอนสถาบันกวดวิชาฯ ให้กับนายประกิตเผ่า ระหว่างนั้นเอง นายประกิตเผ่าเริ่มมีปัญหาระหองระแหงกับนางอลิสา ภรรยา ที่ไม่ดูแล เอาแต่เงิน นายประกิตเผ่าจึงไประบายออกกับ น.ส.เปมิกา และปรึกษาปัญหามาตลอดจนสนิทสนมชอบพอกัน
โดยหลังจากรับโอนสถาบันฯมาแล้ว ช่วงแรกนายประกิตเผ่าไม่มีเงินเท่าไหร่ เพราะรายได้ประจำปี 2549 บิดามารดาเก็บไป แบ่งเพียงเปอร์ เซ็นต์ให้เล็กน้อย จากนั้นเมื่อสถาบันฯดังกล่าวเป็นของนายประกิตเผ่าคนเดียว รายได้ในการจุนเจือบิดามารดา พี่ชาย และน้องสาวจึงลดน้อยลง เชื่อว่าสาเหตุดังกล่าว ครอบครัวของนายประกิตเผ่า จึงเอาตัวนายประกิตเผ่าไปคุมไว้ที่รพ.ศรีธัญญา เพื่อให้เป็นคนมีอาการโรคจิต ไร้ความสามารถ แล้วมารดาจะขอเป็นผู้อนุบาลเพื่อดำเนินการกับทรัพย์สินของสถาบันกวดวิชาฯ โดยที่บุคคลส่วนใหญ่ก็จะไม่เชื่อว่ามารดาจะทำกับบุตรได้ และถ้านายประกิตเผ่าเป็นอะไรไป ทางสถาบันฯ ก็จะดำเนินกิจการต่อได้ เพราะนายประกิตเผ่าได้บันทึกวิดีโอการสอนไว้ และสามารถใช้สอนนักเรียนไปอีก 4-5 ปี หารายได้อีกประมาณ 400 ล้านบาท แม้ไม่มีนายประกิตเผ่าก็ตาม
ทั้งนี้จากการตรวจสอบของ พ.ต.ท.ฐิติเดช เชื่อว่าการที่นายแพทย์ไพทูรย์ลงความเห็นว่านายประกิตเผ่า มีอาการป่วยเป็นโรคจิตเวช เพียงแต่เข้าไปรักษาตัวได้แค่วันเดียว เป็นสิ่งที่น่าสงสัย ไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ ประกอบกับที่ผ่านมา นายประกิตเผ่าเป็นคนมีชื่อเสียงในสังคม ชอบช่วยเหลือสังคม มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ดูได้จากหลักฐานการขอบริจาคจากวัดต่าง ๆ เกือบทุกภาคในประเทศ และถ้านายประกิตเผ่าป่วยเป็นโรคจิต ก็ไม่น่าจะขอยืมโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ผู้คุม โทรฯหาผู้อื่นได้ และเงินที่มารดากับพี่ชายอ้างว่าถูก น.ส.เปมิกา หลอกไป ก็ไม่ใช่มรดก แต่เป็นเงินที่นายประกิตเผ่าหามาด้วยตัวเอง ปัจจุบันนายประกิตเผ่า อายุ 37 ปี น.ส.เปมิกา อายุ 24 ปี โดยวุฒิภาวะนายประกิตเผ่าจึงไม่น่าถูกหลอกได้
พ.ต.ท.ฐิติเดช จึงขอให้ศาลได้โปรดมีคำสั่งให้ ผอ.รพ.ศรีธัญญา ปล่อยตัวออกจากการควบคุมโดยมิชอบด้วยกฎหมายภายในวันนี้ หากล่าช้า นายประกิตเผ่าถูกฉีดยาทุกวัน อาจจะได้รับอันตรายเป็นผู้ป่วยทางจิตได้ อย่างไรก็ตามศาลพิจารณาแล้ว ยังไม่อนุญาตตามคำร้อง แต่มีคำสั่งให้นัดไต่สวนฉุกเฉิน ให้ออกหมายเรียก ผอ.รพ. ศรีธัญญา ให้มาให้ปากคำ พร้อมแนบคำร้องของพนักงานสอบสวนไปด้วย และแจ้งให้ รพ.ศรีธัญญา ควบคุมตัวนายประกิตเผ่า มาให้ศาลไต่สวนด้วยในวันที่ 2 มี.ค. นี้
สำหรับสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์ เป็นสถาบันสำหรับกวดวิชาฟิสิกส์โดยเฉพาะ ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย บรรดานักเรียนมัธยมที่จะสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยจะต้องจองที่นั่งล่วงหน้ากันข้า
มปี เพราะหวังผลได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันเปิดมาแล้วประมาณ 21 ปี มีผู้บริหารประกอบด้วยนพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ นายช่วง ทมทิตชงค์ บิดา และ รศ.เพลินจิต ทมทิตชงค์ มารดา มีสาขาให้บริการทั้งหมด 16 แห่ง ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล มี 5 แห่ง ได้แก่ สาขาสยามสแควร์ บางกะปิ วิสุทธิ์กษัตริย์ วงเวียนใหญ่ และงามวงศ์วาน ส่วนต่างจังหวัด 11 แห่ง ได้แก่ จ.พิษณุโลก ชลบุรี หาดใหญ่ ขอนแก่น เชียงใหม่ โคราช สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต นครสวรรค์ อุบลราชธานี และนครศรีธรรมราช
ส่วน นพ.ประกิตเผ่า เป็นแพทย์และนักวิชาการที่มีชื่อเสียง มีนิตยสารชื่อดังทั่วฟ้าเมืองไทยติดต่อขอสัมภาษณ์และขึ้นปกมาแล้วมากมาย อาทิ นิตยสารจีเอ็ม, ไลฟ์แอนด์แฟมิลี่, ไฮ-คลาส ดิฉัน, เปรียว ทุกเล่มล้วนแล้วแต่ลงเรื่องราวความสำเร็จของ นพ.ประกิตเผ่า ในการเป็นแพทย์ของผู้ป่วยยากไร้ ก่อนจะผันตัวเดินรอยตามธุรกิจของครอบครัวจนประสบความสำเร็จมีรายได้นับร้อยล้านบาทต่
อไป แต่ นพ.ประกิตเผ่า ก็ยังทำบุญกับผู้ยากไร้ และสถานที่ห่างไกลไม่เคยขาด นอกจากนี้ยังเคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ของอาหารเสริมแบรนเนอร์โปรตีน และยาสีฟันคอลเกตโททอล คีพ ล่าสุดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ออกรายการ "สุริวิภา" ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี ดำเนินรายการโดย "หนูแหม่ม" สุริวิภา กุลตังวัฒนา เนื้อหาในรายการล้วนแล้วแต่ชื่นชมกับความสำเร็จของ นพ.ประกิตเผ่า และครอบครัว ที่ดำเนินมาตลอดชีวิต.
:roll: อา.....ชีวิต จำได้คุ้นๆว่าอ. เขียน หนังสือ ฟิสิก ม.ปลายด้วย
เวงกำ.....