... ดอกโคมญี่ปุ่น (สวยมากๆเลย)...เรื่องของคนรักกัน...
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
... ดอกโคมญี่ปุ่น (สวยมากๆเลย)...เรื่องของคนรักกัน...
โพสต์ที่ 1
... ดอกโคมญี่ปุ่น (สวยมากๆเลย)...เรื่องของคนรักกัน...
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 8.html#107
...ทำบุญ..." ทำสังฆทาน "...บทความธรรมะ...
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 61803.html
FW: เรื่องของคนรักกัน
Date: Mon, 08 May 2006 21:19:13 -0800
เรื่องของคนรักกัน :
เรื่องมีอยู่ว่า ชายคนหนึ่งเพิ่งจะเข้าพักในโรงแรม
เค้าเห็นคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งอยู่ในห้อง เค้าจึง
ตัดสินใจส่ง e-mail ให้กับภรรยา แต่เค้าดันพิมพ์
e-mail address ของภรรยาเค้า ผิดไป และได้
ทำการส่ง e-mail นั้นไปโดยที่ไม่ได้เอะใจอะไรเลย!
ในขณะนั้น...ณ. ที่แห่งหนึ่งในฮัสตัน แม่ม่ายคนหนึ่ง
เพิ่งจะกลับจากพิธีฝังศพสามี เธอตัดสินใจเข้าไปตรวจดู
e-mail โดยหวังว่าจะมีข้อความแสดงความเสียใจจากญาติๆ
และเพื่อนฝูงส่งมาให้กำลังใจ หลังจากเธอได้อ่านข้อความแรก
จบลง เธอก็หมดสติ ล้มลงทันที ลูกชายของเธอก็วิ่งเข้ามาในห้อง
เห็นแม่นอนนิ่ง ตาค้างอยู่ที่พื้น โดยได้จ้องมองไปที่จอคอมพิวเตอร์
ลูกชายได้เห็นข้อความเขียนไว้ว่า
To : ภรรยาที่รักของผม
Subject : ผมถึงเรียบร้อยแล้วน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง!
Date : 29 มี.ค 2006
ผมรู้ว่า คุณจะต้องแปลกใจเป็นอย่างมาก ที่ได้รับข่าวนี้
ที่นี่มีคอมพิวเตอร์ด้วยล่ะ! และพวกเราก็ได้รับอนุญาตให้ส่ง e-mail
ถึงคนที่เรารักได้หนึ่งคน ผมเพิ่งจะมาถึง และ Checked in เรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ทุกอย่างได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว เพื่อรอต้อนรับคุณ
ที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้...................................................?
รัก...คิดถึงเสมอ....รีบมาล่ะ.....พวกเรารออยู่น่ะ!
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 8.html#107
...ทำบุญ..." ทำสังฆทาน "...บทความธรรมะ...
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 61803.html
FW: เรื่องของคนรักกัน
Date: Mon, 08 May 2006 21:19:13 -0800
เรื่องของคนรักกัน :
เรื่องมีอยู่ว่า ชายคนหนึ่งเพิ่งจะเข้าพักในโรงแรม
เค้าเห็นคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งอยู่ในห้อง เค้าจึง
ตัดสินใจส่ง e-mail ให้กับภรรยา แต่เค้าดันพิมพ์
e-mail address ของภรรยาเค้า ผิดไป และได้
ทำการส่ง e-mail นั้นไปโดยที่ไม่ได้เอะใจอะไรเลย!
ในขณะนั้น...ณ. ที่แห่งหนึ่งในฮัสตัน แม่ม่ายคนหนึ่ง
เพิ่งจะกลับจากพิธีฝังศพสามี เธอตัดสินใจเข้าไปตรวจดู
e-mail โดยหวังว่าจะมีข้อความแสดงความเสียใจจากญาติๆ
และเพื่อนฝูงส่งมาให้กำลังใจ หลังจากเธอได้อ่านข้อความแรก
จบลง เธอก็หมดสติ ล้มลงทันที ลูกชายของเธอก็วิ่งเข้ามาในห้อง
เห็นแม่นอนนิ่ง ตาค้างอยู่ที่พื้น โดยได้จ้องมองไปที่จอคอมพิวเตอร์
ลูกชายได้เห็นข้อความเขียนไว้ว่า
To : ภรรยาที่รักของผม
Subject : ผมถึงเรียบร้อยแล้วน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง!
Date : 29 มี.ค 2006
ผมรู้ว่า คุณจะต้องแปลกใจเป็นอย่างมาก ที่ได้รับข่าวนี้
ที่นี่มีคอมพิวเตอร์ด้วยล่ะ! และพวกเราก็ได้รับอนุญาตให้ส่ง e-mail
ถึงคนที่เรารักได้หนึ่งคน ผมเพิ่งจะมาถึง และ Checked in เรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ทุกอย่างได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว เพื่อรอต้อนรับคุณ
ที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้...................................................?
รัก...คิดถึงเสมอ....รีบมาล่ะ.....พวกเรารออยู่น่ะ!
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
... ดอกโคมญี่ปุ่น (สวยมากๆเลย)...เรื่องของคนรักกัน...
โพสต์ที่ 2
Subject: เรื่องจริงเตือนใจครับ : วันนี้คุณเคาะรองเท้าให้ตัวคุณเองและคนที่คุณรักหรือยัง
Date: Tue, 14 Mar 2006 10:32:25 +0700
: : : : วันนี้คุณเคาะรองเท้าให้ตัวคุณเองและคนที่คุณรักหรือยัง : : :
เรื่องจริงเตือนใจครับ
ผมเพิ่งกลับจากงานศพลูกสาวเพื่อนข้างบ้านมาครับ (อายุ 4 ขวบครึ่ง)
เป็นการเสียชีวิตแบบไม่ควรเกิดเลยครับ เรื่องมีอยู่ว่า
ตอนเช้าคุณแม่เขาก็ไปส่งลูกไปโรงเรียนตามปกติ
แต่แปลกที่ว่าลูกสาวพอขึ้นรถมาสักพักก็บ่นว่าหนูง่วงนอนแม่ก็แปลกใจนิดหน่อย
แต่ไม่คิดอะไรมาก เลยให้นอนหลับไป พอใกล้ถึง รร. คุณแม่เขาก็ปลุก
ปรากฎว่าลูกตัวแข็ง และ ปากเขียวคล้ำ ไม่รู้สึกตัว แม่ตกใจมากรีบพาส่ง รพ.
คุณหมอบอกว่า เสียชีวิตแล้ว จากการสันนิษฐานน่าจะเกิดจาก "งูกัด"
คุณแม่บอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเดินออกบ้านมาด้วยกัน ขึ้นรถก็ไม่เห็นงูเลย
เชื่อไหมครับ คุณหมอลองถอดถุงเท้าและรองเท้าดู ผมฟังยังขนลุกเลยครับ
"ลูกงูเห่านอนตายอยู่ในรองเท้านักเรียนครับ" ผมเสียใจแทนคุณแม่จริงๆ ครับ
คาดว่ามันคงไปขดอยู่ในรองเท้า แล้วน้องเขาใส่เขาไป มันเลยฉก
แต่ด้วยความที่มีถุงเท้าอยู่ แล้วเด็กคงเจ็บไม่มาก เลยไม่ได้รู้สึกอะไรมาก
แต่พิษมันมากครับ ผมอยากฝากเพื่อนๆ ไว้ครับ บ้านใครที่ต้นไม้เยอะๆ
หรือวางรองเท้าไว้นอกบ้าน ก่อนใส่เคาะดูสักนิดนะครับ
ผมไม่รู้ว่าโอกาสแบบนี้จะเกิด 1 ใน 100 หรือเปล่า แต่อยากเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์
ครับ
Date: Tue, 14 Mar 2006 10:32:25 +0700
: : : : วันนี้คุณเคาะรองเท้าให้ตัวคุณเองและคนที่คุณรักหรือยัง : : :
เรื่องจริงเตือนใจครับ
ผมเพิ่งกลับจากงานศพลูกสาวเพื่อนข้างบ้านมาครับ (อายุ 4 ขวบครึ่ง)
เป็นการเสียชีวิตแบบไม่ควรเกิดเลยครับ เรื่องมีอยู่ว่า
ตอนเช้าคุณแม่เขาก็ไปส่งลูกไปโรงเรียนตามปกติ
แต่แปลกที่ว่าลูกสาวพอขึ้นรถมาสักพักก็บ่นว่าหนูง่วงนอนแม่ก็แปลกใจนิดหน่อย
แต่ไม่คิดอะไรมาก เลยให้นอนหลับไป พอใกล้ถึง รร. คุณแม่เขาก็ปลุก
ปรากฎว่าลูกตัวแข็ง และ ปากเขียวคล้ำ ไม่รู้สึกตัว แม่ตกใจมากรีบพาส่ง รพ.
คุณหมอบอกว่า เสียชีวิตแล้ว จากการสันนิษฐานน่าจะเกิดจาก "งูกัด"
คุณแม่บอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเดินออกบ้านมาด้วยกัน ขึ้นรถก็ไม่เห็นงูเลย
เชื่อไหมครับ คุณหมอลองถอดถุงเท้าและรองเท้าดู ผมฟังยังขนลุกเลยครับ
"ลูกงูเห่านอนตายอยู่ในรองเท้านักเรียนครับ" ผมเสียใจแทนคุณแม่จริงๆ ครับ
คาดว่ามันคงไปขดอยู่ในรองเท้า แล้วน้องเขาใส่เขาไป มันเลยฉก
แต่ด้วยความที่มีถุงเท้าอยู่ แล้วเด็กคงเจ็บไม่มาก เลยไม่ได้รู้สึกอะไรมาก
แต่พิษมันมากครับ ผมอยากฝากเพื่อนๆ ไว้ครับ บ้านใครที่ต้นไม้เยอะๆ
หรือวางรองเท้าไว้นอกบ้าน ก่อนใส่เคาะดูสักนิดนะครับ
ผมไม่รู้ว่าโอกาสแบบนี้จะเกิด 1 ใน 100 หรือเปล่า แต่อยากเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์
ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
... ดอกโคมญี่ปุ่น (สวยมากๆเลย)...เรื่องของคนรักกัน...
โพสต์ที่ 3
Subject: FW: RE: FW: Car Insurance : Beware
Date: Tue, 11 Apr 2006 01:40:21 +0000
เห็นคุยกันถึงเรื่อง พรบ. ประกันภัยผู้ประสบภัยทางรถยนต์ก็เลยขอพูดถึงเรื่องนี้สักหน่อย
ถ้าสมมติว่า คุณขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุ
ทำให้บุคคลภายนอก บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
สิ่งที่คุณควรจำไว้ก็คือ " ประกันภัยมีหน้าที่ต้องจ่าย "
แต่สิ่งที่พบเห็นบ่อยๆบนโรงพักก็คือพนักงานของบริษัทประกันภัย
จะเอาเอกสารมาให้คนขับรถเซ็นแล้วพูดกำชับว่า "คุณไม่ผิดใช่ไหมๆ ถ้าคุณไม่ผิด
คุณต้องเซ็นต์นะ"
หารู้ไม่ว่า เอกสารที่เอามาให้เซ็นต์เป็นเอกสารที่สละสิทธิที่ทำให้บริษัทประกันภัยไม่ต้องจ่ายหมายความว่า หากมีการฟ้องร้อง
คุณต้องจ่ายค่าเสียหายเองเต็มจำนวน
---------------------------------------
ผมเพิ่งไปโรงพัก เจอคดีที่คนขับรถชนคนตายรู้เท่าไม่ถึงการณ์เซ็นเอกสารดังกล่าวไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจอธิบายให้คนขับรถฟังภายหลังว่าเอกสารที่เซ็นกับบริษัทประกันไปน่ะ โดนเค้าหลอกให้เซ็นรู้หรือเปล่า
ผู้ต้องหาถึงกับจะไปกระโดดต่อยพนักงานของบริษัทประกันดีที่ตำรวจห้ามไว้ทัน
แต่ที่น่าเจ็บใจแทนก็คือพนักงานบริษัทประกัน หยิบโทรศัพท์โทรขึ้นมาแล้วพูดว่า
"ผมเอาเอกสารให้ลูกค้าเซ็นแล้วนะ อย่าลืม ส่วนแบ่ง ...% " (ผมจำตัวเลขไม่ได้)
-----------------------------------------
ดังนั้นหากไปขับรถชนใครเข้าก็อย่ารีบไปเซ็นต์เอกสารของบริษัทประกันนะครับ
Poo :) Thailand
Date: Tue, 11 Apr 2006 01:40:21 +0000
เห็นคุยกันถึงเรื่อง พรบ. ประกันภัยผู้ประสบภัยทางรถยนต์ก็เลยขอพูดถึงเรื่องนี้สักหน่อย
ถ้าสมมติว่า คุณขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุ
ทำให้บุคคลภายนอก บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
สิ่งที่คุณควรจำไว้ก็คือ " ประกันภัยมีหน้าที่ต้องจ่าย "
แต่สิ่งที่พบเห็นบ่อยๆบนโรงพักก็คือพนักงานของบริษัทประกันภัย
จะเอาเอกสารมาให้คนขับรถเซ็นแล้วพูดกำชับว่า "คุณไม่ผิดใช่ไหมๆ ถ้าคุณไม่ผิด
คุณต้องเซ็นต์นะ"
หารู้ไม่ว่า เอกสารที่เอามาให้เซ็นต์เป็นเอกสารที่สละสิทธิที่ทำให้บริษัทประกันภัยไม่ต้องจ่ายหมายความว่า หากมีการฟ้องร้อง
คุณต้องจ่ายค่าเสียหายเองเต็มจำนวน
---------------------------------------
ผมเพิ่งไปโรงพัก เจอคดีที่คนขับรถชนคนตายรู้เท่าไม่ถึงการณ์เซ็นเอกสารดังกล่าวไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจอธิบายให้คนขับรถฟังภายหลังว่าเอกสารที่เซ็นกับบริษัทประกันไปน่ะ โดนเค้าหลอกให้เซ็นรู้หรือเปล่า
ผู้ต้องหาถึงกับจะไปกระโดดต่อยพนักงานของบริษัทประกันดีที่ตำรวจห้ามไว้ทัน
แต่ที่น่าเจ็บใจแทนก็คือพนักงานบริษัทประกัน หยิบโทรศัพท์โทรขึ้นมาแล้วพูดว่า
"ผมเอาเอกสารให้ลูกค้าเซ็นแล้วนะ อย่าลืม ส่วนแบ่ง ...% " (ผมจำตัวเลขไม่ได้)
-----------------------------------------
ดังนั้นหากไปขับรถชนใครเข้าก็อย่ารีบไปเซ็นต์เอกสารของบริษัทประกันนะครับ
Poo :) Thailand
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
... ดอกโคมญี่ปุ่น (สวยมากๆเลย)...เรื่องของคนรักกัน...
โพสต์ที่ 4
Fwd: FW: Fwd: ความรักต่างคณะ
Thu, 6 Apr 2006 23:11:29 -0700 (PDT)
เหอๆ...นิยามความรักต่างคณะ..
1. เภสัชฯ : แค่ก... แค่ก... ขอยาให้ผมหน่อย ..
ผมมีอาการไอ...เลิฟ ยู...
2. พยาบาล : หน้าที่ของเธอคือเยียวยา พอรักษาหายเธอก็จากไป
3. สัตวะ : Love me , love my dog
4. จิตวิทยา : สะกดจิตเป็นเรื่องง่าย สะกดใจเป็นเรื่องยาก
5. นิเทศ : อกหักไม่ใช่เรื่องใหญ่ ยังเล่นใหม่ได้อีกหลายเทค
6. นิติ : โธ่เอ๊ย...ความรักนี่ช่างไม่ยุติธรรมเลย
7. บัญชี : คำนวณตัวเลขอาจใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาที .....
แต่คำนวณใจเธอนั้นใช้เวลาเป็นปี..
8. รัดสาด : หนุ่มรัฐศาสตร์ขอบอกเธอว่า รัก...สาด...สาด
9. ครุฯ : ผมสามารถสอนคุณได้ทุกอย่าง ...
แต่มีเรื่องเดียวที่อยากให้คุณสอนผม..
10. อักษรฯ : หว่ออ้ายหนี่ ติอาโม เฌอแตม ไอเลิฟยู รักหลายเด้อ..
11. เสดสาด : ได้ใจเธอคือกำไร เธอไม่สนใจคือเท่าทุน
12. โครงการพัฒนา Software : Heartdisk ของเธอมีกี่ 'กิ๊ก '...ส่งใจไปเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม
13. แพทย์ : บุหรี่ผมก็ไม่สูบ สุขภาพก็ดูแลดี ...
แต่พอเจอเธอทุกที...มีอาการโรคปอดขึ้นทันใด
14. วิดยา : ความรักไม่มีสูตรตายตัว..
15. ศิลปกรรม : ปั้นเท่าไหร่ก็ไม่เหมือน เพราะเธอน่ารักขึ้นทุกวัน
16. วิทย์กีฬา : ร่างกายแข็งแรง แต่หัวใจอ่อนแอ
17. สหเวช : ไม่รู้เครื่องเอกซเรย์เสียรึเปล่า เพราะเอกซเรย์ลงไปก็เจอแต่หน้าเธอ..
18. ถาปัด : รักออกแบบไม่ได้..
19. ทันตะ : ถ้าตรวจฟันผมคงเจอแมงกินฟัน....
ถ้าตรวจใจผมคงเจอเธอกินใจ..
20. วิดวะ : คณะเราผู้ชายมันเยอะนี่หว่า.....
ดูไปดูมา...นายก็น่ารักดีนะ. .
Annie ^_________^
Thu, 6 Apr 2006 23:11:29 -0700 (PDT)
เหอๆ...นิยามความรักต่างคณะ..
1. เภสัชฯ : แค่ก... แค่ก... ขอยาให้ผมหน่อย ..
ผมมีอาการไอ...เลิฟ ยู...
2. พยาบาล : หน้าที่ของเธอคือเยียวยา พอรักษาหายเธอก็จากไป
3. สัตวะ : Love me , love my dog
4. จิตวิทยา : สะกดจิตเป็นเรื่องง่าย สะกดใจเป็นเรื่องยาก
5. นิเทศ : อกหักไม่ใช่เรื่องใหญ่ ยังเล่นใหม่ได้อีกหลายเทค
6. นิติ : โธ่เอ๊ย...ความรักนี่ช่างไม่ยุติธรรมเลย
7. บัญชี : คำนวณตัวเลขอาจใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาที .....
แต่คำนวณใจเธอนั้นใช้เวลาเป็นปี..
8. รัดสาด : หนุ่มรัฐศาสตร์ขอบอกเธอว่า รัก...สาด...สาด
9. ครุฯ : ผมสามารถสอนคุณได้ทุกอย่าง ...
แต่มีเรื่องเดียวที่อยากให้คุณสอนผม..
10. อักษรฯ : หว่ออ้ายหนี่ ติอาโม เฌอแตม ไอเลิฟยู รักหลายเด้อ..
11. เสดสาด : ได้ใจเธอคือกำไร เธอไม่สนใจคือเท่าทุน
12. โครงการพัฒนา Software : Heartdisk ของเธอมีกี่ 'กิ๊ก '...ส่งใจไปเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม
13. แพทย์ : บุหรี่ผมก็ไม่สูบ สุขภาพก็ดูแลดี ...
แต่พอเจอเธอทุกที...มีอาการโรคปอดขึ้นทันใด
14. วิดยา : ความรักไม่มีสูตรตายตัว..
15. ศิลปกรรม : ปั้นเท่าไหร่ก็ไม่เหมือน เพราะเธอน่ารักขึ้นทุกวัน
16. วิทย์กีฬา : ร่างกายแข็งแรง แต่หัวใจอ่อนแอ
17. สหเวช : ไม่รู้เครื่องเอกซเรย์เสียรึเปล่า เพราะเอกซเรย์ลงไปก็เจอแต่หน้าเธอ..
18. ถาปัด : รักออกแบบไม่ได้..
19. ทันตะ : ถ้าตรวจฟันผมคงเจอแมงกินฟัน....
ถ้าตรวจใจผมคงเจอเธอกินใจ..
20. วิดวะ : คณะเราผู้ชายมันเยอะนี่หว่า.....
ดูไปดูมา...นายก็น่ารักดีนะ. .
Annie ^_________^
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
... ดอกโคมญี่ปุ่น (สวยมากๆเลย)...เรื่องของคนรักกัน...
โพสต์ที่ 5
Fwd: FW: safety
Mon, 27 Mar 2006 04:44:28 -0800 (PST)
จะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่ มีประโยชน์มาก และช่วยกันส่งต่อด้วยนะ ขับรถให้ปลอดภัย
=====================
กรณีที่ 1 เมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถ มีข้อแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้
1. มือทั้งสองต้องจับอยู่ที่พวงมาลัยอย่างมั่นคง
2. ถอนคันเร่งออก
3. ควบคุมสติให้ดีอย่าตกใจ มองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามมาบ้าง
4. แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ อย่าแตะแรงเป็นอันขาด เพราะจะทำให้รถหมุน
5. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาดเพราะถ้าเหยียบคลัตช์รถจะไม่เกาะถนนรถจะลอยตัว และจะทำให้บังคับรถได้ยากยิ่งขึ้น อาจเสียหลัก เพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ ให้ขาดจากเพลา
6. ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด จะทำให้รถหมุน
7. เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้วให้เปิดไฟสัญญาณเลี้ยวเข้าข้างทางซ้ายมือ
8. เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมได้ ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงและหยุดรถข้อสังเกตเมื่อยางระเบิด คือ ไม่ว่ายางด้านใดจะระเบิดล้อหน้าหรือล้อหลังก็ตาม เมื่อระเบิดด้านซ้ายรถก็จะแฉลบไปด้านซ้ายก่อน แล้วก็จะสะบัดกลับ และสะบัดไปด้านซ้ายอีกที สลับกันไปมา และในทำนองตรงกันข้าม หากระเบิดด้านขวาอาการก็จะกลับเป็นตรงกันข้ามอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากก็ คือ หากขณะยางระเบิดรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วสูงมากๆ พอยางระเบิดขึ้นมารถก็จะกลิ้งทันที ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นการขับรถที่ใช้ความเร็วสูงๆจึงมักจะแก้ไขอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้ เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น ในขณะขับรถ จึงไม่ควรขับรถเร็ว ความเร็วทีถือว่าปลอดภัยใน DEFENSIVE DRIVING คือ ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง
=====================
กรณีที่ 2 เมื่อรถตกน้ำ
ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุแล้วตกลงไปในแม่น้ำ ลำคลองใดๆ ก็ตามรถจะไม่ตกลงไปในน้ำแล้วจมทันทีเหมือนหิน ตกน้ำ แต่จะค่อยๆ จมลงทีละน้อยๆ จนกว่าจะถึงพื้นล่างและในนาทีวิกฤตนี้ ควรตั้งสติให้ดีและปฏิบัติดังต่อไปนี้
1. ปลด SAFETY BELT ออกทุกๆคน รวมทั้งผู้โดยสารด้วย
2. อย่าออกแรงใดๆ เพื่อสงวนการใช้อากาศหายใจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนจำกัด
3. ให้ยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในรถ
4. ปลดล็อกประตูรถทุกบาน
5. หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้าในรถเพื่อปรับความดัน! ในรถและนอกรถให้เท่ากันมิฉะนั้นท่านจะเปิดประตูรถไม่ออก เพราะน้ำจากภายนอกตัวรถจะดันประตูไว้
6. เมื่อความดันใกล้เคียงกันแล้วให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุด แล้วท่านก็ออกจากห้องโดยสารของรถได้
7. จากนั้นท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ หรือจะว่ายน้ำขึ้นมาก็ได้ ในกรณีนี้หากน้ำลึกมากๆอาจจะมองไม่เห็นว่า
ทิศใดเหนือน้ำ ทิศใดใต้น้ำเพราะว่ามืดไปหมด ไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำเพราะอาจจะว่าย ไปในทิศทางที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำ
กรณีเช่นนี้ ควรปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติหรือลองเป่าปากดูว่า ฟองอากาศลอยไปในทิศทางใด ให้ว่ายน้ำไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไป
ก็จะไม่มีอาการหลงน้ำนอกจากนั้น ก่อนออกจากรถ หากท่านมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กๆ อาจจะหนีบเด็กๆ นั้น
ออกมากับท่านได้อีกหนึ่งคน ดังนั้นหากท่านปฏิบัติ ตามวิธีการเหล่านี้ ก็จะช่วยให้ชีวิตของท่าน ปลอดภัยได้ ในยามคับขัน
=====================
อยากให้ทุกคน copy และส่งต่อไปให้เพื่อนๆ และคนรู้จักให้มากๆ เลยนะ เป็นการช่วยเหลือกัน หากเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ขึ้นมา
การมีความรู้ในขั้นตอนในการควบคุมยานยนต์ และการปฏิบัติตนในขณะเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ สามารถช่วยลด
อัตราการตายและการบาดเจ็บได้แน่นอนถ้าจะให้ดี พริ้นเก็บไว้ในรถ
Mon, 27 Mar 2006 04:44:28 -0800 (PST)
จะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่ มีประโยชน์มาก และช่วยกันส่งต่อด้วยนะ ขับรถให้ปลอดภัย
=====================
กรณีที่ 1 เมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถ มีข้อแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้
1. มือทั้งสองต้องจับอยู่ที่พวงมาลัยอย่างมั่นคง
2. ถอนคันเร่งออก
3. ควบคุมสติให้ดีอย่าตกใจ มองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามมาบ้าง
4. แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ อย่าแตะแรงเป็นอันขาด เพราะจะทำให้รถหมุน
5. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาดเพราะถ้าเหยียบคลัตช์รถจะไม่เกาะถนนรถจะลอยตัว และจะทำให้บังคับรถได้ยากยิ่งขึ้น อาจเสียหลัก เพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ ให้ขาดจากเพลา
6. ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด จะทำให้รถหมุน
7. เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้วให้เปิดไฟสัญญาณเลี้ยวเข้าข้างทางซ้ายมือ
8. เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมได้ ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงและหยุดรถข้อสังเกตเมื่อยางระเบิด คือ ไม่ว่ายางด้านใดจะระเบิดล้อหน้าหรือล้อหลังก็ตาม เมื่อระเบิดด้านซ้ายรถก็จะแฉลบไปด้านซ้ายก่อน แล้วก็จะสะบัดกลับ และสะบัดไปด้านซ้ายอีกที สลับกันไปมา และในทำนองตรงกันข้าม หากระเบิดด้านขวาอาการก็จะกลับเป็นตรงกันข้ามอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากก็ คือ หากขณะยางระเบิดรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วสูงมากๆ พอยางระเบิดขึ้นมารถก็จะกลิ้งทันที ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นการขับรถที่ใช้ความเร็วสูงๆจึงมักจะแก้ไขอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้ เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น ในขณะขับรถ จึงไม่ควรขับรถเร็ว ความเร็วทีถือว่าปลอดภัยใน DEFENSIVE DRIVING คือ ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง
=====================
กรณีที่ 2 เมื่อรถตกน้ำ
ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุแล้วตกลงไปในแม่น้ำ ลำคลองใดๆ ก็ตามรถจะไม่ตกลงไปในน้ำแล้วจมทันทีเหมือนหิน ตกน้ำ แต่จะค่อยๆ จมลงทีละน้อยๆ จนกว่าจะถึงพื้นล่างและในนาทีวิกฤตนี้ ควรตั้งสติให้ดีและปฏิบัติดังต่อไปนี้
1. ปลด SAFETY BELT ออกทุกๆคน รวมทั้งผู้โดยสารด้วย
2. อย่าออกแรงใดๆ เพื่อสงวนการใช้อากาศหายใจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนจำกัด
3. ให้ยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในรถ
4. ปลดล็อกประตูรถทุกบาน
5. หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้าในรถเพื่อปรับความดัน! ในรถและนอกรถให้เท่ากันมิฉะนั้นท่านจะเปิดประตูรถไม่ออก เพราะน้ำจากภายนอกตัวรถจะดันประตูไว้
6. เมื่อความดันใกล้เคียงกันแล้วให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุด แล้วท่านก็ออกจากห้องโดยสารของรถได้
7. จากนั้นท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ หรือจะว่ายน้ำขึ้นมาก็ได้ ในกรณีนี้หากน้ำลึกมากๆอาจจะมองไม่เห็นว่า
ทิศใดเหนือน้ำ ทิศใดใต้น้ำเพราะว่ามืดไปหมด ไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำเพราะอาจจะว่าย ไปในทิศทางที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำ
กรณีเช่นนี้ ควรปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติหรือลองเป่าปากดูว่า ฟองอากาศลอยไปในทิศทางใด ให้ว่ายน้ำไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไป
ก็จะไม่มีอาการหลงน้ำนอกจากนั้น ก่อนออกจากรถ หากท่านมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กๆ อาจจะหนีบเด็กๆ นั้น
ออกมากับท่านได้อีกหนึ่งคน ดังนั้นหากท่านปฏิบัติ ตามวิธีการเหล่านี้ ก็จะช่วยให้ชีวิตของท่าน ปลอดภัยได้ ในยามคับขัน
=====================
อยากให้ทุกคน copy และส่งต่อไปให้เพื่อนๆ และคนรู้จักให้มากๆ เลยนะ เป็นการช่วยเหลือกัน หากเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ขึ้นมา
การมีความรู้ในขั้นตอนในการควบคุมยานยนต์ และการปฏิบัติตนในขณะเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ สามารถช่วยลด
อัตราการตายและการบาดเจ็บได้แน่นอนถ้าจะให้ดี พริ้นเก็บไว้ในรถ
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
... ดอกโคมญี่ปุ่น (สวยมากๆเลย)...เรื่องของคนรักกัน...
โพสต์ที่ 6
แบงก์ยูโรติดเรต X แต่ใช้ได้จริง!?!
Date: Wed, 10 May 2006 10:01:56 -0800
อนาโนวา -
แบงก์ยูโรปลอมแถมออกแนวอีโรติกที่ขายเป็นแบงก์ของเล่นในเมืองเบียร์
ถูกพวกหัวเสธ.ไปหลอกใช้ซื้อบุหรี่สำเร็จ แถมได้เงินทอนกลับไปอีกโข
ธนบัตรของเล่นมูลค่า 300, 600 และ 1,000 ยูโร จะมีหัวใจ 12 ดวงล้อมกันเป็นวง
แทนดาวบนธนบัตรยูโรจริง
บนธนบัตรจะพิมพ์ภาพหนุ่มกล้ามแน่นและสาวนู้ดหน้าอกล้นหลาม
นอกจากนั้นแทนที่จะพิมพ์คำว่า Euro ที่มุมธนบัตรกลับปรากฏคำว่า
Eros ซึ่งหมายถึงเทพเจ้าแห่งความรักของกรีก
กระนั้น แม้มีข้อแตกต่างที่สังเกตเห็นชัดเจนหลายจุด
อีกทั้งข้อเท็จจริงที่ว่า
แบงก์ใหญ่ของยูโรที่ออกสู่ระบบมีเพียงแบงก์มูลค่า 100, 200 และ 500ยูโรเท่านั้น
ทว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า
มีพวกหัวเสธ.บางคนนำแบงก์ของเล่นนี้ไปใช้แทนเงินสดจริง
แถมใช้ได้เสียด้วย
เบิร์นด์ ไฟรด์เฮล์ม วัย 33 ปี ยอมรับว่ารับแบงก์ปลอมมูลค่า600 ยูโรจากลูกค้าแปลกหน้าคนหนึ่งที่เข้ามาซื้อบุหรี่สองแถว
และเดินกลับออกไปพร้อมเงินทอน 534 ยูโร
เขาบอกผมว่าเป็นแบงก์ออกใหม่
ผมเองแค่คิดในใจว่าไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น
โฆษกสำนักงานตำรวจโคโลญน์กล่าวว่า
แค่มองคุณต้องรู้แล้วว่าเป็นแบงก์ปลอม อย่างน้อยเราก็ไม่มีแบงก์ 600ยูโร
สำหรับพวกที่ใช้แบงก์ของเล่นนี้เป็นเงินจริง
ไม่ว่าจะล้อเล่นหรือเอาจริงก็ตาม จะต้องถูกดำเนินคดีโดยไม่มีข้อแม้
Date: Wed, 10 May 2006 10:01:56 -0800
อนาโนวา -
แบงก์ยูโรปลอมแถมออกแนวอีโรติกที่ขายเป็นแบงก์ของเล่นในเมืองเบียร์
ถูกพวกหัวเสธ.ไปหลอกใช้ซื้อบุหรี่สำเร็จ แถมได้เงินทอนกลับไปอีกโข
ธนบัตรของเล่นมูลค่า 300, 600 และ 1,000 ยูโร จะมีหัวใจ 12 ดวงล้อมกันเป็นวง
แทนดาวบนธนบัตรยูโรจริง
บนธนบัตรจะพิมพ์ภาพหนุ่มกล้ามแน่นและสาวนู้ดหน้าอกล้นหลาม
นอกจากนั้นแทนที่จะพิมพ์คำว่า Euro ที่มุมธนบัตรกลับปรากฏคำว่า
Eros ซึ่งหมายถึงเทพเจ้าแห่งความรักของกรีก
กระนั้น แม้มีข้อแตกต่างที่สังเกตเห็นชัดเจนหลายจุด
อีกทั้งข้อเท็จจริงที่ว่า
แบงก์ใหญ่ของยูโรที่ออกสู่ระบบมีเพียงแบงก์มูลค่า 100, 200 และ 500ยูโรเท่านั้น
ทว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า
มีพวกหัวเสธ.บางคนนำแบงก์ของเล่นนี้ไปใช้แทนเงินสดจริง
แถมใช้ได้เสียด้วย
เบิร์นด์ ไฟรด์เฮล์ม วัย 33 ปี ยอมรับว่ารับแบงก์ปลอมมูลค่า600 ยูโรจากลูกค้าแปลกหน้าคนหนึ่งที่เข้ามาซื้อบุหรี่สองแถว
และเดินกลับออกไปพร้อมเงินทอน 534 ยูโร
เขาบอกผมว่าเป็นแบงก์ออกใหม่
ผมเองแค่คิดในใจว่าไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น
โฆษกสำนักงานตำรวจโคโลญน์กล่าวว่า
แค่มองคุณต้องรู้แล้วว่าเป็นแบงก์ปลอม อย่างน้อยเราก็ไม่มีแบงก์ 600ยูโร
สำหรับพวกที่ใช้แบงก์ของเล่นนี้เป็นเงินจริง
ไม่ว่าจะล้อเล่นหรือเอาจริงก็ตาม จะต้องถูกดำเนินคดีโดยไม่มีข้อแม้
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
... ดอกโคมญี่ปุ่น (สวยมากๆเลย)...เรื่องของคนรักกัน...
โพสต์ที่ 7
หม้อน้ำร้อนที่ใช้ฆ่าเชื้อช้อนส้อมตามศูนย์อาหาร
Date: Fri, 05 May 2006 03:22:46 -0800
มีเพื่อนที่เป็นหมอเค้าเตือนมา จะสรุปให้ฟังละกันนะครับ
เพื่อนๆ ที่ไปกินอาหารที่ศูนย์อาหารตามห้าง หรือโรงอาหารต่างๆ
ต้องเห็นเจ้าหม้อน้ำร้อนที่วางไว้ตรงที่หยิบ
ช้อนส้อมแน่ๆ ใช่มั๊ยครับ แน่นอนว่าอยากจะให้ถูกหลักอานามัย
เอาช้อนส้อมจุ่มลงไปก่อนใช้ อู้ย สะอ๊าดสะอาด
เชื้อโรคตายเป็นเบือ
แต่ ... เราโดนมันหลอกครับ
การที่เราจุ่มช้อนส้อมลงไปในหม้อน้ำร้อนนั้น
มันจะได้เชื้อโรคเพิ่มขึ้นมาอีก
เพราะจริงๆ แล้วมีเชื้อโรคหลาย
ชนิดที่สามารถทนความร้อนมากๆ ได้ นอกจากทนแล้ว
ยังแพร่พันธุ์ได้อีกต่างหาก
แถมบางที่ หม้อน้ำก็ไม่ได้
เดือดเล้ย ... ลองนึกภาพตามดูนะครับ
คนงานเอาน้ำมาต้มแล้ววางไว้ให้คนมาจุ่ม
ตอนแรกยังไม่มีเชื้อโรคอะไรเลย ...
มีลูกค้าคนแรก เอาช้อนส้อมจุ่มลงไป น้องจุ๊บแจง(เชื้อโรคตัวที่1)
ก็ลงไปในน้ำ นอนแช่สบายใจ
แถมแพร่พันธุ์ออกมาอีก ...
ลูกค้าคนที่ 2 เอาช้อนส้อมจุ่มลงไปอีก คราวนี้น้องจีจี้(เชื้อโรคตัวที่2)
ก็ลงไปว่ายน้ำเล่นกับน้องจุ๊บแจงและแพร่พันธุ์อีก ...
ลูกค้าคนที่ 3 เอาช้อนส้อมจุ่มลงไปอีก
คราวนี้น้องจอย(เชื้อโรคตัวที่ 3)
ก็ลงไปว่ายน้ำเล่นกับเพื่อนๆ ที่แพร่พันธุ์อยู่ในหม้อน้ำ ...
วันนึงๆ มีลูกค้ามากินอาหารมากมาย ต่างคนก็ต่างจุ่ม
เชื้อโรคก็ลงไปทีละตัวสองตัว หม้อน้ำก็ไม่ต่างอะไรกับหม้อไฟเชื้อโรคดีๆนี่เองครับ
ตอนที่เราจุ่มลงไป พวกน้องจุ๊บแจง น้องจีจี้ น้องจอย ฯลฯ ก็เกาะช้อนส้อมขึ้นมา ด้วย
คราวหน้า ถ้าเพื่อนๆ ไปกินอาหารตามศูนย์อาหารล่ะก็
ไม่ต้องไปจุ่มหรอกครับหยิบมาเลย
ที่ช้อนส้อมอาจจะมี เชื้อโรค แต่อย่างน้อยมันก็อาจจะมีแค่น้องเอม(เชื้อโรคอีกตัว)
เกาะอยู่แค่ตัวเดียว ดีกว่าจุ่มไปแล้วได้รับมาอีกหลายตัว ...
เดี๋ยวจะสับรางไม่ทันนา เหอะๆ :D
Date: Fri, 05 May 2006 03:22:46 -0800
มีเพื่อนที่เป็นหมอเค้าเตือนมา จะสรุปให้ฟังละกันนะครับ
เพื่อนๆ ที่ไปกินอาหารที่ศูนย์อาหารตามห้าง หรือโรงอาหารต่างๆ
ต้องเห็นเจ้าหม้อน้ำร้อนที่วางไว้ตรงที่หยิบ
ช้อนส้อมแน่ๆ ใช่มั๊ยครับ แน่นอนว่าอยากจะให้ถูกหลักอานามัย
เอาช้อนส้อมจุ่มลงไปก่อนใช้ อู้ย สะอ๊าดสะอาด
เชื้อโรคตายเป็นเบือ
แต่ ... เราโดนมันหลอกครับ
การที่เราจุ่มช้อนส้อมลงไปในหม้อน้ำร้อนนั้น
มันจะได้เชื้อโรคเพิ่มขึ้นมาอีก
เพราะจริงๆ แล้วมีเชื้อโรคหลาย
ชนิดที่สามารถทนความร้อนมากๆ ได้ นอกจากทนแล้ว
ยังแพร่พันธุ์ได้อีกต่างหาก
แถมบางที่ หม้อน้ำก็ไม่ได้
เดือดเล้ย ... ลองนึกภาพตามดูนะครับ
คนงานเอาน้ำมาต้มแล้ววางไว้ให้คนมาจุ่ม
ตอนแรกยังไม่มีเชื้อโรคอะไรเลย ...
มีลูกค้าคนแรก เอาช้อนส้อมจุ่มลงไป น้องจุ๊บแจง(เชื้อโรคตัวที่1)
ก็ลงไปในน้ำ นอนแช่สบายใจ
แถมแพร่พันธุ์ออกมาอีก ...
ลูกค้าคนที่ 2 เอาช้อนส้อมจุ่มลงไปอีก คราวนี้น้องจีจี้(เชื้อโรคตัวที่2)
ก็ลงไปว่ายน้ำเล่นกับน้องจุ๊บแจงและแพร่พันธุ์อีก ...
ลูกค้าคนที่ 3 เอาช้อนส้อมจุ่มลงไปอีก
คราวนี้น้องจอย(เชื้อโรคตัวที่ 3)
ก็ลงไปว่ายน้ำเล่นกับเพื่อนๆ ที่แพร่พันธุ์อยู่ในหม้อน้ำ ...
วันนึงๆ มีลูกค้ามากินอาหารมากมาย ต่างคนก็ต่างจุ่ม
เชื้อโรคก็ลงไปทีละตัวสองตัว หม้อน้ำก็ไม่ต่างอะไรกับหม้อไฟเชื้อโรคดีๆนี่เองครับ
ตอนที่เราจุ่มลงไป พวกน้องจุ๊บแจง น้องจีจี้ น้องจอย ฯลฯ ก็เกาะช้อนส้อมขึ้นมา ด้วย
คราวหน้า ถ้าเพื่อนๆ ไปกินอาหารตามศูนย์อาหารล่ะก็
ไม่ต้องไปจุ่มหรอกครับหยิบมาเลย
ที่ช้อนส้อมอาจจะมี เชื้อโรค แต่อย่างน้อยมันก็อาจจะมีแค่น้องเอม(เชื้อโรคอีกตัว)
เกาะอยู่แค่ตัวเดียว ดีกว่าจุ่มไปแล้วได้รับมาอีกหลายตัว ...
เดี๋ยวจะสับรางไม่ทันนา เหอะๆ :D