มาร่วมกันสร้าง ... แรงบันดาลใจ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 795
- ผู้ติดตาม: 0
มาร่วมกันสร้าง ... แรงบันดาลใจ
โพสต์ที่ 1
เคยมั้ยครับ รู้สึก ตัวเอง เฉื่อยๆ ท้อแท้ๆ เหนื่อยหน่ายกับชีวิต
รู้สึกทำไมตัวเองโชคร้าย รู้สึก ทำไม คนอื่นโชคดีจัง
แท้จริงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าที่ใด เวลาใด ล้วนเกิดตามแต่เหตุและปัจจัย ถ้าเราทำเหตุและปัจจัยให้ตรง เดี๋ยวผลมันเกิดเอง
เช่น เราอยากรวยมากๆ เราก็ต้อง ขยันหาช่องทางทำเงินที่สุจริต หมั่นทำบุญ ทำทาน มีกัลยาณมิตร connection ที่ดี เมื่อเจอปัญหา ก็ไม่ท้อแท้ ฯลฯ
ถ้าเชื่อมั่นเช่นนี้ เดี๋ยวผลมันเกิดเอง
ถ้าวันนี้ ผลที่ต้องการยังไม่เกิด แสดงว่า เราสร้าง เหตุและปัจจัยยังไม่ตรง ไม่พร้อม ไม่ดีพอ
เพราะ ธรรมชาติ ยุติธรรมเสมอ ธรรมชาติ ให้ผลตามที่่สิ่งที่เราทำ
ขอความเมตตาจากเพื่อนๆ ช่วยกันสร้างแรงบันดาลใจ กำลังใจ ให้กันและกัน ในสังคม thaivi ดีๆ แห่งนี้ ด้วย
1. เรื่องราวดีที่สร้าง กำลังใจ แรงบันดาลใจ
2. เทคนิคหรือ ประสบการณ์ของตัวเองที่ ท่านใช้แล้วประสบความสำเร็จ หรือ ล้มเหลว อย่างไร
ขอบคุณสำหรับ นักลงทุนใจบุญ ที่ประสบความสำเร็จทุกท่านครับ :)
รู้สึกทำไมตัวเองโชคร้าย รู้สึก ทำไม คนอื่นโชคดีจัง
แท้จริงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าที่ใด เวลาใด ล้วนเกิดตามแต่เหตุและปัจจัย ถ้าเราทำเหตุและปัจจัยให้ตรง เดี๋ยวผลมันเกิดเอง
เช่น เราอยากรวยมากๆ เราก็ต้อง ขยันหาช่องทางทำเงินที่สุจริต หมั่นทำบุญ ทำทาน มีกัลยาณมิตร connection ที่ดี เมื่อเจอปัญหา ก็ไม่ท้อแท้ ฯลฯ
ถ้าเชื่อมั่นเช่นนี้ เดี๋ยวผลมันเกิดเอง
ถ้าวันนี้ ผลที่ต้องการยังไม่เกิด แสดงว่า เราสร้าง เหตุและปัจจัยยังไม่ตรง ไม่พร้อม ไม่ดีพอ
เพราะ ธรรมชาติ ยุติธรรมเสมอ ธรรมชาติ ให้ผลตามที่่สิ่งที่เราทำ
ขอความเมตตาจากเพื่อนๆ ช่วยกันสร้างแรงบันดาลใจ กำลังใจ ให้กันและกัน ในสังคม thaivi ดีๆ แห่งนี้ ด้วย
1. เรื่องราวดีที่สร้าง กำลังใจ แรงบันดาลใจ
2. เทคนิคหรือ ประสบการณ์ของตัวเองที่ ท่านใช้แล้วประสบความสำเร็จ หรือ ล้มเหลว อย่างไร
ขอบคุณสำหรับ นักลงทุนใจบุญ ที่ประสบความสำเร็จทุกท่านครับ :)
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"

-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 795
- ผู้ติดตาม: 0
มาร่วมกันสร้าง ... แรงบันดาลใจ
โพสต์ที่ 2
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... 2&catid=no
"หนุ่มเมืองจันท์" เล่าว่า ผมเพิ่งกลับจากงาน "MICT สร้างคน สร้างชาติ" ที่จังหวัดอุบลราชธานี
ผมคุยกับ "สมชาย เหล่าสายเชื้อ" เจ้าของ "โตโยต้าดีเยี่ยม" ดีลเลอร์ขายรถโตโยต้ารายใหญ่ของอุบลราชธานี
บอกตรงๆ ว่าไม่รู้จัก
ตอนอ่านข้อมูลของ "สมชาย" ที่ทีมงานส่งมาให้ก็เริ่มสนใจมากขึ้น
แต่พอได้เจอตัวจริง ยิ่งคุยยิ่งตะลึง
...ไปอยู่ที่ไหนมา
เป็นความรู้สึกเหมือนตอนที่ผมคุยกับ "หมวย" ศิริญา เทพเจริญ ของ "ณุศาศิริ"
"โตโยต้าดีเยี่ยม" เป็นโชว์รูมของโตโยต้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 22 ไร่เศษ ใช้เงินลงทุนกว่า 800 ล้านบาท
และกำลังขยายไปอีก 60 ไร่
แต่ความยิ่งใหญ่ของ "โชว์รูม" นั้นไม่เท่ากับชีวิตของ "สมชาย"
ผมชอบประโยคหนึ่งที่เขาบอกกับคณะกรรมการของ "โตโยต้า" ในช่วงการสัมภาษณ์ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการตัดสินว่าจะอนุมัติให้ "สมชาย" เป็น "ดีลเลอร์" ขายรถโตโยต้าหรือไม่
"ผมไม่มีอะไรที่เหนือกว่าคนอื่น ผมมีเพียงแค่ใจที่เหนือคน"
"ขนาดหัวใจ" ของ "สมชาย" คนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ ครับ
"สมชาย" จบแค่ ป.5
ตอนเรียนนั้น เขามีคุณสมบัติพิเศษเหนือกว่าเด็กนักเรียนคนอื่นตรงที่เรียนชั้นละ 2 ปี
จนถึง ป.5 ครูประจำชั้นทนไม่ได้ ต้องแอบเอาข้อสอบมาให้ที่บ้าน
กลัวว่าเขาจะสอบตก
"สมชาย" ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน ไปทำงานตามร้านชำ ขายหนังสือพิมพ์ ฯลฯ
ทำทุกอย่างที่ได้เงิน
เขาเป็นคนสู้งาน ทำงานที่ไหนเถ้าแก่ก็รัก
วันหนึ่ง เขาไปทำงานที่บริษัทเสริมสุข ส่ง "เป๊ปซี่" ตามร้านต่างๆ ในจังหวัดอุบลฯ
ทำงานไม่กี่เดือน เขาก็ได้เป็น "พนักงานขายดีเด่น" ที่ทำยอดขายสูงสุดในประเทศไทย
1,200 กว่าลังต่อวัน
จำนวนลังที่ขายได้ต่อวันมากกว่าปริมาณที่รถจะบรรทุกได้
ครับ เขาขาย 2 รอบ
เคล็ดลับการขายของ "สมชาย" ก็คือ ออกรถเช้ากว่าคนอื่น
เขาออกรถตั้งแต่ตีห้า
11 โมงเขาก็ขายหมด
กลับมาบรรทุก "เป๊ปซี่" ใหม่อีกเที่ยวหนึ่ง แล้วตระเวนไปตามร้านอื่นๆ ต่อ
"ผมไม่ได้ขายแค่ร้านริมถนน แต่ในซอย หรือตามบ้าน ผมก็ส่ง"
3 ปีผ่านไป เขาก็ยังรักษาสถิตินักขายดีเด่นเอาไว้ได้
ซึ่งตามหลักเขาควรจะได้รับการโปรโมตในตำแหน่งที่สูงขึ้น
แต่ "สมชาย" ไม่ได้ ด้วยเหตุผลว่าตำแหน่งผู้จัดการนั้นต้องมีอายุ 36 ปีขึ้นไป
"สมชาย" ตัดสินใจลาออก
และเดินตามความฝันในวัยเด็กของเขา
เขาชอบ "รถยนต์"
"สมชาย" เดินไปสมัครงานที่ "โตโยต้าอุบลราชธานี" ดีลเลอร์ขายรถโตโยต้าเก่าแก่ในเมืองอุบลฯ
คำถามแรกที่เจอก็คือ "จบอะไรมา"
พอบอกว่า ป.5
เถ้าแก่ก็ปฏิเสธ
"ตอนนี้เขารับแต่ปริญญาตรี หรือ ปวส."
"สมชาย" รู้ว่าคุณสมบัติสู้ไม่ได้ เขาจึงยื่นข้อเสนอใหม่
เป็นข้อเสนอแบบ "ก๊อดฟาเธอร์"
"นี่คือ ข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้"
"ก๊อดฟาเธอร์" นั้นใช้บารมีหรือความเหี้ยมโหดทำให้คนฟังต้องสยบยอม
แต่ข้อเสนอของ "สมชาย" เป็นข้อเสนอที่คนฟังไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร
ข้อเสนอของเขามี 3 ข้อครับ
1.ทำงานอะไรก็ได้
2.เงินเดือนเท่าไรก็ได้
และ 3.ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด
"คุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้ามีคนเสนอเงื่อนไขแบบนี้" คุณสมชายถามผมบนเวที
...ทำงานอะไรก็ได้ เงินเดือนเท่าไรก็ได้ และทำงานไม่มีวันหยุด
"แบบนี้ต้องมาปล้นแน่ๆ เลย" ผมตอบ
...มุข ครับ มุข
"เถ้าแก่" คนไหนเจอคนมาสมัครงานแล้วเสนอเงื่อนไขแบบนี้ อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้สึกว่าไอ้เด็กคนนี้มันต้องขยัน และตั้งใจจริงอย่างแน่นอน
นั่นคือ เหตุผลที่ "เถ้าแก่" ตัดสินใจรับ "สมชาย" เข้าทำงาน
เริ่มต้นงานแรกด้วยการปัดกวาดรถและทำทุกอย่างที่ "เถ้าแก่" ใช้
จนวันหนึ่ง "เถ้าแก่" สั่งให้เขาไปส่งรถให้ลูกค้าที่ยโสธร
ให้เงินไป 30 บาท
2 ชั่วโมงหลังจากนั้นเขากลับมาพร้อมกับตังค์ทอน 13 บาท
ขับรถไปส่ง และนั่งรถโดยสารกลับมา
ไม่อู้ และซื่อสัตย์
เมื่อ โชว์รูมที่ยโสธรมีปัญหา "เถ้าแก่" จึงส่ง "สมชาย" ไปดูแล
3 เดือนแรกเขาขายไม่ได้เลยสักคันเดียว
แต่สิ่งหนึ่งที่ "สมชาย" ค้นพบก็คือ คนที่มีรถเก่า ส่วนใหญ่อยากซื้อรถคันใหม่ แต่จะซื้อได้ก็ต้องขายรถเก่าให้ได้ก่อน
"สมชาย" จึงใช้กลยุทธ์หาพ่อค้ารถมือสองมารับซื้อรถ
พอขายรถเก่าได้ เขาก็จะมาซื้อรถใหม่กับ "สมชาย"
ยอดขายรถโตโยต้าที่ยโสธรพุ่งขึ้นเรื่อยๆ
สิ้นปี "เถ้าแก่" จัดงานปีใหม่ และบอกกับพนักงานทุกคนว่าสาขาอุบลฯ นั้นอยู่รอดได้เพราะสาขายโสธร
"หนู" ช่วย "ราชสีห์"
"สมชาย" ทำงานที่ "โตโยต้าอุบลฯ" 15 ปี
เมื่อ "เถ้าแก่" เสียชีวิต เขาก็ตัดสินใจลาออก
เลิกเป็น "ลูกจ้าง" และเริ่มต้นชีวิต "เถ้าแก่" ตั้งแต่วันนั้น
เชื่อไหมครับว่าวันเปิดโชว์รูม "โตโยต้าดีเยี่ยม" เขาส่งจดหมายไปถึงผู้มีพระคุณ 5 คน
ขอเชิญมาร่วมงาน พร้อมกับ "ของขวัญ" ที่แทน "คำขอบคุณ"
เชิญเลือกรถโตโยต้า 1 คัน
รุ่นไหนก็ได้ เลือกได้เลย
"น้ำใจ" ที่ยิ่งใหญ่ของ "สมชาย" กลับได้รับ "คำตอบ" ที่งดงามยิ่งกว่า
งดงามอย่างไร ฉบับหน้าจะเล่าให้ฟังครับ
.....................
ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 12ก.พ.53 (วางบนแผงวันนี้)
"หนุ่มเมืองจันท์" เล่าว่า ผมเพิ่งกลับจากงาน "MICT สร้างคน สร้างชาติ" ที่จังหวัดอุบลราชธานี
ผมคุยกับ "สมชาย เหล่าสายเชื้อ" เจ้าของ "โตโยต้าดีเยี่ยม" ดีลเลอร์ขายรถโตโยต้ารายใหญ่ของอุบลราชธานี
บอกตรงๆ ว่าไม่รู้จัก
ตอนอ่านข้อมูลของ "สมชาย" ที่ทีมงานส่งมาให้ก็เริ่มสนใจมากขึ้น
แต่พอได้เจอตัวจริง ยิ่งคุยยิ่งตะลึง
...ไปอยู่ที่ไหนมา
เป็นความรู้สึกเหมือนตอนที่ผมคุยกับ "หมวย" ศิริญา เทพเจริญ ของ "ณุศาศิริ"
"โตโยต้าดีเยี่ยม" เป็นโชว์รูมของโตโยต้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 22 ไร่เศษ ใช้เงินลงทุนกว่า 800 ล้านบาท
และกำลังขยายไปอีก 60 ไร่
แต่ความยิ่งใหญ่ของ "โชว์รูม" นั้นไม่เท่ากับชีวิตของ "สมชาย"
ผมชอบประโยคหนึ่งที่เขาบอกกับคณะกรรมการของ "โตโยต้า" ในช่วงการสัมภาษณ์ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการตัดสินว่าจะอนุมัติให้ "สมชาย" เป็น "ดีลเลอร์" ขายรถโตโยต้าหรือไม่
"ผมไม่มีอะไรที่เหนือกว่าคนอื่น ผมมีเพียงแค่ใจที่เหนือคน"
"ขนาดหัวใจ" ของ "สมชาย" คนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ ครับ
"สมชาย" จบแค่ ป.5
ตอนเรียนนั้น เขามีคุณสมบัติพิเศษเหนือกว่าเด็กนักเรียนคนอื่นตรงที่เรียนชั้นละ 2 ปี
จนถึง ป.5 ครูประจำชั้นทนไม่ได้ ต้องแอบเอาข้อสอบมาให้ที่บ้าน
กลัวว่าเขาจะสอบตก
"สมชาย" ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน ไปทำงานตามร้านชำ ขายหนังสือพิมพ์ ฯลฯ
ทำทุกอย่างที่ได้เงิน
เขาเป็นคนสู้งาน ทำงานที่ไหนเถ้าแก่ก็รัก
วันหนึ่ง เขาไปทำงานที่บริษัทเสริมสุข ส่ง "เป๊ปซี่" ตามร้านต่างๆ ในจังหวัดอุบลฯ
ทำงานไม่กี่เดือน เขาก็ได้เป็น "พนักงานขายดีเด่น" ที่ทำยอดขายสูงสุดในประเทศไทย
1,200 กว่าลังต่อวัน
จำนวนลังที่ขายได้ต่อวันมากกว่าปริมาณที่รถจะบรรทุกได้
ครับ เขาขาย 2 รอบ
เคล็ดลับการขายของ "สมชาย" ก็คือ ออกรถเช้ากว่าคนอื่น
เขาออกรถตั้งแต่ตีห้า
11 โมงเขาก็ขายหมด
กลับมาบรรทุก "เป๊ปซี่" ใหม่อีกเที่ยวหนึ่ง แล้วตระเวนไปตามร้านอื่นๆ ต่อ
"ผมไม่ได้ขายแค่ร้านริมถนน แต่ในซอย หรือตามบ้าน ผมก็ส่ง"
3 ปีผ่านไป เขาก็ยังรักษาสถิตินักขายดีเด่นเอาไว้ได้
ซึ่งตามหลักเขาควรจะได้รับการโปรโมตในตำแหน่งที่สูงขึ้น
แต่ "สมชาย" ไม่ได้ ด้วยเหตุผลว่าตำแหน่งผู้จัดการนั้นต้องมีอายุ 36 ปีขึ้นไป
"สมชาย" ตัดสินใจลาออก
และเดินตามความฝันในวัยเด็กของเขา
เขาชอบ "รถยนต์"
"สมชาย" เดินไปสมัครงานที่ "โตโยต้าอุบลราชธานี" ดีลเลอร์ขายรถโตโยต้าเก่าแก่ในเมืองอุบลฯ
คำถามแรกที่เจอก็คือ "จบอะไรมา"
พอบอกว่า ป.5
เถ้าแก่ก็ปฏิเสธ
"ตอนนี้เขารับแต่ปริญญาตรี หรือ ปวส."
"สมชาย" รู้ว่าคุณสมบัติสู้ไม่ได้ เขาจึงยื่นข้อเสนอใหม่
เป็นข้อเสนอแบบ "ก๊อดฟาเธอร์"
"นี่คือ ข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้"
"ก๊อดฟาเธอร์" นั้นใช้บารมีหรือความเหี้ยมโหดทำให้คนฟังต้องสยบยอม
แต่ข้อเสนอของ "สมชาย" เป็นข้อเสนอที่คนฟังไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร
ข้อเสนอของเขามี 3 ข้อครับ
1.ทำงานอะไรก็ได้
2.เงินเดือนเท่าไรก็ได้
และ 3.ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด
"คุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้ามีคนเสนอเงื่อนไขแบบนี้" คุณสมชายถามผมบนเวที
...ทำงานอะไรก็ได้ เงินเดือนเท่าไรก็ได้ และทำงานไม่มีวันหยุด
"แบบนี้ต้องมาปล้นแน่ๆ เลย" ผมตอบ
...มุข ครับ มุข
"เถ้าแก่" คนไหนเจอคนมาสมัครงานแล้วเสนอเงื่อนไขแบบนี้ อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้สึกว่าไอ้เด็กคนนี้มันต้องขยัน และตั้งใจจริงอย่างแน่นอน
นั่นคือ เหตุผลที่ "เถ้าแก่" ตัดสินใจรับ "สมชาย" เข้าทำงาน
เริ่มต้นงานแรกด้วยการปัดกวาดรถและทำทุกอย่างที่ "เถ้าแก่" ใช้
จนวันหนึ่ง "เถ้าแก่" สั่งให้เขาไปส่งรถให้ลูกค้าที่ยโสธร
ให้เงินไป 30 บาท
2 ชั่วโมงหลังจากนั้นเขากลับมาพร้อมกับตังค์ทอน 13 บาท
ขับรถไปส่ง และนั่งรถโดยสารกลับมา
ไม่อู้ และซื่อสัตย์
เมื่อ โชว์รูมที่ยโสธรมีปัญหา "เถ้าแก่" จึงส่ง "สมชาย" ไปดูแล
3 เดือนแรกเขาขายไม่ได้เลยสักคันเดียว
แต่สิ่งหนึ่งที่ "สมชาย" ค้นพบก็คือ คนที่มีรถเก่า ส่วนใหญ่อยากซื้อรถคันใหม่ แต่จะซื้อได้ก็ต้องขายรถเก่าให้ได้ก่อน
"สมชาย" จึงใช้กลยุทธ์หาพ่อค้ารถมือสองมารับซื้อรถ
พอขายรถเก่าได้ เขาก็จะมาซื้อรถใหม่กับ "สมชาย"
ยอดขายรถโตโยต้าที่ยโสธรพุ่งขึ้นเรื่อยๆ
สิ้นปี "เถ้าแก่" จัดงานปีใหม่ และบอกกับพนักงานทุกคนว่าสาขาอุบลฯ นั้นอยู่รอดได้เพราะสาขายโสธร
"หนู" ช่วย "ราชสีห์"
"สมชาย" ทำงานที่ "โตโยต้าอุบลฯ" 15 ปี
เมื่อ "เถ้าแก่" เสียชีวิต เขาก็ตัดสินใจลาออก
เลิกเป็น "ลูกจ้าง" และเริ่มต้นชีวิต "เถ้าแก่" ตั้งแต่วันนั้น
เชื่อไหมครับว่าวันเปิดโชว์รูม "โตโยต้าดีเยี่ยม" เขาส่งจดหมายไปถึงผู้มีพระคุณ 5 คน
ขอเชิญมาร่วมงาน พร้อมกับ "ของขวัญ" ที่แทน "คำขอบคุณ"
เชิญเลือกรถโตโยต้า 1 คัน
รุ่นไหนก็ได้ เลือกได้เลย
"น้ำใจ" ที่ยิ่งใหญ่ของ "สมชาย" กลับได้รับ "คำตอบ" ที่งดงามยิ่งกว่า
งดงามอย่างไร ฉบับหน้าจะเล่าให้ฟังครับ
.....................
ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 12ก.พ.53 (วางบนแผงวันนี้)
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"

-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 795
- ผู้ติดตาม: 0
มาร่วมกันสร้าง ... แรงบันดาลใจ
โพสต์ที่ 3
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... ionid=0225
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 16:33:25 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
"หนุ่มเมืองจันท์" ตะลึง !!! ความยิ่งใหญ่โตโยต้าดีเยี่ยม
หลังจากที่คุยกับ "สมชาย เหล่าสายเชื้อ" ประธานกรรมการบริษัทโตโยต้าดีเยี่ยม จำกัด อุบลราชธานี บนเวที ผมก็แวบไปดูความยิ่งใหญ่ของ "โตโยต้าดีเยี่ยม"
ตะลึงครับ ตะลึง
คนที่สร้างโชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรใหญ่โตขนาดนี้ได้
ไม่ใช่มี "เงิน" แล้วจะสร้างได้นะครับ
แฮ่ม...ต้อง "บ้า" ด้วย
ถ้าไม่มี "ลูกบ้า" จะไม่มีทางที่จะลงทุนสร้างโชว์รูมใหญ่ขนาดนี้
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคนต่างจังหวัดเอารถมาซ่อมที่ศูนย์ เขาจะเดินทางไปไหนไม่สะดวก ต้องนั่งรอที่ศูนย์จนกว่ารถจะเสร็จ
"โตโยต้าดีเยี่ยม" จึงมีทั้งร้านอาหาร ห้องรับรอง ร้านเสริมสวย ร้านกาแฟ และห้องคาราโอเกะ ฯลฯ ให้บริการ
ครับถ้าเพิ่มโรงหนัง และโบว์ลิ่ง
ก็ "เมเจอร์" ดีๆ นี่เอง
บริเวณโชว์รูมก็ทำน้ำตก จัดสวนและภูมิทัศน์ต่าง
ใช้เงินประมาณ 50 ล้านบาท
เห็นไหมล่ะครับว่าถ้าไม่ "บ้า" จริง
ทำไม่ได้แน่นอน
"ถ้าใครเจอโชว์รูมหรือศูนย์บริการที่ไหนดีกว่าที่นี่ ผมให้แสนนึงเลย"
เป็นคำท้าทายของ "สมชาย" บนเวที
"สมชาย" เป็นคนชอบท้าทายทั้งตัวเองและลูกน้อง
ประเภทบอกลูกน้องว่าถ้าเดือนนี้ขายได้เท่านี้ ให้พิเศษเลย 1 แสนบาท แต่ถ้าไม่ได้ขอแค่ 2 พัน
แบบนี้เป็นเรื่องปกติ
แต่ที่แปลกต้องเป็นเรื่องท้าทายตัวเอง
ครั้งหนึ่ง ตอนแข่งกีฬาภายใน "สมชาย" ลงแข่งฟุตบอลด้วยทั้งที่ไม่เคยเล่นมาก่อน
เขาขอเล่นเป็นผู้รักษาประตู
นัดแรก โดนยิงไป 10 กว่าประตู
แต่ "สมชาย" ไม่ยอมแพ้ เขาซ้อมทุกเย็น ท้าคนที่เล่นเก่งๆ มายิงประตู
ใครยิงเข้าเอาไปเลย 100 บาท
ไม่รู้ว่าเสียเงินไปเท่าไร
รู้แต่ว่าหลังฝึกมานาน นัดสุดท้ายที่ลงสนาม
เขาเสียประตูแค่ 2 ลูก
แม้นิสัยเหมือนจะห้าว แต่บุคลิกของ "สมชาย" กลับเป็นคนพูดเสียงเบาๆ นุ่มนวลและน่าเชื่อถือ
"สมชาย" บอกว่าที่บริษัทโตโยต้าดีเยี่ยม ไม่มี "พนักงาน"
มีแต่ "ลูกน้อง"
พนักงานจะเป็นทั้ง "ลูก" และ "น้อง"
เขาดูแลพนักงานเหมือนกับเป็น "ลูก" หรือ "น้อง" ของเขาคนหนึ่ง
มีอาหารกลางวันเลี้ยงฟรี และยังดูแลเรื่องการเก็บเงินด้วย
"สมชาย" จะบังคับพนักงานทุกคนต้องหักเงินเดือนอย่างต่ำคนละ 7% มาฝากไว้ในกองทุนซึ่งจะให้อัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่าธนาคาร
ที่สำคัญ อัตราการออมของแต่ละคนจะมีผลต่อการพิจารณาขึ้นเงินเดือนในช่วงปลายปี
อาจเป็นเพราะ "สมชาย" เคยจนมาก่อน ทำให้มุมมองของเขาต่อคนระดับที่อยู่ต่ำกว่าค่อนข้างดี
เขาให้เกียรติ "คนทำงาน" มาก
อย่างตอนที่ "โตโยต้าดีเยี่ยม" สร้างเสร็จใหม่ๆ
"สมชาย" เลี้ยงโต๊ะจีนผู้รับเหมาและคนงานก่อสร้างทุกคนเพื่อขอบคุณที่ทำให้โชว์รูมและศูนย์บริการที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียเสร็จเป็นรูปร่าง
เขาจัดทำ "ใบรับรอง" ให้กับทุกคน เป็นหลักฐานยืนยันว่าผู้รับเหมาและคนงานทั้งหมดเคยผ่านงานก่อสร้างใหญ่ระดับนี้มาแล้ว
"ขอให้คิดว่าโตโยต้าดีเยี่ยมเป็นของคุณ ถ้าวันไหนผ่านมาแถวนี้ ผมขอเชิญแวะมาพักผ่อนหรือดื่มน้ำได้ตลอดเวลา"
ครับ แค่เลี้ยง "โต๊ะจีน" ผู้รับเหมาและคนงานก่อสร้างก็ปลื้มแล้ว
ยังได้ใบรับรอง และคำขอบคุณจาก "เถ้าแก่ใหญ่" อีก
แบบนี้ "สมชาย" ได้ใจเต็มๆ อย่างแน่นอน
แต่ที่ได้มากกว่า "ใจ" ก็คือ หลังงานเลี้ยงผู้รับเหมาต่างเขียนใบจองรถกับ "โตโยต้าดีเยี่ยม"
...ทั้งหมด 55 คัน
ก่อนถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2549 ซึ่งเป็นวันเปิดโชว์รูม "โตโยต้าดีเยี่ยม"
"สมชาย" ทำจดหมายถึงผู้มีพระคุณของเขา 5 คน
เรื่อง...ขอเชิญรับมอบของขวัญชีวิตจากน้ำใจแห่งความกตัญญู
เขาบรรยายถึงความยากลำบากในอดีตที่เขาเริ่มต้นจากเด็กขายหนังสือพิมพ์ เป็นลูกจ้าง กรรมกร เซลส์แมนขายเป๊ปซี่ เด็กล้างรถ และอีกหลายอาชีพ
ภูมิหลังในอดีตทำให้เขาพูดกับตนเองในใจเสมอว่า "รอยยิ้มในวันนี้มาจากคราบน้ำตาเมื่อวันวาน"
"ผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่ชีวิตของผมคงจดจำไม่รู้ลืม และคงไม่มีวันลืมก็คือท่าน ผู้ซึ่งเป็นเถ้าแก่ เป็นญาติผู้ใหญ่ เป็นเจ้านาย เป็นครู และเป็นบุคคลที่จารึกอยู่ในหัวใจตลอดเวลา"
"ท่านได้รับผมเข้าทำงานทั้งที่ผมไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ ตลอดจนให้โอกาสและถ่ายทอดความรู้"
ครับ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการขอบคุณในวันที่ "ความฝัน" กลายเป็น "ความจริง"
"สมชาย" มอบของขวัญให้กับทุกคนเป็นรถโตโยต้า 1 คัน
"ขอให้ท่านกรุณาเสียสละเวลามาเลือกรุ่นรถและสีรถตามที่ท่านชอบ โดยผมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่ารถและค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าจดทะเบียน ค่าตกแต่ง ฯลฯ พร้อมเติมน้ำมันให้ท่านเต็มถังในวันที่ท่านมารับรถ"
จดหมายนี้ส่งไปในเดือนสิงหาคม
คำตอบที่กลับมาคือ "คำขอบคุณ"
บางคนบอกว่าเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยได้รับ
แต่ทุกคนขอไม่รับของขวัญชิ้นนี้
ด้วยเหตุผลน่ารัก
"เพิ่งเปิดร้าน เอาไว้ทำทุนเถอะ"
เหมือน "ผู้ใหญ่" ที่เมตตา "เด็ก" ที่เพิ่งทำธุรกิจ
แต่เขาลืมไปว่ากิจการใหม่แห่งนี้ไม่ใช่ "แผงลอย" เล็กๆ
หากเป็นโชว์รูมราคา 800 ล้านบาท
เมื่อผู้มีพระคุณไม่ยอมรับรถที่มอบให้ "สมชาย" ก็รอเวลาจนถึงช่วงปีใหม่
เขานำเงินสด 2 ล้านบาทเป็น "ของขวัญปีใหม่" มอบให้ผู้มีพระคุณทั้ง 5 ท่าน
คราวนี้ทุกคนจำต้องรับ
แต่เป็นการรับเพื่อรอเวลา
รอจนถึงเทศกาลตรุษจีน
ผู้อาวุโสมาหา "สมชาย" ที่โชว์รูม
และมอบเงินแต๊ะเอียให้ตามประเพณีจีน
... 2 ล้านบาท
นี่คือ "คำตอบ" ที่งดงามยิ่ง สำหรับ "น้ำใจ" ที่ยิ่งใหญ่
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 16:33:25 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
"หนุ่มเมืองจันท์" ตะลึง !!! ความยิ่งใหญ่โตโยต้าดีเยี่ยม
หลังจากที่คุยกับ "สมชาย เหล่าสายเชื้อ" ประธานกรรมการบริษัทโตโยต้าดีเยี่ยม จำกัด อุบลราชธานี บนเวที ผมก็แวบไปดูความยิ่งใหญ่ของ "โตโยต้าดีเยี่ยม"
ตะลึงครับ ตะลึง
คนที่สร้างโชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรใหญ่โตขนาดนี้ได้
ไม่ใช่มี "เงิน" แล้วจะสร้างได้นะครับ
แฮ่ม...ต้อง "บ้า" ด้วย
ถ้าไม่มี "ลูกบ้า" จะไม่มีทางที่จะลงทุนสร้างโชว์รูมใหญ่ขนาดนี้
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคนต่างจังหวัดเอารถมาซ่อมที่ศูนย์ เขาจะเดินทางไปไหนไม่สะดวก ต้องนั่งรอที่ศูนย์จนกว่ารถจะเสร็จ
"โตโยต้าดีเยี่ยม" จึงมีทั้งร้านอาหาร ห้องรับรอง ร้านเสริมสวย ร้านกาแฟ และห้องคาราโอเกะ ฯลฯ ให้บริการ
ครับถ้าเพิ่มโรงหนัง และโบว์ลิ่ง
ก็ "เมเจอร์" ดีๆ นี่เอง
บริเวณโชว์รูมก็ทำน้ำตก จัดสวนและภูมิทัศน์ต่าง
ใช้เงินประมาณ 50 ล้านบาท
เห็นไหมล่ะครับว่าถ้าไม่ "บ้า" จริง
ทำไม่ได้แน่นอน
"ถ้าใครเจอโชว์รูมหรือศูนย์บริการที่ไหนดีกว่าที่นี่ ผมให้แสนนึงเลย"
เป็นคำท้าทายของ "สมชาย" บนเวที
"สมชาย" เป็นคนชอบท้าทายทั้งตัวเองและลูกน้อง
ประเภทบอกลูกน้องว่าถ้าเดือนนี้ขายได้เท่านี้ ให้พิเศษเลย 1 แสนบาท แต่ถ้าไม่ได้ขอแค่ 2 พัน
แบบนี้เป็นเรื่องปกติ
แต่ที่แปลกต้องเป็นเรื่องท้าทายตัวเอง
ครั้งหนึ่ง ตอนแข่งกีฬาภายใน "สมชาย" ลงแข่งฟุตบอลด้วยทั้งที่ไม่เคยเล่นมาก่อน
เขาขอเล่นเป็นผู้รักษาประตู
นัดแรก โดนยิงไป 10 กว่าประตู
แต่ "สมชาย" ไม่ยอมแพ้ เขาซ้อมทุกเย็น ท้าคนที่เล่นเก่งๆ มายิงประตู
ใครยิงเข้าเอาไปเลย 100 บาท
ไม่รู้ว่าเสียเงินไปเท่าไร
รู้แต่ว่าหลังฝึกมานาน นัดสุดท้ายที่ลงสนาม
เขาเสียประตูแค่ 2 ลูก
แม้นิสัยเหมือนจะห้าว แต่บุคลิกของ "สมชาย" กลับเป็นคนพูดเสียงเบาๆ นุ่มนวลและน่าเชื่อถือ
"สมชาย" บอกว่าที่บริษัทโตโยต้าดีเยี่ยม ไม่มี "พนักงาน"
มีแต่ "ลูกน้อง"
พนักงานจะเป็นทั้ง "ลูก" และ "น้อง"
เขาดูแลพนักงานเหมือนกับเป็น "ลูก" หรือ "น้อง" ของเขาคนหนึ่ง
มีอาหารกลางวันเลี้ยงฟรี และยังดูแลเรื่องการเก็บเงินด้วย
"สมชาย" จะบังคับพนักงานทุกคนต้องหักเงินเดือนอย่างต่ำคนละ 7% มาฝากไว้ในกองทุนซึ่งจะให้อัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่าธนาคาร
ที่สำคัญ อัตราการออมของแต่ละคนจะมีผลต่อการพิจารณาขึ้นเงินเดือนในช่วงปลายปี
อาจเป็นเพราะ "สมชาย" เคยจนมาก่อน ทำให้มุมมองของเขาต่อคนระดับที่อยู่ต่ำกว่าค่อนข้างดี
เขาให้เกียรติ "คนทำงาน" มาก
อย่างตอนที่ "โตโยต้าดีเยี่ยม" สร้างเสร็จใหม่ๆ
"สมชาย" เลี้ยงโต๊ะจีนผู้รับเหมาและคนงานก่อสร้างทุกคนเพื่อขอบคุณที่ทำให้โชว์รูมและศูนย์บริการที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียเสร็จเป็นรูปร่าง
เขาจัดทำ "ใบรับรอง" ให้กับทุกคน เป็นหลักฐานยืนยันว่าผู้รับเหมาและคนงานทั้งหมดเคยผ่านงานก่อสร้างใหญ่ระดับนี้มาแล้ว
"ขอให้คิดว่าโตโยต้าดีเยี่ยมเป็นของคุณ ถ้าวันไหนผ่านมาแถวนี้ ผมขอเชิญแวะมาพักผ่อนหรือดื่มน้ำได้ตลอดเวลา"
ครับ แค่เลี้ยง "โต๊ะจีน" ผู้รับเหมาและคนงานก่อสร้างก็ปลื้มแล้ว
ยังได้ใบรับรอง และคำขอบคุณจาก "เถ้าแก่ใหญ่" อีก
แบบนี้ "สมชาย" ได้ใจเต็มๆ อย่างแน่นอน
แต่ที่ได้มากกว่า "ใจ" ก็คือ หลังงานเลี้ยงผู้รับเหมาต่างเขียนใบจองรถกับ "โตโยต้าดีเยี่ยม"
...ทั้งหมด 55 คัน
ก่อนถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2549 ซึ่งเป็นวันเปิดโชว์รูม "โตโยต้าดีเยี่ยม"
"สมชาย" ทำจดหมายถึงผู้มีพระคุณของเขา 5 คน
เรื่อง...ขอเชิญรับมอบของขวัญชีวิตจากน้ำใจแห่งความกตัญญู
เขาบรรยายถึงความยากลำบากในอดีตที่เขาเริ่มต้นจากเด็กขายหนังสือพิมพ์ เป็นลูกจ้าง กรรมกร เซลส์แมนขายเป๊ปซี่ เด็กล้างรถ และอีกหลายอาชีพ
ภูมิหลังในอดีตทำให้เขาพูดกับตนเองในใจเสมอว่า "รอยยิ้มในวันนี้มาจากคราบน้ำตาเมื่อวันวาน"
"ผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่ชีวิตของผมคงจดจำไม่รู้ลืม และคงไม่มีวันลืมก็คือท่าน ผู้ซึ่งเป็นเถ้าแก่ เป็นญาติผู้ใหญ่ เป็นเจ้านาย เป็นครู และเป็นบุคคลที่จารึกอยู่ในหัวใจตลอดเวลา"
"ท่านได้รับผมเข้าทำงานทั้งที่ผมไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ ตลอดจนให้โอกาสและถ่ายทอดความรู้"
ครับ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการขอบคุณในวันที่ "ความฝัน" กลายเป็น "ความจริง"
"สมชาย" มอบของขวัญให้กับทุกคนเป็นรถโตโยต้า 1 คัน
"ขอให้ท่านกรุณาเสียสละเวลามาเลือกรุ่นรถและสีรถตามที่ท่านชอบ โดยผมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่ารถและค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าจดทะเบียน ค่าตกแต่ง ฯลฯ พร้อมเติมน้ำมันให้ท่านเต็มถังในวันที่ท่านมารับรถ"
จดหมายนี้ส่งไปในเดือนสิงหาคม
คำตอบที่กลับมาคือ "คำขอบคุณ"
บางคนบอกว่าเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยได้รับ
แต่ทุกคนขอไม่รับของขวัญชิ้นนี้
ด้วยเหตุผลน่ารัก
"เพิ่งเปิดร้าน เอาไว้ทำทุนเถอะ"
เหมือน "ผู้ใหญ่" ที่เมตตา "เด็ก" ที่เพิ่งทำธุรกิจ
แต่เขาลืมไปว่ากิจการใหม่แห่งนี้ไม่ใช่ "แผงลอย" เล็กๆ
หากเป็นโชว์รูมราคา 800 ล้านบาท
เมื่อผู้มีพระคุณไม่ยอมรับรถที่มอบให้ "สมชาย" ก็รอเวลาจนถึงช่วงปีใหม่
เขานำเงินสด 2 ล้านบาทเป็น "ของขวัญปีใหม่" มอบให้ผู้มีพระคุณทั้ง 5 ท่าน
คราวนี้ทุกคนจำต้องรับ
แต่เป็นการรับเพื่อรอเวลา
รอจนถึงเทศกาลตรุษจีน
ผู้อาวุโสมาหา "สมชาย" ที่โชว์รูม
และมอบเงินแต๊ะเอียให้ตามประเพณีจีน
... 2 ล้านบาท
นี่คือ "คำตอบ" ที่งดงามยิ่ง สำหรับ "น้ำใจ" ที่ยิ่งใหญ่
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"

-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
มาร่วมกันสร้าง ... แรงบันดาลใจ
โพสต์ที่ 4
ลำพังคนธรรมดาไม่สามารถพบช่องทางทำมาหากิน และไม่สามารถประคับประคองชีวิตให้ราบรื่นไปได้โดยตลอด หากขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
ในเรื่องของกฎธรรมชาติ
ใครที่เกิดมาแล้วรู้สึกว่า ชีวิตนี้ยังไม่เป็นไปตามต้องการ ไปซื้อหนังสือ
ข้างล่างนี่มาอ่านซะ...
http://www.se-ed.com/eshop/(A(mkwNWk05ygEkAAAAZTMyNDk2NDgtNzBiNS00ZmQwLWFmYmEtNjIyM2M2MjA1MzY2YruHZzSxwFDf7vIsClI02rI6k7M1))/Products/image.axd?picture=9786115190102L.gif
อีกเล่ม
ในเรื่องของกฎธรรมชาติ
ใครที่เกิดมาแล้วรู้สึกว่า ชีวิตนี้ยังไม่เป็นไปตามต้องการ ไปซื้อหนังสือ
ข้างล่างนี่มาอ่านซะ...
http://www.se-ed.com/eshop/(A(mkwNWk05ygEkAAAAZTMyNDk2NDgtNzBiNS00ZmQwLWFmYmEtNjIyM2M2MjA1MzY2YruHZzSxwFDf7vIsClI02rI6k7M1))/Products/image.axd?picture=9786115190102L.gif
อีกเล่ม
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
มาร่วมกันสร้าง ... แรงบันดาลใจ
โพสต์ที่ 6
ผมว่าชีวิตเรานั้น
จะทำให้ง่ายก็ง่าย จะทำให้มันยากก็ยาก
ผมขอเดินทางสายกลาง แบบอาร์ทๆ ชิวๆ
จะทำให้ง่ายก็ง่าย จะทำให้มันยากก็ยาก
ผมขอเดินทางสายกลาง แบบอาร์ทๆ ชิวๆ
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
มาร่วมกันสร้าง ... แรงบันดาลใจ
โพสต์ที่ 7
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
มาร่วมกันสร้าง ... แรงบันดาลใจ
โพสต์ที่ 8
[quote="Voldtrest"]เล่มแรก
http://www.modernsave.com/index.aspx?Pr ... 3022856988
ขออภัยสำหรับความผิดพลาดเมื่อกี้ครับ
http://www.modernsave.com/index.aspx?Pr ... 3022856988
ขออภัยสำหรับความผิดพลาดเมื่อกี้ครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
มาร่วมกันสร้าง ... แรงบันดาลใจ
โพสต์ที่ 9
[quote="por_jai"][quote="Voldtrest"]เล่มแรก
http://www.modernsave.com/index.aspx?Pr ... 3022856988
ขออภัยสำหรับความผิดพลาดเมื่อกี้ครับ
http://www.modernsave.com/index.aspx?Pr ... 3022856988
ขออภัยสำหรับความผิดพลาดเมื่อกี้ครับ
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- killyz
- Verified User
- โพสต์: 409
- ผู้ติดตาม: 0
มาร่วมกันสร้าง ... แรงบันดาลใจ
โพสต์ที่ 10
ยาวหน่อยน่ะครับ แต่อ่านแล้วยอมรับว่า IT wizard คนนี้ไม่ธรรมดาจริง
รายงานจากสแตนฟอร์ด วันที่14 มิถุนายน 2005
คุณต้องหาสิ่งที่คุณรัก
ต่อไปนี้คือเนื้อหาที่บรรยายในพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาแห่งหนึ่ง โดย สตีฟ จ๊อบส์ ซีอีโอ ของบริษัท แอปเปิล คอมพิวเตอร์ และพิกซ่า แอนนิเมชั่น สตูดิโอ ซึ่งถูกส่งมาให้เมื่อวันที่ 12 มิย. 2005
ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาอยู่ร่วมกับพวกคุณในพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยที่ดีทีสุดในโลกแห่งหนึ่ง ตัวผมเองไม่ได้จบการศึกษาจากวิทยาลัยใดๆ นี่คือความจริง และนี่คือวันที่ผมได้อยู่ใกล้กับพิธีรับปริญญามากทีสุดเท่าที่เคยมี วันนี้ ผมอยากจะเล่าให้พวกคุณฟังถึง สามเรื่องราวในชีวิตของผม แต่แน่นอน มันไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โตอะไร มันเป็นแค่เรื่องสามเรื่องแค่นั้นเอง
เรื่องแรกของผมมันเกี่ยวกับการลากเส้นต่อระหว่างจุดต่างๆ
ผมดรอปการเรียนที่วิทยาลัยรีด คอลเลจ หลังจากเรียนไปได้ 6 เดือน แต่จากนั้นก็เข้าไปเรียนต่ออีกประมาณ 18 เดือนก่อนที่ผมจะลาออกจริงๆ แต่ทำไมผมถึงได้ลาออก?
มันเริ่มต้นมาตั้งแต่ก่อนผมจะเกิดเสียอีก แม่ทางที่แท้จริงของผมยังเป็นวัยรุ่นอยู่ เป็นนักเรียนระดับวิทยาลัยที่ยังไม่ได้แต่งงาน และเธอตัดสินใจที่จะให้อื่นรับผมไปเลี้ยง เธอรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าคนที่จะรับผมไปเลี้ยงต้องเป็นคนที่จบการศึกษาจากวิทยาลัย ดังนั้นทุกอย่างจึงถูกเตรียมการไว้สำหรับการรับผมไปเลี้ยงทันทีเมื่อผมเกิดโดยทนนายคนหนึ่งและภรรยาของเขา ยกเว้นแต่ว่า เมื่อผมออกมาดูโลก พวกเขาก็ได้ติดสินใจในนาทีสุดท้ายว่าพวกเขาอยากได้เด็กผู้หญิงมากกว่า ดังนั้น พ่อแม่ของผม ซึ่งอยู่ในรายชื่อบุคคลที่จะขอบุตรไปเลี้ยงอันดับถัดไป จึงโทรมาในกลางดึกและถามว่า เรามีเด็กที่ผู้ชายที่เกิดมาอย่างผิดคาด คุณยังต้องการเขาอยู่หรือเปล่า? อ๋อ แน่นอน แม่ทางชีวภาพ(แม่ที่แท้จริง)พบในภายหลังว่าแม่ที่รับผมมาเลี้ยงนั้นไม่ได้จบการศึกษาระดับวิทยาลัย และ พ่อของผมไม่ได้จบระดับไฮสกูล เธอจึงปฏิเสธที่จะเซ็นชื่อในใบรับรองการรับบุตรไปเลี้ยง แต่เธอก็ยอมผ่อนปรนให้ในอีก 2-3 เดือนต่อมา เมื่อพ่อแม่ของผมสัญญาว่าวันหนึ่งผมจะต้องได้เรียนในวิทยาลัย
และหลังจากนั้นอีก 17 ปี ผมก็ได้เข้าเรียนในระดับวิทยาลัย แต่ผมก็ไร้เดียงสาที่เลือกลงเรียนในวิทยาลัยที่ค่าเล่าเรียนแพงพอๆกับวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และเงินเก็บทั้งหมดของพ่อแม่ซึ่งเป็นคนทำงานระดับแรงงานก็ถูกใช้จ่ายไปกับค่าเรียนพิเศษของผม หลังจากหกเดือนผ่านไป ผมก็ไม่เห็นคุณค่าของการเรียนอีกต่อไป ผมไม่รู้ว่าผมอยากจะทำอะไรกับชีวิตต่อไป และก็มองไม่เห็นว่าการเรียนในวิทยาลัยจะช่วยให้ผมค้นพบมันได้อย่างไร แต่ที่นี่ผมได้ใช้เงินของพ่อกับแม่ที่เก็บสะสมมาตลอดชีวิตไปจนหมดแล้ว ดังนั้นผมจึงตัดสินใจลาออกและเชื่อมั่นว่า เหตุการณ์จะเรียบร้อยเอง ในตอนนั้นมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อมามองย้อนกลับไปดู ณ วันนี้ มันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของผมเลยทีเดียว ในนาทีที่ผมดร็อปการเรียนเอาไว้ ผมเลยไม่ต้องเข้าเรียนวิชาที่ผมไม่เคยสนใจ และเลือกเรียนในวิชาที่ผมสนใจแทน
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องโรแมนติกเสมอไป ผมไม่มีหอพัก ดังนั้นผมจึงต้องนอนบนพื้นห้องพักของเพื่อนๆ ผมต้องเก็บกระป๋องโค๊กไปคืนร้านเพื่อจะได้เอาเงินค่ามัดจำกระป๋องไปซื้ออาหาร และทุกๆคืนวันอาทิตย์ ผมจะต้องเดินข้ามเมืองเป็นระยะทาง 7 ไมล์ ไปโบสถ์ Hare Krishna เพื่อที่ในหนึ่งอาทิตย์ผมจะได้มีโอกาสกินอาหารดีๆสักมื้อหนึ่ง ผมรักชีวิตช่วงนั้น และสิ่งที่ผมก้าวถลำลงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและสัญชาติญาณ ได้กลับกลายมาเป็นสิ่งมีค่าอย่างอะไรเทียบไม่ได้ ให้ผมลองยกตัวอย่างให้ดูก็แล้วกัน
วิทยาลัยReed College ในตอนนั้น เปิดสอนวิชาการประดิษฐ์ตัวอักษรที่อาจเรียกได้ว่าดีที่สุดในประเทศ ทั่วทั้งวิทยาเขต โปสเตอร์ทุกใบ ฉลากทุกแผ่นบนทุกลิ้นชัก มีการเขียนตัวประดิษฐ์อักษรที่สวยงาม และเพราะว่าผมได้ดรอปการเรียนไว้ และไม่ต้องเรียนในวิชาปกติ ผมเลยตัดสินใจเลือกลงเรียนวิชาการประดิษฐ์ตัวอักษรเพื่อเรียนรู้วิธีทำ ผมเรียนรู้เกี่ยวกับตัวอักษร serif และ san serif , เกี่ยวกับการปรับระยะห่างระหว่างตัวอักษรผสมต่างๆ, เกี่ยวกับว่าสิ่งใดที่ทำให้ตัวอักษรสวยๆดูเยี่ยมยอด มันคือสิ่งสวยงาม มีประวัติศาสตร์ เป็นศิลปะ ยากจะอธิบายในแบบที่เป็นวิทยาศาสตร์ และผมพบว่ามันมีเสน่ห์ชวนหลงใหลอย่างยิ่ง
ทั้งหมดนี้ ไม่มีสิ่งไหนที่ผมหวังได้ว่าจะได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิต แต่สิบปีหลังจากนั้น เมื่อผมกำลังออกแบบคอมพิวเตอร์แมคอินทอช เครื่องแรก มันทั้งหมดได้กลับเข้ามาอยู่ในหัวผม และผมก็ได้ออกแบบมันทั้งหมดให้อยู่ในเครื่องแมคด้วย มันเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกมีตัวอักษรสวยๆให้ใช้ ถ้าผมไม่ได้เลือกเรียนวิชาดังกล่าว เครื่องแมคก็คงไม่มีตัวอักษรที่หลากหลาย หรือตัวฟอนต์ที่มีสัดส่วนหลายขนาด และตั้งแต่ที่เครื่องระบบวินโดว์ลอกแบบไปจากแมค เครื่องPC ทุกเครื่องก็มีตัวอักษรสวยๆแบบเครื่องแมค นี่ถ้าผมไม่ได้ดร็อป ผมก็จะไม่มีโอกาสไปลงเรียนวิชาการประดิษฐ์อักษร และเครื่อง PC ก็จะไม่ได้มีตัวอักษรสวยๆให้ใช้อย่างเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แน่นอน มันเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะเชื่อมต่อจุดต่างๆโดยมองออกไปข้างหน้า (ภาพประกอบด้วยจุดมาต่อกัน) ตั้งแต่เมื่อผมยังเรียนอยู่วิทยาลัย แต่สิ่งนี้จะเห็นได้ชัดเจนมาก เมื่อคุณมองย้อนกลับไปอีกทีเมื่อสิบปีผ่านไป
อีกครั้ง คุณไม่สามารถที่จะเชื่อมต่อจุดต่างๆได้โดยการมองๆไปข้างหน้า(อนาคต) คุณเพียงแต่ต้องเชื่อมต่อมันโดยมองกลับไปยังอดีต ดังนั้น คุณจะต้องเชื่อมั่นว่าจะอย่างไรก็ตาม จุดต่างๆนั้นมันจะเชื่อมต่อกับอนาคตของคุณ สติปัญญาของคุณ โชคชะตา ชีวิต กรรม หรื่ออะไรก็ตามแต่ สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง และมันได้ทำให้ชีวิตของผมแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
(สิ่งที่คุณทำในวันนี้ คุณจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันจะมีประโยชน์กับชีวิตคุณอย่างไร จนกว่าเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี คุณจึงจะพบว่าสิ่งเหล่านั้นได้กลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมากต่อปัจจุบันและอนาคตของคุณ)
เรื่องที่สองของผม เกี่ยวกับความรักและการสูญเสีย
ผมเป็นคนโชคดี ที่ผมได้พบกับสิ่งที่ผมรักตั้งแต่ช่วงต้นของชีวิต ผมกับวอซ(Woz) เริ่มต้นสร้างบริษัท Apple ในโรงรถของครอบครัวผม ตอนที่ผมมีอายุได้ 20 ปี เราต้องทำงานกันหนักมาก และภายใน 10 ปี บริษัท Apple ก็เติบโตจากเราแค่สองคนในโรงรถ มาเป็นบริษัทระดับพันล้าน กับพนักงานมากกว่า 4,000 คน ตอนนที่ผมเพิ่งมีอายุได้ 30 ปี เราเพิ่งออกสิ่งประดิษฐ์ที่ดีทีสุดของเรา เครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอช ออกมาก่อนหน้านั้นแค่ 1 ปี และผมถูกไล่ออก คุณจะถูกไล่ออกจากบริษัทที่คุณสร้างมันขึ้นมาเองได้อย่างไรกัน ? เอาล่ะ ในขณะที่ Apple เติบโต บริษัทได้ว่าจ้างบางคนซึ่งผมคิดว่ามีความสามารถมากมาบริหารบริษัทร่วมกับผม และในปีแรกๆนั้น ทุกสิ่งดำเนินไปด้วยดี แต่หลังจากนั้น วิสัยทัศน์ต่ออนาคตของเราเริ่มแตกแยก และในที่สุดเราก็แตกกัน ขณะนั้นคณะกรรมการบริหารของเราเห็นไปทางด้านเดียวกับเขา ดังนั้น ด้วยวัย 30 ผมจึงออก และเป็นการออกที่เป็นข่าวมาก สิ่งซึ่งเป็นเป้าหมายทั้งหมดในชีวิตผู้ใหญ่ของผมได้จากไปแล้ว และมันถูกทำให้พินาศลง
ผมไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปเป็นเวลาหลายเดือน ผมรู้สึกว่าผมทำให้ผู้ประกอบการรุ่นก่อนๆต้องผิดหวัง ผมได้รับคทา(หรือไม้สำหรับผู้ควบคุมวงดนตรี)มา แต่กลับวางมันลงเสีย ผมได้พบกับ David Packard(ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ฮิวเล็ท แพคการ์ด) กับBob Noyce และพยายามจะขอโทษที่ทำให้เรื่องจบอย่างไม่ค่อยสวย ผมเป็นคนล้มเหลวอย่างมากในสายตาสาธารณชน และผมถึงกับคิดที่จะหันหลังให้กับธุรกิจประเภทนี้ แต่ก็มีบางสิ่งค่อยๆเปิดเผยขึ้นภายในใจของผม ผมยังคงรักในสิ่งที่ผมเคยทำ เหตุการณ์ที่บริษัทApple มิได้เปลี่ยนมันแม้แต่น้อย ผมถูกปฏิเสธ แต่ผมยังคงรักมัน ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจจะเริ่มต้นใหม่
ผมมองไม่ออกในตอนนั้น แต่มันกลับกลายเป็นว่า การถูกไล่ออกจากบริษัทApple กลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผม ภาระหนักอึ้งของการประสบความสำเร็จถูกแทนที่ด้วย ภาระน้อยๆของการเป็นผู้ริเริ่มอีกครั้ง ซึ่งไม่มีอะไรที่คุณจะมั่นใจได้เลย มันปลดปล่อยให้ผมได้เข้ามาสู่ช่วงเวลาที่สร้างสรรค์ทีสุดในชีวิต
ห้าปีหลังจากนั้น ผมเริ่มสร้างบริษัทชื่อ NeXT และอีกบริษัทชื่อ Pixar และได้ตกหลุมรักกับผู้หญิงสุดแสนวิเศษที่ได้กลายมาเป็นภรรยาผม บริษัท Pixar ได้สร้างสรรค์ภาพยนต์animationที่สร้างจากคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องแรกของโลก คือ เรื่อง Toy Story และปัจจุบันได้กลายเป็นสตูดิโอด้านanimationที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก และมาถึงเหตุการณ์พลิกกลับที่ต้องจดจำ บริษัทApple ได้ซื้อบริษัท NeXT และผมได้กลับสู่ Apple อีกครั้ง และเทคโนโลยีที่เราพัฒนาที่NeXT ได้กลายมาเป็นหัวใจของการฟื้นฟูบริษัทApple และLaurence กับผม ก็ได้มีครอบครัวที่งดงามด้วยกัน
ผมค่อนข้างแน่ใจว่า จะไม่มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ถ้าผมไม่ถูกไล่ออกจาก Apple มันคือยาที่มีรสขมขนาด แต่ผมคิดว่าคนไข้ต้องการมัน บางครั้ง ชีวิตก็ขว้างหัวคุณด้วยก้อนอิฐ แต่คุณอย่าเสียศรัทธา ผมเรียนรู้ว่า สิ่งเดียวที่ทำให้ผมยังคงเดินหน้าต่อไปได้คือ การที่ผมรักในสิ่งที่ผมทำ คุณต้องหาให้พบสิ่งที่คุณรัก และสิ่งนี้เป็นจริงทั้งในด้านงานของคุณและคนรักของคุณ การงานจะครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในชีวิตของคุณ และวิธีเดียวที่จะทำคุณพึงพอใจได้อย่างแท้จริงก็คือ การทำสิ่งที่คุณเชื่อว่ามันคืองาน(อาชีพ)ที่เยี่ยมยอด และวิธีเดียวที่จะทำให้คุณได้ทำงานที่เยี่ยมยอดก็คือ คุณจะต้องรักสิ่งที่คุณทำ ถ้าคุณหายังไม่พบ ก็จงมองหาต่อไป อย่ารามือ เช่นเดียวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวใจ คุณจะรู้เองเมื่อคุณได้พบมัน และเช่นเดียวกับความสัมพันธ์อันเยี่ยมยอด มันจะค่อยๆดีขึ้น ดีขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นจงมองหามันจนกว่าคุณจะได้พบ อย่ารามือ
เรื่องที่สามของผมนั้นเกี่ยวกับความตาย
เมื่อผมอายุได้ 17 ปี ผมได้อ่านประโยคที่กล่าวไว้ว่า " ถ้าหากคุณใช้ชีวิตแต่ละวัน ดุจดังว่ามันเป็นวันสุดท้ายของชีวิตแล้วละก็ มั่นใจได้เลยว่าวันหนึ่งมันจะเป็นจริงอย่างที่คุณคิด " มันประทับใจผมอย่างมาก และตั้งแต่นั่นมา เป็นเวลา 33 ปี ทุกเช้าผมต้องมองที่กระจกและถามตัวเองว่า ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิตของผม ผมจะยังคงต้องการที่จะทำสิ่งที่ผมจะทำในวันนี้หรือเปล่า และถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คำตอบคือ ไม่ หลายวันถัดมา ผมก็รู้ว่าผมจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่างแล้ว
จำไว้ว่า ประโยคที่ว่า ผมจะต้องตายในไม่ช้า นั้นเป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดที่พบเคยพบมา ที่จะช่วยผมสร้างทางเลือกที่สำคัญยิ่งในชีวิต เพราะว่าเกือบทุกสิ่งตั้งแต่ ทุกความคาดหวังภายนอก ทุกความภาคภูมิใจ ทุกความกลัวต่ออุปสรรคหรือความล้มเหลว สิ่งเหล่านี้จะมลายหายไปเมื่อคุณต้องเผชิญกับความตาย การจากไปเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สำคัญอย่างแท้จริง การจำไว้ว่าคุณต้องตายเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ผมรู้จัก เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการติดในกับดักของความคิดที่ว่าคุณอาจต้องสูญเสียบางสิ่งไป คุณนั้นเกิดมาตัวเปลือยเปล่า จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะไม่ทำตามหัวใจของตัวเอง
เมื่อประมาณหนึ่งปีมาแล้ว ผมถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง ผมต้องถูกสแกนตั้งแต่เช้าตอนเจ็ดโมงครึ่ง และผลออกมาชัดเจนว่ามีเนื้องอกในตับอ่อน ผมไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าตับอ่อนคืออะไร หมอบอกผมว่าค่อนข้างจะแน่ใจว่าผมเป็นมะเร็งชนิดที่ไม่สามารถรักษาได้ และคาดว่าผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่เกิน 3-6 เดือน หมอประจำตัวผมแนะนำให้ผมกลับไปบ้านและทำสิ่งที่อยากทำ ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณจากหมอว่าให้เตรียมตัวที่จะตายได้ มันหมายถึงให้คุณเอาสิ่งที่คุณคิดว่าจะบอกลูกคุณในสิบปีข้างหน้า มาบอกพวกเขาภายในเวลา 2 - 3 เดือน มันหมายถึงการที่จะแน่ใจได้ว่าทุกสิ่งได้ถูกจัดการให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้ให้ครอบครัวทำใจได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันหมายถึงว่า ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องบอกลา
ผมต้องอยู่กับเจ้าโรคนั้นตลอดทั้งวัน เวลาผ่านไปจนถึงเย็นวันหนึ่งที่ผมต้องเข้ารับการตรวจ ซึ่งพวกเขาต้องสอดกล้องเอนโดสโคปลงไปในคอของผม ผ่านกระเพาะอาหารและลงไปสู่ลำไส้ใหญ่ แล้วเอาเข็มทิ่มเข้าไปที่ตับอ่อน และตัดเอาเซลล์เล็กน้อยออกมาจากเนื้องอกก้อนนั้น ผมถูกปลอบให้ทำใจดีๆ แต่ภรรยาของผมซึ่งอยู่ที่นั่นด้วย บอกว่าเมื่อพวกเขาเอาเซลล์ไปส่องด้วยกล้องไมโครสโคป แล้วอยู่ๆหมอก็เริ่มร้องไห้ เพราะว่าผลออกมากลายเป็น นี่เป็นโรคมะเร็งตับชนิดที่หายากมากๆ และสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการผ่าตัด ผมต้องเข้ารับการผ่าตัด และตอนนี้ผมหายดีแล้ว
นี่เป็นเหตุการณ์ที่ใกล้ชิดที่สุดที่ผมต้องเผชิญหน้ากับความตาย และผมหวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้นไปอีก 20-30ปี ด้วยการผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าวมาได้ ตอนนี้ผมจึงสามารถพูดกับคุณได้อย่างมั่นใจว่าความตายนั้นมีคุณค่า มากกว่าเมื่อตอนที่มันยังเป็นแค่ความคิด
ไม่มีใครที่ต้องการตาย แม้กระทั่งคนที่ต้องการไปสวรรค์ ก็ยังไม่ต้องการตายเพื่อไปที่นั่น และความตายคือจุดหมายปลายทางที่เราทุกคนต้องแบ่งปัน ไม่มีใครหนีรอดไปได้ และมันยังคงเป็นอย่างที่ควร เพราะว่าความตายค่อนนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ดีทีสุดของชีวิต มันคือตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงแห่งชีวิต มันกวาดล้างสิ่งเก่าๆออกไป เพื่อสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาแทน ตอนนี้สิ่งใหม่นั้นก็คือคุณ แต่วันหนึ่ง ไม่นานนักจากวันนี้ คุณจะค่อยๆกลายเป็นคนแก่และถูกกวาดไปเช่นกัน ต้องขอโทษที่เล่าเหมือนเป็นละคร แต่นี่คือความจริง
เวลาของคุณมีจำกัด ฉะนั้น อย่าเสียเวลาเพื่อเติมเต็มชีวิตผู้อื่น อย่าติดกับดักของกฎเกณฑ์ที่ไม่มีข้อพิสูจน์ ซึ่งขึ้นอยู่กับผลของความคิดของคนอื่น อย่าปล่อยให้เสียงของความคิดเห็นของคนอื่นมากลบเสียงภายในของคุณเอง และสำคัญที่สุด จงกล้าที่จะทำตามหัวใจและสัญชาติญาณของคุณ ด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันรู้ถึงสิ่งที่คุณต้องการจะเป็นอย่างแท้จริง สิ่งที่เหลืออื่นจึงสำคัญรองลงมา
เมื่อผมยังเป็นเด็ก มีสิ่งตีพิมพ์ที่น่ามหัศจรรย์อันหนึ่งชื่อว่า The Whole Earth Catalog ซึ่งเป็นคัมภีร์ของคนรุ่นผม มันถูกสร้างสรรค์โดยคนกลุ่มหนึ่งที่ชื่อว่า Stewart Brand ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ แถวๆ Menlo Park และมันนำมาซี่งความมีชีวิตชีวา ด้วยสัมผัสแห่งบทกวี นี่คือในช่วงยุค 1960 ก่อนที่คอมพิวเตอร์ PC และ เครื่อง desktop จะมีออกจำหน่าย ดังนั้นมันจึงถูกเขียนขึ้นด้วยมือ กรรไกร และกล้องโพลารอยด์ มันเหมือนกับ Google ในรูปแบบกระดาษ 35 ปีก่อนที่ Google จะกำเนิดขึ้น มันเป็นเหมือนสิ่งอุดมคติ ที่ท่วมท้นออกมาโดยอาศัยเครื่องมืออันประณีต และความคิดอันเยี่ยมยอด
สจ๊วตและทีมของเขา ผลิตThe Whole Earth Catalog ออกมาหลายเล่ม และในขณะที่มันดำเนินไปตามเส้นทางที่วางไว้ พวกเขาก็เลิกทำ นั่นคือตอนกลางยุค 1970 และผมยังมีอายุพอๆกับพวกคุณ บนปกหลังของฉบับสุดท้าย เป็นภาพยามเช้าของถนนในถิ่นกันดาร แบบที่คุณสามารถพบตัวเองกำลังโบกรถอยู่ถ้าคุณเป็นคนประเภทชอบการผจญภัย ภายใต้ภาพนั้นมีคำพูดว่า จงเหมือนคนหิว(ความฝัน) จงเหมือนคนเขลา (เพ้อฝัน) มันคือข้อความอำลาจากพวกเขา จงเหมือนคนหิว จงเหมือนคนเขลา และผมมักภาวนาให้มันเกิดกับตัวเองเสมอ และวันนี้ เมื่อพวกคุณจบการศึกษาเพื่อที่จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ผมจะภาวนาสิ่งนี้ให้พวกคุณ
จงเหมือนคนหิว จงเหมือนคนเขลา
ขอบคุณมากครับ
รายงานจากสแตนฟอร์ด วันที่14 มิถุนายน 2005
คุณต้องหาสิ่งที่คุณรัก
ต่อไปนี้คือเนื้อหาที่บรรยายในพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาแห่งหนึ่ง โดย สตีฟ จ๊อบส์ ซีอีโอ ของบริษัท แอปเปิล คอมพิวเตอร์ และพิกซ่า แอนนิเมชั่น สตูดิโอ ซึ่งถูกส่งมาให้เมื่อวันที่ 12 มิย. 2005
ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาอยู่ร่วมกับพวกคุณในพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยที่ดีทีสุดในโลกแห่งหนึ่ง ตัวผมเองไม่ได้จบการศึกษาจากวิทยาลัยใดๆ นี่คือความจริง และนี่คือวันที่ผมได้อยู่ใกล้กับพิธีรับปริญญามากทีสุดเท่าที่เคยมี วันนี้ ผมอยากจะเล่าให้พวกคุณฟังถึง สามเรื่องราวในชีวิตของผม แต่แน่นอน มันไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โตอะไร มันเป็นแค่เรื่องสามเรื่องแค่นั้นเอง
เรื่องแรกของผมมันเกี่ยวกับการลากเส้นต่อระหว่างจุดต่างๆ
ผมดรอปการเรียนที่วิทยาลัยรีด คอลเลจ หลังจากเรียนไปได้ 6 เดือน แต่จากนั้นก็เข้าไปเรียนต่ออีกประมาณ 18 เดือนก่อนที่ผมจะลาออกจริงๆ แต่ทำไมผมถึงได้ลาออก?
มันเริ่มต้นมาตั้งแต่ก่อนผมจะเกิดเสียอีก แม่ทางที่แท้จริงของผมยังเป็นวัยรุ่นอยู่ เป็นนักเรียนระดับวิทยาลัยที่ยังไม่ได้แต่งงาน และเธอตัดสินใจที่จะให้อื่นรับผมไปเลี้ยง เธอรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าคนที่จะรับผมไปเลี้ยงต้องเป็นคนที่จบการศึกษาจากวิทยาลัย ดังนั้นทุกอย่างจึงถูกเตรียมการไว้สำหรับการรับผมไปเลี้ยงทันทีเมื่อผมเกิดโดยทนนายคนหนึ่งและภรรยาของเขา ยกเว้นแต่ว่า เมื่อผมออกมาดูโลก พวกเขาก็ได้ติดสินใจในนาทีสุดท้ายว่าพวกเขาอยากได้เด็กผู้หญิงมากกว่า ดังนั้น พ่อแม่ของผม ซึ่งอยู่ในรายชื่อบุคคลที่จะขอบุตรไปเลี้ยงอันดับถัดไป จึงโทรมาในกลางดึกและถามว่า เรามีเด็กที่ผู้ชายที่เกิดมาอย่างผิดคาด คุณยังต้องการเขาอยู่หรือเปล่า? อ๋อ แน่นอน แม่ทางชีวภาพ(แม่ที่แท้จริง)พบในภายหลังว่าแม่ที่รับผมมาเลี้ยงนั้นไม่ได้จบการศึกษาระดับวิทยาลัย และ พ่อของผมไม่ได้จบระดับไฮสกูล เธอจึงปฏิเสธที่จะเซ็นชื่อในใบรับรองการรับบุตรไปเลี้ยง แต่เธอก็ยอมผ่อนปรนให้ในอีก 2-3 เดือนต่อมา เมื่อพ่อแม่ของผมสัญญาว่าวันหนึ่งผมจะต้องได้เรียนในวิทยาลัย
และหลังจากนั้นอีก 17 ปี ผมก็ได้เข้าเรียนในระดับวิทยาลัย แต่ผมก็ไร้เดียงสาที่เลือกลงเรียนในวิทยาลัยที่ค่าเล่าเรียนแพงพอๆกับวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และเงินเก็บทั้งหมดของพ่อแม่ซึ่งเป็นคนทำงานระดับแรงงานก็ถูกใช้จ่ายไปกับค่าเรียนพิเศษของผม หลังจากหกเดือนผ่านไป ผมก็ไม่เห็นคุณค่าของการเรียนอีกต่อไป ผมไม่รู้ว่าผมอยากจะทำอะไรกับชีวิตต่อไป และก็มองไม่เห็นว่าการเรียนในวิทยาลัยจะช่วยให้ผมค้นพบมันได้อย่างไร แต่ที่นี่ผมได้ใช้เงินของพ่อกับแม่ที่เก็บสะสมมาตลอดชีวิตไปจนหมดแล้ว ดังนั้นผมจึงตัดสินใจลาออกและเชื่อมั่นว่า เหตุการณ์จะเรียบร้อยเอง ในตอนนั้นมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อมามองย้อนกลับไปดู ณ วันนี้ มันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของผมเลยทีเดียว ในนาทีที่ผมดร็อปการเรียนเอาไว้ ผมเลยไม่ต้องเข้าเรียนวิชาที่ผมไม่เคยสนใจ และเลือกเรียนในวิชาที่ผมสนใจแทน
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องโรแมนติกเสมอไป ผมไม่มีหอพัก ดังนั้นผมจึงต้องนอนบนพื้นห้องพักของเพื่อนๆ ผมต้องเก็บกระป๋องโค๊กไปคืนร้านเพื่อจะได้เอาเงินค่ามัดจำกระป๋องไปซื้ออาหาร และทุกๆคืนวันอาทิตย์ ผมจะต้องเดินข้ามเมืองเป็นระยะทาง 7 ไมล์ ไปโบสถ์ Hare Krishna เพื่อที่ในหนึ่งอาทิตย์ผมจะได้มีโอกาสกินอาหารดีๆสักมื้อหนึ่ง ผมรักชีวิตช่วงนั้น และสิ่งที่ผมก้าวถลำลงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและสัญชาติญาณ ได้กลับกลายมาเป็นสิ่งมีค่าอย่างอะไรเทียบไม่ได้ ให้ผมลองยกตัวอย่างให้ดูก็แล้วกัน
วิทยาลัยReed College ในตอนนั้น เปิดสอนวิชาการประดิษฐ์ตัวอักษรที่อาจเรียกได้ว่าดีที่สุดในประเทศ ทั่วทั้งวิทยาเขต โปสเตอร์ทุกใบ ฉลากทุกแผ่นบนทุกลิ้นชัก มีการเขียนตัวประดิษฐ์อักษรที่สวยงาม และเพราะว่าผมได้ดรอปการเรียนไว้ และไม่ต้องเรียนในวิชาปกติ ผมเลยตัดสินใจเลือกลงเรียนวิชาการประดิษฐ์ตัวอักษรเพื่อเรียนรู้วิธีทำ ผมเรียนรู้เกี่ยวกับตัวอักษร serif และ san serif , เกี่ยวกับการปรับระยะห่างระหว่างตัวอักษรผสมต่างๆ, เกี่ยวกับว่าสิ่งใดที่ทำให้ตัวอักษรสวยๆดูเยี่ยมยอด มันคือสิ่งสวยงาม มีประวัติศาสตร์ เป็นศิลปะ ยากจะอธิบายในแบบที่เป็นวิทยาศาสตร์ และผมพบว่ามันมีเสน่ห์ชวนหลงใหลอย่างยิ่ง
ทั้งหมดนี้ ไม่มีสิ่งไหนที่ผมหวังได้ว่าจะได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิต แต่สิบปีหลังจากนั้น เมื่อผมกำลังออกแบบคอมพิวเตอร์แมคอินทอช เครื่องแรก มันทั้งหมดได้กลับเข้ามาอยู่ในหัวผม และผมก็ได้ออกแบบมันทั้งหมดให้อยู่ในเครื่องแมคด้วย มันเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกมีตัวอักษรสวยๆให้ใช้ ถ้าผมไม่ได้เลือกเรียนวิชาดังกล่าว เครื่องแมคก็คงไม่มีตัวอักษรที่หลากหลาย หรือตัวฟอนต์ที่มีสัดส่วนหลายขนาด และตั้งแต่ที่เครื่องระบบวินโดว์ลอกแบบไปจากแมค เครื่องPC ทุกเครื่องก็มีตัวอักษรสวยๆแบบเครื่องแมค นี่ถ้าผมไม่ได้ดร็อป ผมก็จะไม่มีโอกาสไปลงเรียนวิชาการประดิษฐ์อักษร และเครื่อง PC ก็จะไม่ได้มีตัวอักษรสวยๆให้ใช้อย่างเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แน่นอน มันเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะเชื่อมต่อจุดต่างๆโดยมองออกไปข้างหน้า (ภาพประกอบด้วยจุดมาต่อกัน) ตั้งแต่เมื่อผมยังเรียนอยู่วิทยาลัย แต่สิ่งนี้จะเห็นได้ชัดเจนมาก เมื่อคุณมองย้อนกลับไปอีกทีเมื่อสิบปีผ่านไป
อีกครั้ง คุณไม่สามารถที่จะเชื่อมต่อจุดต่างๆได้โดยการมองๆไปข้างหน้า(อนาคต) คุณเพียงแต่ต้องเชื่อมต่อมันโดยมองกลับไปยังอดีต ดังนั้น คุณจะต้องเชื่อมั่นว่าจะอย่างไรก็ตาม จุดต่างๆนั้นมันจะเชื่อมต่อกับอนาคตของคุณ สติปัญญาของคุณ โชคชะตา ชีวิต กรรม หรื่ออะไรก็ตามแต่ สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง และมันได้ทำให้ชีวิตของผมแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
(สิ่งที่คุณทำในวันนี้ คุณจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันจะมีประโยชน์กับชีวิตคุณอย่างไร จนกว่าเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี คุณจึงจะพบว่าสิ่งเหล่านั้นได้กลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมากต่อปัจจุบันและอนาคตของคุณ)
เรื่องที่สองของผม เกี่ยวกับความรักและการสูญเสีย
ผมเป็นคนโชคดี ที่ผมได้พบกับสิ่งที่ผมรักตั้งแต่ช่วงต้นของชีวิต ผมกับวอซ(Woz) เริ่มต้นสร้างบริษัท Apple ในโรงรถของครอบครัวผม ตอนที่ผมมีอายุได้ 20 ปี เราต้องทำงานกันหนักมาก และภายใน 10 ปี บริษัท Apple ก็เติบโตจากเราแค่สองคนในโรงรถ มาเป็นบริษัทระดับพันล้าน กับพนักงานมากกว่า 4,000 คน ตอนนที่ผมเพิ่งมีอายุได้ 30 ปี เราเพิ่งออกสิ่งประดิษฐ์ที่ดีทีสุดของเรา เครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอช ออกมาก่อนหน้านั้นแค่ 1 ปี และผมถูกไล่ออก คุณจะถูกไล่ออกจากบริษัทที่คุณสร้างมันขึ้นมาเองได้อย่างไรกัน ? เอาล่ะ ในขณะที่ Apple เติบโต บริษัทได้ว่าจ้างบางคนซึ่งผมคิดว่ามีความสามารถมากมาบริหารบริษัทร่วมกับผม และในปีแรกๆนั้น ทุกสิ่งดำเนินไปด้วยดี แต่หลังจากนั้น วิสัยทัศน์ต่ออนาคตของเราเริ่มแตกแยก และในที่สุดเราก็แตกกัน ขณะนั้นคณะกรรมการบริหารของเราเห็นไปทางด้านเดียวกับเขา ดังนั้น ด้วยวัย 30 ผมจึงออก และเป็นการออกที่เป็นข่าวมาก สิ่งซึ่งเป็นเป้าหมายทั้งหมดในชีวิตผู้ใหญ่ของผมได้จากไปแล้ว และมันถูกทำให้พินาศลง
ผมไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปเป็นเวลาหลายเดือน ผมรู้สึกว่าผมทำให้ผู้ประกอบการรุ่นก่อนๆต้องผิดหวัง ผมได้รับคทา(หรือไม้สำหรับผู้ควบคุมวงดนตรี)มา แต่กลับวางมันลงเสีย ผมได้พบกับ David Packard(ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ฮิวเล็ท แพคการ์ด) กับBob Noyce และพยายามจะขอโทษที่ทำให้เรื่องจบอย่างไม่ค่อยสวย ผมเป็นคนล้มเหลวอย่างมากในสายตาสาธารณชน และผมถึงกับคิดที่จะหันหลังให้กับธุรกิจประเภทนี้ แต่ก็มีบางสิ่งค่อยๆเปิดเผยขึ้นภายในใจของผม ผมยังคงรักในสิ่งที่ผมเคยทำ เหตุการณ์ที่บริษัทApple มิได้เปลี่ยนมันแม้แต่น้อย ผมถูกปฏิเสธ แต่ผมยังคงรักมัน ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจจะเริ่มต้นใหม่
ผมมองไม่ออกในตอนนั้น แต่มันกลับกลายเป็นว่า การถูกไล่ออกจากบริษัทApple กลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผม ภาระหนักอึ้งของการประสบความสำเร็จถูกแทนที่ด้วย ภาระน้อยๆของการเป็นผู้ริเริ่มอีกครั้ง ซึ่งไม่มีอะไรที่คุณจะมั่นใจได้เลย มันปลดปล่อยให้ผมได้เข้ามาสู่ช่วงเวลาที่สร้างสรรค์ทีสุดในชีวิต
ห้าปีหลังจากนั้น ผมเริ่มสร้างบริษัทชื่อ NeXT และอีกบริษัทชื่อ Pixar และได้ตกหลุมรักกับผู้หญิงสุดแสนวิเศษที่ได้กลายมาเป็นภรรยาผม บริษัท Pixar ได้สร้างสรรค์ภาพยนต์animationที่สร้างจากคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องแรกของโลก คือ เรื่อง Toy Story และปัจจุบันได้กลายเป็นสตูดิโอด้านanimationที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก และมาถึงเหตุการณ์พลิกกลับที่ต้องจดจำ บริษัทApple ได้ซื้อบริษัท NeXT และผมได้กลับสู่ Apple อีกครั้ง และเทคโนโลยีที่เราพัฒนาที่NeXT ได้กลายมาเป็นหัวใจของการฟื้นฟูบริษัทApple และLaurence กับผม ก็ได้มีครอบครัวที่งดงามด้วยกัน
ผมค่อนข้างแน่ใจว่า จะไม่มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ถ้าผมไม่ถูกไล่ออกจาก Apple มันคือยาที่มีรสขมขนาด แต่ผมคิดว่าคนไข้ต้องการมัน บางครั้ง ชีวิตก็ขว้างหัวคุณด้วยก้อนอิฐ แต่คุณอย่าเสียศรัทธา ผมเรียนรู้ว่า สิ่งเดียวที่ทำให้ผมยังคงเดินหน้าต่อไปได้คือ การที่ผมรักในสิ่งที่ผมทำ คุณต้องหาให้พบสิ่งที่คุณรัก และสิ่งนี้เป็นจริงทั้งในด้านงานของคุณและคนรักของคุณ การงานจะครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในชีวิตของคุณ และวิธีเดียวที่จะทำคุณพึงพอใจได้อย่างแท้จริงก็คือ การทำสิ่งที่คุณเชื่อว่ามันคืองาน(อาชีพ)ที่เยี่ยมยอด และวิธีเดียวที่จะทำให้คุณได้ทำงานที่เยี่ยมยอดก็คือ คุณจะต้องรักสิ่งที่คุณทำ ถ้าคุณหายังไม่พบ ก็จงมองหาต่อไป อย่ารามือ เช่นเดียวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวใจ คุณจะรู้เองเมื่อคุณได้พบมัน และเช่นเดียวกับความสัมพันธ์อันเยี่ยมยอด มันจะค่อยๆดีขึ้น ดีขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นจงมองหามันจนกว่าคุณจะได้พบ อย่ารามือ
เรื่องที่สามของผมนั้นเกี่ยวกับความตาย
เมื่อผมอายุได้ 17 ปี ผมได้อ่านประโยคที่กล่าวไว้ว่า " ถ้าหากคุณใช้ชีวิตแต่ละวัน ดุจดังว่ามันเป็นวันสุดท้ายของชีวิตแล้วละก็ มั่นใจได้เลยว่าวันหนึ่งมันจะเป็นจริงอย่างที่คุณคิด " มันประทับใจผมอย่างมาก และตั้งแต่นั่นมา เป็นเวลา 33 ปี ทุกเช้าผมต้องมองที่กระจกและถามตัวเองว่า ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิตของผม ผมจะยังคงต้องการที่จะทำสิ่งที่ผมจะทำในวันนี้หรือเปล่า และถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คำตอบคือ ไม่ หลายวันถัดมา ผมก็รู้ว่าผมจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่างแล้ว
จำไว้ว่า ประโยคที่ว่า ผมจะต้องตายในไม่ช้า นั้นเป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดที่พบเคยพบมา ที่จะช่วยผมสร้างทางเลือกที่สำคัญยิ่งในชีวิต เพราะว่าเกือบทุกสิ่งตั้งแต่ ทุกความคาดหวังภายนอก ทุกความภาคภูมิใจ ทุกความกลัวต่ออุปสรรคหรือความล้มเหลว สิ่งเหล่านี้จะมลายหายไปเมื่อคุณต้องเผชิญกับความตาย การจากไปเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สำคัญอย่างแท้จริง การจำไว้ว่าคุณต้องตายเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ผมรู้จัก เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการติดในกับดักของความคิดที่ว่าคุณอาจต้องสูญเสียบางสิ่งไป คุณนั้นเกิดมาตัวเปลือยเปล่า จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะไม่ทำตามหัวใจของตัวเอง
เมื่อประมาณหนึ่งปีมาแล้ว ผมถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง ผมต้องถูกสแกนตั้งแต่เช้าตอนเจ็ดโมงครึ่ง และผลออกมาชัดเจนว่ามีเนื้องอกในตับอ่อน ผมไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าตับอ่อนคืออะไร หมอบอกผมว่าค่อนข้างจะแน่ใจว่าผมเป็นมะเร็งชนิดที่ไม่สามารถรักษาได้ และคาดว่าผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่เกิน 3-6 เดือน หมอประจำตัวผมแนะนำให้ผมกลับไปบ้านและทำสิ่งที่อยากทำ ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณจากหมอว่าให้เตรียมตัวที่จะตายได้ มันหมายถึงให้คุณเอาสิ่งที่คุณคิดว่าจะบอกลูกคุณในสิบปีข้างหน้า มาบอกพวกเขาภายในเวลา 2 - 3 เดือน มันหมายถึงการที่จะแน่ใจได้ว่าทุกสิ่งได้ถูกจัดการให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้ให้ครอบครัวทำใจได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันหมายถึงว่า ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องบอกลา
ผมต้องอยู่กับเจ้าโรคนั้นตลอดทั้งวัน เวลาผ่านไปจนถึงเย็นวันหนึ่งที่ผมต้องเข้ารับการตรวจ ซึ่งพวกเขาต้องสอดกล้องเอนโดสโคปลงไปในคอของผม ผ่านกระเพาะอาหารและลงไปสู่ลำไส้ใหญ่ แล้วเอาเข็มทิ่มเข้าไปที่ตับอ่อน และตัดเอาเซลล์เล็กน้อยออกมาจากเนื้องอกก้อนนั้น ผมถูกปลอบให้ทำใจดีๆ แต่ภรรยาของผมซึ่งอยู่ที่นั่นด้วย บอกว่าเมื่อพวกเขาเอาเซลล์ไปส่องด้วยกล้องไมโครสโคป แล้วอยู่ๆหมอก็เริ่มร้องไห้ เพราะว่าผลออกมากลายเป็น นี่เป็นโรคมะเร็งตับชนิดที่หายากมากๆ และสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการผ่าตัด ผมต้องเข้ารับการผ่าตัด และตอนนี้ผมหายดีแล้ว
นี่เป็นเหตุการณ์ที่ใกล้ชิดที่สุดที่ผมต้องเผชิญหน้ากับความตาย และผมหวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้นไปอีก 20-30ปี ด้วยการผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าวมาได้ ตอนนี้ผมจึงสามารถพูดกับคุณได้อย่างมั่นใจว่าความตายนั้นมีคุณค่า มากกว่าเมื่อตอนที่มันยังเป็นแค่ความคิด
ไม่มีใครที่ต้องการตาย แม้กระทั่งคนที่ต้องการไปสวรรค์ ก็ยังไม่ต้องการตายเพื่อไปที่นั่น และความตายคือจุดหมายปลายทางที่เราทุกคนต้องแบ่งปัน ไม่มีใครหนีรอดไปได้ และมันยังคงเป็นอย่างที่ควร เพราะว่าความตายค่อนนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ดีทีสุดของชีวิต มันคือตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงแห่งชีวิต มันกวาดล้างสิ่งเก่าๆออกไป เพื่อสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาแทน ตอนนี้สิ่งใหม่นั้นก็คือคุณ แต่วันหนึ่ง ไม่นานนักจากวันนี้ คุณจะค่อยๆกลายเป็นคนแก่และถูกกวาดไปเช่นกัน ต้องขอโทษที่เล่าเหมือนเป็นละคร แต่นี่คือความจริง
เวลาของคุณมีจำกัด ฉะนั้น อย่าเสียเวลาเพื่อเติมเต็มชีวิตผู้อื่น อย่าติดกับดักของกฎเกณฑ์ที่ไม่มีข้อพิสูจน์ ซึ่งขึ้นอยู่กับผลของความคิดของคนอื่น อย่าปล่อยให้เสียงของความคิดเห็นของคนอื่นมากลบเสียงภายในของคุณเอง และสำคัญที่สุด จงกล้าที่จะทำตามหัวใจและสัญชาติญาณของคุณ ด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันรู้ถึงสิ่งที่คุณต้องการจะเป็นอย่างแท้จริง สิ่งที่เหลืออื่นจึงสำคัญรองลงมา
เมื่อผมยังเป็นเด็ก มีสิ่งตีพิมพ์ที่น่ามหัศจรรย์อันหนึ่งชื่อว่า The Whole Earth Catalog ซึ่งเป็นคัมภีร์ของคนรุ่นผม มันถูกสร้างสรรค์โดยคนกลุ่มหนึ่งที่ชื่อว่า Stewart Brand ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ แถวๆ Menlo Park และมันนำมาซี่งความมีชีวิตชีวา ด้วยสัมผัสแห่งบทกวี นี่คือในช่วงยุค 1960 ก่อนที่คอมพิวเตอร์ PC และ เครื่อง desktop จะมีออกจำหน่าย ดังนั้นมันจึงถูกเขียนขึ้นด้วยมือ กรรไกร และกล้องโพลารอยด์ มันเหมือนกับ Google ในรูปแบบกระดาษ 35 ปีก่อนที่ Google จะกำเนิดขึ้น มันเป็นเหมือนสิ่งอุดมคติ ที่ท่วมท้นออกมาโดยอาศัยเครื่องมืออันประณีต และความคิดอันเยี่ยมยอด
สจ๊วตและทีมของเขา ผลิตThe Whole Earth Catalog ออกมาหลายเล่ม และในขณะที่มันดำเนินไปตามเส้นทางที่วางไว้ พวกเขาก็เลิกทำ นั่นคือตอนกลางยุค 1970 และผมยังมีอายุพอๆกับพวกคุณ บนปกหลังของฉบับสุดท้าย เป็นภาพยามเช้าของถนนในถิ่นกันดาร แบบที่คุณสามารถพบตัวเองกำลังโบกรถอยู่ถ้าคุณเป็นคนประเภทชอบการผจญภัย ภายใต้ภาพนั้นมีคำพูดว่า จงเหมือนคนหิว(ความฝัน) จงเหมือนคนเขลา (เพ้อฝัน) มันคือข้อความอำลาจากพวกเขา จงเหมือนคนหิว จงเหมือนคนเขลา และผมมักภาวนาให้มันเกิดกับตัวเองเสมอ และวันนี้ เมื่อพวกคุณจบการศึกษาเพื่อที่จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ผมจะภาวนาสิ่งนี้ให้พวกคุณ
จงเหมือนคนหิว จงเหมือนคนเขลา
ขอบคุณมากครับ
การลงทุนมีความเสียว โปรดใช้วิจารณญาณในการลอก
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
มาร่วมกันสร้าง ... แรงบันดาลใจ
โพสต์ที่ 12
อนัตตา เขียน: แต่ที่สุดของที่สุดคือ...ธรรมะ เมื่อก่อนชอบอ่านหนังสือ
How to ของฝรั่งเพื่อปลุกเร้ากำลังใจ แต่หลังๆ พบว่า
กำลังใจที่ได้มันเดี๋ยวยืดเดี๋ยวหด ไม่คงที่ ไม่ต่อเนื่อง
แต่พอได้ศึกษาและปฎิบัติธรรมแล้วพบว่า กำลังใจเกิดจาก
การมีสติ ตราบใดที่ยังมีสติ กำลังใจก็ไม่เคยหดหายไปไหน
มีความสุขตลอดไม่ว่าสถานการณ์จะดี-ร้ายยังไง เพราะเราเป็น
กลางกับทุกข์สภาวะ

"Winners never quit, and quitters never win."
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
มาร่วมกันสร้าง ... แรงบันดาลใจ
โพสต์ที่ 13
Voldtrest wrote:
ไม่เป็นหรอกผมว่า เวลาจะเปลี่ยนความคิดเราเอง
โค้ด: เลือกทั้งหมด
หากยังไม่สามารถพิชิตเป้าหมายส่วนตัวลงได้
จะไม่แต่งงาน ไม่ขอมีทายาทสืบสกุล
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
มาร่วมกันสร้าง ... แรงบันดาลใจ
โพสต์ที่ 14
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
มาร่วมกันสร้าง ... แรงบันดาลใจ
โพสต์ที่ 15
[quote="oatty"]Voldtrest wrote:
โค้ด: เลือกทั้งหมด
หากยังไม่สามารถพิชิตเป้าหมายส่วนตัวลงได้
จะไม่แต่งงาน
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
มาร่วมกันสร้าง ... แรงบันดาลใจ
โพสต์ที่ 16
มีผู้คนมากมาย ที่ไม่สมหวัง พ่ายแพ้ในสงครามของตนเอง
พอมีลูก ก็ยัดเยียดผลักดันให้เข้าสู่สงครามของพ่อ
ให้ลูกสานฝันผู้เป็นพ่อให้เป็นจริง
ชนะแบบนี้ ผมไม่เอาด้วยหรอก
สงครามใคร สงครามมัน
พอมีลูก ก็ยัดเยียดผลักดันให้เข้าสู่สงครามของพ่อ
ให้ลูกสานฝันผู้เป็นพ่อให้เป็นจริง
ชนะแบบนี้ ผมไม่เอาด้วยหรอก
สงครามใคร สงครามมัน
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
มาร่วมกันสร้าง ... แรงบันดาลใจ
โพสต์ที่ 18
[quote="oatty"]Voldtrest wrote:
โค้ด: เลือกทั้งหมด
หากยังไม่สามารถพิชิตเป้าหมายส่วนตัวลงได้
จะไม่แต่งงาน
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
มาร่วมกันสร้าง ... แรงบันดาลใจ
โพสต์ที่ 19
[quote="Voldtrest"][quote="oatty"]Voldtrest wrote:
โค้ด: เลือกทั้งหมด
หากยังไม่สามารถพิชิตเป้าหมายส่วนตัวลงได้
จะไม่แต่งงาน
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ