เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
Verified User
โพสต์: 4090
ผู้ติดตาม: 2

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 121

โพสต์

นิวไฮแล้วยังเนี่ย
Small Details Make a Big Difference
ภาพประจำตัวสมาชิก
MO101
Verified User
โพสต์: 3226
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 122

โพสต์

5 หน้าเข้าไปแล้วยังอ่าน ฮงหน้าเด็กไม่ได้เลยครับ
เด็กเลี้ยงแกะช่วยจัดการด่วน
ภาพประจำตัวสมาชิก
hongvalue
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2703
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 123

โพสต์

มารอฮงหน้าเด็กด้วยคนครับ :D
ฮงหน้าเด็กปล่อยทีเด็ดออกไปเกือบหมดเนื้อเนื้อตัวครับหลัง
โดนทรมานอยู่นานให้คายความลับ

อิอิ
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
^mUe^
Verified User
โพสต์: 213
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 124

โพสต์

มาลงชื่อรอด้วยคับ

ร่วมด้วย ช่วยกัน"นิวไฮ" (^_____^)/ !!~
bizzdohtvi
Verified User
โพสต์: 81
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 125

โพสต์

ขนาด hongvalue ยังต้องมารออ่าน สัมภาษณ์ ฮงหน้าเด็ก
ขนา่ดนี้แล้ว แบรด ยังไม่ยอมปล่อยของอีกเหรอครับ
new high
ภาพประจำตัวสมาชิก
whitecastle
Verified User
โพสต์: 406
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 126

โพสต์

เอ้า ช่วย เปลื้องอีกซักที 2 Reply แล้วนะ เปลื้องมากกว่านี้ ก็ล่อนจ้อนแล้วจ้า  :8)
mik0o
Verified User
โพสต์: 57
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 127

โพสต์

แอบรออ่านมาตลอด รอบนี้เห็นปลดไม่ออกซักที เลยมาช่วยปลดอีก 1 เสียง
เกล้า
Verified User
โพสต์: 1165
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 128

โพสต์

ปลดเดี๋ยวนี้เลยได้มั้ย..ขนาดเจ้าตัวยังเอ่ยปากมารอฟังเอง..อิอิ :B
blackswan87
Verified User
โพสต์: 18
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 129

โพสต์

ช่วยอีกหนึ่งค้าบ
เด็กเลี้ยงแกะ
Verified User
โพสต์: 310
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 130

โพสต์

โอ้  รอบนี้   โพสต์แค่ 2 วัน แต่มีเสียงปลดล็อคมากขนาดนี้

สงสัยต้องรอดูอีกสักหน่อยดีไหมเนี่ย....  อิอิ...


จริงๆ ไม่ได้แกล้งหรอกนะงับ  เด็กเลี้ยงแกะกำลังปั่นต้นฉบับอยู่

รอบนี้ พิเศษอีกนิด

แถมคลิปดาราดังที่กำลังเป็นข่าวล่วย....   ฮ่อ ฮ่อ....
ให้หุ้น = แช่ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
whitecastle
Verified User
โพสต์: 406
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 131

โพสต์

ไม่พิเศษจริงต้อง ปลดเปลื้องผ้าเด็กเลี้ยงแกะประจาน  :8)
p2set
Verified User
โพสต์: 3
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 132

โพสต์

 มาเข้าแถวรอคุณฮงหน้าเด็กอีกหนึ่งครับ 
ภาพประจำตัวสมาชิก
sorawut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2455
ผู้ติดตาม: 1

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 133

โพสต์

hongvalue เขียน:มารอฮงหน้าเด็กด้วยคนครับ :D
ฮงหน้าเด็กปล่อยทีเด็ดออกไปเกือบหมดเนื้อเนื้อตัวครับหลัง
โดนทรมานอยู่นานให้คายความลับ

อิอิ
ทรมานแบบไหนครับ :rofl:  :rofl:  :rofl:
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
กล้วยไม้ขาว
Verified User
โพสต์: 1074
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 134

โพสต์

ปลดแอก เราจะเป็นไท  :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
zesar
Verified User
โพสต์: 390
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 135

โพสต์

รอจนวันใหม่แล้วน้าาาาาาาาาาา
JPong
Verified User
โพสต์: 64
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 136

โพสต์

มาช่วยปลดเปลื้องอีกรอบ เรทอาร์ไปไหมเนี่ย
yutt1234
Verified User
โพสต์: 45
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 137

โพสต์

+1
ภาพประจำตัวสมาชิก
<< New >>
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1145
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 138

โพสต์

รออ่านฮงหน้าเด็ก ใกล้จะลงแดงแล่วววว :lol:
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
เด็กเลี้ยงไม้
Verified User
โพสต์: 983
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 139

โพสต์

ว๊ากๆๆ ยังไม่ปลดปล่อยอีกหรอเนี่ย
:lol:  :lol:  :lol:
เริ่มนับหนึ่ง...
kanok
Verified User
โพสต์: 57
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 140

โพสต์

หนนี้เด็กเลี้ยงแกะ
ทรมานผมจริงๆเลย
แต่เข้าใจนะครับ  บางทีของดีต้องรอกันหน่อย
:lol:  :lol:  :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
sorawut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2455
ผู้ติดตาม: 1

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 141

โพสต์

พี่เด็กเลี้ยงแกะอึดมาก ถ้าเป็นคนปกติล่ะ ...ไปแล้ว  :rofl:  :rofl:  :rofl:
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
mrj052
Verified User
โพสต์: 33
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 142

โพสต์

ปลดล๊อกรอครับ  :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
hongvalue
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2703
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 143

โพสต์

sorawut เขียน:
hongvalue เขียน:มารอฮงหน้าเด็กด้วยคนครับ :D
ฮงหน้าเด็กปล่อยทีเด็ดออกไปเกือบหมดเนื้อเนื้อตัวครับหลัง
โดนทรมานอยู่นานให้คายความลับ

อิอิ
ทรมานแบบไหนครับ :rofl:
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
Pattanasakd
Verified User
โพสต์: 24
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 144

โพสต์

ริอ่านด้วยคนครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
st33tnw
Verified User
โพสต์: 91
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 145

โพสต์

มาปลดอีกคนครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sorawut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2455
ผู้ติดตาม: 1

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 146

โพสต์

hongvalue เขียน:
sorawut เขียน:
hongvalue เขียน:มารอฮงหน้าเด็กด้วยคนครับ :D
ฮงหน้าเด็กปล่อยทีเด็ดออกไปเกือบหมดเนื้อเนื้อตัวครับหลัง
โดนทรมานอยู่นานให้คายความลับ

อิอิ
ทรมานแบบไหนครับ :rofl:
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
เด็กเลี้ยงแกะ
Verified User
โพสต์: 310
ผู้ติดตาม: 0

Re: เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 147

โพสต์

[quote="เด็กเลี้ยงแกะ"]ตอนนี้พิเศษงับ
ให้หุ้น = แช่ง
เด็กเลี้ยงแกะ
Verified User
โพสต์: 310
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 148

โพสต์

รอบนี้แปลกมากมาย....

มีปัญหาทางเทคนิคเล็กน้อย ทำให้ไม่สามารถแก้ไขข้อความที่หน้าแรกนะงับ

เอาเป็นว่า พี่ๆน้องๆ ช่วยอ่านกันต่อทางนี้เลยแล้วกันนะงับ...
ให้หุ้น = แช่ง
เด็กเลี้ยงแกะ
Verified User
โพสต์: 310
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 149

โพสต์

สัมภาษณ์ฮงวายู แบบไม่เม้ม ตอนแรกดูเหมือนฮงหน้าเด็กจะไม่ยอมเปิดเผยความลับ  พรายมหากาฬใช้แส้พิษ ใช้ตะบอง และดาบยืนได้หดได้ ก็แล้วก็ไม่ยอมบอก ในที่สุด  เด็กเลี้ยงแกะจึงต้องหยิบของเหลวสีฟ้ากลิ่นบลูโซดาผสมกับยากล่อมประสาทอีกหลายขนาน ฉีดเข้าไปในตัวของ ฮงวายู  จากนั้นจึงได้ข้อมูลออกมาดังนี้...  เรียบเรียงข้อมูลโดย พรายมหากาฬ....



1. อายุเท่าไหร่  เรียนจบอะไร ด้านไหน



- อายุ 25 ปีครับ เรียนจบด้านการตลาดที่ ม.กรุงเทพอินเตอร์ครับ (buic) เกรดเฉลี่ยก็ประมาณ 2 เศษๆครับเป็นคนเรียนไม่เก่งครับ



2. ทำไมถึงสนใจมาลงทุนในหุ้น   ประสบการณ์การลงทุนเป็นอย่างไร

สนใจเพราะตอนอยู่ ม.6 มีเงินเก็บ 1 แสนบาทครับและตอนนั้นเป็นช่วงปลายปี 2003 ซึ่งเพือนที่มีเงินเก็บ 1 แสนบาทเท่ากับเราเอาเงินไปซื้อหุ้น shin เพียงไม่กี่เดือนแล้วได้กำไรถึง 50000 บาทครับเราก็อิจฉาครับเพราะตอนนั้นดอกเบี้ยต่ำมากครับประมาณ 1-2% เท่านั้นเอง เห็นเพื่อนได้เงินสบายๆเราก็อยากได้บ้างครับ


3.ทราบมาว่าช่วงหลังนี้ timing ในการลงทุนดีกว่าเมื่อก่อนมากไม่ทราบมีวิธีการอย่างไร และฝีกฝนอย่างไร

-ส่วนนึงผมก็หัดดูกราฟครับ มีอาจารย์หลายคนเลยครับเรื่องดูกราฟ อาจารย์ bremner อาจารย์แจ็ค นี้เป็นครูกราฟของผมทั้งนั้นครับ จริงๆแล้วผมคิดว่าเรื่อง timing นี้เป็น art พอสมควรทีเดียว ผมจะเล่าถึงปรัชญาของ timing ในมุมของผมให้ฟังครับ ถ้าเราเล่นหุ้นแบบวีไอเราจะเจอกับหุ้นประเภทถูกเรื้อรังอยู่พอสมควรครับ และในบรรดาหุ้นที่ถูกเรื้อรังก็จะมีหุ้นที่ไม่ขึ้นเลยกับหุ้นที่หายจากการถูกเรื้อรัง อย่างหุ้นเหล็กบางตัว pe  4-5 เท่ามาตลอดมีเงินสดต่อหุ้นเยอะ แทบไม่มีหนี้แต่ว่ามันก็ถูกมาหลายปีกว่าจะขึ้นได้ ถ้าเราดูกราฟกับกำไรรายไตรมาสช่วยเราก็จะเข้าได้ถูกจังหวะมากขึ้น แต่คนที่ดูแต่ตัวหุ้นก็ต้องถือทนมาหลายปีมากกว่าหุ้นจะขึ้น อย่างตอนนี้ผมกำลังทำ project เรื่อง winner stock อยู่ก็คือเอาหุ้น 10 เด้งหลัง subprime มาใช้ model การเติบโตของกำไรแบบ qoq ,yoy ว่ามีลักษณะอย่างไรบ้าง และหุ้นที่ว่าเข้าระบบเทรดอย่างไรบ้าง ซึ่งหุ้นที่ผมทำข้อมูลก็เช่น kce cpf sta ptl tasco เป็นต้น ตั้งใจจะทำ 15 ตัว ผมอยากรู้ว่าหุ้นพวกนี้ถ้าเราจะซื้อช่วงที่หุ้นเป็นขาขึ้นแบบชันๆเลยเราควรเข้าไปซื้อตอนไหน เวลาผมเล่นหุ้นผมจะเลือกความชันของกราฟที่สูงเช่น สมมุติว่ากราฟขึ้นด้วยความชัน 30% แบบนี้ถือว่ายังไม่ดีพอเพราะการจะทำเงินหลายๆเด้งภายในปีเดียวจำเป็นต้องหาหุ้นที่กราฟมีความชันสูงมากกว่านี้ ผมสนใจหุ้นที่ความชันในการขึ้นประมาณ 55-60% ขึ้นไป ซึ่งจากข้อมูลที่ผมทำ project หุ้นพวกนี้จะมีจุดที่ความชันเปลี่ยนไปและช่วงนั้นหุ้นจะขึ้นเร็วมากและมันจะ match กับเรื่อง momentum earning qoq พอดีอย่างกับนัดกันมาเกิด ถ้าหุ้นที่ผมถืออยู่เริ่มมีความชันจากสูงลดองศาลงแล้วหุ้นอีกตัวนึงเริ่มมีการประกาศกำไรแบบ earning surprise ผมก็จะขายตัวที่ความชันลดเข้าตัวที่น่าจะมีความชันเพิ่มขึ้น เพราะผมรีบผมอยากจะหมุนเงินให้ได้มากที่สุด อาจารย์ผมเคยพูดคำว่าเวลาคือความเสี่ยง ระหว่างที่คุณถือหุ้นแล้วรอให้หุ้นขึ้นโดยที่คุณคิดว่าคุณรอได้หลายปีเกิดอยู่ๆมีสงครามโลก มียิงนิวเคลียร์ขึ้นมาคุณก็น่วมแต่ของผมอาจแค่กำไรลดเพราะผมถือว่าหุ้นถ้าดีจริงมันต้องขึ้นทันที หุ้นถ้าดีจริงหลายตัวคุณต้องเคาะขวาอย่างเดียวเลยด้วยซ้ำ ถ้าบิดไว้ก็ไม่ได้ของ ยกเว้นตอนมันวิ่งแรงๆแล้วพักตัวบิดไว้ถึงจะได้ของ เพราะว่าของดีจริงคนที่มีปริมาณเงินมากแล้วคิดว่าหุ้นตัวนี้ต่อให้ยกไปอีกหลายๆช่องก็ยังถูกก็จะเคาะขวาอย่างหนักและต่อเนื่อง เข้าทำนองของดีต้องราคาแพง แต่ว่าซื้อแพงแล้วขึ้นเร็วๆต่อก็เพียงพอแล้วคุณซื้อหุ้นตอนราคาแพงไม่ได้หมายความว่ามันไม่ value ถ้าหุ้นบางตัวราคา 10 บาทแล้วคุณคิดว่าราคาเหมาะสม20 บาทถ้ามันขึ้นมาวันเดียว 1 บาทหรือ 10% คุณก็ยังซื้อถูกไหม หลายคนชอบคิดว่าซื้อตอนขึ้นแรงๆแล้วไม่ value แต่ผมว่ามันคนละประเด็น ผมว่าในตอนนั้นแหละที่ตลาดโชว์ข้อมูลว่าหุ้นตัวนี้มี demand จริงๆคุณไม่ได้คิดไปเองคนเดียว ซึ่งกว่าตลาดจะให้มูลค่าในกรณีนั้นคุณอาจต้องรอนานมากทีเดียว ถ้าพอร์ตต้องการโตเร็วๆผมมองว่าของที่กำลังอยู่ในความสนใจของตลาดนั้นแหละที่ตอบโจทย์ได้ แต่หุ้นทุกตัวที่คุณเล่นคุณต้องมั่นใจพื้นฐานว่าดีจริงและยังต่ำกว่ามูลค่าด้วยนะครับ นี้เป็นกฎเหล็กครับ การฝึกฝนเรื่อง timing นอกจากการหัดดูกราฟคุณต้องเข้าใจจิตวิทยาของการเล่นหุ้นเพิ่มมากขึ้นด้วยครับ


4. เท่าที่ได้อ่านเห็นว่า ฮงได้ร่ำเรียนจากอาจารย์หลายสำนักมากมาย  คิดว่าแต่ละสาขามีข้อดีข้อเสียอย่างไร และวิธีไหนดีที่สุด

ตามความเห็นของผมคิดว่าไม่มีวิธีไหนที่เรียกว่าดีที่สุดนะครับ แต่ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับว่าเราเข้าใจวิธีต่างๆว่ามันบอกอะไรกับเราบ้าง และมันตรงกับจริตของเราไหมในเรื่องความการรับความเสี่ยง การต้องการผลตอบแทน เวลาที่เรามีในการหาข้อมูลหรือติดตามราคาหุ้น ผมจะลองยกตัวอย่างเท่าที่ผมสัมผัสมาดังนี้

อย่างแรก หลักการ วีไอ
ผมคิดว่าข้อดีที่เห็นได้ชัดมากที่สุดของมันก็คือ ผมคิดว่ามันมีความเป็น common sense สูงมาก คำพูดที่ทำให้แนวทางนี้เป็นที่ยอมรับในวงกว้างผมคิดว่าน่าจะเป็นคำว่า ซื้อหุ้นคือซื้อกิจการ ผมว่าคำนี้ทำให้เราสบายใจได้มากเลยว่าเราเข้าใจว่าเรากำลังเป็นเจ้าของ ของอะไรอยู่ เอาง่ายๆนะครับ สมมุติว่าเรามีหุ้น a อยู่ในมือแล้วเราไปประชุมผู้ถือหุ้นมาแล้วหาข้อมูลมาแถบทุกแง่มุมว่าหุ้น a นั้นน่าจะมีราคาเหมาะสมมากกว่าราคาตลาด 100% เวลามันขึ้นมา 20% เราก็ไม่ขายถูกไหมครับ แต่ถ้าเราซื้อหุ้นเพียงเพราะซื้อตามคนอื่น หรือซื้อเองแต่ไม่เข้าใจว่าเรากำลังถืออะไรอยู่ผมว่า 10% แรกเราก็ขายแล้วครับ
อันนี้เป็นข้อดีของแนวทางวีไอนะครับ ส่วนข้อเสียผมขอไม่พูดดีกว่าครับเพราะนี้คือเว็บ วีไอ แฮ่ๆๆ

แนวทางต่อไป fundflow เนี้ยผมคิดว่ามันก็มีข้อดีในมุมต่อไปนี้ครับก็คือว่า สมมุติว่าผมสนใจแต่ในแง่มุมของตัวธุรกิจของหุ้นที่ผมถือแต่วันดีคืนดีตลาดแย่มากๆหุ้นของผมก็ลงไปด้วยทั้งๆที่หุ้นของผมกำไรก็ไม่ได้แย่อะไร เหตุผลบางทีเป็นเรื่องของการโยกย้ายเม็ดเงินครับ คนที่เล่นแนววีไอเพียวๆอาจจะมองว่าเขาไม่สนใจปัจจัยเหล่านี้ซึ่งก็ไม่มีผิดหรือถูกครับแต่ผมสนใจปัจจัยเรื่องเม็ดเงินด้วยเพราะว่า ตลาดหุ้นเป็นทางเลือกอย่างนึงในการที่คนเอาเงินเข้ามาลงทุนสมมุติว่าดอกเบี้ยขึ้นมากๆ ตามหลักแล้ว valuation ของตลาดหุ้นในแง่ของ pe ควรจะต่ำลงเพราะว่า risk free rate สูงขึ้นลองไปเข้า dcf model ดูก็ได้ครับ ในภาวะที่เงินชะงักอย่างช่วง subprime ก็สามารถทำให้ valuation ของหุ้นลดลงได้อย่างฉับพลัน ในขณะที่พอสภาพคล่องเยอะขึ้นเงินไม่มีที่ไปก็เอามาเข้าสินทรัพย์เสี่ยงทำให้บางทีหุ้นหรือ commodity บางอย่างก็มีราคาสูงขึ้น แต่ข้อเสียของวิชานี้ก็คือว่ามันไม่สามารถช่วยเราในแง่ stock selection ได้ครับเม็ดเงินเข้ามาแล้วทำให้หุ้นตัวไหนน่าจะไป มันเพียงแต่บอกเราคร่าวๆในแง่ของสภาพคล่องมากกว่า และข้อเสียลำดับถัดมาคือว่า มันเป็นปัจจัยที่บางครั้งเราคาดการณ์อย่างครับ เช่น เราคิดว่าดอกเบี้ยจะขึ้นและตลาดจะตอบรับล่วงหน้าก่อนหลายเดือน แต่ปรากฏว่าเขาก็ไม่ขึ้นดอกเบี้ยซักทีหุ้นก็ลงแบบย่อๆนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ลงลึกลงแรงอะทำให้ในบางครั้งเราจะพลาดโอกาสถ้าเราขายหุ้นดีๆออกไปครับ สำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยศึกษาเรื่อง fundflow เลยครับว่า ให้ดู earning yield gap เป็นสำคัญครับตราบใดที่ % ไม่ต่ำมากเกินไปหุ้นก็ไม่น่ากลัวนักครับ และให้ดูตัวเลขเรื่องสภาพคล่องต่างๆในระบบคร่าวๆก็เพียงพอครับ อย่างวงจรดอกเบี้ยที่ต่ำขนาดนี้ก็อย่าไปกลัวหุ้นมากจนเกินไปครับ

แนวทางที่สามเป็นแนวทางที่ผมได้เริ่มใช้มาไม่ถึงปี แต่ทำให้ผมได้ผลตอบแทนสูงมากกว่า 400% ในเวลา 9 เดือนที่ผ่านมานี้คือแนวทาง technical + fundamental ที่มีสาขาหนึ่งเรียกว่า canslim  รวมไปถึง trend following ซึ่งเป็นแนวทางที่อาจารย์ billy bremner ได้เป็นผู้ชี้ทางสว่างให้ผมครับ หลังจากได้อาจารย์ชี้ทางผมก็ดิ้นรนค้นคว้าหาหนังสือสารพัดสารพันมาอ่านนับสิบเล่มและฝึกดูกราฟจนเป็นตัวผมในทุกวันนี้ครับ


ผมขอเล่าหลักการบางอย่างที่ผมศึกษาและได้เห็นมาจากคนรอบข้าง คือพวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องของวินัยในการเล่นหุ้น และจิตวิทยาการลงทุน และการบริหารความเสี่ยงน้อยเกินไป แต่เขามักให้ความสำคัญกับ stock selection เพียงสิ่งเดียวว่าแทบจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของการเล่นหุ้น เราจะมาขยายความกันครับ


เรื่องแรกคือเรื่องวินัยในการลงทุน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่นักลงทุนระดับโลกเคยพูดเอาไว้

บัฟเฟตเคยพูดว่า

“THE TRICK IS,WHEN’S NOTHING TO DO ,DO NOTHING”.



SOROS พูดว่า
“to be successful,you need leisure.You need time hanging heavily on your hands”.



ผมคิดว่านักลงทุนระดับแนวหน้าจะมีเงื่อนไขที่ชัดเจนว่าเขาจะเข้าไปลงทุนเมื่อมีองค์ประกอบอะไรบ้าง แต่นักลงทุนมือสมัครเล่นก็คือไม่มีเงื่อนไขที่ดีและชัดเจนถึงจะมีแต่ก็อาจจะไม่ทำตามมันทำให้ต่อให้หลักการลงทุนของเขาดีแค่ไหนสุดท้ายแล้วพอตลาดเปลี่ยนทิศหรือเขาคิดผิดด้วยความที่ไม่มีวินัยเขาก็จะต้องเจอกับการคืนเงินให้กับนายตลาดและในตอนนั้นพอร์ตของเขาก็มักจะใหญ่แล้วด้วยทำให้บางทีไม่ได้แค่คืนกำไรแต่กินไปถึงทุน และนอกจากนี้วินัยยังหมายถึงการที่เขาควรมี limit ในการขาดทุนที่ชัดเจนไม่ใช่ขาดทุนแล้วรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดเสีย ego ซัดเพิ่มดีกว่าอะไรแบบนี้
อย่างเรื่องจิตวิทยาการลงทุนเนี้ย ผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญมากถึงมากที่สุด ผมเคยเจอกับคนสองคนที่นั่งเล่นหุ้นอยู่ในห้องค้าเดียวกันมานานหลายปีโดยสมัยก่อนพอร์ตของสองท่านนี้ใกล้เคียงกันแต่เดี่ยวนี้พอร์ตของคนนึงใหญ่กว่ามากๆๆๆ ผมถามว่ามันคืออะไร นั่งใกล้กันดูกราฟเดียวกัน ข่าวได้พร้อมๆกัน มันเป็นเรื่องของทัศนคติ เรื่องของการอดทน ในชีวิตของคนเราถ้าอยู่ในตลาดหุ้นนานพอคุณจะได้เจอกับ winner stock เสมอแต่ถ้าคุณชอบขายหมู หรือทนเห็นหุ้นเหวี่ยงไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว คุณก็จะเอาหุ้น winner stock มาเล่นเสียของก็คือได้กำไรนิดเดียวแล้วก็ไป นั้นเป็นเพราะว่าจิตใจของคุณให้น้ำหนักกับความกลัวว่ากำไรที่คุณมีอยู่จะหายไปมากเกินไป สุดท้ายการกลัวกำไรหายมากเกินไปก็ได้กันให้คุณไม่มีทางเป็นผู้ชนะในตลาดหุ้นได้อย่างหมดจด หรือถ้าคุณคิดว่าหุ้นที่คุณถือดีจริงและคุณตั้งเป้าว่าจะขาดทุนได้ไม่เกิน 10% ถ้าเกินจะขายออก พอดีตลาดไม่ดีหุ้นของคุณก็เลยลงมา 5% จริงๆแล้วมันยังไม่ถึงจุดที่คุณจะตัดขาดทุนเลยแต่มันลงมาแล้วแช่อยู่ตรงนั้น 2 อาทิตย์คุณก็เลยเกิดความอึดอัดว่า ห่วยว่ะหุ้นตัวนี้ไม่ดีจริงเห็นตัวแดงๆในพอร์ตแล้วไม่สบายใจขายไปดีกว่า พอขายเสร็จมันก็ขึ้น อันนี้คุณผิดพลาดจากทั้งไม่รักษาวินัยและจิตใจของคุณไม่หนักแน่มากพอ
อย่างเรื่องต่อมาที่ trader ชอบพูดกันคือเรื่องของการบริหารความเสี่ยงหลายคนซื้อหุ้นแล้วไม่มีทางหนีทีไล่ ถูกก็รวยไปเลย ผิดก็ดับไปเลย แบบนี้ trader ชั้นนำบอกว่าเป็นทัศนคติที่ไม่ถูกต้องเพราะว่าสิ่งที่ดีกว่าที่คุณควรจะคิดก็คือว่า ถ้าถูกก็รวยสุดๆไปเลย ถ้าผิดก็ยอมเจ็บนิดเดียว ห้ามมี scenario ว่าคุณจะเสียหายเยอะๆเด็ดขาด นี้เป็นกฎเหล็กที่พูดง่ายแต่น้อยคนที่จะทำ หลายคนอยากรวยเร็วๆ ก็เลย take too high risk ต่อให้เขาชนะในครั้งนี้แต่ในระยะยาวแล้วเมื่อพอร์ตเขาใหญ่ขึ้นพอพลาดหนักๆทีเดียวเขาก็แทบจะต้องนับหนึ่งใหม่หรือซวยกว่านั้นก็กินเงินต้นมาลึกๆ



หลังจากผมสรุปลักษณะของศาสตร์ต่างๆจบ ผมตั้งใจจะบอกว่าการเล่นหุ้นนั้นมันไม่ได้มีแค่ stock selection มันมีเรื่องของ money management ,timing ,psychology ซึ่งถ้าคุณอยากรวยมากๆจากตลาดหุ้นพอคิดว่าคุณจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นด้วยเหมือนกัน ซึ่งผมจะยกตัวอย่างว่าผมผสมผสานหลักการพวกนี้อย่างไรเป็นตัวหุ้นจริงๆที่ทำให้ผมได้ผลตอบแทนสูงมากในปีนี้ครับ


5. ผลงานปีล่าสุด พอใจหรือไม่    เล่าประสบการณ์ตีแตกปีนี้ให้ฟังได้ไหม

-พอใจมากๆครับ ผมเองยังไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะได้ผลตอบแทนมากกว่า 400% ในเวลา 9 เดือนครับ
หุ้นที่ทำกำไรให้ผมได้สูงในปีนี้หลักๆสองตัวคือ vng และ ptl ครับ

Vng นี้เป็นหุ้นที่ผมเริ่มซื้อประมาณ 3 บาทถ้วนครับผมซื้อหลังจากผลประกอบการออกครับ ออกมาได้ประมาณ .26 ใน q4 2009 ครับ ตอนวันที่ออกมานี้หุ้นบวกไปประมาณ 20% ได้เลยครับเล่นกันบ้าเลือดมาก ผมก็กลัวครับกลัวเข้าไปซื้อแล้วจะติดดอย แต่พอมาดูดีๆ กำไรไตรมาสเดียว .26ถ้าคูณ 4 เข้าไปก็ได้ซัก 1 บาท สมัยก่อนตอน vng ทำกำไรได้ปีละ .55 สตางค์หุ้นยังเคยเทรดเกือบ 6 บาทครับ แล้วถ้าผมคาดว่ากำไรน่าจะได้ 1 บาทที่ 3 บาทผมจะกลัวอะไรล่ะครับ อิอิ แต่ผมไม่ได้จับกำไรมาคูณหยาบๆหรอกนะครับ ผมเช็กมากว่าเขามีการเพิ่มกำลังการผลิตไม้ชนิด mdf เยอะครับซึ่งเป็นสินค้าที่มี margin สูงกว่า pb พอสมควรและกำลังที่เพิ่มก็มาจาก order ที่เข้ามาหลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัวที่ดูเป็นกำไร qoq ก็จะเห็นว่าจากขาดทุนเยอะเป็นกำไรนิดหน่อยและกำไรมาปูดเอาตอน q4 2009 ครับ ผมดูๆแล้วยังไงก็คิดว่าคงไม่แพ้แน่ฟะ ก็เลยซัดไปตัวเดียว 70% ของพอร์ตที่ทุนประมาณ 3 บาทก่อนประกาศจ่ายปันผล 9 สตางค์ถือไว้ 3 เดือนกว่าๆผมก็ขายไปที่ 5 บาท คือนิสัยผมจะชอบขายหุ้นตอนมันลงแบบมีวอลุ่ม ผมเห็นวันนั้นหุ้นลงวันเดียวเกือบ 10% โดยที่วอลุ่มเยอะมาก ตอนกลางคืนผมก็นั่งคิดนอนคิดว่าผมจะเอาไงดี แต่ผมคิดว่าหุ้นอาจเปลี่ยนเทรนก็ได้
บวกกลับถือเยอะมากและก็ได้กำไรเยอะแล้วและตอนนั้นก็มีหุ้นหลายตัวที่ผมคิดว่ายังถูกอยู่และถือแล้วไม่เสียวมากด้วย อีกเหตุผลนึงที่ผมขาย vng ที่ 5 บาทเพราะว่ากำไรในไตรมาส 1 53 ได้ต่ำกว่าที่ผมคิดเอาไว้ประมาณ 20-25% แต่หุ้นก็ยังขึ้นมาจากวันที่ประกาศผลประกอบการพอสมควรพอมันลงแรงๆแล้วยังมีหุ้นตัวอื่นที่น่าสนใจผมก็เลยขายออกไปทั้งหมดประมาณ 4.94-5 บาทในวันรุ่งขึ้น ถึงแม้ vng จะขึ้นต่อแต่ผมก็คิดว่ามันทั้งกำไรต่ำกว่าคาดและโดนทิ้งแบบโหดๆ ก็เลยไม่เป็นไรเอาเงินไปเล่นตัวอื่นก็ยังกำไร อิอิ

ส่วนอีกตัวที่ทำเงินให้ผมเยอะมากๆคือ ptl ครับตัวนี้ผมทุนเดิมเลยคือ 7.5 ครับ ตอนนั้นเห็นกำไรไตรมาส 4 ของปี 2009 สูงครับ สูงทั้งๆที่ spread ค่อนข้างจะต่ำครับในตอนแรกผมคิดว่า ptl จะมีกำไรต่อหุ้นในปีนี้ซักประมาณ 1.75 ครับก็คิดว่าปันผลซัก 40% ต้นทุนผมก็ได้ผลตอบแทนไม่เลวเลยทีเดียวครับ ประกอบกับบริษัทมี pe ที่ถูกและเป็นบริษัทที่ใหญ่มากและมี economy of scale สูงครับ ตอน 7.5 ผมก็ซื้อไปประมาณ 40% ของพอร์ตครับแล้วก็คิดว่าถ้าเกิน 13 บาทจะขายครับแต่ปรากฏว่าตอนงบไตรมาสหนึ่งประกาศผมเห็นกำไร 0.52 ต่อไตรมาสก็เลยคิดว่ามันดีกว่าที่คิดเอาไว้เยอะมากผมก็เลยคิดว่างี้ไม่ขายแล้วที่ 13 บาทปรากฏว่าตอนหุ้นขึ้นมาประมาณ 15.4แล้วลงไปเหลือ 13.1 ช่วงนั้นผมได้ทำประมาณการกำไรใหม่แล้วรู้สึกว่าที่ราคาแถวๆ 13-15 ยังถูกผมเลยค่อยๆขายหุ้นตัวอื่นมาซื้อ ptl เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆและซื้อเยอะๆตอนที่ราคาหุ้นทะลุ cup handle ซื้อจนถือหุ้นตัวนี้ตัวเดียวในพอร์+มาร์จิ้นเล็กน้อยครับและพอได้ ee เพิ่มผมก็ซื้อเพิ่มตลอดทางในสัดส่วนที่ผมคำนวณว่าไม่เสี่ยงเกินไปต่อการโดน forced sell ครับ ผมเล่าเรื่องนี้เพราะผมจะสื่อว่าถ้าผมยึดติดว่าหุ้นมาจากกี่บาทผมก็จะไม่อยากซื้อเพิ่มเพราะผมไม่อยากให้ทุนของผมขยับแต่จริงๆแล้วผมขอบอกว่าผมไม่เคยสนใจต้นทุนเลยครับ หลายคนไม่กล้าซื้อหุ้นเพิ่มเพียงเพราะว่ามันราคาขึ้นเพราะเขากลัวว่าทุนของเขาจะเพิ่ม แต่ผมไม่คิดแบบนั้นผมคิดว่าถ้าทุนคุณต่ำแต่คุณมีหุ้นตัวที่ขึ้นเยอะที่สุดเพียงแค่ 10% ภาพรวมของผลตอบแทนทั้งพอร์ตคุณอาจไม่สูง ในทางกลับกับถ้าคุณซื้อหุ้นแล้วหุ้นลง
คุณจะอยากซื้อเพิ่มเพราะว่ามันทำให้ทุนคุณต่ำกว่าตอนแรก แต่จริงๆแล้วการซื้อในตอนนั้นมันแสดงว่าคุณขาดทุนมาก่อนแล้วคุณก็เพิ่มน้ำหนักให้มันมากขึ้นไปอีกเพราะคุณคิดว่าสุดท้ายมันต้องกลับมาอะไรทำนองนี้

ดังนั้นผมไม่เคยนับต้นทุนหุ้นในพอร์ตเลยผมรู้แต่ว่าพอร์ตของผมในแง่ของเงินลงทุนทั้งก้อนที่ลงไปในตลาดตอนนี้โตกี่% ผมคิดว่าสิ่งนี้เท่านั้นที่สะท้อนภาพที่แท้จริงของพอร์ต


ถ้าอยากได้ผลตอบแทนขนาดนี้ มีมุมมองอย่างไรกับการใช้มาร์จิ้นครับ

ส่วนของมาร์จิ้น

อย่างไรก็ตามเรื่องมาร์จิ้นผมไม่ขอสนับสนุนให้ทุกคนเล่นมาร์จิ้นเพียง เพราะต้องการได้ผลตอบแทนเยอะๆ ผมคิดว่าการเล่นมาร์จิ้นเหมาะกับคนที่เชี่ยวชาญในเรื่อง timing และพร้อมที่จะ cutloss ตลอดเวลา แต่ไม่เหมาะสำหรับคนทั่วไปหรือวีไอที่หุ้นลงก็ซื้อเพิ่ม การเล่นมาร์จิ้นนั้นต้องมีวินัยสูงมากและถ้าให้ดีควรดูกราฟเป็นหรือมีระบบ การเทรดที่รองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเอาไว้อย่างดี และประกอบกับตลาดในช่วง 2 ปีนี้เป็นขาขึ้นจากแรงผลักดันทางด้านสภาพคล่องทำให้นับเป็นนาทีทองแห่งการ โกยเงิน แต่หลังจากนี้ตลาดคงจะไม่สดใสเหมือน 2 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นผมอยากฝากไปถึงทุกคนที่คิดจะใช้มาร์จิ้นว่าให้ระวังให้ดีถ้าท่านคิด ที่จะมาเปิดบัญชีมาร์จิ้นเอาตอนนี้ อย่าปล่อยให้ความโลภครอบงำจิืตใจ




6. เคยลงทุนผิดแนวหรือไม่  มีประสบการณ์ที่ผิดพลาดบ้างหรือไม่

ผมเคยได้ประสบการณ์ที่เจ็บปวดจากการไม่รักษาวินัยในการลงทุน ผมเคยซื้อหุ้นอิเล็กโทรนิคบางตัวที่ราคาวิ่งขึ้นมาเร็วมากและผมคิดว่ากำไรมันน่าจะโตต่อไปได้อีกเยอะ แต่จริงๆแล้วผมซื้อหุ้นผิดจังหวะผมซื้อตอนที่ราคาวิ่งเร็วมากและยังไม่ได้พักเลย ผมก็ซัดเข้าไปเลย 70% ของพอร์ตปรากฏว่าช่วงที่มี เคอฟิวและตอนนั้นตลาดหุ้น dowjone และ Europe น่ากลัวมากๆๆๆ หุ้นตัวนี้ส่งออกไปต่างประเทศเยอะ ผมเลยตัดใจขายปรากฏว่าขายที่เกือบ bottom ของรอบนั้นผมหุ้นขึ้นมาอีกรอบผมเพิ่งได้สติว่าเฮ้ย ลงแล้วเด้งได้ตัวแรกๆแบบนี้ของดีจริงนี้ เลยกลับไปซื้อแพงขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้สุดท้ายจะได้กำไรจากหุ้นตัวนี้แต่ผมก็ขาดทุนกับอะไรที่ผมคิดว่ามันไม่ควรจะเกิดขึ้น ถ้าผมซื้อไม่ทันผมก็ควรปล่อยมันไปหรือทยอยซื้อ แต่ผมโลภ ผมคิดว่ามันจะขึ้นต่อเร็วๆเลยผมเลยอัดเข้าไปเปรี๊ยงเดียวเลย 70% ของพอร์ต พอลงก็กลัวแบบไม่มีสติ พอขึ้นค่อยได้สติกลับมาซื้อแพงใหม่ 5555

7. งานอดิเรก    , ปัจจุบันเฝ้าหน้าจอบ่อยไหม  , อ่านหนังสือการลงทุนบ่อยแค่ไหน

- งานอดิเรกคือการเล่น twitter ครับ ตะก่อนผมเขียน blog เยอะแต่หลังๆเริ่มรู้สึกอยากได้สังคมใหม่ๆก็พบว่าการเล่น twitter นี้ช่วยทำให้ผมรู้สึกเพลิดเพลินมากครับ เวลาเล่นผมชอบถ่ายรูปของกินไปลงครับ ผมมีความสุขที่ได้ทำให้คนที่ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันและข้าวเย็นเห็นกับข้าวน่ากินที่ผมถ่ายรูปมาแล้วท้องร้องครับ ในทวิสของผมช่วงแรกๆผมเขียนเรื่องการลงทุนเยอะมากทีเดียวนะครับแต่หลังๆนี้เรื่องกินเที่ยวเริ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับการลงทุนครับ อิอิ ส่วนคำถามเรื่องเฝ้าหน้าจอขอตอบว่า ไม่ค่อยเฝ้านะครับ ช่วงหลังๆนี้วันธรรมดาบางวัน 5 วัน อยู่บ้านแค่วันเดียวครับที่เหลือก็เป็นผู้ชาย ลั้นล้า ออกไปท่องเที่ยว กินๆๆ อย่างเดียวเลยครับ เรื่องหนังสือการลงทุนผมอ่านหนังสือแนว trader เยอะมากครับในช่วงครึ่งปีหลังมานี้อ่านเป็น 10 เล่มครับ เล่มที่ชอบมากที่สุดน่าจะเป็น trend following ครับ นอกจากนี้ก็ยังอ่านหนังสือเกี่ยวกับการใช้ระบบ เทรด หรือที่เรียกกันว่า trading system ครับ
พออ่านดูแล้วอ่านว่านักลงทุนควรจะเข้าใจเรื่องความน่าจะเป็นเรื่องวินัยและจิตใจมากขึ้นครับ ไม่เว้นแม้แต่แนวทางวีไอครับ



8. มีอะไรฝากถึงนักลงทุนรุ่นใหม่ๆบ้าง


              อย่ามั่นใจเกินไป อย่ายึดติดกับความคิดของตัวเองมากเกินไป หลายคนเพิ่งเข้าตลาดหุ้นได้ไม่ถึงปีอ่านหนังสือลงทุนไม่กี่เล่มแล้วคิดว่าตัวเองแน่ เวลาทำอะไรไม่เคยเผื่อเหลือเผื่อขาด ใครเตือนก็ไม่เคยฟังแล้วเวลาเห็นใครพูดถึงแนวทางอื่นก็ปิดใจและคิดว่าแย่ๆๆไม่ดีๆๆ บางคนถึงคนเหยียดแนวทางอื่นผมคิดว่าการคิดแบบนี้ทำให้คุณโลกแคบมาก และคุณอาจจะพลาดท่าเอาเงินมาหมดกับตลาดหุ้นโดยที่คุณกำลังไม่รู้ตัวก็ได้ ถ้าตลาดหุ้นมันง่ายขนาดว่าคุณไปซื้อหนังสือใน pocket book มาอ่านไม่กี่เล่มแล้วก็เล่นหุ้นจนรวยผมว่าคุณมองอะไรง่ายๆเกินไป หนังสือลงทุนใครๆก็ซื้ออ่านได้ คุณอาจจะเข้าใจหลักการ แต่คุณไม่มีประสบการณ์ ไม่มีวินัย ไม่มีจิตวิทยาที่ดี ผมรับรองว่าไม่กี่ปีคุณก็ออกจากตลาดแล้ว เหมือนกับที่หลายๆคนที่เจอปี 2008 แล้วก็เลิกเล่นหุ้นไปเลย ผมคิดว่าคนที่เล่นหุ้นแล้วจะอยู่ได้ยาวๆจำเป็นต้องมีความพยายามในการเรียนรู้และต้องการก้าวหน้าสูงมากเพราะตลาดหุ้นเป็นสถานที่มีความอันตรายสูงตลอดเวลามันทำตัวเหมือนแมวเชื่องๆแต่จริงๆแล้วมันเป็นเสือร้ายที่พร้อมจะตะปบเราจนบาดเจ็บ เราต้องเรียนรู้การใส่เกาะป้องกันกรงเล็บเสือร้าย



อย่างไรก็ตามกว่าที่ผมจะประสบความสำเร็จมาได้ระดับนี้
ผมต้องขอขอบคุณผู้ที่เคยประสิทธิ์ประสาทวิชาให้กับผมดังนี้ครับ


1.พี่ bremner ผู้สอนวิชากราฟและการเทรดและแนวคิดการเล่นหุ้น commodity ให้กับผม ผมมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะอาจารย์ bremner พี่ผู้นี้ถือว่าเป็นผู้มีบุญคืนกับชีวิตการลงทุนของผมมากๆ
2.พี่แจ็ค อาจารย์อีกท่านนึงที่สอนกราฟให้ผม และยังวิชาเหาฉลาด inter และการวิเคราะห์ดีๆอีกหลายอย่าง ต้องขอบคุณจริงๆ
3.พี่สุมาอี้ ผมขอบคุณที่ช่วยแนะนำเรื่องการอย่ายึดติดกับแนวคิดเดิมๆ อย่ามั่นใจอะไรจนเกินไป แนวคิดในการมองธุรกิจ การหาหุ้น growth stock
4.พี่ ih ที่เคยตอบคำถามของผมเรื่องการลงทุนแบบวีไอหลายร้อยข้อในเว็บ greenbull ทำให้ผมได้แนวคิดดีๆมาต่อยอดทางการลงทุนมากมาย
5.พี่เล็ก ck ที่ทำเว็บ tvi และเว็บมวยวัดขึ้นมา ถ้าไม่มีทั้งสองเว็บนี้ผมก็จะไม่มีโอกาศได้เจอกับคนดีๆเก่งๆเลย นอกจากนี้พี่เล็กยังเคยสอนสิ่งที่มีค่าหลายอย่างให้กับผมอีก
6.พี่วิบูลย์ที่แลกเปลี่ยนความเห็นในห้องตระแกรงล่อนกับผมแล้วทำให้ผมได้เข้าใจว่าวีไอที่แท้จริงมีแนวคิดอย่างไร
7.พี่ฉัตรชัยที่ให้ความรู้ในการอ่านงบการเงิน และเป็น mod ที่เป็นตัวอย่างที่ดีของเว็บ tvi
8.พี่มนตรี ที่เคยสอนเรื่องบัญชีและ bizmodel ให้กับผม


สุดท้ายนี้ขอบคุณเว็บ tvi มากๆที่สร้างสังคมดีๆแบบนี้ให้กับสังคม ถ้าตัวผมเคยล่วงเกินผู้ใดหรือท่านใดในเว็บ ผมต้องขออภัยจากใจจริง
ให้หุ้น = แช่ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
whitecastle
Verified User
โพสต์: 406
ผู้ติดตาม: 0

เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๑๗ต.ค.๒๕๕๓) ตอน พันจุดแค่เอื้อม

โพสต์ที่ 150

โพสต์

ได้ข้อคิดดีๆมากมายเลยครับ ทำให้รู้ว่าประสบการณ์นี่มันทำให้ความคิดเราแหลมคมได้ขนาดไหน  :8)