ลูกหนังเลี่ยน คดีล้มบอลเขย่าโลก

[bluesky]

หลังจากที่ปล่อยให้รอลุ้นระทึกกันมาตั้งแต่ที่ศาลพิจารณาคดีพิเศษของสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี (เอฟไอจีซี) ได้เริ่มต้นกระบวนการไต่สวนคดีจ้างวานล้มบอลและล็อกผลการแข่งขัน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่สนาม โอลิมปิก สเตเดี้ยม ในกรุงโรม และแล้ว พวกเราก็ได้ทราบถึงผลการพิพากษาคดีอันอื้อฉาวกันในที่สุด

จะว่าไปแล้ว การกำหนดผลการแข่งขัน หรือล้มบอล ในครั้งนี้นับว่า เขย่าวงการฟุตบอลของโลกมากที่สุด และยังเป็นรอยด่างพร้อยของทีมชาติอิตาลี เจ้าของแชมป์โลกคนล่าสุดอีกด้วย ซึ่งผลการชี้ขาดเป็นอย่างไรนั้นเราคงได้ทราบกันแล้วว่าเป็นอย่างไร แต่สำหรับคนที่ยังไม่ทราบ นี่คือคำพิพากษา

ยูเวนตุส แชมป์กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี 29 สมัย ถูกลงโทษหนักสุด โดยนอกจากจะถูกปรับตกชั้นไปเล่นในเซเรีย บี แล้ว ยังจะถูกริบแชมป์ เซเรีย อา อิตาลี 2 ฤดูกาลล่าสุด และถูกหักแต้ม 30 คะแนนในซีซั่นหน้าด้วย ซึ่งหมายความว่าทีม "ม้าลาย" อาจจะต้องวนเวียนตายเกิดอยู่ในเซเรีย บี อย่างน้อย 2 ฤดูกาล ถึงจะกลับมาเล่นในลีกสูงสุดอิตาลี อีกครั้ง

ส่วน ลูชาโน่ มอจจี้ อดีตผู้จัดการทั่วไป ต้นตอที่ทำให้เกิดคดีอื้อฉาว ถูกลงโทษแบนห้ามข้องแวะในแวดวงลูกหนัง 5 ปี รวมทั้งถูกปรับตังค์อีก 50,000 ยูโร (ประมาณ 2.5 ล้านบาท)

ส่วน ลาซิโอ และ ฟิออเรนติน่า 2 ทีมดังของอิตาลี ก็โดนหางเลขด้วยเช่นกัน โดยนอกจากจะถูกปรับตกชั้นไปเล่นใน เซเรีย บี อิตาลี แล้ว ยังจะถูกตัด 7 และ 12 คะแนน ตามลำดับ ในฤดูกาลที่จะถึงนี้ด้วย โดยทีม ลาซิโอ จะไม่ได้สิทธิ์ไปเล่นในศึก ยูฟ่า คัพ ฤดูกาล 2006-07 เช่นเดียวกับ ประธานสโมสร เคลาดิโอ โลติโต้ ที่ถูกลงโทษห้ามมีเอี่ยวกับธุรกิจฟุตบอลนาน 3 ปี

ด้าน ฟิออเรนติน่า จะไม่ได้ไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยเช่นกัน รวมทั้ง อันเดรีย เดลล่า วัลเล่ ประธานสโมสร ที่โดนเว้นวรรคทางการกีฬาฟุตบอล 3 ปีครึ่ง

ขณะที่ เอซี มิลาน รองแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ถึงแม้ว่าจะรอดตกชั้นก็ตาม แต่ทีม "รอสโซเนรี่" จะอดไปแอ่วถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้วยที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของพวกเขามาแต่ไหนแต่ไร ส่วน อาเดรียโน่ กัลเลียนี่ รองประธานสโมสรหัวเหม่ง ยังถูกลงโทษแบน 1 ปีด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีบทลงโทษบุคคลสำคัญในวงการฟุตบอลเลี่ยนอีกหลายคนด้วยกัน อาทิ ฟรังโก้ คาร์ราโร่ อดีตประธานสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี (เอฟไอจีซี) ถูกลงโทษ 4 ปีครึ่ง และ มัสซิโม่ เดอ ซานติส ผู้ตัดสินชื่อดังที่โดนแขวนนกหวีด 4 ปีครึ่ง

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 4 สโมสรมีเวลาที่จะยื่นอุทธรณ์ผลการตัดสินต่อศาลสหพันธรัฐ ภายใน 3 วัน นับตั้งแต่ทราบผลการตัดสิน จากนั้นจะมีคำตัดสินที่สิ้นสุดในวันที่ 24 กรกฎาคมต่อไป และทั้ง 4 สโมสรจะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพราะว่า เดดไลน์ในการส่งรายชื่อเข้าร่วมโม่เกือกฟุตบอลยุโรป ในฤดูกาลหน้า เหลือเพียงแค่ประมาณ 1 สัปดาห์เท่านั้น โดย เอฟไอจีซี จะต้องส่งรายชื่อทีมในประเทศที่จะเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลยุโรปให้กับทาง สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ก่อนวันที่ 25 กรกฎาคมนี้เท่านั้น

แน่นอน เหล่าบรรดาผู้บริหารของทั้ง 4 ทีม คงไม่ยอมรับกับผลการตัดสินในครั้งนี้อย่างแน่นอน โดยต่างก็ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะต่อสู้จนถึงที่สุด

"ผลการตัดสินครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" โจวานนี่ โคโบลลี่ กิกลี่ ประธานสโมสร ยูเวนตุส เอ่ย "พวกเราคาดหวังว่าจะได้รับบทลงโทษที่สมเหตุสมผล และความคาดหวังของพวกเราแตกต่างจากผลตัดสินที่ออกมา พวกเราคาดหวังว่าจะถูกลงโทษแค่ปรับตกชั้นไปเล่นในกัลโช่ เซเรีย บี เท่านั้น แต่การถูกปรับคะแนนอีก 30 แต้มนั้นมันเป็นเปรียบเสมือนถูกปรับตกชั้นไปเล่นในเซเรีย ซี เลยทีเดียว พวกเราจะยื่นอุทธรณ์ อย่างแน่นอน"

ขณะที่ เอซี มิลาน ก็ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันควัน โดยระบุว่า "สโมสร เอซี มิลาน มองว่าการตัดสินในครั้งนี้ถือว่าไม่มีความยุติธรรมอย่างที่สุด พวกเราจะยื่นอุทธรณ์อย่างแน่นอนถ้าหากว่าได้รับเอกสารชี้แจงการตัดสิน

ทางด้าน เคลาดิโอ โลติโต้ บิ๊กบอสของ ลาซิโอ ก็แสดงความไม่พอใจกับคำพิพากษาเหมือนกัน โดยกล่าวแบบอารมณ์บ่จอย ว่า "ผมคิดว่าบทลงโทษครั้งนี้เป็นเพียงแค่คำพิพากษาเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งตัดสินกันตามหลักการซึ่งน่าหัวเราะเยาะอย่างที่สุด ผมจะไม่ตัดสินใจใดๆทั้งนั้นจนกว่าผลการตัดสินครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้น

ส่วน มอจจี้ ได้แสดงปฏิกิริยากับผลการตัดสินในครั้งนี้ว่า เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจสำหรับตัวเองแต่อย่างใด หากแต่เขาเสียใจกับทีมที่เกี่ยวข้องและแฟนบอลของแต่ละทีมต่างหาก

หากพูดถึง มอจจี้ แล้วคือคีย์แมนที่ทำให้หลายคนได้ทราบถึงคดีอื้อฉาวในครั้งนี้ โดยจุดกำเนิดเกิดขึ้น เมื่ออัยการในเมืองตูริน ได้สั่งสอบสวนการโด๊ปยาในสโมสร ยูเวนตุส และได้ขอเทปสนทนาทางโทรศัพท์ของทีม ยูเวนตุส ด้วย จากนั้น หนังสือพิมพ์ในเมืองมะกะโรนี ได้ประโคมข่าวดังทั่วอิตาลีถึงบทสนทนาทางโทรศัพท์ในปี 2004 ระหว่าง มอจจี้ กับ ปิแอร์ลุยจิ ไปเร็ตโต้ รองประธานคณะกรรมการผู้ตัดสินของ ยูฟ่า และประธานสมาคมท่านเปาอิตาลี ซึ่งในบทสนทนา มอจจี้ ได้บอกกับ ไปเร็ตโต้ ว่า เขาต้องการผู้ตัดสินคนไหนบ้างที่จะทำหน้าที่ลงเป่านกหวีดในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี และในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก บางนัด

นอกจากนั้น ในบทสนทนา มอจจี้ ยังได้พูดกับ จูเซ็ปเป้ ปิซานู รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ด้วยว่าเขาต้องการให้ มท.1 อย่าได้เลื่อนแมตช์การแข่งขันออกไป ในระหว่าง พระสันตปะปา จอห์น ปอลที่ 2 ทรงประชวร ซึ่งในช่วงนั้น ยูเวนตุส กำลังจะลงเล่นกับ ฟิออเรนติน่า ซึ่งขาดผู้เล่นสำคัญถึง 4 คน

ส่วนอีกหนึ่งคนที่ได้คุยกับ มอจจี้ คือ มาร์เชลโล่ ลิปปี้ อดีตกุนซือทีมชาตอิตาลี และ ยูเวนตุส ซึ่ง มอจจี้ ได้บอกกับ ลิปปี้ ว่าให้เรียกตัวนักเตะในสังกัด จีอีเอ เวิลด์ ซึ่งบริหารงานโดย อเลสซานโดร บุตรชายของตัวเองไปติดทีมชาติด้วย

ซึ่งจากบทสนทนาดังกล่าวทำให้ เอฟไอจีซี ได้เริ่มกระบวนการสอบสวน เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังทราบว่า 4 ทีมดังคือ เอซี มิลาน, ฟิออเรนติน่า, ลาซิโอ และ ยูเว่ มีเอี่ยวกับการกำหนดผลการแข่งขันฟุตบอล, การล็อกสเป็กผู้ตัดสิน และ การจ้างวานล้มบอล

จากนั้น ได้สอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องกว่า 50 คนทั้ง ทั้งผู้ตัดสิน, ไลน์แมน, นักฟุตบอล และเจ้าหน้าที่ของ เอฟไอจีซี รวมทั้งการค้นหาเอกสารจากหลายสโมสร และตั้งข้อหา 4 สโมสร ว่าล้มบอล ก่อนจะมีการเริ่มไต่สวนเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา และได้คำพิพากษาในที่สุด ซึ่งเกิดขึ้นเพียง 5 วัน หลังจากทีมชาติอิตาลี คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 ที่เมืองเบียร์

เฮ้อ! นึกแล้วก็เหนื่อยแทนจริงเพราะไม่รู้ว่า นับจากนี้ไปจะมีผลข้างเคียงหรือ ไซด์ เอฟเฟ็ก ตามมาอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะทีมที่จะได้สิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลยุโรปแทน โดยตอนนี้ทีมที่จะได้รับส้มหล่นเต็มๆ คือ อินเตอร์ มิลาน, โรม่า, คิเอโว่ และ ปาแลร์โม่ ที่จบฤดูกาลที่อันดับ 3, 5, 7 และ 8 ตามลำดับ ซึ่งพวกเขาจะได้สิทธิ์ไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าแทน โดยเฉพาะ อินเตอร์ มิลาน ที่จะได้แชมป์กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เป็นครั้งแรก ในรอบ 17 ปี หลังได้แชมป์ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1989 นอกจากนี้อีก 3 ทีมคือ เลชเช่, เมสซิน่า และ เตรวิโซ่ ซึ่งตกชั้นไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ก็จะกลับมาเล่นในลีกสูงสุดแทน ยูเวนตุส, ฟิออเรนติน่า และ ลาซิโอ ด้วย

นอกจากนี้ การย้ายทีมของนักเตะดังของสโมสรที่กล่าวมาก็จะต้องเกิดขึ้นด้วย โดยนักเตะในสังกัดสโมสรที่ถูกลงโทษ เป็นนักเตะทีมชาติอิตาลีชุดแชมป์โลก 13 คนด้วยกัน

โดย มีนักเตะ ยูเวนตุส 5 คน คือ จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน, ฟาบิโอ คันนาวาโร่, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่, เมาโร คาโมราเนซี่, จิอันลูก้า ซัมบร็อตต้า

เอซี มิลาน 5 คน คือ เจนนาโร่ อิวาน กัตตูโซ่, อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่, อเลสซานโดร เนสต้า, ฟิลิปโป้ อินซากี้ และ อันเดรีย ปิร์โล่

ลาซิโอ 2 คน คือ มัสซิโม่ อ็อดโด้, อันเจโล่ เปรุสซี่

ฟิออเรนติน่า 1 คน คือ ลูก้า โทนี่

นอกจากนี้ ในทีม "ม้าลาย" ยังมีนักเตะฝีเท้าดีระดับดีกรีทีมชาติคือ ปาทริค วิเอร่า, ลิลิยง ตูราม, ดาวิด เทรเซเก้ต์, พาเวล เนดเว็ดและ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ด้วย

ซึ่งในเวลานี้ เหล่าบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป รวมทั้งทีมในอิตาลีด้วยกันเอง ได้เริ่มจ้องตาเป็นมันกันแล้วว่าจะเลือกใครไปร่วมทีมด้วย โดยในเวลานี้ก็เริ่มมีข่าวแพลมๆ ออกมาแล้วว่า นักเตะหลายคนเริ่มมองหาต้นสังกัดใหม่กันแล้ว

คันนาวาโร่ ไป รีล มาดริด เช่นเดียวกับ ตูราม รวมไปถึง เทรเซเก้ต์ ซึ่งล่าสุดทาง ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ชาวสเปน ก็ยืนยันว่าพร้อมที่จะกระชาก "เทรเซโกล์" ไปร่วมทีมด้วยเช่นกัน

สถานการณ์จะเป็นอย่างไร แต่ละทีมจะอุทธรณ์เป็นผลหรือไม่ หรือนักเตะจะภักดีสโมสรหรือเผ่นหนี อันนี้น่าสนใจมากเลยทีเดียว

ที่มา STEVIEJENG


(ดีเจ.จากคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 99 MHz.)

[โอ@]

หงส์แดง ฤดูกาลหน้า

                               เทเซโกล์(ฟาวเลอร์)                เบลลามี่(เคร้า)

กอนซาเลส(คีเวลล์)        อลองโซ่(เซนเด้น)      เจอราด(ซิสโซโก้)       คาโมราเนซี่ (พอล แอนเดอสัน)

ริเซ่ (เอรานิโอ)        คาร์ร่า(ปาเล็ตต้า)       ฮูเปีย (แอ็กเก้อ)        ฟินแนน(...)

                                                           เป๊ปเป้ (ดูเด็ก)

ค่อยรู้สึกสู้เชลซีได้หน่อย หรือเปล่าหว่า

                               เชฟ

ร็อบเบน    แลมป์     บัลลัค   มาเก   เอสเซียง

กัลลาส      เทอร์รี่    คาวัลโญ่     แฟรราร่า

                      เชค

เอ่อ -_-' มันยังมีตัวสำรองขนาดสุดยอดอยู่อีก
โคล ดัฟฟ์ ดร็อก เดอลาโน T_T น้ำมันแพงเสี่ยหมีเงินเยอะขึ้นอีกป่ะเนี่ย

มาดูแมนยูบ้างดีกว่า ฮ่าๆๆๆ อันนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย
เอ่อ คิดไม่ออกแฮะ ลองเล่นๆดีกว่า

                             ซาฮา

กิ๊ก       เฟรชเชอร์     โอเชีย       สโคล       ปาร์ค

         ...             บาว        ริโอ       เนวิล

                            ฟาน เดอ ซาร์

โอ้ โด้ รุด ย้ายออกนี่ตายแน่