ชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร คุณเจอคำตอบด้วยตัวเองหรือยังครับ?

[ForrestGump]

บางคนว่า ชีวิตเกิดมา....

......เพื่อใช้กรรม

......เพื่อแสวงหาความสุข

......เพื่อเติมเต็มศักยภาพที่เหลือของชีวิต

......เพื่อ หาเงิน แต่งงาน มีลูกสืบสกุล หาเงินไว้ให้ลูก ให้ลูกหาเงิน ให้ลูกแต่งงาน ให้ลูกมีลูก ให้ลูกหาเงินไว้ให้หลาน ให้หลาน................

.....เพื่อคนที่เรารัก

......เพื่อช่วยเหลือคนอื่น

อันนี้คือ "เค้าว่ามา"

แล้ว จนถึงตอนนี้ คุณรู้ด้วยความรู้สึก ด้วยการตกผลึกความคิด ด้วยหล่อหลอมประสบการณ์ที่ผ่านมา  "ด้วยตัวเอง" หรือยัง ว่า...

" ชีวิตคุณเกิดมาเพื่ออะไร" ?

[por_jai]

8) ผมเกิดมาเพื่อทำสิ่งที่ผมรัก
    และรักในสิ่งที่ผมทำ
    เท่านั้นจริงๆ

[Jeng]

ชีวิต แต่ละชีวิตมีการพัฒนามาเรื่อยๆ จากรุ่นสู่รุ่น จนกระทั่งกาลเวลา ลบเลือนไป ว่า เรามาจากไหนกันแน่

สัตว์เซลเดียว ลิง หรือ คน หรือมนุษย์ต่างดาว มาแพร่พันธ์

อย่างไรก็ตาม ทางพุทธ บอกว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อค้นหาว่าเกิดมาทำไม

แต่เราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตที่เกิดมาให้คุ้มค่า

ความคุ้มค่า ก็แล้วแต่ว่า แต่ละคนเลือกที่จะใช้ชีวิต

อย่างไรก็ตาม ทางพุทธ เสนอให้เลือกพัฒนาจิตวิญญาน เพื่อให้ไม่กลับมาเกิดอีก

เพราะ โลกนี้มีแต่กองทุกข์ ทุกรูปแบบ ไม่มีความสุขเลย

สุข คือทุกข์ที่ลดลง

ความสุขอื่นเหนือความสงบไม่มี

[chatchai]

สำหรับผมแล้ว

เกิดมาเพื่อจุดมุ่งหมายที่นิพพานครับ

แม้ชาตินี้จะยังไม่ถึง  แต่ก็พยายามที่จะศึกษาและฝึกฝนเท่าที่ทำได้ครับ

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

สำหรับผมแล้ว 

เกิดมาเพื่อจุดมุ่งหมายที่นิพพานครับ 

แม้ชาตินี้จะยังไม่ถึง  แต่ก็พยายามที่จะศึกษาและฝึกฝนเท่าที่ทำได้ครับ

โห พี่เดินจงกรม นั่งสมาธิ วันละ 1.30 ชม.ทุกวันแล้วนะ

ทางนี้เป็นทางสายเอก สู่นิพพานนะ ที่เรียกว่า มหาสติปัฐฐาน 4

[por_jai]

[quote="chatchai"]สำหรับผมแล้ว

เกิดมาเพื่อจุดมุ่งหมายที่นิพพานครับ

แม้ชาตินี้จะยังไม่ถึง

[chatchai]

ผมขอตามพี่เจ๋งไปทีหลังครับ

ผมได้แต่นั่งสมาธิเองตามเวลาและสถานที่สะดวกครับ

ปรกติก็ตามวัดต่างๆ  ไม่เจาะจงและประจำครับ

วัดบวร  วัดปทุม  วัดพระแก้ว  วัดระฆัง  วัดชนะสงคราม  วัดอินทร์ บางขุนพรม  และวัดป่าแถวบ้านครับ

แต่อย่าถามความก้าวหน้านะครับ   :lol:    :lol:    :lol:

มีแต่ความพยายามครับ

[jaychou]

เข้ากับเทศกาลเลยนะฟลอร์เรสต์กัมพ์

เพื่อ รัก ครับ

[Jeng]

การนั่งสมาธิ แนว พุทโธ หรือ การใช้จิต ไปจับ กับสิ่งที่สมมุติขึ้นมา ที่เรียกว่า สมมุติบัญญัตินั้น มีประมาณ 95 % ของจำนวนวัดทั้งหมดนะครับ

ไม่ทราบว่า ท่านฉัตรชัยนั่งแนวไหน

หากว่า แนวสติปัฐฐาน 4 นี่ พระธรรมธีรราชมหามุณี เจ้าคณะ 5 วัดมหาธาตุ เป็นผู้ริเริ่ม และได้สอน หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ

พี่ฟังเสียงพระธรรมธีรราชมหามุณี หรือ ที่เรียกว่า เจ้าคุณโชดก

ท่านบอกว่า หลวงพ่อ สด ที่ได้วิชาธรรมกาย ได้รู้ว่า ทางวิชาธรรมกายนั้น ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ แต่สามารถได้ณาน ทำให้รู้เหตุการล่วงหน้าได้ ทำให้ผู้ปฎิบัติหลายท่าน หลงไป

แต่ หลวงพ่อสด อายุมากแล้วก็เลยเร่งปฎิบัติตามแนวสติปัฐฐาน 4 จนกระทั่ง ไม่หลงติดยึดใน ธรรมกาย

ซึ่งคนปฎิบัติทั่วไป จะติด 1 ใน 10 อุปกิเลส ข้อ 1 ที่เรียกว่า โอภาส คือการเห็นแสง

และเจ้าคุณ ก็ยังเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อจรัญด้วยครับ

ถ้านั่งแนวสติปัฐฐาน 4 แล้วขออนุโมทนา แต่ถ้านั่งแนว พุทโธ ธรรมดา

พี่ว่า จะได้แต่ความสงบ สบาย เมื่อนั่ง แต่ ความก้าวหน้านั้น จะน้อยครับ

เพราะ ถ้ายกจิต ให้ขึ้นสู่ อัปนาสมาธิ แล้ว ก็ต้อง ไปเพ่งกษิณ แล้วถึงจะ ขึ้นสู่ระดับวิปัสนาได้ครับ

ส่วนทางสติปัฐฐาน 4 สามารถเข้าสู่วิปัสนาได้ทันที

โดยไม่เสียเวลา เพียงแต่ ไม่มีฤทธิ์ ให้เล่นเท่านั้นเอง เนื่องจากเน้น ตัด อุปกิเลส ทั้ง 10 ประการครับ

[PebbleYui]

เพื่อชดใช้กรรมค่ะ

ตามเค้าพูดกันค่ะ แต่ว่า ก้อเป็นอย่างนั้นจิง ๆ นะคะ บางอย่างในชีวิต เราไม่สามารถเลือกได้ตลอดทุกอย่างหรอกค่ะ

บางอย่างที่ plan ไว้ ปูทางมา กลับไม่ได้ตามที่คาดหวัง

บางอย่าง ไม่ได้คาดคิด ไม่ได้วางแผน กลับได้มาเอง ดีกว่าที่คาดหวัง

ไม่มีอะไรแน่นอนเลยชีวิตนี้

[ก้อนหิน]

[quote="por_jai"]8) ผมเกิดมาเพื่อทำสิ่งที่ผมรัก

[drchatri]

น้องกัม ครับ น้องลองอ่านหนังสือเว่มนี้ดูนะครับ แล้วจะรู้อย่างชัดเจนว่าเราเกิดมาทำไม


 


 

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

เพื่อชดใช้กรรมค่ะ 

ตามเค้าพูดกันค่ะ แต่ว่า ก้อเป็นอย่างนั้นจิง ๆ นะคะ บางอย่างในชีวิต เราไม่สามารถเลือกได้ตลอดทุกอย่างหรอกค่ะ 

บางอย่างที่ plan ไว้ ปูทางมา กลับไม่ได้ตามที่คาดหวัง 

บางอย่าง ไม่ได้คาดคิด ไม่ได้วางแผน กลับได้มาเอง ดีกว่าที่คาดหวัง 

ไม่มีอะไรแน่นอนเลยชีวิตนี้

ถ้าถามว่าชีวิติเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม ไม่น่าจะถูก 100 %

รูปแบบจริงๆ คือ ชีวิตเกิดมาเพราะต้องเวียนว่ายตายเกิด

ส่วนกรรมที่ติด มานั้น ก็เพราะก่อนหน้านั้น ทำกรรมดี กรรมชั่ว ไว้

ก็เลยต้องเกิดมา เนื่องจากกรรมดี กรรมชั่วที่สร้างไว้ ทำให้เกิด ภพ เกิด ชาติ

เมื่อเกิดมาแล้ว ผลของกรรมดี กรรมชั่วก็ติดตามมา

อย่างไร ก็ตาม ไม่ได้แปลว่า ชีวิตเกิดมาใช้กรรม

คือ เหมือนกับว่า ชีวิตเกิดมา พร้อมกับ ฐานกรรม ดี กรรมชั่ว

แต่ชีวิต ก็ยังมีโอกาส ทำกรรมดี กรรมชั่ว อีกมากเลย ก่อน ลาโลก

ถ้าเปลี่ยนใหม่เป็นชีวิตเกิดมา เพื่อ สร้างกรรมดี ละกรรมชั่ว เพราะว่ามีโอกาสอีกครั้ง เนื่องจากได้เกิดมา

สรุปสั้นๆว่า แทนที่จะบอกว่า เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม เปลี่ยนเป็น


เกิดมาเพื่อเลือกสร้างกรรม จะถูกต้องกว่าหรือไม่

ส่วนเรื่องบางอย่าง plan แล้วไม่ได้ หรือไม่ plan แล้วได้ นั้น เป็นเรื่อง ของความอยาก ซึ่งก็ ก็มี อยากแล้วไม่ได้ หรือไม่อยาก แล้วได้ ซึ่งก็เป็นเรือ่งธรรมดา ธรรมชาติ เจอในทุกตัวคน เท่านั้นเอง

[Jeng]

drchatri

กำลังจะอ่านอยูพอดี ดร.สนอง วรอุไร

ได้ยินว่าเป็นลูกศิษย์ เจ้าคุณโชดก หรือ พระธรรมธีรราชมหามุณี วัดมหาธาตุ คณะ 5

เช่นเดียว กับ คุณแม่ดร. สิริ กรินชัย หลวงพ่อจรัญ และหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ

[beammy]

ผมเกิดมา

เพื่อต้องการที่จะทำให้คนที่ผมรัก มีความสุข ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต ครับ ...

[chatchai]

ดร.สนอง  เคยมาออกรายการของคุณสัญญาครับ

เรื่องเกิดมาใช้กรรม  คงไม่ใช่

ควรคิดใหม่เหมือนที่พี่เจ๋งว่า

เราได้เกิดมาเป็นคน  ก็แสดงว่าเรามีกรรมดีมากพอควรทีเดียว

เนื่องจากคนนั้นสามารถฝึกฝนและพัฒนาตัวเองได้  ถือเป็นโอกาสอันดี

แต่หลายคนไม่คิดที่จะพัฒนาตัวเอง  แถมยังทำกรรมชั่วไว้เพิ่มอีกต่างหาก

คนส่วนใหญ่คิดว่า  พระนิพพาน  เป็นเรื่องไกลตัว  ทำไม่ได้  เลยไม่เริ่มที่จะทำทีละเล็กทีละน้อย

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผมเกิดมา 

เพื่อต้องการที่จะทำให้คนที่ผมรัก มีความสุข ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต ครับ ...

ถ้าใช้กลยุธอย่างนี้ ต้อง เฉลี่ยความสุขนะ beammy

เพราะ ความสุข เราจะติดกับมันนะ คืออยากได้ความสุข เมื่อได้แล้วไม่อยากเสีย ซึ่งความสุขนั้นๆ

คือต้องได้อยู่เรื่อยๆ เพราะเคยได้แล้ว เมื่อไม่ได้ความสุขนั้น ต่อมาก็ทุกข์

และเมื่อได้ความสุขนั้น นานๆ ก็จะเคยชิน และ ทำให้ ไม่รู้สึกมีสุข แต่ถ้าเสียไป ก็จะทุกข์

ต้องได้เพิ่ม ถึงจะสุขอีก

เพราะฉะนั้นต้องค่อยๆ

สมมุติเช่น บริษัทมียอดขาย เพิ่มขึ้น ทีละ 5 % แต่เพิ่มทุกปี ตลอด 10-20 -30 ปี แบบนี้สุขตลอด

เทียบกับอีกบริษัท ปีแรก โต 100 % ปี ต่อมา โต 50 % ปี ต่อมา โต 30 % ปี ต่อมา โต 15 % ปี ต่อมา โต 5 % ปี่ต่อมา ติด ลบ 5 %

เทียบแล้วโตกว่าบริษัทแรกนะ แต่ อาจจะทุกข์ได้

[ต.หยวนเปียว]

หากยังไม่ตายก็คงยังค้นหาคำตอบกันต่อไป  :)

[โอ@]

พี่เจ๋งครับ
เรื่องหลวงปู่สด จนทสโร
คนธรรมกายบอกว่าท่านจะไม่เข้านิพพานจนกว่าสัตว์โลกทั้งหมดจะเข้านิพพานกันทั้งหมด
เขาเรียกกันว่าถึงที่สุดแห่งธรรม

ผมเลยสงสัยขึ้นมาครับเพราะว่าสองแหล่งบอกไม่เหมือนกัน พี่เจ๋งช่วยไขให้กระจ่างหน่อยครับ

[adi]

ตอบไม่ได้ กำลังหาคำตอบอยู่ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่จะทราบ

[chatchai]

พี่เจ๋งครับ
เรื่องหลวงปู่สด จนทสโร
คนธรรมกายบอกว่าท่านจะไม่เข้านิพพานจนกว่าสัตว์โลกทั้งหมดจะเข้านิพพานกันทั้งหมด
เขาเรียกกันว่าถึงที่สุดแห่งธรรม

ผมเลยสงสัยขึ้นมาครับเพราะว่าสองแหล่งบอกไม่เหมือนกัน พี่เจ๋งช่วยไขให้กระจ่างหน่อยครับ

ผิดถูกอย่างไรช่วยชี้แนะ

ผมว่านิพพานไม่ใช่ประตูที่ใครอยากจะเข้าหรือออกได้ตามใจนะครับ

ถ้าไปถึงจุดนั้น  ยังไงก็ต้องนิพพานครับ

[drchatri]

ขอฝากกลอน ของผมแต่งเองไว้นานแล้วครับ

  ชีวิต..เราเกิดมาทำไมหนอ            หากมัวรอแต่โชคลาภวาสนา

  เรา..ต้องสู้อย่าท้อถอยต่อโชคชะตา    อย่านำพาอุปสรรคเราข้ามมัน  

  ลิขิต..ฟ้าข้าฯ ไม่สนคนจะรุ่ง           หากเรามุ่งสู่จุหมายที่ปลายฝัน

  ได้..ทุกสิ่งที่ต้องการมาโดยพลัน        แรงผลักดันคือเป้าหมายในใจตน

   :o  :D

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

พี่เจ๋งครับ 
เรื่องหลวงปู่สด จนทสโร 
คนธรรมกายบอกว่าท่านจะไม่เข้านิพพานจนกว่าสัตว์โลกทั้งหมดจะเข้านิพพานกันทั้งหมด 
เขาเรียกกันว่าถึงที่สุดแห่งธรรม 

ผมเลยสงสัยขึ้นมาครับเพราะว่าสองแหล่งบอกไม่เหมือนกัน พี่เจ๋งช่วยไขให้กระจ่างหน่อยครับ

>>> โอ@ ครับ

เราจะฟังมากี่แหล่ง ก็ไม่จำเป็นต้องพยายามเข้าใจให้ได้ว่า ถูก หรือ ผิด เพราะ ว่าไม่เกียวกับตัวเราครับ

เรื่องที่สำคัญ สำหรับตัวเราคือ เรามีทุกข์ ปักอกอยู่ ด้วย โลภ โกรธ หลง

การปฎิบัติสติปัฐฐาน 4 นั้น

เป็นทางสายเอก ที่เราควร หาทางปฎิบัติ จากท่านที่รู้จริงครับ เช่น หลวงพอจรัญ เป็นต้น

ส่วนเรื่องหลวงพ่อสดนั้น ท่าน ค้นพ้นธรรมกาย ครับ ในทางโลก แล้ว ธรรมกาย ก็สามารถไปถึง ณาน ทำให้ มีตาทิพย์ แค่นี้ คนก็ติดกันงอมแงมแล้วครับ

อย่างไรก็ตาม หลวงพ่อสด เมือ่ได้เรียน สติปัฐฐาน 4 จากเจ้าคุณโชดก เจ้าคณะ 5 วัดมหาธาตุ ท่านก็มุ่งเน้นทางพ้นทุกข์ และได้ให้ภาพ ท่านไว้ เป็นที่ระลึกกับวัดมหาธาตุ พร้อมเขียนไว้ใต้ภาพว่า สติปัฐฐาน 4 เป็นแนวทางที่ถูกต้องทางเดียวเพื่อการพ้นทุกข์  ( คำที่เขียน จำได้ไม่ถนัดเพราะฟังจากเทพ มักกลีผล ของหลวงพ่อจรัญ + กับฟังเสียงเจ้าคุณโชดก พูดเรือ่งหลวงพ่อสด , ปัจจุบัน เจ้าคุณโชดกมรณภาพ ไปนานแล้วครับ )

ส่วนเรื่องที่บอกว่าจะไม่เข้านิพพานจนกว่าสัตว์โลกจะเข้านิพพานหมด คงเชื่อได้ยากครับ ตราบใดที่สัตว์โลกยังต้องกินกันเองเพื่อเป้นห่วงโซ่อาหาร และ มนุษย์กันเอง ก็ฆ๋าแกงกัน สารพัด

ถ้าท่านคิดอย่างนั้นจริง สงสัย ไม่ได้นิพพานครับ อิอิ แซวเล่น

นะ พี่ว่า เอาเรื่องตัวเองดีกว่า เข้าสุภาษิต ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

เรื่องศาสนา พี่ไม่ลบหลู่นะ เช่น พระพุทธบาท สระบุรี พี่จะไม่ไปตั้งคำถาม ว่า พระพุทธเจ้ามาจริง หรือเปล่า เพราะมาจริง หรือไม่จริง พี่ก็ไม่ได้พ้นทุกข์ ถ้าพี่เองไม่ปฎิบัติ เพื่อให้พ้นทุกข์

และการปฎิบัติก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ จำต้องละทิ้ง เปรียบเสมือน เราตั้งใจไปเชียงใหม่ ถ้าเราไปรถยนต์ และต้องวิ่งบนถนน

เมื่อเราไปถึงแล้ว รถยนต์ กับถนน ก็ไม่สำคัญครับ

แต่เมื่อเรายังไปไม่ถึง ร่างกาย จิตใจ รถยนต์ ถนน สำคัญมากครับ

[โอ@]

ที่ผมอยากรู้ในเรื่องนี้ก็คงเป็นเพราะว่า
แฟนผมเข้าวัดธรรมกายเป็นประจำ ผมเองก็เลยติดตามเข้าไปด้วย
ได้ศึกษาหลายๆอย่าง แต่ก็ยังติดที่ว่า จะเข้านิพพานเป็นคนสุดท้าย
ผมก็คิดเหมือนพี่เจ๋งว่า แล้วจะได้เข้าไหมนั่น

ผมเองก็อยากรู้ทางที่ถูกต้องครับ ถ้าวิ่งไปผิดทางก็เหมือนลงทุนผิดแนวทาง
มาแก้ทีหลังก็เสียเวลาไปนานแล้ว

ว่าแล้วเดี่ยวผมไปวัดมหาธาตุไปดูรูปที่พี่เจ๋งว่าไว้ดีกว่าครับ ขอบคุณพี่เจ๋งมากครับ

[Jeng]

เรื่องธรรมกายนั้น ฟังจากเทปมักกลีผล ของหลวงพ่อจรัญ ก็พูดไว้ครับ ว่า ธรรมกายนั้น เป็น วิชา ที่ไม่ได้ทำให้พ้นทุกข์ และทำให้ติด ในธรรมกายครับ

อุปกิเลส มี 10 อย่าง อย่างแรก คือ โอภาส ก็คือการเห็นแสง ซึ่ง ผู้ปฎิบัติจะเข้าใจว่า บรรลุแล้ว เห็นแสงแล้ว

เรื่องธรรมกาย ไม่อยากถกเถียงครับ

เรื่องที่วัดผลจากการปฎิบัติ ง่ายกว่านั้น คือ ลดโลภ โกรธ หลงได้หรือไม่

อย่างพี่ตอนนี้เลิกเหล้า เลิกเบียร์ก็ต้องถือว่า การปฎิบัติก็ช่วยได้ครับ

ส่วนเรื่องคนที่บรรลุอะไรบางอย่าง เช่น การเห็นอนาคต มีเจโตปริยาณ อะไรทำนองนี้

ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ครับ

[สามัญชน]

ขอเสนออีกแนวคิดหนึ่งให้พิจารณาครับ.....

ชีวิตคนเกิดมาจากไข่และอสุจิ  ซึ่งเป็นผลพวงมาจากวิวัฒนาการพันล้านปีตั้งแต่สัตว์เซลเดียวจนปัจจุบัน

ความคิดความอ่านของคน เกิดมาจากระบบสมองที่ผ่านวิวัฒนาการมาพร้อมๆกับร่างกายส่วนอื่นๆ

สมองทำงานอย่างไร  ทำไปเพื่ออะไร  จิตที่ต้องการความสุขเป็นลูกเล่นของสมองหรือไม่  จิตที่ต้องการหนีจากทุกข์เป็นตัวตนจริงๆของจิตหรือไม่ และทำไมสมองถึงทำงานอย่างนั้น

จริงๆแล้วจิตตั้งอยู่ตรงส่วนไหนของสมอง

สมองของคนต่างจากของสัตว์อื่นหรือพืชอื่นๆ  ก็เพราะ DNA ต่างกัน

ถ้า DNA  บางส่วนของมนุษย์เปลี่ยนไป  จะเกิดการปรุงแต่งไปอีกแบบหรือไม่

สารเคมีบางตัวแม้มีปริมาณเพียงเล็กน้อย(เช่น GABA Atropine ฯลฯ) แต่สามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์ผู้คนได้  เปลี่ยนแปลงทัศนคติได้  บ่อยๆครั้ง ที่สามารถเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพได้จากคนหนึ่งไปเป็นอีกคนหนึ่งแบบหน้ามือเป็นหลังมือ

อุบัติเหตุต่อสมองซึ่งทำให้เนื้อสมองเปลี่ยนไป  ก็เปลี่ยนบุคลิกภาพได้เช่นกัน  จากโหดร้าย ใจร้อน มาเป็นเมตตา ใจเย็น หรือในทางที่ตรงกันข้าม  

อาชญากร  หรือฆาตกรต่อเนื่อง  ผิดที่ DNA เท่านั้นเอง เป็นไปได้หรือไม่

เบื้องหลังสิ่งเหล่านี้เกิดมาจากสารเคมีตัวเล็กๆในสมองคนนั่นเอง

เป็นไปได้ไหมว่าเบื้องหลังเรื่องใหญ่ๆ  ทั้งเรื่องปรัชญาชีวิต  เรื่องการเมือง  เรื่องศาสนา เรื่องสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด  ก็คือ  สารเคมีที่สมองเป็นผู้สร้างมา

ปัจจุบันมีการสังเคราะห์สารเคมีว่าด้วยรักแท้ขึ้นได้แล้ว  คุณผู้หญิงจะรู้สึกอย่างไรถ้าความรักแท้ที่หญิงสาวได้จากชายหนุ่ม เกิดขึ้นเพราะต่อมลูกหมากของฝ่ายชายผลิตสารเคมีนั้นขึ้นไปให้สมองสั่งการเท่านั้นเอง จะมีคำพูดใหม่ๆหรือไม่

เดิม : อย่าเชื่อสมองของคุณ  จงเชื่อ ใจ ของคุณ
ไปเป็น : อย่าเชื่อ ใจ ของคุณ  จงเชื่อ ต่อมลูกหมากของคุณ  


คนมีที่มาอย่างนี้  และก็จะมีที่ไปอย่างนี้

[สามัญชน]

ผมขอมองในแนวทางวิทยาศาสตร์ต่อนะครับ

มนุษยชาติเป็นวิวัฒนาการที่เป็นที่สุดแล้วหรือไม่  ผมว่าไม่
ปรัชญาและสัจธรรมของมนุษย์เป็นที่สุดแล้วหรือไม่  ผมว่าไม่

ในยุคสมัยของ มนุษย์วานร  ซึ่งเป็นที่สุดของวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลกเมื่อสองล้านปีที่แล้ว  ก็คงจะมีมนุษย์วานรหลายตัวที่มองว่า สัจธรรมของชนเผ่าเขานั้นถึงที่สุดแล้วเช่นกัน

มนุษย์รุ่นเรามีคนมองแบบเดียวกันกับมนุษย์วานรหรือไม่  ผมว่ามีเยอะค่อนโลกทีเดียว

มนุษย์วานรสามารถค้นพบ ไฟ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝืนคำสั่ง DNA เป็นอย่างยิ่ง  เพราะ DNA ในสิ่งมีชีวิตทั่วๆไป บอกว่า ไฟ คือสิ่งที่เป็นอันตราย  จะต้องรีบหลีกหนีไปให้พ้นเพื่อเอาชีวิตรอด  อาจจะมีDNA ในสัตว์บางชนิดที่สั่งไม่ให้หนี   แต่ไม่ช้า DNA แบบนั้นก็จะสูญพันธ์ไปในกองไฟและก็สูญพันธ์ไปหมดแล้ว  ปัจจุบันสัตว์ทุกชนิดจึงกลัว ไฟ

ผมเข้าใจว่า DNA ของมนุษย์วานรสามารถสั่งให้มนุษย์วานรแก้ปัญหาเรื่องไฟได้อย่างถูกต้องมากกว่าที่จะหนี ไฟ อย่างเดียว  โดยผ่านทางสมองรูปแบบใหม่ที่ดีกว่าเดิมเมื่อเทียบกับวานรทั่วๆไป  ลิงหรือวานรทั่วๆไปนั้นมีสมองที่เล็กกว่า  ในขณะที่มนุษย์วานรมีสมองที่ใหญ่กว่า  และสามารถสร้างสารเคมีสร้างเซลสมองที่มีประสิทธิภาพมากกว่า

มนุษย์วานรจึงสามารถค้นพบไฟและใช้ประโยชน์จากไฟ

[สามัญชน]

ไม่มีใครทราบถึงปรัชญาการดำรงชีวิตของมนุษย์วานร  สัจธรรมของมนุษย์วานรก็ยังเป็นปัญหาว่าเป็นอย่างไรแน่  แต่ก็เชื่อได้แน่ๆว่า ไม่ดีและไม่ถูกต้องเท่ากับของมนุษย์  เพราะปัจจุบันนี้มนุษย์สามารถครองโลกในขณะที่มนุษย์วานรสูญพันธ์ไปแล้ว

มนุษย์ได้สร้างองค์ความรู้ขึ้นมา  สร้างสัจธรรมในรูปแบบต่างๆ เช่น ปรัชญาการดำเนินชีวิต  ศาสนา เศรษฐศาสตร์  การแพทย์ วิศวกรรม ฯลฯ ก็ด้วยขนาดของมันสมองที่ใหญ่กว่าเดิม  

มนุษยชาติจึงค้นพบสัจธรรม  และใช้ประโยชน์จากสัจธรรม

แต่สัจธรรมของมนุษย์เป็นที่สุดของธรรมชาติแล้วหรือไม่  

ผมว่า ยังครับ  มีมนุษย์วานรมาต่อยอดฝูงลิงได้  มีมนุษย์มาต่อยอดมนุษย์วานรได้  ทำไมจะไม่มีอภิมนุษย์มาต่อยอดของมนุษย์ล่ะครับ  ต่อยอดทุกๆด้านแม้แต่สัจธรรมในศาสนาที่เราเคารพกัน

[Reminiscence of 3 Dogs]

[quote="สามัญชน"]
อย่าเชื่อ ใจ ของคุณ

[สามัญชน]

Reminiscence of 3 Dogs

สามัญชน wrote:

อย่าเชื่อ ใจ ของคุณ  จงเชื่อ ต่อมลูกหมากของคุณ

 



Cool !   :lovl:

เขียนเพื่อให้รู้สึกอยาก ลด ละ การยึดมั่นถือมั่นครับ