วิธีการป้องกันแก๊งค์ปาหินใส่รถยนต์
-
- Verified User
- โพสต์: 361
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีการป้องกันแก๊งค์ปาหินใส่รถยนต์
โพสต์ที่ 1
วิธีการป้องกันแก๊งค์ปาหินใส่รถยนต์
เนื่องจากปัจจุบันมีข่าวการปาหินใส่รถยนต์ตามถนนหลวงในหลายจังหวัด และดูเหมือนว่าเพิ่มขึ้นทุกวัน ด้วยความห่วงใยต่อสวัสดิภาพของเพื่อนพนักงาน จึงขอเสนอวิธีการป้องกันดังนี้
1. หากท่านมีกำลังทรัพย์ อาจติดฟิลม์กรองแสงชนิดใสที่กระจกหน้าทั้งบาน ประโยชน์นอกจากกันความร้อนแล้ว ฟิลม์ยังช่วยดูดซับแรงกระแทกจากก้อนหินที่มากระทบได้ดี
2. ส่วนใหญ่การปาหินมักเกิดขึ้นตอนกลางคืนบนถนนสายเปลี่ยวและมืด หากท่านขับรถผ่านถนนที่มีลักษณะดังกล่าว ควรเปิดไฟสูง (เมื่อมีโอกาส) เพื่อสอดส่องดูว่ามีรถจักรยานยนต์กำลังขับขี่สวนทางมาหรือไม่ เนื่องจากคนร้ายมักซ้อยท้ายรถ จยย. ที่ไม่เปิดไฟหน้า หากท่านเปิดไฟสูงนอกจากจะช่วยให้ท่านมองเห็นคนร้ายแล้วยังจะช่วยบดบังสายตาของคนร้ายได้ด้วย (ทำให้คนร้ายตาพร่าจากแสงไฟของท่าน) นอกจากนั้นท่านไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูงบนถนนที่มีลักษณะนี้ ให้ระวังทางโค้งมากเป็นพิเศษ เพราะคนร้ายมักใช้ทางโค้งเป็นจุดดักซุ่มรอ
3. หากท่านสังเกตุเห็นว่ามีรถ จยย. กำลังขับขี่สวนทางมายังท่าน ท่านควรรีบชลอความเร็วและเปลี่ยนช่องการจราจรให้ออกห่างจากรถ จยย. ดังกล่าวให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร) ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนช่องจราจรได้ ให้ลดความเร็วให้เหลือเพียง 40 60 พร้อมกับเปิดสัญญาณไฟกระพริบเพื่อเตือนรถที่ตามหลังท่านมาว่าท่านกำลังจะชลอตัว ความเร็วยิ่งช้าเท่าไร ความแรงของก้อนหินที่มากระทบรถของท่านก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น
4. หากรถของท่านถูกปาหินใส่ได้รับความเสียหายแล้ว อย่าจอดรถในบริเวณนั้นทันที เพราะคนร้ายอาจตามมาปล้นทรัพย์สินของท่าน พยายามประคองรถช้าๆไปจนกว่าจะพบผู้คนและเข้าขอความช่วยเหลือ
At present, there is news of gangs throwing stones into cars on highways in Thailand with an increasing rate almost every day. As we care for your safety, please take our advice when you drive.
1. If you can afford, have a transparent type car film placed on your cars wind shield. Besides reducing heat, it will help absorb the impact of any flying object.
2. Most of the cases occurred at night on dark highways. If you have to use such roads, pop up your cars high beam (when appropriate) to scan out for any bike coming to you from the front. Because the gangs often use bikes coming to you from the opposite direction and dont show up their lights. Your high beam will help you spot the bikes and also will blur their eyes. And you should not be driving at high speed in this circumstance. Beware every curve you take, the gangs often pop up from road curves and hit you with a surprise attack.
3. If you spot an incoming bike, reduce your speed to 40 60 km (also give cars behind you a signal that youre slowing down), the lower speed the lower velocity of the rock when it hits you. Depending on the traffic condition, change to a far side lane away from the bike.
4. If you get hit, do not panic, do not pull over or do not stop at the spot, the gangs may come to rob you at the scene. You must try to control your car and drive slowly to a safe place and ask for help.
ปล. เอามาจาก forward เมลล์ครับ เพื่อจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ
เนื่องจากปัจจุบันมีข่าวการปาหินใส่รถยนต์ตามถนนหลวงในหลายจังหวัด และดูเหมือนว่าเพิ่มขึ้นทุกวัน ด้วยความห่วงใยต่อสวัสดิภาพของเพื่อนพนักงาน จึงขอเสนอวิธีการป้องกันดังนี้
1. หากท่านมีกำลังทรัพย์ อาจติดฟิลม์กรองแสงชนิดใสที่กระจกหน้าทั้งบาน ประโยชน์นอกจากกันความร้อนแล้ว ฟิลม์ยังช่วยดูดซับแรงกระแทกจากก้อนหินที่มากระทบได้ดี
2. ส่วนใหญ่การปาหินมักเกิดขึ้นตอนกลางคืนบนถนนสายเปลี่ยวและมืด หากท่านขับรถผ่านถนนที่มีลักษณะดังกล่าว ควรเปิดไฟสูง (เมื่อมีโอกาส) เพื่อสอดส่องดูว่ามีรถจักรยานยนต์กำลังขับขี่สวนทางมาหรือไม่ เนื่องจากคนร้ายมักซ้อยท้ายรถ จยย. ที่ไม่เปิดไฟหน้า หากท่านเปิดไฟสูงนอกจากจะช่วยให้ท่านมองเห็นคนร้ายแล้วยังจะช่วยบดบังสายตาของคนร้ายได้ด้วย (ทำให้คนร้ายตาพร่าจากแสงไฟของท่าน) นอกจากนั้นท่านไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูงบนถนนที่มีลักษณะนี้ ให้ระวังทางโค้งมากเป็นพิเศษ เพราะคนร้ายมักใช้ทางโค้งเป็นจุดดักซุ่มรอ
3. หากท่านสังเกตุเห็นว่ามีรถ จยย. กำลังขับขี่สวนทางมายังท่าน ท่านควรรีบชลอความเร็วและเปลี่ยนช่องการจราจรให้ออกห่างจากรถ จยย. ดังกล่าวให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร) ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนช่องจราจรได้ ให้ลดความเร็วให้เหลือเพียง 40 60 พร้อมกับเปิดสัญญาณไฟกระพริบเพื่อเตือนรถที่ตามหลังท่านมาว่าท่านกำลังจะชลอตัว ความเร็วยิ่งช้าเท่าไร ความแรงของก้อนหินที่มากระทบรถของท่านก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น
4. หากรถของท่านถูกปาหินใส่ได้รับความเสียหายแล้ว อย่าจอดรถในบริเวณนั้นทันที เพราะคนร้ายอาจตามมาปล้นทรัพย์สินของท่าน พยายามประคองรถช้าๆไปจนกว่าจะพบผู้คนและเข้าขอความช่วยเหลือ
At present, there is news of gangs throwing stones into cars on highways in Thailand with an increasing rate almost every day. As we care for your safety, please take our advice when you drive.
1. If you can afford, have a transparent type car film placed on your cars wind shield. Besides reducing heat, it will help absorb the impact of any flying object.
2. Most of the cases occurred at night on dark highways. If you have to use such roads, pop up your cars high beam (when appropriate) to scan out for any bike coming to you from the front. Because the gangs often use bikes coming to you from the opposite direction and dont show up their lights. Your high beam will help you spot the bikes and also will blur their eyes. And you should not be driving at high speed in this circumstance. Beware every curve you take, the gangs often pop up from road curves and hit you with a surprise attack.
3. If you spot an incoming bike, reduce your speed to 40 60 km (also give cars behind you a signal that youre slowing down), the lower speed the lower velocity of the rock when it hits you. Depending on the traffic condition, change to a far side lane away from the bike.
4. If you get hit, do not panic, do not pull over or do not stop at the spot, the gangs may come to rob you at the scene. You must try to control your car and drive slowly to a safe place and ask for help.
ปล. เอามาจาก forward เมลล์ครับ เพื่อจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ
- gradius173
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีการป้องกันแก๊งค์ปาหินใส่รถยนต์
โพสต์ที่ 2
มีคนบอกผมว่าให้ใส่หมวกกันน็อคแบบเต็มใบช่วยป้องกันได้
-
- Verified User
- โพสต์: 9
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีการป้องกันแก๊งค์ปาหินใส่รถยนต์
โพสต์ที่ 7
เอาด้วยคนchode เขียน:ผมป้องกันโดย
เลิกขับรถไปต่างจังหวัด จองตั๋วถูกๆ airasia เอา
ไม่ต้องขับรถเองด้วย :lol:
- sathaporne
- Verified User
- โพสต์: 1657
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีการป้องกันแก๊งค์ปาหินใส่รถยนต์
โพสต์ที่ 8
ปาหิน-ยิงนอต ฆ่าตัวเอง
จากเริ่มแรกเป็นคดีที่เกิดขึ้นในบางพื้นที่-บางจังหวัด เช่นแถบ จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อมาก็เริ่มมีการเลียนแบบ-แพร่ระบาดไปในหลาย ๆ พื้นที่ และล่าสุดเส้นทางล่องใต้ก็เป็นพื้นที่ที่เกิดขึ้นถี่ยิบแทบทุกวัน
ปาหินใส่รถ-ยิงหนังสติ๊กใส่รถ กลายเป็นคดีแฟชั่น
บางกรณีเพื่อชิงทรัพย์...แต่ส่วนใหญ่เพราะคึกคะนอง
สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ถูกกระทำ...ตำรวจก็ปวดหัว
ทั้งนี้ ปาหิน-ยิงหนังสติ๊ก เข้าใส่รถที่กำลังวิ่งบนถนน จะเพื่ออะไรก็ตาม อาจจะดูเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายและถูกจับได้ยาก...แต่ก็ใช่ว่าตำรวจจะจับกุมผู้กระทำไม่ได้เลย ที่ผ่านมาก็จับกุมดำเนินคดีได้แล้วหลายคน และเชื่อว่าจะจับผู้ที่ได้กระทำไปแล้วได้เพิ่มอีกเรื่อย ๆ แน่ รวมถึงกับรายใหม่ ๆ ที่กระทำเลียนแบบในสิ่งที่ผิด ๆ
และทั้งกับผู้ที่ทำไปแล้วหรือที่คิดจะเลียนแบบจงรู้ไว้...
ว่า โทษ ของการก่อคดีในลักษณะนี้ ไม่ใช่เบา ๆ !!
ที่ผ่านมาเรื่องของบทลงโทษคดีลักษณะนี้อาจจะมีแทรกอยู่ในข่าวบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่ชัด ซึ่งกับใครก็ตามที่ได้ก่อเหตุ หรือคิดจะก่อเหตุ ขอให้รู้ไว้ด้วยว่าโทษนั้นไม่ใช่เล็กน้อย และคนใกล้ตัวก็จะเดือดร้อนด้วย
ไม่ว่าจะกรณี... ผู้กระทำผิดเป็นผู้ใหญ่ บรรลุนิติภาวะแล้ว ทำไปเพื่อประสงค์ชิงทรัพย์หรือไม่ชิงทรัพย์ก็ตาม และไม่ว่าผู้เสียหายจะบาดเจ็บน้อย บาดเจ็บสาหัส หรือเสียชีวิต ยังไงก็มีโทษหนักทางอาญา และทางแพ่ง
และต่อให้เป็นเด็ก เยาวชน ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็ใช่ว่าจะรอด ซึ่งก็มีโทษทั้งทางอาญา และทางแพ่งเช่นกัน อีกทั้งยังลามไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ก็ต้องมีโทษที่ไม่ดูแลบุตรหลานให้ดี และต้องชดใช้ทางแพ่งแทนลูก
แจงกันให้ชัด ๆ กับคดี ปาหิน-ยิงหนังสติ๊ก ใส่รถที่กำลังวิ่งบนถนน คดีลักษณะนี้ อ.วันชัย สอนศิริ ทนายชื่อดัง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต บอกผ่าน สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์ ว่า.....
บทลงโทษของคดีปาหินหรือใช้หนังสติ๊กยิงลูกหินหรือหัวนอตใส่รถนี้ ตามกฎหมายถือเป็น เจตนาฆ่า เพราะการกระทำผิดโดยปาหรือยิงด้วยหนังสติ๊ก ไม่ว่าจะเป็นหินหรือนอตนั้น เป็นการกระทำที่เล็งเห็นได้ว่าสามารถ ทำให้รถคว่ำ สามารถ ทำให้คนขับรถ-คนที่อยู่บนรถ... ตายหรือได้รับบาดเจ็บ
ภาษากฎหมายเรียกว่า เจตนาฆ่าคนตาย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 เป็นการ ฆ่าผู้อื่นโดยการไตร่ตรองไว้ก่อน และบางคดีเป็นการฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการกระทำผิดอย่างอื่น เช่น ชิงทรัพย์, ลักทรัพย์ ด้วย ซึ่งจะอย่างไรโทษก็หนักเหมือนกัน
มีความผิดร้ายแรง ต้องระวางโทษถึง ประหารชีวิต !!
และแม้ว่าผู้เสียหายจะไม่ตาย อาจจะบาดเจ็บมาก บาดเจ็บน้อย หรือไม่บาดเจ็บเลย ก็ถือว่า พยายามฆ่า เพราะการกระทำเป็นเจตนาฆ่า แต่ไม่บรรลุผล ทั้งนี้ หากมีผู้ร่วมกระทำผิดหลายคน ตามกฎหมายก็ต้องโทษ ฐานร่วมกันฆ่าคนตาย หรือร่วมกันพยายามฆ่าคนตาย ซึ่งพยายามฆ่า...โทษก็ลดลงหน่อย
แต่ก็ไม่ใช่เบา ๆ คือต้องรับโทษ 2 ใน 3 ส่วนของโทษประหารชีวิต คือมีโทษจำคุก 50 ปี !!
อ.วันชัยบอกอีกว่า... ขณะเดียวกัน คดีลักษณะนี้ฝ่ายผู้ที่เสียหายก็สามารถเรียกร้องทางแพ่งได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล, ค่าซ่อมรถ, ค่าชดเชยทำให้ขาดงาน ทำงานไม่ได้, ค่าชดเชยแก่ญาติกรณีตาย, ค่าขาด ผู้อุปการะ ฯลฯ ซึ่งเหล่านี้กฎหมายถือเป็นความเสียหายทางแพ่ง ฝ่ายที่ได้รับความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นผู้เสียหายเอง หรือญาติของผู้เสียหายที่เสียชีวิต สามารถฟ้องร้องเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำผิดได้
ถ้าผู้กระทำผิดบรรลุนิติภาวะแล้วก็ฟ้องเอากับผู้กระทำผิด ซึ่งต่อให้ติดคุกแล้ว ถ้ามีทรัพย์สินใด ๆ เช่น บ้าน ที่ดิน รถ เงินฝาก ฯลฯ ทางคู่สมรส ลูก ก็ไม่ได้ใช้ เพราะผู้เสียหายฟ้องร้องยึดเป็นค่าชดใช้ได้ และในกรณีที่ผู้กระทำผิดยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็ฟ้องร้องเรียกค่าชดใช้จากพ่อแม่ผู้ปกครองได้
พูดง่าย ๆ ทำไปแล้ว...ต้องเดือดร้อนกันทั้งบ้าน !!
ทั้งนี้ กรณีที่ผู้กระทำผิดเป็นเยาวชน พ่อแม่ยังต้องมีความผิดในส่วนของพ่อแม่เองด้วยอีกต่างหาก !! ฐานปล่อยปละละเลยไม่ดูแลเอาใจใส่ลูก ซึ่งจะผิดกฎหมายตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก ที่มุ่งไม่ให้เด็กกระทำความผิด ตรงนี้ พ่อแม่จะมีโทษจำคุก 3 เดือน !! เว้นแต่ว่าจะสามารถพิสูจน์ได้จริง ๆ ว่าพ่อแม่ผู้ปกครองกำกับดูแลลูกอย่างดีแล้ว แต่ลูกไม่รักดี ยังไปกระทำผิดอีก
ส่วนตัวเด็กหรือเยาวชนที่กระทำผิด ถ้าอายุไม่เกิน 15 ปี แม้ตามกฎหมายใหม่จะระบุว่าไม่ต้องรับโทษ แต่ก็ให้อำนาจศาลเรียกผู้ปกครอง พ่อแม่ มาตักเตือน หรือทำทัณฑ์บน หรือวางเงื่อนไขต่าง ๆ ไว้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง และกรณีอายุเกิน 15 ปี แต่ต่ำกว่า 18 ปี จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล ซึ่งอาจมีการวางเงื่อนไขทำทัณฑ์บนไว้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง แต่หากพิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องลงโทษ ก็จะลดลงให้กึ่งหนึ่ง ซึ่งก็ใช่ว่าไม่หนัก เพราะ คดีลักษณะนี้มีโทษรุนแรงมาก ดังที่กล่าวไว้แต่ต้น และยิ่งถ้าผู้กระทำผิดอายุเกิน 18 ปี แต่ไม่เกิน 20 ปี ศาลอาจลดโทษกึ่งหนึ่ง หรืออาจลดแค่ 1 ใน 3 ก็ได้ ซึ่งจะแบบไหนก็ติดคุกหัวโตอยู่ดี !!
ยุคนี้ ปาหิน-ยิงนอต เลียนแบบจนแพร่ระบาดทั่ว
ก่อคดีกันเป็นแฟชั่น ไม่เห็นโลงศพ...ไม่หลั่งน้ำตา
นี่คือการฆ่าตัวเอง-ฆ่าคนใกล้ตัวให้ตายทั้งเป็น !!!!!.
จริงๆผมก็คิดว่าโทษสมควรประหาร เพราะเป็นการเจตนาฆ่า (ความคิดส่วนตัว)
แต่ก็เพิ่งรู้ว่าโทษตามกฎหมายจริงๆก็หนักเหมือนกันแฮะ
น่าจะออกข่าวให้เยอะนะ จะได้เกรงกลัวกันบ้าง
http://news.impaqmsn.com/articles_hn.as ... 8918&ch=hn
จากเริ่มแรกเป็นคดีที่เกิดขึ้นในบางพื้นที่-บางจังหวัด เช่นแถบ จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อมาก็เริ่มมีการเลียนแบบ-แพร่ระบาดไปในหลาย ๆ พื้นที่ และล่าสุดเส้นทางล่องใต้ก็เป็นพื้นที่ที่เกิดขึ้นถี่ยิบแทบทุกวัน
ปาหินใส่รถ-ยิงหนังสติ๊กใส่รถ กลายเป็นคดีแฟชั่น
บางกรณีเพื่อชิงทรัพย์...แต่ส่วนใหญ่เพราะคึกคะนอง
สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ถูกกระทำ...ตำรวจก็ปวดหัว
ทั้งนี้ ปาหิน-ยิงหนังสติ๊ก เข้าใส่รถที่กำลังวิ่งบนถนน จะเพื่ออะไรก็ตาม อาจจะดูเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายและถูกจับได้ยาก...แต่ก็ใช่ว่าตำรวจจะจับกุมผู้กระทำไม่ได้เลย ที่ผ่านมาก็จับกุมดำเนินคดีได้แล้วหลายคน และเชื่อว่าจะจับผู้ที่ได้กระทำไปแล้วได้เพิ่มอีกเรื่อย ๆ แน่ รวมถึงกับรายใหม่ ๆ ที่กระทำเลียนแบบในสิ่งที่ผิด ๆ
และทั้งกับผู้ที่ทำไปแล้วหรือที่คิดจะเลียนแบบจงรู้ไว้...
ว่า โทษ ของการก่อคดีในลักษณะนี้ ไม่ใช่เบา ๆ !!
ที่ผ่านมาเรื่องของบทลงโทษคดีลักษณะนี้อาจจะมีแทรกอยู่ในข่าวบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่ชัด ซึ่งกับใครก็ตามที่ได้ก่อเหตุ หรือคิดจะก่อเหตุ ขอให้รู้ไว้ด้วยว่าโทษนั้นไม่ใช่เล็กน้อย และคนใกล้ตัวก็จะเดือดร้อนด้วย
ไม่ว่าจะกรณี... ผู้กระทำผิดเป็นผู้ใหญ่ บรรลุนิติภาวะแล้ว ทำไปเพื่อประสงค์ชิงทรัพย์หรือไม่ชิงทรัพย์ก็ตาม และไม่ว่าผู้เสียหายจะบาดเจ็บน้อย บาดเจ็บสาหัส หรือเสียชีวิต ยังไงก็มีโทษหนักทางอาญา และทางแพ่ง
และต่อให้เป็นเด็ก เยาวชน ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็ใช่ว่าจะรอด ซึ่งก็มีโทษทั้งทางอาญา และทางแพ่งเช่นกัน อีกทั้งยังลามไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ก็ต้องมีโทษที่ไม่ดูแลบุตรหลานให้ดี และต้องชดใช้ทางแพ่งแทนลูก
แจงกันให้ชัด ๆ กับคดี ปาหิน-ยิงหนังสติ๊ก ใส่รถที่กำลังวิ่งบนถนน คดีลักษณะนี้ อ.วันชัย สอนศิริ ทนายชื่อดัง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต บอกผ่าน สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์ ว่า.....
บทลงโทษของคดีปาหินหรือใช้หนังสติ๊กยิงลูกหินหรือหัวนอตใส่รถนี้ ตามกฎหมายถือเป็น เจตนาฆ่า เพราะการกระทำผิดโดยปาหรือยิงด้วยหนังสติ๊ก ไม่ว่าจะเป็นหินหรือนอตนั้น เป็นการกระทำที่เล็งเห็นได้ว่าสามารถ ทำให้รถคว่ำ สามารถ ทำให้คนขับรถ-คนที่อยู่บนรถ... ตายหรือได้รับบาดเจ็บ
ภาษากฎหมายเรียกว่า เจตนาฆ่าคนตาย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 เป็นการ ฆ่าผู้อื่นโดยการไตร่ตรองไว้ก่อน และบางคดีเป็นการฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการกระทำผิดอย่างอื่น เช่น ชิงทรัพย์, ลักทรัพย์ ด้วย ซึ่งจะอย่างไรโทษก็หนักเหมือนกัน
มีความผิดร้ายแรง ต้องระวางโทษถึง ประหารชีวิต !!
และแม้ว่าผู้เสียหายจะไม่ตาย อาจจะบาดเจ็บมาก บาดเจ็บน้อย หรือไม่บาดเจ็บเลย ก็ถือว่า พยายามฆ่า เพราะการกระทำเป็นเจตนาฆ่า แต่ไม่บรรลุผล ทั้งนี้ หากมีผู้ร่วมกระทำผิดหลายคน ตามกฎหมายก็ต้องโทษ ฐานร่วมกันฆ่าคนตาย หรือร่วมกันพยายามฆ่าคนตาย ซึ่งพยายามฆ่า...โทษก็ลดลงหน่อย
แต่ก็ไม่ใช่เบา ๆ คือต้องรับโทษ 2 ใน 3 ส่วนของโทษประหารชีวิต คือมีโทษจำคุก 50 ปี !!
อ.วันชัยบอกอีกว่า... ขณะเดียวกัน คดีลักษณะนี้ฝ่ายผู้ที่เสียหายก็สามารถเรียกร้องทางแพ่งได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล, ค่าซ่อมรถ, ค่าชดเชยทำให้ขาดงาน ทำงานไม่ได้, ค่าชดเชยแก่ญาติกรณีตาย, ค่าขาด ผู้อุปการะ ฯลฯ ซึ่งเหล่านี้กฎหมายถือเป็นความเสียหายทางแพ่ง ฝ่ายที่ได้รับความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นผู้เสียหายเอง หรือญาติของผู้เสียหายที่เสียชีวิต สามารถฟ้องร้องเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำผิดได้
ถ้าผู้กระทำผิดบรรลุนิติภาวะแล้วก็ฟ้องเอากับผู้กระทำผิด ซึ่งต่อให้ติดคุกแล้ว ถ้ามีทรัพย์สินใด ๆ เช่น บ้าน ที่ดิน รถ เงินฝาก ฯลฯ ทางคู่สมรส ลูก ก็ไม่ได้ใช้ เพราะผู้เสียหายฟ้องร้องยึดเป็นค่าชดใช้ได้ และในกรณีที่ผู้กระทำผิดยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็ฟ้องร้องเรียกค่าชดใช้จากพ่อแม่ผู้ปกครองได้
พูดง่าย ๆ ทำไปแล้ว...ต้องเดือดร้อนกันทั้งบ้าน !!
ทั้งนี้ กรณีที่ผู้กระทำผิดเป็นเยาวชน พ่อแม่ยังต้องมีความผิดในส่วนของพ่อแม่เองด้วยอีกต่างหาก !! ฐานปล่อยปละละเลยไม่ดูแลเอาใจใส่ลูก ซึ่งจะผิดกฎหมายตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก ที่มุ่งไม่ให้เด็กกระทำความผิด ตรงนี้ พ่อแม่จะมีโทษจำคุก 3 เดือน !! เว้นแต่ว่าจะสามารถพิสูจน์ได้จริง ๆ ว่าพ่อแม่ผู้ปกครองกำกับดูแลลูกอย่างดีแล้ว แต่ลูกไม่รักดี ยังไปกระทำผิดอีก
ส่วนตัวเด็กหรือเยาวชนที่กระทำผิด ถ้าอายุไม่เกิน 15 ปี แม้ตามกฎหมายใหม่จะระบุว่าไม่ต้องรับโทษ แต่ก็ให้อำนาจศาลเรียกผู้ปกครอง พ่อแม่ มาตักเตือน หรือทำทัณฑ์บน หรือวางเงื่อนไขต่าง ๆ ไว้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง และกรณีอายุเกิน 15 ปี แต่ต่ำกว่า 18 ปี จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล ซึ่งอาจมีการวางเงื่อนไขทำทัณฑ์บนไว้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง แต่หากพิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องลงโทษ ก็จะลดลงให้กึ่งหนึ่ง ซึ่งก็ใช่ว่าไม่หนัก เพราะ คดีลักษณะนี้มีโทษรุนแรงมาก ดังที่กล่าวไว้แต่ต้น และยิ่งถ้าผู้กระทำผิดอายุเกิน 18 ปี แต่ไม่เกิน 20 ปี ศาลอาจลดโทษกึ่งหนึ่ง หรืออาจลดแค่ 1 ใน 3 ก็ได้ ซึ่งจะแบบไหนก็ติดคุกหัวโตอยู่ดี !!
ยุคนี้ ปาหิน-ยิงนอต เลียนแบบจนแพร่ระบาดทั่ว
ก่อคดีกันเป็นแฟชั่น ไม่เห็นโลงศพ...ไม่หลั่งน้ำตา
นี่คือการฆ่าตัวเอง-ฆ่าคนใกล้ตัวให้ตายทั้งเป็น !!!!!.
จริงๆผมก็คิดว่าโทษสมควรประหาร เพราะเป็นการเจตนาฆ่า (ความคิดส่วนตัว)
แต่ก็เพิ่งรู้ว่าโทษตามกฎหมายจริงๆก็หนักเหมือนกันแฮะ
น่าจะออกข่าวให้เยอะนะ จะได้เกรงกลัวกันบ้าง
http://news.impaqmsn.com/articles_hn.as ... 8918&ch=hn
-
- Verified User
- โพสต์: 361
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีการป้องกันแก๊งค์ปาหินใส่รถยนต์
โพสต์ที่ 9
ผมว่าน่าคิดวิธีการลงโทษแบบ Reality Show เลยครับ ถ่ายทอดกันสดๆ ให้เห็นกันไปทั่วประเทศเลยครับ (โหดไปป่าวเนี่ยะ)
ล่าสุดเมื่อเช้าฟังข่าว ลามไปถึงรถไฟแล้วครับ ปาใส่หน้าต่างที่นั่งผู้โดยสารบาดเจ็บ 1 ราย ต่อไปจะปาใส่เครื่องบิน เลยละป่าวครับเนี่ยะ
ล่าสุดเมื่อเช้าฟังข่าว ลามไปถึงรถไฟแล้วครับ ปาใส่หน้าต่างที่นั่งผู้โดยสารบาดเจ็บ 1 ราย ต่อไปจะปาใส่เครื่องบิน เลยละป่าวครับเนี่ยะ