เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
stemcell
Verified User
โพสต์: 666
ผู้ติดตาม: 0
พุธ ส.ค. 31, 2011 1:12 pm | 0 คอมเมนต์
torpongpak เขียน:
สุดท้ายนี้ผมแอบยิ้มมุมปาก"พยศ"อย่างนี้ ระวังให้ดี...ลูกดก นักเเล
ลูกดกอาจหมายถึง แจก warrant อีกหลายรุ่นก็ได้ อิอิ
nACrophiles_117
Verified User
โพสต์: 1362
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2011 12:13 am | 0 คอมเมนต์
เห็นห้องนี้แว่ปๆมานานแล้ว แต่ไม่เคยโผล่เข้ามา พึ่งได้มานั่งย้อนอ่านไปหลายๆหน้าวันนี้เองครับ พี่ๆหมอเยอะจังครับ (จริงๆหลายๆคนผมเห็นชื่อโพสต์อยู่เรื่อยๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นหมอ) ขอเข้ามาแอบอ่านด้วยคนนะครับ แหะๆ
labor omnia vincit
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2011 7:00 pm | 0 คอมเมนต์
nACrophiles_117 เขียน: เห็นห้องนี้แว่ปๆมานานแล้ว แต่ไม่เคยโผล่เข้ามา พึ่งได้มานั่งย้อนอ่านไปหลายๆหน้าวันนี้เองครับ พี่ๆหมอเยอะจังครับ (จริงๆหลายๆคนผมเห็นชื่อโพสต์อยู่เรื่อยๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นหมอ) ขอเข้ามาแอบอ่านด้วยคนนะครับ แหะๆ
ยินดีครับ
เห็นโพสต์คุณ nacrophiles หลายกระทู้แล้วครับ เชิญมาโพสต์ที่นี่ได้ตามอัธยาศัยครับ
ไม่ต้องไปสนชื่อ ห้องชมรมหมอครับใครๆก็เข้ามาเยี่ยมได้ครับ
torpongpak
Verified User
โพสต์: 2595
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2011 7:08 pm | 0 คอมเมนต์
stemcell เขียน: torpongpak เขียน:
สุดท้ายนี้ผมแอบยิ้มมุมปาก"พยศ"อย่างนี้ ระวังให้ดี...ลูกดก นักเเล
ลูกดกอาจหมายถึง แจก warrant อีกหลายรุ่นก็ได้ อิอิ
ผมเพิ่งสังเกตว่าผมรับเเม่ม่ายลูกสามมา อยู่กับผมราวปีกว่า เรามีลูกกันหนึ่งคน
สุดดดดยอดจริงๆ นางงามในฮาเร็มเล็กๆของพ้มมม
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
nACrophiles_117
Verified User
โพสต์: 1362
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2011 8:16 pm | 0 คอมเมนต์
Paul VI เขียน: nACrophiles_117 เขียน: เห็นห้องนี้แว่ปๆมานานแล้ว แต่ไม่เคยโผล่เข้ามา พึ่งได้มานั่งย้อนอ่านไปหลายๆหน้าวันนี้เองครับ พี่ๆหมอเยอะจังครับ (จริงๆหลายๆคนผมเห็นชื่อโพสต์อยู่เรื่อยๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นหมอ) ขอเข้ามาแอบอ่านด้วยคนนะครับ แหะๆ
ยินดีครับ
เห็นโพสต์คุณ nacrophiles หลายกระทู้แล้วครับ เชิญมาโพสต์ที่นี่ได้ตามอัธยาศัยครับ
ไม่ต้องไปสนชื่อ ห้องชมรมหมอครับใครๆก็เข้ามาเยี่ยมได้ครับ
แหะๆ ผมแอบเข้าไปอ่านเวป wordpress ของพี่หมอ reiter อยู่บ้าง + วันนั้นดูวิดิโอย้อนหลังที่พี่เค้าออกรายการไปหน่อยนึง เห็นว่าจะไปต่อนอกปีหน้าแล้วป่ะครับ เสียดายไม่ทันเจอ T___T
ของพี่หมอพอลนี่ก็เห็น สิงอยู่กระทู้ไหน หุ้นตัวนั้นก็แทบจะวิ่งกันฝุ่นตลบไปหมดเลย แอบเข้ามาตามดูในห้องนี้มั่งดีกว่า
เสียดายตัว SINGER มากครับ ผมเห็นพี่ฉัตรชัยกับพี่พอล discuss กันเป็นฉากๆมานานแล้ว ผมแอบเอาไปดูตัวธุรกิจบ้าง แต่อนิจจา มีตาหามีแววไม่ เลยชีช้ำจนถึงบัดนี้ครับ ToT
labor omnia vincit
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2011 10:41 pm | 0 คอมเมนต์
torpongpak เขียน: stemcell เขียน: torpongpak เขียน:
สุดท้ายนี้ผมแอบยิ้มมุมปาก"พยศ"อย่างนี้ ระวังให้ดี...ลูกดก นักเเล
ลูกดกอาจหมายถึง แจก warrant อีกหลายรุ่นก็ได้ อิอิ
ผมเพิ่งสังเกตว่าผมรับเเม่ม่ายลูกสามมา อยู่กับผมราวปีกว่า เรามีลูกกันหนึ่งคน
สุดดดดยอดจริงๆ นางงามในฮาเร็มเล็กๆของพ้มมม
เพิ่งรู้ว่า สเปคชอบสาวแม่ม่าย กระดังงาลนไฟ
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2011 10:45 pm | 0 คอมเมนต์
คุณ nacrophil ขออภัยถ้าผมเขียนชื่อผิดนะครับ ผม quote ซ้อนจากไอแพดขึ้นไป 2 ชั้นไม่เป็น
เอ จริงหรือครับ น่าจะมีหุ้นตัวไหนที่ผมไปโพสต์แล้ว ไม่ขึ้นบ้างน่า
แต่ส่วนมากหุ้นที่ผมโพสต์มากๆ ก็ส่วนมากจะอ่าน 56-1 56-2จนพรุนครับ
โทรถามir อะไรทำนองนี้ แต่ผมจะได้เรื่อง business model กับแนวโน้ม อนาคต และที่มาของรายได้ในอนาคตครับ ส่วนตัวเลข ผมแค่พอผ่านครับ
แต่ก็เอาตัวรอดมาได้ครับ
nACrophiles_117
Verified User
โพสต์: 1362
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2011 10:55 pm | 0 คอมเมนต์
Paul VI เขียน: คุณ nacrophil ขออภัยถ้าผมเขียนชื่อผิดนะครับ ผม quote ซ้อนจากไอแพดขึ้นไป 2 ชั้นไม่เป็น
เอ จริงหรือครับ น่าจะมีหุ้นตัวไหนที่ผมไปโพสต์แล้ว ไม่ขึ้นบ้างน่า
แต่ส่วนมากหุ้นที่ผมโพสต์มากๆ ก็ส่วนมากจะอ่าน 56-1 56-2จนพรุนครับ
โทรถามir อะไรทำนองนี้ แต่ผมจะได้เรื่อง business model กับแนวโน้ม อนาคต และที่มาของรายได้ในอนาคตครับ ส่วนตัวเลข ผมแค่พอผ่านครับ
แต่ก็เอาตัวรอดมาได้ครับ
ถล่มตัวจังครับ
ผมแนวว่าชอบโมเดลอันไหน กดยิกเลย (ทีละ 100 หุ้น ฮา) เลยดอยบ่อย
ว่าแต่ ในห้องนี้มีใครเป็น staff รร แพทย์ป่ะครับ นอกจากพี่หมอ reiter จะได้ฝากเนื้อฝากตัว ครับ
labor omnia vincit
zakarya
Verified User
โพสต์: 11
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2011 11:55 pm | 0 คอมเมนต์
ขอแทรกนิด หนึ่งนะ
แบบว่าอยากรู้จริงๆ เพื่อนๆในนี้ ตรวจคนไข้กันวัน ละกี่คน
วันนี้เพิ่งทำลายสถิติของตนเองไปแล้ว
....
....
165 คน
.....
.....
ไม่ไหวจะเคลียร์ แล้ว .... ได้แต่ ปริมาณ.... คุณภาพ ????
อะ... บ่นเสร็จแล้ว... เชิญคุยกันต่อได้....ขอบคุณที่รับฟัง
ก่อนทำ " ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน "
ถ้าทำจนสุดความสามารถแล้ว "คนคำนวณ หรือจะสู้ฟ้าลิขิต"
nACrophiles_117
Verified User
โพสต์: 1362
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ ก.ย. 02, 2011 12:09 am | 0 คอมเมนต์
zakarya เขียน: ขอแทรกนิด หนึ่งนะ
แบบว่าอยากรู้จริงๆ เพื่อนๆในนี้ ตรวจคนไข้กันวัน ละกี่คน
วันนี้เพิ่งทำลายสถิติของตนเองไปแล้ว
....
....
165 คน
.....
.....
ไม่ไหวจะเคลียร์ แล้ว .... ได้แต่ ปริมาณ.... คุณภาพ ????
อะ... บ่นเสร็จแล้ว... เชิญคุยกันต่อได้....ขอบคุณที่รับฟัง
165 เลยหรอครับ มึนตายเลย
ตอนเป็น intern 1 ผมเคยตรวจ 70 cases ใน 3 ชั่วโมง ตรวจเสร็จเดินออกมางงๆ เอ๊ะตะกี้สั่งอะไรไปบ้างนะ แทบอ้วก >.<" ถ้ามากกว่านี้ แบบพี่ คงอาเจียนพุ่งแน่ๆเลย
ว่าแต่รู้สึกไตรมาส 3 ปีนี้คนป่วยดูแนวโน้มจะเยอะมากกว่าปีก่อนมากเลยนะครับ (หรือคิดไปเองไม่รู้)
labor omnia vincit
torpongpak
Verified User
โพสต์: 2595
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ ก.ย. 02, 2011 7:15 am | 0 คอมเมนต์
Paul VI เขียน: torpongpak เขียน: stemcell เขียน: torpongpak เขียน:
สุดท้ายนี้ผมแอบยิ้มมุมปาก"พยศ"อย่างนี้ ระวังให้ดี...ลูกดก นักเเล
ลูกดกอาจหมายถึง แจก warrant อีกหลายรุ่นก็ได้ อิอิ
ผมเพิ่งสังเกตว่าผมรับเเม่ม่ายลูกสามมา อยู่กับผมราวปีกว่า เรามีลูกกันหนึ่งคน
สุดดดดยอดจริงๆ นางงามในฮาเร็มเล็กๆของพ้มมม
เพิ่งรู้ว่า สเปคชอบสาวแม่ม่าย กระดังงาลนไฟ
555
เพิ่งนึกได้ว่าสาวม่ายคนนี้จัดประกวด Missteen Thailand ด้วย
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
reiter
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2308
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ ก.ย. 02, 2011 7:15 am | 0 คอมเมนต์
reiter
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2308
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ ก.ย. 02, 2011 7:17 am | 0 คอมเมนต์
nACrophiles_117 เขียน: Paul VI เขียน: nACrophiles_117 เขียน: เห็นห้องนี้แว่ปๆมานานแล้ว แต่ไม่เคยโผล่เข้ามา พึ่งได้มานั่งย้อนอ่านไปหลายๆหน้าวันนี้เองครับ พี่ๆหมอเยอะจังครับ (จริงๆหลายๆคนผมเห็นชื่อโพสต์อยู่เรื่อยๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นหมอ) ขอเข้ามาแอบอ่านด้วยคนนะครับ แหะๆ
ยินดีครับ
เห็นโพสต์คุณ nacrophiles หลายกระทู้แล้วครับ เชิญมาโพสต์ที่นี่ได้ตามอัธยาศัยครับ
ไม่ต้องไปสนชื่อ ห้องชมรมหมอครับใครๆก็เข้ามาเยี่ยมได้ครับ
แหะๆ ผมแอบเข้าไปอ่านเวป wordpress ของพี่หมอ reiter อยู่บ้าง + วันนั้นดูวิดิโอย้อนหลังที่พี่เค้าออกรายการไปหน่อยนึง เห็นว่าจะไปต่อนอกปีหน้าแล้วป่ะครับ เสียดายไม่ทันเจอ T___T
ของพี่หมอพอลนี่ก็เห็น สิงอยู่กระทู้ไหน หุ้นตัวนั้นก็แทบจะวิ่งกันฝุ่นตลบไปหมดเลย แอบเข้ามาตามดูในห้องนี้มั่งดีกว่า
เสียดายตัว SINGER มากครับ ผมเห็นพี่ฉัตรชัยกับพี่พอล discuss กันเป็นฉากๆมานานแล้ว ผมแอบเอาไปดูตัวธุรกิจบ้าง แต่อนิจจา มีตาหามีแววไม่ เลยชีช้ำจนถึงบัดนี้ครับ ToT
Thx for following my blog krab
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
เสาร์ ก.ย. 03, 2011 3:46 pm | 0 คอมเมนต์
เอาเพลง Live and Learn มาให้กำลังใจทีมงานและเพื่อนๆ ทุกคนครับ
เราต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิต
เพราะชีวิตคือชีวิต
torpongpak
Verified User
โพสต์: 2595
ผู้ติดตาม: 0
เสาร์ ก.ย. 03, 2011 5:02 pm | 0 คอมเมนต์
Paul VI เขียน: เอาเพลง Live and Learn มาให้กำลังใจทีมงานและเพื่อนๆ ทุกคนครับ
เราต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิต
เพราะชีวิตคือชีวิต
ตรงกับช่วงนี้เลยพี่ทั้งชีวิตการลงทุนเเละเหตุการณ์ใน"บ้าน"ของเรา
แต่ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"ดีที่สุด"เเล้วสำหรับเราเสมอ
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
romee
Verified User
โพสต์: 1850
ผู้ติดตาม: 0
อาทิตย์ ก.ย. 04, 2011 12:48 am | 0 คอมเมนต์
เป็นกำลังใจให้พี่หมอมุข และมอดในนี้ละกันครับ...เหตุการณ์หลายๆอย่าง "แล้วมันก็จะผ่านไป" ครับ
ที่น่าเสียดายสุด คือไม่ได้ฟังพี่โจ ตัวเป็นๆนี่ละซี๊
You only live once, but if you do it right, once is enough.
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
อาทิตย์ ก.ย. 04, 2011 8:44 am | 0 คอมเมนต์
ขอบคุณทั้งหมอแป๊ก และ น้อง Romee นะครับ ที่ให้กำลังใจครับ
ขอรับกำลังใจทั้งมวลพร้อมกับทีมงาน mod ทุกท่านด้วยครับ
Pol
Verified User
โพสต์: 32
ผู้ติดตาม: 0
อาทิตย์ ก.ย. 04, 2011 12:26 pm | 0 คอมเมนต์
เอามาฝากคุณหมอทุกๆ ท่านครับ
เผื่อวันไหนงานหนักจะได้มีกำลังใจที่ดีมากขึ้นนะครับ...
http://www.visalo.org/article/sarakadee255408.htm
นิตยสารสารคดี : ฉบับที่ ๓๑๘ :: สิงหาคม ๕๔ ปีที่ ๒๗
คอลัมน์ริมธาร : เปิดประตูใจ
รินใจ
ขึ้นชื่อว่าหมอ ก็ต้องพร้อมทำงานในทุกสถานการณ์เพราะความเจ็บป่วยเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่บางครั้งหมอก็ทำใจยากหากเจอคนไข้ที่มาหาในเวลาที่ไม่สมควรมา
หมอผู้หนึ่งเล่าว่า คืนหนึ่งขณะที่อยู่เวรดึก ประมาณตี ๔ ได้ถูกปลุกให้มาตรวจคนไข้คนหนึ่งซึ่งเพิ่งมาถึง ตอนนั้นรู้สึกหงุดหงิดมาก อดบ่นในใจไม่ได้ว่า "ทำไมถึงมาตอนนี้" ยิ่งมารู้ว่าคุณลุงวัย ๖๐ ผู้นี้ไม่ได้เป็นโรคปัจจุบันทันด่วน เป็นแต่ปวดหัวมาได้ ๑๐ วันแล้ว หมอก็รู้สึกไม่พอใจ เพราะไม่มีความจำเป็นที่แกต้องมาเวลานี้เลย
หมอเก็บความรู้สึกเอาไว้เมื่อเจอคนไข้ ระหว่างที่ซักประวัติ คนไข้เล่าว่าตลอด ๑๐ วันที่ผ่านมา พยายามหายามากินเอง แต่อาการไม่ดีขึ้นเลย อยากจะมาหาหมอ แต่ลูก ๆ ไม่มีใครว่างมาส่งตอนกลางวัน จึงต้องทนเอา ครั้นรู้ว่าวันนี้คนข้างบ้านจะออกมาตลาดสดตอนตี ๓ จึงขอติดรถมาด้วย
ทันทีที่หมอรู้ความเป็นมาของคนไข้ ความรู้สึกหงุดหงิดก็หายไป ความเห็นใจมาแทนที่
เพราะได้คิดว่า ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริง ๆ ลุงคงไม่อยากลุกมาโรงพยาบาลตอนตี ๓ หรอก เพราะแกคงอยากพักผ่อนเช่นกัน
หมอผู้นี้เล่าว่า นับแต่นั้นมาเวลาตรวจคนไข้ จะลองสมมุติว่า ถ้าคนไข้เป็นพ่อแม่หรือน้องของเรา เราอยากให้หมอพูดหรือปฏิบัติกับเขาอย่างไร การมองในแง่นี้ทำให้หมอปฏิบัติกับคนไข้ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็พบว่าความรู้สึกได้เปลี่ยนไปด้วย จากเดิมที่รู้สึกหงุดหงิดกับคนไข้ ก็กลายเป็นความรู้สึกสงบ ใจเย็น และเห็นใจคนไข้มากขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ มีความสุขกับการตรวจรักษาคนไข้ ไม่เป็นทุกข์กับจำนวนคนไข้ที่มีมากมาย
เมื่อมีเหตุการณ์กระทบใจเรา ความหงุดหงิดหรือความสงบนิ่ง สามารถเกิดขึ้นกับเราได้ทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะมองมันอย่างไร หรือมองในมุมไหน ถ้ามองจากมุมของตัวเอง หรือเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เราย่อมหงุดหงิดเมื่อถูกปลุกตี ๔เพื่อไปตรวจคนไข้เพราะถูกรบกวนเวลานอน แต่หากมองจากมุมของผู้อื่น หรือรับรู้ความทุกข์ยากของเขา เราก็จะมีแต่ความเห็นใจ ไม่มีความขุ่นเคืองใด ๆ ที่จะเผาลนจิตใจให้รุ่มร้อน
บ่อยครั้งเรานึกถึงแต่ความทุกข์ของตนเอง จนไม่สนใจรับรู้ความทุกข์ของผู้อื่น การทำเช่นนั้นกลับทำให้เราทุกข์มากขึ้น เพราะยิ่งนึกถึงตัวเองมากเท่าไร ความทุกข์ของตนเองก็เป็นเรื่องใหญ่โตมากเท่านั้น จนลืมไปว่าที่จริงแล้วความทุกข์ของเรานั้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับของคนอื่น
หมออีกผู้หนึ่งเล่าว่าเมื่อจบแพทย์ใหม่ ๆ ไปทำงานในโรงพยาบาลชุมชน ตั้งใจว่าจะเป็นหมอที่ดี เวลาตรวจคนไข้นอกตอนเช้า จะตรวจให้หมดแม้ว่าเลยเวลาเที่ยงไปแล้ว เพราะถ้าให้คนไข้รอตรวจตอนบ่ายอาจจะหารถกลับบ้านลำบาก
วันหนึ่งมีคนไข้มาก หมอตรวจทั้งเช้าโดยไม่ได้พักเลย กว่าคนไข้จะหมดก็เป็นเวลาบ่ายโมง เมื่อเดินออกจากห้องตรวจ พบคุณลุงคนหนึ่งเพิ่งทำบัตรคนไข้เสร็จ แกขอให้หมอตรวจให้ด้วยเพราะไม่สบายมาก
หมอรู้สึกไม่พอใจมาก เพราะเลยเวลาตรวจมานานแล้ว จึงพูดด้วยอารมณ์ว่า "คุณลุงทำไมเพิ่งมาตอนนี้ รู้ไหมหมอยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย"
"ขอโทษคุณหมอ ลุงออกจากบ้านตี ๓ รถเขาเพิ่งมาถึง พยายามมาให้ทันหมอ ลุงยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย"
พอได้ยินเช่นนั้น หมอก็หายโกรธทันที เพราะได้ตระหนักว่าทุกข์ของคุณลุงนั้นมากกว่าตนเองเยอะ หมอท่านนี้เล่าว่าเหตุการณ์วันนั้นเป็นบทเรียนสำคัญและเป็นจุดเปลี่ยนครั้งหนึ่งในชีวิต
คนเรานั้นมีทั้งความเห็นแก่ตัวและเมตตากรุณาอยู่ในใจ การมองจากมุมของตัวเองบ่อยครั้งเป็นการกระตุ้นเร้าความเห็นแก่ตัว ทำให้ความต้องการของตนเองกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่าอะไรอื่น ดังนั้นเมื่อมีสิ่งใดที่ขัดกับความต้องการของตนเอง ก็จะรู้สึกไม่พอใจหรือโกรธเคืองขึ้นมาทันที ในทางตรงข้ามเมื่อมองจากมุมของคนอื่น หรือเปิดใจรับฟังเขา โดยเฉพาะคนที่มีความทุกข์ เมตตากรุณาในใจเราจะถูกปลุกขึ้นมา ทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ และปรารถนาที่จะช่วยเหลือเขาโดยไม่คำนึงถึงความลำบากของตนเอง ดังนั้นแม้เหนื่อยกายแต่ใจไม่ทุกข์ คนที่มองจากมุมของผู้อื่นจึงสามารถเป็นสุขได้ง่ายกว่าคนที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
การมองจากมุมของผู้อื่น ยังทำให้เราพร้อมที่จะขอโทษเมื่อทำผิดพลาดขึ้น เพราะเมื่อรู้ว่าผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของเราโดยไม่ได้ตั้งใจ เราย่อมสงสาร เห็นใจและปรารถนาที่จะบรรเทาความทุกข์ของเขาก่อนอื่นใด ดังนั้นสิ่งแรกที่เราจะทำโดยไม่รั้งรอคือ กล่าวคำขอโทษ หรือ แสดงความเสียใจ แต่สำหรับคนที่นึกถึงแต่ตัวเองหรือมองจากมุมของตัวเองอย่างเดียว อย่างแรกที่เขาจะทำคือ ปกป้องตนเองและยืนกรานว่าฉันไม่ผิด เพราะนั่นเป็นธรรมชาติของอัตตาหรือความเห็นแก่ตัว ดังนั้นแทนที่จะขอโทษ ก็จะมัวหาข้อแก้ตัว รวมทั้งสรรหาเหตุผลต่าง ๆ นานามายืนยันความถูกต้องของตน ซึ่งเท่ากับซ้ำเติมความทุกข์และเพิ่มความขุ่นเคืองให้แก่อีกฝ่าย ผลก็คือเกิดการทะเลาะวิวาทหรือฟ้องร้องกัน ทำให้เกิดความทุกข์แก่ทั้งสองฝ่าย
ใช่หรือไม่ว่าความผิดพลาดลุกลามกลายเป็นเรื่องร้ายแรงกว่าเดิม ก็เพราะการไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่าย หากคิดแต่จะปกป้องตนเอง เมื่อหลายปีก่อนมีคนไข้คนหนึ่งมารับการรักษาเพราะเป็นไส้ติ่งอักเสบ แต่หลังจากที่แพทย์ฉีดยาชาเข้าสันหลัง หัวใจของคนไข้ก็หยุดเต้น แม้จะช่วยกันกู้ชีพขึ้นมาได้ แต่หลังจากนั้น ๑๕ วันคนไข้ก็เสียชีวิต ลูกของคนไข้ต้องการคำอธิบายจากหมอว่าเกิดอะไรขึ้น หากเป็นความผิดพลาดของหมอ ก็ขอให้หมอและโรงพยาบาลทำบุญเลี้ยงพระและขอโทษแม่ของเขา แต่หมอปฏิเสธ ส่วนหนึ่งเพราะได้รับการแนะนำจากหมอรุ่นพี่ว่า ไม่ควรขอโทษ เพราะจะทำให้ญาติรู้สึกว่าเป็นความผิดพลาดของหมอ
ผลก็คือญาติฟ้องกระทรวงสาธารณสุข เรื่องน่าจะจบเพียงเท่านี้เมื่อศาลพิพากษาให้กระทรวงสาธารณสุขชดใช้เป็นจำนวน ๖ แสนบาท แต่กระทรวงสาธารณสุขไม่ยอมจ่าย และอุทธรณ์ว่าคดีขาดอายุความ ดังนั้นญาติคนไข้จึงหันไปพึ่งศาลอาญา คราวนี้ฟ้องหมอผู้ผ่าตัดและผู้ให้ยาชา ปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิพากษาว่าหมอผู้ให้ยาชามีความผิด และเนื่องจากหมอไม่ได้บรรเทาผลร้ายแก่ญาติผู้ตาย อีกทั้งยังให้การปฏิเสธตลอดมา จึงไม่มีเหตุรอการลงโทษให้ หมอผู้นั้นจึงถูกจำคุก ๓ ปีโดยไม่มีการลดโทษหรือรอลงอาญา
เรื่องนี้ตรงข้ามกับอีกกรณีหนึ่ง ซึ่งแม้จะลงเอยด้วยการตายของคนไข้เช่นเดียวกัน แต่ในที่สุดหมอกับญาติคนไข้ปรับความเข้าใจกันได้ ทั้ง ๆ ที่ในตอนแรกญาติของคนไข้ยกพวกมาที่โรงพยาบาลเพื่อจะเอาเรื่องกับหมอ แต่หมอกับผู้อำนวยการไม่เพียงต้อนรับญาติคนไข้อย่างดี หากยังรับรู้ความเศร้าโศกเสียใจของเขา จึงเอ่ยปากขอโทษและแสดงความเสียใจ อีกทั้งยังชวนคณะหมอและพยาบาลไปร่วมพิธีศพพร้อมทั้งรับเป็นเจ้าภาพงานศพด้วย ผู้อำนวยการเล่าว่าตอนที่เดินเข้าหมู่บ้านไปยังวัดเย็นนั้น รู้สึกหวั่นวิตกต่อปฏิกิริยาของชาวบ้านเพราะรู้ดีว่ามีชาวบ้านบางคนโกรธแค้นมาก อยากขับไล่หมอเจ้าของไข้ให้พ้นจากพื้นที่ แต่ปรากฏว่าชาวบ้านส่วนใหญ่กลับเห็นใจหมอ บางคนถึงกับพูดว่า "เราเสียชาวบ้านไปหนึ่งคนแล้ว อย่าถึงกับต้องเสียหมอไปอีกคนหนึ่งเลย" ในที่สุดหมอกับชาวบ้านก็กลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีเหมือนเดิม
มนุษย์เรามีความสามารถที่จะเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น ความสามารถดังกล่าวจะเรียกว่าเป็นสัญชาตญาณที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดก็ไม่ผิด เวลาเราเห็นคนยิ้ม เราก็รู้สึกดีตามไปด้วย แต่เมื่อเห็นคนร่ำไห้ ใจเราก็เศร้าตามเขา บางครั้งก็อดน้ำตาซึมไปด้วยไม่ได้ แม้แต่เด็กทารกก็ยังมีปฏิกิริยาดังกล่าว คุณสมบัติดังกล่าวเป็นสะพานเชื่อมเรากับผู้คนให้เป็นมิตรกันและช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แต่ในยามที่เกิดความขัดแย้งหรือมีเรื่องกระทบใจ เรามักจะหันมาปกป้องตนเอง และไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น ซึ่งบ่อยครั้งกลับทำให้ความขัดแย้งลุกลามขึ้นแม้กระทั่งกับคนใกล้ตัว เช่น สามีภรรยา หรือมิตรสหาย ในสภาพเช่นนี้ การใช้เหตุผลเพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของตนไม่สำคัญเท่ากับการเปิดใจรับฟังความรู้สึกหรือมุมมองของกันและกัน เพราะนั่นจะเปิดช่องให้เกิดความเห็นอกเห็นใจกันกัน และสามารถคืนดีกันได้ในที่สุด
เราทุกคนล้วนอยากให้ใคร ๆ เข้าใจเรา แต่เขาจะเข้าใจเราได้อย่างไร หากเราไม่เป็นฝ่ายเปิดใจเพื่อเข้าใจเขาก่อน เมื่อใดที่เราพยายามเข้าใจเขา รับรู้ความรู้สึกหรือมุมมองของเขา ไม่นานเขาก็จะเปิดใจฟังเรา เข้าใจเรา หรือถึงกับเชื้อเชิญให้เราเข้าไปนั่งในหัวใจเขา
มีเรื่องเล่าว่า วันหนึ่งนัสรูดินไปเยี่ยมเพื่อน แต่เพื่อนปิดประตูบ้าน นัสรูดินจึงเคาะประตู เพื่อนจึงถามว่า "นั่นใคร"
"ฉันเอง"นัสรูดินตอบ
ปรากฏว่าเพื่อนนิ่งเงียบ ไม่เปิดประตูบ้าน นัสรูดินตะโกนบอกว่า "ฉันเอง"กี่ครั้ง ๆ
เพื่อนก็ไม่เปิด นัสรูดินนิ่งเงียบไปพักใหญ่ แล้วได้คิดขึ้นมา จึงเคาะประตูอีกครั้ง เมื่อมีเสียงจากในบ้านถามว่า"นั่นใคร"
นัสรูดินตอบว่า "ท่านไงล่ะ"
สักพักประตูบ้านก็เปิด แล้วเพื่อนก็เชื้อเชิญให้นัสรูดินเข้าไปในบ้าน
คุณทราบหรือไม่ว่าทำไมประตูบ้านจึงเปิดรับนัสรูดินในที่สุด?
torpongpak
Verified User
โพสต์: 2595
ผู้ติดตาม: 0
อาทิตย์ ก.ย. 04, 2011 12:41 pm | 0 คอมเมนต์
nACrophiles_117 เขียน: zakarya เขียน: ขอแทรกนิด หนึ่งนะ
แบบว่าอยากรู้จริงๆ เพื่อนๆในนี้ ตรวจคนไข้กันวัน ละกี่คน
วันนี้เพิ่งทำลายสถิติของตนเองไปแล้ว
....
....
165 คน
.....
.....
ไม่ไหวจะเคลียร์ แล้ว .... ได้แต่ ปริมาณ.... คุณภาพ ????
อะ... บ่นเสร็จแล้ว... เชิญคุยกันต่อได้....ขอบคุณที่รับฟัง
165 เลยหรอครับ มึนตายเลย
ตอนเป็น intern 1 ผมเคยตรวจ 70 cases ใน 3 ชั่วโมง ตรวจเสร็จเดินออกมางงๆ เอ๊ะตะกี้สั่งอะไรไปบ้างนะ แทบอ้วก >.<" ถ้ามากกว่านี้ แบบพี่ คงอาเจียนพุ่งแน่ๆเลย
ว่าแต่รู้สึกไตรมาส 3 ปีนี้คนป่วยดูแนวโน้มจะเยอะมากกว่าปีก่อนมากเลยนะครับ (หรือคิดไปเองไม่รู้)
ล่าสุดผมเพิ่งเข้าเวรดึกCaseก็เยอะทำลายสถิติเหมือนกันเพราะมีอุบัติเหตุหมู่ รถกระบะควำ คนขับรถกระบะกลับจากงานบวช(กินเหล้าในงานด้วย) ผมจึงมีคนไข้ให้ดุเพียบทำงานสว่างคาตาเเต่ก็ยินดีทำงานครับมันเป็นหน้าที่ เเต่ผมว่าเรื่องเเบบนี้ป้องกันได้
ดังนั้นผู้ป่วยมีเเต่จะเพิ่มขึ้นครับ เพราะการเข้าถึงการรักษาง่ายขึ้น เเต่ก็เเค่ "การรักษา"
งานPrevention ของพวกเราที่พยายามทำมันยังไม่กระเเทกใจชาวบ้าน ไม่สามารถทำให้ชาวบ้านรักตัวเองได้
"รณรงค์สวมหมวกกันน็อค" มากมาย ปีนี้ก็เป็นปีเเรกที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ทศวรรษความปลอดภัย(รัฐบาลไปเซ็นปฏิญามอสโกกับนานาชาติไว้) โดยเริ่มที่หมวกกันน็อคก่อน
เเต่ปรากฎว่ายังมี Case HI กันเยอะ กินเหล้าเเล้วยงขับรถกันอยู่
"รณรงค์เรื่องHT, DM" แต่เเนวโน้ม Stroke ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ผมจึงมองว่า"งานPrevention" เป็นอะไรที่ต้องขับเคลื่อนช่วยกันมากๆครับ ให้โดนใจชาวบ้าน รณรงค์ให้ถูกจริตพวกเขา
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
torpongpak
Verified User
โพสต์: 2595
ผู้ติดตาม: 0
อาทิตย์ ก.ย. 04, 2011 12:45 pm | 0 คอมเมนต์
แก้ครับ กดShift แล้วไม่ทำงาน จึงพิมพ์ผิดจาก"ให้ดู"เป็น"ให้ดุ"
torpongpak เขียน: ล่าสุดผมเพิ่งเข้าเวรดึกCaseก็เยอะทำลายสถิติเหมือนกันเพราะมีอุบัติเหตุหมู่ รถกระบะควำ คนขับรถกระบะกลับจากงานบวช(กินเหล้าในงานด้วย) ผมจึงมีคนไข้ให้ดู เพียบทำงานสว่างคาตาเเต่ก็ยินดีทำงานครับมันเป็นหน้าที่ เเต่ผมว่าเรื่องเเบบนี้ป้องกันได้
ดังนั้นผู้ป่วยมีเเต่จะเพิ่มขึ้นครับ เพราะการเข้าถึงการรักษาง่ายขึ้น เเต่ก็เเค่ "การรักษา"
งานPrevention ของพวกเราที่พยายามทำมันยังไม่กระเเทกใจชาวบ้าน ไม่สามารถทำให้ชาวบ้านรักตัวเองได้
"รณรงค์สวมหมวกกันน็อค" มากมาย ปีนี้ก็เป็นปีเเรกที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ทศวรรษความปลอดภัย(รัฐบาลไปเซ็นปฏิญามอสโกกับนานาชาติไว้) โดยเริ่มที่หมวกกันน็อคก่อน
เเต่ปรากฎว่ายังมี Case HI กันเยอะ กินเหล้าเเล้วยงขับรถกันอยู่
"รณรงค์เรื่องHT, DM" แต่เเนวโน้ม Stroke ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ผมจึงมองว่า"งานPrevention" เป็นอะไรที่ต้องขับเคลื่อนช่วยกันมากๆครับ ให้โดนใจชาวบ้าน รณรงค์ให้ถูกจริตพวกเขา
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
oatty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2444
ผู้ติดตาม: 0
อาทิตย์ ก.ย. 04, 2011 4:06 pm | 0 คอมเมนต์
ผมก็มีประสบการณ์คล้ายๆ กับลุงที่ไปหาหมอตอนตีสาม.....
เรื่องคือหลังข้างขวาขัดยอกและปวดมาก นอนปวดทั้งคืน รุ่งขึ้นอีกวันเลยต้องลางานไปเยี่ยมหมอที่ รพ.จุฬาฯ โชคดีได้เจออาจารย์หมอและได้เป็นคุณครูด้วย เพราะมีนศ.แพทย์ร่วมซักถามด้วย ถูกนศ.ถามอาการต่างๆ. สุดท้ายให้ผมลุกขึ้นจับแขนยืดออกบอกว่าไม่พบอาการอะไรร้ายแรง เดี๋ยวให้ยาแก้ปวดไปทาน แถมยังมีคำพูดส่งท้ายด้วยว่า ปวดแค่นี้ไม่น่าวิตกจริตรีบมาหาหมอเลย
คำพูดแบบนี้แทบอยากจะบันดาลให้จิตใจให้ยกส้นเท้าไปจุมพิตที่หน้าอกอาจารย์เสียนี่กระไร 555
สงสัยอาจารย์หมอชอบรักษาคนพิการมากกว่าคนไข้ ต้องรอให้ยกแขนไม่ไหวค่อยไปหาหมอ
ปัจจุบันอาการดังกล่าวก็มีปรากฏบ้างบางครั้ง แต่ไม่ไปหาหมอแล้ว รอให้อาการหนักเหมือนหุ้นโดนชอร์ทเซลก่อน
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ก.ย. 05, 2011 4:48 pm | 0 คอมเมนต์
ไม่ค่อยกล้าตรวจ oatty แล้วอย่างนี้
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ก.ย. 05, 2011 4:50 pm | 0 คอมเมนต์
nACrophiles_117 เขียน: zakarya เขียน: ขอแทรกนิด หนึ่งนะ
แบบว่าอยากรู้จริงๆ เพื่อนๆในนี้ ตรวจคนไข้กันวัน ละกี่คน
วันนี้เพิ่งทำลายสถิติของตนเองไปแล้ว
....
....
165 คน
.....
.....
ไม่ไหวจะเคลียร์ แล้ว .... ได้แต่ ปริมาณ.... คุณภาพ ????
อะ... บ่นเสร็จแล้ว... เชิญคุยกันต่อได้....ขอบคุณที่รับฟัง
165 เลยหรอครับ มึนตายเลย
ตอนเป็น intern 1 ผมเคยตรวจ 70 cases ใน 3 ชั่วโมง ตรวจเสร็จเดินออกมางงๆ เอ๊ะตะกี้สั่งอะไรไปบ้างนะ แทบอ้วก >.<" ถ้ามากกว่านี้ แบบพี่ คงอาเจียนพุ่งแน่ๆเลย
ว่าแต่รู้สึกไตรมาส 3 ปีนี้คนป่วยดูแนวโน้มจะเยอะมากกว่าปีก่อนมากเลยนะครับ (หรือคิดไปเองไม่รู้)
นี่ล่ะ วงการแพทย์ไทย เน้นปริมาณ
พอตรวจมากๆก็พลาด พอพลาดก็เล่นหนักเลย เฮ้อ น่าเห็นใจทุกคนครับ
เหนื่อยหน่อยนะครับ ทั้งคู่เลย เอาไปเลย
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ก.ย. 05, 2011 4:57 pm | 0 คอมเมนต์
หมอแป๊ก คำว่า ดูคนไข้ กับ ดุคนไข้ นี่คนละเรื่องเลยนะ
สงสัยตอนพิมพ์ง่วงมากจริงๆ
torpongpak
Verified User
โพสต์: 2595
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ก.ย. 05, 2011 5:05 pm | 0 คอมเมนต์
Paul VI เขียน: หมอแป๊ก คำว่า ดูคนไข้ กับ ดุคนไข้ นี่คนละเรื่องเลยนะ
สงสัยตอนพิมพ์ง่วงมากจริงๆ
คืนนั้นผมคง"ดุ"ไม่ไหวครับพี่ จากอุบัติเหตุครั้งนั้นมีเเต่Caseไม่รู้สึกตัว ส่วนใหญ่ครับ
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ก.ย. 05, 2011 5:23 pm | 0 คอมเมนต์
torpongpak เขียน: Paul VI เขียน: หมอแป๊ก คำว่า ดูคนไข้ กับ ดุคนไข้ นี่คนละเรื่องเลยนะ
สงสัยตอนพิมพ์ง่วงมากจริงๆ
คืนนั้นผมคง"ดุ"ไม่ไหวครับพี่ จากอุบัติเหตุครั้งนั้นมีเเต่Caseไม่รู้สึกตัว ส่วนใหญ่ครับ
ให้ 3 ตัวเลย
แซวเล่นครับ เหนื่อยหน่อยนะครับ ดร.ไพบูลย์ก็บอกอยู่เรื่อยๆว่า อาชีพหมอเป็นอาชีพพิเศษ ทำงานไปด้วย ได้บุญไปด้วยพร้อมกัน
torpongpak
Verified User
โพสต์: 2595
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ก.ย. 05, 2011 5:38 pm | 0 คอมเมนต์
Paul VI เขียน: torpongpak เขียน: Paul VI เขียน: หมอแป๊ก คำว่า ดูคนไข้ กับ ดุคนไข้ นี่คนละเรื่องเลยนะ
สงสัยตอนพิมพ์ง่วงมากจริงๆ
คืนนั้นผมคง"ดุ"ไม่ไหวครับพี่ จากอุบัติเหตุครั้งนั้นมีเเต่Caseไม่รู้สึกตัว ส่วนใหญ่ครับ
ให้ 3 ตัวเลย
แซวเล่นครับ เหนื่อยหน่อยนะครับ ดร.ไพบูลย์ก็บอกอยู่เรื่อยๆว่า อาชีพหมอเป็นอาชีพพิเศษ ทำงานไปด้วย ได้บุญไปด้วยพร้อมกัน
บ่ เป็นไรครับพี่ ขำๆเหมือนกัน ตอนมาอ่านอีกที"งง"เลยครับเเค่กดปุ่ม Shift เบาไปนิดเดียวความหมายเปลี่ยนเลย
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
navapon
Verified User
โพสต์: 760
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ก.ย. 05, 2011 9:54 pm | 0 คอมเมนต์
Paul VI เขียน: ไม่ค่อยกล้าตรวจ oatty แล้วอย่างนี้
คุณ oatty ดุจังเลยครับ
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
oatty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2444
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ก.ย. 05, 2011 10:15 pm | 0 คอมเมนต์
เคยเล่าขำ ๆ ให้เพื่อนฟังเสมอ พอดีอ่านบทความ "คอลัมน์ริมธาร : เปิดประตูใจ
รินใจ" ก็เลยอยากจะบอกเหตุการณ์ที่ตัวเองเจอมาบ้าง
คำพูดนี่แหละครับ ผมว่าสำคัญจริง ๆ และก็คำว่าขอโทษหรือการกล้ารับว่าไม่รู้ หรือยอมรับความผิดพลาดนี่เป็นประเด็นใหญ่ในทุกวงการจริง ๆ
ล่าสุด พ่อตาผมไปนอนเฝ้าห้องรอผ่าตัดเปลี่ยนกระดูก แต่ดันติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะเลยต้องนอนรักษาโรคติดเชื้อให้หายก่อน ผ่านไปสามวันผมไปหาตอนเย็นพอดีมีหมอหนุ่มเข้ามาบอกว่า "ลุงกินยาไม่ถูกต้อง ยานี้ต้องกินสามเวลา แต่ลุงกินแค่สองเวลา ทำให้โรคดื้อยา เดี๋ยวหมอให้ยาตัวใหม่แทน" พ่อตายกมือไหว้หมอหนุ่มอย่างเดียว ตอบไม่ทัน เพราะแกชอบหมอ ๆ และคนใหญ่คนโตมีเกียรติอยู่โดยปกติ
ผมรู้สึกตะหงิดในใจ เอ๊ะ นี่พ่อตาเรานอนอยู่ที่รพ.แท้ ๆ แล้วก็มีพยาบาลมาป้อนยาดูแลการกินยาตลอด แทนที่หมอจะยอมรับว่าตัวเองให้ยาพิษ เอ้ย ยาผิด
ดันมาโทษคนไข้ว่า กินยาไม่ถูกหว่า
จริง ๆ ผมไม่ดุหรอก ไม่งั้นจะกล้าเข้ามาห้องหมอเหรอ น่ากลัวออก
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร ก.ย. 06, 2011 8:50 am | 0 คอมเมนต์
ปัญหาอยู่ที่ การสื่อสารครับ
การสื่อสารเดี๋ยวนี้ระหว่าง ใจ กับ ใจ มันน้อยลงกว่าสมัยก่อน
บางทีเราก็ต้องปรับจูนที่ใจกันหน่อยก็พอเข้าใจ ใจ ของทั้งสองฝ่าย