"ของแท้" กับ "ของเทียม" คุณค่ามันอยู่ตรง
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
"ของแท้" กับ "ของเทียม" คุณค่ามันอยู่ตรง
โพสต์ที่ 1
เราให้คุณค่ากับ "ของจริง" บางอย่าง เป็นภาพมายาหรือ ดีจริงครับ เช่น
1. ธรรมมะที่บรรยายโดยพระ ทุศีล ตัวธรรมะนั้นมีประโยชน์ถ้าเรานำไปปฏิบัติ แต่พอตัวบุคคลสกปรก เราก็เลิก ไม่คิดถึงประโยชน์ของธรรมมะนั้น
2. เพชรเทียมบางทีใหญ่และสวยกว่าเพชรแท้ เราให้คุณค่ากับความสวยเวลาใส่ หรือ ใหค่ากับ "ของแท้" เพราะมันหาได้ยาก หรือ เพื่อบูชาความรวยของคนใส่
3. ดอกไม้พลาสติก เวลาประดับหลายครั้งสวยกว่าดอกไม้จริง แต่ราคาต่างกันลิบ เราให้ค่ากับความสวยของดอกไม้ หรือ ความรู้สึกที่คิดไปเองว่า ของแท้ดีกว่า
เราให้ค่า "ของแท้" ว่ามีค่าเพราะมายาที่คนอุปโลกขึ้น หรือ "ของแท้" มันมีค่าสมบูรณ์ในตัวมันเองจริงๆกันแน่
1. ธรรมมะที่บรรยายโดยพระ ทุศีล ตัวธรรมะนั้นมีประโยชน์ถ้าเรานำไปปฏิบัติ แต่พอตัวบุคคลสกปรก เราก็เลิก ไม่คิดถึงประโยชน์ของธรรมมะนั้น
2. เพชรเทียมบางทีใหญ่และสวยกว่าเพชรแท้ เราให้คุณค่ากับความสวยเวลาใส่ หรือ ใหค่ากับ "ของแท้" เพราะมันหาได้ยาก หรือ เพื่อบูชาความรวยของคนใส่
3. ดอกไม้พลาสติก เวลาประดับหลายครั้งสวยกว่าดอกไม้จริง แต่ราคาต่างกันลิบ เราให้ค่ากับความสวยของดอกไม้ หรือ ความรู้สึกที่คิดไปเองว่า ของแท้ดีกว่า
เราให้ค่า "ของแท้" ว่ามีค่าเพราะมายาที่คนอุปโลกขึ้น หรือ "ของแท้" มันมีค่าสมบูรณ์ในตัวมันเองจริงๆกันแน่
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
"ของแท้" กับ "ของเทียม" คุณค่ามันอยู่ตรง
โพสต์ที่ 3
ผมให้ความสำคัญกับคุณค่าครับ ตามสโลแกน web
คุณค่าเองบ่อยครั้งก็เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา และตามความคิดเห็นของผู้ประเมินค่า เช่นกรณีเพชรแท้เพชรเทียม ดอกไม้แท้ดอกไม้เทียม ใครจะตัดสินได้ว่าจริงๆแล้วอะไรคือแท้ อะไรคือเทียม ดอกไม้เทียม ก็เป็นดอกไม้พลาสติคแท้ๆ ในขณะที่ดอกไม้แท้ๆ ในอีกแง่หนึ่งมันก็เป็นดอกไม้พลาสติคเทียมๆ
วันหนึ่งหุ้นตัวนี้มีคุณค่าผมก็ซื้อ เวลาผ่านไปคุณค่าก็ลดลงผมก็ขาย อิอิ
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นของแท้หรือของเทียม ก็ไม่สามารถลวงเราได้ เพราะเราไม่สนใจประเด็นแท้หรือเทียม แต่เราสนใจคุณค่ามันต่างหาก ......
สำคัญที่สุดคือประเมินคุณค่ามันถูกไหม ที่ผมเจอบ่อยๆ คือคิดว่ามันมีคุณค่า แต่จริงๆมันไม่มีคุณค่านี่สิ ... ก็ขาดทุน แฮ่ ๆ ๆ
คุณค่าเองบ่อยครั้งก็เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา และตามความคิดเห็นของผู้ประเมินค่า เช่นกรณีเพชรแท้เพชรเทียม ดอกไม้แท้ดอกไม้เทียม ใครจะตัดสินได้ว่าจริงๆแล้วอะไรคือแท้ อะไรคือเทียม ดอกไม้เทียม ก็เป็นดอกไม้พลาสติคแท้ๆ ในขณะที่ดอกไม้แท้ๆ ในอีกแง่หนึ่งมันก็เป็นดอกไม้พลาสติคเทียมๆ
วันหนึ่งหุ้นตัวนี้มีคุณค่าผมก็ซื้อ เวลาผ่านไปคุณค่าก็ลดลงผมก็ขาย อิอิ
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นของแท้หรือของเทียม ก็ไม่สามารถลวงเราได้ เพราะเราไม่สนใจประเด็นแท้หรือเทียม แต่เราสนใจคุณค่ามันต่างหาก ......
สำคัญที่สุดคือประเมินคุณค่ามันถูกไหม ที่ผมเจอบ่อยๆ คือคิดว่ามันมีคุณค่า แต่จริงๆมันไม่มีคุณค่านี่สิ ... ก็ขาดทุน แฮ่ ๆ ๆ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
"ของแท้" กับ "ของเทียม" คุณค่ามันอยู่ตรง
โพสต์ที่ 4
8) น้องกั๊ม พอดีตอนนี้อ่านหนังสือกึ่งๆธัมมะอยู่Forrestgump เขียน:1. ธรรมมะที่บรรยายโดยพระ ทุศีล ตัวธรรมะนั้นมีประโยชน์ถ้าเรานำไปปฏิบัติ แต่พอตัวบุคคลสกปรก เราก็เลิก ไม่คิดถึงประโยชน์ของธรรมมะนั้น
เห็นเขาว่าถ้าทำบุญกะพระทุศีล ไปทำกะขอทาน
ยังจะได้บุญมากกว่า
เขายังบอกอีกว่าทานยังสู้ศีลไม่ได้
และศีลก็ยังสู้ภาวนาไม่ได้
หมายเหตุ:
มาคุยเรื่องศาสนาในเวปนี้ มีสิทธิโดนจวกได้นะ
คนที่ศึกษามาจริงๆท่าจะเยอะ
แต่พอดีอ่านมาถือว่ามีความรู้มาแบ่งท่านกั๊มนะ
ชอบถามมาอยู่เรื่อย
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
"ของแท้" กับ "ของเทียม" คุณค่ามันอยู่ตรง
โพสต์ที่ 7
ของบางสิ่งย่อมมีคุณค่าในตัวมันเอง ถ้าอยู่ถูกที่ถูกเวลา
แต่ถ้าอยู่ผิดที่ผิดเวลา อาจไม่เหลือคุณค่าเลยก็ได้
ถ้าเราติดอยู่กลางทะเลทราย ที่ไม่มีผู้คน เราคงอยากได้น้ำมากว่าเพชรแท้เม็ดใหญ่ๆ
แต่ธรรมะมีคุณค่าอยู่ในตัวเองเสมอครับ
ขอบคุณที่เกิดเป็นคนไทย และได้เรียนรู้ธรรมะ
แต่ถ้าอยู่ผิดที่ผิดเวลา อาจไม่เหลือคุณค่าเลยก็ได้
ถ้าเราติดอยู่กลางทะเลทราย ที่ไม่มีผู้คน เราคงอยากได้น้ำมากว่าเพชรแท้เม็ดใหญ่ๆ
แต่ธรรมะมีคุณค่าอยู่ในตัวเองเสมอครับ
ขอบคุณที่เกิดเป็นคนไทย และได้เรียนรู้ธรรมะ
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
"ของแท้" กับ "ของเทียม" คุณค่ามันอยู่ตรง
โพสต์ที่ 8
แหมไหนๆเห็นมีแผลมๆเรื่องDemand Supplyออกมาก็ต้องแจมซักหน่อย คือในเรื่องของคุณค่า ตามแนวคิดของเศรษฐศาสตร์ยุคคลาสสิก(ยุคอาดัมสมิท คาลส์ มากซ์) ได้กล่าวไว้ว่า คุณค่าของสินค้าคือร่างแปลงของผลึกแรงงาน สินค้าใดที่ต้องอาศัยการบ่มเพาะและตกผลึกของแรงงานมากสินค้านั้นก็จะยิ่งมีมูลค่ามาก อย่างเช่น จับกัง กับ แพทย์ จับกังอาศัยเพียงแรงต้นกำเนิด(แรงกาย)ดังนั้นจึงมีมูลค่าต่ำ แต่ในขณะที่แพทย์ก่อนจะมารักษาผู้เป็นแพทย์ต้องอาศัยแรงงานในการเรียนรู้ ค้นคว้า และทำการศึกษามาแรมปี จึงจะสามารถรักษาได้ ดังนั้นจึงมีการตกผลึกของแรงงานมากกว่า หรือแม้แต่งานที่เกิดจากเครื่องจักร ซึ่งย่อมเกิดมาจากทุน และทุนก็มาจากการอดทนที่จะไม่บริโภคและเก็บกักแรงงานไว้ในรูปของทุน(เสมือนพลังงานศักย์) นี่แหละครับหลักการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ และการที่"สินค้าของแท้"มีราคาสูงก็เนื่องมาจากมันมีการตกผลึกของการค้นคว้า+เวลาในการได้รับความยอมรับ นั่นเอง
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
"ของแท้" กับ "ของเทียม" คุณค่ามันอยู่ตรง
โพสต์ที่ 9
เพิ่งคิดออกครับ1. ธรรมมะที่บรรยายโดยพระ ทุศีล ตัวธรรมะนั้นมีประโยชน์ถ้าเรานำไปปฏิบัติ แต่พอตัวบุคคลสกปรก เราก็เลิก ไม่คิดถึงประโยชน์ของธรรมมะนั้น
คำตอบคือ ไม่ฟังครับ หรือถึงฟังก็ไม่อยากเชื่อครับ
เพราะว่า เงื่อนไขอยู่ที่ว่า เรารู้มากกว่าหรือน้อยกว่าผู้พูด
1. เรารู้น้อยกว่า
แม้ธรรมมะจะเป็นสิ่งดีมีคุณค่าในตัวเองมหาศาล แต่ถ้าเราฟังพระทุศีลพูด เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะไม่ต่อเติมปรุงแต่งให้ผิดเพี้ยนไปจากเดิม (เพราะว่าเรารู้น้อยกว่าตามเงื่อนไขไงครับ) เราอาจจะโดนชักจูงโน้มน้าวได้ง่ายๆ และถ้าเราถูกทำให้มองธรรมมะไปผิดๆแล้วละก็.....ธรรมมะที่เป็นของจริงก็จะห่างไกลจากเราไปเรื่อยๆ น่าเสียดายจริงๆนะ
2. เรารู้มากกว่าผู้พูด
แน่นอนว่าเราย่อมไม่ถูกชักจูงไปในทางที่ผิด คำถามก็คือ แล้วเราจะไปเสียเวลาฟังทำไม
ทั้งสองเงื่อนไขนำมาสู่ข้อสรุปเดียวกันหนะครับ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด