เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดีครับ

[BHT]

เพื่อนมันมาถาม แล้วแนะนำไม่ได้เหมือนกัน

มันบอกเอาถูกๆแต่ดี ก็เลยทำให้ใบ้รับประทาน

แนะนำหน่อยครับ ขอบคุณครับ

[คนเรือ VI]

HBO ครับกับดิก 1 เล่มใหญ่

ผมใช้วิธีนี้ตอนอยู่ ม ปลายครับ อาศัยชอบดูหนัง ไม่ได้ตั้งใจจะเรียน ภาษาอังกิด แต่ได้ผลมากนะครับ ถูกด้วย

[Reminiscence of 3 Dogs]

CNN , BloomBerg , CNBC , 360 degrees Anderson Cooper
Serie LOST , Friends , ER , South Park
พยายามดูแบบไม่มี subtitle นะครับ
3ช่องแรก สำเนียงอะไรต่างๆจะไม่ยากมากแต่ที่ยากคือการคิดตามจนเข้าใจ
ในสิ่งต่างๆที่ผู้ดำเนินรายการพูดออกมาแบบ speed ค่อนข้าวเร็ว
360 degrees  ไว้ฝึก speedการฟังจริงๆครับ
ถ้าฟังทันหมด ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องภาษาในการเรียนหรือทำงานในสังคมฝรั่ง
Serie 3เรื่อง ก็ไว้ฝึกการฟังได้ดีในหลายๆสถานการณ์
South Park ไว้บันเทิง  :twisted:
เรื่องการอ่าน ฝรั่งเขาแนะนำ The Economist, WallstreetJournal
ไว้อ่านพวก intellectual articles ทั้งหลาย แต่ส่วนตัวผมไม่ชอบ  มันยากเกิน

ถ้ามีงบและเวลา แทนที่จะมาเรียนภาษาESLแบบที่คนอื่นนิยม
ลองสมัครมาเรียน undergraduate 1 เทอมที่USครับ
ราคาไม่ต่างกันมาก  เข้าง่ายๆขอ IBT TOEFL ไม่สูงมาก
ลงวิชาเรียนที่ยังไม่เคยเรียนตอนอยู่เมืองไทยนะครับ
แนะนำ  ENG101 , Business Law , Speech101
ก็กดดันดีนะครับ คนเรียนเป็น Native เกือบหมด
พอถึงเวลาdiscuss ไม่ทันเขา ก็โดนทิ้ง ต้องพยายามอย่างหนัก
ถ้าไม่ participate ก็เตรียม F
เพื่อนผมภาษาดีขึ้นอย่างชัดเจนเลย
TOEFL 62/120 --> 91/120 ในเทอมเดียว
จากง๊องๆแง๊งๆ พูดติดๆขัดๆ ฟังไม่ทัน อ่านarticle ไม่รู้เรื่อง  
กลายเป็นคนใหม่ไปเรียบร้อย

ถ้าเรียนเมืองไทย เห็นเขาว่า Fast English ดี ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะดีจริงหรือไม่
ส่วนตัวเคยเรียน สงวน  ได้คำศัพท์มาเยอะมาก มากจนน่ากลัว
ช่วยให้ reading ไม่เป็นเรื่องลำบากมากอีกต่อไป
แต่ไม่ได้ช่วยพัฒนา skill ที่จำเป็นจริงๆเช่น listening speaking

[sunrise]

ผมหัดโดย

ดูหนังเหมือนกันครับ
เอาสก็อตเทปมาปิดหน้าจอทีวีเลยครับ
ไม่ให้เห็น ซับ

แล้วฟังงูๆปลาๆ

ตอนนี้ดีหน่อยมี DVD ที่ให้มีหรือไม่มีซับได้
แล้วค่อยๆ ฟัง

หนังแนะนำสำหรับหัดภาษาอังกฤษคือ spider man 1/2 ครับ
เพราะคนพูด พูดชัดเกือบทุกคน

เก่งแล้วค่อยไปลองสกิลอื่นต่อ

อ่านก็หาหนังสือพิมพ์อ่านเอาครับ
เริ่มจาก nation junior  > reader digest > หนังสือ finaical magazine i.e time/forbes/ economist <- เล่มหลังสุดอ่านยากที่เดียว

ส่วนพูดนี่ แนะนำลุยต่างประเทศ คนเดียวครับ
1 เดือนกลายเป็นคนละคนเลยครับ ผมไปเที่ยวคนเดียว 2 สัปดาห์พูดเป็นเลยครับ เพราะไม่มีทางเลือก ถ้าไม่อยากอดตาย  :lol:

เขียนพอดีผมทำงานบริษัทต่างชาติก็เลยใช้ตลอดครับ
ไม่รู้จะให้หัดยังไง

[miracle]

[quote="Reminiscence of 3 Dogs"]

ถ้าเรียนเมืองไทย เห็นเขาว่า Fast English ดี ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะดีจริงหรือไม่
ส่วนตัวเคยเรียน สงวน

[tattoo_thai]

ถ้าจะเรียนเพื่อการทำงาน ผมคิดว่าเรื่องแกรมม่าเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญเท่าไหร่

จริงๆแล้วผมกลับคิดว่า คนไทยนี่เก่งแกรมม่ามากๆ เผลอๆเก่งกว่าพวกฝรั่งซะอีก หลักสูตรของเราก็เน้นแกรมม่ากันมากเกินไป ทั้งที่จริงๆแล้วควรเน้นที่การพูดและฟังมากกว่า

ในการที่จะพูดและฟังให้เก่ง ผมเห็นด้วยกับทุกท่านว่า การดูหนัง ฟังข่าว และอ่านหนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษนั้น ช่วยได้จริง อย่างน้อยมันก็จะช่วยให้คุ้นๆหู คุ้นๆตา และจำไปใช้โดยไม่รู้ตัว ( แต่อย่าจำ South Park นะครับ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน   )

แต่ที่สำคัญต้องกล้าพูดครับ ( สำหรับตัวผมเองเรียกหน้าด้านครับ  :)  ) พูดผิดแกรมม่า ผิดคำศัพท์ จะผิดอะไรก็ช่างมัน หัวเราะกลบเกลื่อนไปครับ  

ตัวผมเอง ภาษาอังกฤษแย่มากครับ สอบโทเฟลก็คะแนนน้อยมาก คำศัพท์นี่ไม่ต้องพูดถึงเลย บางทีพูดๆไปยังไม่รู้เลยว่าไอ้ที่หลุดออกจากปากนี่ มันสะกดยังไง จำๆมาพูด แต่ทุกวันนี้ผมทำงานท่ามกลางชาวต่างชาติได้อย่างไม่มีปัญหา แผนกผมมีคนไทย 2 คน อีกสิบกว่าคนที่เหลือเป็นต่างชาติครับ

[miracle]

แกรมม่ามาเสร็จแล้วมันจะผูกโยงกับศัพท์
จากนั้นก็ทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทาง

ทุกอย่างต้องเริ่มที่จำก่อนไม่ใช่หรือครับ
เช่นคนเล่นหุ้นต้องจำก่อนว่า หุ้นในตลาดมีตัวอะไรบ้าง
มันทำธุรกิจอะไรไม่ใช่หรือ
นักเทคนิคก็ต้องจำว่า ชื่อเทคนิคที่เข้าใช้คืออะไร

จากนั้นถึงจะเริ่มทำเอาความรู้มาเพาะบ่มไม่ใช่หรือครับ
เอามาต่อยอดความรู้

นั้นคือการเรียนรู้

คนที่ว่าแกรมม่าไม่สำคัญ คุณอ่านหนังสืออังกฤษรู้ว่าเขากำลังเขียนประเด็นอะไรอยู่หรือครับ
เมื่อก่อนผมก็อ่านไม่ค่อยได้ ตอนนี้ผมก็เพิ่งเริ่มคลานออกจากกระดอง เพราะได้แกรมม่ามาช่วยว่า มันกำลังพูดถึงเรื่องในอดีต หรือในอนาคต พูดถึงคนหมู่มากหรือน้อย
มีอะไรบ้าง ที่เป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้

ถามต่อว่า ถ้าภาษาไทย คุณพิมพ์แล้วคนอ่านยังไม่รู้เรื่องแล้วคุณจะเรียนภาษาอื่นรู้เรื่องไหมครับ

[tattoo_thai]

อันนี้แล้วแต่มุมมองนะครับ

ลองคิดดูนะครับว่าภาษาไทย ตอนเด็กๆ เราพูดได้ ฟังรู้เรื่อง ก่อนที่เราจะเริ่มเรียน ก. ข. ซะอีกนะครับ เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจหลักไวยากรณ์ของภาษาไทย เราก็สามารถที่จะสื่อสารกับผู้คนรอบข้างได้เข้าใจ

ความหมายที่ผมพยายามจะสื่อก็คือ การเรียนการสอนภาษาอังกฤษในเมืองไทยนั้น เน้นที่แกรมม่ามากเกินไป ทั้งที่จริงแล้วควรเน้นที่พื้นฐานการพูดและฟังมากกว่า และผมขอยืนยันว่าฝรั่งแท้ๆ พูดภาษาอังกฤษตั้งแต่เกิด ก็เขียนแบบแกรมม่าผิดๆถูกๆครับ

คือมันเป็นความเก็บกดส่วนตัวนะครับ  8)  เวลาเห็นคนไทยที่เก่งๆ แต่ถูกประเมิณว่าความสามารถต่ำกว่าต่างชาติ เพียงแค่เพราะเขาคนนั้นพูดและสื่อสารภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง ซึ่งพวกต่างชาติจริงๆแล้วความสามารถสู้คนไทยเราไม่ได้แต่โม้เก่งกว่าครับ

หวังว่าคงไม่เคืองผมนะครับ  :lol:

[Reminiscence of 3 Dogs]

อย่าพึ่งเถียงกันเลยครับ
คิดว่าทั้ง2ท่านเข้าใจความหมายของคำว่า "การรู้ grammy"
ในคนละความหมายกัน

ความหมายของคุณ tattoo_thai หมายถึงว่าที่ผิดคือผิดแกรมม่าเช่น
1.พวก tense ที่เล่นsimple ตลอดทาง ฝรั่งที่ทำงานในไทยคงน่าจะชินอยู่แล้ว
ไม่ได้ส่งผลรุนแรงถ้าฝรั่งเหล่านั้นเปิดใจยอมรับว่าอย่างน้อยก็ยังดีกว่า
สื่อสารไม่ได้เลย ถ้าทุกครั้งถึงเป็น simple แต่มีคำกำกับท้ายไว้ว่า
yesterday, for 3 months, next 2 days  แบบนี้เขาก็เข้าใจครับ
ถึงจะผิดแกรมม่า  :)

2. ประโยคคำถาม Vช่วย+S+verb+Object  ?
ตามแกรมม่าควรจะเรียงแบบนี้  แต่ถ้าเราเรียงแบบประโยคบอกเล่าธรรมดา
แล้วขึ้นเสียงสูงท้ายประโยค ฝรั่งก็เข้าใจว่าเป็นคำถามครับ
เพราะฝรั่งเองก็พูดแบบนี้บ่อยเหมือนกัน เห็นสลับกันมั่วไปหมด 8)
แต่คงแล้วแต่คนด้วยมั้งครับ  

ส่วนที่คุณ miracle พูดถึงก็คือ ถ้าเรายังไม่รู้ว่าควรเรียงประโยค
Subject + Verb + Object(optional)  เราจะเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างไร
ซึ่งตรงนี้เด็กไทยทุกท่านน่าจะผ่านตรงจุดนี้คุณ tattoo_thai
คงมองข้ามไปเพราะยังไงทุกคนก็น่าจะทำได้อยู่แล้วประมาณนั้นมั้งครับ

สุดท้ายเห็นว่า Grammar ก็สำคัญครับ แต่ไม่ใช่ที่สุดของทั้งหมด

[tattoo_thai]

คุณ "อดีต" 2dogs อธิบายได้ตรงกับที่ผมคิดเลยครับ  :P

จำได้ลางๆว่าอยู่ NY ใช่ไหมครับ เรียนที่ไหนเหรอครับ?

[Reminiscence of 3 Dogs]

เทอมหน้าคาดว่าจะได้เรียนที่ City College of NYครับ
เทอมนี้มาชิมลางที่BMCC 1เทอม  แต่เห็นพี่คนไทยบอกไว้ว่าเรียนที่BMCC
มันยากกว่าเพราะเจอแต่Native  เนื้อหาที่เรียนไม่ยากหรอก
ยากที่ข้อจำกัดด้านภาษา  ตอนป.โทจะเจอแต่ International Students
ซะเยอะเกือบครึ่ง  เนื้อหายากยังไง  คนไทยก็ไม่หวั่นมาก

[tattoo_thai]

ใช่ Manhattan รึปล่าวครับ? เผื่อปีนี้ถูกส่งไปที่ train ที่ NY อีก จะได้นัดกินข้าวกัน  

[Reminiscence of 3 Dogs]

ครับใน Manhattan ที่เรียนส่วนใหญ่ก็อยู่ที่นี่เกือบหมด
แต่บ้านผมอยู่ Queens นะ ถูกกว่ากันเยอะ

[เพื่อน]

ขอแจมเสริมด้วยคนครับ

เรื่องแกรมม่า ไม่สำคัญเลยจริงๆครับ เมืองไทยเราสอนผิดวิธีมานาน

การได้มีโอกาสพูดคุยกับชาวต่างชาติมากๆ ดีที่สุดครับ แล้วคุณจะรู้วิธีใช้แกรมม่าไปในตัวด้วยความเคยชินเอง

ช่วงวัยเด็ก(ป.4-ป.5)ผมเคยต้องใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันอยู่2ปี  พอกลับมาต้องใช้ภาษาไทย  บางทีพูดตอนแรกเป็นภาษาไทยจนอธิบายจบกลายเป็นภาษาอังกฤษไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ตัวเลย คนฟังก็นิ่งรอจนจบแบบไม่รู้เรื่อง....ตอนนั้นผมไม่รู้เรื่องแกรมม่าเลยจริงๆ มันใช้ไปโดยอัตโนมัติเองครับ พวก Have someone do something นี่ไม่ต้องเรียนเลยครับ....แต่ยอมรับนะครับว่าคำศัพศ์สูงๆนี่ผมไม่เก่งเพราะไม่ได้ต่อยอด

ปัจจุบัน มาเทียบกับเพื่อนร่วมงานผมที่เก่งแกรมม่า และคำศัพท์มากๆ....พอติดต่องานกับต่างชาติทีไร แกพูดไม่ค่อยทัน เพราะต้องนึกก่อนว่าจะเปลี่ยนภาษาไทยเป็นอังกฤษด้วยแกรม่าที่ถูกต้องอย่างไรจึงค่อยออกมาเป็นคำพูดได้

ตอนนี้ผมเปิดเจอคลื่นวิทยุช่วงเช้า 9.00น-10.00น. ช่องFM105 ได้ประโยชน์มากเลยครับ ลองฟังดู ได้คำศัพท์จากข่าวแบบสนุกๆและลึกดีมากจริงๆครับ....ถ้าจะให้ดีก็ฟังช่วง 8.00น-9.00น ด้วยก็ดีครับ เป็นช่วงของ อ.เจิมศักดิ์ มีอะไรหลุดๆวงในมาให้ฟังบ่อยๆ

[miracle]

งานนี้ไม่ขอทดสอบ
เพราะว่า ภาษาไม่ถึงขั้น

แต่แกรมม่านี้ทำให้สมองจัดระบบขึ้นมาน่าครับ

มีหนังสือเล่มหนึ่งเขียนเรื่องความจำ เอาไว้ดีมากเลย
ถ้าคุณจำอะไรไม่ได้ แม้นแต่ ตัวอักษร คุณก็อ่านและเขียนไม่ได้
ลองไปเปิดอ่านดูครับ

ผมว่าคนเขียนเล่มนี้ ไปหากระบี่อิงฟ้ามาจากไหนก็ไม่รู้

by the way
ภาษาอังกฤษ มีอยู่สามส่วน คือ คำศัพท์ ต้องท่องและเลือกใช้ แกรมม่า รู้ว่าเราจะบอกอะไรแก่เขา สุดท้ายคือIdea

[jaychou]

จะมาบอก miracle ว่าแกรมม่าผิดแต่ก็ใช้การได้ ภาษาไหนก็เหมือนกัน

ในภาษาพูดหรือภาษาเขียนก็ตาม ฝรั่งใช้แกรมม่าผิดเยอะแยะและคนไทยก็ใช้ไวยากรณ์และแม้แต่ตัวสะกดผิดเยอะเช่นกัน อย่างในกระทู้นี้ผมเห็นเต็มไปหมดครับ เพราะการสื่อสารด้วยวิธีเขียนอย่างไม่เป็นทางการนั้นที่จริงก็ใช้ภาษาพูด แม้จะไม่ถูกไวยากรณ์ก็สื่อสารได้

ตัวอย่างของ miracle เองดีกว่า ประโยคเดียวผมพบที่ผิดไวยากรณ์ 4 จุด

ดรที่มาสอนนั้น สุดๆๆครับ

1.ตัวย่อต้องมีจุด(ดร.)
2.ในประโยคไม่มีกริยา
3.คำว่าสุดๆนั้นใช้ไม้ยมกเพียงตัวเดียวครับ
4.ภาษาไทยไม่มีช่องไฟกลางประโยค

ประโยคอื่นก็มีครับ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าไวยากรณ์หรือแกรมม่าก็ไม่ได้จำเป็นมากไปกว่าความเข้าใจ

[ปุย]

[quote="tattoo_thai"]
แต่ที่สำคัญต้องกล้าพูดครับ ( สำหรับตัวผมเองเรียกหน้าด้านครับ

[miracle]

ขอบคุณครับที่พี่Jaychouแก้ไขให้ครับ
นี่ละภาษาไทยยังไม่แข็งแรง แล้วภาษาอื่นจะแข็งแรงได้ไงล่ะเนี่ย
5 5 5 5 5

[smith_sanguan]

หาเมียฝรั่ง ในเมืองไทยครับ เร็ว ถูก ดี ครับ  :D

[chowbe76]

ดุหนังสิครับ
ผมแนะนำเรื่อง
Wall Street
ไปก่อนเลยครับ

[ก้อนหิน]

อยากเถียงฝรั่งได้ ศึกษายังไงดีครับ ไปเล่นบาสมาแล้วโดนฝรั่งกดขี่ทางภาษามาครับ แฮะๆ

[Anti-Aircraft]

[quote="smith_sanguan"]หาเมียฝรั่ง ในเมืองไทยครับ เร็ว ถูก ดี ครับ

[smith_sanguan]

ทำยังไงก็ได้ ให้ใช้ภาษาอังกฤษ ตลอด 24 ชม. ok.

[peacedev]

ผมทำงานเกี่ยวกับพวกเทคโนโลยี เลยได้ขอสังเกตุว่าคนที่เก่ง ๆ ด้านนี้จะได้ภาษาอังกฤษตามไปด้วยครับ

เพราะพวกเขามี passion ในการติดตามข้อมูลข่าวสารใหม่ ๆ  ที่ผูกขาดเฉพาะภาษาอังกฤษเท่านั้น (ก็เจ้าของเทคโนโลยีพวกนั้นส่วนมากเป็นคนใช้ภาษาอังกฤษ )

Gramma นี่งู ๆ ปลา ๆ กันแทบทุกคนครับ แต่ก็ทำงานติดต่อกับชาวต่างชาติกันทุกวัน ไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนภาษาอังกฤษเท่าที่เคยเรียน ๆ มาบ้าง หรือ ที่ทำงานจ้างครูจากสถาบันชั้นนำมาสอน รู้สึกจะไม่ได้ผลเท่าที่ควรครับ จะมีประโยชน์ในการต่อยอดมากกว่า