ทางรอดของฟองสบู่แตก คือ

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

ล็อคหัวข้อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ขงเบ้ง
Verified User
โพสต์: 399
ผู้ติดตาม: 0

ทางรอดของฟองสบู่แตก คือ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

จากการศึกษา และวิเคราะห์จากหนังสือหลายเล่ม
ในความคิดเห็นส่วนตัวผมนะครับ
เป็นแค่ความคิดเห็นแลกเปลี่ยนนะครับ ไม่เห็นด้วยก็ได้ครับ
จริง จริงตอนแรก จะไม่เสนอแนวคิดก็ได้ อาจใช้ประโยชน์จากฟองสบู่แตกก็จะได้ประโยชน์มหาศาล
แต่คิดไปคิดมาแล้ว ถ้าฟองสบู่แตกจะมีคนเดือดร้อนหลายคน ถึงมีเงินก็คงจะไม่มีความสุข คงมีอาชญากรรมเกิดขึ้นมากมาย อยู่กันด้วยความหวาดกลัว เลยไม่อยากให้แตกเลยดีกว่า
อยู่ร่วมกันอย่างสันติดีกว่า ผมเลยขอเป็นส่วนหนึ่งในการเสนอแนวคิด
ช่วยกันระดมสมองครับ เผื่อผู้เกี่ยวข้องมาอ่านเจอ
แนวคิดผมอาจผิดก็ได้นะครับ เพราะผมไม่ได้จบเศรษศาสตร์ครับเป็นแค่ความคิดเห็นแลกเปลี่ยนนะครับ ไม่เห็นด้วยก็ได้ครับ
:idea: ผมว่าแนวทางรอดของฟองสบู่แตก ก็คือ การใช้เศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง นั่นเอง :idea:
อันดับแรก -ส่งเสริมให้มีการออมเงินอย่างเข้มแข็ง(ญี่ปุ่นปี1980 กระทบไม่มากนักเมื่อเทียบกับปี1930ทางตะวันตกเพราะมีการออมเงินเข้มแข็ง รัฐบาลรับประกันเงินฝาก)
อันดับที่สอง- ให้ความรู้ และการศึกษา หรือปฏิรูปการศึกษาอย่างจริงจังแก่ประชาชน
อันดับสาม- รวมกลุ่มชุมชนกัน แล้วระเบิดจากข้างใน
นำทรัพยากรมาใช้เพื่อส่วนรวม ส่วนระเบิดจากข้างในคือ พึ่งตนเองได้แล้ว
และพร้อมที่จะรับปัจจัยภายนอก ไม่ใช่การยัดเยียดปัจจัยต่างต่างเข้าไปทั้งที่ยังไม่พร้อม

ผมว่าแนวทางนี้ เคยมีคนใช้แล้วคือ เหมาเจ๋อตุง พยายามทำหลายอย่างให้พร้อมแล้วเปิดประเทศ  แต่ต่างจากแนวทางเศรษฐกิจของประเทศไทย หรือตามแนวพระราชดำริ คือ ต้องการความสุขมากกว่า ไม่เดือดร้อนเพราะพึ่งตนเองได้ มีเงินแล้วไม่มีความสุข จะมีเงินไปทำไม แต่ถ้ามีเงินแล้วมีความสุขด้วยก็ดี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายดังนั้นเศรษฐกิจพอเพียงจึงไม่สบาย

ผมว่าแนวทางนี้ดี แต่เหตุผลหลัก คือ กว่าจะเกิดผลต้องใช้ระยะเวลาหนึ่ง
กว่าจะเกิดผลก็กลายเป็นผลงานของคนอื่นไปแล้ว ธรรมชาติของมนุษย์ ปถุชนจึงไม่ค่อยมีใครอยากทำครับ
วันหน้าถ้าท่านเล่าปี่ได้เป็นนายก อย่าลืมชวนขงเบ้งไปเป็นกุนซือนะครับ....ฮา..... :lovl: :lovl: :lovl: :lovl: :lovl: :lovl: :lovl: :lovl: :lovl: :lovl:
ไม่มีกลยุทธ์ใดตายตัวขึ้นอยู่กับสภาวะการณ์
เวลารุกคิดให้นานแต่เวลาถอยต้องเร็วไร้เงา
อิสรภาพทางการเงินเป็นแค่การเริ่มต้น
ปลายทาง คือ ความหลุดพ้น
ชีวิต คือ ความว่างเปล่า
ไม่มีใครหนีพ้นความตาย
แม้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1ของโลก
ภาพประจำตัวสมาชิก
ขงเบ้ง
Verified User
โพสต์: 399
ผู้ติดตาม: 0

ทางรอดของฟองสบู่แตก คือ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ช่วยเสนอแนวคิดกันหน่อยครับ อยากดูแนวคิดคนอื่นด้วยครับ
แนวคิดผมอาจจะผิดก็ได้นะครับ เพราะผมไม่ได้จบเศรษฐศาสตร์
เคยเรียนแต่เศรษฐศาสตร์ในห้องแถว :lol:  :lol: ฮา สมัยมัธยมงับ
ไม่มีกลยุทธ์ใดตายตัวขึ้นอยู่กับสภาวะการณ์
เวลารุกคิดให้นานแต่เวลาถอยต้องเร็วไร้เงา
อิสรภาพทางการเงินเป็นแค่การเริ่มต้น
ปลายทาง คือ ความหลุดพ้น
ชีวิต คือ ความว่างเปล่า
ไม่มีใครหนีพ้นความตาย
แม้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1ของโลก
Supra
Verified User
โพสต์: 479
ผู้ติดตาม: 0

ทางรอดของฟองสบู่แตก คือ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

:cry:  :cry:

         ผมไม่เข้าใจว่าที่เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน  เปิด fta ต่างๆ  กลัวว่าจะตกรถ  เป็นรองประเทศอื่น   ทำไมไม่ลองมองพื้นฐานจริงๆ ความพร้อม + ความรู้  สามารถในการแข่งขัน คนจนก้อจนถาวรเพิ่มขึ้น   คนรวยก้อกระจุกกลุ่มเดิม    เมื่อวานฟังสัมภาษณ์จาก นักธุรกิจ หลังนายกแจงแนวทางบริหารเศรษฐกิจเสร็จ บอกว่าคราวนี้โตแบบถาวรแน่ๆๆ   ต้องรอดูต่อไปจริงหรือไม่..... :idea:  :roll:
*****
Accidental Hero
Verified User
โพสต์: 1601
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทางรอดของฟองสบู่แตก คือ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขงเบ้ง เขียน:อันดับแรก -ส่งเสริมให้มีการออมเงินอย่างเข้มแข็ง(ญี่ปุ่นปี1980 กระทบไม่มากนักเมื่อเทียบกับปี1930ทางตะวันตกเพราะมีการออมเงินเข้มแข็ง รัฐบาลรับประกันเงินฝาก)
อันดับที่สอง- ให้ความรู้ และการศึกษา หรือปฏิรูปการศึกษาอย่างจริงจังแก่ประชาชน
อันดับสาม- รวมกลุ่มชุมชนกัน แล้วระเบิดจากข้างใน
นำทรัพยากรมาใช้เพื่อส่วนรวม ส่วนระเบิดจากข้างในคือ พึ่งตนเองได้แล้ว
และพร้อมที่จะรับปัจจัยภายนอก ไม่ใช่การยัดเยียดปัจจัยต่างต่างเข้าไปทั้งที่ยังไม่พร้อม
ถ้าทำได้แบบนี้ ใกล้เคียงสังคมในอุดมคติเลยครับ
สิ่งสำคัญอีกอย่าง คือ ต้องมีองค์ความรู้ที่โดดเด่นของตนเอง และรู้จริงสามารถต่อยอดได้
สำหรับประเทศไทย ความรู้ของเราเช่นการเกษตร หรือแพทย์แผนไทย มีคุณค่า แต่ยังไม่สามารถต่อยอดให้โดดเด่นและเป็นที่ต้องการอย่างแท้จริงในระยะยาวได้ ต้องมีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ขงเบ้ง เขียน:ผมว่าแนวทางนี้ เคยมีคนใช้แล้วคือ เหมาเจ๋อตุง พยายามทำหลายอย่างให้พร้อมแล้วเปิดประเทศ  
ผมไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์จีน แต่เท่าที่ฟังมาแนวทางของคอมมิวนิสต์จีนในยุคเหมา ไม่ได้สนับสนุนการออม แต่ทุกคนที่เป็นพลเรือน ต้องทำงานให้รัฐ ในขณะที่ชนชั้นผู้บริหารและกลุ่มผู้มีอำนาจ กลับอยู่อย่างสบาย
ผมมองว่า การปิดประเทศในตอนนั้น จำเป็น เพื่อจัดระเบียบสังคม และควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จ
การเปิดประเทศเป็นแนวคิดของท่านเติ้งครับ
"Be sure you put your feet in the right place, then stand firm"
Abraham Lincoln
ภาพประจำตัวสมาชิก
ขงเบ้ง
Verified User
โพสต์: 399
ผู้ติดตาม: 0

ทางรอดของฟองสบู่แตก คือ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขออภัย post ผิดคนตั้งใจจะpostท่านเติ้งเสี่ยวผิงครับ ไม่ใช่เหมาเจอตุง
:oops: :oops: :oops: :oops: :oops: :oops: :oops: :oops: :oops:
ไม่มีกลยุทธ์ใดตายตัวขึ้นอยู่กับสภาวะการณ์
เวลารุกคิดให้นานแต่เวลาถอยต้องเร็วไร้เงา
อิสรภาพทางการเงินเป็นแค่การเริ่มต้น
ปลายทาง คือ ความหลุดพ้น
ชีวิต คือ ความว่างเปล่า
ไม่มีใครหนีพ้นความตาย
แม้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1ของโลก
WaveRider965
Verified User
โพสต์: 84
ผู้ติดตาม: 0

ทางรอดของฟองสบู่แตก คือ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ให้คิดเร็วๆตอนนี้ ...
เมืองไทยอยู่ในกำมือของคนสัก 20% ของทั้งประเทศ
และคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ อยู่ส่วนบนของภูเขา
และคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ ไม่สนใจในความพอเพียง (ถึงปากจะพูด) อย่างจริงจังเท่าใด

จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย
ผู้นำแข็งแกร่ง มีความสำนึกถึงคนส่วนมาก
การขับเคลื่อน มีการสนับสนุนของประชาชน

ผลจึงปรากฏ ...

ความพอเพียง เริ่มต้นจากรู้ที่ใจ สำเร็จที่ได้ทำ



เต่าโบราณในกะลา ... หิวข้าว
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

ทางรอดของฟองสบู่แตก คือ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

[quote="ขงเบ้ง"]ช่วยเสนอแนวคิดกันหน่อยครับ อยากดูแนวคิดคนอื่นด้วยครับ
แนวคิดผมอาจจะผิดก็ได้นะครับ เพราะผมไม่ได้จบเศรษฐศาสตร์
เคยเรียนแต่เศรษฐศาสตร์ในห้องแถว :lol:
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
Boring Stock Lover
Verified User
โพสต์: 1301
ผู้ติดตาม: 0

ทางรอดของฟองสบู่แตก คือ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

เมืองไทยอยู่ในกำมือของคนสัก 20% ของทั้งประเทศ
คนในห้องนี้ทั้งหมดก็คงอยู่ในนั้น 20%

ปี 2546 โดยประมาณ ผมดูตัวเลขผู้เสียภาษีส่วนบุคคล ไม่ใช่ห้างร้านบริษัท ตัวเลขอยู่ที่ 4 ล้านคน ในจำนวนนี้ 95% รายได้ไม่เกิน 40,000 บาทต่อเดือน ปริมาณแรงงานทั้งหมดน่าจะอยู่ที่ 30 ล้านคน (อันนี้ผมประเมิณเอง) ไม่อยากคิดเลยว่าสัดส่วนคนที่มีรายได้เกินสี่หมื่นเป็นกี่เปอร์เซนต์ของแรงงาน และกี่เปอร์เซนต์ของคนไทนทั้งหมด ตัวเลขปัจจุบันอยู่ประมาณ 5-6ล้านเห็นจากบทสัมภาษณ์ผู้บริหารบัตรเครดิต

ตอนที่ผมเห็นผมรู้สึกตกใจและหดหู่ แล้วก็รู้เลยว่าคนไทยถ้าไม่จนก็อยู่ในแวดวงธุรกิจใต้ดิน

เงินเดือนเด็กจบตรีใหม่วันนี้ ก็แทบเท่ากับ เงินเดือนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ยิ่งถ้าเทียบเป็นเงิน USD ก็แทบจะมีมูลค่าแค่ครึ่งหนึ่ง

ถ้าฟองสบู่แตกจริง คนไทยส่วนใหญ่ก็คงไม่เดือดร้อน เพราะอยู่ยิ่งกว่าพอเพียงอยู่แล้ว

วันนี้เวลาใครชวนทำบุญ ผมก็จะบอกว่า พี่เปิดบริษัท สร้างงาน สร้างโอกาสให้คนมีทางเลือก สร้างเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น ไม่งั้นเรา ลูกหลานเราก็จะอยู่ยาก

มีอย่างที่ไหน เด็กนั่งดื่ม รายได้มากกว่า เด็กจบตรี 3-5 เท่า เด็กแดนส์รายได้มากกว่าข้าราชการ C8 C9 หรือเด็กนวดขับบีเอ็ม
ล็อคหัวข้อ