ดูข่าวมาเรื่องสงครามอเมริกากับอิหร่าน เลยอยากมา share คับ

[DestinyofminE]

คือ ก็อ่านๆข่าวมาตั้งนานแล้วว่าเมกาเนี่ยมีแนวโน้มที่จะทำสงครามกันอิหร่าน แต่พอเมื่อเช้ามาฟังข่าวจากเรื่องเล่าเช้านี้ไปอีก ที่คุณปลื้มบอกว่า คนในกระทรวงกลาโหมของสหรัฐที่ลาออกมาแล้วทุกคนยืนยันว่าเมกามีการวางแผนในการทำสงครามกับอิหร่านไว้เรียบร้อยแล้ว คือตอนนี้เมกาใช้มาตรการทางการฑูตกับอิหร่านขอให้อิหร่านเลิกทดลองพลังงานนิวเคลียร์อยู่ แต่ถ้าไม่สำเร็จเมกาจะมาตรในการทำสงครามกับอิหร่านอย่างแน่นอน โดยเค้าว่ากันว่าคนในสภาสหรัฐรู้กันหมดแล้วว่า บุช ตั้งเป้าว่าจะทำสงครามกับอิหร่านประมาณกลางปีนี้ โดยสภาสหรัฐพยายามที่จะยังยั้งไม่ให้เกิดสงครามขึ้น แต่ถ้ายังยั้งไม่ได้โดยอาจจะมีเหตุผลที่ไม่เพียงพอที่จะค้านบุช ก็อาจจะทำให้สงครามจะต้องมีขึ้นอย่างแน่นอนกลางปีนี้ โดยอิหร่านมีการให้สัมภาษณ์ตอบโต้ว่าถ้าเมกาบุกอิหร่าน อิหร่านจะทำลายทุกอย่างทั่วโลกที่เป็นเมกา

เมื่อบวกกับตอนที่ผมเรียนโทอยู่มีอาจารย์คนนึง ที่เพื่อนเค้าเป็นดอกเตอร์จบเศรษศาสตร์มาจากปรินสตัน เค้าบอกว่าเพื่อนเค้าคนนี้เป็นคนเก่งมาก คาดการณ์อะไรล่วงหน้าได้ค่อนข้างตรงทีเดียว โดยสงครามอิรักที่เพิ่มเกิดขึ้นเนี่ย เค้าคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าประมาณ 4 ปี โดยใช้วิธีดูดวงดาว อาจารย์เล่าต่อว่าตอนนี้นักเศรษฐศาสตร์เก่งๆหลายคนหันไปดูดาวเพื่อทำนายเหตุการณ์กันเยอะขึ้น เพราะในการที่จะทำนายสถานการณ์อนาคตหลายๆปร indicator ทางเศรษฐกิจไม่สามารถนำมาทำนายได้ โดยเค้าได้ดูและทำนายเมื่อ 3 ปีที่แล้วว่าในปี 2551 เศรษฐกิจไทยจะตกต่ำเป็นอย่างมากจนน่ากลัว ให้ระวังตัวเอาไว้

พอผมเอาสถานการณ์สองอันนี้มารวมกัน ก็ดูน่ากลัวๆนะครับ ผมก็เลยอยากจะถามความเห็นว่าถ้าเกิดขึ้นจริงเนี่ย หุ้นอะไรน่าจะได้ประโยชน์ หรือว่าก็คงลงกันหมดทุกตัว ก็คิดๆอยู่เหมือนกันว่ากลุ่มโรงพยาบาลตัวที่ขึ้นมาไม่มากก็น่าจะคงตัวอยู่ได้ แต่ไม่รู้ว่ากลุ่มน้ำมันมันจะขึ้นหรือเปล่า เพราะว่าถ้าสงครามเกิดขึ้นจริงไม่รู้ว่ามันจะแดงทั้งตลาดหรือเปล่า

แต่ก็มีแววเกิดนะครับ พอตอนนี้เศรษฐกิจเมกาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ บวกกับเท่าที่รู้ตอนนี้ฐานเสียงของบุชตอนนี้มีไม่มาก ฮิลารี คลินตันมาแรงกว่า บุชน่าจะเลือกตั้งในครั้งหน้าแพ้ แต่ถ้าบุชสามารถทำสงครามแล้วยืดเยื้อไปจนถึงการเลือกตั้งสมัยหน้าได้ คนก็น่าจะเลือกเค้าต่อนะครับ เพราะในช่วงสงครามคงไม่มีใครไว้ใจให้มือใหม่อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงแบบฮิลารี คลินตัน ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทนหรอกมั๊ยครับ

[hot]

การเลือกตั้งที่กำลังจะมีอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
คงเป็นแรงกดดันอย่างหนึ่งด้วยมั่งคับ

[triathlon]

แวะมายืนยันตามรัฐธรรมนูญสหรัฐ ซึงมีแค่ฉบับเดียว (ประหยัดกันจริ้ง) (อ้อ เขาใช้วิธีแก้รัฐธรรมนูญเอา ถ้ามีประเด็นอะไรเพิ่มเติม เช่นเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น) ประธานาธิบดีอยู่ได้แค่สองสมัย แต่มีสิทธิว่าถ้าเป็นครบสองสมัย แล้วติดเบรคไปสี่ปี กลับมาได้อีก
ไม่เคยมีใครในสหรัฐที่เป็นสามสมัยติดกัน
มีนิกสันที่เป็นสองสมัยและไม่ติดกันด้วย

อิอิ สมัยหน้า หวังว่า อเมริกาจะมีประธานาธิบดีนามสกุลคลินตัน
แต่ชื่อฮิลลารี่  :shock:

[DestinyofminE]

ต้องขอโทษทีครับ เรื่องที่เขียนว่าบุชอยากจะเป็นอีกสมัย อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมครับ คือผมก็ลืมไปว่าบุชเป็นปธน.ไม่ได้อีกแล้วต้องติดเบรคก่อน

แต่ที่อยากจะให้โฟกัสกันจริงๆก็คือ เรื่องที่อ่านแล้วก็ฟังมาเกี่ยวกับสงครามคับ

เรื่องที่ผมคิดว่า บุช อยากจะเป็นต่อสมัยที่สามต้องขอโทษทีนะคับพอดีลืมนะครับว่าเมกาเค้าให้ได้เป็นแค่สองสมัย

[bsk(มหาชน)]

เท่าที่ติดตามมาบ้าง ก็เห็นว่ามีโอกาสไม่น้อยที่อเมริกาจะเปิดศึกอีกด้าน

เทียบกับเกาหลีเหนือแล้ว มีแนวโน้มมากกว่าที่อิหร่านจะโดนถล่ม

แต่ขอบอกว่า คงไม่ง่ายเหมือนที่ทำกับอิรัก

เอาแค่ทุกวันนี้ที่จมอยู่ในอิรัก ไม่ทราบว่าจะถอนตัวออกหรือจะติดหล่มไปเรื่อยๆ

คงต้องรอคนอเมริกันที่จะกดดันรัฐบาลตัวเอง

หรือจะเป็นพ่อค้านายทุนพรรค

[bsk(มหาชน)]

น้ำมันกับปัญหาอิหร่าน

เศรษฐศาสตร์จานร้อน : ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ  
กรุงเทพธุรกิจ  วันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กรุงเทพธุรกิจได้ลงบทความฉบับหนึ่ง ที่มีความตั้งใจดีที่จะชำแหละการวิพากษ์เศรษฐกิจพอเพียง แต่อ้างว่าในความเห็นของ "ผู้สันทัดกรณีหลายฝ่าย" ว่า "พวกลัทธิทุนนิยมย่อมไม่เห็นประโยชน์ของการประหยัดและประมาณตน เพราะต้องการใช้จ่ายเกินตัว ยิ่งเอาเงินในอนาคตมาใช้ก่อนก็ยิ่งดี" คนที่มีความสันทัดทุนนิยมจะทราบดีว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวข้างต้นนั้น คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง อย่างหน้ามือเป็นหลังมือ อย่างไรก็ตาม จะขอกล่าวถึงระบบ (ไม่ใช่ลัทธิ) ทุนนิยมในโอกาสหน้า เพราะครั้งนี้มีเรื่องสำคัญกว่าที่จะต้องนำมาวิเคราะห์คือ ราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นจากจุดต่ำสุดในกลางเดือนมกราคมที่ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลมาใกล้ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในขณะนี้ ผมเคยสรุปเอาไว้ว่าราคาน้ำมันไม่น่าจะอยู่ในระดับ 50-55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดังนั้น คำถามคือการคาดการณ์ดังกล่าวผิดพลาดหรือไม่ และหากผิดพลาดปัจจัยอะไรจะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น?

คำอธิบายมีอยู่ 2 ข้อหลักๆ คืออากาศที่หนาวเย็นเป็นพิเศษ ทำให้ความต้องการใช้พลังงานมีมากเกินคาด ซึ่งหากเป็นเรื่องนี้ก็หมายความว่า ราคาน้ำมันจะปรับตัวลงได้ใน 1-2 เดือนข้างหน้า เมื่ออากาศกลับสู่สภาวะปกติ

แต่อีกคำอธิบายหนึ่งคือ ความเป็นห่วงว่า สหรัฐอาจจะต้องพิจารณาอย่างจริงจัง ที่จะวางแผนโจมตี โรงงานผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน ที่เมือง Natanz (ทั้งนี้ อิหร่านไม่ได้ยอมรับว่าเป็นโรงงานผลิตอาวุธนิวเคลียร์ แต่ผลิตยูเรเนียมซึ่งสามารถใช้ปั่นไฟฟ้าหรือผลิตอาวุธนิวเคลียร์ก็ได้) หากเป็นเหตุผลนี้ก็อาจทำให้เกิดวิกฤติ ในตะวันออกกลางได้ เพราะอิหร่านเองก็เป็นมหาอำนาจในตะวันออกกลาง และผลิตน้ำมันดิบวันละ 3.8 ล้านบาร์เรล หรือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่เป็นที่สองในโอเปครองจากซาอุดีอาระเบีย ซึ่งปัจจุบันผลิตน้ำมันวันละ 33 ล้านบาร์เรล หรือประมาณ 40% ของกำลังการผลิตน้ำมันของโลกในขณะนี้

บางคนอาจมองว่า กำลังการผลิตของอิหร่าน (3.8 ล้านบาร์เรล) นั้น คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 5% ของกำลังการผลิตทั้งหมด แต่ประเด็นสำคัญคือสถานที่ตั้งของอิหร่านที่คร่อมช่องแคบฮอร์มูทส์ ซึ่งเป็นน่านน้ำที่ลำเลียงน้ำมันจากโอเปคเกือบทั้งหมด ไปสู่ตลาดโลก

ผมได้ลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญๆ ที่อาจจะนำไปสู่การเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน ดังนี้ โดยผมมีข้อสรุปว่า การโจมตีอิหร่านโดยสหรัฐ (หรือภาคี เช่น อิสราเอล) นั้น มีความเป็นไปได้สูง แต่น่าจะเป็นการทิ้งระเบิดโรงงานที่เมือง Natanz (เช่นที่เคยโจมตีโรงงานในลิเบีย) แต่จะไม่นำไปสู่วิกฤติน้ำมัน เพราะไม่น่าจะทำให้การผลิตและลำเลียงน้ำมันของโอเปคชะงักงัน เนื่องจากประเทศซาอุดีอาระเบียเอง ก็เกรงกลัวอำนาจและพฤติกรรมของอิหร่าน และไม่ต้องการให้อิหร่าน ใช้น้ำมันเป็นอำนาจต่อรอง จึงน่าจะให้คำมั่นว่าจะรักษาเสถียรภาพของการผลิตและราคาน้ำมัน

เหตุการณ์ที่สำคัญ

23 ธันวาคม 2549 : สภาความมั่นคงของสหประชาชาติ มีมติลงโทษอิหร่าน โดยห้ามมิให้ประเทศภาคีส่งออกสินค้า และอุปกรณ์ที่จะช่วยอิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

ต้นมกราคม : สหรัฐห้ามธนาคารที่ทำธุรกิจในสหรัฐไปทำธุรกิจกับธนาคารหลักของอิหร่าน คือ Bank Sepah ซึ่งสหรัฐอ้างว่าสนับสนุนการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน

7 มกราคม : นักบินอิสราเอลเริ่มฝึกซ้อมการทิ้งระเบิดและโจมตีโรงงานผลิตอาวุธนิวเคลียร์

10 มกราคม : ประธานาธิบดีบุช กล่าวว่า "จะแสวงหาและทำลาย" โครงข่ายของอิหร่าน ที่เข้ามาสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในอิรัก

11 มกราคม : ทหารสหรัฐจับกุม "นักการทูต" อิหร่าน 6 คนในภาคเหนือของอิรัก และกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนการต่อต้านรัฐบาลอิรัก

11 มกราคม : สหรัฐส่งกองทัพเรือบรรทุกเครื่องบินและจรวด Patriot ไปตะวันออกกลาง

13-17 มกราคม : ประธานาธิบดี Ahmadinejad ของอิหร่านเตือนละตินอเมริกา และสัญญากับเวเนซุเอลา ว่า จะบริจาคเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือประเทศ ที่ต้องการ จะ "เป็นอิสระจากจักรวรรดินิยม" ของสหรัฐ

15 มกราคม : อิหร่านยืนยันที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ของตนต่อไป ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดน้ำมันหวั่นไหว เห็นได้จากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเกือบ 10 ดอลลาร์ ระหว่างวันที่ 18 มกราคม และ 2 กุมภาพันธ์

5 กุมภาพันธ์ : กลุ่มนักวิเคราะห์อังกฤษเสนอบทความคาดการณ์ว่า การเผชิญหน้าทางการทหารกับอิหร่านกำลังใกล้เข้ามาแล้ว

11 กุมภาพันธ์ : อิหร่านประกาศว่า โรงงานนิวเคลียร์ที่ Natanz ได้ถูกพัฒนาจนสามารถผลิตยูเรเนียม ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการแล้ว

23 กุมภาพันธ์ : สภาความมั่นคงของสหประชาชาติถึงวาระ ที่จะทบทวนประสิทธิผลของมาตรการลงโทษอิหร่าน

"สามารถติดตามฟังการวิเคราะห์เศรษฐกิจของ ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ได้ในรายการซีอีโอวิชั่น ทุกวันจันทร์ 09.00-10.00 น. ทาง FM 96.5 MHz"

[Viewtiful Investor]

โดยใช้วิธีดูดวงดาว อาจารย์เล่าต่อว่าตอนนี้นักเศรษฐศาสตร์เก่งๆหลายคนหันไปดูดาวเพื่อทำนายเหตุการณ์กันเยอะขึ้น

Mortal predicts, Divine destines

เชื่อแต่คำทำนายอาจจะเข้ารกเข้าพงได้

[bsk(มหาชน)]

แฉแผนลับมะกันถล่มอิหร่าน



*บีบีซีอ้างแหล่งข่าวเผยสหรัฐมีแผนจะโจมตีอิหร่าน โดยขยายเป้าหมายครอบคลุมไปถึงที่มั่นทางทหารนอกเหนือจากที่ตั้งโครงการนุก ชี้สองชนวนเหตุสำคัญมาจากการพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์และการสนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบในอิรักของอิหร่าน*



สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษรายงานเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ อ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวในวงการทูตที่กล่าวอ้างว่า สหรัฐอเมริกามีแผนที่จะโจมตีทางอากาศถล่มอิหร่าน โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองบัญชาการกลางสหรัฐในมลรัฐฟลอริด้าได้กำหนดเป้าหมายโจมตีในประเทศอิหร่านไว้แล้ว ซึ่งได้ขยายเป้าหมายโจมตีนอกเหนือไปจากเฉพาะที่เป็นจุดที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ให้ครอบคลุมไปถึงเป้าหมายอื่นๆ ด้วย โดยส่วนใหญ่เป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร อาทิ ฐานทัพอากาศ ฐานทัพเรือ ฐานที่ตั้งจรวดและศูนย์ควบคุมบัญชาการทางทหาร

แหล่งข่าวของบีบีซีระบุด้วยว่า ในการโจมตี สหรัฐยังมีแผนที่จะใช้ "บี 2 สเตลธ์" เครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลในการทิ้งระเบิด "บังเกอร์-บัสเตอร์" ซึ่งเป็นระเบิดชนิดพิเศษที่สามารถทำลายเป้าหมายใต้ดินได้ เพื่อถล่มโรงนิวเคลียร์เมืองนาทานซ์ของอิหร่าน ซึ่งตั้งอยู่ใต้ดินลึกลงไปจากผิวดินประมาณ 25 เมตร

นายแฟรงก์ การ์ดเนอร์ ผู้สื่อข่าวสายความมั่นคงของบีบีซี กล่าวว่า หนึ่งในชนวนเหตุสำคัญที่จะทำให้กองกำลังสหรัฐตัดสินใจเปิดฉากโจมตีอิหร่านนั่นก็คือหลักฐานยืนยันว่าอิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งในประเด็นนี้อิหร่านได้ปฏิเสธมาตลอด พร้อมยืนยันว่าโครงการนิวเคลียร์ของตนเป็นไปเพื่อสันติ และอีกปัจจัยหนึ่งคือเมื่อกองกำลังสหรัฐในอิรักพิสูจน์ได้ว่าอิหร่านให้ความสนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบในประเทศอิรักที่มุ่งโจมตีกองกำลังทหารสหรัฐในดินแดนนองเลือดแห่งนี้

ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐได้ออกมากล่าวอ้างว่ามีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าอิหร่านได้จัดหาอาวุธให้แก่กลุ่มติดอาวุธมุสลิมชีอะห์เพื่อก่อเหตุปั่นป่วนในอิรัก ขณะที่ประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจาด แห่งอิหร่าน โต้กลับว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเพียงข้ออ้างของสหรัฐที่ต้องการจะคงกำลังทหารของตนเอาไว้ในอิรักต่อไป

อย่างไรก็ตาม สหรัฐยืนยันว่าไม่มีแผนที่จะโจมตีอิหร่านและกำลังพยายามโน้มน้าวให้อิหร่านยุติการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมที่สามารถนำมาผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ ขณะที่สหประชาชาติได้ออกมาเรียกร้องกดดันให้อิหร่านยุติโครงการนิวเคลียร์ ไม่เช่นนั้นจะเผชิญมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากสหประชาชาติ

วันเดียวกัน บทสัมภาษณ์ของนายโมฮัมเหม็ด เอลบาราเด หัวหน้าสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ใน น.ส.พ.ไฟแนนเชียล ไทม์ส ที่เคยเข้าไปตรวจสอบโครงการนิวเคลียร์ในประเทศอิหร่าน ระบุว่า อิหร่านอาจจะสามารถเสริมความเข้มข้นแร่ยูเรเนียมได้จำนวนมากภายใน 6-12 เดือน แต่อาจต้องใช้เวลานานถึง 10 ปีถึงจะสามารถผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ (บีบีซี/เอเอฟพี)