สังคมคอร์รัปชัน

[bsk(มหาชน)]

"สังคมคอร์รัปชัน" (จบ)

2 ธันวาคม 2549
วิกรม กรมดิษฐ์ ประธานมูลนิธิอมตะ [email protected]


คนไทยส่วนใหญ่ยังคงมองโลกปัจจุบันว่าไม่ต้องวิ่งแข่งกับใคร (คล้าย "กบในกะลา" ) คิดแต่เพียงว่าเราเป็นประเทศเดียวในโลกนี้ ผมว่าน่าเสียดายมาก ส่วนตัวแล้วผมภูมิใจในความเป็นไทยมาก ลองย้อนกลับไปดูบรรพบุรุษของเราเมื่อ 200 ปีที่แล้ว ได้สร้างประเทศไทยให้ยิ่งใหญ่เหนือประเทศใดๆ ในภูมิภาคนี้ แม้กระทั่งในระดับเอเชีย แต่ปรากฏว่าในปัจจุบันหลายๆ ประเทศวิ่งแซงหน้าเราไปแล้ว แม้กระทั่งอินเดียและเวียดนาม อีกไม่นานก็คงแซงหน้าประเทศไทยเราไป

เรากำลังรักตนเองและครอบครัวจนกลายมาเป็นความเห็นแก่ตัว จนก่อให้เกิดปัญหาการคอร์รัปชันและหาผลประโยชน์ทับซ้อน จนกลายเป็นค่านิยมของผู้ที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ไปแล้วว่าใครที่ประสบความสำเร็จทางด้านการเมือง ท้ายที่สุดแล้ว จะกลายมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับ "มือใครยาวสาวได้สาวเอา" ซึ่งผมเชื่อว่าหากยังคงเป็นอย่างนี้ต่อไป รุ่นลูกรุ่นหลานเราจะกลายเป็นคนที่อ่อนแอและไม่สามารถที่จะแข่งขันกับนานาชาติได้เลย เพราะวิสัยทัศน์ของเรานั้นสั้นนัก เมื่อเทียบกับอารยประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลาย

โครงสร้างทางเศรษฐกิจที่มีการผูกขาดของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ โครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรมไทยแบบอุปถัมภ์ ค่านิยมที่ชื่นชมและยกย่องคนร่ำรวย และระบบการเมืองที่อาศัยเงินเป็นเรื่องหลักสำหรับการหาเสียงและซื้อเสียงเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาหลักในการคอร์รัปชันของประเทศไทยที่แก้ไขได้ยาก และจะยากยิ่งขึ้นไปอีกถ้าเราไม่ช่วยกันปลูกฝังจิตสำนึกให้กับคนรุ่นใหม่

คนไทยเราควรเร่งเปลี่ยนค่านิยมและแนวความคิดในเรื่องของการคอร์รัปชันจากการที่เคยมองว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ ให้เกิดการตื่นตัวและเล็งเห็นถึงผลร้ายของการคอร์รัปชัน ทุกคนควรหันมาต่อต้านการคอร์รัปชันที่กำลังบั่นทอนเสถียรภาพของสังคมไทย เราจะต้องร่วมกันสร้างสังคมไทยให้ดีกว่าเดิมโดยปราศจากคอร์รัปชัน และสร้างความโปร่งใสให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนไทยทุกคนจะต้องไม่เห็นผิดเป็นชอบ และร่วมมือกันปลูกจิตสำนึกในการต่อต้านการคอร์รัปชัน สิ่งเหล่านี้จะเป็นกุญแจที่ช่วยแก้ปัญหาการคอร์รัปชันอย่างยั่งยืนเหมือนอย่างที่ จีน สิงคโปร์ และเกาหลี ได้มีนโยบายจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนทำให้ต้นทุนของการพัฒนาประเทศลดน้อยลง

ล่าสุดนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเวียดนามเพิ่งถูกรับเลือกด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเป็นผู้ที่ต่อต้านการคอร์รัปชันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ผมเชื่อว่าหลังจากนายกรัฐมนตรีคนนี้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งและดำเนินงานอย่างจริงจังในอีกไม่นานนี้อย่างแน่นอน ปัญหาคอร์รัปชันของเวียดนามจะน้อยลงและผมยังเชื่ออีกว่าเวียดนามจะมีสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ GDP ที่เติบโตขึ้นจนสามารถอยู่ในระดับใกล้หรือเท่ากับประเทศจีนได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

สังคมไทยต้องมีการคิดต่อต้านและลงโทษผู้ที่คอร์รัปชันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ผู้ใดที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายผมว่าหากจะต้องมีการลงโทษถึงขั้นประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าเหมือนประเทศที่ผมยกตัวอย่างข้างต้นก็ควรจะต้องทำ เพราะไม่เช่นนั้นสังคมไทยจะกลายเป็นสังคมที่อ่อนแอ ความอ่อนแอนี้เองที่จะกัดกร่อนและทำลายอนาคตของลูกหลานเรา

ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเสียใจมากหากประเทศไทยของเรา ที่บรรพบุรุษหลายชั่วอายุคนต้องสละชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อปกป้องพื้นแผ่นดินนี้ไว้ไม่ให้ตกไปเป็นเมืองขึ้นของฝรั่ง จะต้องถึงคราวย่อยยับและพินาศไปด้วยปัญหาการคอร์รัปชันซึ่งมีคนเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้น กำลังบ่อนทำลายประเทศของเรา และซ้ำร้ายบรรพบุรุษของเราคงต้องเสียใจเป็นอย่างมาก หากพวกท่านรู้ว่าเราคนไทยด้วยกันกลับยังสรรเสริญเยินยอคนเหล่านี้อยู่ ช่วยกันเสียเถิดครับ เพื่อให้สังคมเรา "โปร่งใส" อย่างแท้จริง

[กระทิงแดง]

เมื่อวันก่อนฟังคุณวิกรมพูดถึง พรบ.ต่างด้าว เค้าสนับสนุนให้มีเสรีในการทำอาชีพ เพื่อดึงเงินลงทุนต่างชาติเข้ามาไทย เพราะเค้าเชื่อว่า จะทำให้คนไทยเรียนรู้จากกรแข่งขันเพื่อพัฒนาตัวเอง (และขายที่ดิน AMATA ได้มากขึ้นด้วย... :lol:  :lol:  :lol: ) และเชื่อว่าบางอุตสาหกรรมนั้น คนไทยไม่สามารถทำได้จริงๆ

โดยยกตัวอย่างอังกฤษ ที่เปิดประเทศให้คนต่างด้าวมาหาเงินได้เสรี จนคนที่รวยที่สุดในอังกฤษตอนนี้ไม่ใช่คนอังกฤษอีกต่อไปแล้วครับ

หรืออเมริกา ที่ต้อนรับคนทุกชนชั้นให้มาหาโอกาสในประเทศเค้า ถ้าคนๆนั้น ความสามารถถึง หรือเงินถึง โดยมองว่าสิ่งที่ทำนั้นสามารถทำให้อเมริกาพัฒนาในทางที่ดีขึ้นหรือเปล่า

(แต่ผมยังไม่อยากให้ไทยเป็นอย่าง Argentina นะครับ)

[กระทิงแดง]

อ้อ..คุณวิกรมยังพูดถึง สังคมเกาหลี ที่พัฒนาไปได้เร็วเพราะสังคมจะแสดงความรับผิดชอบ และออกมายอมรับเมือกระทำผิด โดยเฉพาะพูดบริหาระดับสูง (แม้มีประชาการแค่ 40+ ล้านคน เทียบกับ 70+ล้านคนของไทย)
ซึ่งแตกต่างจากสังคมไทย ที่น้อยครั้งที่คุณจะเห็นผู้บริหาร หรือนักการเมืองแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำ

[san]

มีใครเคยบอกว่า
สังคม สวิส  ให้คนต่างชาติถือหุ้นได้ไม่จำกัด
แต่ หุ้นที่เอามาขายให้คนต่างชาติถือนั้น   ไม่มีสิทธิในการออกเสียงครับ
เขาก็ยังเจริญนี่นา

[san]

เรื่องใต้โต๊ะเหรอ........เดี๋ยวนี้   ขนาดบ้านนอกๆ  ก้อ.......อ๋าม อิบ เออ  เอ็น  แอ้ว  อ๊าบ

ขนาดนี้แล้ว   จะให้พัฒนาไปได้ขนาดไหนกัน  อย่างเก่งก็ได้แค่เปลือก

จะหวังให้พัฒนาไปได้ไกลเหรอ      ผมไม่เชื่อหรอก.....

[san]

แท็กซี่เวย์สุวรรณภูมิทรุด 100 จุด ต่อตระกูล แฉวิศวกรชุ่ย!

http://www.manager.co.th/Business/ViewN ... 0000005219

[bsk(มหาชน)]

วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10538

นักวิชาชีพกับวิกฤตด้านจริยธรรม

โดย ปณิธาน ลักคุณะประสิทธิ์ กรรมการสภามหาวิทยาลัยจุฬาฯ



ประเทศไทยมีวิกฤตด้านจริยธรรมมาเป็นเวลาช้านานแล้ว และดูเหมือนจะมีความรุนแรงมากขึ้นๆ ถึงกับมีปรากฏการณ์ การทุจริตของนักการเมืองที่ชักเปอร์เซ็นต์ ถึง 20-30% ของมูลค่าโครงการเพื่อผลประโยชน์ของตนหรือพวกพ้อง

มีการร่วมมือกันของคนในวงการเมือง ราชการและ/หรือเอกชน (ทั้งไทยและเทศ) กระทำการทุจริต โก่งราคามูลค่าโครงการบ้าง ทำให้เราต้องเสียค่าโง่บ้าง (ค่าผิดสัญญาโดยที่ข้าราชการ/นักการเมืองที่ทุจริต ร่วมมือกับนักธุรกิจ ทำสัญญาที่ทำให้ภาครัฐซึ่งเป็นเจ้าของโครงการเสียเปรียบ)

หรือแม้กระทั่งโกงทางการ เช่น ได้รับค้าจ้างไปมากมายเป็นมูลค่ากว่าพันล้านบาทก็มี โดยไม่มีสินค้าส่งมอบตามสัญญา เป็นต้น

ปีหนึ่งๆ ภาษีอากรของประชาชนต้องสูญเสียไปจากการทุจริตของผู้ที่เกี่ยวข้องนับหลายหมื่นล้านบาททีเดียว

ปัญหาคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาใหญ่ที่บั่นทอนความเจริญของชาติ

และที่น่าเศร้าอย่างยิ่งคือ เบื้องหลังของความชั่วร้ายต่างๆ มีนักวิชาชีพผู้ได้รับการศึกษาสูงๆ ร่วมอยู่ด้วย

ทำให้การทุจริตเป็นไปอย่างแนบเนียน ไม่มีใบเสร็จ แถมยังโกงได้อย่างถูกกฎหมาย โดยการออกกฎหมายให้เอื้อประโยชน์ของญาติ หรือพวกพ้อง ซึ่งเป็นรูปแบบของการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย (การโกงอย่างถูกกฎหมาย เป็นคำพูดของบางคน แต่ผู้เขียนเห็นว่าขึ้นชื่อว่าโกงแล้ว กฎหมายบ้านเมืองน่าจะต้องเอาผิดได้ น่าจะผิดที่ผู้มีอำนาจออกกฎหมายโดยไม่ชอบและไม่ยึดหลักความเป็นธรรม)

สิ่งเหล่านี้ทำให้ความน่าเชื่อถือของประเทศตกต่ำ การจัดอันดับล่าสุดขององค์การความโปร่งใสระหว่างประเทศ ไทยตกอันดับลงมาอยู่ที่ 63 จาก 163 ประเทศ ซึ่งมีผลทำให้ความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลกลดลง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราโชวาทเสมอในเรื่องจริยธรรม ดังพระราชดำรัสในโอกาสต่างๆ ที่ ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ได้อัญเชิญมาบรรยายในงานเสวนา "วิชาการพัฒนาชาติ ฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี" จัดโดยชมรมนักเรียนทุนมูลนิธิอานันทมหิดล เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2549 เช่น

"สำหรับท่านที่ใช้วิชากฎหมาย ย่อมกินความถึงการรักษาความเป็นธรรม ไม่บิดเบือนความหมายของตัวบทกฎหมายเพื่อประโยชน์ของตนเองด้วย ความซื่อสัตย์สุจริตจะเป็นเสมือนหนึ่งเกราะคุ้มภัยแก่ท่านตลอดไป ดังบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ว่า "สุจริตคือเกราะบังสาตรพ้อง"
(มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ /23 พฤษภาคม 2496)

ในระยะหลังนี้เราได้เห็นตัวอย่างของการตีความกฎหมายแบบศรีธนญชัย ตัวอย่างของการสอนคน ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม ให้หลีกเลี่ยงการเสียภาษีให้รัฐ ตัวอย่างของนักวิชาชีพที่ใช้ประโยชน์ของการเป็นที่ปรึกษาของนักการเมือง นำงานหลวงเข้าบริษัทของตน ซึ่งเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน

ความเข้าใจและจิตสำนึกด้านจริยธรรมของนักการเมืองบางคนที่แสดงออกมาชี้ชัดว่าระบบการศึกษาของเราให้ความรู้และทำการปลูกฝังจริยธรรมแก่เยาวชนไม่เพียงพอ ในขณะที่ประเทศที่เจริญแล้วถือว่าการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนในการจัดซื้อจัดจ้าง เดินทางไปดูสินค้าในต่างประเทศโดยความเอื้อเฟื้อของบริษัทใดบริษัทหนึ่งพร้อมทั้งได้รับค่าตอบแทนค่อนข้างมากรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งจากบริษัทดังกล่าว เป็นการรับสินบนรูปแบบหนึ่ง เป็นการทุจริต นักการเมืองไทยบางคนกลับเห็นว่าเป็นสิ่งปกติที่ทำได้ไม่ผิด

นิสิตนักศึกษาจำนวนมากไม่รู้จักความหมายของ "ผลประโยชน์ทับซ้อน" "คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย" ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้ชี้ชัดว่าสถาบันการศึกษาจำเป็นต้องปฏิรูปการศึกษาโดยเร่งด่วนในด้านการให้ความรู้และการปลูกฝังคุณธรรม (เช่น ความรับผิดชอบต่อสังคม ความกตัญญูรู้คุณคน ฯลฯ) และจริยธรรม ให้แก่เยาวชนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาขึ้นไปอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่มีแต่เพียงนโยบายหรือคำขวัญสวยหรู

ในมหาวิทยาลัยจะต้องบรรจุวิชาหรือหัวข้อเกี่ยวกับจริยธรรมวิชาชีพในหลักสูตรปริญญาตรีด้วย บางสาขาวิชา เช่น แพทยศาสตร์ รัฐศาสตร์ ฯลฯ มีการสอนด้านจริยธรรมแล้ว แต่บางสาขาวิชา เช่น วิศวกรรมศาสตร์ ไม่มีในหลักสูตรเป็นกิจจะลักษณะ ทั้งๆ ที่ในต่างประเทศที่มีความเจริญด้านวัตถุมาก อย่างเช่นสหรัฐอเมริกา ก็ยังบังคับให้สอนจริยธรรมวิชาชีพ ในหลักสูตรปริญญาตรีด้านวิศวกรรม และเทคโนโลยี

สถาบันการศึกษาควรผนึกกำลังกับหน่วยงานราชการต่างๆ ในการทำให้สังคมเป็นสังคมแห่งองค์ความรู้ที่ยึดคุณธรรมนำหน้า รวมทั้งร่วมมือกับเครือข่ายหรือองค์กรอิสระต่างๆ ที่ดำเนินกิจกรรมในการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม

นักวิชาชีพเป็นตัวจักรสำคัญอันหนึ่งในการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนักกฎหมาย วิศวกร นักเศรษฐศาสตร์ นักบัญชี หรือครูบาอาจารย์ ฯลฯ ส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของรัฐ ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจำนวนมากในการผลิตบัณฑิต

ท่านเหล่านี้ทำมาหากินได้บนแผ่นดินไทยที่มีความสงบด้วยพระบารมีของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ บางท่านได้รับทุนของรัฐบาล บางท่านได้รับพระราชทานทุนจากพระเจ้าอยู่หัวไปศึกษาต่อต่างประเทศ สมควรที่คนเหล่านี้จะตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน (ดังที่ ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมตรีและรัฐบุรุษ ได้กล่าวไว้ในหลายโอกาส)

สำหรับผู้ที่เคยได้รับพระราชทานทุนจากพระเจ้าอยู่หัว จำเป็นอย่างยิ่งที่ท่านจะต้องมีความกตัญญูกตเวทีตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน โดยการยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม ประกอบวิชาชีพโดยยึดหลักความถูกต้อง ความเป็นธรรมและหลักวิชาการอยางซื่อสัตย์ คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ร่วมมือกับผู้ที่ประพฤติมิชอบ ที่ทุจริตหรือส่อไปในทางทุจริตกอบโกยเพื่อประโยชน์ของตนเองและญาติหรือพวกพ้อง ในทางตรงกันข้าม ควรช่วยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในการปราบปรามคอร์รัปชั่นอีกด้วย

ประเทศชาติจะไม่สามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืน หากนักวิชาชีพบกพร่องในจริยธรรม

[san]

ไปไหนไม่ได้ไกลหรอกครับ  ประเทศไทย  
เก่งเท่าไรก็แค่นั้น
อีก 100 ปี  ก็เท่านั้น  
เพระว่ามีปลวกกัดจนเป็นโพรงแบบนี้  

คอรับชั่น

กะ....ขอรับท่าน.....กะ  คร๊าบท่าน....
อิอิอิ