Congratulation กับราชวงศ์ เบญจมาศครับ

[น้ำครึ่งแก้ว]

เจ้าหญิงญี่ปุ่น คลอดโอรส หลังรอคอยกว่า 4 ทศวรรษ

เจ้าหญิงคิโกะ พระชายาของเจ้าชายอากิชิโนะ พระราชโอรสองค์ที่ 2 ในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต ทรงมีพระสูติกาล เป็นพระโอรส
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เจ้าหญิงคิโกะ ทรงให้กำเนิดสมาชิกราชวงศ์ญี่ปุ่น ที่เป็นเพศชายพระองค์แรก ในรอบกว่า 4 ทศวรรษที่โรงพยาบาลไออิกุ ในกรุงโตเกียวด้วยการผ่าพระครรภ์

ก่อนหน้านี้ทางสำนักราชเลขาธิการญี่ปุ่น ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับพระประสูติกาล โดยบอกเพียงว่า เจ้าหญิงคิโกะ และเจ้าชายอากิชิโนะ ไม่ทรงประสงค์ที่จะทราบล่วงหน้าว่า จะทรงได้พระโอรส หรือพระธิดา และหากทารกเป็นเพศชาย ราชวงศ์ญี่ปุ่นก็จะมีรัชทายาทสืบทอดบัลลังก์ต่อจากมกุฎราชกุมาร นารุฮิโตะ พระเชษฐาของเจ้าชายอากิชิโนะ เนื่องจากมกุฎราชกุมารนารุฮิโตะและเจ้าหญิงมาซาโกะ พระชายา ทรงมีพระธิดาเพียงพระองค์เดียวคือเจ้าหญิงไอโกะ

ยินดีด้วยครับ

[ดร.โหน่ง]

พอดีมีข่าว....ก็เลยสนใจหามาตัดแปะเผื่อเพื่อนๆคนไหนสนใจเหมือนกันครับ  


       


อันที่จริงเรื่องราวของราชวงศ์อิมพีเรียลจากแดนปลาดิบนั้นถ้าจะว่ากันไปแล้วสามารถเขียนเป็นหนังสือได้หลายเล่มเลยทีเดียว เนื่องจากดินแดนแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ราชวงศ์อันยาวนานเหลือเกิน ทว่า ด้วยข้อจำกัดทางด้านพื้นที่ของคอลัมน์ ทางเราจึงต้องขอเล่าถึงรายละเอียดโดยสังเขปเพื่อให้เป็นข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้น ดังนี้
     
       ราชวงศ์อิมพีเรียลของญี่ปุ่น หรือที่เรารู้จักกันในนาม "ราชวงศ์เบญจมาศ" ได้รับการยอมรับกันโดยทั่วไปว่า เป็นราชวงศ์ที่มีการสืบทอดต่อกันมาเก่าแก่ที่สุดในโลก โดยตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่สามารถเก็บหลักฐานได้ระบุไว้ว่า ราชวงศ์แห่งแดนอาทิตย์อุทัยได้เริ่มก่อตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อ 660 ปี ก่อนคริสตกาล ซึ่งตรงกับสมัยที่ชาวซามูไรเรียกกันว่า "ยุคยาโยอิ"(yayoi)
     
       จักรพรรดิองค์แรกที่ถือเป็นผู้สถาปนาราชวงศ์อิมพีเรียล ทรงพระนามว่า "จักพรรดิคามุยามาโตะ อิวะเระบิโกะ" ซึ่งรัชสมัยที่พระองค์ทรงเสด็จขึ้นครองราชย์นั้นชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า "สมัยจิมมุ" (Jimmu) โดยนับจากนั้นเป็นต้นมา จวบจนกระทั่งถึงบัดนี้ ชาวปลาดิบมีจักรพรรดิมาแล้วรวมทั้งสิ้น 125 พระองค์
     
       ทั้งนี้ ตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวญี่ปุ่น จะมีการตั้งชื่อรัฐสมัยที่จักรพรรดิแต่ละพระองค์ทรงขึ้นปกครองบ้านเมือง หลังจากที่พระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว ตัวอย่างเช่น ในช่วงปี 1926 - 1989 ที่จักรพรรดิฮิโรฮิโตะทรงครองราชย์เรียกกันว่า "รัฐสมัยโชวะ" เป็นต้น
     
       ด้วยเพราะในอดีตอาณาจักรญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาไม่ต่างจากอาณาจักรอื่นๆ บนโลก ดังนั้น อำนาจหน้าที่ของจักรพรรดิในแต่ละยุคแต่ละสมัยจึงมีความแตกต่างกันตามไปด้วย ตัวอย่างเช่น ในบางยุคจักรพรรดิก็ทรงถูกท้าทายอำนาจจากเหล่าขุนนางบ้าง หรือบางครั้งก็อาจจะถูกค้านอำนาจจากพวกนักรบซามูไร เป็นต้น
     
       เหตุการณ์เหล่านี้ได้ดำเนินผ่านยุคสมัยต่างๆ มาเรื่อยๆ นับพันปี จนกระทั่งประเทศญี่ปุ่นเริ่มเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ (หรือยุคที่เรียกว่า "Modern Japan") ซึ่งเป็นยุคที่ชาวญี่ปุ่นเริ่มสร้างประเทศและมีรัฐธรรมนูญใช้อย่างเป็นทางการ โดยจักรพรรดิองค์แรกที่ทรงขึ้นปกครองประเทศภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชก็คือ "จักรพรรดิมัตซูฮิโต"
     
       พระองค์ทรงถือเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 122 แห่งแดนอาทิตย์อุทัย ทรงปกครองประเทศตั้งแต่ปี 1867-1912 ซึ่งรัชสมัยที่พระองค์ทรงครองราชสมบัตินั้น ชาวซามูไรเรียกกันว่า "รัชสมัยเมจิ"
     
       ต่อจากรัชสมัยเมจิก็มาถึงรัชสมัยไทโชของจักรพรรดิโยชิฮิโต พระองค์ทรงขึ้นปกครองประเทศตั้งแต่ปี 1912-1926 จากนั้น ก็เข้าสู่รัชสมัยโชวะ ที่มีจักรพรรดิฮิโรฮิโตทรงเป็นผู้ปกครองตั้งแต่ปี 1926-1989 ก่อนที่จะมาถึงรัชสมัยปัจจุบันที่มีจักรพรรดิอากิฮิโตเป็นประมุขของประเทศ โดยพระองค์ทรงเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 125 ของราชวงศ์จักรพรรดิญี่ปุ่น
     
       ทั้งนี้ ในช่วงรัชสมัยโชวะ กฎมณเฑียรบาลของราชสำนักญี่ปุ่นก็มีอันต้องเปลี่ยนแปลงกันขนานใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เมื่อจักรพรรดิฮิโรฮิโตทรงประกาศยอมแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1945 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ว่าก็คือ การสิ้นสุดของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งให้พระราชอำนาจในการปกครองประเทศแก่องค์จักรพรรดิ นั่นเอง[/quote]      
       หลังจากนั้น ญี่ปุ่นก็ได้ใช้ประบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีจักรพรรดิเป็นประมุขของประเทศ ทำให้จักรพรรดิฮิโรฮิโตทรงกลายเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายที่มีอำนาจในการบริหารบ้านเมือง และทรงเป็นจักรพรรดิองค์แรกที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งระบุว่า จักรพรรดิจะไม่มีอำนาจในการปกครองใดๆ อีกต่อไป แต่จะอยู่ในฐานะของประมุขแห่งประเทศ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวญี่ปุ่นทั่วทั้งประเทศ
     
       ครั้นเมื่อสิ้นสุดรัชสมัยโชวะ และเข้าสู่รัชสมัยเฮเซ (รัชสมัยปัจจุบัน) พระราชกรณียกิจต่างๆ ของจักรพรรดิแดนอาทิตย์อุทัยก็เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก โดยนับตั้งแต่ จักรพรรดิอะกิฮิโตขึ้นสู่ราชบัลลังก์ พระองค์ทรงพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ราชวงศ์อิมพีเรียลมีความใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น พระองค์และจักรพรรดินีมิชิโกะเสด็จฯเยี่ยมพสกนิกรทั่วเกาะญี่ปุ่น อีกทั้งยังเสด็จเยือนต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง
     
       ทั้ง 2 พระองค์ทรงให้พระประสูติการพระโอรสและพระธิดารวม 3 พระองค์ อันได้แก่ มกุฎราชกุมารนารุฮิโต (ประสูติเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 1960) เจ้าชายอาคิชิโน(ประสูติเมื่อ 11 พฤศจิกายน 1965) และเจ้าหญิงซายาโกะ (ประสูติเมื่อ 18 เมษายน 1969)
     
       ทั้งนี้ ดูเหมือนสมาชิกราชวงศ์เบญจมาศในรัชสมัยปัจจุบันจะใช้ชีวิตกันอย่างราบรื่นเป็นอย่างยิ่ง หากว่าไม่ต้องคำนึงถึงผู้สืบทอดราชบัลลังก์ในอนาคต ด้วยเพราะในตอนนี้ราชสำนักแดนซามูไรกำลังเผชิญกับวิกฤตรัชทายาทครั้งใหญ่ โดยตามกฎมณเฑียรบาลของราชวงศ์อิมพีเรียลบัญญัติไว้ว่า ผู้ที่จะสืบทอดสันตติวงศ์ต่อไปจะต้องเป็นพระโอรสที่มาจากสายจักรพรรดิเท่านั้น
     
       แต่เนื่องจากมกุฎราชกุมารนารุฮิโตซึ่งได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมาซาโกะทรงยังไม่มีพระโอรสที่จะสืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากพระองค์ โดยทั้ง 2 พระองค์มีเพียงเจ้าหญิงไอโกะเป็นพระธิดาองค์เดียวเท่านั้น เช่นเดียวกับเจ้าชายอาคิชิโน พระโอรสองค์ที่ 2 ของจักรพรรดิอะกิฮิโต ที่ก็มีเพียงพระธิดา (ได้แก่ เจ้าหญิงมาโกะ และเจ้าหญิงคาโกะ)เท่านั้น จึงทำให้ทั้งคนในราชสำนักและชาวซามูไรต่างเกรงกันว่า ราชวงศ์เบญจมาศจะไม่มีผู้สืบรชบัลลังก์ต่อจากมกุฎราชกุมารนารุฮิโต
     
       วิกฤตดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎมณเฑียรบาลตามมามากมาย โดยชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะให้มีการแก้ไขกฎเกณฑ์เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้หญิงมีสิทธิขึ้นครองราชย์ได้ อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ ข้อเสนอดังกล่าวยังไม่มีข้อยุติ แม้ว่า จุนอิชิโร โคอิซูมิ นายกรัฐมนตรี จะมีท่าทีสนับสนุนและสัญญาว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่รัฐสภาเพื่อร่วมพิจารณาก็ตามที
     
       ทั้งนี้ หากว่ากฎเกณฑ์ดังกล่าวได้รับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงจริง ก็จะมีผลทำให้ เจ้าหญิงไอโกะ พระธิดาในมกุฎราชกุมารนารุฮิโตและเจ้าหญิงมาซาโกะทรงกลายเป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 ซึ่งจะทำหน้าที่สืบสันตติวงศ์ต่อจากพระบิดาของพระองค์ทันที
     
      หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2549

[Boring Stock Lover]

[quote="ดร.โหน่ง"]

[ปุย]

First royal heir in 41 years named Hisahito
Reuters

Tokyo: The first boy to be born into Japan's imperial family in nearly 41 years was named Prince Hisahito on Tuesday in a private ceremony at the Tokyo hospital where his mother is recovering from a Caesarean section, the Imperial Household Agency said.

"Hisa" means "serenity" or "permanence", while the Chinese character "hito"" traditionally used for heirs to the throne, means "the highest moral standard".

The baby's parents, Prince Akishino and Princess Kiko, chose the name, which was written on a piece of handmade Japanese washi paper, placed in a paulownia wood box and laid by the child's pillow in a brief ceremony known as Meimei no Gi.

"It has a relaxed and carefree image," top government spokesman Shinzo Abe told reporters when asked about the name.

"I hope he will grow up carefree, and we would like to quietly watch over him."

Royal names often inspire the general public in the naming of their own children. The birth of Hisahito's cousin, Princess Aiko, in 2001 was followed by a boom in the use of the character "ai" meaning "love" in girls' names.

Hisahito, third in line to the throne after his uncle Crown Prince Naruhito and his father, was also given a crest the "koyamaki" or umbrella pine to mark his personal belongings.

The September 6 birth of Emperor Akihito's first grandson averted a succession crisis and scuttled for now plans to change the law to allow women to accede to the Chrysanthemum throne, which is limited to males.