การชี้แจงของ ดร.สุวรรณ

[KEL_NOY]

พอดีที่ทำงานไม่มี TV ดูครับ .....ไม่รู้มีใครได้ดูบ้าง ชี้แจงได้ clear ไหมครับ

[ครรชิต ไพศาล]

จะพูด จะอธิบาย อย่างไร อย่างไร ผมว่า

คนที่อยู่ฝ่าย ไม่ชอบนายก ก็คงบอกว่าไม่เคลียร์ ต่อไป

คนที่อยู่ฝ่าย ชอบนายก ก็คงบอกว่าเคลียร์แล้ว

ผิดหรือถูก กฎหมายหรือไม่  กลต. เขา ดูแล  ตรวจสอบ ควบคุม อยู่แล้ว

[Jeng]

ไม่ผิดกฎหมาย ก็จริงตามหลักดร.

แต่ถ้ามีการฟ้องศาลอาจจะผิดในแง่นิติกรรมอำพราง

เพราะ ไม่ทราบว่า มีสาเหตุอะไรที่คนขายจะต้องไม่เอากำไร

ถ้าบอกเป็นคนคนเดียวกัน ทำไมต้องเป็นอีกคน

ชัดเจนอยู่แล้วว่า เลี่ยงให้ได้มากที่สุด เท่าที่กฎหมายจะทำอะไรไม่ได้

แต่มีอีกข้อครับ คือ นิติกรรมอำพราง

[ครรชิต ไพศาล]

ถ้าเป็นผม จดทะเบียนนิติบุคคลของผมเอง
แล้วผมโอนหุ้น ที่ผมถืออยู่ในชื่อของผมเอง  
ให้ไปใช้ชื่อ นิติบุคคลของผมเอง
ผมก็จะโอนในราคาทุน เฃ่นกัน

และเมื่อเกิดวันหนึ่ง ผมต้องการเลิก นิติบุคคลของผมเอง
ผมก็จะโอนกลับมาใช้ชื่อของผมเอง
ผมก็โอนในราคาทุน เช่นกัน

ถ้ากฏหมายอนุญาติให้ทำได้
ผมผิด หรือ

ถ้าผมผิด นายกก็ผิด
ถ้าผมไม่ผิด นายกก็ไม่ผิด

ถ้าผมไม่ผิด
แต่เป็นนายก ต้องผิด  หรือ

[Jeng]

ไม่ผิดหรอกพี่ คนธรรมดา อยู่ในกรอบของกฎหมาย ทำอะไรก็ได้ ที่ไม่ผิดกฎหมายทำไปเถิด

แต่นายก ถืออำนาจ

มาทำแบบนี้ใช้ไม่ได้ เช่น การแก้กฎให้ต่างชาติถือ 49 % ได้ยินมาแบบนั้น

หรือกรณี แอมเพิล ริช อะไรนี่

ถ้าไม่มีประโยชน์ในด้านการเลี่ยง หลบอะไรบางอย่าง ไม่มีทางที่จะจดขึ้นมาให้เมื่อย

และคำตอบก็วกวน ตอนแรกบอกว่า แอมเพิล ริช ขายให้ ต่อมากลายเป็น ถือมาตั้งนานแล้ว

อืม

มีหมวกสองใบพี่ครรชิต ถ้าระบบปล่อยให้คนถือกฎ แล้วเล่นเอง ก็เป็นแบบนี้แหละ

สังคมก็แตกออก ทะเลาะกันวันยังค่ำ

[ShexShy]

[quote]และมาตรา 209 ระบุว่าอย่างนี้

"รัฐมนตรีต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือไม่คงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทต่อไป ทั้งนี้ ตามจำนวนที่กฎหมายบัญญัติในกรณีรัฐมนตรีผู้ใดประสงค์จะได้รับประโยชน์จากกรณีดังกล่าวต่อไป ให้รัฐมนตรีผู้นั้นแจ้งให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบภายใน 30 วัน

นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง และให้รัฐมนตรีผู้นั้นโอนหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทดังกล่าวให้นิติบุคคล ซึ่งจัดการทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ...ห้ามมิให้รัฐมนตรีผู้นั้นกระทำการใดอันมีลักษณะเป็นการเข้าไปบริหาร หรือจัดการใดๆ เกี่ยวกับหุ้นหรือกิจการของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทดังกล่าว"

[/quote]

ตัดมาจาก
http://www.bangkokbiznews.com/2006/02/0 ... s_id=72990

ถ้ามาตรานี้ ผิดหรือเปล่าครับ ???

[Doraemon]

ติดใจตรงที่ท่านดร.ชี้แจงโดยไม่มีหลักฐานประกอบเลยครับ พูดขึ้นมาลอยๆ ประกอบกับสไลด์คำบรรยายแค่นั้นเอง ไม่มี chart หรืออะไรประกอบให้ชัดเจนเลย ผมฟังแล้วรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถือ

[ปรัชญา]

หลักฐานและเหตุผลที่แท้จริงในการโอนหุ้นไปใน Ample Rich

ว่าง ๆ เลยลองไปค้นข้อมูลเก่า ๆ มาดู ได้ความดังนี้
ที่ SH 063/2542

                           11 มิถุนายน  2542

เรื่อง  ขอชี้แจงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่
     ของบริษัท

เรียน  กรรมการและผู้จัดการ
     ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

       ตามที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ได้มี
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ตามแบบ 246-2
ที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้แจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย
และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบแล้วนั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงเพิ่มเติมเพื่อความ
ชัดเจนในการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเพื่อให้ทราบดังนี้
                                      เดิม     ใหม่    
1.  นางพจมาน  ชินวัตร                   25.00%  25.00%
2.  พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ  ชินวัตร             23.75%  11.88%
3.  Ample Rich Investments Limited        0%  11.87%
   (ถือหุ้นโดย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร      48.75%  48.75%
    ทั้งหมด 100%)

       การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคือ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ได้โอนหุ้นของ
บริษัทฯ จำนวน 11.87% ให้กับ Ample Rich Investments Limited ซึ่งผู้ถือหุ้นถือ
เป็นบุคคลเดียวกันกับเจ้าของเดิม แสดงให้เห็นว่ามิได้มีการเปลี่ยนแปลง
โครงสร้างผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด จึงทำให้การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นดังกล่าวไม่มีผล
ต่อโครงสร้างผู้ถือหุ้นทั้งทางด้านส่วนตัวและบริษัทฯ โดยเฉพาะในส่วนของการบริหาร
งานบริษัทฯ ยังคงเป็นเช่นเดิม

       อย่างไรก็ตาม เพื่อชี้แจงให้เห็นวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลง
ในครั้งนี้ว่าเป็นการเตรียมการเพื่อสนับสนุนการที่บริษัทฯ มีความต้องการที่จะประสบ
ความสำเร็จในการจัดหาเงินทุนจากต่างประเทศผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ
สหรัฐอเมริกา เพื่อนำมาขยายการลงทุนด้านโทรคมนาคมในประเทศไทย ตามที่แจ้งตลาดหลัก
ทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2542 ตามหนังสือเลขที่
SH 61/2542 แล้วนั้น

       เพื่อให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการจัดหาเงินทุนจากต่างประเทศดังกล่าว
บริษัทฯ มีความจำเป็นที่ต้องสำรองหุ้นบางส่วนจากผู้ถือหุ้นปัจจุบันทั้งรายใหญ่และ
รายย่อย เพื่อทดสอบความสำเร็จและสภาพคล่องของ ADR Level I ก่อนนำหุ้นที่เพิ่มทุน
เข้าสู่ ADR Level III หรือจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสหรัฐอเมริกาต่อไป

       จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
     

                             ขอแสดงความนับถือ


                            (นายบุญคลี ปลั่งศิริ)
                                 กรรมการ                                          
                       บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)



หน่วยงานทะเบียนหุ้น
โทร. 299-5221


*ที่มา Kimeng

จากคุณ : HaHaHa - [ 1 ก.พ. 49 22:38:22 ]
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 70491.html

[ปรัชญา]

ไม่ไปแล้ว

     01/02/01
     ชินคอร์ปเลิกไปแนสแดค ระดมทุนในไทยไร้ปัญหา

     กลุ่มชินฯ บอกลาตลาดหุ้นแนสแดค อ้างเศรษฐกิจสหรัฐฯไม่ดี ส่ง
     สัญญาณบริษัทที่เหลือคงพับแผน นักวิเคราะห์มองกลุ่มนี้ไม่ มีปัญหา แม้ต้องใช้
     เงินขยายธุรกิจอีกมาก ด้วยสถานะดีระดมทุนในประเทศได้ไม่ยาก

     บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN ได้ตัดสินใจที่จะ
     เลื่อนแผนการเข้าไปเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดแนสแดค จากเดิมที่จะ
     ต้องนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในต้นปีนี้ ทั้งนี้เป็นผลมาจากตลาดแนสแดคได้
     เข้าสู่ช่วงขาลง

     แหล่งข่าวจากกลุ่มชินฯ ให้เหตุ ผลว่า พวกเราประเมินกันแล้วว่าตลาด
     หุ้นของสหรัฐ โดยเฉพาะแนสแดคคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นตัว เห็นได้
     จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในแนสแดคส่วน ใหญ่มีรายได้ลด
     ลง ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ สหรัฐฯที่อยู่ในช่วงชะลอตัว โดยที่
     ธนาคารกลางสหรัฐฯกำลังพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งซึ่งจะทราบผลในวันนี้

     "หากตลาดแนสแดคดีขึ้นเมื่อไหร่ เราคง จะหันมาทบทวนแผนการระดม
     ทุนอีกครั้ง"

     สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้นักลงทุนในสหรัฐฯให้ความสนใจหุ้นในกลุ่มนี้ลดลง
     และอาจจะเคลื่อนย้ายเงินลงทุนออกจากสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อราคาหุ้นที่จะ
     นำไปเสนอขาย รวมไปถึ งแผนที่ทางกลุ่ม เคยคิดที่จะออกตราสารแทนหุ้นบ
     ริษัทและเปิดให้ซื้อขายในต่างประเทศได้ ซึ่ง คงจะต้องเปลี่ยนแผนไปเช่นกัน

     นักวิเคราะห์หลักทรัพย์กล่าวว่า การถอยจากการระดมทุนในสหรัฐของก
     ลุ่มชินฯ ถือว่า เป็นสัญญาณบอกกับบริษัทอื่นๆ ที่มีแผนจะนำเอาบริษัทไปจด
     ทะเบียนที่แนสแดคว่าคงจะต้องคิดเหมือนกลุ่มชินฯ เพราะกลุ่มตั้งความหวัง
     ไว้ส่วนใหญ่จะมีสถานะเป็นรองกลุ่มชินฯ แทบทั้งสิ้น

     นอกจากนี้ตราสารของบริ ษัทในย่านเอเชียที่ออกเพื่อใช้ซื้อขายในสหรัฐฯ
     เกือบทุกแห่งมีราคาตกลงเป็นอย่างมาก ดังนั้นการที่ตลาดหุ้นแนสแดคมี
     ปัญหาเท่ากับเป็นการดับความหวังของบริษัทต่างๆ ที่คิดจะเข้าไประดมทุนในสหรัฐฯ

     แม้ว่ากลุ่มชินฯ จะปรับแผนไม่ไป ระดมทุนที่สหรัฐฯ แต่คงไม่สร้าง
     ปัญหาให้กับกลุ่มชินฯ ทั้งๆ ที่ทางกลุ่มจะต้องใช้เงินอีกจำนวนไม่น้อยเพื่อ
     ขยาย ธุรกิจ เนื่องจากโดยศักยภาพของกลุ่ม นี้สามารถที่จะแหล่งเงินทุนได้
     ไม่ยากนัก และบริษัทลูกก็สามารถออกหุ้นกู้ได้เอง

     ที่ผ่านมาทางกลุ่มชินฯ ได้เพิ่มสาย ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์(E-Business)
     ขึ้น มาใหม่ โดยบริษัทที่อยู่ภายใต้การบริหาร ของสายธุรกิจนี้ ได้แก่ บริษัท
     เอด ี เวนเจอร์ จำกัด(ADV) และบริษัท เท-เลอินโฟมีเดีย จำกัด อีกทั้งการ
     เข้าไปถือหุ้นใหญ่ใน บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ที่มีภาระขาดทุนอยู่
     จำนวนไม่น้อย และบริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด ที่ซื้อกิจการมาจากบริษัท สามารถ

     ล่าสุดได้ร่วมธุรกิจกับ เอ็นทีที คอมมูนิเคชั่น คอร์ปอเรชั่น (NTT Com)
     ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมอันดับหนึ่ง ในญี่ปุ่น และ บริษัท เอ็นทีที คอมมู
     นิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (NTT Thailand) ซ ึ่งเป็นบริษัทย่อยของ NTT
     Com ได้ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อดำเนินธุรกิจ
     อินเทอร์เน็ตดาต้าเซ็นเตอร์ (Internet Data Center) ในประเทศไทย ซึ่งเป็น
     บริการพื้นฐานสำหรับธุรกิจอิน เทอร์เน็ตและอี-บิสซิเนส โดยบริษัทร่วมทุนดัง
     กล่าวจะมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 630 ล้านบาท ซึ่ง ADV กับ NTT
     Thailand จะลงทุนในสัดส่วนเท่ากันคือฝ่ายละ 47.5% หรือประมาณฝ่ายละ 300
     ล้านบาท

     และทาง NTT Thailand จึงเข้าลงนามในสัญญาร่วมลงทุนในบริษัท ชิน
     นี่ดอทคอม จำกัด (Shinee) โดยจะเข้าซื้อหุ้น Shinee จาก ADV ในสัดส่วน
     40 % หรือจำนวน 200 ล้านบาท โดย Shinee มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท

     ทางกลุ่ม ชินฯ มีทางเลือกอีกเยอะทั้งการเพิ่ม ทุน หรือการออกหุ้นกู้
     แต่การเพิ่มทุนนั้นอาจจะไม่ใช่ช่วงนี้เนื่องจากเพิ่งเพิ่มทุนเมื่อปีที่ผ่านมา ส่วน
     การออกหุ้นกู้นั้นมีความเป็นไปได้มากกว่า เพราะถึงอย่างไรยังมี นักลงทุนอีก
     มากที่รอจะซื้อหุ้นกู้ของบริษัทที่มีสถานะดี มีความเสี่ยงต่ำและได้ผลตอบแทน
     ที่สูงกว่าการฝากเงินในธนาคารพาณิชย์

     "ชื่อและชั้นของกลุ่มชินฯ เวลานี้คงไม่ต้องพูดถึงความมั่นคงแล้ว ในทาง
     ธุร กิจสามารถให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ถึง 2 ระบบคือทั้งจีเอสเอ็มและดิ
     จิตอล ซึ่งบริษัทแอดวานซ์ฯ ก็มีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดอยู่แล้ว"

     เราเชื่อว่าภาวะความตกต่ำของตลาดหุ้นในสหรัฐก็เป็นปัจจัยหนึ่ง แต ่ที่
     สำคัญน่าจะอยู่ที่ธุรกรรมใหม่ๆ ของกลุ่มชินฯ ในช่วงนี้อาจจะทำอะไรได้ไม่
     สะดวกนัก เนื่องจากผู้นำของบริษัทอย่างพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ได้
     กลายเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีของไทยไปแล้ว ซึ่งอาจจะถูกจับตา โดยพรรค
     ฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์

     นักวิเคราะห์รายเดิมกล่าวต่อไปว่า อนาคต หุ้นสื่อสารยังไปได้ดี เนื่อง
     จากผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อน ที่ในเมืองไทยยังสามารถขยายได้อีก แม้ว่าอาจจะดู
     สวนทางกับต่างป ระเทศก็ตาม นอกจากนี้บริษัทผู้ให้บริการยังมีกลยุทธ�ทาง
     การตลาดที่จะเพิ่มการใช้โทรศัพท์ให้มากขึ้น เห็นได้จากการส่ง เสริมให้มีการ
     โทร.ออกตามโปรโมชั่นต่างๆ

     ถึงแม้ว่าจะมีการเปิดให้มีผู้ให้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้น แต่จากฐานลูกค้าที่
     ผู้ให้บริการเดิมมีอยู่และความพร้อมในการเข้าเป็นผู้ประมูลรายใหม่ น่าจะทำ
     ให้กลุ่มผู้ให้บริการเดิมไม่เสียเปรียบมากนัก

     * ที่มา Kimeng & Manager

     จากคุณ : HaHaHa - [ 1 ก.พ. 49 22:50:18 ]





     ความคิดเห็นที่ 4

     Singtel เริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องตอนซื้อ DPC (Hello เก่า)

     ที่ SH 016/2544

                                           26 เมษายน 2544

     เรื่อง    แจ้งมติคณะกรรมการเกี่ยวกับการขายเงินลงทุน

     เรียน    กรรมการและผู้จัดการ
             ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

                  ด้วยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2544 ของ บมจ. ชิน
     คอร์ปอเรชั่นส์ (SHIN) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2544 เวลา 15.30 น. ณ ห้องประชุม
     คณะกรรมการ ชั้น 20 อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 1 เลขที่ 414 ถนนพหลโยธิน แขวง
     สามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400 มีมติสรุปได้ดังนี้

                  1. รับรองรายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2544
                     วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2544
                  2. แต่งตั้งนายอารักษ์  ชลธาร์นนท์ เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร
                     แทนนายสมเกียรติ  ผโลประการ
                  3. ให้สัตยาบันการขายหุ้น บริษัท ดิจิตอล โฟน จำกัด (DPC) ที่ SHIN
                     ถืออยู่ทั้งหมดจำนวน 409,975,972 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ
                     47.55 ของทุนจดทะเบียนของ DPC ให้แก่ บริษัท ชิน ดิจิตอล จำกัด
                     (SDT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SHIN ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100
                     ในราคาต้นทุนที่ประมาณ 15.15 บาทต่อหุ้น รวมเป็นจำนวนเงิน
                     ทั้งสิ้นประมาณ 6,211.36 ล้านบาท
                  4. อนุมัติการขายหุ้น SDT จำนวน 30,000 หุ้น หรือในสัดส่วนร้อยละ
                     30 ของทุนจดทะเบียน 100,000 หุ้น ราคาตามมูลค่าหุ้นละ 10 บาท
                     รวมเป็นทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ให้แก่ Singtel Strategic
                     Investments Private Limited (Singtel) ในราคาหุ้นละ
                     3,640.15 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 109.20 ล้านบาท จากการ
                     ขายเงินลงทุนใน SDT ครั้งนี้ เป็นผลให้ SHIN มีกำไรจากการ
                     ขายเงินลงทุนก่อนหักภาษีประมาณ 108.90 ล้านบาท (ตามวิธี Cost
                     Method) ซึ่ง SHIN จะรับรู้รายได้ดังกล่าวในไตรมาสที่ 2/2544 นี้
                     และส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของ SHIN ใน SDT ลดลงจากร้อยละ
                     100 เป็นร้อยละ 70

                     นอกจากนี้ Singtel จะให้ความสนับสนุนทางการเงินแก่ SDT ในรูปของ
                     เงินกู้จำนวน 1,863.41 ล้านบาท (หรือเท่ากับร้อยละ 30 ของ
                     มูลค่าหุ้น DPC ที่ SDT ซื้อจาก SHIN) เพื่อให้ SDT นำเงินจำนวน
                     ดังกล่าวมาชำระค่าหุ้น DPC บางส่วนคืนให้แก่ SHIN

                     โดยการเข้ามาร่วมทุนของ Singtel ในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้าง
                     ความแข็งแกร่งให้กับ DPC เพื่อรองรับการแข่งขันและการขยายตัว
                     ของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศในอนาคต

                     ทั้งนี้รายการขายเงินลงทุนใน SDT ให้แก่ Singtel ดังกล่าวเป็น
                     รายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของ SHIN โดยขนาดของรายการดังกล่าว
                     ไม่เข้าข่ายรายการประเภทใดๆ ตามประกาศของตลาดหลักทรัพย์แห่ง
                     ประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และการเปิดเผยเกี่ยวกับการได้มา
                     หรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน

              จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

                                   ขอแสดงความนับถือ


                                 (นางศิริเพ็ญ  สีตสุวรรณ)
                                       กรรมการ      
                                 บมจ. ชิน คอร์ปอเรชั่นส์



     Compliance Unit
     โทร. 299-5206, 299-5221

     จากคุณ : HaHaHa - [ 1 ก.พ. 49 22:56:09 ]





     ความคิดเห็นที่ 5

     แตกพาร์

     การเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของหลักทรัพย์บริษัท
     ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) (SHIN)

          ตามที่บริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) (SHIN)
     ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 10 บาท
     เป็นหุ้นละ 1 บาทนั้น บัดนี้ตลาดหลักทรัพย์ได้รับแจ้งว่าบริษัท
     ได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
         
          ตลาดหลักทรัพย์จึงเห็นควรให้หลักทรัพย์ SHIN มีการซื้อขาย
     ตามมูลค่าใหม่ในระบบการซื้อขาย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่  4 กันยายน 2544
     เป็นต้นไป

     จากคุณ : HaHaHa - [ 1 ก.พ. 49 22:57:16 ]

[nana]

ถึงพี่เจ๋ง

ถ้าคุณทักษิณ โอนหุ้นไปก่อนเป็นนายก ล่ะ?

ส่วนนิติกรรมอำพรางนี่
นิติกรรมไหนเ้ป็นนิติกรรมที่แท้จริง(ถูกอำพราง)? คะ

ส่วนการแก้ พรบ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม
อันนี้ บังเอิญเกินไป ...แต่นอกจากประเด็นว่าแก้เพื่อท่านนายกแล้ว
การให้ต่างชาติเข้าถือหุ้นได้มากกว่าเดิม มีข้อเสียอย่างไร ?

[Jeng]

ถึงน้อง นานา

พี่เองมั่นใจว่าระดับท่านนายก ท่านดร. ทุกอย่างทำตามกติกาอย่างถูกต้องไร้ที่ติครับ

คงต้องฝากความหวังไว้กับคนรุ่นใหม่แล้วครับ

กรุณาอย่าเลือกพ่อค้า เข้ามากำหนดกติกาของประเทศครับ

อย่างไรก็ตามบนความถูกต้องการกฎหมายนั้น

บนความชอบธรรมรับไม่ได้ครับ

ยกตัวอย่าง ซื้อมา เท่าไร ก็ขายเท่านั้น ไม่มีกำไร เพราะฉะนั้นไม่ต้องจ่ายภาษี

ฟังดูดีครับ

อย่างไรก็ตาม ประชาชนคงฟังไม่รู้เรื่องครับ

.............................................................

ถ้าประชาชนธรรมดาหุ้นมา 10 ล้านในนามบริษัท แล้ว ถือไว้เป็น 200 ล้าน

แล้วโอนหุ้นนั้น ให้บุคคลธรรมดา เพื่อขายแล้วจะได้ไม่ต้องเสียภาษี

สรรพากรจะมาหาหรือเปล่า ในเมื่อขายในนามบริษัท มีกำไร 190 ล้าน แต่โอนแล้วขายในนามบุคคลไม่ต้องเสียภาษี

เหอๆ ว่ากันไป ระหว่างนักกฏหมาย กับ นักตั้งกฎหมาย และประชาชนที่มองดู

.............................................................

ส่วนที่ถามว่านิติกรรมไหน เป็นนิติกรรมที่แท้จิง ถูกอำพราง

ขอเดาว่า การโอนหุ้น ไปให้ บริษัท ในนามบุคคลอื่น เป็นนิติกรรมอำพรางครับ

เพราะบุคคลทั้งสองท่านนั้น ไม่มีอำนาจใดๆที่แท้จริง ตอนขาย ก็ขายออกมาราคา 1 บาท ยินดีไม่รับกำไร แสดงว่าเป็นแค่ โนมินี่ครับ

แต่ก็คงแล้วแต่นักกฎหมายไปตีความตามกฎหมายที่ตั้งมาครับ ซึ่งในประเทศไทย ผลอาจจะออกมาว่าไม่อำพราง

หรือ ในต่างประเทศอาจจะตีความว่าอำพราง

แต่ละประเทศ แต่ละรัฐก็ต่างกันไป

สำหรับจิตสำนึกของพี่ อำพรางแน่นอนครับ

[chatchai]

.
ถ้าประชาชนธรรมดาหุ้นมา 10 ล้านในนามบริษัท แล้ว ถือไว้เป็น 200 ล้าน

แล้วโอนหุ้นนั้น ให้บุคคลธรรมดา เพื่อขายแล้วจะได้ไม่ต้องเสียภาษี

สรรพากรจะมาหาหรือเปล่า ในเมื่อขายในนามบริษัท มีกำไร 190 ล้าน แต่โอนแล้วขายในนามบุคคลไม่ต้องเสียภาษี

บริษัทที่ขายจดทะเบียนในต่างประเทศที่ไม่มีภาษี  ดังนั้นจะขายในราคาไหน  ก็ไม่เสียภาษีนะครับ

ส่วนเรื่องเปลี่ยนให้ต่างชาติเข้ามาถือได้ 49% จาก 25% นั้น  กลุ่ม SHIN มีประโยชน์อะไรครับ  ในเมื่อบริษัทลูกของเทมาเส็กจดทะเบียนในไทย  ก็ถือว่าเป็ฯบริษัทคนไทยไม่ใช่หรือครับ

กรณี UCOM ก็ยังไม่ต้องรอให้มีการแก้ก.ม.เลย  ยังขายได้

พี่เจ๋งช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมว่า  SHIN ได้ประโยชน์อะไร

[Jeng]

เออ คุณฉัตรชัย ตกลง ถ้าพี่ซื้อห้น ในนามบริษัทพี่

แล้วมีกำไร เช่น ซื้อ 5 ล้าน

[panukki]

chatchai Posted: Thu Feb 02, 2006 12:35 am    Post subject:  

--------------------------------------------------------------------------------

Jeng wrote:
.
ถ้าประชาชนธรรมดาหุ้นมา 10 ล้านในนามบริษัท แล้ว ถือไว้เป็น 200 ล้าน

แล้วโอนหุ้นนั้น ให้บุคคลธรรมดา เพื่อขายแล้วจะได้ไม่ต้องเสียภาษี

สรรพากรจะมาหาหรือเปล่า ในเมื่อขายในนามบริษัท มีกำไร 190 ล้าน แต่โอนแล้วขายในนามบุคคลไม่ต้องเสียภาษี



บริษัทที่ขายจดทะเบียนในต่างประเทศที่ไม่มีภาษี  ดังนั้นจะขายในราคาไหน  ก็ไม่เสียภาษีนะครับ

ส่วนเรื่องเปลี่ยนให้ต่างชาติเข้ามาถือได้ 49% จาก 25% นั้น  กลุ่ม SHIN มีประโยชน์อะไรครับ  ในเมื่อบริษัทลูกของเทมาเส็กจดทะเบียนในไทย  ก็ถือว่าเป็ฯบริษัทคนไทยไม่ใช่หรือครับ

กรณี UCOM ก็ยังไม่ต้องรอให้มีการแก้ก.ม.เลย  ยังขายได้

พี่เจ๋งช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมว่า  SHIN ได้ประโยชน์อะไร


ขอแสดงความเห็น
ก็รวมๆกับ 49 % ก็ได้ครอบครองกิจการไปแล้วไงครับเกิน 50%ไปแล้ว (ประมาณ 70%) และเพิ่ม incentive ในการลงทุน  ราคาหุ้นก็สูงขึ้นตามdemand ของต่างชาติ

[คนเรือ VI]

ไม่ควรมานั่งเถียงกันเรื่องรายละเอียดครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องกรอบความคิดครับ อย่างที่พี่ๆว่า ใครชอบก็ว่าเคลียร์ ไม่ชอบยังไงก็ไม่ให้เคลียร์

เรื่องนี้อย่างที่เห็นครับ ถูกกฎหมาย ไม่เลี่ยงกฎหมาย เข้าตามตรอกออกตามประตูชัดเจนครับ แต่จะคิดอะไรเพิ่มเติมนอกนั้นก็คิดได้หมดครับ

แต่อยากให้คิดสักนิดครับ เงินทั้งหมด เป็นสิ่งชอบธรรมที่ตระกูลท่านนายกควรจะและพึงจะได้ครับ นั่นมาจากน้ำพักน้ำแรงเป็นสิบๆปีของท่านครับ เหมือนเราทุกคนครับ ทำงานสุดตัวเพื่อให้มาตรฐานชีวิตและครอบครัวดีขึ้น ลงทุนเพื่อให้ได้รายได้มากขึ้น ประหยัดภาษีทุกบาทที่ทำได้

ฉนั้น เรื่องจริยธรรมที่สื่อ(มากลากไป)อ้าง ไม่ชอบธรรมครับ

[ครรชิต ไพศาล]

สำหรับ คนที่ไม่ชอบกันเสียแล้ว

แค่ เรอ ออกมาเสียงดังหน่อย  ก็ผิดแล้ว  :lol:
ไม่ต้องออกมาอธิบายว่าทำไมถึงเรอ อธิบายอย่างไรก็ผิดอยู่ดี  :lol:

วันไหน ถ้าเกิด นายก บริจาคเงินตั้งมูลนิธิ เพื่อการศึกษา เพื่อแก้จน
สัก ห้าพันล้าน หรือ หมื่นล้าน ขึ้นมา
คนที่ไม่ชอบนายก เขาก็จะพูดว่า นายกเอาเงินมาซื้อเสียงชาวบ้าน
นายกต้องผิดอยู่ดี  :lol:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ฉนั้น เรื่องจริยธรรมที่สื่อ(มากลากไป)อ้าง ไม่ชอบธรรมครับ

ส่วนเรื่องจริยธรรมก็เช่นกัน
คนที่ไม่ชอบนายก บอกว่านายก ไม่ชอบธรรมที่จะเป็นนายก
คนที่ชอบนายก ก็บอกว่า นายกมีความชอบธรรมที่จะเป็นนายก

ฝ่ายไหนมากกว่า ต้องรอตัดสินกันในการเลือกตั้งสมัยหน้า  :lol:  :lol:

ประเทศนี้ปกครองโดยกฎหมาย

เพราะฉนั้นถ้า นายก คิดว่า
ทำถูกต้องครบถ้วนตามหลักของกฎหมายแล้ว
ได้อธิบายให้ฟังครบถ้วนแล้ว

ก็ขอให้ ตั้งหน้า ตั้งตา  ทำงานให้หนักขึ้น
เพื่อแก้ปัญหาของประเทศ แก้ปัญหาของประชาชนผู้ยากจน ต่อไป

นายก สู้สู้  :lol:  :lol:



ส่วนจะถูกต้องกฏหมายจริงตามที่นายกบอกหรือเปล่า
ก็ขอให้เป็นหน้าที่ของ กลต. และ กรมสรรพากร ตรวจสอบ
ถ้าตรวจสอบแล้ว ว่าถูกกฏหมาย นายกก็ถูก
ถ้าตรวจสอบแล้ว ว่าผิดกฏหมาย นายกก็ผิด

[HI.ผมเอง]

สำหรับ คนที่ไม่ชอบกันเสียแล้ว

แค่ เรอ ออกมาเสียงดังหน่อย  ก็ผิดแล้ว  
ไม่ต้องออกมาอธิบายว่าทำไมถึงเรอ อธิบายอย่างไรก็ผิดอยู่ดี  

แล้วสำหรับคนชอบล่ะครับ?

คงมีอีกท่าที


แล้วสำหรับคนหลงล่ะครับ?


ชอบกลับหลง มีผลต่างกันมากครับ

[ครรชิต ไพศาล]

สำหรับ คนที่ไม่ชอบกันเสียแล้ว
แค่ เรอ ออกมาเสียงดังหน่อย  ก็ผิดแล้ว  
ไม่ต้องออกมาอธิบายว่าทำไมถึงเรอ อธิบายอย่างไรก็ผิดอยู่ดี

ในทางกลับกัน ก็เช่นกันครับ

สำหรับ คนที่ชอบกันเสียแล้ว
เรอ ออกมาเสียงดังมาก  ก็น่ารักแล้ว  
ไม่ต้องออกมาอธิบายว่าทำไมถึงเรอดัง อธิบายอย่างไรก็ถูกอยู่ดี

เพราะฉนั้นผมถึงบอกว่า

เพราะฉนั้นถ้า นายก คิดว่า
ทำถูกต้องครบถ้วนตามหลักของกฎหมายแล้ว
ได้อธิบายให้ฟังครบถ้วนแล้ว

ก็ขอให้ ตั้งหน้า ตั้งตา  ทำงานให้หนักขึ้น
เพื่อแก้ปัญหาของประเทศ แก้ปัญหาของประชาชนผู้ยากจน ต่อไป

นายก สู้สู้      



ส่วนจะถูกต้องกฏหมายจริงตามที่นายกบอกหรือเปล่า
ก็ขอให้เป็นหน้าที่ของ กลต. และ กรมสรรพากร ตรวจสอบ
ถ้าตรวจสอบแล้ว ว่าถูกกฏหมาย นายกก็ถูก
ถ้าตรวจสอบแล้ว ว่าผิดกฏหมาย นายกก็ผิด

[CK]

ถ้าเป็นคนธรรมดาคงจะผิดครับ

ญาติผมมีนิติกรรมแบบนี้เหมือนกัน โดนสรรพากรเรียกสอบแล้วครับ
สุดท้ายต้องจ่ายภาษีย้อนหลัง เพราะสรรพากร "ตีความ" แบบนั้น

คุณเริงไกรโชคดีกว่าผม เพราะโดนเรียกเงินภาษีย้อนหลัง
ใกล้ๆ กับธุรกรรมของนายก

สรรพากรจึงต้องออกแถลงว่า เป็น "ความเข้าใจผิด" ของเจ้าหน้า
และจ่ายค่าภาษีคืนให้คุณเริงไกร

เสียดายที่ธุรกรรมของญาติผมทำไปหลายปีแล้ว ไม่งั้นคงจะได้คืนครับ

บริษัทที่ขายจดทะเบียนในต่างประเทศที่ไม่มีภาษี  ดังนั้นจะขายในราคาไหน  ก็ไม่เสียภาษีนะครับ

ไม่เสียภาษีในกรณีเดียวครับ คือขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ
แต่ในระบบของตลาดฯ ไม่มีรายการนี้เกิดขึ้นครับ
แปลว่าขายนอกตลาดฯ ซึ่งต้องเสียภาษีนี่ครับ

[CK]

Copy คำตอบของสรรพากรมาให้ดูครับ กรณีนายเริงไกร เป็นเหตุการณ์เมื่อกลางปีที่แล้ว

ความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีร้องเรียนของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่เคยร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เนื่องจากการได้รับจากการโอนหุ้นจากบิดา แต่ในขณะที่กรณีของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยานายกรัฐมนตรีโอนหุ้นให้นายบรรพจน์ ดามาพงษ์ ซึ่งพี่ชายกลับไม่ต้องเสียภาษี โดยที่กรมกรมสรรพากรอ้างว่าที่ไม่ต้องเสียภาษีเป็นเพราะการโอนหุ้นของคุณหญิงพจมานให้นายบรรพจน์เป็นกรณีบุคคลธรรมดา และโอนหุ้นตามราคาที่ซื้อมา จึงไม่เข้าข่ายเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร และกรณีดังกล่าวมิได้เป็นการก่อให้เกิดรายได้ เพราะนายบรรพจน์ไม่ได้นำหุ้นที่ได้รับไปขายเพื่อเกิดส่วนต่างของรายได้

[ForrestGump]

ภาษีถ้าต้องเสีย ไม่ใช่น้อยๆ นะครับ สองหมื่นกว่าล้าน เป็นใครก็ไม่อยากเสีย มีช่องที่ถูกกฎหมาย ก็ต้องทำ เป็นธรรมดา

พอเป็นผู้นำประเทศคนเพ่งเล็งมาก  ยิ่งรวยก็คนหมั่นไส้เยอะ  อันนี้ก็ธรรมดา

สำหรับเรื่องนี้ก็เหมือนพี่ครรชิตว่า ยามรักน้ำต้มผักยังว่าหวาน ยามชัง นมตั้งๆ ก็ยังว่ายาน

ผมยังย้ำเหมือนเดิม ว่า รัฐบาลไหนก็มีคอรับชั่น แต่ขอให้ผลงานคุ้มกว่าที่โกงไป (มองโลกให้อยู่ในความเป็นจริง)

แล้วเราก็ต้องให้เวลาพิสูจน์ว่า ทองแท้ หรือ ทองเทียม

[Supra]

:lol:

[Viewtiful Investor]

เกลียดนายกแค่ไหนก็อย่าเกลียดคนชอบนายกนะครับ and vise versa

[ครรชิต ไพศาล]

วันนี้ ผมฟังข่าวที่ ดร. แก้วสรร พูดตอนเอาหนังสือไปยื่นให้ รองประธานสภา

เห็นได้เลยว่า คนเวลามันไม่ชอบหน้ากันเสียแล้วนี้
ก็หาเรื่องกล่าวหาเขาได้ไม่รู้จบ

กล่าวหาเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นปี ไม่ได้
ก็ไปขุดเอาเรื่องเก่าที่ศาลเขาตัดสินจบไป 5 ปีแล้ว มากล่าวหาเขาอีก

ผมว่าถ้า กตล. , ตลาดหลักทรัพย์ และ กรมสรรพากร
ตรวจสอบแล้วว่าฝ่ายนายก ทำถูกต้องตามกฏหมาย

ฝ่ายไม่ชอบนายก ก็ต้องกล่าวหา ว่า กตล. , ตลาดหลักทรัพย์ และ กรมสรรพากร เข้าข้างนายก ต่อไปอีก


ยังกะในนิทานอีสป เรื่อง หมาป่ากับลูกแกะ

หมาป่ากล่าวหาว่าลูกแกะ ทำให้น้ำที่ตัวจะดื่มขุ่น  

ลูกแกะ บอกว่าหมาป่ายืนเหนือน้ำ  ลูกแกะยืนใต้น้ำ จะทำให้น้ำที่หมาป่าขุ่นได้อย่างไร

หมาป่าก็บอกว่า วันนี้เจ้าไม่ได้ทำ แต่เมื่อ 5 ปี เจ้าทำน้ำขุ่น

ลูกแกะบอกว่า 5 ปี ลูกแกะยังไม่ได้เกิดเลย

หมาป่าก็บอกว่า งั้นก็แสดงว่าพ่อเจ้าทำน้ำขุ่น ข้าต้องกินเจ้าให้ได้  :lol:  :lol:

[Banchap]

เห็นได้เลยว่า คนเวลามันไม่ชอบหน้ากันเสียแล้วนี้  ก็หาเรื่องกล่าวหาเขาได้ไม่รู้จบ

เห็นด้วยอย่างมากครับ

กรณีขายชินคอร์ปนี้ ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ยิ่งมีประเด็นทับซ้อนมากชึ้น

เริ่มจาก  การขายโดยไม่เสียภาษี มันผิดกฎหมาย  ซึ่งกรณีนี้ ดร.สุวรรณ ก็ได้อธิบายแล้ว
ก็ขยายไปเรื่อง  จริยธรรม  คือ  ควรขายแบบเสียภาษีเพื่อเป็นแบบอย่างให้คนอื่น
แล้วก็มาถึงเรื่อง  ไม่ควรขายเพราะสัมปทาน เป็นสมบัติของชาติ...
ตอนที่นายกยังไม่ได้ขาย  ก็พูดกันว่า การที่นายกมีธุรกิจส่วนตัวด้วย คงต้องเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองบ้าง

ถ้ามันวนเป็นงูกินหางอย่างนี้  ทางออกมีทางเดียวที่เขาอยากได้ครับ  คือ ท่านทักษิณต้องไม่เป็นนายก...

[Jeng]

อย่าไปตั้งโจทย์ ว่าคนไม่ชอบ

เพราะว่าถ้าคนไม่ชอบ คงไม่ไม่ใครเลือกตั้ง 19 ล้านคน

และผมถามพนักงานผมหลายคน ก็ชอบกันทั้งนั้น เพราะคิดว่าได้ประโยชน์ จาก 30 บาท ประกันสังคม กองทุนหมู่บ้าน

ส่วนพี่ชายผมก็ชอบตรง รถไฟฟ้าสร้างเสร็จอย่างรวดเร็ว สนามบินสร้างเสร็จในรัฐบาลนี้

ในเว็บนี้ก็มีหลายคนชอบในเรื่อง ปราบยาเสพติด ปราบผู้มีอำนาจ เช่นกำนัลเปาะ และบ่อนชัด เตาปูน

โดยส่วนตัวผม คิดว่า เวลาคนไม่เห็นด้วย แล้วเขาแจงเหตุผลว่าไม่เห็นด้วยเพราะอะไร เราก็รับฟังไว้

กรณีดร.สุวรรณ แทบไม่ต้องฟังเลย ระดับดร.สุวรรณ ถ้ายังทำผิดกฎหมาย ก็คงไม่ใช่ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร

เหมือนหมอครับ เวลาทำผิด คงให้ตำรวจจับยากมาก วิธีการคือให้ แพทย์สภา ซึ่งจะรู้ทางกัน และใช้หลักฐาน และวิจารณาณในการตัดสินครับ

ทนายก็จะมี สภาทนายความ เนื่องจากทนายทำผิด มักไม่ทิ้งหลักฐาน

กรณีนายก

ผมไม่คิดว่าคนสักแต่ว่าด่า

ดูเหตุผลของคนเหล่านั้นซิ มาจากทั่วสารทิศแล้วครับ

ถ้าเรารับไม่ได้เพราะคิดว่า มีแต่คนไม่ชอบ

คำถาม อะไรทำให้เขาไม่ชอบ อะไรทำให้เกิดความกดดันขนาดต้องมาใช้วิธีที่ คนไปเดินหลายคน ก็ไม่อยากตาย และไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องในการมาไล่ออก แบบนี้

แต่การที่มีการรวมตัวได้ขนาดนี้ เป็นเรื่องที่ นายกคนนี้ หรือคนต่อๆไป ก็ต้องพิจารณา การคิด การพูด การทำ การวางตัว ให้หนักกว่า นี้

..................................................................................

สำหรับผมแล้ว แค่เรื่องเดียวก็ควรลาออกแล้ว นอกจากจะไม่มีปัญญาในการแก้ปัญหาแล้ว ยังปากเสีย ทำให้เรื่องราว ยืดเยื้อ ยาวนาน คนตายมากมาย

[Jeng]

ลืมบอกพี่ครรชิตว่าผมก็ไม่เห็นด้วยกับการเดินขบวนนะครับ

เพราะถ้ามีมือที่สามเข้ามา แล้วเกิดการตาย ประเทศชาติก็เสียหายครับ

ทำไม ไม่ล่ารายชื่อ คนทั่วประเทศ ถ้าไม่เห็นด้วย

การล่ารายชื่อทั่วประเทศ

ก็น่าจะเพียงพอที่ทำให้ เลือกตั้งคราวหน้า คนไม่เลือกแล้ว

ถ้าเหตุผลที่ให้มาเพียงพอ

แต่การพูดในฝูงชน พูดอย่างไรคนก็เชื่ออยู่แล้ว เนื่องจากคนที่มา ก็เพราะว่า ไม่เอาทักษิณ และอยากให้ออก

ส่วนผม เฉยๆครับ จะออก หรือจะอยู่ ผมรอเลือกตั้งคราวหน้าได้ครับ

[Supra]

:lol:  :lol:  

         กรณีการขายหุ้นดีลนี้มันน่าสงสัยไงครับ  ไหงช่างเหมาเจาะคล้องกันยังกะปั้นแต่งไว้   โอนมาปุ๊บ  ประกาศแก้ไขให้ต่างชาติถือหุ้นเพิ่ม วันจัน ขายพอดีเลยน่าสงสัยไหมครับ   แล้วทำไมการขายหุ้นมูลค่ามหาศาลขนาดนี้ไม่รอบคอบเลยหรือไง  คนตรวจสอบน่าจะพวกหัวกะทิอยู่แล้ว  ความรอบคอบในการทานเอกสารไม่มีเลยเหรอ  บอกว่าติ๊กผิด แล้วก้อแก้เป็นขายนอกตลาดแทน  ทำไมไม่เอาเอกสารที่ผิดและตัวแก้ไขมายืนยัน    

          ส่วนเรื่องภาษีผมไม่ค่อยติดใจเท่าไร  กฎหมายเปิดช่องให้คนรวยเสมอ  มานุดเงินเดือน  คนทั่วไป หมดโอกาส.......เขามีมืระดับ  ดร. ปรึกษานิ
ชาติเสียประโยชน์หรือป่าว  ผมไม่ทราบได้  

          การชุมนุมขับไล่ผมไม่เห็นด้วย หรอกครับ  ผมต้องการแค่การชี้แจงให้เคลียร์  ไม่ใช่งุบหงิบๆๆ กันไป

[chatchai]

คนส่วนใหญ่ในสังคมไทยมีซักกี่คนที่รู้เรื่องภาษี  มีซักกี่คนที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์

คนส่วนใหญ่ก็ทำงานประจำ  มีความรู้สึกว่าถูกเก็บภาษีจำนวนมาก  เงินเดือนไม่พอใช้จ่าย

พอมีหนังสือพิมพ์  นักวิชาการ  พูดว่านายกขายหุ้นได้เงิน 73,000 ล้านบาท  ทุนที่ 1 บาท  ขายได้ที่ 49.25 บาท  โดยไม่เสียภาษี  คนส่วนใหญ่ก็ย่อมไม่พอใจครับ

อย่างเวลาที่จะขึ้นราคาน้ำมันให้เป็นไปตามราคาตลาดโลก  เพื่อให้คนไทยประหยัด  คนส่วนใหญ่ก็ไม่พอใจ  ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่ควรทำ

ปตท.มีกำไรจากการดำเนินธุรกิจในปีนี้มาก  เพราะค่าน้ำมันตลาดโลกขึ้น  คนไทยส่วนใหญ่ได้ยินก็ไม่พอใจ  

อะไรที่เราเสียเงิน  เราก็ไม่พอใจ  ไม่ว่าสิ่งนั้นถูกต้องหรือไม่

เรื่องแก้ให้ต่างชาติถือหุ้นได้ 49%  ผมสงสัยว่าถ้าเป็น 25% แล้วจะขายไม่ได้หรือครับ  UCOM ยังขายได้เลย

[chatchai]

เห็นข่าวอาจารย์มหา'ลัยบางคนบอกว่าควรเก็บภาษีจากกำไรหุ้น

ถ้าวันนี้ให้ประชาชนทั้งประเทศมาลงประชามติว่า  ควรเก็บภาษีจากกำไรในการขายหุ้นหรือไม่

แน่นอนได้เลยว่า  คนลงคะแนนว่าควรเก็บภาษีมากกว่าอย่างแน่นอน

แล้วพวกเราคิดว่าควรเก็บหรือไม่ละครับ  สิ่งไหนเป็นประโยชน์มากกว่ากัน