+++ คนไข้เตียงที่ 15 ( ใครเป็นคนบาปตัวจริง..)+++

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
bluesky
Verified User
โพสต์: 332
ผู้ติดตาม: 0

+++ คนไข้เตียงที่ 15 ( ใครเป็นคนบาปตัวจริง..)+++

โพสต์ที่ 1

โพสต์

+++คนไข้ I.C.U. : คนไข้เตียงที่ 15 Septic abortion (ติดเชื้อจากการทำแท้ง) +++



**คนไข้เตียงที่ 15**

คนไข้ชื่อ นางสาววิมวล อายุ 16 ปี

ป้ายหน้าเตียงเขียนว่า Septic abortion (ติดเชื้อจากการทำแท้ง)

นางสาววิมวล เป็นนักเรียนชั้น ม.5 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง พ่อแม่เป็นชาวนา อยู่บ้านนอก ส่งเธอเรียนหนังสือในเมือง ให้เช่าหอพักเอกชนอยู่

เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อนร่วมห้องกลับบ้าน วิมวลบอกไม่กลับ จะทำการบ้านอยู่ที่หอ

วันจันทร์เย็น เมื่อเลิกเรียน เพื่อนกลับมาที่หอ พบวิมวลนอนตัวร้อนจัดอยู่ที่ห้อง จึงพามาโรงพยาบาล

หมอมานพ แพทย์เวรประจำห้องฉุกเฉิน ตรวจนางสาววิมวลและบันทึกไว้ว่า

"คนไข้อายุ 16 ปี เพื่อนร่วมห้องพามาส่งโรงพยาบาล บอกว่า มีไข้สูง ไม่พูดไม่จา ตรวจร่างกายพบว่า หน้าตาซีด ร่างกายขาดน้ำ ปากและลิ้นแห้ง ไข้สูงมาก 41 องศาเซลเซียส ซึม ถามคำตอบคำ ตามตัวมีจ้ำเลือดสีม่วงขึ้นทั่วตัว ปอดปกติ หัวใจเต้นเร็วและเบา

หน้าท้องนูน แข็ง คลำพบก้อนโตจากหัวหน่าวขึ้นมาเหนือสะดือหนึ่งฝ่ามือ ฟังหัวใจเด็กทารกในครรภ์ไม่ได้ มีเลือดกลิ่นเหม็นไหลซึมออกมาจากช่องคลอด วินิจฉัย ส่งสัยไปทำแท้งเถื่อนมา"

หมอมานพปรึกษาฉัน ให้มาดูนางสาววิมวลโดยด่วน เพราะความดันคนไข้ต่ำมาก

เมื่อฉันไปถึงห้องฉุกเฉิน หมอมานพสั่งการให้เลือด ให้น้ำเกลือ และยาปฏิชีวนะ ฆ่าเชื้อโรคไปแล้ว

ฉันตรวจภายในนางสาววิมวล และบันทึกไว้ว่า

"อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกปกติ ช่องคลอดสีคล้ำ เป็นลักษณะของคนตั้งครรภ์ มีน้ำเลือดกลิ่นเหม็นไหลออกมา ปากมดลูกมีการฉีกขาด เหมือนกับถูกสอดวัสดุแข็งเข้าไปด้านใน มดลูกโตเท่ากับคนตั้งครรภ์เจ็ดเดือน"

ฉันลากเครื่องอุลตร้าซาวนด์มาตรวจหน้าท้องของนางสาววิมวล จริงดังคาด...

เธอตั้งครรภ์เจ็ดเดือน ในโพรงมดลูกมีเด็กทารกนอนขดในท่าขวาง "เด็กนั้นเสียชีวิตแล้ว" และไม่มีน้ำครำเหลืออยู่เลย

"หนูวิมวล" ฉันเรียกเธอ เธอลืมตา

"ไปทำแท้งที่ไหนมา"

เธอลืมตาด้วยความยากลำบาก มองไปที่กระเป๋าเสื้อนักเรียนที่เธอสวม

ฉันเอามือล้วงดู เป็นเบอรฺโทรศัพท์มือถือ ของใครสักคน...

อาการของนางสาววิมวลรุนแรงมาก ผลการตรวจเลือด พบว่ามีการติดเชื้ออย่างรุนแรง จนทำให้เลือดในกายไม่แข็งตัว

ฉันรีบรับเธอไว้ในห้องไอซียู สั่งให้ยาฆ่าเชื้ออย่างดีที่สุดถึงสามชนิด เพื่อให้ฆ่าเชื้อโรคที่เกิดจากการทำแท้งเถื่อนให้ได้

สั่งให้น้ำเหลือง (Palsma) และเกร็ดเลือด เพื่อช่วยให้เลือดแข็งตัว ถ้าเลือดแข็งตัวดีขึ้นฉันจะผ่าตัดเอาเด็กที่ตายออกจากครรภ์

ส่งการรักษาวิมวลเสร็จ ฉันเชิญเพื่อนของวิมวลที่ส่งเธอเข้าโรงพยาบาลมาพบ เพื่อนนางสาววิมวล ชื่อ ลำดวน

ลำดวนหน้าตาซีดเผือดกลัวความผิด เมื่อฉันซักไซ้ไล่เลียง

"พ่อแม่ของวิมวลอยู่ที่ไหน"

"อยู่บ้านไผ่ประทับทรง" ลำดวนบอกชื่อหมู่บ้านที่อยู่รอยต่อของจังหวัด ห่างจากที่นี่เป็นร้อยกิโล และหนทางไปมาไม่สะดวก

"พ่อแม่เขามีโทรศัพท์มือถือไหม"

"ไม่น่าจะมี เห็นวิเล่าว่า ไฟฟ้าเพิ่งเข้าปีนี้เอง"

"แล้วแฟนของวิมวลเป็นใคร"

"หนูไม่รู้" ลำดวนรีบปฏิเสธปากคอสั่น

"หนูรู้ไหมว่าวิมวลท้อง"

"หนูไม่รู้จริงๆ หนูไม่ได้สนใจวิเลย จะไปไหนมาไหน ก็ไม่เคยถาม"

"แล้วหนูรู้ไหมว่า วิมวลไปทำแท้งที่ไหน"

"หนูไม่รู้"

"งั้นหนูช่วยติดต่อพ่อแม่ของวิมวล ว่าวิมวลป่วยหนักอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ หนูจะติดต่อได้ใหม"

"ได้ค่ะ" หน้าตาลำดวนแช่มชื่นขึ้น เมื่อฉันหยุดซักไซ้เธอ

เบอร์โทรศัพท์นี้ของใคร...?

วันรุ่งขึ้น การแข็งตัวของเลือดดีขึ้น ไข้ลดลง แต่ปัสสาวะของวิมวลเริ่มออกน้อย นั่นคือไตของวิมวลเริ่มวาย จากการติดเชื้อในร่างกาย ร่วมกับสารพิษที่หมอเถื่อนฉีดเข้าไปในโพรงมดลูก!

ฉันรู้จากประสบการณ์ ในทันที

วิมวลตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ เธอจึงไปทำแท้งโดยวิธีให้หมอเถื่อนฉีดน้ำยาเข้าไปในโพรงมดลูก วิธีนี้นอกจากสามารถฆ่าเด็กทารกในครรภ์แล้ว ยังทำให้น้ำครำรั่วออกมา เกิดการกระตุ้นให้เจ็บครรภ์ คลอด หรือแท้งได้

วิธีนี้เป็นวิธีโบราณที่หมอเถื่อนนิยมทำเมื่อมีการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ขนาดท้องสี่เดือนขึ้นไป และทำแบบนี้มาตั้งแต่สมัยยี่สิบก่อน ตั้งแต่ฉันยังเป็นนักศึกษาแพทย์

การทำแท้งวิธีนี้ง่าย ไม่ต้องลงทุนอะไร อาศัยคนที่รู้จักว่า ปากมดลูกอยู่ตรงไหน เท่านั้นก็พอ

พวกเขาใช้ท่อแยงยัดเข้าไปในโพรงมดลูก และฉีดน้ำยาเข้าไป

การทำแท้งแบบนี้ ผู้ทำแท้งไม่ต้องลงทุนอะไร ไม่ต้องสนใจว่าเด็กทารกในท้องจะโตเท่าไร เพราะเด็กก็ไม่ใช่ลูกของเขา มดลูกก็ไม่ใช่มดลูกของเขา

มิหนำซ้ำ ผู้ทำแท้งเถื่อน ยังสั่งผู้ทำแท้งอย่างหน้าชื่นตาบานหลังจากเก็บเงินอัตรา มาตรฐาน คือเดือนละพัน ว่า...

"ใจเย็นๆ เดี๋ยวเด็กจะแท้งออกมาเอง ภายในสองวัน ถ้าปวดท้องมาก หรือไม่แท้ง ให้ไปหาหมอในโรงพยาบาล เดี๋ยวหมอก็จะเอาเด็กในท้องออกให้เอง"

แต่...ผู้ทำแท้งเถื่อนไม่ยอมบอกหญิงผู้เคราะห์ร้ายว่า

"คุณอาจจะต้องเสียมดลูก และเสียชีวิตได้"

โดยเฉพาะวิมวล เด็กทารกอยู่ในท่าขวาง เด็กไม่สามารถแท้งออกมาได้เอง ต้องผ่าตัดออกประการเดียว

พ่อแม่ของวิมวลมารอพบฉันที่หน้าห้องไอซียูแล้ว...

"ลูกวิเป็นอย่างไรบ้างหมอ" พ่อแม่ของนางสาววิมวลถามพร้อมกัน

"วิมวลตั้งครรภ์เจ็ดเดือน เขาไปทำแท้งเถื่อนมา มีการติดเชื้อจากการทำแท้ง อาการหนัก เด็กทารกในครรภ์ตายไปแล้ว ตอนนี้ไตของวิมวลเริ่มผิดปกติ" หน้าตาฉันเคร่งเครียด

แม่เรอเอิ้ก หน้าตาซีดเผือด เขาทรุด พ่อเข้าประคองไว้

"เป็นไปได้อย่างไร ลูกคนเดียว ลูกคนดีของเรา" แม่พร่ำพรรณนา

วิมวลเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อแม่ เรียนเก่ง และได้ทุนเรียนดีมาตลอด นี่เองที่ทำให้พ่อแม่ส่งเธอมาเรียนต่อที่โรงเรียนประจำจังหวัด เพื่อให้ลูกมีอนาคตที่สดใสกว่าพ่อแม่

การตั้งครรภ์ไม่ได้แสดงว่าวิมวลเป็นคนไม่ดี สังคมปัจจุบันมีสิ่งเย้ายวนมากมาย ถ้าอ่อนต่อโลก ก็อาจจะพลาดได้

"ที่บ้านพ่อแม่ หรือญาติๆ มีโทรศัพท์มือไหมคะ" ฉันถามสิ่งที่ค้างคาใจ

"ไม่มีเลย" พ่อตอบอย่างสงสัย

"ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ" ฉันกลบเกลื่อน

"พอรับวิมวลไว้ในห้องไอซียู ก็อยากจะปรึกษาพ่อกับแม่ด่วน เพราะอาจจะต้องผ่าตัดเอาเด็กออก แต่อาการของวิมวลหนักมาก ไม่รู้ตัว ภาวะการแข็งตัวของเลือดไม่ปกติ ตอนนี้ไตก็ไม่ทำงาน การผ่าตัดอาจจะเสี่ยง"

"ถ้าไม่เอาเด็กออกจะเป็นอย่างไร" พ่อถามขณะแม่เอามืออุดปากร้องไห้

"ถ้าไม่เอาออก เด็กทารกที่ติดเชื้อจากการทำแท้งเถื่อนที่ไม่สะอาด ก็เป็นแหล่งแพร่เชื้อ อาการก็จะยิ่งแย่กว่าเดิม

"ผ่าเถอะหมอ" พ่อบอก

"ถ้าผ่าตัด โอกาสรอดแค่ห้าสิบห้าสิบ ถ้าไม่ผ่า แทบไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย"

สิ้นคำพูดของฉัน แม่ทรุดลงในอ้อมกอดพ่อ

ไม่ใช่เพราะฉันเป็นหมอที่โหด แต่รายของนางสาววิมวล การบอกความจริงเป็นสิ่งที่พึงต้องกระทำ เพราะอาการของวิมวลแย่ลง จนไม่อาจจะหายใจเองได้แล้ว

ฉันผ่าตัดเข้าช่องท้องของวิมวล ใช้ยาสลบอ่อนที่สุด เพราะร่างกายของเธอแทบไม่ตอบสนองต่อความรู้สึกเจ็บปวดใดๆ

อนาจใจนัก เมื่อเห็นมดลูกของวิมวลมีรอยทะลุจากการถูกของแข็งแทงหลายรู มีสีคล้ำ และกำลังเน่า ในช่องท้องมีหนองและส่งกลิ่นเหม็น

ฉันตัดสินใจตัดมดลูก โดยวิธี Subtotal hysterectomy เพื่อใช้เวลาสั้นที่สุด เพียงสิบห้านาทีการผ่าตัดก็สิ้นสุด

มองเด็กทารกในมดลูกที่เน่าเละ มีสีม่วงคล้ำ ส่งกลิ่นเหม็น คะเนจากสายตาถ้ายังไม่ตาย เด็กต้องมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าหนึ่งกิโลกรัม

ออกจากห้องผ่าตัด วิมวลกลับไปอยู่ที่ห้องไอซียู

ไม่น่าเชื่อว่า หลังการผ่าตัดมดลูกทิ้ง แม้เธอจะใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่เธอลืมตาได้ และเขียนหนังสือคุยกับพ่อแม่ได้

"พ่อแม่จ๋า หนูขอโทษ" เธอเขียนดังนี้

"ใครทำลูกท้อง" พ่อแม่คาดคั้น

เธอสั่นหน้าน้ำตาไหล

ฉันบอกพ่อแม่ของเธอเป็นส่วนตัว

"วิมวลเขาอยากได้กำลังใจ พ่อแม่อย่าไปทำให้เขาเครียดไปกว่านี้"

วันที่สองของการออกมาจากห้องผ่าตัด พ่อแม่เข้าเยี่ยมเหมือนเคย วิมวลรีบลืมตาเมื่อพ่อแม่เข้าใกล้

"วิ พ่อแม่เข้าใจลูก พ่อแม่อภัยให้ลูก ขอให้ลูกหายใวๆ" พ่อแม่บอก

นางสาวิมวลยิ้ม ใบหน้าแจ่มใสขึ้นมาทันที

"ลูกต้องหายแน่ๆ หน้าตาลูกแจ่มใสเป็นคนละคนกับวันแรกที่เรามาหาลูก" แม่บอกพ่ออย่างดีใจ

คืนนั้นเอง พยาบาลห้องไอซียูรายงาน...

"ความดันของวิมวลเหลือเจ็ดสิบห้าสิบ ปัสสาวะไม่ออกเลย"

"ให้โดปามีน" ฉันสั่งให้ยาเพิ่มความดันโลหิต และรีบไปดู วิมวลนอนนิ่ง ความดันลดลงจนคลำไม่ได้ ไม่ตอบสนองต่อยาที่รักษา

"ปั้ม" ฉันส่งสัญญาณ เมื่อเสียงแหลมของเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจร้องเตือน ก่อนคลื่นไฟฟ้าหัวใจของวิมวลจะแบนราบ

ฉันรีบปีนขึ้นเตียงไอซียูที่รูดม่านกั้น ไม่ให้เตียงข้างๆเห็น สองมือวางซ้อนกัน กดไปที่หน้าอกวิมวล เด็กสาวอายุ 16 ปี

"พึ่บพั่บ พึ่บพั่บ" เสียงปั้มหน้าอก

"ฉีดอดรีนาลีน และไบคาร์บ" ฉันสั่งฉีดยากระตุ้นหัวใจ และลดความเป็นกรดของเลือด

การปั้มหัวใจช่วยชีวิต ดำเนินไปถึงสองชั่วโมง ไม่อาจพาชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งกลับคืนมา

"เชิญพ่อแม่ของวิมวล พบหมอด้วย" ฉันบอก

พ่อแม่ของวิมวล นอนเฝ้าดูลูกสาวที่หน้าห้องไอซียูนี่เอง

เสียงร้องไห้โหยหวนอย่างเจ็บปวดของแม่และพ่อ ที่ตื่นขึ้นมาเพื่อรับรู้ความจริงว่า วันต่อไปนี้จะไม่มีลูกสาวที่ชื่อวิมวลอีกแล้ว...

เป็นเสียงที่ประทับในความทรงจำฉันตลอดมา

ฉันโทรศัพท์ไปตามหมายเลขที่วิมวลให้มา...เป็นชื่อของสถานพยาบาลแห่งหนึ่ง

เจ้าของสถานพยาบาลนั้นเป็นพยาบาลอายุห้าสิบปี

ฉันรู้ทันทีว่า นี่คือสถานที่ที่ทำแท้งให้วิมวล...เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่มีชื่อมานานในการรับทำแท้งเถื่อน โดยที่ไม่มีใครเอาผิด

เมื่อเจ้าของสถานพยาบาลที่รับทำแท้งเถื่อนรับสายและพูดว่า

"ฮัลโหล"

ฉันอยากบอกเธอเหลือเกินว่า

"นางสาววิมวลตายพร้อมลูกในท้องไปแล้ว"

แต่ที่ทำได้ คือค่อยๆวางหูโทรศัพท์ลง โดยไม่ส่งเสียง

ฉันถามตนเองว่า ใครผิด

พ่อแม่ที่ส่งลูกมาเรียนไกลหูไกลตา ?

เด็กสาวที่หลงระเริงกับความรัก ความใคร่ ?

ผู้ชาย ที่ไม่มีความรับผิดชอบ ?

ครูบาอาจารย์ที่ไม่อาจสอนเด็กให้มีศิลธรรมและความยับยั้งชั่งใจ ?

สังคม ที่มีแต่เรื่องลามก อนาจาร และสนุกสนาน ?

คนทำแท้งเถื่อน ?

หมออย่างฉันที่ไม่สามารถรักษาชีวิตเธอไว้ได้ ?

กฏหมายที่หย่อนยาน ไม่สามารถเอาผิดกับคนรับทำแท้งเถื่อน ?

หรือกฏหมายการทำแท้งที่ล้าสมัยไม่รับกับเหตุการณ์บ้านเมืองและสังคม ?

แม้ในวันนี้ ปัญหาความสัมพันธ์ทางเพศจะพลิกโฉม การร่วมเพศตั้งแต่วัยเรียน เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป...แต่กฏหมายการทำแท้ง ยังเป็นกฏหมายของกว่ายี่สิบปีก่อน...

...นั่นคือ การทำแท้งที่ถูกกฏหมาย คือการทำแท้งเพื่อการรักษา...โดยแพทย์ เมื่อพิจจารณาเห็นแล้วว่าหากปล่อยให้ครรภ์ดำเนินต่อไปจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมารดาและเด็ก หรือครรภ์ที่เกิดจากการข่มขืนที่มีการแจ้งความตามกฏหมาย

การทำแท้ง เมื่อไม่พร้อมจะมีลูก เป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย ผิดศิลธรรม

แล้วทางออก ของเด็กวัยเรียนที่พลาด ไม่พร้อมจะมีลูก อยู่ที่ไหน ?

"อัฑฒฺ เจว ทฬิทฺทา จ สพเพ มจฺจุปรายนา ...ทั้งคนมีคนจน ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า"

แม้คนเราทุกคนเกิดมาต้องตาย...แต่วิมวลตายจากไปโดยไม่สมควรอย่างยิ่ง

คุณล่ะ คุณคิดว่าใครทำให้วิมวลต้องตายก่อนวัยอันสมควร ?

=============================

คัดลอกมาจากบทความของ พญ.ชัญวลี ศรีสุโข ค่ะ

ตีพิมพ์ลงในหนังสือ 108 คนไข้ I.C.U. ฉบับวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2545
มีบางคนบอกว่า คนเราเกิดมาเพื่อตามหาอีกครึ่งหนึ่งของตัวเรา
jaychou
ผู้ติดตาม: 0

+++ คนไข้เตียงที่ 15 ( ใครเป็นคนบาปตัวจริง..)+++

โพสต์ที่ 2

โพสต์

หนาวเลยครับ

แต่ก็ขอบคุณมากที่เอามาลงให้อ่าน
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

+++ คนไข้เตียงที่ 15 ( ใครเป็นคนบาปตัวจริง..)+++

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

+++ คนไข้เตียงที่ 15 ( ใครเป็นคนบาปตัวจริง..)+++

โพสต์ที่ 4

โพสต์

คุณหมอบรรยายได้ดี

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม

ผมเองเคยเรียนทำแท้ง มา 1 เคส

เหอๆ รับรองเก่งกว่าหมอเถื่อน อย่างแน่นอน ถ้าได้รับการฝึกจากรุ่นพี่ที่รับทำแท้ง อีกสักหน่อย

อย่างไรก็ตาม

คนเรามีทางเลือกเสมอ และผมก็ไม่เลือกที่จะไปทำ

และรอวันที่มีสงครามกลางเมือง ผมจะรับอาสา ไปเย็บแผล ผมเย็บแผลเก่งครับคุณหมอ

ตอนทำคลอด 10 เคส เย็บสวย อาจารย์และรุ่นพี่ชมเลย ขนาด กล้ามเนื้อเรียบ ที่ปากทวารฉีกขาด ผมเป็นนักเรียนแพทย์ยังมองเห็น และไปตามรุ่นพี่มาดู อิอิ

แต่ระบบสมัยก่อน ไม่ได้ทำให้คนที่น่าจะเป็นหมอ ที่ดีที่สุดในโลกคนนึง อย่างผม สำเร็จเป็นหมอได้

โลกก็มีเรื่องดีและเรืองเลวร้ายเสมอ

ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม

ไม่ว่าเราจะพัฒนาอะไรให้มันก้าวหน้าแค่ไหนก็ตาม

พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ ไม่มีสุข มีแต่ทุกข์ที่ลดลง
ปุย
Verified User
โพสต์: 2032
ผู้ติดตาม: 0

+++ คนไข้เตียงที่ 15 ( ใครเป็นคนบาปตัวจริง..)+++

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เอา กฎหมาย แบบประเทศอิสลาม ที่ผมอยู่ ดีไหมครับ

1. ชาย-หญิง ที่ไม่ใช่ญาติ และ ที่ไม่ได้แต่งงานกัน ห้ามอยู่กันในที่ลับตา 2 ต่อ 2 แม้จะไม่มีอะไรกันก็ตาม ผิดกฎหมายครับ ที่ลับตา นี่รวมถึง รถที่ติดฟิมล์ทึบด้วยนะครับ ตำรวจไม่รู้ ไม่เป็นไร ถ้ามีใครไปบอก ติดคุกครับ

อันนี้ เค้าว่า พวก share ห้องพักระหว่างชาย-หญิง ก็โดนกันครับ

2. ผู้หญิง คลอดลูกนอกสมรส  ผิดกฎหมายครับ ถึงแม้จะคลอดหลังแต่งงาน ไม่ถึง 9 เดือน ก็ผิดครับ เค้าเรียก ช่วง wedlock

ถ้าเป็นดาราไทย คงโดนกันทั้งนั้น

3. ผู้ชาย ที่ลวนลามทางเพศ กับผู้หญิง ทั้งในที่สาธารณะ ก็ไม่เหลือครับ จับติดคุกหมด

-------------------------------------------------------------------------
คดีพวกนี้ ลหุโทษ ติดคุกสักเดือน โดยโบยหวายสักหน่อย แต่หลังจากนั้น พวกต่างชาติ เนรเทศกลับประเทศครับ ไม่มีโอกาส ทำผิดซ้ำสอง และไม่มีโอกาส ทำงานต่อเท่านั้นเอง
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

+++ คนไข้เตียงที่ 15 ( ใครเป็นคนบาปตัวจริง..)+++

โพสต์ที่ 6

โพสต์

อ่านแล้วสะเทือนใจจัง คุณหมอบรรยายได้เห็นภาพมาก  :cry:
ขอบคุณคุณ bluesky ที่เอามาให้อ่าน


หลังจากอ่านกฎหมายกลุ่มประเทศอิสลามแล้วก็หนาวเหมือนกัน
ขอบคุณพี่ Bangkok ที่เอามาเล่าให้ฟัง อยากเรียนถามดังนี้ครับ

1. หากชาวต่างชาติที่เป็นแฟนกันแต่ยังไม่ได้แต่งงาน
แล้วไปทำงานในกลุ่มประเทศอิสลาม
เขาต้องแยกห้องกันอยู่มั้ยครับ หรือกฎหมายนี้บังคับใช้เฉพาะชาวมุสลิม

2. ฟังข่าวเห็นกลุ่มมุสลิมใน Indonesia ต่อต้านนิตยสาร Penthouse
อยากทราบว่า กลุ่มประเทศแถบนั้นได้รับวัฒนธรรมตะวันตกไปมากน้อยแค่ไหนครับ
ประเภทนางแบบเดินนุ่งน้อยหุ่มน้อย บน Catwalk หรือ ถ่ายแบบลงนิตยสารแนว Sexy แบบนี้มีให้เห็นหรือเปล่าครับ
และหากมีชาวต่างชาติ ใส่สายเดี๋ยวเกาะอก จะถูกมองอย่างไร
และจะมีความผิดหรือเปล่าครับ

ขอบคุณมากครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
ปุย
Verified User
โพสต์: 2032
ผู้ติดตาม: 0

+++ คนไข้เตียงที่ 15 ( ใครเป็นคนบาปตัวจริง..)+++

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ตอบคุณ HVI

คือส่วนใหญ่ ผมอ่านข่าวจาก นสพ. รายวัน เขาจะรายงานข่าวอาชญากรรม พร้อมทั้งบทลงโทษ จากศาลขั้นต้น
(ชื่อผู้เกี่ยวข้อง เขาจะบอกชาติ แต่ใช้อักษรย่อ เช่น A.B.) บางครั้ง เขาก็จะมี สกู๊ป เกี่ยวกับ กฎหมาย ที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้
แต่ตัวกฎหมายจริงๆ ผมก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดเหมือนกัน

แต่จากคำถาม คนต่างชาติที่มาทำงาน ที่เป็นแฟนกัน แล้วอยู่ด้วยกัน
ถ้ามีคนไปบอกตำรวจ ผมว่าผิดแน่ๆครับ  เพราะข่าวที่ผมอ่านเขาว่า คนฟิลิปปินส์ ชาย-หญิง มักจะแชร์ห้องกันอยู่ แต่ถ้าเป็น ชาวต่างชาติที่เป็นนักท่องเที่ยว เค้าคงไม่ยุ่ง

สังคมที่นี่ จะแบ่งแยกเพศค่อนข้างชัดเจนครับ  อย่างที่นั่งรอในคลีนิค ก็จะแยกนั่ง ชาย-หญิง ที่ออกกำลังกาย Fitness club ก็แยกของชายส่วนนึง หญิงส่วนนึง ผมเคยได้ยิน งานแต่งงานของคนมุสลิม จัดโรงแรม ก็แยกห้องจัดเลี้ยง ชายห้องนึง หญิงห้องนึงครับ  รถบัสก็ ผู้หญิงนั่งส่วนหน้า ผู้ชายนั่งหลัง

ส่วนข้อ 2 นี่ขึ้นอยู่กับแต่ละเมืองครับ อย่างผมอยู่ อาบูดาบี ก็ค่อนข้างจะเคร่งหน่อย แต่มีเพื่อนต่างชาติที่เคยทำงานที่ซาอุ บอกว่าที่โน่นเคร่งกว่าเยอะ
ส่วนดูไบ นี่เสรี แทบจะเป็นเหมือนเมืองที่ยุโรปแล้ว คือฝรั่งเยอะมาก ผมยังเคยเจอฝรั่งหนุ่มสาว ยืนจูบกันข้างแม่น้ำเลย แต่ถ้าคนมุสลิมไม่มีครับ

ผมอ่านข่าวนึง เด็กผู้หญิง เอารูปโป๊ของตัวเองถ่ายจากมือถือ แล้วไปให้เพื่อนๆผู้หญิงด้วยกันที่โรงเรียนดู ปรากฎว่า ฮือฮา เป็นข่าวใหญ่เลยครับ ว่าผิดจรรยาของนักเรียน

นิตรสารแนว sexy อย่าง MAXIM และอื่นๆ มีขายครับแต่ว่าโดน censor คือมีหมึกดำป้ายข้างใน คือห้ามเห็น nipple ครับ

การแต่งตัว คือขึ้นกับเมืองและสถานที่อย่างที่บอกครับ อย่างตามห้างทั่วไป สาวๆมุสลิม ส่วนใหญ่ก็จะแต่งกันมิดชิด ดำทั้งชุด ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า บางคนก็เปิดหน้า บางคนเปิดแค่ตา แต่ถ้าตามสระน้ำโรงแรม ก็ชุดว่ายน้ำ 2 pieces กันเลย ผมไป สวนน้ำ wild wadi คล้ายๆกับ สวนสยาม นี่ สาวๆใส่แต่ชุด bikini แทบทั้งนั้น แต่อาทิตย์นึง เค้าก็ยังมี lady night อยู่คืนนึง คือให้แต่ผู้หญิงเข้าเท่านั้น

ชาวต่างชาติ สายเดี่ยว เกาะอก นี่ตามถนน แทบไม่เคยเห็น ในห้างก็พอมีบ้าง แล้วแต่ที่ แต่ถ้าไปคลับ ในโรงแรม นี่ตรึมครับ

ที่สำคัญอีกอย่าง คือตามร้านอาหาร ตามห้างนี่ ห้ามขายเหล้าครับ กินได้เฉพาะในโรงแรม และที่บ้านเท่านั้น ถ้าไปซื้อเหล้า ก็ต้องมี license ครับ ต้องไปทำเรื่องขอกับตำรวจ จ่ายค่าธรรมเนียมเป็นรายปี  แล้วยังจำกัดตามเงินเดือนด้วย อย่างเงินเดือน 50,000 นี่ซื้อได้ไม่เกิน เดือนละ 5,000 ครับ

ถ้าเมาแล้วอาละวาดตาม public หรือขับรถ แล้วโดนจับได้ ก็ติดคุก แล้วเนรเทศครับ  

ผมว่า กฎหมายเค้าเข้ม เลยทำให้สังคมค่อนข้างปลอดภัย criminal rate ต่ำมาก เป็นที่ที่น่าอยู่ ที่นึงเลย เพียงแต่มันไม่ใช่ บ้านเกิดเมืองนอน เท่านั้น
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

+++ คนไข้เตียงที่ 15 ( ใครเป็นคนบาปตัวจริง..)+++

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ขอบคุณพี่ Bangkok อ่านแล้วได้ความรู้และเพลินดีครับ
หากไม่เป็นการรบกวนมาก อยากจะเรียนถามต่อว่า

1. คุณภาพชีวิตโดยรวม เทียบกับบ้านเราเป็นอย่างไรบ้างครับ
2. ค่าครองชีพ เมื่อเทียบกับบ้านเราเป็นอย่างไรบ้างครับ
3. รายได้โดยรวม เมื่อเทียบกับบ้านเรา และเทียบกับค่าครองชีพเป็นอย่างไรบ้างครับ
4. เห็นแรงงานไทยเป็นจำนวนมากต้องการไปทำงานในตะวันออกกลาง
เนื่องจากคิดว่ามีรายได้ที่สูง และจะมีเงินเหลือเก็บเป็นจำนวนมากส่งมาให้ครอบครัว
ในความเป็นจริงแล้วเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าครับ
และภาษีเงินได้เขาสูงหรือเปล่าครับ

ขอบคุณมากครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
ปุย
Verified User
โพสต์: 2032
ผู้ติดตาม: 0

+++ คนไข้เตียงที่ 15 ( ใครเป็นคนบาปตัวจริง..)+++

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ถ้าคุยต่อจะเบี่ยงเบน วัตถุประสงค์ของกระทู้ มั้ยครับ

ที่ถามว่าใครผิด ผมว่าสังคมแหละ ที่ผิด ถ้าเทียบกับรุ่นพ่อ-แม่ ยังสาว
คือสมัย 40-50 ปีก่อน คงไม่มีเรื่องลักษณะนี้

ถ้าบอกว่า โลกมันเปลี่ยนไป จะไปเทียบกับอดีตได้ไง ผมเลยเอา ตย.ของ สังคมปัจจุบันที่ผมรู้จัก มาเล่าให้ฟัง

สังคมไทยคงเอาตามอย่างไม่ได้ขนาดนั้น ผมว่าถ้าห้ามไม่ได้ ก็ต้องปล่อย
คลีนิคทำแท้งเถื่อน นี่ต้องกำจัดให้หมดไป เพราะผิดมากที่สุด

เด็กหญิงถ้าพลาด ตั้งท้อง ก็ต้องปล่อย ลาเรียนไปคลอดได้ แต่ต้องเลี้ยง ดูแลเอง ส่วนเด็กชาย อาจต้องจับ เพื่อไม่ไห้ไปทำใครท้องอีก

เด็กที่ทำผิด ต้องปรับพ่อ-แม่ด้วย ที่เลี้ยงดู ลูกหลานไม่ดี

ยิ่งคิดยิ่งมึนหัว ปัญหาตามมาอีก ร้อยแปด เด็กที่เกิดมา จะไม่มีคุณภาพ เพราะไม่มีครอบครัวที่ดีพอ สั่งสอน

บางที ปล่อยเด็กที่ผิด ให้ชดใช้ด้วยชีวิต อย่าง นส.วิมวล อาจจะฟังดูโหดร้าย แต่ก็อาจจะป็นทางแก้ปัญหานึงก็ได้ ถ้าเป็นอุทาหรณ์ ให้กับอีกหลายคน
ปุย
Verified User
โพสต์: 2032
ผู้ติดตาม: 0

+++ คนไข้เตียงที่ 15 ( ใครเป็นคนบาปตัวจริง..)+++

โพสต์ที่ 10

โพสต์

HVI เขียน:ขอบคุณพี่ Bangkok อ่านแล้วได้ความรู้และเพลินดีครับ
หากไม่เป็นการรบกวนมาก อยากจะเรียนถามต่อว่า

1. คุณภาพชีวิตโดยรวม เทียบกับบ้านเราเป็นอย่างไรบ้างครับ
2. ค่าครองชีพ เมื่อเทียบกับบ้านเราเป็นอย่างไรบ้างครับ
3. รายได้โดยรวม เมื่อเทียบกับบ้านเรา และเทียบกับค่าครองชีพเป็นอย่างไรบ้างครับ
4. เห็นแรงงานไทยเป็นจำนวนมากต้องการไปทำงานในตะวันออกกลาง
เนื่องจากคิดว่ามีรายได้ที่สูง และจะมีเงินเหลือเก็บเป็นจำนวนมากส่งมาให้ครอบครัว
ในความเป็นจริงแล้วเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าครับ
และภาษีเงินได้เขาสูงหรือเปล่าครับ

ขอบคุณมากครับ

ขอตอบคำถาม คุณ HVI ต่อ

1. คุณภาพชีวิต มีทั้งดีกว่า และไม่ดีกว่าครับ
ความเป็นอยู่ สุขสบายกว่า มันเหมือนอยู่บ้านคนรวยอ่ะครับ บ้านที่ผมอยู่ standard ของคนที่นี่ ก็ขนาดประมาณห้อง penthouse ของโรงแรมอ่ะครับ
ติดแอร์ส่วนกลาง น้ำ-ไฟ ฟรี แต่ตอนผมป่วย ก็เผ่นกลับไปตั้งหลักที่เมืองไทย เหมือนกัน

2. ค่าครองชีพ สูงกว่าครับ อาหารมื้อนึง แบบอิ่ม food center ก็ 200 บาท
แบบร้านอาหารไทยในโรงแรม 1 มื้อ พ่อ-แม่-ลูก ไม่มีเบียร์ ก็เกือบ พัน

3. รายได้ ดีครับ แต่ก็ต้องประหยัด ทำอาหารกินเอง GDP ต่อหัวที่นี่ ผมว่าติดอันดับต้นๆ ของโลก

4. เรื่องแรงงาน ผมว่าต้องแบ่ง ออกเป็น 3 ระดับ
- แรงงานไม่มีความรู้ ใช้แต่แรง อย่างงานปลูกต้นไม้ ผมได้ยินว่า ที่อิสราเอล มีแรงงานไทยประเภทนี้เยอะ ที่โน่นผมไม่ทราบรายละเอียด แต่ถ้าเทียบกับที่นี่ แรงงานพวกนี้ จะเป็นพวกอินเดีย บังคลาเทศ เท่าที่ผมทราบ พวกนี้ เงินเดือนน้อยมาก ประมาณ 3-4 พันบาท แต่ที่กิน-ที่อยู่ฟรี มีรถรับ-ส่ง พักที่ camp อาหาร 3 มื้อ เดือนๆ แทบไม่ต้องใช้เงินเลย บางคนก็รับ job พิเศษ อย่างล้างรถ เดือนละ 500 บาท หรือขายต่อ card prepaid มือถือ ได้ใบละ 5 บาท ประมาณนี้

- แรงงานฝีมือ หรือ แรงงานบริการ ประเภทนี้ จะเยอะมาก คือช่างก่อสร้าง ช่างเชื่อม หรือพวก บริกร ร้านอาหาร บางคนที่ผมรู้จัก รายได้หลัก 2-3หมื่น กิน-อยู่ ฟรีเช่นกัน  สัญญา 3 ปี ตั๋วเครื่องบินกลับ จะให้ตอนหมดสัญญา ส่วนใหญ่ ต้องจ่ายค่านายหน้าหางาน มาจากเมืองไทย เรื่องเงินเก็บ คงแล้วแต่คน ว่าใช้มาก ใช้น้อยแค่ไหน แต่ถ้าประหยัดจริง ก็คงมีเงินเหลือมาก

- แรงงานใช้สมอง ก็พวกผมนี่แหละ รู้สึกจะมีน้อยมากๆ เงินเดือนดี ที่พักที่เค้าให้ เท่าที่ทราบ ค่าเช่าต่อเดือนคือ 7-8 หมื่น พี่คนนึงที่ทำงานด้วย ประหยัดมากเก็บเงินได้ ปีละล้าน อ่ะครับ (แต่ไม่ใช่ผมนะ คชจ.ผมเยอะ  :roll: )

ที่นี่ tax free ครับ รายได้ของรัฐมาจากน้ำมันเป็นหลัก บวกกับ business อื่นๆ
แต่ที่ดูไบ รายได้จาก business สูงกว่า รายได้จากน้ำมันมาหลายปีแล้วครับ
เห็นเค้าพัฒนา infrastructure แล้ว เหลือเชื่อครับ เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่า crane ก่อสร้าง 15% ของทั้งโลก อยู่ที่ดูไบครับ

อย่างรูปที่ผมใช้เป็น Avatar ใต้ชื่อ นี่เป็น project ตึกที่สูงที่สุดในโลก ที่ดูไบครับ
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

+++ คนไข้เตียงที่ 15 ( ใครเป็นคนบาปตัวจริง..)+++

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ขอบคุณมากครับพี่ปุย
"Winners never quit, and quitters never win."
Zionism
Verified User
โพสต์: 1260
ผู้ติดตาม: 0

+++ คนไข้เตียงที่ 15 ( ใครเป็นคนบาปตัวจริง..)+++

โพสต์ที่ 12

โพสต์

สังคมแย่ลงทุกวันๆ  :?

จะโทษก็ต้องไล่โทษย้อนกลับไปยังคนรุ่นก่อนก่อนๆๆๆๆ

วันก่อนดูข่าวว่ามีคดีข่มขื่น 13-14 คนต่อวัน
ซึ่งคนที่มาฟ้องแค่ 5% เท่านั้น

เดี่ยวนี้ผู้หญิงมีความคิดแปลกๆเช่น
ฝึก sex กับชายหลายคน เพื่อเวลาแต่งงานจะได้ใช้ลีลามัดใจสามี
ภาพประจำตัวสมาชิก
chansaiw
Verified User
โพสต์: 703
ผู้ติดตาม: 0

+++ คนไข้เตียงที่ 15 ( ใครเป็นคนบาปตัวจริง..)+++

โพสต์ที่ 13

โพสต์

แต่ระบบสมัยก่อน ไม่ได้ทำให้คนที่น่าจะเป็นหมอ ที่ดีที่สุดในโลกคนนึง อย่างผม สำเร็จเป็นหมอได้
จะเป็นการรบกวนมั้ยครับที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ให้รุ่นน้องได้รับรู้บ้าง

ผมว่าเดี๋ยวนี้เด็กไวมากๆ แต่ทั้งหมดอยู่ที่การให้ความรู้

ผมทำคลินิกก็เคยมีเด็ก ม.4 อยู่กันแบบคู่รักเลย พากันมาฉีดยาคุม ฉีดประจำไม่เคยขาด
ตรงกำหนดตลอด

ว่าไปมันก็ดีที่เด็กมีความรู้ รู้จักป้องกัน

แต่มันก็สะท้อนอะไรๆอีกหลายอย่างเลยทีเดียว
คนเรือ VI
Verified User
โพสต์: 1647
ผู้ติดตาม: 0

+++ คนไข้เตียงที่ 15 ( ใครเป็นคนบาปตัวจริง..)+++

โพสต์ที่ 14

โพสต์

แต่ระบบสมัยก่อน ไม่ได้ทำให้คนที่น่าจะเป็นหมอ ที่ดีที่สุดในโลกคนนึง อย่างผม สำเร็จเป็นหมอได้
รบกวนพี่เจ๋งเล่าเป็นวิทยาทานครับ

สำหรับหัวข้อนี้ ผม PRO Choice เหมือนคุณหมอครับ
โพสต์โพสต์