มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
-
- Verified User
- โพสต์: 64
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3961
โทษใครไม่ได้หรอกครับ ต้องโทษสังคมแพทย์เอง
ไม่สามัคคี เห็นแก่ตัว ใจแคบ ขี้กลัว กลัวคนอื่นว่า ไม่ดี ไม่เก่ง ...
สอนกันว่า คนไข้เป็นศูนย์กลาง แต่คนร่วมงานเป็นหมา กัดไปทั่ว ไม่รู้ทำไม
ผมผ่านการเป็นทั้ง อาจารย์โรงเรียนแพทย์ เพราะได้ที่หนึ่งบอรด์ กลับไปเพื่อสร้างหมอ แต่... เลิกดีกว่า
ตอนนี้มาเป็นหมอต่างจังหวัด ดูแลครอบครัว และลูกให้ดีที่สุดครับ
ผมเจออะไรมามากมาย ต่างกรรมต่างวาระครับ แต่อยากบอก พี่พี่ น้องน้องหมอว่า
อย่าเลิกเป็นหมอครับ อยู่ด้วยศรัทธาครับ และเป็นนักลงทุนเพื่อความอยู่รอดครับ
หมอติดดิน
ไม่สามัคคี เห็นแก่ตัว ใจแคบ ขี้กลัว กลัวคนอื่นว่า ไม่ดี ไม่เก่ง ...
สอนกันว่า คนไข้เป็นศูนย์กลาง แต่คนร่วมงานเป็นหมา กัดไปทั่ว ไม่รู้ทำไม
ผมผ่านการเป็นทั้ง อาจารย์โรงเรียนแพทย์ เพราะได้ที่หนึ่งบอรด์ กลับไปเพื่อสร้างหมอ แต่... เลิกดีกว่า
ตอนนี้มาเป็นหมอต่างจังหวัด ดูแลครอบครัว และลูกให้ดีที่สุดครับ
ผมเจออะไรมามากมาย ต่างกรรมต่างวาระครับ แต่อยากบอก พี่พี่ น้องน้องหมอว่า
อย่าเลิกเป็นหมอครับ อยู่ด้วยศรัทธาครับ และเป็นนักลงทุนเพื่อความอยู่รอดครับ
หมอติดดิน
Read Read Read
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3963
ผมว่ามันคงไม่ทั้งหมดมั๊งครับ ผมเองอยู่ในสังคมนี้มาหลายปี หลายที่ ที่ ๆ ผมผ่านมามันก็ไม่ได้มีปัญหามากมายมีอะไรก็ช่วยเหลือพึ่งพากันดีครับ ที่บ่น ๆ กันนี่เพราะคนที่เค้าทำดีกำลังจะหมดกำลังใจก็เท่านั้นครับ ความกลัวใครบ้างไม่กลัว ยิ่งรักครอบครัวก็อาจจะยิ่งกลัว หมอบางคนเค้าก็มีภาระมีครอบครัวที่ต้องดูแล มีบ้านมีรถที่ต้องผ่อน มันก็คงไม่ผิดที่เค้าจะกลัวถ้าเค้าโดนฟ้องร้องจนหมดตัวแล้วใครจะมาแบกรับภาระแทนเค้า ผมเคยรู้จักกับคนที่เค้าโดนฟ้องร้อง สุดท้ายศาลตัดสินว่าเค้าไม่ผิด แต่ชีวิตของเค้าในตอนนั้นเหมือนตายทั้งเป็น เพื่อนร่วมอาชีพก็คงไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้น ผมคิดว่าหมอส่วนหนึ่งไม่กลัวการตรวจสอบครับ ถ้าการตรวจสอบหรือระบบนั้นมันยุติธรรมจริง ๆ คนดีไม่ได้แปลว่าจะ "ซวย" ไม่ได้ครับdrseree เขียน:โทษใครไม่ได้หรอกครับ ต้องโทษสังคมแพทย์เอง
ไม่สามัคคี เห็นแก่ตัว ใจแคบ ขี้กลัว กลัวคนอื่นว่า ไม่ดี ไม่เก่ง ...
สอนกันว่า คนไข้เป็นศูนย์กลาง แต่คนร่วมงานเป็นหมา กัดไปทั่ว ไม่รู้ทำไม
ผมผ่านการเป็นทั้ง อาจารย์โรงเรียนแพทย์ เพราะได้ที่หนึ่งบอรด์ กลับไปเพื่อสร้างหมอ แต่... เลิกดีกว่า
ตอนนี้มาเป็นหมอต่างจังหวัด ดูแลครอบครัว และลูกให้ดีที่สุดครับ
ผมเจออะไรมามากมาย ต่างกรรมต่างวาระครับ แต่อยากบอก พี่พี่ น้องน้องหมอว่า
อย่าเลิกเป็นหมอครับ อยู่ด้วยศรัทธาครับ และเป็นนักลงทุนเพื่อความอยู่รอดครับ
หมอติดดิน
เคยได้ยินอ.แพทย์ท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า บนเครื่องบินมีผู้โดยสารหัวใจหยุดเต้น ต้องทำ CPR มีหมอเข้าไปช่วยทำ CPR สุดท้ายผู้โดยสารคนนั้นตาย กลายเป็นว่าญาติจะฟ้องร้องว่าคนทำ CPR ไม่มีความรู้หรือผ่านการอบรมและสมควรที่จะเข้ามาทำ ตอนที่ผมได้ยินเรื่องนี้ผมเชื่อว่าสุดท้ายคนที่เข้าไปช่วยก็คงไม่ผิดครับ แต่ใครจะคิดล่ะครับว่าคนที่หวังดีเข้าไปช่วยทั้ง ๆ ที่ถ้าเค้าแกล้งนั่งเงียบ ๆ ไม่เผยตัวออกมาเค้าก็คงไม่เดือดร้อน จะกลายเป็นคนเดือดร้อนซะเอง
ผมเองถึงแม้ตอนนี้จะเริ่มเบื่อกับเรื่องพวกนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมยังทำอาชีพนี้อยู่ เพราะเรื่องเดียวคือ ผมมองว่าอาชีพนี้ทำให้ผมทำงานผมก็ได้ "บุญ" และกำลังใจที่เกิดจากคนไข้ที่ยังเห็นคุณค่าของความเป็น "หมอ" ของผมครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1009
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3964
ครับdrseree เขียน: อย่าเลิกเป็นหมอครับ อยู่ด้วยศรัทธาครับ และเป็นนักลงทุนเพื่อความอยู่รอดครับ
ใช่ครับleky เขียน: ผมมองว่าอาชีพนี้ทำให้ผมทำงานผมก็ได้ "บุญ" และกำลังใจที่เกิดจากคนไข้ที่ยังเห็นคุณค่าของความเป็น "หมอ" ของผมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 64
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3965
leky เขียน:ผมว่ามันคงไม่ทั้งหมดมั๊งครับ ผมเองอยู่ในสังคมนี้มาหลายปี หลายที่ ที่ ๆ ผมผ่านมามันก็ไม่ได้มีปัญหามากมายมีอะไรก็ช่วยเหลือพึ่งพากันดีครับ ที่บ่น ๆ กันนี่เพราะคนที่เค้าทำดีกำลังจะหมดกำลังใจก็เท่านั้นครับ ความกลัวใครบ้างไม่กลัว ยิ่งรักครอบครัวก็อาจจะยิ่งกลัว หมอบางคนเค้าก็มีภาระมีครอบครัวที่ต้องดูแล มีบ้านมีรถที่ต้องผ่อน มันก็คงไม่ผิดที่เค้าจะกลัวถ้าเค้าโดนฟ้องร้องจนหมดตัวแล้วใครจะมาแบกรับภาระแทนเค้า ผมเคยรู้จักกับคนที่เค้าโดนฟ้องร้อง สุดท้ายศาลตัดสินว่าเค้าไม่ผิด แต่ชีวิตของเค้าในตอนนั้นเหมือนตายทั้งเป็น เพื่อนร่วมอาชีพก็คงไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้น ผมคิดว่าหมอส่วนหนึ่งไม่กลัวการตรวจสอบครับ ถ้าการตรวจสอบหรือระบบนั้นมันยุติธรรมจริง ๆ คนดีไม่ได้แปลว่าจะ "ซวย" ไม่ได้ครับdrseree เขียน:โทษใครไม่ได้หรอกครับ ต้องโทษสังคมแพทย์เอง
ไม่สามัคคี เห็นแก่ตัว ใจแคบ ขี้กลัว กลัวคนอื่นว่า ไม่ดี ไม่เก่ง ...
สอนกันว่า คนไข้เป็นศูนย์กลาง แต่คนร่วมงานเป็นหมา กัดไปทั่ว ไม่รู้ทำไม
ผมผ่านการเป็นทั้ง อาจารย์โรงเรียนแพทย์ เพราะได้ที่หนึ่งบอรด์ กลับไปเพื่อสร้างหมอ แต่... เลิกดีกว่า
ตอนนี้มาเป็นหมอต่างจังหวัด ดูแลครอบครัว และลูกให้ดีที่สุดครับ
ผมเจออะไรมามากมาย ต่างกรรมต่างวาระครับ แต่อยากบอก พี่พี่ น้องน้องหมอว่า
อย่าเลิกเป็นหมอครับ อยู่ด้วยศรัทธาครับ และเป็นนักลงทุนเพื่อความอยู่รอดครับ
หมอติดดิน
เคยได้ยินอ.แพทย์ท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า บนเครื่องบินมีผู้โดยสารหัวใจหยุดเต้น ต้องทำ CPR มีหมอเข้าไปช่วยทำ CPR สุดท้ายผู้โดยสารคนนั้นตาย กลายเป็นว่าญาติจะฟ้องร้องว่าคนทำ CPR ไม่มีความรู้หรือผ่านการอบรมและสมควรที่จะเข้ามาทำ ตอนที่ผมได้ยินเรื่องนี้ผมเชื่อว่าสุดท้ายคนที่เข้าไปช่วยก็คงไม่ผิดครับ แต่ใครจะคิดล่ะครับว่าคนที่หวังดีเข้าไปช่วยทั้ง ๆ ที่ถ้าเค้าแกล้งนั่งเงียบ ๆ ไม่เผยตัวออกมาเค้าก็คงไม่เดือดร้อน จะกลายเป็นคนเดือดร้อนซะเอง
ผมเองถึงแม้ตอนนี้จะเริ่มเบื่อกับเรื่องพวกนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมยังทำอาชีพนี้อยู่ เพราะเรื่องเดียวคือ ผมมองว่าอาชีพนี้ทำให้ผมทำงานผมก็ได้ "บุญ" และกำลังใจที่เกิดจากคนไข้ที่ยังเห็นคุณค่าของความเป็น "หมอ" ของผมครับ
Read Read Read
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3966
สิ่งที่ผมต้องการจะเห็นซึ่งผมก็รู้ว่ามันคงยากที่จะเกิดคือ
1) ความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วยไม่เป็นแบบตั้งแง่หวาดระแวงกัน เป็นแบบหมอกับคนไข้จริง ๆ เหมือนในยุคก่อน
2) แพทย์ไม่มีงานในมือโหลดจนเกินไปจนทำให้มาตรฐานในการรักษาตกลง
3) รพ.ทั่วประเทศมีการพัฒนา เป็นสถานที่ที่ผู้ป่วยเต็มใจมาใช้บริการ ไม่ใช่ "จำใจ" ต้องมาใช้บริการ มีแพทย์หลาย ๆ สาขา มีเครื่องมือที่จำเป็นครบ ไม่ต้องให้คนไข้ต้องถูก refer ไปไกล ๆ
4) ผู้ป่วยรู้จักดูแลสุขภาพตัวเองเบื้องต้น ไม่มารพ.เกินความจำเป็น
5) ข้อสุดท้ายซึ่งน่าจะสำคัญที่สุดคือ อยากให้ทุกฝ่ายมองว่าการพัฒนาระบบสาธารณสุขไทย "เป็นหน้าที่ของทุก ๆ คน" อาจจะต้องมีการเสียสละบ้างเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีครับ
1) ความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วยไม่เป็นแบบตั้งแง่หวาดระแวงกัน เป็นแบบหมอกับคนไข้จริง ๆ เหมือนในยุคก่อน
2) แพทย์ไม่มีงานในมือโหลดจนเกินไปจนทำให้มาตรฐานในการรักษาตกลง
3) รพ.ทั่วประเทศมีการพัฒนา เป็นสถานที่ที่ผู้ป่วยเต็มใจมาใช้บริการ ไม่ใช่ "จำใจ" ต้องมาใช้บริการ มีแพทย์หลาย ๆ สาขา มีเครื่องมือที่จำเป็นครบ ไม่ต้องให้คนไข้ต้องถูก refer ไปไกล ๆ
4) ผู้ป่วยรู้จักดูแลสุขภาพตัวเองเบื้องต้น ไม่มารพ.เกินความจำเป็น
5) ข้อสุดท้ายซึ่งน่าจะสำคัญที่สุดคือ อยากให้ทุกฝ่ายมองว่าการพัฒนาระบบสาธารณสุขไทย "เป็นหน้าที่ของทุก ๆ คน" อาจจะต้องมีการเสียสละบ้างเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 64
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3968
ยากมากมากครับ เรื่องนี้jaiklar เขียน:รอปฏิวัติฮะ
Read Read Read
-
- Verified User
- โพสต์: 1009
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3969
สำหรับผม การปฎิวัติไม่ช่วยเลยครับ เพราะก็มีมาตั้งหลายครั้ง และระบบการแพทย์ก็เดินทางมาจนเป็นสิ่งที่เห็นอย่างทุกวันครับjaiklar เขียน:รอปฏิวัติฮะ
ระบบระยะยาวมันจะถูกสร้างด้วยทุกๆคนครับ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยคณะใดคณะหนึ่ง มันจึงขึ้นอยู่กับคุณภาพของคน วัฒนธรรมของคน ...........คงไม่ต้องบอก เพราะรู้กันอยู่แล้วครับ
การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารประเทศอาจช่วยได้ เฉพาะผิว แต่งแต้มเติมสีได้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างได้
แม้จะมีในหลวงที่ทรงพระปรีชา มากมายอย่างที่ไม่สามารถหาได้ในโลกแล้วก็ตาม สำหรับผมพูดได้เต็มปากเลยครับ ว่าหาไม่ได้ในโลกแล้ว ประเทศไทยก็ยังเป็นอย่างที่เห็น ทุกๆระบบเป็นเหมือนกันหมด ผมว่าสาธารณะสุขที่เป็นน้อยแล้วนะ จุดอื่นแย่กว่าเยอะแยะ
สิ่งที่อาจารย์ leky อยากจะเห็น ผมก็อยากเหมือนกันครับ แต่ด้วยพื้นฐานวัฒนธรรมของคนไทยโดยรวม จะไม่มีทางเห็นได้เลยครับ
ผมก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด พอแล้วครับ (ซึ่งรวมถึงระบบอื่นทั้งประเทศครับ ไม่เฉพาะสาธารณะสุขเท่านั้นครับ) อย่างไรก็ตามผมยังรักประเทศไทยอย่างสุดหัวใจ แต่ก็ต้องทำใจครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3970
สงสัยต้องได้แต่ทำใจแล้วครับ เพราะมองไม่เห็นทางออกจริง ๆ เดี๋ยวนี้ยอมรับว่าหมอเองก็เปลี่ยนไปเยอะครับ ภาพพจน์โดยรวมก็เลยถูกมองให้เปลี่ยนไป ผมเองก็เช่นกันครับ คงต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ก็ได้แต่หวังลึก ๆ ว่าความดีที่เคยทำมาคงเป็นเกราะกำบังให้ไม่พบเรื่องร้าย ๆ ครับgongphop เขียน:สำหรับผม การปฎิวัติไม่ช่วยเลยครับ เพราะก็มีมาตั้งหลายครั้ง และระบบการแพทย์ก็เดินทางมาจนเป็นสิ่งที่เห็นอย่างทุกวันครับ
ระบบระยะยาวมันจะถูกสร้างด้วยทุกๆคนครับ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยคณะใดคณะหนึ่ง มันจึงขึ้นอยู่กับคุณภาพของคน วัฒนธรรมของคน ...........คงไม่ต้องบอก เพราะรู้กันอยู่แล้วครับ
การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารประเทศอาจช่วยได้ เฉพาะผิว แต่งแต้มเติมสีได้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างได้
แม้จะมีในหลวงที่ทรงพระปรีชา มากมายอย่างที่ไม่สามารถหาได้ในโลกแล้วก็ตาม สำหรับผมพูดได้เต็มปากเลยครับ ว่าหาไม่ได้ในโลกแล้ว ประเทศไทยก็ยังเป็นอย่างที่เห็น ทุกๆระบบเป็นเหมือนกันหมด ผมว่าสาธารณะสุขที่เป็นน้อยแล้วนะ จุดอื่นแย่กว่าเยอะแยะ
สิ่งที่อาจารย์ leky อยากจะเห็น ผมก็อยากเหมือนกันครับ แต่ด้วยพื้นฐานวัฒนธรรมของคนไทยโดยรวม จะไม่มีทางเห็นได้เลยครับ
ผมก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด พอแล้วครับ (ซึ่งรวมถึงระบบอื่นทั้งประเทศครับ ไม่เฉพาะสาธารณะสุขเท่านั้นครับ) อย่างไรก็ตามผมยังรักประเทศไทยอย่างสุดหัวใจ แต่ก็ต้องทำใจครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1009
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3971
มันก็ไม่แย่ขนาดนั้นนะครับ
ขอให้รักษาคนไข้ด้วยใจ เป็นห่วงเป็นใยเหมือนคนรู้จักหรือญาติ ใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ และสื่อสารอย่างเข้าใจครับ จะเป็นคำตอบของสถาณการณ์ปัจจุบันครับ (ยิ่งหมอตั้งแง่ คนไข้ตั้งแง่ มันก็เป็นไปเหมือนวัฒนธรรมตะวันตก)
วัฒนธรรมไทยของเรา ถึงระบบมันจะเละ มันก็ถูไถไปได้แบบไทยๆ ครับ ยังไงก็คนไทยด้วยกันครับ
คุยกันเข้าไว้ (อย่างพี่หมอศัลย์คนหนึ่ง ไปรับงานเอกชน มีคนไข้สงสัยไส้ติ่ง แต่รอยืนยันด้วย ultrasound พี่เขาบอกว่า ก็คุยกับคนไข้ว่า ultrasound มันไม่ 100% ผลออกมาอย่างไร ก็น่าจะต้องผ่าเข้าไปดู ultrasound ก็เสียเงินเพิ่ม คนไข้ก็เข้าใจขอผ่าเลยครับ ...พี่เขาก็แล้วแต่คนไข้ ให้คนไข้เลือก แต่ต้องสื่อสารให้เข้าใจครับ โดยเฉพาะ investigate ที่มีราคาแพงโดยไม่จำเป็น แต่โรงพยาบาล 5 ดาวบางที่ก็บังคับเลยว่า ต้อง ultrasound and CT guide ทุกรายที่สงสัยไส้ติ่ง อันนี้หมอก็ต้องปรับตัวไปตามสถานที่นั้นๆครับ)
ขอให้รักษาคนไข้ด้วยใจ เป็นห่วงเป็นใยเหมือนคนรู้จักหรือญาติ ใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ และสื่อสารอย่างเข้าใจครับ จะเป็นคำตอบของสถาณการณ์ปัจจุบันครับ (ยิ่งหมอตั้งแง่ คนไข้ตั้งแง่ มันก็เป็นไปเหมือนวัฒนธรรมตะวันตก)
วัฒนธรรมไทยของเรา ถึงระบบมันจะเละ มันก็ถูไถไปได้แบบไทยๆ ครับ ยังไงก็คนไทยด้วยกันครับ
คุยกันเข้าไว้ (อย่างพี่หมอศัลย์คนหนึ่ง ไปรับงานเอกชน มีคนไข้สงสัยไส้ติ่ง แต่รอยืนยันด้วย ultrasound พี่เขาบอกว่า ก็คุยกับคนไข้ว่า ultrasound มันไม่ 100% ผลออกมาอย่างไร ก็น่าจะต้องผ่าเข้าไปดู ultrasound ก็เสียเงินเพิ่ม คนไข้ก็เข้าใจขอผ่าเลยครับ ...พี่เขาก็แล้วแต่คนไข้ ให้คนไข้เลือก แต่ต้องสื่อสารให้เข้าใจครับ โดยเฉพาะ investigate ที่มีราคาแพงโดยไม่จำเป็น แต่โรงพยาบาล 5 ดาวบางที่ก็บังคับเลยว่า ต้อง ultrasound and CT guide ทุกรายที่สงสัยไส้ติ่ง อันนี้หมอก็ต้องปรับตัวไปตามสถานที่นั้นๆครับ)
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3972
ปัญหาบางอย่างผมว่ามันก็ไม่ง่ายนะครับ อาการบางอย่างถ้ามาเร็วมันก็ไม่ชัด ถ้าไปตรวจเยอะแล้วสุดท้ายไม่เป็นอะไร บางทีเค้าก็ว่า ๆ ตรวจอะไรเยอะแยะ แต่ในทางกลับกันถ้าไม่ตรวจแล้วเกิดเป็นอะไรรุนแรงก็อาจจะโดนว่าวินิจฉัยล่าช้า พอมองย้อนหลังถ้าการรักษามันมาผิดทางมันก็เลยกลายเป็นผิดไปหมด สรุปคือมองย้อนหลัง "ถูกเสมอ"
บางทีคนไข้ญาติเยอะคุยกับญาติไป 4 คน แต่ไม่มาฟัง 1 คน 4 คนที่ฟังไปถ่ายทอดแต่ไม่รู้เรื่อง ทำไปทำมา 1 คนที่เหลือไม่รู้เรื่องมาตำหนิหมอก็มี
แพทย์บางคนเค้าไม่อยากดูคนไข้หนักหรือซับซ้อน บางทีเค้าก็มีความรู้ที่จะดู แต่อย่างว่าพอมีเรื่องความกลัวว่าจะผิดพลาดก็หาตัวช่วยเต็มไปหมด
ตอนเป็นนศพ. อ.ศัลยกรรมท่านหนึ่งถามในชั้นเรียนว่าจะเลือกผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ กับหมอคนไหนระหว่าง
1) หมอที่วินิจฉัยถูก 100%
2) หมอที่วินิจฉัยถูก 90% ตัวเลข% ผมจำไม่ค่อยได้แต่สรุปคือไม่ 100%
คำตอบคือข้อ 2 เพราะแกบอกว่าหมอที่วินิจฉัยถูก 100% คือหมอที่รอให้อาการชัด จนไม่เคยวินิจฉัยผิด สรุปคืออาจจะทำให้การผ่าตัดล่าช้า ไส้ติ่งแตก ภาวะแทรกซ้อนเยอะ นอนรพ.นาน สงสัยคำถามนี้คงใช้กับสมัยนี้ลำบากแล้วครับ
บางทีคนไข้ญาติเยอะคุยกับญาติไป 4 คน แต่ไม่มาฟัง 1 คน 4 คนที่ฟังไปถ่ายทอดแต่ไม่รู้เรื่อง ทำไปทำมา 1 คนที่เหลือไม่รู้เรื่องมาตำหนิหมอก็มี
แพทย์บางคนเค้าไม่อยากดูคนไข้หนักหรือซับซ้อน บางทีเค้าก็มีความรู้ที่จะดู แต่อย่างว่าพอมีเรื่องความกลัวว่าจะผิดพลาดก็หาตัวช่วยเต็มไปหมด
ตอนเป็นนศพ. อ.ศัลยกรรมท่านหนึ่งถามในชั้นเรียนว่าจะเลือกผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ กับหมอคนไหนระหว่าง
1) หมอที่วินิจฉัยถูก 100%
2) หมอที่วินิจฉัยถูก 90% ตัวเลข% ผมจำไม่ค่อยได้แต่สรุปคือไม่ 100%
คำตอบคือข้อ 2 เพราะแกบอกว่าหมอที่วินิจฉัยถูก 100% คือหมอที่รอให้อาการชัด จนไม่เคยวินิจฉัยผิด สรุปคืออาจจะทำให้การผ่าตัดล่าช้า ไส้ติ่งแตก ภาวะแทรกซ้อนเยอะ นอนรพ.นาน สงสัยคำถามนี้คงใช้กับสมัยนี้ลำบากแล้วครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1009
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3973
ใช่ครับ ต้องคุยด้วยภาษาที่ง่ายแบบเพื่อนคุยกันครับ(เน้นนะครับ ปกติถ้าคุยรายละเอียดมากๆ จะทำความเข้าใจกันยาก ควรเน้นรายละเอียดในจุดที่จำเป็น ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป อันนี้เป็นศิลป์ครับ) และตัดสินร่วมกันคนไข้และญาติครับ โดยใช้การตัดสินใจของเขาเป็นหลักเพราะเป็นชีวิตเขาครับ(ทำดีที่สุดได้แค่นั้น) และบันทึกไว้ในเวชระเบียนให้ชัดเจน ว่าได้แนะนำอย่างไรบ้าง (เวลาขึ้นศาล ศาลอ่านทีละบรรทัด ทีละตัวอักษรเลยครับ)
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3974
leky เขียน:ปัญหาบางอย่างผมว่ามันก็ไม่ง่ายนะครับ อาการบางอย่างถ้ามาเร็วมันก็ไม่ชัด ถ้าไปตรวจเยอะแล้วสุดท้ายไม่เป็นอะไร บางทีเค้าก็ว่า ๆ ตรวจอะไรเยอะแยะ แต่ในทางกลับกันถ้าไม่ตรวจแล้วเกิดเป็นอะไรรุนแรงก็อาจจะโดนว่าวินิจฉัยล่าช้า พอมองย้อนหลังถ้าการรักษามันมาผิดทางมันก็เลยกลายเป็นผิดไปหมด สรุปคือมองย้อนหลัง "ถูกเสมอ"
บางทีคนไข้ญาติเยอะคุยกับญาติไป 4 คน แต่ไม่มาฟัง 1 คน 4 คนที่ฟังไปถ่ายทอดแต่ไม่รู้เรื่อง ทำไปทำมา 1 คนที่เหลือไม่รู้เรื่องมาตำหนิหมอก็มี
แพทย์บางคนเค้าไม่อยากดูคนไข้หนักหรือซับซ้อน บางทีเค้าก็มีความรู้ที่จะดู แต่อย่างว่าพอมีเรื่องความกลัวว่าจะผิดพลาดก็หาตัวช่วยเต็มไปหมด
ตอนเป็นนศพ. อ.ศัลยกรรมท่านหนึ่งถามในชั้นเรียนว่าจะเลือกผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ กับหมอคนไหนระหว่าง
1) หมอที่วินิจฉัยถูก 100%
2) หมอที่วินิจฉัยถูก 90% ตัวเลข% ผมจำไม่ค่อยได้แต่สรุปคือไม่ 100%
คำตอบคือข้อ 2 เพราะแกบอกว่าหมอที่วินิจฉัยถูก 100% คือหมอที่รอให้อาการชัด จนไม่เคยวินิจฉัยผิด สรุปคืออาจจะทำให้การผ่าตัดล่าช้า ไส้ติ่งแตก ภาวะแทรกซ้อนเยอะ นอนรพ.นาน สงสัยคำถามนี้คงใช้กับสมัยนี้ลำบากแล้วครับ
ประเด็นทั้ง 2 นี้ น่าคิดจริงๆครับ
ส่วนตัวผมเองประเด็นแรก ก็เคยเจอเองกับตัว เรียกได้ว่าโดนด่าฟรีเลย แต่ก็ต้องนับถือตัวเองมากครับที่มี EQ ระงับอารมณ์ตัวเองได้ระดับหนึ่ง
แล้วพอตอนหลัง คนที่ว่าผมและน้องๆ หมอ ก็มาขอโทษที่เข้าใจผิด เราก็เฮ้อ ...
ส่วนประเด็นที่ 2 น่าคิดจริงๆครับ
เค้าถึงมีคำที่ว่า คนที่ไม่เคยทำผิดอะไร ก็อาจจะเป็นคนที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3975
ขอโปรโมต รายการ Money talk หน่อยครับ
ชมรมหมอ VI ของเรา ได้ถูกสัมภาษณ์เพิ่มอีก 1 แล้วคร้าบ
ชมรมหมอ VI ของเรา ได้ถูกสัมภาษณ์เพิ่มอีก 1 แล้วคร้าบ
เพืื่อนๆ อย่าพลาดนะครับหมอ kotaro แห่ง thaivi
หมอจากเมืองตราด ออกรายการวันพุธนี้
22 น. ทางรายการ moneytalk TNN2
ฉายซ้ำ วันพฤหัสเช้า 8 โมง
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3976
ตั้งตารอดูครับPaul VI เขียน:ขอโปรโมต รายการ Money talk หน่อยครับ
ชมรมหมอ VI ของเรา ได้ถูกสัมภาษณ์เพิ่มอีก 1 แล้วคร้าบ
เพืื่อนๆ อย่าพลาดนะครับหมอ kotaro แห่ง thaivi
หมอจากเมืองตราด ออกรายการวันพุธนี้
22 น. ทางรายการ moneytalk TNN2
ฉายซ้ำ วันพฤหัสเช้า 8 โมง
-
- Verified User
- โพสต์: 18
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3977
เมื่อไร ผมจะมีโอกาสไปออกทีวีกะเขามั่งเนี่ย
ล้อเล่นน่ะครับ
จริงๆแล้ว
ตอนนี้portผม+ไปตั้งเกือบ80%แล้ว
แต่ขอโทษที หุ้นที่มีอยู่ มันติดดอยไว้ตั้งแต่เมื่อ3ปีก่อน ตอนsubprime
เลยเลิกเล่นหุ้นไปตั้งแต่นั้น ทิ้งๆไว้จนลืม กลับมาดูอีกที เหอะๆๆ
กลับมาคุยเรื่องงานของพวกเรากันหน่อยนะครับ
นี่ต้องชม อ.leky อีกแล้ว ที่แนะอย่าเลิกเป็นหมอ และให้ทำงานด้วยศรัทธา
ผมเองเป็นออร์โธ ทำงานเอกชน ที่ไม่รับทั้ง30บาท และปกส.
วันหนึ่งๆคนไข้ไม่เยอะมาก มีเวลาตรวจ และroundได้ทั้งวัน
และใช้เวลาroundนานมากในแต่ละเคส ต้องบอกทั้งdx, choices of treatment ,complicationsที่อาจเกิดขึ้น
ยิ่งคนไข้ผ่าตัดด้วยแล้ว ยิ่งละเอียดหนักเข้าไปอีก
บางครั้งต้องมีรูป และxrayทั้งก่อนและหลังผ่าตัดให้คนไข้ดูทีเดียว
เคสที่ไม่complicatedคุยกันเรื่องโรคเสร็จแล้ว บางครั้งก็ข้ามไปเรื่องอื่นๆบ้าง
เพราะroundวันละ2รอบ เลยต้องมีเรื่องคุยกะคนไข้ครับ
relationshipระหว่างแพทย์กะคนป่วย ค่อนข้างดี ถ้าจะมีปัญหาบ้างก็คุยง่ายหน่อย
แต่อันนี้ไม่ได้การันตีว่าคนไข้จะไม่ฟ้องนะครับ
ผมถือหลักว่าทำงานด้วยความตั้งใจดี ไม่เอาเปรียบคนไข้ ไม่ทำmaltreatment
คิด df เหมาะสม investigate เหมาะสม consult เหมาะสม ก็โอเคแล้ว
คนไข้รายไหน ได้benefitจากการให้subboardผ่า มากกว่าผมผ่าเอง ก็คอนซัลต์ไป
อยู่มา18ปีก็ยังปลอดภัยดีอยู่
แต่หมอส่วนใหญ่ ไม่ได้ตรวจคนไข้ แบบนี้นะครับ
เจอคนไข้opdไปร้อยกว่าคนต่อวัน จะทำยังไง
ต้องอยู่เวรวันเว้นวัน หรือผ่าตัดตั้งแต่เช้าข้ามไปอีกวัน
คุณภาพทั้งหมอทั้งคนไข้ก็แย่ด้วยกันทั้งคู่
จะไม่ให้เขาคิดเรื่องลาออก หรือ เลิกอาชีพนี้ คงไม่ได้
มันต้องดูสภาพแวดล้อมของการทำงานด้วยน่ะครับ
ล้อเล่นน่ะครับ
จริงๆแล้ว
ตอนนี้portผม+ไปตั้งเกือบ80%แล้ว
แต่ขอโทษที หุ้นที่มีอยู่ มันติดดอยไว้ตั้งแต่เมื่อ3ปีก่อน ตอนsubprime
เลยเลิกเล่นหุ้นไปตั้งแต่นั้น ทิ้งๆไว้จนลืม กลับมาดูอีกที เหอะๆๆ
กลับมาคุยเรื่องงานของพวกเรากันหน่อยนะครับ
นี่ต้องชม อ.leky อีกแล้ว ที่แนะอย่าเลิกเป็นหมอ และให้ทำงานด้วยศรัทธา
ผมเองเป็นออร์โธ ทำงานเอกชน ที่ไม่รับทั้ง30บาท และปกส.
วันหนึ่งๆคนไข้ไม่เยอะมาก มีเวลาตรวจ และroundได้ทั้งวัน
และใช้เวลาroundนานมากในแต่ละเคส ต้องบอกทั้งdx, choices of treatment ,complicationsที่อาจเกิดขึ้น
ยิ่งคนไข้ผ่าตัดด้วยแล้ว ยิ่งละเอียดหนักเข้าไปอีก
บางครั้งต้องมีรูป และxrayทั้งก่อนและหลังผ่าตัดให้คนไข้ดูทีเดียว
เคสที่ไม่complicatedคุยกันเรื่องโรคเสร็จแล้ว บางครั้งก็ข้ามไปเรื่องอื่นๆบ้าง
เพราะroundวันละ2รอบ เลยต้องมีเรื่องคุยกะคนไข้ครับ
relationshipระหว่างแพทย์กะคนป่วย ค่อนข้างดี ถ้าจะมีปัญหาบ้างก็คุยง่ายหน่อย
แต่อันนี้ไม่ได้การันตีว่าคนไข้จะไม่ฟ้องนะครับ
ผมถือหลักว่าทำงานด้วยความตั้งใจดี ไม่เอาเปรียบคนไข้ ไม่ทำmaltreatment
คิด df เหมาะสม investigate เหมาะสม consult เหมาะสม ก็โอเคแล้ว
คนไข้รายไหน ได้benefitจากการให้subboardผ่า มากกว่าผมผ่าเอง ก็คอนซัลต์ไป
อยู่มา18ปีก็ยังปลอดภัยดีอยู่
แต่หมอส่วนใหญ่ ไม่ได้ตรวจคนไข้ แบบนี้นะครับ
เจอคนไข้opdไปร้อยกว่าคนต่อวัน จะทำยังไง
ต้องอยู่เวรวันเว้นวัน หรือผ่าตัดตั้งแต่เช้าข้ามไปอีกวัน
คุณภาพทั้งหมอทั้งคนไข้ก็แย่ด้วยกันทั้งคู่
จะไม่ให้เขาคิดเรื่องลาออก หรือ เลิกอาชีพนี้ คงไม่ได้
มันต้องดูสภาพแวดล้อมของการทำงานด้วยน่ะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3978
โชคดีครับ ผมว่ายิ่งอยู่เอกชนแนวโน้มจะยิ่งเปลี่ยนให้เห็นชัดกว่ารัฐบาล เพราะมีเรื่องของการจ่ายเงิน เรื่องความพึงพอใจในการใช้บริการ ตั้งแต่มีข่าวเรื่องสมิติเวช ผมว่าทำให้รพ.หลายโรงป่วนไปพอสมควร แม้แต่หมอสูติบางคนก็บ่นว่ามันกลายเป็นทำให้การรักษาบางอย่างที่เป็นมาตรฐานอาจจะกลายเป็นไม่ใช่มาตรฐาน เพราะกลัวจะเป็นช่องให้เกิดการฟ้องร้อง ก็คงต้องดูต่อไปครับว่าระยะยาว ๆ มันจะส่งผลเสียมากน้อยแค่ไหนteatree เขียน:เมื่อไร ผมจะมีโอกาสไปออกทีวีกะเขามั่งเนี่ย
ล้อเล่นน่ะครับ
จริงๆแล้ว
ตอนนี้portผม+ไปตั้งเกือบ80%แล้ว
แต่ขอโทษที หุ้นที่มีอยู่ มันติดดอยไว้ตั้งแต่เมื่อ3ปีก่อน ตอนsubprime
เลยเลิกเล่นหุ้นไปตั้งแต่นั้น ทิ้งๆไว้จนลืม กลับมาดูอีกที เหอะๆๆ
กลับมาคุยเรื่องงานของพวกเรากันหน่อยนะครับ
นี่ต้องชม อ.leky อีกแล้ว ที่แนะอย่าเลิกเป็นหมอ และให้ทำงานด้วยศรัทธา
ผมเองเป็นออร์โธ ทำงานเอกชน ที่ไม่รับทั้ง30บาท และปกส.
วันหนึ่งๆคนไข้ไม่เยอะมาก มีเวลาตรวจ และroundได้ทั้งวัน
และใช้เวลาroundนานมากในแต่ละเคส ต้องบอกทั้งdx, choices of treatment ,complicationsที่อาจเกิดขึ้น
ยิ่งคนไข้ผ่าตัดด้วยแล้ว ยิ่งละเอียดหนักเข้าไปอีก
บางครั้งต้องมีรูป และxrayทั้งก่อนและหลังผ่าตัดให้คนไข้ดูทีเดียว
เคสที่ไม่complicatedคุยกันเรื่องโรคเสร็จแล้ว บางครั้งก็ข้ามไปเรื่องอื่นๆบ้าง
เพราะroundวันละ2รอบ เลยต้องมีเรื่องคุยกะคนไข้ครับ
relationshipระหว่างแพทย์กะคนป่วย ค่อนข้างดี ถ้าจะมีปัญหาบ้างก็คุยง่ายหน่อย
แต่อันนี้ไม่ได้การันตีว่าคนไข้จะไม่ฟ้องนะครับ
ผมถือหลักว่าทำงานด้วยความตั้งใจดี ไม่เอาเปรียบคนไข้ ไม่ทำmaltreatment
คิด df เหมาะสม investigate เหมาะสม consult เหมาะสม ก็โอเคแล้ว
คนไข้รายไหน ได้benefitจากการให้subboardผ่า มากกว่าผมผ่าเอง ก็คอนซัลต์ไป
อยู่มา18ปีก็ยังปลอดภัยดีอยู่
แต่หมอส่วนใหญ่ ไม่ได้ตรวจคนไข้ แบบนี้นะครับ
เจอคนไข้opdไปร้อยกว่าคนต่อวัน จะทำยังไง
ต้องอยู่เวรวันเว้นวัน หรือผ่าตัดตั้งแต่เช้าข้ามไปอีกวัน
คุณภาพทั้งหมอทั้งคนไข้ก็แย่ด้วยกันทั้งคู่
จะไม่ให้เขาคิดเรื่องลาออก หรือ เลิกอาชีพนี้ คงไม่ได้
มันต้องดูสภาพแวดล้อมของการทำงานด้วยน่ะครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 18
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3980
ขอบคุณครับน้องพอล
จริงๆแล้วชีวิตหมอเมืองไทยถูกกรอบกำหนดให้เดิน อย่างน้อยก็ช่วงหนึ่งนะครับ
จบexternแล้ว ก็ไปใช้ทุนบ้านนอก3ปี กลับมาเรียนต่ออีก3-5ปี
อย่างนี้แล้วเส้นทางชีวิตสำหรับพวกเราส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น
สมัยผมใช้ทุนที่บ้านนอก มีโครงการส่งเสริมทำหมันแห้ง จนท.รพ.ไปได้แม่บ้านมาทำวันนั้น4-5ราย
ใครสมัครใจทำ ก็จะได้หวยไปคู่หนึ่ง
สมัยนั้นรพ.10เตียง มีหมอคนเดียวนะครับ เป็นมันตั้งแต่ ผอ.ยันคนสวน
ทำหมันนี่ต้องฉีดketalar.แล้วคนไข้ร้องเสียงดังลอดออกมาจากor
สรุปวันนั้นผมทำได้รายเดียว ที่เหลือเผ่นกลับบ้านหมด
ปีถัดมา เพื่อนผมไปอยู่แทน ทำซีซ่าส์ที่รพ. บล็อคเองผ่าเอง
คิดดูแล้วกัน เมื่อก่อน งานหนักจริงแต่หัวถึงหมอน หลับเป็นตาย
งานน่ะหนัก แต่ไม่เครียดเลย happyมาก
แล้วเดีี๋ยวนี้เป็นอย่างไร คิดดูก็แล้วกัน
ถามความในใจผม ไม่มีห่วงสำหรับตัวเองแล้ว
แต่เด็กรุ่นลูกเรา หลานเราจะเป็นอย่างไรบ้าง
ถ้าสถานการณ์ยังเป็นอยู่อย่างนี้
ทั้งคนไข้ทั้งหมอ มันทุกข์ด้วยกันทั้ง2ฝ่ายนะครับ
จริงๆแล้วชีวิตหมอเมืองไทยถูกกรอบกำหนดให้เดิน อย่างน้อยก็ช่วงหนึ่งนะครับ
จบexternแล้ว ก็ไปใช้ทุนบ้านนอก3ปี กลับมาเรียนต่ออีก3-5ปี
อย่างนี้แล้วเส้นทางชีวิตสำหรับพวกเราส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น
สมัยผมใช้ทุนที่บ้านนอก มีโครงการส่งเสริมทำหมันแห้ง จนท.รพ.ไปได้แม่บ้านมาทำวันนั้น4-5ราย
ใครสมัครใจทำ ก็จะได้หวยไปคู่หนึ่ง
สมัยนั้นรพ.10เตียง มีหมอคนเดียวนะครับ เป็นมันตั้งแต่ ผอ.ยันคนสวน
ทำหมันนี่ต้องฉีดketalar.แล้วคนไข้ร้องเสียงดังลอดออกมาจากor
สรุปวันนั้นผมทำได้รายเดียว ที่เหลือเผ่นกลับบ้านหมด
ปีถัดมา เพื่อนผมไปอยู่แทน ทำซีซ่าส์ที่รพ. บล็อคเองผ่าเอง
คิดดูแล้วกัน เมื่อก่อน งานหนักจริงแต่หัวถึงหมอน หลับเป็นตาย
งานน่ะหนัก แต่ไม่เครียดเลย happyมาก
แล้วเดีี๋ยวนี้เป็นอย่างไร คิดดูก็แล้วกัน
ถามความในใจผม ไม่มีห่วงสำหรับตัวเองแล้ว
แต่เด็กรุ่นลูกเรา หลานเราจะเป็นอย่างไรบ้าง
ถ้าสถานการณ์ยังเป็นอยู่อย่างนี้
ทั้งคนไข้ทั้งหมอ มันทุกข์ด้วยกันทั้ง2ฝ่ายนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3981
10 ปีก่อนผมยังทำ TR ที่รพ.ชุมชนวันละหลายรายอยู่เลย ถ้าเป็นเวรที่ต้องดูห้องคลอดก็มีทุกวัน ส่วนผ่าตัด C/S มีเรื่อย ๆ ยังไม่นับ appendicitis ก็เรื่อย ๆ อีกเช่นกัน ตอนอยู่รพ.จังหวัดเคยผ่า appendicitis สูงสุดน่าจะวันเดียว 4-5 ราย แบบว่าถ้ามีปัญหาก็ตาม staff ศัลย์ ที่ประทับใจที่สุดก็ผ่าตัด PU perforate เอง จำได้ว่าพี่แกบอกว่าน้องทำได้ใช่ไหม มีอะไรตามแล้วกัน ตอนนั้นไม่เคยทำเองแต่อาศัยเข้าช่วยบ่อยก็ทำขั้นตอนได้ แต่ก็ทำได้ไม่มีปัญหาteatree เขียน:ขอบคุณครับน้องพอล
จริงๆแล้วชีวิตหมอเมืองไทยถูกกรอบกำหนดให้เดิน อย่างน้อยก็ช่วงหนึ่งนะครับ
จบexternแล้ว ก็ไปใช้ทุนบ้านนอก3ปี กลับมาเรียนต่ออีก3-5ปี
อย่างนี้แล้วเส้นทางชีวิตสำหรับพวกเราส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น
สมัยผมใช้ทุนที่บ้านนอก มีโครงการส่งเสริมทำหมันแห้ง จนท.รพ.ไปได้แม่บ้านมาทำวันนั้น4-5ราย
ใครสมัครใจทำ ก็จะได้หวยไปคู่หนึ่ง
สมัยนั้นรพ.10เตียง มีหมอคนเดียวนะครับ เป็นมันตั้งแต่ ผอ.ยันคนสวน
ทำหมันนี่ต้องฉีดketalar.แล้วคนไข้ร้องเสียงดังลอดออกมาจากor
สรุปวันนั้นผมทำได้รายเดียว ที่เหลือเผ่นกลับบ้านหมด
ปีถัดมา เพื่อนผมไปอยู่แทน ทำซีซ่าส์ที่รพ. บล็อคเองผ่าเอง
คิดดูแล้วกัน เมื่อก่อน งานหนักจริงแต่หัวถึงหมอน หลับเป็นตาย
งานน่ะหนัก แต่ไม่เครียดเลย happyมาก
แล้วเดีี๋ยวนี้เป็นอย่างไร คิดดูก็แล้วกัน
ถามความในใจผม ไม่มีห่วงสำหรับตัวเองแล้ว
แต่เด็กรุ่นลูกเรา หลานเราจะเป็นอย่างไรบ้าง
ถ้าสถานการณ์ยังเป็นอยู่อย่างนี้
ทั้งคนไข้ทั้งหมอ มันทุกข์ด้วยกันทั้ง2ฝ่ายนะครับ
เห็นด้วยครับว่างานหนักแต่ก็รู้สึกไม่เครียด ทำได้เรื่อย ๆ แต่ถามว่าถ้าเป็นตอนนี้จะกล้าทำหรือไม่ ผมไม่แน่ใจแต่คิดว่าหลายอย่างคงไม่กล้าเหมือนกันครับ น่าเสียดายเด็กรุ่นใหม่ ๆ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงครับ ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 39
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3982
ในสมัยก่อน minimal requirement ของหมอที่ต้องทำได้
คือ C/S, appendectomy,inguinal hernia สมัยนี้คง
ทำไม่ได้แล้ว ถูกฟ้องแน่ถ้าไม่ได้เป็นหมอในสาขานั้น
อนิจาวงการแพทย์ไทย อีกหน่อยหมอเรียนจบมา 6 ปี
คงทำได้แค่แยกแยะคนไข้เพื่อสงต่อไปยัง Specialist.
คือ C/S, appendectomy,inguinal hernia สมัยนี้คง
ทำไม่ได้แล้ว ถูกฟ้องแน่ถ้าไม่ได้เป็นหมอในสาขานั้น
อนิจาวงการแพทย์ไทย อีกหน่อยหมอเรียนจบมา 6 ปี
คงทำได้แค่แยกแยะคนไข้เพื่อสงต่อไปยัง Specialist.
-
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3983
ใช่เลยฮะLi Kim Hong เขียน:ในสมัยก่อน minimal requirement ของหมอที่ต้องทำได้
คือ C/S, appendectomy,inguinal hernia สมัยนี้คง
ทำไม่ได้แล้ว ถูกฟ้องแน่ถ้าไม่ได้เป็นหมอในสาขานั้น
อนิจาวงการแพทย์ไทย อีกหน่อยหมอเรียนจบมา 6 ปี
คงทำได้แค่แยกแยะคนไข้เพื่อสงต่อไปยัง Specialist.
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3984
ผมชอบจริงๆเลยครับ ห้อง ชมรมหมอ VI ก็จะมีหมอๆมานั่งคุยกัน เหมือนห้อง common room
ขอนอกประเด็นของหมอนิดนึงนะครับ
ช่วงนี้งบออกหลายบริษัทเลย
ไม่ทราบเพื่อนๆมีประทับใจตัวไหน หรือผิดหวังตัวไหนเป็นพิเศษครับ
มาบอกกันเพื่อความรู้ครับ
ขอนอกประเด็นของหมอนิดนึงนะครับ
ช่วงนี้งบออกหลายบริษัทเลย
ไม่ทราบเพื่อนๆมีประทับใจตัวไหน หรือผิดหวังตัวไหนเป็นพิเศษครับ
มาบอกกันเพื่อความรู้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3986
เยอะมากครับอ่านไม่ทันละ ประเด็นคือยังอ่านไม่คล่องเลยครับ อ่านไปเปิดตำราไปjaiklar เขียน:ใช่เลยฮะLi Kim Hong เขียน:ในสมัยก่อน minimal requirement ของหมอที่ต้องทำได้
คือ C/S, appendectomy,inguinal hernia สมัยนี้คง
ทำไม่ได้แล้ว ถูกฟ้องแน่ถ้าไม่ได้เป็นหมอในสาขานั้น
อนิจาวงการแพทย์ไทย อีกหน่อยหมอเรียนจบมา 6 ปี
คงทำได้แค่แยกแยะคนไข้เพื่อสงต่อไปยัง Specialist.
-
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3987
Paul VI เขียน:พอดีช่วงนี้ พยายามขยันหาความรู้เพิ่มอีก เพื่อขยาย circle of competences ครับ
ช่วง 2-3 ปีนี้ ตั้งใจจะเพิ่ม yield ให้ได้ตามเป้าหมายซักหน่อย
เยอะมากครับอ่านไม่ทันละ ประเด็นคือยังอ่านไม่คล่องเลยครับ อ่านไปเปิดตำราไป
ปล. quote ผิดอัน เขินจัง
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3988
Paul VI เขียน:ผมชอบจริงๆเลยครับ ห้อง ชมรมหมอ VI ก็จะมีหมอๆมานั่งคุยกัน เหมือนห้อง common room
ขอนอกประเด็นของหมอนิดนึงนะครับ
ช่วงนี้งบออกหลายบริษัทเลย
ไม่ทราบเพื่อนๆมีประทับใจตัวไหน หรือผิดหวังตัวไหนเป็นพิเศษครับ
มาบอกกันเพื่อความรู้ครับ
พอดีของผมยังไม่ออกซักตัวครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3990
เช้านี้อ่าน FB ของดร.ไพบูลย์
อ่านแล้วนึกถึงเหตุการณ์กับเพื่อนหลายคน กับคนรู้จักหลายคน และเรื่องราวของตัวเอง
เลยขออนุญาต อาจารย์เอามาโพสต์ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อพวกเราครับ
อ่านแล้วนึกถึงเหตุการณ์กับเพื่อนหลายคน กับคนรู้จักหลายคน และเรื่องราวของตัวเอง
เลยขออนุญาต อาจารย์เอามาโพสต์ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อพวกเราครับ
เมื่อวานสัญญาว่าจะเล่าเรื่องความตายที่ไม่คาดคิด เกิดกับทุกคนได้ ควรพีงสังวร
ปีที่แล้ว ตอนปีใหม่ 2554 เดือนมกราคม นักศึกษากลับมาเรียนหลังจากสอบ midterm ช่วงหลังปีใหม่ 2554 เป็นปกติของผมก็จะเรียกดูตัว นศ คนที่ทำคะแนนสอบได้ดี และอาจจะแจกหนังสือให้คนทำคะแนนสูงและคนทำคะแนนต่ำสุด
ผมเรียกชื่อ นศ ผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งทำคะแนนได้สูงมาก เรียกไปแล้วก็เงียบ เรียก 2 ครั้งก็ยังเงียบ
แสดงว่าไม่ได้มาเรียน
ปกติ นศ ที่เรียนกับผม ผมจะไม่ยอมให้ขาดเรียน จะหาวิธีให้ต้องมาเรียน
ผมเรียกครั้งที่ 3 ได้ยินเสียงเพื่อนจากด้านหลังว่า วศิน ตายแล้ว
ผมร้องเฮ้ย อย่าพูดเล่น นศ ยืนยันว่าเพื่อนตายไปแล้ว ตายไปวันที่4มค นอนหลับแล้วไม่ตื่น วันที่6 เผาเรียบร้อยแล้ว
อีกเรื่องคือเมื่อวันอังคารไปประชุมกรรมการบริษัทแห่งหนึ่ง กรรมการอีกคนบอกว่าพี่เขยเดินทางไปสิงคโปร์ ไปติดต่อธุรกิจ ไปคนเดียว ซึ่งก็ไม่แปลก ผมเดินทางคนเดียวประจำ
เขาเล่าว่ากลางคืนก็นอนใน รร แต่หลับไปแล้วไม่ตื่น กว่า รร จะทราบก็กินเวลาหลาย ชม. ติดต่อเอาศพกลับมายังไม่ได้ เพราะสิงคโปร์มีกระบวนการตรวจสอบละเอียด
ทั้งสองเรื่อง บอกเล่าเราถึงความไม่แน่นอนทีเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
เมื่อคืนนี้ก่อนนอนผมก็ยังคิดว่า พรุ่งนี้หากเราไม่ตื่น อะไรต่ออะไรจะเป็นอย่างไรนะ แต่หากตื่นขึ้นมาคงต้องมุ่งมั่นทำให้ดีขึ้น
แต่วันหนึ่ง พวกเราก็คงได้ข่าวว่าผมนอนหลับไปไม่ตื่น และไม่มีคนมาเขียน fb ตอนเช้าแบบนี้
ว่าแต่ว่าพวกเรา ก่อนนอนได้ลองคิดหรือยังว่า พรุ่งนี้เราอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาครับ