เพียงขออีกสักวัน

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
bsk(มหาชน)
Verified User
โพสต์: 3206
ผู้ติดตาม: 0

เพียงขออีกสักวัน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เพียงขออีกสักวัน
โดย วรากรณ์ สามโกเศศ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์  
มติชนรายวัน  วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10540


รอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญของการมีความรู้สึกว่ามีชีวิตที่มั่นคงและมีความสุข อย่างไรก็ดี บ่อยครั้งเมื่อมีสมาชิกตายจากไป คนที่เหลืออยู่ก็รู้สึกผิดว่าตนเองได้ทำอะไรน้อยไปหน่อย หรือได้ทำสิ่งที่ไม่สมควรไว้ก่อนลาลับกัน ถ้าแม้นว่ามี One More Day แล้วก็จะได้แก้ไขความบกพร่องเหล่านั้น

หนังสือชื่อ For One More Day ของ Mitch Albom ที่ออกมาใหม่ทะลวงเข้าไปในใจของคนจำนวนมากถึงกับน้ำตาริน เมื่อย้อนไปคิดว่า......ถ้าแม้นว่ามี One More Day

Mitch Albom เป็นนักเขียนดังมาจากหนังสือชื่อ Tuesdays with Morrie ตีพิมพ์กว่า 4 ล้านเล่ม (มีแปลเป็นไทยแล้ว) ซึ่งเป็นการบันทึกจริงของความรู้สึกนึกคิด ปัญญา คำสอน ฯลฯ จากอาจารย์ของเขาที่กำลังจะตายจากไป การไปพบอาจารย์ในวันอังคารของเขาทำให้โลกได้รับรู้สิ่งที่อยู่ลึกในใจของคนที่บอกว่าพร้อมที่จะตาย และพร้อมที่จะสื่อสิ่งที่เป็นสัจธรรมของโลกให้ศิษย์ได้รับรู้

For One More Day เป็นเรื่องของความรัก ความผิดหวัง การต่อสู้ชีวิตของครอบครัวธรรมดาครอบครัวหนึ่งในเมืองเล็กๆ ชื่อ Pepperville Beach ผู้เขียนไม่ระบุรัฐเพื่อให้เกิดความรู้สึกว่าเหตุการณ์และความรู้สึกที่เกิดขึ้นเป็นของทุกคน ไม่ใช่ของคนในที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น

ผู้เขียนพยายามเขียนในเชิงว่าเป็นเรื่องจริงที่มีผู้เล่าให้เขาฟังและเขานำมาถ่ายทอด ผู้เล่าคือ Charles Benetto หรือ Chick อดีตนักเบสบอลอาชีพมือดีขนาดเป็นสมาชิกของทีมที่แข่งใน World Series ครั้งหนึ่ง (เทียบได้กับ Superbowl ของอเมริกันฟุตบอลหรือแมทช์ชิงแชมป์ฟุตบอลโลก)

Chick เล่าให้เขาฟังว่า เคยฆ่าตัวตายครั้งหนึ่งโดยการปีนขึ้นไปบนยอดแท็งก์น้ำของเมืองและโดดลงมาแต่ไม่ตาย สาเหตุที่ฆ่าตัวตายก็คือไม่อยากอยู่ในโลก เพราะไม่มีใครรักเขาอีกแล้ว

Chick เล่าว่า เมื่อแม่ซึ่งเป็นสุดที่รักของเขาตาย ชีวิตเขาก็เริ่มเลื่อนลอยทันที เสมือนรากของต้นไม้ถูกถอนขึ้นมา เขาเริ่มดื่มเหล้าจนถูกให้ออกจากงาน เงินก้อนใหญ่ที่สะสมไว้จากการเป็นนักเบสบอลก็หมดไปเพราะถูกหลอกให้ลงทุน ทะเลาะกับภรรยาทุกวันจนลูกสาวที่เขารักมากเบื่อหน่าย ชีวิตลอยไปลอยมากับเหล้าจนวันหนึ่งเขาก็ออกจากบ้านหายไป จากนั้นก็ทำงานเล็กๆ น้อยๆ พอประทังชีวิตแล้วก็กินเหล้าหัวราน้ำให้ลืมชีวิตแสนบัดซบ

สิ่งที่ผลักดันให้เขาฆ่าตัวตายก็คือรูปแต่งงานของลูกสาวที่ส่งมาถึงเขาพร้อมกับโน้ตสั้นๆ เขาเสียใจและอับอายตนเองที่ไม่ดีพอที่ลูกสาวจะเชิญไปร่วมงานแต่งงาน

เมื่อโดดลงมาแล้วแต่ไม่ตาย เขาก็ได้พบแม่ที่ตายไปแล้วเมื่อเดินไปที่บ้านเก่า เขานึกถึงความหลังที่แม่ต้องต่อสู้ชีวิตเพื่อเขาและน้องสาวหลังจากพ่อทิ้งครอบครัวไปโดยไม่บอกกล่าว เมื่อเขาเริ่มเป็นหนุ่ม ซึ่งเป็นความเจ็บซ้ำของเขาอย่างมาก เพราะตลอดเวลาที่พ่อเขาอยู่หรือแม้แต่เมื่อจากไปแล้วเขาก็ยังพยายาม "เป็นลูกพ่อ" เอาใจพ่อเสมอ โดยไม่อ่อนไหวกับความรู้สึกของแม่

พ่อเขาบอกตอนเด็กๆ ว่า "ลูกเป็นลูกแม่หรือเป็นลูกพ่อ แต่ไม่สามารถจะเป็นทั้งสองอย่างได้" เขาเลือกพ่อที่บ้าคลั่งเบสบอล เขาทุ่มเทให้เบสบอลเพื่อเอาใจพ่อ เมื่อจบชั้นมัธยมปลายเขาก็เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสิ่งที่แม่ผู้รักการศึกษาอย่างยิ่งภูมิใจมาก เพราะตัวแม่เองไม่มีโอกาส

เรียนได้ 2 ปีก็แอบพบพ่อโดยไม่ให้แม่รู้ และเชื่อพ่อทิ้งการเรียนเพื่อเล่น เบสบอลอาชีพ แม่เขาเสียใจมากแต่เขาก็ไม่ใส่ใจ เมื่อมาพบแม่ในครั้งนี้จึงได้รู้ว่าแม่ส่งเสียเขาอย่างลำบาก ยอมทิ้งงานช่างเสริมสวยมาเป็นคนรับจ้างทำความสะอาดตามบ้าน เพื่อให้ได้เงินมากกว่า เขาตกใจและร้องไห้เพราะไม่ทราบมาก่อนว่าแม่ยอมเสียสละเพื่อเขาถึงเพียงนี้

อย่างไรก็ดี วันพิเศษนี้ของเขา ทำให้เขามีความสุขอย่างมาก รู้สึกอบอุ่น ได้กินอาหารที่แม่เคยทำ ได้กอดแม่ ได้ล้อเลียนแม่ ได้พูดกันถึงเรื่องเก่าๆ หลายเรื่องที่ไม่เคยรู้ก็ได้รู้ เช่น รู้ว่าเหตุใดพ่อแม่ซึ่งเคยรักกันมากจึงเลิกกัน ได้รู้ว่าแม่รักเขามาก ทุ่มเทชีวิตให้ลูกทั้งสองคนอย่างไม่อับอายใคร ตราบใดที่ทำให้ลูกได้เรียนและมีอนาคต

ที่เขาเสียใจอย่างที่สุดก็คือ เป็นเวลาเกือบ 10 ปีก่อนแม่เขาตายที่เขาแทบไม่ได้พบแม่ มัวแต่หลงระเริงอยู่กับการเป็นดาราเบสบอลเพื่อเอาใจพ่อ แม้แต่คืนวันเกิดแม่ เขาก็ไม่ได้อยู่กินเลี้ยง เพราะพ่อแอบโทร.มาบอกให้ไปเล่นเบสบอลนัดพิเศษกับดาราเก่าๆ เพื่อหาโอกาสมีงานทำที่ดีเกี่ยวกับเบสบอล ซึ่งดีกว่าเป็นเซลส์แมน และในคืนนั้นแม่ก็ล้มลงและจากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ

เมื่อได้พบกันครั้งนี้เขาได้มีโอกาสสารภาพกับแม่ว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น แม่ไม่โกรธขึ้ง กลับให้อภัยและเห็นใจเขา ในขณะที่พ่อหายไปจากชีวิตของเขานับแต่คืนนั้นที่ไม่เป็นมรรคเป็นผลใดขึ้นมา

ผู้เขียนบีบหัวใจคนอ่านด้วยการเล่าเรื่องของ Chick ตอนเด็กๆ และตอนโตที่มีแม่แสนดี แต่เขาก็ไม่อินังขังขอบนักและไม่ตระหนักคุณค่าแห่งความรักของแม่ คนที่อ่านจะมองเห็นความหลังของตัวเองเต้นอยู่ในตัวหนังสือถึงแม้สิ่งแวดล้อมจะเป็นฝรั่ง แต่ความหลังเกี่ยวกับครอบครัวนั้นไม่มีสัญชาติ

Chick เล่าถึงชีวิตอันล้มเหลว ตลอดจนการพยายามฆ่าตัวตายให้แม่เขาฟัง แม่เขาก็บอกว่า "Chick เป็นลูกที่ดี แม่เชื่อมั่นว่าลูกจะตัดสินใจทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ" แม่เขาเสียใจกับชีวิตครอบครัวของเขาที่ล้มเหลว แม่เขาบอกว่าเมื่อคนแต่งงานกันแล้ว จะต้องรัก 3 สิ่ง คือ รักซึ่งกันและกัน รักลูก และรัก "สถานการณ์แต่งงาน" มิฉะนั้นชีวิตแต่งงานจะอยู่ไม่รอด

ในที่สุดเมื่อสิ้นวัน แม่ก็จากเขาไปจริงๆ แต่สิ่งที่ Chick ได้รับก็คือกำลังใจที่จะสู้ชีวิตต่อไป และความอิ่มเอมจากการได้มี One More Day

Chick กลับมามีชีวิตต่ออีก 6 ปี และก็จากไปจริงๆ ในช่วงเวลาก่อนตายเขากลับมามีสัมพันธ์ที่ดีกับลูกสาวสุดรักของเขา กับภรรยาก็ยังสามารถพูดกันได้ดี Chick ได้บทเรียนว่าเขาจะ "always make things right with those I love"

ถ้าใครที่เคยสูญเสียคนที่รักไปและอยากหมุนเวลากลับเพื่อจะได้มีอีกสักวันที่จะได้มีชีวิตอยู่ด้วยกัน ได้พูดคำขอโทษหรือให้คำอธิบายสักหนึ่งประโยค ได้ทำบางสิ่งที่ไม่ได้ทำ ฯลฯ จะซาบซึ้งกับสิ่งที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้

เมื่อเรารู้ว่าเราอาจต้องการ One More Day ในอนาคตและมันจะเป็นความปรารถนาที่เป็นจริงได้แต่ในฝัน แล้วทำไมเราไม่ทำอะไรที่ถูกต้องเหมาะสม กับคนที่เรารักที่จะไม่อยู่กับเราไปชั่วกัลปาวสานเสียแต่ในวันนี้เล่า


หน้า 6
Capo
Verified User
โพสต์: 1067
ผู้ติดตาม: 0

เพียงขออีกสักวัน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ได้อ่านเล่ม Tuesday with Morrie แล้วครับ

อ่านจบแล้ว รู้สึกเหมือนได้อาจารย์เพิ่มมาอีกคนในชีวิตครับ
เป็นหนังสืออีกเล่ม ที่ปิดปกหลังแล้ว ลูบ ๆ คลำ ๆ อยู่นาน
เป็นความรู้สึกเดียวกับเล่ม ๆ อื่น ๆ ที่อ่านจบแล้วรู้สึกได้ถึงความมีคุณค่าของหนังสือ

อาจารย์มอร์รี่ ไม่ได้ถูกถ่ายทอดออกมาในแบบของซุปเปอร์ฮีโร่
ที่ไม่กลัวตาย ไม่กลัวเจ็บ แต่เป็นฮีโร่ที่รู้สึกได้ถึงความมีอยู่จริง
รู้เจ็บ รู้อาย รู้ตาย แต่สุดท้ายก็ตระหนักซึ้งและยอมรับถึงความเป็นจริงของชีวิต
... จุดเริ่มต้นของคนเราไม่สำคัญ

มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

เพียงขออีกสักวัน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

8) if tomorrow never comes
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
121
Verified User
โพสต์: 843
ผู้ติดตาม: 0

เพียงขออีกสักวัน

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ye.....ye
ภาพประจำตัวสมาชิก
san
Verified User
โพสต์: 1675
ผู้ติดตาม: 0

เพียงขออีกสักวัน

โพสต์ที่ 5

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

 if tomorrow never comes
อ่า........ :wall:    :wall:    :wall:
ภาพประจำตัวสมาชิก
nanakorn
Verified User
โพสต์: 636
ผู้ติดตาม: 0

เพียงขออีกสักวัน

โพสต์ที่ 6

โพสต์

Capo เขียน:ได้อ่านเล่ม Tuesday with Morrie แล้วครับ

อ่านจบแล้ว รู้สึกเหมือนได้อาจารย์เพิ่มมาอีกคนในชีวิตครับ
เป็นหนังสืออีกเล่ม ที่ปิดปกหลังแล้ว ลูบ ๆ คลำ ๆ อยู่นาน
เป็นความรู้สึกเดียวกับเล่ม ๆ อื่น ๆ ที่อ่านจบแล้วรู้สึกได้ถึงความมีคุณค่าของหนังสือ

อาจารย์มอร์รี่ ไม่ได้ถูกถ่ายทอดออกมาในแบบของซุปเปอร์ฮีโร่
ที่ไม่กลัวตาย ไม่กลัวเจ็บ แต่เป็นฮีโร่ที่รู้สึกได้ถึงความมีอยู่จริง
รู้เจ็บ รู้อาย รู้ตาย แต่สุดท้ายก็ตระหนักซึ้งและยอมรับถึงความเป็นจริงของชีวิต
ผมได้มีโอกาสอ่าน Tuesdays with Morrie แล้วเหมือนกัน  ชอบมากครับ  อาจจะเพราะรู้ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ  อ่านจบแล้ว ผมค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ Morrie ทาง Internet เป็นการใหญ่

ตอนนี้กำลังเริ่มอ่าน The Five People You Meet in Heaven ซึ่งเขียนโดย Mitch Albom เหมือนกัน  แต่เรื่องนี้เป็นนิยายล้วนๆ

Mitch Albom เป็นนักข่าวกีฬา  ผมเคยไปค้นข้อมูลดู รู้สึกว่าจะมีเรื่องเกี่ยวกับ Work Ethic ในส่วนอาชีพนักข่าว อยู่เล็กน้อย
Everything I do, I do it for you.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Raphin Phraiwal
Verified User
โพสต์: 1342
ผู้ติดตาม: 0

เพียงขออีกสักวัน

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณครับ
รักในหลวงครับ
โพสต์โพสต์