การหวนคืนของ เศรษฐวิบัติ

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
jojosati
Verified User
โพสต์: 190
ผู้ติดตาม: 0

การหวนคืนของ เศรษฐวิบัติ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

คืนนี้ อาบน้ำเสร็จแล้ว นึกขึ้นมาได้
ลองค้นหนังสือ เศรษฐวิบัติ ของ คุณพอล ครุกแมน
เผื่อว่า อาจจะมีความคิดดีๆ ที่สอดคล้องกับเหตุการณ์ 19 ธันวาคมนี้


บางตอน จาก บทสุดท้าย
บทที่ 9 การหวนคืนของเศรษฐวิบัติ
jojosati
Verified User
โพสต์: 190
ผู้ติดตาม: 0

การหวนคืนของ เศรษฐวิบัติ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ประณามเหยื่อ
แม้จนถึงเดี๋ยวนี้ ก็ยังคงมีบรรดาผู้รู้จำนวนมากไม่ยอมรับความคิดว่า วิกฤตเศรษฐกิจเป็นระลอกๆ เมื่อไม่นานมานี้สำแดงให้เห็นถึงปัญหาในตัวระบบ ตรงกันข้ามพวกเขาชี้ไปยังจุดอ่อนของแต่ละประเทศ ความผิดพลาดทางนโยบายของพวกผู้นำเหล่านั้น ธนาคารของญี่ปุ่นสะเพร่าเกินไป ผู้ปกครองของอินโดนีเซียฉ้อฉลมากเกินไป การขาดดุลงบประมาณของบราซิลมากเกินไป หากดำเนินนโยบายถูกต้องคุณก็จะไปได้สวย และไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลยว่า แต่ละประเทศซึ่งประสบกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทั้งที่เคยได้รับการยกย่องสรรเสริญอย่างกว้างขวางในการบริหารจัดการก่อนสิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนไป กลับมีข้อบกพร่องร้ายแรง หลังจากการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนมากขึ้น ทว่าเราจำเป็นต้องระมัดระวังให้มากกับการสรุป

ลองนึกถึงไฮเวย์เหยีดยาวซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้เกิดอุบัติเหตุอย่างผิดปกติขึ้นจำนวนหนึ่ง พนักงานสืบสวนพิจารณาอย่างละเอียดถึงสาเหตุของอุบัติเหตุแต่ละครั้ง และในเกือบทุกกรณีพบปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุ เช่น คนขับดื่มมากเกินไป ดอกยางโล้น ปฏิกิริยาของคนขับต่อห้ามล้อผิดวิธี ฯลฯ ข้อสรุปของพวกเขาคือ ถนนไม่ผิดปกติ ปัญหาอยู่ที่คนขับ แต่ข้อสรุปดังกล่าวนี้น่าจะมีอคติ ประการแรก คนขับเกือบทุกคน หรือรถเกือบทุกคัน หากวินิจฉัยกันอย่างละเอียดพอแล้ว จะมีข้อผิดพลาดอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่เสมอ คนขับพวกนี้แย่กว่าคนขับโดยเฉลี่ยอย่างนั้นหรือ ประการที่สอง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนขับรถที่แย่กว่าปกติ มันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัวให้กับถนน คนขับที่ดีมีโอกาสจะเกิดอุบัติเหตุบนถนน ไม่ว่าเส้นใดก็ตามน้อยกว่าก็จริง แต่ถนนดีนั้น ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องความสมบูรณ์แบบจากผู้ใช้มัน

ในทำนองเดียวกัน ระบบเศรษฐกิจที่ดีก็ไม่ควรจะเรียกร้องนโยบายสมบูรณ์แบบจากคนในระบบ มันน่าตกใจที่ช่างมีมากมายหลายประเทศ ประสบกับคามยากลำบากมากที่สุดในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ตั้งแต่ญี่ปุ่นจนถึงเกาหลี ที่ยกขึ้นแท่นก่อนหน้านั้นไม่นาน เอาละ หากว่ามันเป็นการยกยอปอปั้นกันอย่างเกินขนาด ประเทศเหล่านั้นทำได้แย่จริงๆ อย่างที่คนคิดกันตอนนี้หรือ หรือว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องของการให้เหตุผลย้อนหลัง ลองคิดแบบนี้ดู ถ้าสหรัฐซึ่งจนถึงเดี๋ยวนี้เกือบจะเฟื่องฟูจนน่าเคลิบเคลิ้ม ขณะที่เอเซียและละตินอเมริกาเสื่อมทุรดเกิดสะดุดขึ้นมา มั่นใจได้เลยว่าหลังเหตุการณ์ พวกผู้ทรงภูมิทัง้หลายจะออกมาอธิบายกันยกใหญ่ว่าทำไมพวกเราจึงประสบกับชะตากรรม แน่นอน พวกเขาต้องพูดถึงเฮดจ์ฟันด์ซึ่งไม่มีใครกำกับดูแล การเข้ามาของนักลงทุนรายย่อยที่ขาดข้อมูลการซื้อขายประจำวันที่มีความเสี่ยงสูง สินเชื่อเพื่อการอุปโภคมีมากเกินไป และหายนะอันเป็นผลจากอัตราการออมเป็นศูนย์จึงพร้อมจะเกิดขึ้น

สิ่งที่เจ็บปวดเป็นพิเศษจากวิกฤตเศรษฐกิจสองปีที่ผ่านมาก็คือ โดยรวมๆ แล้วประเทศซึ่งประสบวิกฤตเหล่านั้นถึงอย่างไรก็ดำเนินนโยบายดีกว่าในอดีตที่ผ่านๆมา ดังที่ชาวบราซิลผู้ท้อแท้ผิดหวังคนหนึ่งกล่าวไว้ "บราซิลไม่เคยมีรัฐบาลซึ่งมีความรับผิดชอบอย่างนี้มาก่อนเลย สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจไม่คยดีเท่านี้มาก่อนเลย แล้วทำไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้นกับเรา" และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนความพินาศในเดือนมกราคม
...
jojosati
Verified User
โพสต์: 190
ผู้ติดตาม: 0

การหวนคืนของ เศรษฐวิบัติ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ช่วยคนจน
.....
ครับ...อุบัติเหตุส่วนใหญ่ไม่ถึงตายหรอก

แต่อะไรจะเกิดขึ้นหากการลดค่าเงินไม่เป็นที่ยอมรับ เพราะบริษัทต่างๆ มีหนี้ต่างประเทศมาก หรือเพราะประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่นต่อสกุลเงินตราง่ายเกินไป ดังนั้นจึงยากจะหนี้พ้นข้อสรุปที่ว่าการควบคุมเงินทุนกลายเป็นสิ่งจำเป็น ในฐานะเป็นภาวะฉุกเฉินสำหรับการไหลออกของเงินทุนในระหว่างที่เรียกความมีสติกลับคืนมา ผู้สนับสนุนตลาดเสรีจะแสดงปฏิกิริยาหวาดกลัวกับความคิดนี้ พวกเขาเชื่อว่าสิทธิที่จะเก็บเงินของพวกเขาไว้ที่ไหนก็ได้ที่พวกเขาเห็นว่าเหมาะสม คือหลักการอันไม่สามารถล่วงละเมิดได้ แต่มันก็เหมือนกับสิทธิการพูดอย่างเสรีไม่จำเป็นต้องรวมเอาสิทธิในการร้องตะโกนว่า "ไฟไหม้" ในโรงหนังที่มีคนอยู่แน่นขนัดเอาไว้ด้วย หลักกันตลาดเสรีไม่จำเป็นต้องหมายความว่านักลงทุนต้องบดขยี้กันและกันจนแหลกราญ เพราะนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในสถานการณ์วิกฤตซึ่งคนพากันหนีตาย บราซิลคงจะเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับการลงทุน หากไม่ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤต กล่าวคือมันคงเป็นที่ปลอดภัยสำหรับนักลงทุน แต่ละคนหากเขามั่นใจว่านักลงทุนคนอื่นๆ จะไม่แห่หนี้ออกไป แต่เมื่อนักลงทุนไม่ไว้ใจกันเอง วิกฤตก็เกิดมาเยือน

ประเด็นก็คือ เมื่อวิกฤตตั้งเค้า อจจะเป็นสิ่งดีไม่เพียงเพื่อประโยชน์ของประเทศแต่ประโยชน์ของนักลงทุนด้วย ที่จะใช้มาตรการควบคุมเงินทุนฉุกเฉิน ก็เหมือนกับประชากรในเมืองที่มีมีแผ่นดินไหวควรจะออกจากเมืองไปดีกว่า หากรัฐบาลประกาศภวะฉุกเฉินชั่วคราว เราอาจจะถึงกับโต้แย้งด้วยว่า ความคาดหมายว่าจะมีการควบคุมดังกล่าวในยามจำเป็น แทนที่จะทำให้นักลงทุนระยะยาวไม่เข้ามาลงทุน ที่จริงแล้วกลับจะยิ่งทำให้พวกเขามั่นใจ อย่างน้อยที่สุดเมื่อพวกเขาชินกับความคิดดังกล่าว
jojosati
Verified User
โพสต์: 190
ผู้ติดตาม: 0

การหวนคืนของ เศรษฐวิบัติ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ศักดิ์ศรีและอคติ

สองสามวันก่อนจะเขียนท่อนนี้ ประธานาธิบดีคาร์โดโซผู้จนตรอก ปฏิเสธความคิดว่าด้วยการควบคุมเงินทุน ยืนกรานว่าการใช้มาตรการดังกล่าวจะทำลายความหวังที่จะเป็นประเทศชั้นแนวหน้าของบราซิล คำประกาศนี้มีขึ้นในขณะที่บรรดาจดหมายข่าวทางการเงินกำลังเก็งกันว่าบราซิลอาจจะพักชำระหนี้ หรือกระทั่งประกาศให้ธนาคารหยุดทำการ และในขณะที่นักวิเคราะห์เพิ่มน้ำหนักการประเมินถึงโอกาสของความตกต่ำของผลผลิตของประเทศ

ข่วยไม่ได้ที่เรารู้สึกเห็นใจคาร์โดโซผู้พยายามทำทุกอย่างที่ถูกต้อง แล้วไม่ได้รับรางวัลจากความพยายามของเขา การค้นพบว่าบราซิลยังไม่พร้อมแหวกว่ายในตลาดทุนโลกโดยไม่มีชูชีพคือ ความอัปยศอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ประเทศของเขาไม่สามารถจะยึดติดกับศักดิ์ศรีมากเกินไป จำเป็นต้องหาทางออกจากหว่างเขาควาย และหากทางออกนั้นต้องการมาตการควบคุมเงินทุนก็ต้องทำ

เหนืออื่นใด ในบรรดาประเทศชั้นแนวหน้าส่วนใหญ่ก็เคยใช้การควบคุมเงินทุนกันมาหนึ่งชั่วรุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง พวกเขาจึงเจริญรุ่งเรืองขึ้น แล้วจากนั้นจึงเปิดตัวเองรับการเคลื่อนย้ายทุนอย่างเสรี ไม่ใช่ในทางกลับกัน

....
ด๊กดิงด่าง
Verified User
โพสต์: 312
ผู้ติดตาม: 0

การหวนคืนของ เศรษฐวิบัติ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ย้ายไปห้อง value investor ดีใหมครับ
การทำอะไรแบบเดิมๆเป็นเวลานานๆทำให้ชีวิตเสียหาย
โพสต์โพสต์