เด็กใหม่ไฟแรง เขียน:ผมยังมีปัญหาที่ค้างคาใจ พยายามหาคำตอบอยู่หลายปีแล้ว ยังไม่เห็นหนทางที่ชัดเจน
ผมคาใจว่า การลงทุนหุ้นแบบทุ่มเท ที่พวกเรา vi ส่วนใหญ่ทำกันนั้น เป็นหนทางจัดการกับความมั่งคั่ง ที่เป็นอุปสรรคกับความเจริญก้าวหน้าทางธรรมหรือไม่
เป็นคำถามที่ถามหลายท่าน หลายพระอาจารย์ หลายอาจารย์ หลายๆเพื่อนร่วมเส้นทาง และหลายๆเพื่อน vi สายธรรมะที่เน้นการภาวนาเพื่อความก้าวหน้าในธรรม
ผมมีความคิดว่า การลงทุนในหุ้น แม้แต่แนว vi เราก็ต้องติดตาม ต้องค้นคว้า ต้องคิดกลยุทธ์ ต้องหมั่นทบทวน และต้องปรับแต่งการลงทุน
ทำไปทำมา ทุกครั้งที่มีกิจกรรม ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับกิเลส และทำให้จิตฟุ้งทุกครั้ง
ได้คำแนะนำจากหลายๆท่านว่า ให้รู้ตัวมีสติว่ากำลังทำอะไร ถือเป็นแบบฝึกหัดเสียด้วยซ้ำ
แต่ท่านที่เคยปฏิบัติภาวนาแบบเคร่งครัดแบบทุ่มเท ก็จะทราบว่าส่วนใหญ่ เราจะพยายามไม่พูดไม่คิดนอกเรื่อง ไม่สื่อสาร รวมๆคือไม่ส่งจิตออกนอก พยายามมีสติและไม่ให้การสติขาดตอน
ทำให้ทุกวันนี้ ผมยังมีความเชื่ออยู่ตลอดว่า การลงทุนในหุ้น เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะหากต้องการก้าวหน้าเพื่อความหลุดพ้น
เราอาจจะต้องจัดการความมั่งคั่งแบบการเมืองที่กำหนดให้เอาเงินทองที่ต้องบริหารไปให้กองทุนรวม หรือกองทุนบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคลดูแล เราไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยว นานๆติดตามที กำหนดทิศทางนโยบายให้เขาทำให้
พวกเราคิดเห็นเป็นอย่างไรครับ
แบบนี้ดีมั้ยครับ
ให้คิดว่าการลงทุนนั้นเป็นสัมมาอาชีวะอย่างหนึ่ง
ซึ่งสามารถทำให้เรามีเวลาปฏิบัติธรรมได้อย่างเต็มที่
คือเมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ ที่ต้องให้เวลากับการทำงานอย่างมากแล้ว
อาชีพนักลงทุนถือว่าได้เปรียบในแง่ของเวลา
ซึ่งก็เป็นจุดที่หลายๆคนหันมาสนใจการลงทุนในหุ้นมากขึ้น
เพราะเค้าจะได้มีเวลาทำในสิ่งที่ตนเองรัก
กลับมาที่การปฏิบัติธรรม
ผมรู้สึกว่าการปฏิบัติต่างหาก ที่จะช่วยขัดเกลาความฟุ้งซ่านเกี่ยวกับหุ้น
มีสติมากขึ้น ไม่กังวลใจกับเหตุการณ์อะไรง่ายๆ
และมีความทุกข์น้อยและสั้นลงอย่างชัดเจน
ความโลภที่เคยมีนั้นกลับค่อยๆเจือจาง
ทำให้เราพอใจกับผลตอบแทนได้ง่ายขึ้น
เมื่อปฏิบัตินานเข้า
คุณจะได้คำตอบเองครับว่า ถ้าต้องการกำจัดกิเลสอย่างละเอียด
คุณควรจะเดินไปในทางใหน
แต่เบื้องต้น
การปฏิบัติธรรมจะช่วยเกื้อหนุนให้คุณลงทุนอย่างมีสติ พอเพียง
และทุกข์น้อยลงได้ครับ