เรื่องของคู่ขวัญต่างวัย"ป้าทิชชู-หนุ่มกางเกงใน"

[bsk(มหาชน)]

ดังเปรี้ยงเพียงข้ามคืน!!! คู่ขวัญต่างวัย"ป้าทิชชู-หนุ่มกางเกงใน"

"ม่า ทิชชูห่อนึง"

"ไม่ออก"

"ปู๊ดดดดด" !!!!!

"ม่า ทิชชูไม่ต้องแล้วครับ ขอ...เปลี่ยนเป็น...กางเกงใน"

!!??!!



เชื่อว่า เป็นภาพยนตร์โฆษณาที่ได้รับความนิยมและ "ติดปาก" เป็นหัวข้อสนทนาทุกวง โดยเฉพาะ "อาม่า" แคชเชียร์ และชายหนุ่มผู้แบก "ทุกข์ถนัด" ต้องการทิชชูแค่ 5 บาท แต่ดันจ่ายแบงก์พัน 2 "พระ-นาง" ที่กลายเป็น "คู่ขวัญ" ของคนทั้งประเทศไปโดยปริยาย

"อาม่า" มีชื่อจริงว่า นางสุรางค์ มโนทัยอุดม อายุ 77 ปี เป็นคนกรุงเทพฯ อาม่าแนะนำตัวเองสั้นๆ ว่า เป็นคนเรียบร้อย เมื่อครั้งยังสาวทำงานขายประกัน หลังเกษียณอายุก็ผันมาขายของเล็กๆ น้อยๆ ตอนนี้อาศัยอยู่กับน้องชาย และหลาน แถวพระราม 2 สุขภาพแข็งแรงไปไหนมาไหนคนเดียวได้สบายๆ ชอบหาความสำราญด้วยการดูฟุตบอล มีทีมลิเวอร์พูล เป็นทีมในดวงใจอีกด้วย

จากคนเดินถนนธรรมดาๆ ใช้ชีวิตเหมือนคนแก่ทั่วไป แล้ววันหนึ่งเสน่ห์ที่ "ม่า" ไม่เห็นก็เตะตาแมวมองพอดิบพอดี

"ม่าก็แปลกใจเหมือนกันที่เขาเลือกให้ม่าไปถ่ายโฆษณา เพราะวันที่ไปเทสต์หน้ากล้องไม่ได้ทำอะไรเลย เขาสั่งแค่ให้ทำท่ากดเครื่องคิดเงิน พอดีตอนนั้นมีสปอตไลท์ส่องมาที่หน้ามันสว่างมาก มองไม่เห็นตัวอักษรบนเครื่อง ม่าเลยดูเก้ๆ กังๆ"


แต่เพราะความเก้ๆ กังๆ ดูนิ่งๆ นั่นแหล่ะที่ "โดน" ใจผู้กำกับ

เดี๋ยวนี้ "ม่าสุรางค์" เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นโดยที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ถ่ายโฆษณา และได้เข้าวงการบันเทิงตอนแก่

"ตัวเองดูยังรู้สึกเฉยๆ มารู้ตัวอีกทีว่าดังก็ตอนที่คนเริ่มเข้ามาทักว่าใช่ม่าในโฆษณาหรือเปล่า บางคนก็แซวว่าขอซื้อทิชชู และกางเกงใน ตอนนี้เริ่มมีโฆษณาอื่นติดต่อเข้ามาแล้ว คิดจะทำไปเรื่อยๆ เพราะสนุกและได้เงินใช้ตอนแก่ด้วย"

[bsk(มหาชน)]

ส่วน "ชายผู้ต้องการทิชชู 5 บาท" ลูกค้าที่ทำหน้าอั้น..จุด.จุด.จุด..ได้สุดฮาผู้นี้ คือ "บ๊อบบี้" นิมิตร ลักษมีพงศ์ วัย 35 ปี เป็นคนเชียงใหม่ เห็นในโฆษณาหน้าจืดๆ แบบนี้ แต่น้ำเสียงจริงๆ ของเขา "หล่อมาก" ขอบอก!! และเพราะน้ำเสียงที่ฟังทีไรก็เคลิ้มทุกที ทำให้งานของเขาส่วนใหญ่เป็นงานที่ต้องใช้ "เสียง" หากิน

งานที่บ๊อบบี้จับเป็นอาชีพแรกในชีวิตตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 คือ "ดีเจ" ของสถานีวิทยุ อสมท จ.เชียงใหม่ หลังจากนั้นโอกาสก็พาเขาให้มาเป็นนักพากย์ ซึ่งบ๊อบบี้พากย์มาแล้วทุกรูปแบบ ตั้งแต่ การ์ตูน หนัง สารคดี โฆษณาวิทยุ ทีวี ฯลฯ

"ผมชอบทำงาน จึงตัดสินใจเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะบริหารโฆษณา เพราะสามารถเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยได้ หลังจากเรียนจบ ผมทำงานโดยใช้เสียงหากินมาตลอด จนถึงตอนนี้ผมเป็นดีเจอยู่ที่คลิก เรดิโอ คลื่น 102.5 Mz. รับจ๊อบอ่านสปอตโฆษณาทางวิทยุ รวมถึงรับงานถ่ายโฆษณาบ้าง"

เมื่อเล่าถึงงานโฆษณา บ๊อบบี้บอกว่า เคยถ่ายมาแล้ว 3 ชิ้น แต่ไม่มีชิ้นไหนที่จะทำให้เขาดังเปรี้ยงปร้างเท่าโฆษณาชิ้นล่าสุด

"อารมณ์ของโฆษณาชิ้นนี้คือ ต้องพยายามรู้สึกจากข้างในจริงๆ ว่ากำลังปวดท้องอึ ปวดมาก ปวดจนอั้นไม่ไหวแล้ว ซึ่งพอรู้สึกอย่างนั้นได้ ทุกอย่างก็ตามมาทั้งสีหน้า ท่าทาง"



พอเล่าเรื่องของตัวเอง บ๊อบบี้ก็อดไม่ได้ที่จะเล่าถึง "อาม่า" นักแสดงคู่ขวัญที่เขายกให้เป็น "อาม่าอะเมซิ่ง" เพราะแสดงเก่งและเป็นธรรมชาติมาก

"ผมจัดรายการวิทยุมาเกือบ 20 ปี ทำอะไรต่อมิอะไรมามากมาย แต่ก็ไม่เป็นที่รู้จักเท่าโฆษณาชิ้นเดียว ที่ตอนนี้ทำให้ผมกลายเป็นตัวตลกของสาธารณชนไปแล้ว เพราะไปไหนก็จะมีคนมองหน้าแล้วก็หัวเราะคิกคักๆ บางคนก็แซวว่าคนนี้ไงที่ (-) แตก ซึ่งแรกๆ ก็เขินแต่พอนานๆ เข้าชักชิน จนตอนนี้กลับรู้สึกดีใจที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนมีความสุข รู้สึกว่าชีวิตเกิดมาไม่ขาดทุน เพราะอยู่ดีๆ ผมก็กลายมาเป็นที่รู้จัก มีคนแปลกหน้าเข้ามาทัก มากอด และเพราะโฆษณาชิ้นนี้ทำให้ผมมีงานเข้ามา ผมได้รับการติดต่อให้ไปเล่นหนัง ค่ายเทปชวนไปร้องเพลง คลื่นวิทยุ 2 คลื่นชวนไปเป็นดีเจ ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับชีวิต รู้แค่ว่าเป็นกำไรชีวิตที่คุ้มจริงๆ"

พอจะรู้จักกับคู่ขวัญต่างวัยคู่ใหม่กันบ้างแล้ว บอกได้คำเดียวว่า "น่ารัก" เหมือนในโฆษณาเป๊ะ!!

[matrix]

555+ ตอนที่ผมเห็นโฆษณาชิ้นนี้ครั้งแรก  ผมขำกลิ้งเลย อะ..
ชอบหน้าตาเฉื่อย..ชา ของอาม่า..เป็นตลกธรรมชาติครับ :lol:

[bsk(มหาชน)]

ใช่คับ... ...ดูแล้วโล่งดี....

ท่านใดมีคลิปโฆษณาชิ้นนี้มั้ยคับ...

คลิปที่ผมเคยดู ตอนนี้ดูไม่ได้แล้วคับ...

อยากโหลดเก็บไว้น่ะคับ...

[ปุย]

อยากดูโฆษณาด้วยคน ไม่เคยดูเลยอ่ะ  :(

แต่นิมิตร นี่ผมเคยฟังเค้าจัดรายการอยู่บ่อยๆน่ะ เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว
ตอนนี้ อายุ 35 เองเหรอ มากกว่าผมปีเดียว ?!?
ไม่แน่ใจ ว่าตอนนั้นเค้าอยู่ มีเดียพลัส หรือเปล่า?

[ปุย]

ลืมถามไป ตกลงมันโฆษณา อะไรครับ

เคยอ่าน เค้าบอกว่า บางโฆษณา คนดูชอบมาก แต่ไม่มีผลต่อยอดขายสินค้า
คนจำ Brandไม่ได้  โฆษณานั้น ถือว่า fail ครับ  

[bsk(มหาชน)]

ไปดูได้ที่นี่เลยคับ...เพิ่งนำไปลงใหม่..

http://www.bbznet.com/scripts3/view.php ... r=numtopic

[bluesky]

ใช่ครับ โฆษณาที่ไม่สามารถทำให้คนดูระลีกและจดจำสินค้าได้ ก็ถือว่ายังไม่ประสบความสำเร็จ
แม้บางโฆษณาที่คนดูไม่ชอบ แต่จำได้ว่าเป็นสินค้าอะไร จดจำยี่ห้อได้ ถือว่าโฆษณาชิ้นนั้นบรรลุครับ

[por_jai]

8) น้องบอลเอ๋ย
    โฆษณาที่ลิ๊งมาให้
    อันของอดิดาส
    ที่มี2ตอนสุดยอดจริงๆ
    คอกีฬาห้ามพลาดคร้าบ...

[MarginofSafety]

[quote="por_jai"]8) น้องบอลเอ๋ย

[ปุย]

ขอบคุณ คุณ ball สำหรับ link    :roll:   แต่พอได้ดูแล้ว เฉยๆ อ่ะ แต่เสียงนุ่มๆแบบนี้ ใช่เลย นิมิตร


ท่านพี่ พอใจ สำหรับคอบอล ผมชอบ Ad ตัวนี้มาก (คู่แข่ง Adidas)  ขอแนะนำ  

http://nikefootball.nike.com/nikefootba ... s_high.wmv

[ปุย]

อองรี ก็มา

http://nikefootball.nike.com/nikefootba ... s_high.wmv


อันนี้ สำหรับ แฟน แมนยู + เวยน์ รูนี่

http://nikefootball.nike.com/nikefootba ... s_high.wmv

[por_jai]

8) ดูของเหยินน้อยแล้วครับ
    ไม่รู้มันเป็นคนหรือเทพนะครับ
    ไอ้หมอนี่
    ไปวิ่งก่อนครับ
     เพิ่งเห็นว่ามีอีกหลายคน
     เด๋วมาดูต่อ
     โจ่ยเสี่ยครับน้องปุย

[por_jai]

8) ดูครบแล้ว
    อีริค คันโตน่าบอกว่า
    dribblers are king
    ยอดมากๆครับ
    เหมือนดูมายากลเลย...

[MarginofSafety]

[quote="ba_2l"]มีท่านไหนชอบโฆษณากาแฟแบล็คอัพเหมือนผมบ้างครับ

[bsk(มหาชน)]

ขอบคุณสำหรับลิงค์โฆษณาทุกลิงค์ที่แนะนำมาคับ

ยอดเยี่ยมจริงๆ

มีการบ้านต้องทำอีกเยอะ เวลาเจอเว็บที่น่าสนใจแบบนี้...

เดี๋ยวนี้เห็นมีโฆษณาแนวตลกขบขัน หรือเสียดสีออกมาเยอะ

มันสะท้อนสภาพสังคมไทยในปัจจุบันนี้อย่างไร...

[bsk(มหาชน)]

โฆษณา....ขำ....ขำ  

เดี๋ยวนี้เปิดโทรทัศน์ไม่ว่าช่องไหน ต่างก็เต็มไปด้วยละครเบาสมอง รายการวาไรตี้ก็ต้องมีผู้ดำเนินรายการที่อารมณ์ดี มีมุขขำขัน ให้ผู้ชมฮาได้เป็นระยะๆ หรือหนังจอเงินที่ฉายในโรงภาพยนตร์ ถ้าเป็นหนังแนวตลก รับรองทำรายได้ดีแน่ๆ ดูอย่างเรื่อง หลวงพี่เท่ง แจ๋ว ที่ทำรายได้ทะลุ 100 ล้าน หรือเรื่องที่เข้าฉายตอนนี้อย่างพยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า ก็ทำท่าจะมาแรง แค่เห็นหนังตัวอย่างก็ขำกลิ้งแล้ว


แล้วทำไมคนเราถึงชอบดูหนังตลกล่ะ ???


ซิกมัน ฟรอยด์ นักจิตวิทยาชื่อดังกล่าวว่า การที่เราหัวเราะจะทำให้เรารู้สึกโล่ง เพราะได้รับการปลดปล่อยความเครียด เหมือนเป็นการให้รางวัลกับตนเองหลังจากเครียดกับหน้าที่การงานมาทั้งวัน ซึ่งก็คงจะเป็นจริงเพราะเดี๋ยวนี้ ผู้ชมมักชอบที่จะดูรายการที่เบาสมอง ไม่เครียด


หรืออาจจะเป็นดังที่พลาโต นักปราชญ์ชาวกรีกกล่าวไว้ว่าส่วนลึกในจิตใจเรานั้น คนเราชอบที่จะมีความรู้สึกว่าเก่งกว่า เหนือกว่าผู้อื่น (อาจจะเข้าหลักการว่า ข้าเป็นผู้นำ ใครจะเก่งกว่า ฉลาดกว่าข้าไม่ได้) ส่งผลให้เราจะเกิดอารมณ์ขันเมื่อเห็นผู้อื่นตกต่ำ หรือพลาดพลั้ง (อาจจะด้วยความสะใจ) ซึ่งเป็นเหตุทำให้เรารู้สึกว่าเป็นผู้ที่เหนือกว่า อย่างมุขที่พวกดาราตลกชอบใช้ เช่น เหยียบเปลือกกล้วยแล้วลื่นล้ม หรือ เอาถาดตีศีรษะกัน เป็นต้น



จะเป็นอย่างที่ฟรอยด์หรือพลาโตกล่าวไว้ก็ตามที โฆษณาเดี๋ยวนี้ก็เต็มไปด้วยโฆษณาตลก มีมุขขำขันเหมือนกัน ซึ่งก็มักเป็นที่ชื่นชอบและจดจำได้ดี อาจจะเรียกได้ว่าโดดเด่นกว่าโฆษณาแนวอื่น งานวิจัยชิ้นหนึ่งในสหรัฐอเมริกาเมื่อไม่นานมานี้ พบว่า กลุ่มตัวอย่างผู้เป็นวันรุ่นอายุ 13-24 ปี บอกว่าโฆษณาตลกเป็นที่น่าจดจำมากที่สุดในบรรดาโฆษณาทั้งหลาย



หรืออย่างในเมืองไทย ดูอย่างหนังโฆษณาที่ได้รับรางวัลจากการประกวดโฆษณายอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย หรือ TACT Awards ก็ได้ ลองไปเปิด website www.tactawards.com ดูข้อมูลย้อนหลังไป 5 ปี พบว่าโฆษณาที่ได้รับรางวัลเป็นโฆษณายอดเยี่ยมของแต่ละปีนั้น ล้วนเป็นโฆษณาที่สอดแทรกด้วยอารมณ์ขันทั้งสิ้น



เริ่มจากปี 1999-2000 คงจะพอจำหนังโฆษณาเรื่องเต่าที่ออกตามหาแม่ ของสินค้ามีสทีนโรลออนได้ ปีถัดมาโฆษณาที่ได้รับรางวัลเรื่องนี้อาจจะไม่หักมุมฮา เหมือนโฆษณาเต่าของมีสทีน แต่ก็สร้างความประหลาดใจให้หัวเราะ ฮึ..ฮึ ได้เป็นระยะๆ คือโฆษณาชุด Torture ของกางเกงยีนส์แรงเลอร์ ที่แฟนสาวซักกางเกงยีนส์ให้แฟนหนุ่มแล้วระหว่างที่ซักก็พบเบอร์โทรศัพท์....ชุดชั้นในของสาวอื่นซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง



ปีต่อมาคงพอคุ้นกับโฆษณาเครื่องดื่ม Sponsor ที่เป็นคนไข้เจ็บหนักเข้าเฝือกทั้งตัว ที่แม้จะนอนบนเตียงก็พยายามออกกำลังกายตามนักวิ่งในโทรทัศน์ ด้วย 2 นิ้วที่เหลืออยู่  หรือในปีต่อมาหนังโฆษณาที่ได้รับรางวัลคือ โฆษณาชุดความลับ ของสินค้าหลอดไฟซิลวาเนีย ที่มีประโยคเด็ดของอาเฮียเจ้าของร้าน ที่ตะโกนว่า....เฮียรักยุทธ....เฮียรักยุทธ ส่วนปีที่แล้วโฆษณาที่ได้รับรางวัล คือเรื่อง Titititanic ของสินค้า Soken DVD




หนังโฆษณาในปัจจุบันแม้จะมีตลก ขำ...ขำกันเกลื่อนจอ แต่ชาวโฆษณาก็มีกฎเหล็กของการสร้างโฆษณาขำ..ขำ ไว้ว่า



ข้อ 1. จะขำเรื่องอะไรในหนังโฆษณาก็ขำไปเถิด แต่อย่ามาขำสินค้าในโฆษณาก็แล้วกัน เพราะ การโฆษณาคือการทำให้สินค้าเป็นพระเอก นางเอกของเรื่อง อย่าลืมว่าเรากำลังขายของไม่ใช่ขายมุข(ตลก)



ข้อ 2. จะปล่อยมุขให้ขำกลิ้งแค่ไหนก็ไม่บังคับ แต่ท้ายสุดให้ผู้ชมจำได้ว่าเป็นโฆษณาสินค้าอะไรด้วยนะจ๊ะ ไม่ใช่มัวแต่ขำเพลิน จนลืมไปแล้วว่าเป็นโฆษณาอะไร



ท้ายสุด มีโฆษณามาฝากอีกเช่นเคย เป็นโฆษณาขำ...ขำ ของฝรั่งเขา เป็นโฆษณาร้านขายเนื้อไก่ เป็นอารมณ์ขันแบบ Universal ที่เข้าใจกันได้ทั่วโลก




25/7/48
----------------------------------------------------------------------------------------
ประวัตินักเขียน : กัลยกร วรกุลลัฏฐานีย์
นามปากกา :


เรียนจบด้านโฆษณาทั้งปริญญาตรี และ ปริญญาโท เคยทำงานเป็นนักโฆษณา

ปัจจุบันสอนวิชาโฆษณาที่คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
และร่วมเป็นคณะกรรมการดำเนินงานการประกวดโฆษณาต่าง ๆ ทั้งระดับชาติและนานาชาติ เช่น Tact Awards Adfest

สนใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับการโฆษณา