ผมสงสัยเรื่อง หนี้ IMF ................ ครับ
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ผมสงสัยเรื่อง หนี้ IMF ................ ครับ
โพสต์ที่ 1
ท่านนายกทักษิณ ขึ้นมาเป็นนายกเพียงกลางสมัยแรก เราก็สามารถ ใช้หนี้ IMF ได้หมดสิ้น .... ผมจำได้ว่า บนสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา มีการประดับธงชาติ
จำได้ว่าเวลานั้น ... เป็นเวลาที่ คนไทยหลายคน รู้สึกเหมือนได้รับเอกราช มาอีกครั้งหนึ่ง ยังจำกันได้มั้ยครับ ???
... ผมเองก็อดปลื้มใจไม่ได้ ... แต่ผมก็ยังมีคำถาม คาใจของผม จากวันนั้นถึงสันนี้ ไม่เคยหาคำตอบได้ซักที !!!
ก็คือ เงินที่ใช้หนี้ IMF ... เอามาจากไหนครับ ??
แล้ว ทำไมเราถึงได้เงินก้อนนี้มา ... และ หาก้อนนี้ อีกซักก้อน เพื่อทำ Mega Project ... จะเป็นไปได้มั้ยครับ
ใครทราบข้อมูล ช่วยรบกวนขอข้อมูลด้วยครับ :D
จำได้ว่าเวลานั้น ... เป็นเวลาที่ คนไทยหลายคน รู้สึกเหมือนได้รับเอกราช มาอีกครั้งหนึ่ง ยังจำกันได้มั้ยครับ ???
... ผมเองก็อดปลื้มใจไม่ได้ ... แต่ผมก็ยังมีคำถาม คาใจของผม จากวันนั้นถึงสันนี้ ไม่เคยหาคำตอบได้ซักที !!!
ก็คือ เงินที่ใช้หนี้ IMF ... เอามาจากไหนครับ ??
แล้ว ทำไมเราถึงได้เงินก้อนนี้มา ... และ หาก้อนนี้ อีกซักก้อน เพื่อทำ Mega Project ... จะเป็นไปได้มั้ยครับ
ใครทราบข้อมูล ช่วยรบกวนขอข้อมูลด้วยครับ :D
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ผมสงสัยเรื่อง หนี้ IMF ................ ครับ
โพสต์ที่ 2
ขอขยายความนิดครับ ...
ผมลองนึกดู รายได้ของประเทศมาจากไหนหลักๆ .. ที่ผมพอนึกออกคือ
1. ภาษี
2. รายได้ของกิจการของภาครัฐที่ทำกำไร
3. รายได้จากสัมปทาน
4. ... มีอะไรอีกมั่งครับ ผมไม่ค่อยทราบ .. ???
ในช่วงที่นายกทักษิณเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ... รายได้ส่วนไหนที่เพิ่มขึ้น จนทำให้เราใช้หนี้ IMF ได้ คือ อะไรครับ??
ผมลองนึกดู รายได้ของประเทศมาจากไหนหลักๆ .. ที่ผมพอนึกออกคือ
1. ภาษี
2. รายได้ของกิจการของภาครัฐที่ทำกำไร
3. รายได้จากสัมปทาน
4. ... มีอะไรอีกมั่งครับ ผมไม่ค่อยทราบ .. ???
ในช่วงที่นายกทักษิณเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ... รายได้ส่วนไหนที่เพิ่มขึ้น จนทำให้เราใช้หนี้ IMF ได้ คือ อะไรครับ??
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ผมสงสัยเรื่อง หนี้ IMF ................ ครับ
โพสต์ที่ 3
คุณ hot ... พี่ chatchai ... ท่านสุมาอี้ ... หรือ ท่านอื่นๆที่มีความรู้เรื่องนี้ครับ
ขอข้อมูลด้วยครับ :idea:
ขอข้อมูลด้วยครับ :idea:
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- tatandchin
- Verified User
- โพสต์: 775
- ผู้ติดตาม: 0
ผมสงสัยเรื่อง หนี้ IMF ................ ครับ
โพสต์ที่ 5
คือผมมองอย่างนี้ครับ (ด้วยความรู้ อันน้อยนิด แต่อยากมีส่วนร่วม) คือมองประเทศให้เป็นหนึ่งหน่วย (เพื่อให้ง่าย) ไทยกู้มา ไทยก็ต้องใช้คืน ไทยจะใช้คืนได้ ไทยต้องมีรายได้เข้ามา ก็จาก สินค้าและบริการที่ไทยขายให้ชาติอื่น เป็นต้น หรือก็คือทางที่ทำให้ไทยได้เงินจากชาติอื่น ซึ่งผมมองว่า น่าจะเป็นรายได้ในส่วนนี้ที่จะนำมาใช้ IMF แต่ผมก็ไม่รู้ว่านายกทักษิณ หารายได้นี้มาจากไหน จนสามารถใช้ IMF ได้หมดครับ ผิด ถูกอย่างไรชี้แนะด้วยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ผมสงสัยเรื่อง หนี้ IMF ................ ครับ
โพสต์ที่ 6
ถ้านับเม็ดเงินที่เป็นหนี้ ณ.ปัจจุบัน
พี่เดาว่า มากกว่าสมัยที่ ทักษิณ ไม่ได้เป็นนายก
เพียงแต่มีสามปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
1. รายได้เพิ่มขึ้น ( รายได้ประชาชาติ ภาษีทีเรียกเก็บก็เพิ่มขึ้น )
2. สินทรัพย์ของประเทศมูลค่าเพิ่มขึ้น
3. เงินสำรองเพิ่มขึ้น
สามข้อที่ว่านี้ก็เดาอีก
ถ้าปรับ 3 ข้อนี้ให้กลับไปอยู่ในจุด ที่เปรียบเทียบกันได้ ก็น่าจะดี จะได้ทำให้เรารู้ว่า เศรษฐกิจดีขึ้นหรือไม่
แต่ถ้าเดาแบบชาวบ้าน เศรษฐกิจย่อมดีขึ้นในสมัยนายกทักษิณครับ
พี่เดาว่า มากกว่าสมัยที่ ทักษิณ ไม่ได้เป็นนายก
เพียงแต่มีสามปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
1. รายได้เพิ่มขึ้น ( รายได้ประชาชาติ ภาษีทีเรียกเก็บก็เพิ่มขึ้น )
2. สินทรัพย์ของประเทศมูลค่าเพิ่มขึ้น
3. เงินสำรองเพิ่มขึ้น
สามข้อที่ว่านี้ก็เดาอีก
ถ้าปรับ 3 ข้อนี้ให้กลับไปอยู่ในจุด ที่เปรียบเทียบกันได้ ก็น่าจะดี จะได้ทำให้เรารู้ว่า เศรษฐกิจดีขึ้นหรือไม่
แต่ถ้าเดาแบบชาวบ้าน เศรษฐกิจย่อมดีขึ้นในสมัยนายกทักษิณครับ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ผมสงสัยเรื่อง หนี้ IMF ................ ครับ
โพสต์ที่ 7
เรื่องนี้นับว่าหาหลักฐานได้ยากอยู่.....
ตอนนั้น ธปท.กู้ IMF มาเพื่อเติมเงินหน้าตักเนื่องจากทุนสำรองลดลงไปมาก การมีเงินหน้าตักมากๆ จะทำให้เจ้าหนี้ต่างประเทศที่ตกใจขอเงินต้นคืนน้อยลง เพราะอุ่นใจว่าอย่างน้อยไทยยังมีเงินตปท.ไว้จ่ายดอกเบี้ยอยู่ เป็นเรื่องของการสร้างความน่าเชื่อถือของคนที่เป็นลูกหนี้น่ะครับ
จริงๆ แล้วเงินกู้ก้อนนี้จะคืนเมื่อไรก็ได้ ถ้าเรามีเงินทุนสำรองมากกว่าเงินต้นที่ยืมมา แต่ถ้าคืนแล้วทำให้เงินทุนสำรองลดลงอย่างเฉียบพลันจะทำให้ต่างชาติตกใจได้ ดังนั้น ธปท. จึงเน้นการรักษาระดับทุนสำรองมาโดยตลอด ซึ่งก็แปลว่าการจะใช้คืนหนี้ได้โดยทุนสำรองไม่เปลี่ยนมาก ต้องมีวิธีนำเงินต่างประเทศเข้ามาโดยวิธีอื่นด้วยเพื่อชดเชยกัน ซึ่งทำได้หลายวิธีโดยไม่ให้กระทบอัตราแลกเปลี่ยน หลักๆ ก็คือ
1. ส่งออกให้มาก นำเข้าให้น้อย
2. ขายสินทรัพย์ในประเทศให้ต่างชาติ
ที่ผ่านมาค่าเงินเราอ่อนลงไปมากหลังวิกฤต ดังนั้นเราจึงส่งออกได้มากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย รวมทั้งสินทรัพย์ของไทยก็มีมูลค่าเมื่อคิดเป็นเงินดอลล่าร์ต่ำลงมาก ซึ่งดึงดูดให้ต่างประเทศนำเงินเข้ามาซื้อสินทรัพย์เหล่านั้นด้วย เราจึงได้เงินต่างประเทศเข้ามาชดเชย เงินกู้ IMF ที่จ่ายออกไปได้โดยไม่ทำให้ทุนสำรองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่าจริงๆ แล้วเราสามารถใช้คืนเงินต้น IMF ได้ก่อนทักษิณถ้าเราต้องการ แต่รัฐบาลประชาธิปปัตย์มีนโยบายสร้างความเชื่อมั่นด้วยการปฏิบัติตามกรอบของ IMF (เป็นเด็กดีของ IMF) จึงไม่ได้ชำระหนี้ในทันทีทั้งที่สามารถทำได้ ต่างกับรัฐบาลทักษิณทีมีนโยบายไม่ต้องการพึ่งพา จึงรีบใช้หนี้ออกไปในทันทีเมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลซึ่งทำให้ IMF โกรธอยู่เหมือนกัน อันนี้ไม่รู้ว่านโยบายใครถูกใครผิด
คงจะประมาณนี้นะ...
ตอนนั้น ธปท.กู้ IMF มาเพื่อเติมเงินหน้าตักเนื่องจากทุนสำรองลดลงไปมาก การมีเงินหน้าตักมากๆ จะทำให้เจ้าหนี้ต่างประเทศที่ตกใจขอเงินต้นคืนน้อยลง เพราะอุ่นใจว่าอย่างน้อยไทยยังมีเงินตปท.ไว้จ่ายดอกเบี้ยอยู่ เป็นเรื่องของการสร้างความน่าเชื่อถือของคนที่เป็นลูกหนี้น่ะครับ
จริงๆ แล้วเงินกู้ก้อนนี้จะคืนเมื่อไรก็ได้ ถ้าเรามีเงินทุนสำรองมากกว่าเงินต้นที่ยืมมา แต่ถ้าคืนแล้วทำให้เงินทุนสำรองลดลงอย่างเฉียบพลันจะทำให้ต่างชาติตกใจได้ ดังนั้น ธปท. จึงเน้นการรักษาระดับทุนสำรองมาโดยตลอด ซึ่งก็แปลว่าการจะใช้คืนหนี้ได้โดยทุนสำรองไม่เปลี่ยนมาก ต้องมีวิธีนำเงินต่างประเทศเข้ามาโดยวิธีอื่นด้วยเพื่อชดเชยกัน ซึ่งทำได้หลายวิธีโดยไม่ให้กระทบอัตราแลกเปลี่ยน หลักๆ ก็คือ
1. ส่งออกให้มาก นำเข้าให้น้อย
2. ขายสินทรัพย์ในประเทศให้ต่างชาติ
ที่ผ่านมาค่าเงินเราอ่อนลงไปมากหลังวิกฤต ดังนั้นเราจึงส่งออกได้มากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย รวมทั้งสินทรัพย์ของไทยก็มีมูลค่าเมื่อคิดเป็นเงินดอลล่าร์ต่ำลงมาก ซึ่งดึงดูดให้ต่างประเทศนำเงินเข้ามาซื้อสินทรัพย์เหล่านั้นด้วย เราจึงได้เงินต่างประเทศเข้ามาชดเชย เงินกู้ IMF ที่จ่ายออกไปได้โดยไม่ทำให้ทุนสำรองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่าจริงๆ แล้วเราสามารถใช้คืนเงินต้น IMF ได้ก่อนทักษิณถ้าเราต้องการ แต่รัฐบาลประชาธิปปัตย์มีนโยบายสร้างความเชื่อมั่นด้วยการปฏิบัติตามกรอบของ IMF (เป็นเด็กดีของ IMF) จึงไม่ได้ชำระหนี้ในทันทีทั้งที่สามารถทำได้ ต่างกับรัฐบาลทักษิณทีมีนโยบายไม่ต้องการพึ่งพา จึงรีบใช้หนี้ออกไปในทันทีเมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลซึ่งทำให้ IMF โกรธอยู่เหมือนกัน อันนี้ไม่รู้ว่านโยบายใครถูกใครผิด
คงจะประมาณนี้นะ...
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ผมสงสัยเรื่อง หนี้ IMF ................ ครับ
โพสต์ที่ 8
I think....I think....
We have FX reserve to support value of our currency.
In this case I want to say that Thaksin tell only one side of the story and there is another side.
He always said that with his gov't ability, Thailand has the highest reserve in our history. This is true but only one-sided. All other countries in ASEAN, with or without serious crisis in '97-'98, have more FX reserve---S'pore, M'sia, P'pines, I'sia including Brunei-Laos-C'dia and VN. And of course some of these countries post higher percentage of FX reserve than of Thailand. He always tells one side of the story and says something like this.
Paying IMF debt likes paying your home loan to the bank. It depends on cashflow of the family and the options you have in investing. It also like a Buffet's company that has retained earning and want to allocate this R/E----re-invest, buy growth, buy treasury stock, pay dividend or pay debt. In 1997 Thailand had negative retained earning. In this case the Bank of Thailand, if my memory's right, advised to keep paying in instalment in order to safeguard the future uncertainties if it may arise. This was a conservative stance and part of the BOT normal central banker's position. Thaksin wanted more aggressive by paying IMF debt in order to shore up confidence in the business communities around the world and of course his popularities. It was a good decision though because there was no other crisis elsewhere. We're still here and he continues to say both stories again and again.
However no one talks about opportunities lost. We may use that reserve to buy growth---say buy UNOCAL, build those mega projects or in return buy Sing Tel , etc..... No one knows เงินใช้ไปแล้ว
If you're a VI, you have some debts and you have knowledge of VI.
What will you do to smartly allocate your resources in order to maximise your value.....?
We have FX reserve to support value of our currency.
In this case I want to say that Thaksin tell only one side of the story and there is another side.
He always said that with his gov't ability, Thailand has the highest reserve in our history. This is true but only one-sided. All other countries in ASEAN, with or without serious crisis in '97-'98, have more FX reserve---S'pore, M'sia, P'pines, I'sia including Brunei-Laos-C'dia and VN. And of course some of these countries post higher percentage of FX reserve than of Thailand. He always tells one side of the story and says something like this.
Paying IMF debt likes paying your home loan to the bank. It depends on cashflow of the family and the options you have in investing. It also like a Buffet's company that has retained earning and want to allocate this R/E----re-invest, buy growth, buy treasury stock, pay dividend or pay debt. In 1997 Thailand had negative retained earning. In this case the Bank of Thailand, if my memory's right, advised to keep paying in instalment in order to safeguard the future uncertainties if it may arise. This was a conservative stance and part of the BOT normal central banker's position. Thaksin wanted more aggressive by paying IMF debt in order to shore up confidence in the business communities around the world and of course his popularities. It was a good decision though because there was no other crisis elsewhere. We're still here and he continues to say both stories again and again.
However no one talks about opportunities lost. We may use that reserve to buy growth---say buy UNOCAL, build those mega projects or in return buy Sing Tel , etc..... No one knows เงินใช้ไปแล้ว
If you're a VI, you have some debts and you have knowledge of VI.
What will you do to smartly allocate your resources in order to maximise your value.....?
Rabbit VS. Turtle
- เพื่อน
- Verified User
- โพสต์: 1826
- ผู้ติดตาม: 0
ผมสงสัยเรื่อง หนี้ IMF ................ ครับ
โพสต์ที่ 9
คุณคัดท้ายถามแบบที่ผมเคยถามเลยครับ (ในกระทู้ไหนจำไม่ได้แล้ว)
คุณ สุมาอื้ครับ IMF เค้าไม่ได้โกรธนะครับ แต่เค้าก็งงเหมือนกันว่าเอาเงินมาจากไหน ทำไมต้องเอากู้จากแหล่งที่ดอกแพงกว่ามาโปะเงินกู้ที่ดอกถูกกว่า(เป็นที่รู้กันว่าIMFเป็นแหล่งเงินกู้ระหว่างชาติที่ให้ดอกเบี้ยต่ำมาก เพื่อเป็นการช่วยเหลือประเทศที่มีปัญหา)
ที่เค้าคาดเดาก็เหมือนพี่Mr.Booว่าไว้ คือนายกคงคาดหวังทางด้านจิตวิทยามากกว่า ซึ่งก็ได้ผลทางจิตมากพอสมควรครับ และคาดว่าเงินก้อนนั้นคงมาจากแหล่งเงินกู้อื่น+Bondต่างๆที่ทยอยออกมาในช่วงนั้น (เช่นวายุพักตร์1-2 ฯลฯ )รวมกับภาษี และเงินคงคลังที่มีสำรองไว้
พอดีมีคนสนิทกันทำงานอยู่IMFครับ เลยเล่าความเห็นของเค้าให้ฟัง...อาจผิดหรือถูกก็ได้ครับ
และขาดเงินเมื่อไหร่ก็จะออกBondใหม่ๆมาเพิ่มไปเรื่อยๆ(เผลอๆแกเอาเงินแกเองไปซื้อวายุด้วย...ดีกว่าฝากแบงค์กินดอกตั้งเยอะ..จะได้หาที่พักเงิน...ปลอดภัยกว่าด้วย เพราะแก(รัฐบาล)ค้ำประกันให้....ได้2ต่อ(อันนี้คิดเองนะครับ)... :lol: )
คุณ สุมาอื้ครับ IMF เค้าไม่ได้โกรธนะครับ แต่เค้าก็งงเหมือนกันว่าเอาเงินมาจากไหน ทำไมต้องเอากู้จากแหล่งที่ดอกแพงกว่ามาโปะเงินกู้ที่ดอกถูกกว่า(เป็นที่รู้กันว่าIMFเป็นแหล่งเงินกู้ระหว่างชาติที่ให้ดอกเบี้ยต่ำมาก เพื่อเป็นการช่วยเหลือประเทศที่มีปัญหา)
ที่เค้าคาดเดาก็เหมือนพี่Mr.Booว่าไว้ คือนายกคงคาดหวังทางด้านจิตวิทยามากกว่า ซึ่งก็ได้ผลทางจิตมากพอสมควรครับ และคาดว่าเงินก้อนนั้นคงมาจากแหล่งเงินกู้อื่น+Bondต่างๆที่ทยอยออกมาในช่วงนั้น (เช่นวายุพักตร์1-2 ฯลฯ )รวมกับภาษี และเงินคงคลังที่มีสำรองไว้
พอดีมีคนสนิทกันทำงานอยู่IMFครับ เลยเล่าความเห็นของเค้าให้ฟัง...อาจผิดหรือถูกก็ได้ครับ
และขาดเงินเมื่อไหร่ก็จะออกBondใหม่ๆมาเพิ่มไปเรื่อยๆ(เผลอๆแกเอาเงินแกเองไปซื้อวายุด้วย...ดีกว่าฝากแบงค์กินดอกตั้งเยอะ..จะได้หาที่พักเงิน...ปลอดภัยกว่าด้วย เพราะแก(รัฐบาล)ค้ำประกันให้....ได้2ต่อ(อันนี้คิดเองนะครับ)... :lol: )
-
- Verified User
- โพสต์: 2326
- ผู้ติดตาม: 0
ผมสงสัยเรื่อง หนี้ IMF ................ ครับ
โพสต์ที่ 10
เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคุณสุมาอี้ครับ
IMF เรากู้ตั้งแต่ปี 2540 ทักษิณเริ่มเข้ามาเป็นนายกปี 2544 ช่วงเวลาก่อนหน้านี้เป็นของรัฐบาลชวน
IMF เราต้องผ่อนชำระหนี้เขาทุกๆปีนะครับ เงินที่รัฐบาลชวนชำระหนี้ไปเกินครึ่งของเกินที่กู้ยืม IMFมา รัฐบาลทักษิณชำระโบะยอดที่เหลือประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
และก็เห็นด้วยอีกว่า ช่วงที่ประกาศออกทีวี ว่าเราปลดหนี้ IMF เป็นการโปรโมทเกินจริงอยู่เหมือนกัน
...........................................
แต่ใช่ว่าไม่มีข้อดี
1. IMF ตั้งกฎให้เราปฎิบัตินโยบายด้านเศษรฐกิจและการเงิน ที่ไม่เอื้อประโยชน์กับเราแต่เอื้อประโยชน์กับเขา การที่เราหนีออกจากระบบ IMF ได้ ทำให้เรา มีนโยบายที่เอื้อประโยชน์แก่ประเทศเราเอง ได้อย่างแท้จริง
2. ในระบบทุนนิยม เครดิตเป็นเรื่องสำคัญ การชำระหนี้ได้หมดก่อนกำหนด ทำให้ไทยได้ถูกปรับเพิ่มเครดิตความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นอีกมาก ความน่าเชื่อถือด้านการลงทุนของเงินนอกประเทศไหลเข้ามามากขึ้น
IMF เรากู้ตั้งแต่ปี 2540 ทักษิณเริ่มเข้ามาเป็นนายกปี 2544 ช่วงเวลาก่อนหน้านี้เป็นของรัฐบาลชวน
IMF เราต้องผ่อนชำระหนี้เขาทุกๆปีนะครับ เงินที่รัฐบาลชวนชำระหนี้ไปเกินครึ่งของเกินที่กู้ยืม IMFมา รัฐบาลทักษิณชำระโบะยอดที่เหลือประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
และก็เห็นด้วยอีกว่า ช่วงที่ประกาศออกทีวี ว่าเราปลดหนี้ IMF เป็นการโปรโมทเกินจริงอยู่เหมือนกัน
...........................................
แต่ใช่ว่าไม่มีข้อดี
1. IMF ตั้งกฎให้เราปฎิบัตินโยบายด้านเศษรฐกิจและการเงิน ที่ไม่เอื้อประโยชน์กับเราแต่เอื้อประโยชน์กับเขา การที่เราหนีออกจากระบบ IMF ได้ ทำให้เรา มีนโยบายที่เอื้อประโยชน์แก่ประเทศเราเอง ได้อย่างแท้จริง
2. ในระบบทุนนิยม เครดิตเป็นเรื่องสำคัญ การชำระหนี้ได้หมดก่อนกำหนด ทำให้ไทยได้ถูกปรับเพิ่มเครดิตความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นอีกมาก ความน่าเชื่อถือด้านการลงทุนของเงินนอกประเทศไหลเข้ามามากขึ้น
งด เลิก เสพ สุรา บุหรี่ วันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีของท่าน
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ผมสงสัยเรื่อง หนี้ IMF ................ ครับ
โพสต์ที่ 11
เท่าที่ผมฟังๆ หลายๆท่าน
แสดงว่า จริงๆแล้ว หนี้ IMF มันไม่ได้มากมาย เหมือนกับที่ช่วงเป็นหนี้ ประโคมข่าวกันซิ ใช้มั้ยครับ คือ ช่วงนั้นนักวิชาการหลายคน (รวมทั้งคนนึงทำงานให้รัฐบาลตอนนี้) พูดเหมือนกับว่า มันต้องใช้เวลา ชั่วอายุคนในการใช้หนี้ให้หมด
แสดงว่า จริงๆแล้ว อยู่ที่นโยบาย ว่าจะใช้หนี้หมด หรือว่า จะผ่อนชำระ
ผมเข้าใจแบบนี้ ถูกต้องหรือไม่ครับ ?
แสดงว่า จริงๆแล้ว หนี้ IMF มันไม่ได้มากมาย เหมือนกับที่ช่วงเป็นหนี้ ประโคมข่าวกันซิ ใช้มั้ยครับ คือ ช่วงนั้นนักวิชาการหลายคน (รวมทั้งคนนึงทำงานให้รัฐบาลตอนนี้) พูดเหมือนกับว่า มันต้องใช้เวลา ชั่วอายุคนในการใช้หนี้ให้หมด
แสดงว่า จริงๆแล้ว อยู่ที่นโยบาย ว่าจะใช้หนี้หมด หรือว่า จะผ่อนชำระ
ผมเข้าใจแบบนี้ ถูกต้องหรือไม่ครับ ?
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ผมสงสัยเรื่อง หนี้ IMF ................ ครับ
โพสต์ที่ 12
คุณคัดท้าย
ช่วงเกิดวิกฤต ถ้าเราไปดูงบการเงินหลายบริษัทในเวลานั้น เราคงไม่กล้าที่จะซื้อหุ้น และก็คงคิดว่าบริษัทเหล่านั้นชาตินี้จะใช้หนี้หมดไหม
ในช่วงวิกฤต มีซักกี่คนที่คิดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นขึ้นมาได้ ค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 40 บาท
ใครติดตามค่าเงินและทุนสำรองในช่วงที่ค่าเงินบาทไหลลงไปที่ 56 บาท คงคิดว่าอนาคนประเทศแขวนอยู่บนเส้นด้ายจริงๆครับ
ช่วงเกิดวิกฤต ถ้าเราไปดูงบการเงินหลายบริษัทในเวลานั้น เราคงไม่กล้าที่จะซื้อหุ้น และก็คงคิดว่าบริษัทเหล่านั้นชาตินี้จะใช้หนี้หมดไหม
ในช่วงวิกฤต มีซักกี่คนที่คิดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นขึ้นมาได้ ค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 40 บาท
ใครติดตามค่าเงินและทุนสำรองในช่วงที่ค่าเงินบาทไหลลงไปที่ 56 บาท คงคิดว่าอนาคนประเทศแขวนอยู่บนเส้นด้ายจริงๆครับ
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ผมสงสัยเรื่อง หนี้ IMF ................ ครับ
โพสต์ที่ 13
[quote="chatchai"]คุณคัดท้าย
ช่วงเกิดวิกฤต
ช่วงเกิดวิกฤต
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- Verified User
- โพสต์: 140
- ผู้ติดตาม: 0
ผมสงสัยเรื่อง หนี้ IMF ................ ครับ
โพสต์ที่ 14
นึกออกอย่างนึงครับ พันธบัตรรุ่นช่วยชาติและอาจจะรวมถึงที่หลวงตามหาบัวออกมาให้คนไทยช่วยกันบริจาคทองคำช่วยชาติครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ผมสงสัยเรื่อง หนี้ IMF ................ ครับ
โพสต์ที่ 15
เท่าที่ผมเข้าใจนะครับ
เงินกู้ยืมจาก IMF เป็นเงินกู้ต่างประเทศนะครับ
ดังนั้นการออกพันธบัตรรัฐบาลที่เป็นสกุลเงินบาท โดยขายให้คนไทยในประเทศคงไม่ใช่ เพราะเงินต่างประเทศก็ยังเท่าเดิม แต่เป็นการช่วยให้สภาพคล่องลดลง
เท่าที่น่าจะเป็น ก็คงเป็นเพราะดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลมาโดยตลอดหลังจากลดค่าเงิน รวมทั้งเงินลงทุนจากต่างประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมครับ
การ Refinance ก็คงไม่น่าจะใช่ เพราะหนี้ต่างประเทศโดยรวมของเราลดลง
การจะชำระหนี้ หรือนำเงินไปลงทุนก่อน ก็คงขึ้นอยู่กับมุมมองครับ ถ้าจะจับผิด ยังไงก็ผิด
สำหรับผมคืนหนี้ย่อมดีกว่า เพราะการลงทุนไม่แน่ว่าผลตอบแทนจะดีจริง และอาจจะรั่วไหลได้
ยิ่งถ้ารัฐบาลนำไปลงทุนมากๆ ก็จะเป็นถูกว่าเรื่องคอรัปชั่นอีก
เงินกู้ยืมจาก IMF เป็นเงินกู้ต่างประเทศนะครับ
ดังนั้นการออกพันธบัตรรัฐบาลที่เป็นสกุลเงินบาท โดยขายให้คนไทยในประเทศคงไม่ใช่ เพราะเงินต่างประเทศก็ยังเท่าเดิม แต่เป็นการช่วยให้สภาพคล่องลดลง
เท่าที่น่าจะเป็น ก็คงเป็นเพราะดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลมาโดยตลอดหลังจากลดค่าเงิน รวมทั้งเงินลงทุนจากต่างประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมครับ
การ Refinance ก็คงไม่น่าจะใช่ เพราะหนี้ต่างประเทศโดยรวมของเราลดลง
การจะชำระหนี้ หรือนำเงินไปลงทุนก่อน ก็คงขึ้นอยู่กับมุมมองครับ ถ้าจะจับผิด ยังไงก็ผิด
สำหรับผมคืนหนี้ย่อมดีกว่า เพราะการลงทุนไม่แน่ว่าผลตอบแทนจะดีจริง และอาจจะรั่วไหลได้
ยิ่งถ้ารัฐบาลนำไปลงทุนมากๆ ก็จะเป็นถูกว่าเรื่องคอรัปชั่นอีก
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
ผมสงสัยเรื่อง หนี้ IMF ................ ครับ
โพสต์ที่ 16
ท่านใดทราบว่าเงินกู้ยืมจากกองทุนมิยาซาวา เงินกู้จากจีนมีมั้ยคับ
ถ้ามี เราใช้คืนเขาไปหรือยังคับ มากน้อยแค่ไหน...
ถ้ามี เราใช้คืนเขาไปหรือยังคับ มากน้อยแค่ไหน...
ฐานะการคลังรัฐบาล
หนี้พอกหางหมู เพิ่ม1.98แสนล.
โพสต์ทูเดย์ ยอดหนี้สาธารณะสิ้นเดือนธันวาคม 2548 มีจำนวน 3.29 ล้านล้านบาท หรือ 46.41% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 3.2 หมื่นล้านบาท ปีที่แล้วทั้งปีหนี้เพิ่มขึ้น 1.98 แสนล้านบาท
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า หนี้ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากรัฐบาลกู้เงินเพิ่มขึ้น 3.99 หมื่นล้านบาท และรัฐวิสาหกิจกู้เพิ่มขึ้น 1.63 หมื่นล้านบาท รวมกันเป็นหนี้ที่เพิ่มขึ้น 5.62 หมื่นล้านบาท แต่ว่ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นหนี้น้อยลง 2.22 หมื่นล้านบาท ทำให้หนี้ในเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นที่ 3.2 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
เมื่อแยกประเภทหนี้ออกมา พบว่าเป็นหนี้ของรัฐบาล 1.85 ล้านล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจ 1.03 ล้านล้านบาท หนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 4.01 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อรวมทั้งปี 2548 พบว่าหนี้สาธารณะของไทยเพิ่มขึ้น 1.98 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.36% ของจีดีพี อย่างไรก็ตาม สัดส่วนหนี้เดือนธันวาคม 46.41% ของจีดีพี ยังอยู่ในกรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งเป้าไว้หนี้สาธารณะไม่เกิน 50% ของจีดีพี
ด้านการกู้เงินของภาครัฐในเดือนมกราคม 2549 กระทรวงการคลังได้ออกพันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 1 หมื่นล้านบาท โดยการออกพันธบัตรออมทรัพย์ 2 พันล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ วงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้รับเงินจากการประมูลพันธบัตรในเดือนกุมภาพันธ์ 8 พันล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศรวม 3.34 พันล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อลงทุน 1.34 พันล้านบาท และกู้เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน 2 พันล้านบาท และใน 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2549 ภาครัฐได้กู้เงินรวม 3.74 พันล้านบาท เป็นการกู้ของรัฐวิสาหกิจตามแผน ก่อหนี้จากต่างประเทศ 250 ล้านบาท และการ กู้เงินในประเทศ 3.71 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการ กู้ของกระทรวงการคลัง 1.95 หมื่นล้านบาท และ รัฐวิสาหกิจ 1.76 หมื่นล้านบาท
สำหรับการบริหารหนี้สาธารณะเดือนมกราคม 2549 ที่ผ่านมา ได้ชำระคืนเงินกู้ก่อนกำหนดให้ กับธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น จำนวน 3.55 พันล้านบาท และกู้เงินใหม่ใช้หนี้เก่าธนาคารพัฒนาเอเชีย และธนาคารโลก 7.9 พันล้านบาท ทำให้ลดหนี้เงินต้นได้ 3.55 พันล้านบาท และดอกเบี้ย 416 ล้านบาท และได้ชำระหนี้จากเงินงบประมาณ 1.47 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF2) ได้ชำระคืน พันธบัตรที่กระทรวงการคลังค้ำประกันและครบอายุจำนวน 2 หมื่นล้านบาท