อยากเรียนโท พี่ๆช่วยแนะนำหน่อยครับ

ศุกร์ มิ.ย. 30, 2006 3:04 pm

พอดีอยากเรียนโท ภายในประเทศครับ ช่วยแนะนำด้วยครับ อยากเรียนที่ๆมีการสอนเกี่ยวกับการลงทุน หรือเน้นเรื่องหุ้นโดยเฉพาะครับ แต่ไม่รู้ว่ามีรึป่าว อยากเก่งๆอย่างพี่ๆอ่ะครับ

ศุกร์ มิ.ย. 30, 2006 3:34 pm

เท่าที่รู้ ก็
MIF ของ ธรรมศาสตร์ หลักสูตร 2ปี ~ 400,000 บาท
MSF ของ จุฬาฯ หลังสูตร 1ปี ~ 300,000 บาท
เป็น Master of Science in finance

MBA ของ NIDA ได้ยินว่ากำลังจะเปลี่ยน จากบริหารการเงินเป็นการเงิน แล้วเน้นสำหรับสอบ CFA ด้วย
....................................................................................
ตัวผมเองก็กำลังมองหาเหมือนกัน แต่อยากเป็นนักวิเคราะห์นะครับ
...พี่ๆช่วยกัน Comment หน่อยสิครับ

เสาร์ ก.ค. 01, 2006 12:34 am

ถ้าจะเรียนเพื่อเล่นหุ้นให้เก่ง ผมไม่แน่นำให้เรียน Finance นะครับ ใครที่เป็นหรือชอบ VI พอไปเจอทฤษฎีการลงทุน หรือพวก finance ในตำราเรียนไปจะหงุดหงิดมากครับว่าเรียนไปทำไม ขนาดผมเรียน MBA มี Investment แค่ตัวเดียว เรียนไปก็เซ็งไป
ผมว่าการเรียนที่เอามาใช้กับการลงทุนได้ดีคือ MBA ครับ เพราะผมว่านักลงทุนที่ดีไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องการเงินมาก แต่ต้องเข้าใจธุรกิจให้มาก การเรียน MBA จะทำให้เรามองภาพรวมออกว่าธุรกิจที่ดีควรเป็นอย่างไร การบริหารแบบไหนคือการบริหารงาน บริหารคนที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดของแต่ละบริษัท ... ก่อนตัดสินใจเรียนเลือกดีๆเลือกนานๆนะครับ ไม่งั้นจะเสียดายเงินเสียดายเวลาเปล่าๆ 8)

เสาร์ ก.ค. 01, 2006 2:46 am

ถ้าคิดจะเรียนวิธีเล่นหุ้น อย่าไปเรียนเลยครับ เอามาใช้กับตลาดเมืองไทยไม่ค่อยมีประสิทธิภาพหรอกครับ วิชาที่คุณควรไปศึกษา ถ้าคิดจะเล่นหุ้นตลาดเมืองไทย คือฝึกนั่งสมาธิวันละซัก สิบนาทีครับ

เพราะวิชาที่ยากที่สุดสำหรับตลาดเมืองไทย น่าจะเป็นเลือกลงทุนอย่างเหมาะสม และรออยู่ "เฉย ๆ " อย่างใจเย็นและรอบคอบ มากกว่าการเก่งกราฟโน่น ค่านี่ เทรนด์โน้นเทรนด์นี้ เส้นนั้น มากกว่านะครับ ปวดหัวเปล่า ๆ ผมศึกษาอยู่เหมือนกัน สุดท้ายลงเอย ง่าย ๆ ครับ เลือกหุ้นดี ๆ หรือเลือกหุ้นที่คนเก่ง ๆ พูดถึง (หรือถืออยู่) แล้วเอาเวลาไปฝึกใจเราให้แข็ง ๆ ดีกว่าครับ คุ้มกว่าเยอะ

เสาร์ ก.ค. 01, 2006 2:53 am

แต่อย่างน้อย หาหนังสือการเงินกับบัญชีมาอ่านด้วยก็ดีครับ จะได้รู้ว่า เวลาไหนควรซื้อขาย ราคาที่เท่าไหร่ควรซื้อขาย

แต่ถ้าใจร้อน ลองดูก็ได้ครับ เสียไปเท่าไหร่คิดซะว่า ค่าวิชา จะมากหรือน้อย อยู่ที่ความพอใจของคุณนะครับ เล่นได้คิดว่าเก่งแล้ว ก็ดีใจด้วย แต่เล่นเสียก็ต้องระวังนะครับ อย่าลืมว่า ถ้าหุ้นลง 50% การจะตีคืนได้ คือต้องทำให้ได้ 100% ของที่เหลือนะครับ ข้อนี้สำคัญมาก ๆ

ไม่อยากบอกว่า ผมเป็นคนนึงที่ไม่เห็นด้วยกับทฤษฏี cut loss (ถ้าหุ้นลงโดยปัจจัยพื้นฐานที่ผมประเมินไม่เปลี่ยน) เพราะหุ้นที่ราคาที่เราซื้อ ก็ควรจะเป็นราคาที่เราพอใจกับผลตอบแทนที่เราประเมินได้แล้วนั้นเอง

นอกเรื่องไปเยอะ เอาเป็นว่า ถ้าอยากเล่นหุ้นเป็น ปริญญาโทไม่จำเป็นครับ ซื้อหนังสืออ่านแล้วลงสนามจริงเลยดีกว่าครับ ประสบการณ์บอกอะไรที่หนังสือไม่มีเยอะครับ และที่สำคัญ อาจารย์ที่สอนคุณ ถ้าเค้าสอนแล้วคุณจะเป็นโคตรเซียนเกาจิ้งได้ ผมว่าเค้าไม่มาสอนคุณให้เมื่อยหรอก

จริง ๆ นะ

เสาร์ ก.ค. 01, 2006 10:32 am

amsittichai เขียน:พอดีอยากเรียนโท ภายในประเทศครับ ช่วยแนะนำด้วยครับ อยากเรียนที่ๆมีการสอนเกี่ยวกับการลงทุน หรือเน้นเรื่องหุ้นโดยเฉพาะครับ แต่ไม่รู้ว่ามีรึป่าว อยากเก่งๆอย่างพี่ๆอ่ะครับ

ถ้าเรียนโทเพื่อเอามาเล่นหุ้น ในความคิดผม ไม่มีความคุ้มค่าทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายที่เสียไป
ถ้าเลือกเรียน MBA (Finance) เช่นที่ NIDA ก็จะเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นโดยตรงเพียง 3 วิชานั่นก็คือ Accounting, Finance และ Investment
ส่วนวิชาที่เหลือจะเกี่ยวกับ การ Management เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น manage คน การผลิต องค์กร
นอกจากนี้ก็มีวิชาพวก การตลาด เศรษฐศาสตร์ และ อื่นๆ
ซึ่งช่วยการลงทุนในแง่ มองภาพรวมหรือทิศทางของบริษัทที่เราต้องการเข้าไปลงทุนได้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น
ดังนั้นจุดประสงค์ของ MBA คือผลิตบุคคลเข้าไปบริหารองค์กรต่างๆ ซึ่งมักจะเป็นองค์กรใหญ่

หากเลือกเรียน MSF เช่นหลักสูตรที่จุฬา ซึ่งขอบเขตของหลักสูตร คิดว่าน่าจะใกล้เคียงกับหลักสูตรการเงินที่ NIDA ที่มี AIMR (CFA) เป็น Partner
(ผมไม่แน่ใจว่าเปิดหรือยัง ให้ check ที่ website นิด้า)
ก็จะเน้นไปทางด้าน Finance ที่ลึกๆ มี math เยอะๆ และอาจจะไม่มีวิชาทางด้านการจัดการ
เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเข้าสู่วงการการเงินเต็มตัว

ดังนั้น ถ้ายังไม่แนใจว่าจะเปลี่ยนอาชีพเลยมั้ย แล้วอยากได้ความก้าวหน้า หรือ View ทางธุรกิจที่กว้างขึ้น ให้เลือกเรียน MBA
จะสังเกตว่าอันดับ Top ขององค์กร มักจะดีกรี MBA
แต่ถ้าทำงานในสาขาอื่นๆ แล้วอยากเปลี่ยนเข้ามาในวิชาชีพทางด้านการเงิน การลงทุน ให้เลือกเรียน MSF จะเรียนการเงินลึกกว่าพวกที่เรียน MBA ครับ

สรุปคือ ถ้าสนใจลงทุนแนว VI ให้เก่ง ผมคิดว่าเข้าฟังสัมมนาบ่อยๆ อ่านหนังสือแนวนี้เยอะๆ และศึกษางบการเงินให้แตกฉาน
รวมทั้งติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ โดยเฉพาะบริษัทที่เราลงทุน ก็เพียงพอแล้วครับ
หากเรียนปริญญาโท เพื่อเอามาเล่นหุ้น เวลาเข้าไปเรียนจริง จะรู้สึกผิดหวังครับ เพราะบางทีเขาสอนสิ่งที่เราไม่อยากรู้เลย

เสาร์ ก.ค. 01, 2006 10:41 am

ผมเรียน MM เมเจอร์ Management & Strategy ที่มหิดลครับ เรียนไฟแนนซ์ 2 ตัว จบแล้วสามารถทำ DCF ได้ ประเมินมูลค่าหุ้นได้ เมเจอร์นี้จะดีตรงที่สอนให้รู้จักการวิเคราะห์ธุรกิจ ก่อนจบจะต้องไปเป็น Consult ในบริษัท SME เพื่อวิเคราะห์ธุรกิจของบริษัทนั้นๆ ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำครับ

เสาร์ ก.ค. 01, 2006 10:41 am

ครับ เห็นด้วย

วิชาที่เรียนแล้วนำมาใช้ประโยชน์ในการเล่นหุ้นได้มากที่สุดคือ เศรษฐศาสตร์จุลภาค ครับ ถ้าเรียนแล้วเข้าใจเรื่อง perfectly competitive market กับ monopoly อย่างถ่องแท้จะใช้ประโยชน์ได้มากทีเดียว อีกวิชาที่มีประโยชน์คือ accounting ครับ ส่วน Finance นั้น ได้ประโยชน์ค่อนข้างน้อย

เสาร์ ก.ค. 01, 2006 3:40 pm

ถ้าไม่ต้องเอาวุฒิไปใช้อะไรจริงๆ ผมว่า หาหนังสืออ่านเอาเองดีกว่าครับ
หนังสือเกี่ยวกับการลงทุนมีตั้งเยอะ ผู้รู้ที่จะให้เข้าไปขอความรู้ก็ยังมีอยู่
ถ้าใจมันอยากจะเรียนรู้อย่างแรงกล้าจริงๆ ทำไมจะเรียนรู้เองไม่ได้

ธรรมดา ถ้ามีจิตใจใฝ่รู้อยู้เป็นทุนเดิมอยู้แล้ว
เราก็จะเรียนรู้ ด้วยแรงจูงใจภายใน คือ เรียน เพราะ อยากเรียน อยากรู้จริงๆ
การเรียน ด้วยแรงจูงใจภายใน จะทำให้เราไม่มีกรอบในการเรียน สามารถจะอ่าน จะค้นคว้า เรียนรู้อะไรๆ ตามที่ใจอยากรู้จริงๆ

แต่พอเราไปสมัครเรียน ป โท
เราอาจต้องไปเรียนในวิชาที่เราไม่อยากรู้เพื่อ เอาเกรด เอาปริญญา
ตามเงื่อนไขของหลักสูตรที่กำหนดไว้
ความคิดดั้งเดิมของเราก็ "อาจจะ" กลับกลายเป็น เรียนรู้เพราะ แรงจูงใจภายนอก อยากได้ ปโท อยากได้คะแนน อยากได้เกรด
ซึ่งเป็นรางวัลภายนอก ไปแทน

เช่น เด็กคนหนึ่งชอบเลขมาก เรียนเลขได้ดี พอพ่อแม่เอารางวัลไปให้ เวลาที่เด็กสอบได้คะแนนดี เด็กมันก็คิดว่า มันเรียนเพราะ รางวัลที่พ่อแม่ให้ หรือเพราะคะแนน
พอ พ่อแม่ไม่ให้รางวัล หรือไม่มีการสอบให้คะแนน เด็กก็ไม่อยากเรียน ลืมความชอบของตัวเองที่มีอยู่เดิมไปสิ้น

การแสวงหา ความรู้ มันอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า
คนที่ไม่กระเหียนกระหายอยากจะเรียนรู้ ตั้งมากมาย ที่สามารถจบโทได้
พอจบแล้ว ก็หยุดกระบวนการเรียนรู้อย่างสิ้นเชิง
ไม่ค้นคว้า ไม่ขวนขวายหาความรู้เพิ่ม เพราะ เขาเรียนจากแรงจูงใจภายนอกจึงคิดว่า เรียนเพิ่ม ค้นคว้าเพิ่มก็ไม่รู้จะไปทำทำไม
ทำไป ก็ไม่ได้ ปริญญาเพิ่ม

ป โท บางหลักสูตร เดี๋ยวนี้ จ่ายครบก็จบแล้ว ไม่ต้องทำวิทยานิพนธ์ ด้วยซ้ำ
แล้วอย่างนี้จะเรียนไปทำไม
ต่อให้ต้องทำ วิทยานิพนธ์ก็เถอะ จ้างเขาทำก็ได้
ใช้สถิติผิดๆ ในการวิเคราะห์ข้อมูล อาจารย์ยังให้จบเลย

จันทร์ ก.ค. 03, 2006 7:43 pm

พอดีเรียน ที่ ms. fin cu พอดีครับเพิ่งเข้า

ถ้าจะเล่นหุ้นอย่างเดียว ไม่ต้องเรียนครับ อ่านหนังสือเองพอแล้วครับ
หรือไม่ก็เรียนเฉพาะ pre -term อย่างเดียวก็พอ :lol:
(อันนี้ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ)

เวลาเรียนจริงๆ จะเป็น ทฤษฏีลึกๆ ที่เอามาใช้จริงไม่น่าจะได้ซักเท่าไหร่
กับ math & Statistics ยากๆซะส่วนใหญ่ครับ พวก ดิฟ อินตริเกต ln เมตริก probability chi-squired, t-distribution, F-distribution, Regression model อะไรพวกนี้น่ะครับ
น้องผมยังเอามาล้อเลย ว่าอ่านหนังสืออะไร เหมือนภาษากรีกเลย :lol:

อันนี้มาเรียนแล้วจะได้รู้ว่าคนเรานี่เก่งจริงๆ คิดทุกอย่างมาเป็นตัวเลข หรือ กราฟได้หมดเลย 8)

ผมว่าเหมาะกับเรียนเพื่ออยากรู้ หรือเรียนเพื่อหางานทางนี้ครับ

ขอเตือน ก่อนตัดสินใจต้องอ่านหนังสือเยอะมากๆๆ

อังคาร ก.ค. 04, 2006 9:28 am

ปริญญาโท ชีวิต ดีกว่าครับ อิอิอิ
ลองออกไปตั้งร้านค้า ขาย
แล้วเอาแบบที่ไม่หนักมากเกินไป แล้วมีเวลาศึกษาการลงทุนด้วย
หรือถ้าชอบแบบหนักๆก็ลุยเลยครับ หนับหนุน

ทำแบบที่ว่านี่ มีแต่เงินเพิ่มขึ้นๆ ไม่มีลดลงเลยครับ
คนที่เรียนจบสูงๆ เนี่ย ลูกจ้างทั้งนั้นครับ คนจ้างเขาดูแล้วก็นั่งหัวเราะกัน
นายจ้างนั้น ไม่มีใครจ่ายค่าจ้างเยอะๆหรอกครับ
เลี้ยงแค่พอให้ลูกน้องไม่บ่น ( ให้ลูกจ้างมากเกินไป เมื่อเทียบกับคนอื่น ให้มากทำไมเงินตัวเองทั้งนั้นชั้นนนน )
เลี้ยงพอแค่ไม่ให้ลูกน้องไปไหน
แต่ว่าเวลาเลี้ยงก็เอาใจลูกน้องดีๆ คำพูดดีๆ
แค่นี้ลูกจ้างก็ไม่ไปไหนแล้วอ่ะครับ
เลี้ยงเอาใว้ใช้งาน

โท มหาลัยชีวิตดีกว่าครับ ดีกว่าโทมหาลัยในระบบครับ

ถ้าเรียนรุ้การรบแบบกองโจรมากขึ้นได้ก็ดีครับ
คนส่วนใหญ่จะเรียนรู้ว่าการรบแบบต้องมีรถถัง มีเครืองบิน หรือว่าต้องมีหน่วยสนับสนุนพร้อม ถึงรบได้
รบแบบกองดจรได้นี่ สุดยอดครับ

อังคาร ก.ค. 04, 2006 11:02 am

"ได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ"
อ่านความคิดเห็นทุกคนแล้ว รู้สึกว่าตัวเองยังมีความเชื่อผิดๆ เรื่องการเรียนต่อ ป.โท อยู่หลายเรื่องเหมือนกัน
.................................................
อยากรบกวนให้ Comment อีกนิด ถ้าผมต้องการทำงานด้านวิเคราะหุ้น ควรเรียนต่อโท MBA หรือ Finace จะได้ประโยชน์มากกว่าครับ
...ผมเองจบ ป.ตรี วิศว ไม่มีประสบการณ์การทำงานด้วยการเงิน

อังคาร ก.ค. 04, 2006 12:14 pm

krittapon_r เขียน:"ได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ"
อ่านความคิดเห็นทุกคนแล้ว รู้สึกว่าตัวเองยังมีความเชื่อผิดๆ เรื่องการเรียนต่อ ป.โท อยู่หลายเรื่องเหมือนกัน
.................................................
อยากรบกวนให้ Comment อีกนิด ถ้าผมต้องการทำงานด้านวิเคราะหุ้น ควรเรียนต่อโท MBA หรือ Finace จะได้ประโยชน์มากกว่าครับ
...ผมเองจบ ป.ตรี วิศว ไม่มีประสบการณ์การทำงานด้วยการเงิน

ความคิดส่วนตัวนะครับ ยังไม่ได้ทำงานการเงิน

ถ้าจะทำงานการเงินเต็มตัว
ถ้าเอาความสามารถ เรียน mba เอก fin น่าจะดีกว่าครับ เพราะ qualitative analysis น่าจะสำคัญกว่า Quantitative.
แต่ตอนเข้า นี่ผมไม่แน่ใจครับ เพราะไม่รู้ว่า บริษัทมีความต้องการเรื่อง degree ขนาดไหนน่ะครับ

ผมเลือกที่จะเรียน อย่างนี้ครับ
Master Finance ก่อน 30
30 ไปแล้ว เรียน Executive MBA ครับ

อังคาร ก.ค. 04, 2006 2:32 pm

เรียนต่อโท ดีนะครับ!!!:lol:
.
.

ระวังหน่อยแล้วกัน เรียนไปเรียนมา จบโทต๋อง...(ท้องโต!)

เดี๋ยวต้องมาเรียน เอกต่ออีกจน จบเอกดอก...(ออกเด็ก!)
.
.
แซวเล่นนะครับ...อย่าคิดมาก!!!(ฮะๆ...ฮะๆ...ฮะๆ...) 8)

อังคาร ก.ค. 04, 2006 3:50 pm

ถ้าอยากเรียนมาเพื่อลงทุนในหุ้นอย่างเดียวผมก็ไม่แนะนำครับ หาหนังสือที่เกี่ยวกับการลงทุนมาอ่านเองดีกว่า เพราะความรู้+ประสบการณ์ จะทำให้คุณอยู่รอดในตลาดทุนได้ดีกว่า ใบปริญญาครับ

แต่ถ้าอยากเรียนไปเพื่อสร้างโอกาสในการหางานทำ ผมก็แนะนำให้เรียน MBA ครับ เพราะเห็นเพื่อนๆบางคนเรียน Pure Finance แล้วมาบอกว่ามันประยุกต์ใช้กับสถานการณ์จริงไม่ค่อยได้หรอกครับ โดยเฉพาะในตลาดบ้านเรา MBA น่าจะทำให้คุณเห็นภาพกว้างกว่านะผมว่า

หลักสูตรที่น่าสนใจก็น่าจะเป็นที่ TU,CU,NIDA ประมาณนี้ครับ ราคาไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ 200000-300000 บาท แนะนำให้เรียน Part time ครับ

โชคดีครับ

อังคาร ก.ค. 04, 2006 5:17 pm

[quote="krittapon_rอยากรบกวนให้ Comment อีกนิด ถ้าผมต้องการทำงานด้านวิเคราะหุ้น ควรเรียนต่อโท MBA หรือ Finace จะได้ประโยชน์มากกว่าครับ
...ผมเองจบ ป.ตรี วิศว ไม่มีประสบการณ์การทำงานด้วยการเงิน[/quote]

ทำงานด้าน Analyst อาจจะต้องมี CISA/CFA
หลักสูตรใหม่ของ NIDA ที่มี AIMR (CFA) เป็น Partner
น่าสนใจครับ ลองศึกษารายละเอียดดู ...

อังคาร ก.ค. 04, 2006 5:18 pm

เอาใหม่ Quote ผิดตำแหน่ง

krittapon_r เขียน:อยากรบกวนให้ Comment อีกนิด ถ้าผมต้องการทำงานด้านวิเคราะหุ้น ควรเรียนต่อโท MBA หรือ Finace จะได้ประโยชน์มากกว่าครับ
...ผมเองจบ ป.ตรี วิศว ไม่มีประสบการณ์การทำงานด้วยการเงิน

ทำงานด้าน Analyst อาจจะต้องมี CISA/CFA
หลักสูตรใหม่ของ NIDA ที่มี AIMR (CFA) เป็น Partner
น่าสนใจครับ ลองศึกษารายละเอียดดู ...

อังคาร ก.ค. 04, 2006 7:03 pm

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคร้าบบบบ

แล้ว engineering economic จะช่วยอะไรในการเล่นหุ้นหรือเปล่าอ่ะครับ

หรือวิชาไหนทางวิศวกรรมที่มันช่วยได้บ้างอ่ะครับ

อังคาร ก.ค. 04, 2006 7:53 pm

คุณ pazza hut ENG ECON มันเหมือนไว้เป็นยันต์กันผี
ไม่ให้คณะอื่นค่อนขอดได้ว่าวิศวะไม่รู้เรื่องการเงิน
แต่เนื้อในแท้มันกลวงและไม่เพียงพอจริงๆครับ
ช่วยได้น้อยมากครับในเรื่องหุ้น
เหมือนการลงลึกเรื่อง NPV แล้วก็ amortization
ไปในหลายๆรูปแบบและมีโจทย์ทางวิศวะ
มาประกอบให้ดูแล้วงงๆว่าจะคำนวณยังไง
ทั้งวิชามีแต่ Quantitative เกือบหมด แทบไม่มี Qualitative
สรุปว่าถ้าเป็นวิชาบังคับก็เรียนๆไปงั้นๆครับ เอาไปใช้อะไรไม่ค่อยได้มาก

อังคาร ก.ค. 04, 2006 8:46 pm

Danke !!!

ขอบคุณมากครับพี่ 2 dogs

ศุกร์ ก.ค. 07, 2006 11:54 pm

เรียนอยู่ครับ ใกล้ตายแล้ว งานวิจัยไม่คืบหน้า ตอนสมัครเรียนอุคมการณ์แรงกล้สต้องการเรียนเพื่อกาความรู้ครับ มันก็ได้ความรู้มากครับ ได้พบวิทยากรซึ่งคนพวกนี้ ผมว่าเข้าหาหรือเจอตัวอยาก ได้แลกเปบี่นความคิดเห็นผมว่าคุ้มครับ คิดให้ดีครับ เรียนเพื่อเอาความรู้ หรือเรียนเพื่อเอาปริญญาupgardeตัวเอง ผมตอนนี้เปลี่ยนเป็นเรียนเพื่อจบ เพราะเบื่อแล้ว

อาทิตย์ ก.ค. 09, 2006 3:19 pm

ผมก็เรียน MBA ครับผม เห็นด้วยกะคุณ Yoyo ในแง่ที่ว่า ทำให้เราเข้าใจธุรกิจ และจะหัดประเมินมูลค่าหุ้นก็มีวิชา Investment หรือ เอาให้ลึกกว่านั้นก็มีวิชาเลือกให้เรียนด้วย ผมก็ลง Financial analysis ต่ออีกตัว ก็หนุกดี แต่คิดว่าเอามาใช้ในทางปฏิบัติไม่ได้มากนัก อย่าง MPT (Modern portfolio theory) ก็เป็นสิ่งที่นำมาปฏิบัติได้ยากนะ
สิ่งที่อยากเข้าใจไปมากกว่านี้ก็คือปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบมายังตัวธุรกิจต่างหาก ซึ่งอย่างที่คุณสุมาอี้แนะนำมาผมว่าก็มีเหตุผลแหละ อยากจะเรียนต่อทางเศรษฐศาสตร์มั่งเหมือนกัน เหอะๆ
อ้อ ตอนที่เรียน Financial analysis ในเรื่อง Valuation of stocks อาจารย์ก็พูดเรืองความหมายของคำว่า Value กับ Price เสร็จแล้วอาจารย์ก็ถามว่าแล้วพวกเธอหละ มาเรียน MBA กันทำไม อิๆ ผมก็รีบตอบไปเลยว่า เพื่อมาเพิ่ม Value ให้ตัวเองครับ ( ไม่ได้มาเพิ่ม Price ) อิๆ อาจารย์ชอบใจใหญ่ ตอนก่อนจะจบซึ่งเหลืออีกตัวเดียวกะงานวิจัยหนึ่งอัน เลยขอลาออกเลย เหอะๆ เพราะได้กระดาษปริญญามาหนึ่งใบก็ไม่ได้เพิ่ม Value ตรงไหน เพราะว่า ตัว Value มันอยู่ในสมองแล้ว อิๆ

อาทิตย์ ก.ค. 09, 2006 4:10 pm

ลูกไม่ท้อ เขียน:ตอนก่อนจะจบซึ่งเหลืออีกตัวเดียวกะงานวิจัยหนึ่งอัน เลยขอลาออกเลย เหอะๆ เพราะได้กระดาษปริญญามาหนึ่งใบก็ไม่ได้เพิ่ม Value ตรงไหน เพราะว่า ตัว Value มันอยู่ในสมองแล้ว อิๆ

ผมเข้าใจความรู้สึกนะครับ ว่าทำไมถึงลาออก

แต่ถ้ายังต้องเรียนแล้วมาเป็นลูกจ้าง ทำงานกินเงินเดือนไปก่อน ก็ควรเอากระดาษปริญญาครับ ไม่มีกระดาษก็คงยากที่บริษัทไหนจะรับเข้าทำงาน

แต่ถ้ามีเงินมากมายไว้ลงทุนหุ้นรับปันผลสบายๆ หรือมาบริหารกิจการตัวเอง ก็ไม่แปลกครับ

อาทิตย์ ก.ค. 09, 2006 4:12 pm

ตอนนี้เห็นมีสอน MBA logistics ด้วย

จันทร์ ธ.ค. 24, 2007 10:54 pm

แอดมาที่ E-MAIL : [email protected]
thx u

Ps. อยากเรียนบ้างจัง แต่กัวยากอะ

อังคาร ธ.ค. 25, 2007 7:19 am

[email protected]

add --> ทำไมอ่ะคับ

ถ้า add แล้วจะมีคนให้ข้อมูลเรื่อง mba หรือป่าวคับ
ถ้างั้น add ผมด้วยนะคับ

ผมก็อยากเรียน เหมือนกัน

แปลกดีนะคับ เมื่อก่อน ตอนม.ปลาย เลขกับฟิสิกส์

ผมหาตัวจับยากมาก....อิอิ

พอมาเรียนสายชีวะ ... กลับมานั่งอ่านบัญชี รู้สึกรั้งท้ายตลอด

พี่ๆใครเรียน
mba แล้วบ้าง
add ผมด้วยอีกคนนะคับ
หวังใจว่า
จบเฉพาะทางอีก 2 ปี
อยากไปเรียนเพิ่มอีกเหมือนกัน...

[email protected]

อังคาร ธ.ค. 25, 2007 11:10 am

เรียน MBA ดีมาก สำหรับคนที่งานประจำทำให้โลกแคบ ตัวอย่างที่ดีคือ เราเองค่ะ ทำงานบัญชี รู้ลึกแค่จุดเดียว เรียน MBA มาดีมาก แต่ต้องศึกษาหลักสูตรด้วยนะคะ แต่ละที่จะคล้ายกัน ให้เลือกเอาที่ที่จะต่อยอดได้มากที่สุด (หมายถึงหลักสูตรที่มีวิชาเลือกที่น่าสนใจ เพราะวิชาหลักเหมือนกันทุกที่) เราจบโทแบบไม่ต้องทำ thesis ด้วย เน้นทำโครงงานย่อยแต่เยอะมาก ได้ประสบการณ์หลากหลายกว่าทำ thesis ที่อยู่กับตัวเดียวทั้งปี

แต่ถ้าเรียนเพื่อลงทุน เรามองว่า ไปอบรมพวก CISA CFA ดีกว่า ตรงสายงาน เพื่อนที่ไปสอบ CFA บอกว่า เรียนทุกอย่างที่จะกระทบการลงทุน ไม่ลึก แต่ให้อ่านภาพกว้างออก ข้อสอบเน้นประยุกต์ เราเคยไปลองทำเล่นๆที่ web นักวิเคราะห์ ดีมากเลยนะคะ เห็นข้อสอบแล้วเดาเนื้อหาออกเลย ว่าเน้นการนำไปใช้งานจริงๆ

เราอยากเรียนเหมือนกัน เพียงแต่เพิ่งจบโทต้นปี เรียนไปทำงานไป เหนื่อยมาก ยังขี้เกียจอยู่ CFA อาจเหนื่อยไปสำหรับคนที่อ่านภาษาอังกฤษได้ช้า เพราะหนังสือ level ละ 1 ฟุต (มี 3 ระดับ) แต่จบระดับแรกได้ ก็น่าจะท่องยุทธภพได้แล้ว CISA เป็นภาษาไทย แต่ไม่เคยเข้าไปดู เลยบอกไม่ได้ค่ะ

อังคาร ธ.ค. 25, 2007 11:33 pm

krisy เขียน: แต่ถ้าเรียนเพื่อลงทุน เรามองว่า ไปอบรมพวก CISA CFA ดีกว่า ตรงสายงาน เพื่อนที่ไปสอบ CFA บอกว่า เรียนทุกอย่างที่จะกระทบการลงทุน ไม่ลึก แต่ให้อ่านภาพกว้างออก ข้อสอบเน้นประยุกต์ เราเคยไปลองทำเล่นๆที่ web นักวิเคราะห์ ดีมากเลยนะคะ เห็นข้อสอบแล้วเดาเนื้อหาออกเลย ว่าเน้นการนำไปใช้งานจริงๆ

เราอยากเรียนเหมือนกัน เพียงแต่เพิ่งจบโทต้นปี เรียนไปทำงานไป เหนื่อยมาก ยังขี้เกียจอยู่ CFA อาจเหนื่อยไปสำหรับคนที่อ่านภาษาอังกฤษได้ช้า เพราะหนังสือ level ละ 1 ฟุต (มี 3 ระดับ) แต่จบระดับแรกได้ ก็น่าจะท่องยุทธภพได้แล้ว CISA เป็นภาษาไทย แต่ไม่เคยเข้าไปดู เลยบอกไม่ได้ค่ะ

ผมให้ความเห็นต่างนะครับ .. ถ้าจะลงทุนแนว VI ให้รุ่งๆ หลีกให้ห่างจาก CFA CISA จะดีมากๆครับ เพราะทฤษฏีหลักๆที่ใช้กันในทางการเงินมันเป็นอุปสรรคในการลงทุนแบบ vi อย่างใหญ่หลวงเลยครับ ถ้าจะเอา CFA CISA มาลงทุน ... ผมว่า MBA นี่ยัง Work กว่าเยอะเลย

อังคาร ธ.ค. 25, 2007 11:59 pm

คุณ krisity เรียนที่ไหนครับ
จะไปเรียนมั้ง ค่าใช้จ่ายแพงไหม
ไม่อยากทำ thesis

พุธ ธ.ค. 26, 2007 1:26 am

พี่ๆๆคนไหนเรียน MSF บ้างคะ ช่วยบอกที
อยากเรียนอะ
msn : [email protected]

PS. thx for add