เสรีภาพในการดื่มสุราหลากประเภท เมื่อป๋มถูกจับคุมถุงชน(แก้ว)

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
bsk(มหาชน)
Verified User
โพสต์: 3206
ผู้ติดตาม: 0

เสรีภาพในการดื่มสุราหลากประเภท เมื่อป๋มถูกจับคุมถุงชน(แก้ว)

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เสรีภาพในการเลือกดื่มสุราหลากประเภท

ปิยบุตร แสงกนกกุล


นักท่องราตรี ทั้งขาประจำและขาจร เคยสังเกตหรือไม่ว่า ตามร้านเหล้าหรือสถานบันเทิงยามราตรีในมหานครแห่งความสุขได้กระทำอนันตริยกรรมต่อพลพรรคนักดื่มอยู่เป็นอาจิณ

สมควรทำความเข้าใจในเบื้องต้นก่อนว่า พลพรรคนักดื่มในที่นี้ หมายความถึง บรรดาผู้นิยมชมชอบการเสพสุราในลักษณะที่เป็นสุรา ชมชอบรสชาติของสุราหลากสีหลากเผ่าพันธุ์ หาใช่ชมชอบเพราะมันเป็นน้ำดื่มก่อความเมาและขาดสติไม่ อีกนัยหนึ่ง เขาเหล่านั้นมองสุราเสมือนเป็นอาหารชนิดหนึ่ง เรียกได้ว่า การลิ้มรสสุราจำต้องมีศิลปทางอาหาร (Gastronomie) ประกอบด้วย มิใช่สักแต่ ชน... หมด... เมา... อ้วก

อนันตริยกรรมที่ผมกล่าว คือ การปิดกั้นเสรีภาพในการเลือกดื่มสุราที่หลากหลาย

สถานบันเทิงทั้งหลายมักรับเหล้ามาขายแบบผูกขาดไว้เพียงไม่กี่ยี่ห้อ แบ่งสรรไปตามเกรด เหล้าเกรดหนึ่งมีทางเลือกให้ผู้บริโภคไม่เกินสองยี่ห้อ

บ่อยครั้งที่เราพบเห็น ... เกรดต่ำสุด คือ แสงโสม (บางร้านอาจอัพเกรดตนเองให้หรู ด้วยการไม่สั่งแสงโสมมาขาย หารู้ไม่ว่าเศรษฐีบางคนอาจพิสมัยแสงโสมก็เป็นได้ โดยเฉพาะพวกฝรั่งหัวทองอยากลองเหล้าไทยแท้) ขยับเกรดมาที่วิสกี้บ่ม ๕ ปี นำโดย นายร้อยเป่าปี่ ๑๐๐ ไพเพอร์ ของค่ายริคาร์ดผู้นำเข้าชีวาส เมื่อก่อนยังมี บลู อีเกิ้ลส์ หรือ สเปย์ รอแยล มาสู้บ้าง แต่ผมกลับไปสำรวจภาคสนามครั้งล่าสุด พบว่าน้อยร้านนักที่จะมี บลู อีเกิ้ลส์ หรือ สเปย์ รอแยล ปัจจุบันค่ายริชมอนด์ผู้นำเข้าแบล็ค ส่งวิสกี้บ่ม ๕ ปีตัวใหม่ ไอ้เขากวาง เบนมอร์ เข้ามาชนกับ ๑๐๐ ไพเพอร์

ขยับสูงขึ้นมาอีกนิด เป็นวิสกี้บ่ม ๘ ปี ค่ายริชมอนด์มีไอ้กาแดง เร้ด เลเบิ้ล เป็นขุนพลหลัก ในขณะที่คู่แข่งอย่างค่ายริคาร์ด ล่าสุดส่งผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าประกวดโดยใช้แบรนด์เดิม ๑๐๐ ไพเพอร์ และชูจุดขายว่าเป็นวิสกี้สกัดจากมอล์ท บ่ม ๘ ปี ภายใต้การเชื้อเชิญให้คุณดื่มด้วยบรรดาเด็กเชียร์ที่แต่งกายอย่างเย้ายวน

เกรดสุดท้ายที่ร้านจะสรรหามาให้ดื่ม คือ ระดับพรีเมียม บ่ม ๑๐ ปี ได้แก่ ไอ้กาดำ แบล็ค เลเบิ้ลและ แม่ชี ชีวาส

กล่าวอย่างรวบรัด ในสถานบันเทิง นักดื่มเมืองไทยมีสิทธิดื่มเหล้ายี่ห้อดังต่อไปนี้เท่านั้น

เหล้าบ่ม ๕ ปี ๑๐๐ ไพเพอร์ และ เบนมอร์

ระดับกลาง เร้ด เลเบิ้ล และ ๑๐๐ไพเพอร์ บ่ม ๘ ปี อาจมีบัลเลนไทน์มาแทรกบ้าง

พรีเมียม แบล็ค เลเบิ้ล และ ชีวาส (เดี๋ยวนี้ชีวาสก็เหลืออยู่ไม่กี่ร้านแล้ว)

นอกจากนั้นอาจพบเห็นประปราย เช่น ซันตอรี่ เร้ด, สวิง

หากท่านเหม็นเบื่อรสชาติของวิสกี้ อย่าหวังเลยว่าท่านจะมีโอกาสไปหาแอลกอฮอลประเภทอื่น สถานบันเทิงจำกัดสิทธิให้ท่านได้ดื่มแค่วิสกี้เท่านั้น อาจพอมีไวน์มาให้ท่านได้ละเลียดอยู่บ้าง แต่ขอโทษช่างเป็นไวน์ที่ห่วยแตกสิ้นดี ที่ฝรั่งเศสเขาเรียกกันว่า Vin de table หรือ Vin de pays ซึ่งราคาถูกกว่าน้ำแร่เสียอีก ยิ่งไปกว่านั้น หากท่านสั่งไวน์ในสถานบันเทิง ท่านจะพบว่าราคาแพงหูฉี่ เนื่องจากทางร้านเสียรายได้ค่ามิกเซอร์ไป (คงไม่มีใครดื่มไวน์กับมิกเซอร์เป็นแน่ เอ๊ะ หรือว่ามี) บวกกับค่าดัดจริตที่ทำให้ภาพลักษณ์ของท่านดูดีในหมู่สาวๆ ร้านจึงต้องโขกราคาให้แพงๆ

หากท่านสะเออะอยากดื่มบรั่นดี โน่น เชิญกลับไปกินที่บ้าน ไม่ต้องกล่าวถึงจิน ปาสตีส์ รัม สาโท อุ กระแช่ ไม่มีมาให้กระเดือกลงคอแน่นอน

คิดแล้วก็น่าเศร้าใจสำหรับนักดื่มที่ไม่ได้มองสุราเป็นแค่น้ำเมาจริงๆ

วันหนึ่ง เขาอยากรำลึกความหลังครั้งเป็นนักศึกษาเบี้ยน้อยหอยน้อยด้วยการดื่มแสงโสม จะได้หรือไม่?

วันหน้า เขาถูกหวยก้อนใหญ่ อยากล่อบลู เลเบิ้ล กรีน เลบิ้ล โกลด์ เลเบิ้ล จะได้หรือไม่?

วันไหน เขาอยากลองแอลกอฮอลประเภทอื่นนอกจากวิสกี้ จะได้หรือไม่?

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ มีสองประการ

ประการแรก บริษัทเหล้าทำการตลาดยุคใหม่ ด้วยการซื้อสถานบันเทิงยกร้าน แล้วบังคับให้ขายแต่ยี่ห้อของตน เราจะเห็นเจ้าพ่อวิสกี้อยู่ ๒ ค่ายที่สู้รบปรบมือกันแทบทุกร้าน คือ ค่ายริชมอนด์กับค่ายริคาร์ด ผมเคยไปหลังสวน ร้านเหล้าร้านหนึ่ง มีเหล้าให้ท่านเลือกเพียง ๒ ยี่ห้อ คือ ๑๐๐ ไพเพอร์ และ ชีวาส ซึ่งทั้งสองยี่ห้อนี่เป็นของบริษัทเดียวกัน แบบนี้ ผมถือว่าบริษัทเหล้า ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว และสถานบันเทิง รวมหัวกันปิดกั้นทางเลือกของผู้บริโภคขนานแท้

ประการที่สอง เห็นจะมาจากรสนิยมการดื่มเหล้าของคนไทยที่ไม่ใส่ใจเรื่องรสชาติ ขอให้เมาเป็นพอ เมื่อผู้บริโภคอยากโชว์ฐานะ ก็กินแบล็ค เมื่อผู้บริโภครายได้น้อยลง ก็ขอเป็นเร้ด คนจรหมอนหมิ่น ก็ต้อง ๑๐๐ ไพเพอร์ และ เบนมอร์ หรือไม่ก็กินยี่ห้ออะไรก็ได้ตามแต่ความสวยงามของเด็กเชียร์ เช่นนี้แล้ว เกิดสถานบันเทิงสั่งวิสกี้ยี่ห้อแปลกๆ หรือแอลกอฮอลประเภทอื่นมาจำหน่าย ไม่แคล้วคงเจ๊งเป็นแน่

ไม่น่าแปลกใจที่อาชีพเด็กเชียร์เบียร์ เชียร์เหล้าจึงเฟื่องฟู ก็ในเมื่อผู้บริโภคไม่ได้สนใจเหล้าที่รสชาติเอาเสียเลย ไม่มีเจตจำนงเสรีในการเลือกดื่ม แต่กลับไปผูกติดกับความจิ้มลิ้มของเด็กเชียร์ (ล่าสุด ผมพบว่ามีเด็กเชียร์เครื่องดื่มแก้แฮงค์แล้วด้วย เรียกว่าเอาให้ครบวงจรไปเลย)

วงการเบียร์ก็เช่นกัน ตามสถานบันเทิง ท่านจะพบเห็นแต่ ไอ้เขียว ดาวแดง ไฮเนเก้น ผมซึ่งเป็นคนพิสมัยรสขมของพี่สิงห์ ช่างอึดอัดใจยิ่งนักยามไปตระเวนราตรี (แต่มีสถานบันเทิงหนึ่งย่านเอกมัย มีขายแต่สิงห์ ด้วยเหตุที่ว่าสถานบันเทิงร้านนั้นมีเจ้าของ คือ บริษัทบุญรอด) แล้วมันเหมือนจะฮั้วกันอย่างไรก็ไม่รู้ ถ้าสถานบันเทิง ต้องไอ้เขียว ถ้าร้านอาหาร ต้องพี่สิงห์ ถ้าร้านหมูกะทะ ต้อง ช้างกระทืบโรง กับน้องใหม่ เสือไทเกอร์ และ เชียร์

วัฒนธรรมการดื่มของคนไทยอีกข้อหนึ่งที่ทำเอาผมโดนสถานบันเทิงเคืองหลายหน คือ การกินเหล้าผสมมิกเซอร์

เราสามารถพบเห็นอย่างดาษดื่นกับภาพสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มดื่มเหล้าอย่างบ้าพลังด้วยการผสมกับโค้ก (เหล้าเท่านิ้วครึ่งข้อ ที่เหลือโค้กล้วน) เมื่อสาดลงคอไปแล้ว ก็ไม่ต่างกับการดื่มโค้กดับกระหาย เพียงแต่โค้กนี้มีแอลกอฮอล์อยู่หน่อยเท่านั้นเอง จะว่าไป น่าจะผลิตโค้กออกขายไปเลย เป็นรุ่นใหม่ ผสมแอลกอฮอลด้วย ให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราว

ดื่มไปเพื่อให้เมา ผสมโค้กให้หวาน เพราะไม่ชอบรสเหล้า แต่ต้องดื่มเพราะอยากเมา ไม่เมาแล้วแดนซ์ไม่หนุก ไม่เมาแล้วไม่กล้าขอเบอร์สาว

ผมถือว่าพฤติกรรมดื่มเหล้าเช่นนี้ได้ทำลายคุณค่าของความเป็นเหล้าลงไปให้เหลือเป็นเพียงเครื่องดื่มสร้างความเมาและขาดสติเท่านั้น

สถานบันเทิงจับจริตของนักเที่ยวเมืองไทยได้ดี จึงลดราคาเหล้าให้ผู้บริโภคพอสู้ไหว แล้วมาโขกเอากะค่ามิกเซอร์ น้ำเปล่า โซดา โค้ก ต้นทุนขวดละไม่น่าเกิน ๕ บาท พี่ท่านเอามาขายในร้านราคาตั้งแต่ ๓๐ ถึง ๖๐ ตามแต่ย่านของสถานบันเทิง

ผมเป็นคนดื่มเหล้าแบบใส่น้ำแข็ง ๒ ก้อน ไม่ผสมอย่างอื่น พฤติกรรมอย่างนี้ทำให้ฟันค่ามิกเซอร์กับผมได้ยาก แล้วจะไม่ให้ร้านเหล้าเคืองได้อย่างไร

ครั้งหนึ่ง ผมมีเหล้าฝากที่สถานบันเทิงย่านข้าวสาร วันนั้นเขียนงานมาก แล้วปวดหัว อยากไปคลายเครียด เลยแว้บไปนั่งดื่มชิล ชิล คนเดียว ผมสั่งน้ำแข็งไป ๒ ถัง น้ำเปล่า ๒ ขวด รวมแล้ว ๑๒๐ บาท ผมไม่หน้าด้านพอ จึงต้องสั่งกับแกล้มมานั่งกินอีกสองอย่าง ทั้งๆที่อิ่มแปล้จนท้องจะแตก ด้วยเกรงว่าจะน่าเกลียดเกินไป หากนั่งตั้งนานแต่จ่ายแค่ ๑๒๐

ไม่แน่ ถ้าผมไม่เปลี่ยนพฤติกรรม สถานบันเทิงอาจกาหัวไม่ให้ผมเข้าก็เป็นได้

.................

ผมอยากเห็นพัฒนาการของนักดื่มบ้านเราขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น ออกสู่โลกกว้างว่าเหล้ามีให้ท่านเลือกบริโภคหลากหลาย เหล้าใส วิสกี้ บรั่นดี เบียร์ ไวน์ จิน ปาสตีส์ รัม สารพัดประเภท หาได้มีแค่ วิสกี้, เบียร์, พร้อมดื่มอย่าง RTD และค็อกเทล ดังที่สถานบันเทิง กึ่ง บังคับให้ท่านเลือกบริโภคแค่นี้

แต่เอาเข้าจริง ของพรรค์นี้ มันก็ขึ้นกับความชอบและรสนิยมส่วนบุคคลอยู่ดี เราคงไปบังคับใครไม่ได้

จากการท่องอยู่ในยุทธจักรสุรามาได้ ๘ ปี ผมสรุปได้ว่า

ถ้าคำนวณกันที่ปริมาณ คนไทยบริโภคแอลกอออล์มากติดอันดับต้นๆของโลก แต่ถ้าใช้มาตรวัดจากการกินเหล้าเป็น กินเหล้าอย่างมีศิลปะ กินเหล้าให้หลากหลายนั้น หรือความรู้ด้านเหล้านั้น เห็นทีจะรั้งท้าย

เพลง ปรัชญา หนังสือ ภาพยนตร์ ก็มีแบบแนว ทางเลือก กันแล้ว

เมื่อไรหนอจะมีร้านเหล้าทางเลือกบ้าง
ภาพประจำตัวสมาชิก
bsk(มหาชน)
Verified User
โพสต์: 3206
ผู้ติดตาม: 0

เสรีภาพในการดื่มสุราหลากประเภท เมื่อป๋มถูกจับคุมถุงชน(แก้ว)

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ผสมโซดา+น้ำ แต่โซดาน้อยๆคับ มันบาดคอ..

ผมเข้าใจว่าเจ้าร้อยเป่าปี่ ๑๐๐ ไพเพอร์ ที่ผู้เขียนหมายถึง น่าจะเป็นเหล้า 3 ปีเท่านั้น

ทางค่ายฉลากดำนำเจ้าเขากวาง "เบนมอร์"มาชนด้วยระดับการบ่ม 5 ปี

ส่วนเจ้า ๑๐๐ไพเพอร์ บ่ม ๘ ปี นั้นเหมือนจะอวดว่าบ่มนานกว่าฉลากแดง

แต่ราคาพอๆกัน มีกลิ่นหอมด้วยแฮะ  :)

จึงไม่แน่ใจว่าฉลากแดงนั้น 5 หรือ 8 ปีกันแน่

ที่แน่ๆแบล๊คลิตรที่ขายราคาพอๆกับขนาด 75 ซล.หายจากตลาดไปแล้ว

แว่วว่ามีปัญหาเกี่ยวกับภาษีสรรพสามิต น่าเสียดายบ้างเหมือนกัน

ที่ยังพอมีก็คือเรดลิตร ราคา 659 แต่ก็เริ่มเห็นขาดหายไปบ้างแล้ว

ช่วงนี้หน้าฝน ท่านใดชอบร่มคันใหญ่

ฉลากเขียว 1 ขวดรับไปเลยร่มเขียวๆสวยงาม ราคา 1400 กว่า

เป็นราคาเหล้านะคับ ไม่ใช่ราคาร่ม อิ อิ  :lol:

ใครได้ไปข้ามฝั่งลาว หรือมีพรรคพวกไปและแวะดิวตี้ฟรี(แต่ไม่แจกฟรี)

ฝากซื้อฉลากทอง(เหล้าคับ ไม่ใช่ซ้อส) ราคาไม่เกินพัน ราวๆ 900 อัพ

ซื้อที่นี่ ในห้างก็ 2600 ประมาณนั้น

เพื่อนผมที่อยู่ชายแดนซื้อไว้เป็นลัง

มีโอกาสผมก็ใช้บริการเสมอ(ขอมาดื้อๆเลย  :lol:  ) ไม่มีปัญญาซื้อหาเอง..

สมัยเรียนอยู่ตจว. เป็นวัยรุ่น อย่างดีก็เหล้าหงส์ อย่างหรูก็แม่โขง

เวลาเจอเพื่อนที่เรียนสายอาชีพ ก็ต้องขาว+น้ำแดง

มารู้จักแสงโสม(แสงทิพย์)ก็ตอนมาเมืองกรุงนี่แหละคับ

บ้านนอกขนาด มหาชนคนนี้... :lol:

บางทีว่างๆบางช่วงก็บ้าค็อกเทล ผสมมั่วไปตามอารมณ์ ท้องเสียก็มี  :D  :lol:

ช่วงนี้เว้นเบียร์ไปสักระยะ เดี๋ยวจะอ้วนเอา

จำได้ว่าช่วงฟุตบอลโลกที่เกาหลี-ญี่ปุ่น ซึ่งแข่งกันช่วงบ่ายๆเย็นๆ

ตอนนั้นเพื่อนเอาเบียร์ลาวกะแป๋งมาให้หลายถาด

ผมก็จิบไปเชียร์ไปช่วงนั้น ใครชนะก็ฉลองกะเขาไปหมด

ไม่น่าเชื่อว่าชั่วระยะเวลาไม่ถึงเดือน ใบหน้าจะกลมได้ขนาดนั้น

และดริ๊งค์เบียร์ ถ้าเว้นระยะไปมักจะง่วงซึม...

ช่วงที่ไวน์ยังไม่มีการปรับภาษีระห่ำ ผมก็บ้าไวน์

เป็นไวน์ถูกๆ แต่กระนั้นก็ติดตามอ่านนิตยสารไวน์แอนด์วินเทจ

ทั้งคลึงทั้งเคล้าให้เข้ากับสไตล์ของนักดื่มไวน์

ดู ดม ดื่มและศาสตร์ทั้งหลาย

ตอนนี้คืนตำราไปหมดแล้ว อยู่บนชั้นหนังสือหยากไย่สืบพันธุ์หลายชั่วอายุ

สปาร์กลิ้งไวน์ แบบลัมบรูสโก้ของอิตาลี มีฟองซ่า ชื่นใจๆ

เรื่องไวน์ไม่จบไม่สิ้นมีนับหมื่น แต่ที่โดดเด่นระดับท็อปไฟว์ก็ยังพอทรงจำ

เสธ.หูกาง สมัยนั้นตอนเป็นมท.1

แกลุยป่าหรือไร มือยังถือแก้วพลาสติกที่มีไวน์ไปด้วย ไม่ใช่น้ำแดงแน่เลย

ที่บ้านคงมีแชมเบอร์ อภินันทนาการ??

ร่ายยาวไปแล้ว คงแค่นี้ก่อนคับ

อ้อ...ผู้เขียนเรื่องราวข้างบน น่าจะเชี่ยวชาญกฎหมายมหาชน

เขียนลงตามสื่อต่างๆเป็นระยะๆ...

ขอให้ดริ๊งค์ดี มีสตังค์คับ ทุกท่าน... :wink:
ภาพประจำตัวสมาชิก
bsk(มหาชน)
Verified User
โพสต์: 3206
ผู้ติดตาม: 0

เสรีภาพในการดื่มสุราหลากประเภท เมื่อป๋มถูกจับคุมถุงชน(แก้ว)

โพสต์ที่ 3

โพสต์

และข้อเขียนล่าสุดของผู้เขียนคนเดียวกัน...
นักดื่มอย่างผมเซ็งมากๆ

ผมเคยเขียน เสรีภาพในการเลือกดื่มสุราหลากประเภทไว้ใน http://www.onopen.com/2006/01/381

กลับมาเมืองไทยครั้งนี้ ผมพบอนันตริยกรรมต่อนักดื่มเยี่ยงผมอีกแล้ว

ผมไปเที่ยวมอลลี่ดังเช่นเคย

แรกเริ่ม รู้สึกเอะใจว่า น้องๆสาวเชียร์เหล้าฮันเดรต (มีหน้าตาจิ้มลิ้มหลายคนอยู่) หายไปไหนกันหมด

เหลือบไปมองโต๊ะรอบๆข้าง เอ๊ะ ทำไมทุกโต๊ะเปิดแต่เร้ด เลเบิ้ล

จนมารู้ความจริงว่า...

มอลลี่ ร้านเหล้าละแวกข้าวสารที่ผมไปอยู่เสมอ ถูกบริษัท ริชมอนด์ ผู้นำเข้าวิสกี้ แบล็ก เลเบิ้ล, เร้ด เลเบิ้ล, เบนมอร์ เข้าทุ่มตลาด ด้วยการจ่ายงบก้อนโตและบังคับให้ขายแต่วิสกี้ในเครือริชมอนด์เท่านั้น

ฮันเดรต ไพเพอร์, ชีวาส ซึ่งนำเข้าโดยบริษัท ริคาร์ด คู่แข่งหมายเลขหนึ่ง ไม่อาจมาขายในมอลลี่อีกต่อไป

รวมไปถึงเหล้ายี่ห้ออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น บัลเลนไทน์, เดวาร์, สเปย์, บลู อีเกิ้ล, แสงโสม, ฯลฯ ล้วนหมดสิทธิเข้าไปกร้ำกรายในมอลลี่

การกีดกันคู่แข่งครั้งนี้ ยังขยายไปร้านอื่นๆในเครือบัดดี้อีกด้วย

เข้าใจว่าบริษัท ริชมอนด์คงทำสัญญากับร้านในเครือบัดดี้ทั้งหมด

นั่นเท่ากับว่า ละแวกข้าวสาร ในร้านมอลลี่, ซินนามอน, ซูซี่, ออสติน, บริค บาร์, เดอะ คลับ, ต้มยำกุ้ง, บัดดี้, กินลมชมสะพาน เราจะไม่ได้เห็นเหล้ายี่ห้ออื่น นอกจาก แบล็ค เร้ด และเบนมอร์

โดยส่วนตัว ผมเปิดเร้ด เลเบิ้ล ประจำ (บางครั้งก็อยากกระดกรีเจนซี่ บรั่นดีไทย แต่ร้านต่างๆไม่นิยมรับมาขาย เพราะรสชาติไม่ถูกจริตเหล่าวัยรุ่น) จึงไม่น่ารับผลกระทบเท่าไรนัก

เพียงแต่แค่รู้สึกว่า ทางเลือกของทุกๆอย่างในบ้านเรา เริ่มเหลือน้อยลงทุกๆที

แม้แต่ กินเหล้า เรายังถูกบังคับยี่ห้อเลย

.............

ของฝากเล็กน้อยสำหรับผู้นิยมไปหาเหล้ากินบนถนนข้าวสาร หากท่านประสงค์จะไปดื่ม สังสรรค์กับเพื่อนฝูง ไม่สนใจดนตรีเท่าไรนัก และไม่พุ่งเป้าไปที่การเหล่สาว หากต้องการนั่งคุย นั่งดื่ม สงบๆ เสียงเพลงไม่ดังมาก ผมมีร้านมาฝากไว้ในอ้อมใจท่าน

ท่านเดินเข้าถนนเข้าสาร (จากทางฝั่ง สน ชนะสงคราม) มาเล็กน้อย แหงนมองดูป้ายร้านต้มยำกุ้งไว้ เลี้ยวเข้าซอยนั้น จะพบร้านร้านหนึ่งก่อนต้มยำกุ้ง ดูออกแนวๆหน่อย ชื่อ ฮิปปี้เดอบาร์ (เมื่อก่อนชื่อ บานาน่า ลีฟ)

ลองเข้าไปดู มีเหล้าให้เลือกหลายขนาน ตั้งแต่แสงโสม รีเจนซี่ ไปถึงเหล้าแพงๆ

ราคาย่อมเยากว่าร้านอื่นในเส้นข้าวสาร

ที่สำคัญ ไม่ตรวจบัตรเข้มข้นเท่าไรนัก

posted by Etat de droit

http://etatdedroit.blogspot.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
bsk(มหาชน)
Verified User
โพสต์: 3206
ผู้ติดตาม: 0

เสรีภาพในการดื่มสุราหลากประเภท เมื่อป๋มถูกจับคุมถุงชน(แก้ว)

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ผมอยู่ไกลจากย่านนั้นมาก ทั้งข้าวสารและถนนพระอาทิตย์

เคยมีรุ่นน้องบอกว่าเข้าหุ้นกับเพื่อนเปิดร้านที่ร้านบาบาหลี ถนนพระอาทิตย์

น้องผู้หญิงน่ะคับ เคยให้นามบัตรและชวนไปที่ร้านดังกล่าว

ผ่านมากว่า 5 ปีแล้วผมก็ยังไม่เคยไป จนน้องเค้าไม่ได้เป็นหุ้นส่วนแล้ว

แว่วว่านักศึกษาเยอะ บางทีก็มาช่วยเสริฟนะเออ...

ส่วนถนนข้าวสาร เคยพาเพื่อนที่มาจากเมืองนอกไปเที่ยวหนเดียว

จริงๆแถวบ้านผมมีร้านเหล้าเยอะกว่าเสียอีก

แต่นักเที่ยวมักชอบลองไม่ใช่หรือ..

เดี๋ยวนี้ไม่ชอบลองแล้ว ร้านลาบก็พอ เบื่อแล้วร้านเหล้า...
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

เสรีภาพในการดื่มสุราหลากประเภท เมื่อป๋มถูกจับคุมถุงชน(แก้ว)

โพสต์ที่ 5

โพสต์

bsk(มหาชน) เขียน:
เดี๋ยวนี้ไม่ชอบลองแล้ว ร้านลาบก็พอ เบื่อแล้วร้านเหล้า...
8) สูงสุดคืนสู่สามัญ พี่บี
    (แต่ที่กินเบียร์แล้วบอกว่าอ้วนเอา ผมว่ายังดีนะครับ....)
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

เสรีภาพในการดื่มสุราหลากประเภท เมื่อป๋มถูกจับคุมถุงชน(แก้ว)

โพสต์ที่ 6

โพสต์

สมควรทำความเข้าใจในเบื้องต้นก่อนว่า พลพรรคนักดื่มในที่นี้ หมายความถึง บรรดาผู้นิยมชมชอบการเสพสุราในลักษณะที่เป็นสุรา ชมชอบรสชาติของสุราหลากสีหลากเผ่าพันธุ์ หาใช่ชมชอบเพราะมันเป็นน้ำดื่มก่อความเมาและขาดสติไม่ อีกนัยหนึ่ง เขาเหล่านั้นมองสุราเสมือนเป็นอาหารชนิดหนึ่ง เรียกได้ว่า การลิ้มรสสุราจำต้องมีศิลปทางอาหาร (Gastronomie) ประกอบด้วย มิใช่สักแต่ ชน... หมด... เมา... อ้วก
อ่านแล้วขำดี  8)
"Winners never quit, and quitters never win."
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 0

เสรีภาพในการดื่มสุราหลากประเภท เมื่อป๋มถูกจับคุมถุงชน(แก้ว)

โพสต์ที่ 7

โพสต์

น่าสงสารคนดื่มสุรา เน๊อะ

ไม่มีทางเลือก 555
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
โพสต์โพสต์