ฟอร์บส์จัดอันดับ40เศรษฐีไทย "เฉลียว"อันดับ1แสนล้าน
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
ฟอร์บส์จัดอันดับ40เศรษฐีไทย "เฉลียว"อันดับ1แสนล้าน
โพสต์ที่ 1
ฟอร์บส์จัดอันดับ40เศรษฐีไทย "เฉลียว"อันดับ1แสนล้าน "แม้ว"ที่16หมื่นล้านลดลง340ล. "เจริญ"หล่นที่4
ฟอร์บส์ นิตยสารเกี่ยวกับธุรกิจและการเงินในสหรัฐ จัดอันดับ 40 มหาเศรษฐีของไทยปี 2009
นายเฉลียว อยู่วิทยา วัย 77 ปี เจ้าพ่อเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดงอันดับ 1 มีทรัพย์สิน 4 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 136,000 ล้านบาท
อันดับสอง นายธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวซีมี วัย 70 ปี 3 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 102,000 ล้านบาท
อันดับสาม ครอบครัวจิราธิวัฒน์ 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ 98,600 ล้านบาท
อันดับสี่ นายเจริญ สิริวัฒนภักดี วัย 65 ปี 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 95,200 บาท
อันดับห้า กฤตย์ รัตนรักษ์ 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 40,800 ล้านบาท
ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อันดับ 16 มีทรัพย์สิน 390 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 13,260 ล้านบาท
สำหรับนายเฉลิมเป็นการรั้งอันดับที่ 1 เป็นปีที่สามติดต่อกันและมีทรัพย์สินเท่ากับปีกลาย ขณะที่นายเจ้าสัวซีพีขยับจากอันดับ 4 ไปอยู่อันดับ 2 มีทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้น 1 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 34,000 ล้านบาท
ทางด้านนายเจริญตกจากอันดับ 2 มาอยู่อันดับ 4 มีทรัพย์สินลดลง 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 37,400 ล้านบาท
ส่วนพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่อันดับเดิม แต่มีทรัพย์สินลดลง 10 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 340 ล้านบาท
6. จำนงค์ ภิรมย์ภักดี 33,150 ล้านบาท
7. พาณิชยศิลป วัชรพล 31,960 ล้านบาท
8.อิสรา วงศ์กุศลกิจ 30,600 ล้านบาท
9. วิชัย มาลีนนท์ 22,100 ล้านบาท
10.อนันต์ อัศวโภคิน 17,000 ล้านบาท
11.วานิช ไชยวรรณ 16,660 ล้านบาท
12.สุรางค์ เปรมปรี 15,640 ล้านบาท
13.ทองมา วิจิตพงษ์พัฒน์ 14,620 ล้านบาท
14.สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ 14,280 ล้านบาท
15.บุญชัย เบญจรงค์กุล 13,940 ล้านบาท
17. ประยุทธ มหากิจศิริ 12,580 ล้านบาท
18.นันทา ชินธรรมมิตร 12,240 ล้านบาท
19. อโลเก้ โลเฮีย 12,070 ล้านบาท
20.วิลเลี่ยม อี ไฮเน็คเก้ 11,900 ล้านบาท
21. นิชิตา ชาห์ 9,520 ล้านบาท
22.สรรเสริญ จุฬางกูร 9.180 ล้านบาท
23.ปราบวิทย์ วิริยะประไพกิจ 7,140 ล้านบาท
24.ประเสริฐ ประสาททองโอสถ 6,324 ล้านบาท
25.เฉลิม อยู่วิทยา 6,290 ล้านบาท
26 พรเทพ พรประภา 6,188 ล้านบาท
27.วิชัย รักศรีอักษร 6,120 ล้านบาท
28.ไกรสร ชาญศิริ 5,950 ล้านบาท
30.วรวิตร วีระบวรพงษ์ 5,610 ล้านบาท
31.เพชร รัตนโอสถานุเคราะห์ 5,440 ล้านบาท
32.เปี่ยมไชย กาญจนสุดา 5,270 ล้านบาท
33. อเนก สิทธิประสาท 5,100 ล้านบาท
34.นิจพร จรณะจิตต์ 4,590 ล้านบาท
36.พงษ์ศักดิ์ วิทยากร 4,250 ล้านบาท
37.ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม 4,080 ล้านบาท
39.ปลิว ตรีวิศวเวทย์ 3,570 ล้านบาท
40.วิชา พูลวรลักษณ์ 2,980 ล้านบาท
ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... =00&catid=
ฟอร์บส์ นิตยสารเกี่ยวกับธุรกิจและการเงินในสหรัฐ จัดอันดับ 40 มหาเศรษฐีของไทยปี 2009
นายเฉลียว อยู่วิทยา วัย 77 ปี เจ้าพ่อเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดงอันดับ 1 มีทรัพย์สิน 4 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 136,000 ล้านบาท
อันดับสอง นายธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวซีมี วัย 70 ปี 3 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 102,000 ล้านบาท
อันดับสาม ครอบครัวจิราธิวัฒน์ 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ 98,600 ล้านบาท
อันดับสี่ นายเจริญ สิริวัฒนภักดี วัย 65 ปี 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 95,200 บาท
อันดับห้า กฤตย์ รัตนรักษ์ 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 40,800 ล้านบาท
ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อันดับ 16 มีทรัพย์สิน 390 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 13,260 ล้านบาท
สำหรับนายเฉลิมเป็นการรั้งอันดับที่ 1 เป็นปีที่สามติดต่อกันและมีทรัพย์สินเท่ากับปีกลาย ขณะที่นายเจ้าสัวซีพีขยับจากอันดับ 4 ไปอยู่อันดับ 2 มีทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้น 1 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 34,000 ล้านบาท
ทางด้านนายเจริญตกจากอันดับ 2 มาอยู่อันดับ 4 มีทรัพย์สินลดลง 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 37,400 ล้านบาท
ส่วนพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่อันดับเดิม แต่มีทรัพย์สินลดลง 10 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 340 ล้านบาท
6. จำนงค์ ภิรมย์ภักดี 33,150 ล้านบาท
7. พาณิชยศิลป วัชรพล 31,960 ล้านบาท
8.อิสรา วงศ์กุศลกิจ 30,600 ล้านบาท
9. วิชัย มาลีนนท์ 22,100 ล้านบาท
10.อนันต์ อัศวโภคิน 17,000 ล้านบาท
11.วานิช ไชยวรรณ 16,660 ล้านบาท
12.สุรางค์ เปรมปรี 15,640 ล้านบาท
13.ทองมา วิจิตพงษ์พัฒน์ 14,620 ล้านบาท
14.สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ 14,280 ล้านบาท
15.บุญชัย เบญจรงค์กุล 13,940 ล้านบาท
17. ประยุทธ มหากิจศิริ 12,580 ล้านบาท
18.นันทา ชินธรรมมิตร 12,240 ล้านบาท
19. อโลเก้ โลเฮีย 12,070 ล้านบาท
20.วิลเลี่ยม อี ไฮเน็คเก้ 11,900 ล้านบาท
21. นิชิตา ชาห์ 9,520 ล้านบาท
22.สรรเสริญ จุฬางกูร 9.180 ล้านบาท
23.ปราบวิทย์ วิริยะประไพกิจ 7,140 ล้านบาท
24.ประเสริฐ ประสาททองโอสถ 6,324 ล้านบาท
25.เฉลิม อยู่วิทยา 6,290 ล้านบาท
26 พรเทพ พรประภา 6,188 ล้านบาท
27.วิชัย รักศรีอักษร 6,120 ล้านบาท
28.ไกรสร ชาญศิริ 5,950 ล้านบาท
30.วรวิตร วีระบวรพงษ์ 5,610 ล้านบาท
31.เพชร รัตนโอสถานุเคราะห์ 5,440 ล้านบาท
32.เปี่ยมไชย กาญจนสุดา 5,270 ล้านบาท
33. อเนก สิทธิประสาท 5,100 ล้านบาท
34.นิจพร จรณะจิตต์ 4,590 ล้านบาท
36.พงษ์ศักดิ์ วิทยากร 4,250 ล้านบาท
37.ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม 4,080 ล้านบาท
39.ปลิว ตรีวิศวเวทย์ 3,570 ล้านบาท
40.วิชา พูลวรลักษณ์ 2,980 ล้านบาท
ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... =00&catid=
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
ฟอร์บส์จัดอันดับ40เศรษฐีไทย "เฉลียว"อันดับ1แสนล้าน
โพสต์ที่ 2
มีชาวต่างชาติ 3 ท่าน
19. อโลเก้ โลเฮีย 12,070 ล้านบาท
ผู้ถือหุ้น IRP และ IVL
20.วิลเลี่ยม อี ไฮเน็คเก้ 11,900 ล้านบาท
MINT
21. นิชิตา ชาห์ 9,520 ล้านบาท
ลูกสาว ผู้ถือหุ้น PSL
กำไรหุ้นปีละ 10 ล้านใช้เวลา 300 ปี ถึงติดอันดับ 40
19. อโลเก้ โลเฮีย 12,070 ล้านบาท
ผู้ถือหุ้น IRP และ IVL
20.วิลเลี่ยม อี ไฮเน็คเก้ 11,900 ล้านบาท
MINT
21. นิชิตา ชาห์ 9,520 ล้านบาท
ลูกสาว ผู้ถือหุ้น PSL
กำไรหุ้นปีละ 10 ล้านใช้เวลา 300 ปี ถึงติดอันดับ 40
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
ฟอร์บส์จัดอันดับ40เศรษฐีไทย "เฉลียว"อันดับ1แสนล้าน
โพสต์ที่ 3
"เงินนี่มันแปลก เงิน 1 ล้านบาท คุณจะเพิ่มให้เป็น 2 ล้านบาท ช่วงนี้จะยากมาก แต่จาก 2 เพิ่มเป็น 4 เริ่มง่าย จาก 4 เพิ่มเป็น 8 ยิ่งง่ายกว่า จริงๆนะครับ นี่เรื่องจริง"
วิชัย วชิรพงศ์
สมัยเด็ก ๆผมเคยได้ยินพ่อพูดอย่างนี้ แต่ไม่เข้าใจครับ
พอโตมาถึงเข้าใจครับ
ทักษะของคนมันเหมือนดอกเบี้ยทบต้นครับ
ทักษะคนมันมี critical mass เข้ามาเกี่ยวเสมอ
ชีวิตคนเรา ถ้าเรากัดมันไม่ปล่อย
ถ้าเข้าใจกฎของ 10000 ชม.
อดออม อดกลั้น อดทน
อะไรก็เป็นไปได้ครับ
มันมีปรากฎการณ์ของ lollaparooza ซึ่งทำให้ 1+ 1 +1+1+1+1+1 ไม่ใช่เท่ากับ 7 เสมอไป มันอาจกลายเป็น 150
ก็เป้นไปได้ครับ
กระผมหา address ของคนสำคัญทั้วโลก
หาเท่าไร ไม่ประทับใจเท่า address ของ อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
-------------------
ชีวิตกับการลงทุน
M & W Magazine
ดังนั้น.....
ในอาชีพใดก็ตาม หากคนๆนั้นมีความรู้จักอาชีพนั้นตั้งแต่เด็ก มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งในอาชีพนั้น ไม่รอดแม้แต่คนเดียว คนๆนั้นต้องเป็นหนึ่งอย่างแน่นอน ประสบความสำเร็จ นี่คือสัจจธรรม นี่คือของจริง นี่คือความจริงที่เป็นไปได้ แต่มนุษย์พ่ายแพ้ต่อตัวมันเอง ความมุ่งมั่นและความอดทนของมันนั้นถูกเบี่ยงเบนด้วยอามิส เบี่ยงเบนด้วยอาชีพอื่น มันไม่อดทน ไม่ขยันหมั่นเพียร ความไม่รอคอย มนุษย์ที่ประสบความสำเร็จนั้น เขารู้จักรอคอย เขาไม่ใช่คนที่เห็นอะไรก็แ-ก กูเป็นสิงโต กูไม่ใช่หมาป่ากระจอก กูไม่กินตัวเล็กๆเสียเวลา กูรอคอยหลายวันก็ได้ ไม่ต้องกิน กูไม่ใช่หมาป่ากระจอก ไล่แ-กจิ้งหรีด ไม่มีอะไรจะแ-ก ไล่แ-กไส้เดือน เป็นคนโง่ ไม่มีสมอง คนที่เป็นสุดยอดนั้น เป็นสิงโตหมด รอจังหวะของการกิน รู้ว่าจะกินอย่างไร เหมือนตกปลาใหญ่กับปลาเล็ก คนโง่ก็ตกปลาเล็กน้ำตื้น คนฉลาดตกน้ำลึก วันหนึ่งได้ตัวเดียวพอ หรือ 3 วันได้ตัวเดียว เข้าใจไหม
ในวิธีคิดและการปฏิบัติ...
คิดแล้วต้องปฏิบัติ ตั้งเป้าแล้วต้องฏิบัติ ชีวิตไม่เคยมีอะไรที่เบี่ยงเบนตัวเอง แม้กระทั่งความตาย เป็นคนแข็งแรงมากดังนั้นจะไม่เบี่ยงเบน มนุษย์ผู้อื่นไม่มีสามารถบังคับใจกูได้ ต่อให้เป็นพ่อหรือแม่ ก็ไม่ได้ นี่คือมนุษย์ที่เกิดมาเพื่อเป้าหมายของตัวเอง ดังนั้นพ่อแม่เบี่ยงเบนลูกตลอดเวลา พ่อแม่ในสังคมไทยเป็นพ่อแม่ที่ใช้ไม่ได้ เป็นพ่อแม่ที่บล็อคความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของเด็ก สังคมไทยเป็นสังคมที่ยากที่จะเจริญก้าวหน้าเพราะไม่ให้อิสระในความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก
ดังนั้น...
แม้พี่จะเป็นคนที่เกิดบ้านนอก เป็นครอบครัวเด็กต่างจังหวัด แต่เป็นคนที่ไม่เชื่อเลย กูไม่เคยเชื่อพ่อแม่เลย จะเป็นคนที่ไม่เชื่อเลย เพราะถือว่าชีวิตกูเดินทางด้วยตัวกูเอง ไม่ต้องมาชี้นำ และไม่สนใจในการชี้นำ เพราะไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองชอบ ดังนั้นก็จะไม่เชื่อ เป้าหมายอะไรคือตรงนั้นเลย และเวลาที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต คนจะดูถูกเรา แต่ไม่เคยมีความเสียใจ ไม่เคยมีความพยาบาทอาฆาต หรืออยากจะกระทืบคนที่เคยดูถูก ไม่มี กูรู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งข้างหน้าพวกมึงต้องสยบ เพราะเวลาของกูยังมาไม่ถึง ดังนั้นกูเชื่อแน่ในความมุ่งมั่นของกูว่า กูไม่มีทางที่จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่วันหนึ่งข้างหน้าเวลาของกูจะมาถึง
อันนี้คือสิ่งที่สังคมไทยไม่มี...
เด็กไทยไม่มี ล้มเหลวครั้งเดียวก็ถอดใจแล้ว ครั้งที่สองก็ไม่เอาแล้ว ครั้งที่สามหนีไปทำอาชีพอื่นแล้ว ไปไม่รอด นี่คือสิ่งที่ไร้เป้าหมาย คนที่มีเป้าหมายนั้นต้องหนักแน่นมั่นคงต่อเป้าหมายของตัวเอง พี่เป็นคนที่เข้าใจธรรมะดีตั้งแต่เด็ก รู้ดีว่าทุกอย่างในโลกนี้ มีความสำเร็จหมด มันมีความสำเร็จของมันเห็นอยู่แล้ว เป็นตัวอย่าง เป็นสัจจธรรมของความสำเร็จของผู้ที่มุ่งมั่น ในสายอาชีพของเราๆก็เห็นความสำเร็จของคนเก่ามันเดินรอเราอยู่ข้างหน้าแล้ว แล้วทำไมเราจะไม่ประสบความสำเร็จบ้าง หากในโลกนี้ไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จเลย แล้วเราจะไปอย่างไร มนุษย์เราต้องเห็นสิ่งที่มนุษย์ทำอยู่ข้างหน้าแล้ว และทุกอาชีพมีความสำเร็จและทุกอาชีพมีเบอร์หนึ่ง
THANK YOU...
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Tra ... fault.aspx
วิชัย วชิรพงศ์
สมัยเด็ก ๆผมเคยได้ยินพ่อพูดอย่างนี้ แต่ไม่เข้าใจครับ
พอโตมาถึงเข้าใจครับ
ทักษะของคนมันเหมือนดอกเบี้ยทบต้นครับ
ทักษะคนมันมี critical mass เข้ามาเกี่ยวเสมอ
ชีวิตคนเรา ถ้าเรากัดมันไม่ปล่อย
ถ้าเข้าใจกฎของ 10000 ชม.
อดออม อดกลั้น อดทน
อะไรก็เป็นไปได้ครับ
มันมีปรากฎการณ์ของ lollaparooza ซึ่งทำให้ 1+ 1 +1+1+1+1+1 ไม่ใช่เท่ากับ 7 เสมอไป มันอาจกลายเป็น 150
ก็เป้นไปได้ครับ
กระผมหา address ของคนสำคัญทั้วโลก
หาเท่าไร ไม่ประทับใจเท่า address ของ อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
-------------------
ชีวิตกับการลงทุน
M & W Magazine
ดังนั้น.....
ในอาชีพใดก็ตาม หากคนๆนั้นมีความรู้จักอาชีพนั้นตั้งแต่เด็ก มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งในอาชีพนั้น ไม่รอดแม้แต่คนเดียว คนๆนั้นต้องเป็นหนึ่งอย่างแน่นอน ประสบความสำเร็จ นี่คือสัจจธรรม นี่คือของจริง นี่คือความจริงที่เป็นไปได้ แต่มนุษย์พ่ายแพ้ต่อตัวมันเอง ความมุ่งมั่นและความอดทนของมันนั้นถูกเบี่ยงเบนด้วยอามิส เบี่ยงเบนด้วยอาชีพอื่น มันไม่อดทน ไม่ขยันหมั่นเพียร ความไม่รอคอย มนุษย์ที่ประสบความสำเร็จนั้น เขารู้จักรอคอย เขาไม่ใช่คนที่เห็นอะไรก็แ-ก กูเป็นสิงโต กูไม่ใช่หมาป่ากระจอก กูไม่กินตัวเล็กๆเสียเวลา กูรอคอยหลายวันก็ได้ ไม่ต้องกิน กูไม่ใช่หมาป่ากระจอก ไล่แ-กจิ้งหรีด ไม่มีอะไรจะแ-ก ไล่แ-กไส้เดือน เป็นคนโง่ ไม่มีสมอง คนที่เป็นสุดยอดนั้น เป็นสิงโตหมด รอจังหวะของการกิน รู้ว่าจะกินอย่างไร เหมือนตกปลาใหญ่กับปลาเล็ก คนโง่ก็ตกปลาเล็กน้ำตื้น คนฉลาดตกน้ำลึก วันหนึ่งได้ตัวเดียวพอ หรือ 3 วันได้ตัวเดียว เข้าใจไหม
ในวิธีคิดและการปฏิบัติ...
คิดแล้วต้องปฏิบัติ ตั้งเป้าแล้วต้องฏิบัติ ชีวิตไม่เคยมีอะไรที่เบี่ยงเบนตัวเอง แม้กระทั่งความตาย เป็นคนแข็งแรงมากดังนั้นจะไม่เบี่ยงเบน มนุษย์ผู้อื่นไม่มีสามารถบังคับใจกูได้ ต่อให้เป็นพ่อหรือแม่ ก็ไม่ได้ นี่คือมนุษย์ที่เกิดมาเพื่อเป้าหมายของตัวเอง ดังนั้นพ่อแม่เบี่ยงเบนลูกตลอดเวลา พ่อแม่ในสังคมไทยเป็นพ่อแม่ที่ใช้ไม่ได้ เป็นพ่อแม่ที่บล็อคความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของเด็ก สังคมไทยเป็นสังคมที่ยากที่จะเจริญก้าวหน้าเพราะไม่ให้อิสระในความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก
ดังนั้น...
แม้พี่จะเป็นคนที่เกิดบ้านนอก เป็นครอบครัวเด็กต่างจังหวัด แต่เป็นคนที่ไม่เชื่อเลย กูไม่เคยเชื่อพ่อแม่เลย จะเป็นคนที่ไม่เชื่อเลย เพราะถือว่าชีวิตกูเดินทางด้วยตัวกูเอง ไม่ต้องมาชี้นำ และไม่สนใจในการชี้นำ เพราะไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองชอบ ดังนั้นก็จะไม่เชื่อ เป้าหมายอะไรคือตรงนั้นเลย และเวลาที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต คนจะดูถูกเรา แต่ไม่เคยมีความเสียใจ ไม่เคยมีความพยาบาทอาฆาต หรืออยากจะกระทืบคนที่เคยดูถูก ไม่มี กูรู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งข้างหน้าพวกมึงต้องสยบ เพราะเวลาของกูยังมาไม่ถึง ดังนั้นกูเชื่อแน่ในความมุ่งมั่นของกูว่า กูไม่มีทางที่จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่วันหนึ่งข้างหน้าเวลาของกูจะมาถึง
อันนี้คือสิ่งที่สังคมไทยไม่มี...
เด็กไทยไม่มี ล้มเหลวครั้งเดียวก็ถอดใจแล้ว ครั้งที่สองก็ไม่เอาแล้ว ครั้งที่สามหนีไปทำอาชีพอื่นแล้ว ไปไม่รอด นี่คือสิ่งที่ไร้เป้าหมาย คนที่มีเป้าหมายนั้นต้องหนักแน่นมั่นคงต่อเป้าหมายของตัวเอง พี่เป็นคนที่เข้าใจธรรมะดีตั้งแต่เด็ก รู้ดีว่าทุกอย่างในโลกนี้ มีความสำเร็จหมด มันมีความสำเร็จของมันเห็นอยู่แล้ว เป็นตัวอย่าง เป็นสัจจธรรมของความสำเร็จของผู้ที่มุ่งมั่น ในสายอาชีพของเราๆก็เห็นความสำเร็จของคนเก่ามันเดินรอเราอยู่ข้างหน้าแล้ว แล้วทำไมเราจะไม่ประสบความสำเร็จบ้าง หากในโลกนี้ไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จเลย แล้วเราจะไปอย่างไร มนุษย์เราต้องเห็นสิ่งที่มนุษย์ทำอยู่ข้างหน้าแล้ว และทุกอาชีพมีความสำเร็จและทุกอาชีพมีเบอร์หนึ่ง
THANK YOU...
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Tra ... fault.aspx
- green-orange
- Verified User
- โพสต์: 896
- ผู้ติดตาม: 0
ฟอร์บส์จัดอันดับ40เศรษฐีไทย "เฉลียว"อันดับ1แสนล้าน
โพสต์ที่ 4
[quote="MO101"]มีชาวต่างชาติ 3 ท่าน
19. อโลเก้ โลเฮีย
19. อโลเก้ โลเฮีย
-
- Verified User
- โพสต์: 1296
- ผู้ติดตาม: 1
ฟอร์บส์จัดอันดับ40เศรษฐีไทย "เฉลียว"อันดับ1แสนล้าน
โพสต์ที่ 5
คนที่ประสบความสำเร็จแล้ว อย่างอ. เฉลิมชัย โฆบิตพิพัฒน์ ก็สมามารถ
คิดแบบนั้นได้ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น แล้วมาคิดว่า
คนอื่นมีความพยายามไม่พอ ซึ่งในโลกของความเป็นจริงไม่มันเป็นอย่าง
นั้น บางอย่างเราพยายามอย่างเต็มที่ก็ไม่สามารถเป็นหนึ่งได้
ในสมัยที่เรียนหนังสือ ผมพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะเรียนให้ชนะเพื่อนคน
หนึ่ง แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถชนะเขาได้ มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะเรียนมหาลัย
วิชาฟิสิกส์ ผมทำได้ดีมาก ระดับ Top 5 ของชั้น (400 คน) นึกว่าจะชนะเขา
แต่ปรากฏว่าเพื่อนผมยังมีคะแนเหนือกว่าอีก แม้จนถึงปัจจุบันเขายังชนะ
ผมทั้งฐานะ หน้าที่การงานอยู่เลย
คิดแบบนั้นได้ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น แล้วมาคิดว่า
คนอื่นมีความพยายามไม่พอ ซึ่งในโลกของความเป็นจริงไม่มันเป็นอย่าง
นั้น บางอย่างเราพยายามอย่างเต็มที่ก็ไม่สามารถเป็นหนึ่งได้
ในสมัยที่เรียนหนังสือ ผมพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะเรียนให้ชนะเพื่อนคน
หนึ่ง แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถชนะเขาได้ มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะเรียนมหาลัย
วิชาฟิสิกส์ ผมทำได้ดีมาก ระดับ Top 5 ของชั้น (400 คน) นึกว่าจะชนะเขา
แต่ปรากฏว่าเพื่อนผมยังมีคะแนเหนือกว่าอีก แม้จนถึงปัจจุบันเขายังชนะ
ผมทั้งฐานะ หน้าที่การงานอยู่เลย
-
- Verified User
- โพสต์: 1922
- ผู้ติดตาม: 0
ฟอร์บส์จัดอันดับ40เศรษฐีไทย "เฉลียว"อันดับ1แสนล้าน
โพสต์ที่ 6
อยากเห็นท่านดร.นิเวศน์เราติดอันดับบ้างจัง น่าจะอีกไม่กี่ปีนี้แน่ๆเลยครับ :D
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ฟอร์บส์จัดอันดับ40เศรษฐีไทย "เฉลียว"อันดับ1แสนล้าน
โพสต์ที่ 9
ข้อมูลเรื่องทรัพย์สินของบุคคลอื่นเป็นเรื่องยากที่จะคำนวณได้ถูกต้องแม่นยำ
ถึงแม้เจ้าของทรัพย์สินเองก็เหอะ รวยระดับนี้แล้ว อาจจจำไม่หมดก็ได้ว่ามีที่ดินที่ไหนบ้าง มีบัญชีเงินฝากมากเท่าไร
วิธีคิดที่ง่ายที่สุดก็คือ คำนวณจากการถือหุ้นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องเปิดเผย
ผมว่ายังคงมีคนที่ร่ำรวยอีกมากมายที่ตกหล่นจากการสำรวจ ซึ่งผมว่าบุคคลเหล่านี้คงไม่ใส่ใจกับอันดับหรอกครับ
ถึงแม้เจ้าของทรัพย์สินเองก็เหอะ รวยระดับนี้แล้ว อาจจจำไม่หมดก็ได้ว่ามีที่ดินที่ไหนบ้าง มีบัญชีเงินฝากมากเท่าไร
วิธีคิดที่ง่ายที่สุดก็คือ คำนวณจากการถือหุ้นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องเปิดเผย
ผมว่ายังคงมีคนที่ร่ำรวยอีกมากมายที่ตกหล่นจากการสำรวจ ซึ่งผมว่าบุคคลเหล่านี้คงไม่ใส่ใจกับอันดับหรอกครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี