บุญคลีเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ จริง หรือ โกหก ??
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
บุญคลีเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ จริง หรือ โกหก ??
โพสต์ที่ 1
บุญคลีเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ เรื่องจริง หรือ โกหก กันครับ??
.... ใครทำงานในวงการอสังหา แล้วพอรู้เรื่องนี้ ช่วยแชร์ข้อมูลด้วยครับ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 04618.html
ฮือต้านยกที่ดินให้ต่างชาติ "3สมาคมอสังหาฯ"นัดระดมพล
3 สมาคมอสังหาฯออกโรง เรียกสมาชิกถกข้อเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ ของคณะทำงาน BOI อุปนายก ส.บ้านจัดสรร ชี้ทำเหมือนขายชาติขายแผ่นดิน ไม่เข้าใจคิดมาได้อย่างไร เพราะปัจจุบันต่างชาติสามารถเช่าที่ดินรวมกันถึง 100 ปีได้อยู่แล้ว ด้าน "ศุภัช ศุภชลาศัย" แบ่งรับแบ่งสู้ มีกรรมการในคณะทำงานเสนอจริง สุดท้ายโยนให้ "สมคิด" ตัดสิน จะเอาแบบให้เช่า หรือยกกรรมสิทธิ์
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานภายหลังจากที่คณะทำงานเพื่อศึกษาและกำหนดมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่สำคัญที่ยังมีการลงทุนน้อย หรือไม่มีการลงทุนในประเทศ ชุดที่มีนายบุญคลี ปลั่งศิริ เป็นประธาน ยื่นข้อเสนอให้กรมที่ดินปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน โดยอ้างว่าเป็น "พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร" ซึ่งคนในวงการอสังหาริมทรัพย์เองยังไม่รู้ว่าการพัฒนาแบบครบวงจรคืออะไร ?
ข้อเสนอของคณะทำงานชุดดังกล่าว ได้ถูก วิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างจากผู้ประกอบการอสังหาฯและนักวิชาการ โดยส่วนใหญ่แสดงความเห็นคัดค้านแนวคิดของคณะทำงาน เนื่องจากมองว่าไม่มีความจำเป็นที่ภาครัฐจะต้องยกกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติ ถือเป็นการเสนอผลประโยชน์แก่ต่างชาติมากเกินไป และหากคณะทำงานยังดึงดันในเรื่องนี้ต่อไป ก็จะมีกระแสคัดค้านมากขึ้นเรื่อยๆ จากหลายๆ ฝ่าย
ล่าสุดมีรายงานเข้ามาว่า ในการประชุมสมาคมอสังหาริมทรัพย์ 3 สมาคม (สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร-สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย-สมาคมอาคารชุดไทย) ครั้งต่อไปจะมีการหยิบยกข้อเสนอการให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินต่างชาติ ของคณะทำงานชุดนายบุญคลีเข้าสู่การประชุมร่วมด้วย เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาฯไทยวิตกกังวลมากถึงการเปิดกว้างให้กลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนธุรกิจอสังหาฯแบบครบวงจรโดยเสรี พร้อมกับให้กรรมสิทธิ์ที่ดิน จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ประกอบการไทย
นายอิสระ บุญยัง อุปนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ให้ความเห็นกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตนไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอที่จะให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินในประเทศไทยและเปิดให้สามารถลงทุนธุรกิจอสังหาฯได้อย่างเสรี เพราะถ้าทำอย่างนั้นจริงๆ ก็เหมือนกับเป็นการ "ขายชาติขายแผ่นดิน" ที่สำคัญจะมีผลกระทบตามมาหลายอย่าง
และที่น่าเป็นห่วงก็คือ "ต้นทุนเงิน" ในการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าผู้ประกอบการอสังหาฯไทยมาก ทำให้มีความได้เปรียบ ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยไม่สามารถจะแข่งขันได้ นอกจากนี้จะทำให้ความสามารถในการถือครองที่ดินของคนไทยลดน้อยลง จากการที่ราคาที่ดินจะถูกปั่นให้สูงขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น ในส่วนนี้แม้จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพย์สินของประเทศ แต่จะส่งผลให้ผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางตกที่นั่งลำบาก เนื่องจากไม่มีกำลังซื้อเพียงพอที่จะซื้อบ้านซื้อที่ดินที่แพงเกินไปได้
"ผมไม่รู้ว่า ผู้เสนอมีเจตนาอย่างไร หรือมีอะไรเบื้องลึกหรือไม่ ที่น่าคิดก็คือ มีความจำเป็นอะไรที่ต้องให้ต่างชาติเข้ามาถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ เพราะในจุดนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเงื่อนไขทางการค้าของประชาคมโลก ที่จะต้องให้เปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาได้โดยเสรี และที่ดินของประเทศก็มีเพียงแค่เท่าที่มีอยู่เท่านั้น ประกอบกับกฎหมายที่บังคับใช้อยู่เวลานี้ก็เปิดโอกาสให้ต่างชาติสามารถเข้ามาประกอบธุรกิจหรือลงทุนได้พอสมควรอยู่แล้ว เช่น สามารถเช่าที่ดินได้เป็นระยะเวลาไม่เกินกว่า 50 ปี และต่ออายุได้อีกไม่เกิน 50 ปี ซึ่งรวมระยะเวลาแล้วก็สามารถถือครองที่ดินได้ไม่เกิน 100 ปี" นายอิสระกล่าว
นายอิสระกล่าวว่า ในกรณีนี้เป็นไปได้ว่า คณะทำงานชุดนายบุญคลีอาจมองว่าผู้ประกอบการอสังหาฯไทยไม่มีความสามารถในการพัฒนาโครงการในรูปแบบหรือวงเงินลงทุนตามที่ภาครัฐต้องการ ขณะที่ความเป็นจริงในปัจจุบันกลุ่มทุนต่างชาติก็เข้ามาลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยโดยร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทยเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว หรืออาจเห็นว่าการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องใช้เงินลงทุนเป็นหมื่นล้านแสนล้านบาท ทั้งที่จริงๆ แล้ว "ไม่ได้เป็นอย่างนั้น"
"ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรต้องให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินได้เสรี ปัจจุบันแม้แต่การพัฒนาโครงการสำหรับเป็นที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง ตัว BOI เองนั้นแหละที่กำหนดเงื่อนไขในการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่ทำได้ยาก เช่น ต้องสร้างบ้านราคาต่ำกว่า 600,000 บาท/ยูนิต หรือถ้าเป็นห้องชุดก็ต้องมีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 31 ตารางเมตร ซึ่งไม่สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นมาก และในอดีต BOI เองก็เคยบอกปัดการส่งเสริมการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย โดยอ้างว่าไม่ใช่หน้าที่ของ BOI และเพิ่งมาให้สิทธิประโยชน์ในช่วงรัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน เมื่อปี 2536 นี้เอง แต่กับต่างชาติคราวนี้กลับเสนอเงื่อนไขจูงใจให้มากมาย" นายอิสระกล่าว
ด้าน ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษา APEC หนึ่งในคณะทำงานเพื่อศึกษาและกำหนดมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ยังมีการลงทุนน้อยหรือยังไม่มีการลงทุนในประเทศ ซึ่งมีนายบุญคลี ปลั่งศิริ เป็นประธานคณะทำงาน เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในระหว่างประชุมเพื่อพิจารณาข้อเสนอในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน มีคณะทำงานบางท่านเห็นด้วยกับแนวทางให้เช่า บางท่านเห็นด้วยกับแนวทางให้ต่างชาติมีกรรมสิทธิ์ได้ ท้ายที่สุดที่ประชุมจึงมีมติให้เสนอทั้ง 2 แนวทาง คือ ให้ต่างชาติเช่า หรือต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ เพื่อให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ด BOI) เป็นผู้ตัดสินใจ
ล่าสุดทางคณะทำงานได้ส่งร่างข้อเสนอทั้งหมดให้กับบอร์ด BOI แล้ว แต่ทราบว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานบอร์ด BOI ขอให้นำข้อเสนอทั้งหมดไปนำเสนอในที่ประชุมสัมมนา ซึ่งจะเชิญนักลงทุนเข้ามาร่วมรับฟังข้อเสนอและให้ข้อเสนอแนะก่อนที่จะส่งกลับไปให้บอร์ด BOI พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
"ผมไม่ต้องการให้สนใจเฉพาะในประเด็นที่ดิน และไม่ต้องการให้นำประเด็นนี้มาเป็นเรื่องสำคัญจนกระทั่งบดบังประเด็นสำคัญที่คณะทำงานชุดนี้เสนอ แต่อยากให้ทุกคนพิจารณาถึงข้อเสนอของคณะทำงานว่า มีของดีอยู่ข้างในหลายเรื่อง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการให้ BOI เป็น one stop service ซึ่งจะส่งผลดีทั้งกับนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนในประเทศ" ดร.ศุภัชกล่าว
ทุกวันนี้บทบาทของ BOI ทั่วโลกต้องปรับเปลี่ยนจากเดิมที่เน้นให้สิทธิประโยชน์ แต่ปัจจุบันไทยและทั่วโลกเปิดเสรีมากขึ้น แทบจะไม่สามารถใช้สิทธิประโยชน์มาดึงดูดนักลงทุนได้แล้ว จึงต้องหันมาเน้นในเรื่องการบริการ ซึ่ง one stop service ที่คณะทำงานเสนอนั้น มีรูปแบบคือ
หากนักลงทุนไทย หรือนักลงทุนต่างชาติ ต้องการจะขอรับการส่งเสริมสามารถเดินเข้ามาที่ one stop service แล้ว จะได้เลขรหัสไป หลังจากนั้นทาง one stop service จะดำเนินเรื่องให้ทั้งหมดภายในจุดเดียว ไม่ต้องทำเหมือนปัจจุบันที่จะต้องใช้เวลาไปเดินเรื่องกับหน่วยงานต่างๆ หลายหน่วยงาน ทำให้เสียเวลา และไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร
สำหรับประเด็นเรื่องที่ดินนั้น เท่าที่ศึกษาข้อมูลจากหลายๆ ประเทศ พบว่าต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ ซึ่งท้ายที่สุดเท่าที่พบมา ไม่มีประเทศใดถูกต่างชาติซื้อจนหมดประเทศ ยกตัวอย่างเช่น สหรัฐ กับออสเตรเลีย ที่เปิดให้ต่างชาติเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ หลายสิบปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นเคยเข้าไปซื้อที่ดินในทั้งสองประเทศนี้จำนวนมาก จนเหมือนกับว่าเมืองใน 2 ประเทศนี้หลายเมืองจะกลายเป็นของญี่ปุ่นไป แต่พอเศรษฐกิจสหรัฐและออสเตรเลียดีขึ้น ขณะที่ญี่ปุ่นแย่ลง ทางสหรัฐและออสเตรเลียก็สามารถซื้อที่ดินกลับคืนมาได้มาก ซึ่งทั้งหมดนี้ผมเห็นว่า "เป็นไปตามกลไกเศรษฐศาสตร์" ดร.ศุภัชกล่าว
อย่างไรก็ตาม "ร่างข้อเสนอ" ที่ส่งให้กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในฐานะประธานบอร์ด BOI นั้น มีข้อน่าสังเกตว่า ได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับแนวคิดเชิงยุทธศาสตร์การเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ ยกตัวอย่าง มาตรการที่จะให้สิทธิประโยชน์ใหม่ๆ กับกลุ่มอุตสาหกรรม ถึงกับมีข้อเสนอนอกอำนาจของ BOI ให้กรมที่ดินแก้ไขในเรื่องของกรรมสิทธิ์การถือครองที่ดิน ภาษีรายได้ส่วนบุคคลของผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ รวมไปถึงการกำหนดหนี้สินต่อทุนจดทะเบียนหรือส่วนผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 2:1 เป็นต้น
ในขณะที่มาตรการกำหนดให้ BOI กลายเป็น one stop service อย่างแท้จริงนั้น เป็นเพียงมาตรการ "เพิ่มความสะดวก" ให้กับนักลงทุน โดยการนำระบบ IT เข้ามาเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานเท่านั้น
.... ใครทำงานในวงการอสังหา แล้วพอรู้เรื่องนี้ ช่วยแชร์ข้อมูลด้วยครับ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 04618.html
ฮือต้านยกที่ดินให้ต่างชาติ "3สมาคมอสังหาฯ"นัดระดมพล
3 สมาคมอสังหาฯออกโรง เรียกสมาชิกถกข้อเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ ของคณะทำงาน BOI อุปนายก ส.บ้านจัดสรร ชี้ทำเหมือนขายชาติขายแผ่นดิน ไม่เข้าใจคิดมาได้อย่างไร เพราะปัจจุบันต่างชาติสามารถเช่าที่ดินรวมกันถึง 100 ปีได้อยู่แล้ว ด้าน "ศุภัช ศุภชลาศัย" แบ่งรับแบ่งสู้ มีกรรมการในคณะทำงานเสนอจริง สุดท้ายโยนให้ "สมคิด" ตัดสิน จะเอาแบบให้เช่า หรือยกกรรมสิทธิ์
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานภายหลังจากที่คณะทำงานเพื่อศึกษาและกำหนดมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่สำคัญที่ยังมีการลงทุนน้อย หรือไม่มีการลงทุนในประเทศ ชุดที่มีนายบุญคลี ปลั่งศิริ เป็นประธาน ยื่นข้อเสนอให้กรมที่ดินปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน โดยอ้างว่าเป็น "พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร" ซึ่งคนในวงการอสังหาริมทรัพย์เองยังไม่รู้ว่าการพัฒนาแบบครบวงจรคืออะไร ?
ข้อเสนอของคณะทำงานชุดดังกล่าว ได้ถูก วิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างจากผู้ประกอบการอสังหาฯและนักวิชาการ โดยส่วนใหญ่แสดงความเห็นคัดค้านแนวคิดของคณะทำงาน เนื่องจากมองว่าไม่มีความจำเป็นที่ภาครัฐจะต้องยกกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติ ถือเป็นการเสนอผลประโยชน์แก่ต่างชาติมากเกินไป และหากคณะทำงานยังดึงดันในเรื่องนี้ต่อไป ก็จะมีกระแสคัดค้านมากขึ้นเรื่อยๆ จากหลายๆ ฝ่าย
ล่าสุดมีรายงานเข้ามาว่า ในการประชุมสมาคมอสังหาริมทรัพย์ 3 สมาคม (สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร-สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย-สมาคมอาคารชุดไทย) ครั้งต่อไปจะมีการหยิบยกข้อเสนอการให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินต่างชาติ ของคณะทำงานชุดนายบุญคลีเข้าสู่การประชุมร่วมด้วย เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาฯไทยวิตกกังวลมากถึงการเปิดกว้างให้กลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนธุรกิจอสังหาฯแบบครบวงจรโดยเสรี พร้อมกับให้กรรมสิทธิ์ที่ดิน จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ประกอบการไทย
นายอิสระ บุญยัง อุปนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ให้ความเห็นกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตนไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอที่จะให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินในประเทศไทยและเปิดให้สามารถลงทุนธุรกิจอสังหาฯได้อย่างเสรี เพราะถ้าทำอย่างนั้นจริงๆ ก็เหมือนกับเป็นการ "ขายชาติขายแผ่นดิน" ที่สำคัญจะมีผลกระทบตามมาหลายอย่าง
และที่น่าเป็นห่วงก็คือ "ต้นทุนเงิน" ในการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าผู้ประกอบการอสังหาฯไทยมาก ทำให้มีความได้เปรียบ ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยไม่สามารถจะแข่งขันได้ นอกจากนี้จะทำให้ความสามารถในการถือครองที่ดินของคนไทยลดน้อยลง จากการที่ราคาที่ดินจะถูกปั่นให้สูงขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น ในส่วนนี้แม้จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพย์สินของประเทศ แต่จะส่งผลให้ผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางตกที่นั่งลำบาก เนื่องจากไม่มีกำลังซื้อเพียงพอที่จะซื้อบ้านซื้อที่ดินที่แพงเกินไปได้
"ผมไม่รู้ว่า ผู้เสนอมีเจตนาอย่างไร หรือมีอะไรเบื้องลึกหรือไม่ ที่น่าคิดก็คือ มีความจำเป็นอะไรที่ต้องให้ต่างชาติเข้ามาถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ เพราะในจุดนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเงื่อนไขทางการค้าของประชาคมโลก ที่จะต้องให้เปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาได้โดยเสรี และที่ดินของประเทศก็มีเพียงแค่เท่าที่มีอยู่เท่านั้น ประกอบกับกฎหมายที่บังคับใช้อยู่เวลานี้ก็เปิดโอกาสให้ต่างชาติสามารถเข้ามาประกอบธุรกิจหรือลงทุนได้พอสมควรอยู่แล้ว เช่น สามารถเช่าที่ดินได้เป็นระยะเวลาไม่เกินกว่า 50 ปี และต่ออายุได้อีกไม่เกิน 50 ปี ซึ่งรวมระยะเวลาแล้วก็สามารถถือครองที่ดินได้ไม่เกิน 100 ปี" นายอิสระกล่าว
นายอิสระกล่าวว่า ในกรณีนี้เป็นไปได้ว่า คณะทำงานชุดนายบุญคลีอาจมองว่าผู้ประกอบการอสังหาฯไทยไม่มีความสามารถในการพัฒนาโครงการในรูปแบบหรือวงเงินลงทุนตามที่ภาครัฐต้องการ ขณะที่ความเป็นจริงในปัจจุบันกลุ่มทุนต่างชาติก็เข้ามาลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยโดยร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทยเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว หรืออาจเห็นว่าการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องใช้เงินลงทุนเป็นหมื่นล้านแสนล้านบาท ทั้งที่จริงๆ แล้ว "ไม่ได้เป็นอย่างนั้น"
"ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรต้องให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินได้เสรี ปัจจุบันแม้แต่การพัฒนาโครงการสำหรับเป็นที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง ตัว BOI เองนั้นแหละที่กำหนดเงื่อนไขในการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่ทำได้ยาก เช่น ต้องสร้างบ้านราคาต่ำกว่า 600,000 บาท/ยูนิต หรือถ้าเป็นห้องชุดก็ต้องมีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 31 ตารางเมตร ซึ่งไม่สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นมาก และในอดีต BOI เองก็เคยบอกปัดการส่งเสริมการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย โดยอ้างว่าไม่ใช่หน้าที่ของ BOI และเพิ่งมาให้สิทธิประโยชน์ในช่วงรัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน เมื่อปี 2536 นี้เอง แต่กับต่างชาติคราวนี้กลับเสนอเงื่อนไขจูงใจให้มากมาย" นายอิสระกล่าว
ด้าน ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษา APEC หนึ่งในคณะทำงานเพื่อศึกษาและกำหนดมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ยังมีการลงทุนน้อยหรือยังไม่มีการลงทุนในประเทศ ซึ่งมีนายบุญคลี ปลั่งศิริ เป็นประธานคณะทำงาน เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในระหว่างประชุมเพื่อพิจารณาข้อเสนอในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน มีคณะทำงานบางท่านเห็นด้วยกับแนวทางให้เช่า บางท่านเห็นด้วยกับแนวทางให้ต่างชาติมีกรรมสิทธิ์ได้ ท้ายที่สุดที่ประชุมจึงมีมติให้เสนอทั้ง 2 แนวทาง คือ ให้ต่างชาติเช่า หรือต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ เพื่อให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ด BOI) เป็นผู้ตัดสินใจ
ล่าสุดทางคณะทำงานได้ส่งร่างข้อเสนอทั้งหมดให้กับบอร์ด BOI แล้ว แต่ทราบว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานบอร์ด BOI ขอให้นำข้อเสนอทั้งหมดไปนำเสนอในที่ประชุมสัมมนา ซึ่งจะเชิญนักลงทุนเข้ามาร่วมรับฟังข้อเสนอและให้ข้อเสนอแนะก่อนที่จะส่งกลับไปให้บอร์ด BOI พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
"ผมไม่ต้องการให้สนใจเฉพาะในประเด็นที่ดิน และไม่ต้องการให้นำประเด็นนี้มาเป็นเรื่องสำคัญจนกระทั่งบดบังประเด็นสำคัญที่คณะทำงานชุดนี้เสนอ แต่อยากให้ทุกคนพิจารณาถึงข้อเสนอของคณะทำงานว่า มีของดีอยู่ข้างในหลายเรื่อง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการให้ BOI เป็น one stop service ซึ่งจะส่งผลดีทั้งกับนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนในประเทศ" ดร.ศุภัชกล่าว
ทุกวันนี้บทบาทของ BOI ทั่วโลกต้องปรับเปลี่ยนจากเดิมที่เน้นให้สิทธิประโยชน์ แต่ปัจจุบันไทยและทั่วโลกเปิดเสรีมากขึ้น แทบจะไม่สามารถใช้สิทธิประโยชน์มาดึงดูดนักลงทุนได้แล้ว จึงต้องหันมาเน้นในเรื่องการบริการ ซึ่ง one stop service ที่คณะทำงานเสนอนั้น มีรูปแบบคือ
หากนักลงทุนไทย หรือนักลงทุนต่างชาติ ต้องการจะขอรับการส่งเสริมสามารถเดินเข้ามาที่ one stop service แล้ว จะได้เลขรหัสไป หลังจากนั้นทาง one stop service จะดำเนินเรื่องให้ทั้งหมดภายในจุดเดียว ไม่ต้องทำเหมือนปัจจุบันที่จะต้องใช้เวลาไปเดินเรื่องกับหน่วยงานต่างๆ หลายหน่วยงาน ทำให้เสียเวลา และไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร
สำหรับประเด็นเรื่องที่ดินนั้น เท่าที่ศึกษาข้อมูลจากหลายๆ ประเทศ พบว่าต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ ซึ่งท้ายที่สุดเท่าที่พบมา ไม่มีประเทศใดถูกต่างชาติซื้อจนหมดประเทศ ยกตัวอย่างเช่น สหรัฐ กับออสเตรเลีย ที่เปิดให้ต่างชาติเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ หลายสิบปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นเคยเข้าไปซื้อที่ดินในทั้งสองประเทศนี้จำนวนมาก จนเหมือนกับว่าเมืองใน 2 ประเทศนี้หลายเมืองจะกลายเป็นของญี่ปุ่นไป แต่พอเศรษฐกิจสหรัฐและออสเตรเลียดีขึ้น ขณะที่ญี่ปุ่นแย่ลง ทางสหรัฐและออสเตรเลียก็สามารถซื้อที่ดินกลับคืนมาได้มาก ซึ่งทั้งหมดนี้ผมเห็นว่า "เป็นไปตามกลไกเศรษฐศาสตร์" ดร.ศุภัชกล่าว
อย่างไรก็ตาม "ร่างข้อเสนอ" ที่ส่งให้กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในฐานะประธานบอร์ด BOI นั้น มีข้อน่าสังเกตว่า ได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับแนวคิดเชิงยุทธศาสตร์การเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ ยกตัวอย่าง มาตรการที่จะให้สิทธิประโยชน์ใหม่ๆ กับกลุ่มอุตสาหกรรม ถึงกับมีข้อเสนอนอกอำนาจของ BOI ให้กรมที่ดินแก้ไขในเรื่องของกรรมสิทธิ์การถือครองที่ดิน ภาษีรายได้ส่วนบุคคลของผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ รวมไปถึงการกำหนดหนี้สินต่อทุนจดทะเบียนหรือส่วนผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 2:1 เป็นต้น
ในขณะที่มาตรการกำหนดให้ BOI กลายเป็น one stop service อย่างแท้จริงนั้น เป็นเพียงมาตรการ "เพิ่มความสะดวก" ให้กับนักลงทุน โดยการนำระบบ IT เข้ามาเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานเท่านั้น
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
บุญคลีเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ จริง หรือ โกหก ??
โพสต์ที่ 2
http://www.thairath.co.th/thairath1/254 ... 4_2_49.php
ขายแผ่นดิน - โดย นิติภูมิ นวรัตน์
บ้านผมที่เขตลาดกระบัง กทม. แวดล้อมไปด้วยคลองใหญ่ มากมายหลายสาย ตามริมคลองมักมีวัดและมัสญิดตั้งประชิดติดกันอย่างสันติสุข ประมาณตีห้าเวลาย่ำรุ่ง ผมจะถูกปลุกให้ลุกขึ้นด้วย อะซาน ซึ่งก็คือเสียงประกาศให้ทราบว่า เข้าสู่เวลาละหมาดซุบห์แล้ว พอถึงตอนสายก็จะได้ยินเสียงสวดของพระภิกษุสงฆ์จากวัดขุมทอง
มัสญิดนูรุ้ลอิสลาม คลองหลวงแพ่ง อยู่ใกล้บ้านผม เสาร์ 25 ก.พ. คณะกรรมการมัสญิด กรรมการโรงเรียนและสัปบุรุษแห่งมัสญิด โดยอาจารย์อับดุรเราะห์ฮีม พ่วงศิริ, อิหม่ามอุสมาน อาดัม, นายกาเซ็ม โตสวัสดิ์ ฯลฯ จัดงาน วันธารน้ำใจสู่นูรุ้ลอิสลาม ครั้งที่ 7 เวลา 18.45 น. คณะกรรมการชวนเพื่อนบ้านที่ชื่อนิติภูมิไปพูดเรื่อง ตะวันตกทำร้ายโลกมุสลิมอย่างไร? ท่านใดสนใจเชิญเข้าร่วมงานได้ครับ
ตั้งแต่ พ.ศ. 1762 สมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงสุโขทัย พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เป็นต้นมา จนถึง พ.ศ. 1893 สมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระรามาธิบดี ที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) จนถึง พ.ศ. 2310 สมัยพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรี กระทั่งเข้าปัจจุบันในสมัยรัตนโกสินทร์ ไม่เคยมียุคใดสมัยไหนที่คณะผู้บริหารชาติบ้านเมืองคิดพิเรนทร์ ขนาดจะขายแผ่นดินไทยเหมือนยุคสมัยแห่งรัฐบาลนี้อีกแล้ว
ผู้อ่านท่านครับ กฎหมายไทยที่ใช้อยู่ในยุคนี้ เปิดอ้าซ่าให้ต่างชาติเข้ามาเช่าแผ่นดินไทยได้นานถึง 50 ปี ถ้าต่างชาติยังเช่าไม่หนำใจ ก็สามารถต่อสัญญาเช่าให้ยาวไปได้อีก 50 ปี รวมแล้วต่างชาติสามารถเข้ามาเช่าแผ่นดินไทยได้นานถึง 100 ปี
100 ปี ผมก็ว่ารัฐบาลไทยให้ต่างชาติมากเกินไปแล้ว วันนี้ ผมทราบว่านายบุญคลี ปลั่งศิริ ยังกำลังยื่นข้อเสนอให้กรมที่ดินปรับปรุงกฎหมาย เพื่อเปิดโอกาสให้ต่างชาติสามารถ ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน ของประเทศไทยได้ โดยอ้างว่า จะเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
นายบุญคลี ปลั่งศิริ เป็นลูกน้องในอดีตบริษัทของนายกรัฐมนตรี รัฐบาลตั้งให้นายบุญคลีเป็นประธานคณะทำงานเพื่อ ศึกษาและกำหนดมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่สำคัญ ซึ่งยังมีการลงทุนน้อย หรือไม่มีการลงทุนในประเทศ
ขณะนี้ ราชอาณาจักรไทยเหลือพื้นที่ทั้งประเทศเพียง 320,696,888 ไร่ มีประชากร 63 ล้านคน คนจนแทบจะไม่มีที่ดินอยู่อาศัยและที่ดินซึ่งใช้ทำมาหากิน ส่วนคนรวยที่มีฐานะ กลับไล่ตระเวนซื้อที่ดินมาเก็บไว้ โดยไม่ได้พัฒนาให้เกิดผลผลิตใดๆ
นายบุญปลูก ไทยแท้ การศึกษาชั้น ป.6 เป็นเกษตรกรมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 7,000 บาท ใช้จ่ายกระเหม็ดกระแหม่ เหลือเก็บเพียงเดือนละ 1,000 บาท กว่าจะมีเงินถึงแสนเพื่อซื้อที่ดินซักแปลง ต้องใช้เวลาเก็บหลายสิบหรือเป็นร้อยปี
นายเสริมชัย ลี้ประเสริฐเลิศสกุล เป็นเจ้าของโรงอาบอบนวด มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 10,000,000 บาท แม้ว่าหักค่าใช้จ่ายไปแล้ว ก็ยังเหลือเงินอีกถึงเดือนละ 4,000,000 บาท แต่ละปีนายเสริมชัยมีเงินเหลือ 48,000,000 บาท เพียงปีเดียว นายเสริมชัยสามารถไปไล่ซื้อที่ดินที่เชียงใหม่ได้หลายร้อยไร่
ในขณะที่นายบุญปลูกต้องใช้เวลาเก็บเงินเกือบทั้งชีวิต
นายลี บุน จวน ชาวสิงคโปร์ มีกำไรจากธุรกิจปีละ 300 ล้านบาท เจียดเศษกำไรซักปีละ 10% หรือ 30 ล้านบาท ไปซื้อแผ่นดินที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เอาไว้ใช้เลี้ยงควายเพื่อดูเล่น เพราะสิงคโปร์ไม่มีที่ดินมากพอที่จะให้ใช้เลี้ยงควาย นายลีจึงไม่ค่อยเคยเห็นควาย เศษเงินเล็กๆน้อยๆของนายลี สามารถเข้าไปกว้านซื้อ ที่ดินในบ้านเกิดเมืองนอน ของนายกรัฐมนตรีไทยได้เป็นร้อยนับพันไร่ต่อปี
เนื่องจากหน้ากระดาษหมด ผมเลยไม่ได้เล่าถึงศักยภาพทางการเงินของ มร.อัลเบิร์ต สตีเฟน อุตสาหกรชาวอเมริกัน ที่อยากได้หาดทรายริมชายทะเลแถวเกาะภูเก็ต เอาไว้เป็นอาณาจักรส่วนตัวซัก 1,000 ไร่ และผมยังไม่ได้เล่าถึงนายอับดุล-มุอิซซฺ บิน อัล-ญัรฺรอหฺ เศรษฐีคูเวตที่อยากได้ที่ดินในฉะเชิงเทราซัก 5,000 ไร่ เพื่อใช้เลี้ยงแพะ
แล้วไอ้ทิดแม้น อีแหวน ป้าแจ่น ฯลฯ ราษฎรไทยละครับ จะมีปัญญาหาเงินที่ไหนเอามาซื้อ ที่ดินเพื่อใช้ซุกหัวนอน? เก็บเงินแพ้เศรษฐีต่างชาติอยู่วันยังคํ่า
นิติภูมิขอแนะนำให้นายบุญคลีผู้คิดจะปรับปรุงกฎหมายเพื่อ เปิดโอกาสให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินไทยไปโรงพยาบาล ด่วน เพื่อให้แพทย์ใช้เข็มเจาะและดูดเอานํ้าออกจากอวัยวะส่วนที่ คุณบุญคลีใช้คิด
ผมลืมเรียนผู้อ่านท่านที่เคารพไปว่า การรักษาโดยใช้เข็มเจาะดูดเอานํ้าออกนั้น แพทย์ใช้รักษาเฉพาะโรคถุงนํ้าที่ถุงอัณฑะเท่านั้น.
นิติภูมิ นวรัตน์
ขายแผ่นดิน - โดย นิติภูมิ นวรัตน์
บ้านผมที่เขตลาดกระบัง กทม. แวดล้อมไปด้วยคลองใหญ่ มากมายหลายสาย ตามริมคลองมักมีวัดและมัสญิดตั้งประชิดติดกันอย่างสันติสุข ประมาณตีห้าเวลาย่ำรุ่ง ผมจะถูกปลุกให้ลุกขึ้นด้วย อะซาน ซึ่งก็คือเสียงประกาศให้ทราบว่า เข้าสู่เวลาละหมาดซุบห์แล้ว พอถึงตอนสายก็จะได้ยินเสียงสวดของพระภิกษุสงฆ์จากวัดขุมทอง
มัสญิดนูรุ้ลอิสลาม คลองหลวงแพ่ง อยู่ใกล้บ้านผม เสาร์ 25 ก.พ. คณะกรรมการมัสญิด กรรมการโรงเรียนและสัปบุรุษแห่งมัสญิด โดยอาจารย์อับดุรเราะห์ฮีม พ่วงศิริ, อิหม่ามอุสมาน อาดัม, นายกาเซ็ม โตสวัสดิ์ ฯลฯ จัดงาน วันธารน้ำใจสู่นูรุ้ลอิสลาม ครั้งที่ 7 เวลา 18.45 น. คณะกรรมการชวนเพื่อนบ้านที่ชื่อนิติภูมิไปพูดเรื่อง ตะวันตกทำร้ายโลกมุสลิมอย่างไร? ท่านใดสนใจเชิญเข้าร่วมงานได้ครับ
ตั้งแต่ พ.ศ. 1762 สมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงสุโขทัย พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เป็นต้นมา จนถึง พ.ศ. 1893 สมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระรามาธิบดี ที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) จนถึง พ.ศ. 2310 สมัยพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรี กระทั่งเข้าปัจจุบันในสมัยรัตนโกสินทร์ ไม่เคยมียุคใดสมัยไหนที่คณะผู้บริหารชาติบ้านเมืองคิดพิเรนทร์ ขนาดจะขายแผ่นดินไทยเหมือนยุคสมัยแห่งรัฐบาลนี้อีกแล้ว
ผู้อ่านท่านครับ กฎหมายไทยที่ใช้อยู่ในยุคนี้ เปิดอ้าซ่าให้ต่างชาติเข้ามาเช่าแผ่นดินไทยได้นานถึง 50 ปี ถ้าต่างชาติยังเช่าไม่หนำใจ ก็สามารถต่อสัญญาเช่าให้ยาวไปได้อีก 50 ปี รวมแล้วต่างชาติสามารถเข้ามาเช่าแผ่นดินไทยได้นานถึง 100 ปี
100 ปี ผมก็ว่ารัฐบาลไทยให้ต่างชาติมากเกินไปแล้ว วันนี้ ผมทราบว่านายบุญคลี ปลั่งศิริ ยังกำลังยื่นข้อเสนอให้กรมที่ดินปรับปรุงกฎหมาย เพื่อเปิดโอกาสให้ต่างชาติสามารถ ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน ของประเทศไทยได้ โดยอ้างว่า จะเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
นายบุญคลี ปลั่งศิริ เป็นลูกน้องในอดีตบริษัทของนายกรัฐมนตรี รัฐบาลตั้งให้นายบุญคลีเป็นประธานคณะทำงานเพื่อ ศึกษาและกำหนดมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่สำคัญ ซึ่งยังมีการลงทุนน้อย หรือไม่มีการลงทุนในประเทศ
ขณะนี้ ราชอาณาจักรไทยเหลือพื้นที่ทั้งประเทศเพียง 320,696,888 ไร่ มีประชากร 63 ล้านคน คนจนแทบจะไม่มีที่ดินอยู่อาศัยและที่ดินซึ่งใช้ทำมาหากิน ส่วนคนรวยที่มีฐานะ กลับไล่ตระเวนซื้อที่ดินมาเก็บไว้ โดยไม่ได้พัฒนาให้เกิดผลผลิตใดๆ
นายบุญปลูก ไทยแท้ การศึกษาชั้น ป.6 เป็นเกษตรกรมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 7,000 บาท ใช้จ่ายกระเหม็ดกระแหม่ เหลือเก็บเพียงเดือนละ 1,000 บาท กว่าจะมีเงินถึงแสนเพื่อซื้อที่ดินซักแปลง ต้องใช้เวลาเก็บหลายสิบหรือเป็นร้อยปี
นายเสริมชัย ลี้ประเสริฐเลิศสกุล เป็นเจ้าของโรงอาบอบนวด มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 10,000,000 บาท แม้ว่าหักค่าใช้จ่ายไปแล้ว ก็ยังเหลือเงินอีกถึงเดือนละ 4,000,000 บาท แต่ละปีนายเสริมชัยมีเงินเหลือ 48,000,000 บาท เพียงปีเดียว นายเสริมชัยสามารถไปไล่ซื้อที่ดินที่เชียงใหม่ได้หลายร้อยไร่
ในขณะที่นายบุญปลูกต้องใช้เวลาเก็บเงินเกือบทั้งชีวิต
นายลี บุน จวน ชาวสิงคโปร์ มีกำไรจากธุรกิจปีละ 300 ล้านบาท เจียดเศษกำไรซักปีละ 10% หรือ 30 ล้านบาท ไปซื้อแผ่นดินที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เอาไว้ใช้เลี้ยงควายเพื่อดูเล่น เพราะสิงคโปร์ไม่มีที่ดินมากพอที่จะให้ใช้เลี้ยงควาย นายลีจึงไม่ค่อยเคยเห็นควาย เศษเงินเล็กๆน้อยๆของนายลี สามารถเข้าไปกว้านซื้อ ที่ดินในบ้านเกิดเมืองนอน ของนายกรัฐมนตรีไทยได้เป็นร้อยนับพันไร่ต่อปี
เนื่องจากหน้ากระดาษหมด ผมเลยไม่ได้เล่าถึงศักยภาพทางการเงินของ มร.อัลเบิร์ต สตีเฟน อุตสาหกรชาวอเมริกัน ที่อยากได้หาดทรายริมชายทะเลแถวเกาะภูเก็ต เอาไว้เป็นอาณาจักรส่วนตัวซัก 1,000 ไร่ และผมยังไม่ได้เล่าถึงนายอับดุล-มุอิซซฺ บิน อัล-ญัรฺรอหฺ เศรษฐีคูเวตที่อยากได้ที่ดินในฉะเชิงเทราซัก 5,000 ไร่ เพื่อใช้เลี้ยงแพะ
แล้วไอ้ทิดแม้น อีแหวน ป้าแจ่น ฯลฯ ราษฎรไทยละครับ จะมีปัญญาหาเงินที่ไหนเอามาซื้อ ที่ดินเพื่อใช้ซุกหัวนอน? เก็บเงินแพ้เศรษฐีต่างชาติอยู่วันยังคํ่า
นิติภูมิขอแนะนำให้นายบุญคลีผู้คิดจะปรับปรุงกฎหมายเพื่อ เปิดโอกาสให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินไทยไปโรงพยาบาล ด่วน เพื่อให้แพทย์ใช้เข็มเจาะและดูดเอานํ้าออกจากอวัยวะส่วนที่ คุณบุญคลีใช้คิด
ผมลืมเรียนผู้อ่านท่านที่เคารพไปว่า การรักษาโดยใช้เข็มเจาะดูดเอานํ้าออกนั้น แพทย์ใช้รักษาเฉพาะโรคถุงนํ้าที่ถุงอัณฑะเท่านั้น.
นิติภูมิ นวรัตน์
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
บุญคลีเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ จริง หรือ โกหก ??
โพสต์ที่ 3
ใครอยู่ในวงการที่เกี่ยวข้อง อยากทราบว่าข้อมูลจากข่าวพวกนี้ เป็นเรื่องจริงหรือเป็นเท็จกันครับ ???
ถ้าเป็นจริง มันเป็นข้อดี หรือ ข้อเสียครับ ???
ถ้าเป็นจริง มันเป็นข้อดี หรือ ข้อเสียครับ ???
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- champ
- Verified User
- โพสต์: 1280
- ผู้ติดตาม: 0
บุญคลีเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ จริง หรือ โกหก ??
โพสต์ที่ 4
ผมก็ไม่ทราบครับว่ามันดีหรือมันเสีย
แล้วมีความจำเป็นต้องทำขนาดนี้หรือเปล่า
แต่ที่ผมสงสัยแล้วคุยกับเพื่อนผม
ผมสงสัยว่าลูกน้องท่านเป็นอะไรกันไปหมด
ทำไมต้องสร้างข่าวแบบนี้ในช่วงนี้ด้วยครับ
ผมค่อนข้างงงนะครับ ท่านคัดท้าย
แต่ถ้ามุมมองของผมะครับ
เราคนไทยยังไม่ค่อยจะมีปัญญาซื้อกันเลยครับ
ที่ดิน แล้วยังจะไปเปิดให้ต่างชาติอีกหรือครับ
[color=red]สำหรับประเด็นเรื่องที่ดินนั้น เท่าที่ศึกษาข้อมูลจากหลายๆ ประเทศ พบว่าต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ ซึ่งท้ายที่สุดเท่าที่พบมา ไม่มีประเทศใดถูกต่างชาติซื้อจนหมดประเทศ ยกตัวอย่างเช่น สหรัฐ กับออสเตรเลีย ที่เปิดให้ต่างชาติเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ หลายสิบปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นเคยเข้าไปซื้อที่ดินในทั้งสองประเทศนี้จำนวนมาก จนเหมือนกับว่าเมืองใน 2 ประเทศนี้หลายเมืองจะกลายเป็นของญี่ปุ่นไป แต่พอเศรษฐกิจสหรัฐและออสเตรเลียดีขึ้น ขณะที่ญี่ปุ่นแย่ลง ทางสหรัฐและออสเตรเลียก็สามารถซื้อที่ดินกลับคืนมาได้มาก ซึ่งทั้งหมดนี้ผมเห็นว่า "เป็นไปตามกลไกเศรษฐศาสตร์" ดร.ศุภัชกล่าว [/color]
คำพูดนี้ผมว่าไม่น่าเอามาเทียบกับของเรานะครับ
ศักยภาพของเรายังไปไม่ถึงหรอกครับ
ถ้าเป็นจริงที่ดินกลับมาบูมระเบิด
ผมว่าท่านคงขาย SC ก่อนเลยละครับงานนี้
แล้วมีความจำเป็นต้องทำขนาดนี้หรือเปล่า
แต่ที่ผมสงสัยแล้วคุยกับเพื่อนผม
ผมสงสัยว่าลูกน้องท่านเป็นอะไรกันไปหมด
ทำไมต้องสร้างข่าวแบบนี้ในช่วงนี้ด้วยครับ
ผมค่อนข้างงงนะครับ ท่านคัดท้าย
แต่ถ้ามุมมองของผมะครับ
เราคนไทยยังไม่ค่อยจะมีปัญญาซื้อกันเลยครับ
ที่ดิน แล้วยังจะไปเปิดให้ต่างชาติอีกหรือครับ
[color=red]สำหรับประเด็นเรื่องที่ดินนั้น เท่าที่ศึกษาข้อมูลจากหลายๆ ประเทศ พบว่าต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ ซึ่งท้ายที่สุดเท่าที่พบมา ไม่มีประเทศใดถูกต่างชาติซื้อจนหมดประเทศ ยกตัวอย่างเช่น สหรัฐ กับออสเตรเลีย ที่เปิดให้ต่างชาติเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ หลายสิบปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นเคยเข้าไปซื้อที่ดินในทั้งสองประเทศนี้จำนวนมาก จนเหมือนกับว่าเมืองใน 2 ประเทศนี้หลายเมืองจะกลายเป็นของญี่ปุ่นไป แต่พอเศรษฐกิจสหรัฐและออสเตรเลียดีขึ้น ขณะที่ญี่ปุ่นแย่ลง ทางสหรัฐและออสเตรเลียก็สามารถซื้อที่ดินกลับคืนมาได้มาก ซึ่งทั้งหมดนี้ผมเห็นว่า "เป็นไปตามกลไกเศรษฐศาสตร์" ดร.ศุภัชกล่าว [/color]
คำพูดนี้ผมว่าไม่น่าเอามาเทียบกับของเรานะครับ
ศักยภาพของเรายังไปไม่ถึงหรอกครับ
ถ้าเป็นจริงที่ดินกลับมาบูมระเบิด
ผมว่าท่านคงขาย SC ก่อนเลยละครับงานนี้
- ขงเบ้ง
- Verified User
- โพสต์: 399
- ผู้ติดตาม: 0
บุญคลีเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ จริง หรือ โกหก ??
โพสต์ที่ 5
ถ้าจริง ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ coming soon :lol: :lol: :lol:
ไม่มีกลยุทธ์ใดตายตัวขึ้นอยู่กับสภาวะการณ์
เวลารุกคิดให้นานแต่เวลาถอยต้องเร็วไร้เงา
อิสรภาพทางการเงินเป็นแค่การเริ่มต้น
ปลายทาง คือ ความหลุดพ้น
ชีวิต คือ ความว่างเปล่า
ไม่มีใครหนีพ้นความตาย
แม้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1ของโลก
เวลารุกคิดให้นานแต่เวลาถอยต้องเร็วไร้เงา
อิสรภาพทางการเงินเป็นแค่การเริ่มต้น
ปลายทาง คือ ความหลุดพ้น
ชีวิต คือ ความว่างเปล่า
ไม่มีใครหนีพ้นความตาย
แม้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1ของโลก
-
- Verified User
- โพสต์: 2326
- ผู้ติดตาม: 0
บุญคลีเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ จริง หรือ โกหก ??
โพสต์ที่ 6
พื้นที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในประเทศไทยมีอีกเยอะมาก ไม่น้อยนะครับ
กฎหมายนี้ออกมาเห็นด้วยครับ แต่ต้องกำหนดระบุเขตพื้นที่ในการครอบครอง เช่นแถบอีสานตอนกลาง-ตอนล่าง
กฎหมายนี้ออกมาเห็นด้วยครับ แต่ต้องกำหนดระบุเขตพื้นที่ในการครอบครอง เช่นแถบอีสานตอนกลาง-ตอนล่าง
งด เลิก เสพ สุรา บุหรี่ วันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีของท่าน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
บุญคลีเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ จริง หรือ โกหก ??
โพสต์ที่ 8
ถ้าเปิดให้ต่างชาติมาซื้อที่ดินได้ 100 % จริงๆแล้ว
ประเทศไทยจะเจริญขึ้นอย่างมาก
จริงๆแล้ว ออสเตรเลีย แคนาดา หรือที่ไหน เขาก็ขายทั้งนั้น
แต่เราต้องมีเงินไปซื้อนะ
พอเราขายบ้างก็โวยวายกันใหญ่
ผมขอคิดด้วยคนดังนี้ ว่าดีอย่างไร
1. สมมุติว่า มีคนมาซื้อที่ไป 1 แสนไร่ ไร่ละ 1 ล้าน ก็มีเงินหมุนเข้ามา 1 แสนล้าน
2. ทีดินที่ซื้อไปจะเกิดการสร้างงาน
3. จะมีการบินไปบินมา และในที่สุด คนในโลกจะรูจักเมืองไทยมากขึ้น และส่งเสริมการท่องเที่ยวไปในตัว
4. ที่ดิน 1 แสนไร่ เทียบทั้งประเทศน้อยมาก และเขาก็ขุดไปไม่ได้
5. กิจการต่างๆที่หลั่งไหลเข้ามาจะทำให้ต้นทุนโดยรวม ของเมืองไทย ต่ำลง
เพราะมี กิจการเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องกัน เช่น เราอยากจะวิจัยอะไรก็มีบริษัทวิจัย อยากจะขายอะไรก็มีบริษัทที่มีช่องทางการขายไปทั่วโลก เป็นต้น
มีแต่ข้อดีคับ แต่คงมีคนเสียผลโยชน์แล้วก็โวยวาย
อืม ข้อเสนอคือ ถ้าต่างชาติซื้อได้จริง เสนอให้จ่ายภาษีโรงเรือน 100 เท่า ของคนไทย แค่นั้นพอครับ
ประเทศไทยจะเจริญขึ้นอย่างมาก
จริงๆแล้ว ออสเตรเลีย แคนาดา หรือที่ไหน เขาก็ขายทั้งนั้น
แต่เราต้องมีเงินไปซื้อนะ
พอเราขายบ้างก็โวยวายกันใหญ่
ผมขอคิดด้วยคนดังนี้ ว่าดีอย่างไร
1. สมมุติว่า มีคนมาซื้อที่ไป 1 แสนไร่ ไร่ละ 1 ล้าน ก็มีเงินหมุนเข้ามา 1 แสนล้าน
2. ทีดินที่ซื้อไปจะเกิดการสร้างงาน
3. จะมีการบินไปบินมา และในที่สุด คนในโลกจะรูจักเมืองไทยมากขึ้น และส่งเสริมการท่องเที่ยวไปในตัว
4. ที่ดิน 1 แสนไร่ เทียบทั้งประเทศน้อยมาก และเขาก็ขุดไปไม่ได้
5. กิจการต่างๆที่หลั่งไหลเข้ามาจะทำให้ต้นทุนโดยรวม ของเมืองไทย ต่ำลง
เพราะมี กิจการเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องกัน เช่น เราอยากจะวิจัยอะไรก็มีบริษัทวิจัย อยากจะขายอะไรก็มีบริษัทที่มีช่องทางการขายไปทั่วโลก เป็นต้น
มีแต่ข้อดีคับ แต่คงมีคนเสียผลโยชน์แล้วก็โวยวาย
อืม ข้อเสนอคือ ถ้าต่างชาติซื้อได้จริง เสนอให้จ่ายภาษีโรงเรือน 100 เท่า ของคนไทย แค่นั้นพอครับ
- nano
- Verified User
- โพสต์: 447
- ผู้ติดตาม: 0
บุญคลีเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ จริง หรือ โกหก ??
โพสต์ที่ 10
ผมเชื่อว่าถ้าปล่อยให้คนต่างชาติซื้อที่ดินเป็นของตนเองได้โดยเสรี
ต่อไปที่ดินของคนไทยในประเทศไทยจะเหลือไม่เกินครึ่งเดียวของปัจจุบัน
อันดับแรกคงเป็นสามจังหวัดภาคใต้ จะโดนกว้านซื้อหมด รวมทั้ง
ภูเก็ตด้วย
ต่อไปที่ดินของคนไทยในประเทศไทยจะเหลือไม่เกินครึ่งเดียวของปัจจุบัน
อันดับแรกคงเป็นสามจังหวัดภาคใต้ จะโดนกว้านซื้อหมด รวมทั้ง
ภูเก็ตด้วย
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
บุญคลีเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ จริง หรือ โกหก ??
โพสต์ที่ 11
8) บทความวันนี้ของท่านนิติภูมิครับ ชมท่านนายกน่าดู
http://www.thairath.co.th/thairath1/254 ... 6_2_49.php
นี่คือเสรีนิยมของพ่อเอ็ง ซึ่งเอ็งชอบอ้าง
ศุกร์พรุ่งนี้ เวลาเช้า 09.00-12.00 น. สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ ชวนนิติภูมิพูด
ทิศทางการเปลี่ยนแปลงทางสังคม รับใช้ หลักสูตร อัยการจังหวัด รุ่น 25
ที่ห้องประชุมชั้น 11 สนง.อัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก
ศุกร์พรุ่งนี้เช่นกัน เวลาบ่าย 14.00-16.00 น.
ร.ร.นายทหารอากาศอาวุโส สถาบันวิชาการทหารอากาศชั้นสูง
ชวนนิติภูมิพูด การเมืองหรือศาสนาเป็นเหตุให้เกิดการก่อการร้าย
รับใช้นายทหารอากาศชั้นยศนาวาตรี-โท จำนวน 98 นาย ที่ห้องประชุมของโรงเรียน
ผู้อ่านท่านที่เคารพ ผมเดินทางไปมากมายหลายประเทศ
พบว่าคณะผู้นำที่เอาชาติรอดปลอดภัยได้นั้น จะไม่ยอมให้ต่างชาติเข้ามาซื้อกิจการบางอย่างในประเทศ
โดยเฉพาะกิจการด้านโทรคมนาคมหรือด้านพลังงาน ซึ่งเกี่ยวดองหนองยุ่งกับความมั่นคง
หรือความเป็นความตายของประเทศ
ผู้อ่านท่านจำกรณีตัวอย่างสำคัญซึ่งอุบัติเมื่อปี พ.ศ.2548 ได้ไหมครับ
บริษัท ไชน่า เนชั่นแนล ออฟชอร์ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือซีนุค
เป็นบริษัทที่รัฐบาลจีนหนุนเพื่อให้เข้าไปซื้อกิจการของบริษัทยูโนแคล
ซึ่งเป็นบริษัทด้านพลังงานที่ใหญ่เป็นลำดับ 9 ของสหรัฐฯ
เพราะความต้องการอยากได้พลังงาน บริษัทสัญชาติจีนที่มีชื่อว่าซีนุค
จึงยินดีซื้อยูโนแคลด้วยเงินสดมากมหาศาลถึง 18,500 ล้านดอลลาร์
ส่วนอีกบริษัทหนึ่งซึ่งเสนอหน้าเข้ามาประมูลขอซื้อเหมือนกัน
ชื่อว่าเชฟรอน ซึ่งเป็นบริษัทด้านพลังงานที่ใหญ่เป็นลำดับ 2 ของสหรัฐฯ
แต่บริษัทเชฟรอนเสนอซื้อยูโนแคลด้วยเงินสด+หุ้น
ด้วยราคาแค่ 16,300 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
ห่างกันตั้ง 2,200 ล้านดอลลาร์
หรือ 88,000 ล้านบาท
ตามหลักการหลักทุนนิยม หลักเสรีนิยม หรือหลักบ้าบอคอแตกอะไรก็แล้วแต่
ที่ผู้นำบางประเทศชอบอ้าง ยูโนแคลก็ควรจะถูกขายไปให้ซีนุคใช่ไหมครับ
แต่ ผู้นำสหรัฐฯ คณะผู้นำสหรัฐฯ นักการเมืองสหรัฐฯ
ข้าราชการสหรัฐฯ สื่อมวลชนสหรัฐฯ และ ประชาชนคนสหรัฐฯ
ทั้งหมดทั้งปวงไม่ยอม นักการเมืองสหรัฐฯถึงขนาดนำเรื่องนี้เข้าไปอภิปรายกันในรัฐสภา
นักการเมืองสหรัฐฯลงมติไม่ให้รัฐบาลสหรัฐฯอนุมัติการขายบริษัทยูโนแคล
ให้กับบริษัทต่างชาติจีนเป็นอันขาด
ทั้งๆที่สหรัฐฯเป็นประเทศเสรีนิยมของแท้ เป็นประเทศทุนนิยมของจริง
จริงยิ่งกว่าประเทศใดๆ แถมยังเป็นพ่อของประเทศทุนนิยมทั้งหลายในพิภพนี้ซะด้วย
ผู้ถือหุ้นของยูโนแคลยังคงลงมติยืนที่จะขายบริษัทให้ซีนุคของจีน
แต่อำนาจจากทำเนียบประธานาธิบดี ความสามัคคีของนักการเมือง
ทั้งพรรครีพับลิกันฝ่ายรัฐบาล+ฝ่ายค้านเด็มโมแคร็ต ด้วยพลังของสื่อมวลชน
พลังแห่งความระมัดระวังภัยของบรรดาทหารหาญ และพลังความรักชาติของประชาชน
ต่างแสดงตนออกมาแสดงพลังทั้งทางตรงและทางอ้อม กระเพื่อมไปทั้งประเทศ
จนบั้นปลายท้ายที่สุด บริษัทซีนุคของจีนต้องถอนตัวออกจากการประมูลครั้งนี้
แม้ว่าจีนจะมีเงินมหาศาลก็ไม่สามารถซื้อบริษัทอเมริกันได้
ย้อนหลังไปในห้วงช่วงเวลาขณะที่บริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้ง (สัญชาติสิงคโปร์)
กำลังจะซื้อหุ้นของชิน คอร์ปอเรชั่น (สัญชาติไทย)
นายกรัฐมนตรีของไทยซึ่งประชาชนคนไทย พร้อมใจกันเลือกท่านเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร
เพื่อเข้ามาดูแลประโยชน์ของชาติ ท่านควรจะต้องลุกขึ้นยืนอย่างทระนงองอาจ
ออกประกาศชักชวนคนไทยให้เทใจรวมตัวชุมนุมสุมหัว
ต่อต้านการขายกิจการสำคัญของประเทศ ไปให้ต่างชาติสิงคโปร์
ซึ่งเป็นประเทศคู่แข่งของเรา ทั้งในระดับภูมิภาคและในเวทีนานาชาติ
ผู้นำและนักการเมืองของไทยควรทำตามอย่างที่ผู้นำสหรัฐฯทำ
ผู้นำไทยควรไปกราบเจ้าของบริษัทชินฯ ว่ากรุณาอย่าขายเลย
ท่านผู้ถือหุ้นทั้งหลายโปรดอนุเคราะห์เมตตาสงสารคนไทยตาดำๆทั้ง 63 ล้านคนด้วยเถิด
เพราะนี่คือกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับวิถีชีวิตประจำวันของคนไทย
ถ้าผู้ถือหุ้นบริษัทชินฯไม่กระทำตาม ผู้นำไทยก็ควรใช้ไม้แข็งเข้าไปจัดการ
อย่างที่ผู้นำสหรัฐฯพ่อของประเทศทุนนิยมเคยปกป้องประเทศของตน ให้เห็นเป็นตัวอย่างมาแล้ว
มีคนมากระซิบบอกว่า ผู้นำไทยขายบริษัทสำคัญของไทยไปให้ต่างชาติเสียเอง
เฮ้อ ท่านนายกฯทักษิณครับ ข่าวลืออัปมงคลอย่างนี้ก็มีกันเรื่อย
หมู หมา กา ไก่ ไอ้แมว ไอ้ดุ๊กที่ไหนก็ทราบว่าท่านเป็นผู้นำประเทศ
มีหน้าที่จะต้องปกป้องประเทศชาติ
ใครจะไปทำบ้าอย่างที่เค้าว่า.
http://www.thairath.co.th/thairath1/254 ... 6_2_49.php
นี่คือเสรีนิยมของพ่อเอ็ง ซึ่งเอ็งชอบอ้าง
ศุกร์พรุ่งนี้ เวลาเช้า 09.00-12.00 น. สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ ชวนนิติภูมิพูด
ทิศทางการเปลี่ยนแปลงทางสังคม รับใช้ หลักสูตร อัยการจังหวัด รุ่น 25
ที่ห้องประชุมชั้น 11 สนง.อัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก
ศุกร์พรุ่งนี้เช่นกัน เวลาบ่าย 14.00-16.00 น.
ร.ร.นายทหารอากาศอาวุโส สถาบันวิชาการทหารอากาศชั้นสูง
ชวนนิติภูมิพูด การเมืองหรือศาสนาเป็นเหตุให้เกิดการก่อการร้าย
รับใช้นายทหารอากาศชั้นยศนาวาตรี-โท จำนวน 98 นาย ที่ห้องประชุมของโรงเรียน
ผู้อ่านท่านที่เคารพ ผมเดินทางไปมากมายหลายประเทศ
พบว่าคณะผู้นำที่เอาชาติรอดปลอดภัยได้นั้น จะไม่ยอมให้ต่างชาติเข้ามาซื้อกิจการบางอย่างในประเทศ
โดยเฉพาะกิจการด้านโทรคมนาคมหรือด้านพลังงาน ซึ่งเกี่ยวดองหนองยุ่งกับความมั่นคง
หรือความเป็นความตายของประเทศ
ผู้อ่านท่านจำกรณีตัวอย่างสำคัญซึ่งอุบัติเมื่อปี พ.ศ.2548 ได้ไหมครับ
บริษัท ไชน่า เนชั่นแนล ออฟชอร์ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือซีนุค
เป็นบริษัทที่รัฐบาลจีนหนุนเพื่อให้เข้าไปซื้อกิจการของบริษัทยูโนแคล
ซึ่งเป็นบริษัทด้านพลังงานที่ใหญ่เป็นลำดับ 9 ของสหรัฐฯ
เพราะความต้องการอยากได้พลังงาน บริษัทสัญชาติจีนที่มีชื่อว่าซีนุค
จึงยินดีซื้อยูโนแคลด้วยเงินสดมากมหาศาลถึง 18,500 ล้านดอลลาร์
ส่วนอีกบริษัทหนึ่งซึ่งเสนอหน้าเข้ามาประมูลขอซื้อเหมือนกัน
ชื่อว่าเชฟรอน ซึ่งเป็นบริษัทด้านพลังงานที่ใหญ่เป็นลำดับ 2 ของสหรัฐฯ
แต่บริษัทเชฟรอนเสนอซื้อยูโนแคลด้วยเงินสด+หุ้น
ด้วยราคาแค่ 16,300 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
ห่างกันตั้ง 2,200 ล้านดอลลาร์
หรือ 88,000 ล้านบาท
ตามหลักการหลักทุนนิยม หลักเสรีนิยม หรือหลักบ้าบอคอแตกอะไรก็แล้วแต่
ที่ผู้นำบางประเทศชอบอ้าง ยูโนแคลก็ควรจะถูกขายไปให้ซีนุคใช่ไหมครับ
แต่ ผู้นำสหรัฐฯ คณะผู้นำสหรัฐฯ นักการเมืองสหรัฐฯ
ข้าราชการสหรัฐฯ สื่อมวลชนสหรัฐฯ และ ประชาชนคนสหรัฐฯ
ทั้งหมดทั้งปวงไม่ยอม นักการเมืองสหรัฐฯถึงขนาดนำเรื่องนี้เข้าไปอภิปรายกันในรัฐสภา
นักการเมืองสหรัฐฯลงมติไม่ให้รัฐบาลสหรัฐฯอนุมัติการขายบริษัทยูโนแคล
ให้กับบริษัทต่างชาติจีนเป็นอันขาด
ทั้งๆที่สหรัฐฯเป็นประเทศเสรีนิยมของแท้ เป็นประเทศทุนนิยมของจริง
จริงยิ่งกว่าประเทศใดๆ แถมยังเป็นพ่อของประเทศทุนนิยมทั้งหลายในพิภพนี้ซะด้วย
ผู้ถือหุ้นของยูโนแคลยังคงลงมติยืนที่จะขายบริษัทให้ซีนุคของจีน
แต่อำนาจจากทำเนียบประธานาธิบดี ความสามัคคีของนักการเมือง
ทั้งพรรครีพับลิกันฝ่ายรัฐบาล+ฝ่ายค้านเด็มโมแคร็ต ด้วยพลังของสื่อมวลชน
พลังแห่งความระมัดระวังภัยของบรรดาทหารหาญ และพลังความรักชาติของประชาชน
ต่างแสดงตนออกมาแสดงพลังทั้งทางตรงและทางอ้อม กระเพื่อมไปทั้งประเทศ
จนบั้นปลายท้ายที่สุด บริษัทซีนุคของจีนต้องถอนตัวออกจากการประมูลครั้งนี้
แม้ว่าจีนจะมีเงินมหาศาลก็ไม่สามารถซื้อบริษัทอเมริกันได้
ย้อนหลังไปในห้วงช่วงเวลาขณะที่บริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้ง (สัญชาติสิงคโปร์)
กำลังจะซื้อหุ้นของชิน คอร์ปอเรชั่น (สัญชาติไทย)
นายกรัฐมนตรีของไทยซึ่งประชาชนคนไทย พร้อมใจกันเลือกท่านเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร
เพื่อเข้ามาดูแลประโยชน์ของชาติ ท่านควรจะต้องลุกขึ้นยืนอย่างทระนงองอาจ
ออกประกาศชักชวนคนไทยให้เทใจรวมตัวชุมนุมสุมหัว
ต่อต้านการขายกิจการสำคัญของประเทศ ไปให้ต่างชาติสิงคโปร์
ซึ่งเป็นประเทศคู่แข่งของเรา ทั้งในระดับภูมิภาคและในเวทีนานาชาติ
ผู้นำและนักการเมืองของไทยควรทำตามอย่างที่ผู้นำสหรัฐฯทำ
ผู้นำไทยควรไปกราบเจ้าของบริษัทชินฯ ว่ากรุณาอย่าขายเลย
ท่านผู้ถือหุ้นทั้งหลายโปรดอนุเคราะห์เมตตาสงสารคนไทยตาดำๆทั้ง 63 ล้านคนด้วยเถิด
เพราะนี่คือกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับวิถีชีวิตประจำวันของคนไทย
ถ้าผู้ถือหุ้นบริษัทชินฯไม่กระทำตาม ผู้นำไทยก็ควรใช้ไม้แข็งเข้าไปจัดการ
อย่างที่ผู้นำสหรัฐฯพ่อของประเทศทุนนิยมเคยปกป้องประเทศของตน ให้เห็นเป็นตัวอย่างมาแล้ว
มีคนมากระซิบบอกว่า ผู้นำไทยขายบริษัทสำคัญของไทยไปให้ต่างชาติเสียเอง
เฮ้อ ท่านนายกฯทักษิณครับ ข่าวลืออัปมงคลอย่างนี้ก็มีกันเรื่อย
หมู หมา กา ไก่ ไอ้แมว ไอ้ดุ๊กที่ไหนก็ทราบว่าท่านเป็นผู้นำประเทศ
มีหน้าที่จะต้องปกป้องประเทศชาติ
ใครจะไปทำบ้าอย่างที่เค้าว่า.
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 920
- ผู้ติดตาม: 0
บุญคลีเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ จริง หรือ โกหก ??
โพสต์ที่ 13
เห็นด้วยกับความคิดและเหตุผลของพี่เจ๋งครับ น่าจะให้ซื้อได้ แต่ต้องมีกติกาทีทำให้เงินอยู่ในเมืองไทยมากที่สุดและนานที่สุด เช่น เสียภาษีที่ดินในอัตราที่สูงหากไม่มีการทำประโยชน์ เวลาขายต่อก็ต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงเช่นกันเช่น 30-50% ไปเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 857
- ผู้ติดตาม: 0
บุญคลีเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ จริง หรือ โกหก ??
โพสต์ที่ 14
บทความของคุณนิติภูมิผมก็ชอบอ่านนะ แต่ส่วนใหญ่ต้องฟังหูไว้หลาย ๆ หูเลย เพราะความเห็นแกค่อนข้าง bias และให้ข้อมูลด้านเดียว
อย่างกรณียูโนแคล ปัญหามันเป็นเพราะคนซื้อคือจีนซึ่งเป็นขั้วที่แทบตรงข้ามเลย ถ้าเป็นอังกฤษหรือเยอรมันซื้อมีหรือจะปฏิเสธ
หรืออย่างกรณีรัฐวิสาหกิจ เห็นแกพูดมาเกือบสิบปี ยกมาแต่อาร์เจนทุกที ทั้ง ๆ ที่ผมเชื่อว่าความรู้ระดับแกน่าจะมีข้อมูลของประเทศอื่น ๆ อีกมากในโลกทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จ แต่ไม่เคยยกมาเปิดหูเปิดตาผมเลย
แต่ก็อ่านต่อไป นิสัยมนุษย์เราหนอ :oops:
อย่างกรณียูโนแคล ปัญหามันเป็นเพราะคนซื้อคือจีนซึ่งเป็นขั้วที่แทบตรงข้ามเลย ถ้าเป็นอังกฤษหรือเยอรมันซื้อมีหรือจะปฏิเสธ
หรืออย่างกรณีรัฐวิสาหกิจ เห็นแกพูดมาเกือบสิบปี ยกมาแต่อาร์เจนทุกที ทั้ง ๆ ที่ผมเชื่อว่าความรู้ระดับแกน่าจะมีข้อมูลของประเทศอื่น ๆ อีกมากในโลกทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จ แต่ไม่เคยยกมาเปิดหูเปิดตาผมเลย
แต่ก็อ่านต่อไป นิสัยมนุษย์เราหนอ :oops:
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
บุญคลีเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ จริง หรือ โกหก ??
โพสต์ที่ 15
ใครไม่รู้แฮะว่า ราคาต่อตารางเมตร
ราคาต่อตารางวา ราคาต่อไร่
เราดูเหมือนจะถูกที่สุดในเอเชีย ถ้าต่างชาติ
สามารถือครองกรรมสิทธิ์ ได้มองในแง่ การเพิ่มมูลค่า
น่าจะประโยชน์สำหรับโครงการระดับบนต่างต่างที่
ยอดขายยังเหลืออีกบาน แต่คงไม่มีผลกับโครงการ
ระดับล่างเสียเท่าไร
ราคาต่อตารางวา ราคาต่อไร่
เราดูเหมือนจะถูกที่สุดในเอเชีย ถ้าต่างชาติ
สามารถือครองกรรมสิทธิ์ ได้มองในแง่ การเพิ่มมูลค่า
น่าจะประโยชน์สำหรับโครงการระดับบนต่างต่างที่
ยอดขายยังเหลืออีกบาน แต่คงไม่มีผลกับโครงการ
ระดับล่างเสียเท่าไร
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
บุญคลีเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ จริง หรือ โกหก ??
โพสต์ที่ 16
อันนี้ก็อีกแหล่งหนึ่ง แต่ไม่ทราบแหล่งข่าว ลองอ่านดูเล่นๆคับ...
-แก้ก.ม.ต่างชาติถือครองที่ดิน จิ๊กซอว์ ผลประโยชน์ เทมาเส็ก !!คำถามที่รัฐบาลต้องตอบ??
-แก้ก.ม.ต่างชาติถือครองที่ดิน จิ๊กซอว์ ผลประโยชน์ เทมาเส็ก !!คำถามที่รัฐบาลต้องตอบ??
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
บุญคลีเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ จริง หรือ โกหก ??
โพสต์ที่ 17
ถ้าให้ซื้อได้
น่าจะให้ซื้อในอาณาเขตที่ควบคุมได้
เช่น การตั้งเขตพิเศษสำหรับต่างชาติโดยเขตที่ว่า
จะมีราคาประเมินสูงกว่าปกติ30เท่าของราคาประเมินจริง
จะทำให้รัฐมีรายได้สูงขึ้นจากการเก็บภาษี และเงินจำนวนหนึง่จะได้หมุนเวียนในตลาดมากขึ้น
ขออย่างเดียวอย่าให้ต่างชาติซื้อพื้นที่ในต่างจังหวัด
ที่ราคาถูกจนเกินไป เพราะการรวบรวม พื้นที่จำนวนมาก
จะง่ายมาก โดยใช้เงินไม่มากนัก
พูดง่ายง่าย ซื้อได้ แต่ต้องให้เขาซื้อแพงที่สุด
กว่าคนไทยซื้อสัก30เท่าถึงจะดี
น่าจะให้ซื้อในอาณาเขตที่ควบคุมได้
เช่น การตั้งเขตพิเศษสำหรับต่างชาติโดยเขตที่ว่า
จะมีราคาประเมินสูงกว่าปกติ30เท่าของราคาประเมินจริง
จะทำให้รัฐมีรายได้สูงขึ้นจากการเก็บภาษี และเงินจำนวนหนึง่จะได้หมุนเวียนในตลาดมากขึ้น
ขออย่างเดียวอย่าให้ต่างชาติซื้อพื้นที่ในต่างจังหวัด
ที่ราคาถูกจนเกินไป เพราะการรวบรวม พื้นที่จำนวนมาก
จะง่ายมาก โดยใช้เงินไม่มากนัก
พูดง่ายง่าย ซื้อได้ แต่ต้องให้เขาซื้อแพงที่สุด
กว่าคนไทยซื้อสัก30เท่าถึงจะดี
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
บุญคลีเสนอ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ต่างชาติ จริง หรือ โกหก ??
โพสต์ที่ 18
วันนี้บังเอิญเจอคนรู้จัก เป็นภรรยานายพลทหาร เข้าใจว่าสังกัดบก.สส.
คุณพี่ท่านนี้ทำงานที่ TOT ก็เลยคุยกันไปเรื่อย
อดจะถามเรื่องดีลชินคอร์ปไม่ได้ เพราะเห็นว่าน่าจะรู้ดี เพราะเป็นผู้บริหารระดับกลางด้วย
ก็จึงได้รับความรู้ต่างๆเกี่ยวกับดีลนี้เพิ่มขึ้นมาอีก รวมทั้งอนาคต TOT
แต่คุณพี่บอกว่า เรื่องหนึ่งซึ่งสำคัญและอันตรายก็คือเรื่องกฎหมายการครอบครองที่ดินนี่แหละคับ งานลำดับถัดไป...
ลองแย็บสักหน่อย...ถามไปว่า...แล้วทหารรู้สึกอย่างไร....
คำตอบ....
พอดีออกนอกประเด็นแล้ว ไว้โอกาสหน้าดีกว่า...
คุณพี่ท่านนี้ทำงานที่ TOT ก็เลยคุยกันไปเรื่อย
อดจะถามเรื่องดีลชินคอร์ปไม่ได้ เพราะเห็นว่าน่าจะรู้ดี เพราะเป็นผู้บริหารระดับกลางด้วย
ก็จึงได้รับความรู้ต่างๆเกี่ยวกับดีลนี้เพิ่มขึ้นมาอีก รวมทั้งอนาคต TOT
แต่คุณพี่บอกว่า เรื่องหนึ่งซึ่งสำคัญและอันตรายก็คือเรื่องกฎหมายการครอบครองที่ดินนี่แหละคับ งานลำดับถัดไป...
ลองแย็บสักหน่อย...ถามไปว่า...แล้วทหารรู้สึกอย่างไร....
คำตอบ....
พอดีออกนอกประเด็นแล้ว ไว้โอกาสหน้าดีกว่า...