สถิตไว้ในดวงใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สถิตไว้ในดวงใจ
โพสต์ที่ 1
ตอนที่แล้ว ได้เล่าถึง ชัยพฤกษ์
นิตยสารเล่มเก่งที่เติบโตคู่กันมากับยุคสมัยของกูรู
ทำให้ได้รู้จักโลกแห่งความรู้ที่เกาะเกี่ยวไปกับ ภาษา วรรณกรรม
วิทยาศาสตร์ และปกิณกะทั่วไป
วันหนึ่งโดยไม่รู้ตัว ชัยพฤกษ์ช่อนั้นก็ร่วงจากไป
เหลือแต่ความทรงจำของดอกเหลืองละออ
มาครั้งนี้ ขอพูดถึงหนังสือวรรณกรรมอีกเล่มซึ่งประทับใจมาตลอด
ดวงใจ ของ ซิม วีระไวทยะ
ฉบับที่ตัวเองครอบครองอยู่เป็นของพี่ๆในตระกูล
เป็นฉบับที่จำหน่ายโดย ห้างหุ้นส่วนรวมสาสน์จำกัด
พิมพ์ที่ โรงพิมพ์เฟื่องนคร ในปี 2507 ว้าว..
ได้รับมอบในฐานะรางวัลเรียนดีประเภทประถมศึกษาตอนปลาย
ฟังชื่อเรื่องแล้วแสนโรแมนติค น่าจะเป็นเรื่องราวความรักนิรันดร์ของหนุ่มสาว
ฮืมม์...ก็น่าจะใช่
แต่ความรักใน "ดวงใจ" ครอบคลุมมากไปกว่านั้น
ซิม วีระไวทยะ (เข้าใจว่าเป็น 1 ในคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองสมัย 2475)
ได้เรียบเรียงเนื้อหาของหนังสือโรแมนติคเล่มนี้
จากโครงเรื่อง IL Course ของ Edmondo De Amieis ชาวอิตาเลียน
ซึ่งเป็นวรรณกรรมเยาวชนเล่มเก่งที่มีการแปลเป็นภาษาต่างๆในอารยประเทศ
ในญี่ปุ่นให้ชื่อว่า โรงเรียนแห่งความรัก
ในอังกฤษ ให้ชื่อว่า Heart
เนื้อเรื่องของ ดวงใจ คือบทบันทึกของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ ประเสริฐ
ผู้เกิดอยู่ในครอบครัวฐานะปานกลาง แต่ร่ำรวยด้วยเพื่อนฝูงต่างวรรณะ
บทบันทึกใน 1 ปีการศึกษานับตั้งแต่เปิดภาคเรียนจนถึงปิดภาค
ล้วนมีเรื่องชวนประทับใจเกี่ยวกับความผูกพัน
ระหว่างคุณครู โรงเรียนและเพื่อนๆในชั้น
ซึ่งมีทั้งเด็กรวย หยิ่ง เด็กจน เจียมตัวทว่ามานะ
และแน่ล่ะต้องมีเด็กแก่นแก้ว
เหลือขอ สร้างปัญหาให้กับโรงเรียน
ด้วยภาษาที่เรียบง่ายและพยายามลดกลิ่นนม กลิ่นเนย สปาเก็ตตี้
เราจึงรู้สึกเหมือนว่า ประเสริฐได้แนะนำบันทึกของตนในแบบฉบับน้ำพริกปลาทู
กลมกล่อม ได้อรรถรสแบบไทยๆ
แม้จะมีบางตอนของบทบันทึกเรื่องเด่นประจำเดือน
ที่เล่าเรื่องวีรบุรุษชาวอิตาลีแก้เลียนนิดหน่อย
(ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องของทหาร หริอเยาวชนที่รักชาติ
จนออกแนวโน้มเอียงไปทางชาตินิยม)
แต่ที่ชอบที่สุดก็คือ การเล่าเรื่องเพื่อนๆของประเสริฐ
ที่มาจากฐานะต่างๆกัน เช่น ลูกแม่ค้า ลูกนักโทษ ลูกกรรมกร
แต่ทุกคนก็สามารถเป็นเพื่อนเล่นด้วยกันได้
ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ
เพื่อนที่ตัวใหญ่กว่าจะคอยปกป้องเพื่อนคนพิการ
ซึ่งมักจะเป็นเหยื่อของการถูกล้อเลียนจากเด็กแก่นเซี้ยว
เพื่อนที่เรียนเก่งก็จะเป็นหัวโจทก์นำช่วยติวเพื่อนที่เรียนอ่อนกว่า
บนพื้นฐานของความเข้าอกเข้าใจในชะตาชีวิตของแต่ละคน
ที่ไม่สามารถกำหนดเองได้
แต่ภายใต้ข้อจำกัดด้านทุนทรัพย์ และสติปัญญา
ทุกคนเลือกวิถีชีวิตที่ปูด้วยคุณธรรมส่องนำทาง
หลายตอนใน ดวงใจ ที่สื่อความนัยของความรักฉันท์เพื่อน
ที่มีพ่อแม่คอยเฝ้าดูแลและปฎิบัติเป็นแนวทาง
เช่น เมื่อครั้งที่ประเสริฐเชิญเพื่อนๆมาเที่ยวบ้าน
พ่อของเขาเก็บภาพจิตรกรรมคนหลังโกงออกไป
เพราะเพื่อนคนหนึ่งของเขาพิการหลังโก่ง
หรือเมื่อเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกช่างปูนน้อย
ใส่เสื้อพ่อตัวเองที่มีฝุ่นเกาะมาเที่ยวบ้านประเสริฐ
เศษฝุ่นเปรอะเปื้อนเบาะเก้าอี้นั่ง ประเสริฐทำท่าจะปัด
แต่พ่อของเขาไล่ให้เด็กๆออกไปเที่ยวนอกบ้าน
แล้วค่อยมาทำความสะอาดเก้าอี้ทีหลัง
เพื่อสอนบทเรียนทางอ้อม
หากปัดฝุ่นต่อหน้าเพื่อน ก็แสดงว่า
เรารังเกียจฝุ่นงานที่มาจากงานสุจริต
เรารังเกียจพ่อของเขา และตัวช่างปูนน้อยด้วย
อ่านจบแล้ว นึกไม่ออกเลยว่า จะมีโรงเรียนไหนบ้างในบ้านเรา
จะสร้างความประทับแนบแน่นเป็นดั่งดวงใจได้สนิทเนียนเท่านี้
ระหว่างครู โรงเรียน เพื่อนนักเรียนและผู้ปกครอง
เคยเอาเรื่องนี้อ่านลงในหนังสือเสียงให้กับมูลนิธิคนตาบอด
ไม่รู้ว่าป่านนี้จะยังอยู่หรือเปล่า
หรืออาจจะทิ้งไว้ไม่สนใจเลยก็ได้
เพราะไม่ใช่หนังสือวรรณกรรมประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่
เป็นแค่บทบันทึกฝังใจของเด็กคนหนึ่งที่มีต่อความทรงจำในเยาว์วัย...เท่านั้นเอง
ปล. ปิดเทอมแล้ว ถ้าไม่ต้องเอาเจ้าตัวเล็กไปเรียน Summer พิเศษทั้งหลายแหล่
ลองหาหนังสือเด็กดีๆให้เด็กๆที่บ้านของเพื่อนๆอ่านดู
แล้วจะรู้ว่า บางครั้ง อ้ายเจ้า EQ IQ ทั้งหลาย
ไม่จำเป็นต้องเข้าไปหลักสูตรเร่งรัดสรรหาหรอก
ใช้เวลาระหว่างบรรทัดกับตัวหนังสือ โดยมีผู้ใหญ่เป็นสื่อกลาง
แค่นี้ก็ได้ Super EQ ที่อบอุ่นทั้งครอบครัว
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สถิตไว้ในดวงใจ
โพสต์ที่ 3
ถ้าคุณ 121 เป็นนักท่องร้านหนังสือเก่าๆ ก็คงจะพอหาได้มังครับ
แต่ถ้าอยากอ่านบางตอนเรียกน้ำย่อยก็ลองดูนี่เลย
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id ... =1&gblog=6
สำนวน ถ้อยคำและคำศัพท์ต่างๆย้อนยุคประมาณ 2500
แต่ภาษาก็ยังรื่นหู เรียบง่าย ดูเป็นบันทึกของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
ที่เติบโตท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่น ฐานะดีกว่าคนอื่นๆ
อ่าน ดวงใจ จบแล้ว
จะรู้สึกถึงด้าน Soft Side ของมนุษย์
สิ่งมีชีวิตเล็กๆที่งดงาม
แต่ถ้าอยากอ่านบางตอนเรียกน้ำย่อยก็ลองดูนี่เลย
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id ... =1&gblog=6
สำนวน ถ้อยคำและคำศัพท์ต่างๆย้อนยุคประมาณ 2500
แต่ภาษาก็ยังรื่นหู เรียบง่าย ดูเป็นบันทึกของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
ที่เติบโตท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่น ฐานะดีกว่าคนอื่นๆ
อ่าน ดวงใจ จบแล้ว
จะรู้สึกถึงด้าน Soft Side ของมนุษย์
สิ่งมีชีวิตเล็กๆที่งดงาม
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
สถิตไว้ในดวงใจ
โพสต์ที่ 4
ผมเคยอ่านครั้งนึงเมื่อ40ปีก่อนตอนเด็กๆ
หนังสือพิมพ์ตั้งแต่พศ.2481
มาพิมพ์ซ้ำอีกครั้งพศ.2507
หลังจากนั้นก็ไม่เคยพิมพ์อีกเลย
เป็นหนังสือที่ดีมากๆ
ตามหาอ่านมานานเพราะเล่มที่อ่านหายไป
searchเจอในgoogleมีขายอยู่2แห่ง
เป็นร้านหนังสือเก่าทั้งคู่
ที่แรกคือลุงทอง.คอม
ผมซื้อมาแล้วเล่มละ260บาทค่าส่ง30
เป็นเล่มพิมพ์พศ.2481 เหลืองตามอายุงาน
รู้สึกจะมีแค่เล่มเดียว
ตัดใจซื้อเพราะหนังสือหนา500+หน้า
ถ้าพิมพ์ใหม่ก็คงราวๆนี้
อีกแห่งคือสยามโนเวลล่า
ราคา169 เป็นฉบับพิมพ์พศ.2507
หนังสือพิมพ์ตั้งแต่พศ.2481
มาพิมพ์ซ้ำอีกครั้งพศ.2507
หลังจากนั้นก็ไม่เคยพิมพ์อีกเลย
เป็นหนังสือที่ดีมากๆ
ตามหาอ่านมานานเพราะเล่มที่อ่านหายไป
searchเจอในgoogleมีขายอยู่2แห่ง
เป็นร้านหนังสือเก่าทั้งคู่
ที่แรกคือลุงทอง.คอม
ผมซื้อมาแล้วเล่มละ260บาทค่าส่ง30
เป็นเล่มพิมพ์พศ.2481 เหลืองตามอายุงาน
รู้สึกจะมีแค่เล่มเดียว
ตัดใจซื้อเพราะหนังสือหนา500+หน้า
ถ้าพิมพ์ใหม่ก็คงราวๆนี้
อีกแห่งคือสยามโนเวลล่า
ราคา169 เป็นฉบับพิมพ์พศ.2507
หนักแน่นในแนวทางviพันธ์แท้
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สถิตไว้ในดวงใจ
โพสต์ที่ 6
ยินดีด้วยที่คุณหมอจวบได้หนังสือ
เมื่อวันก่อนลองโทรไปที่ Dokya ออนไลน์
เห็นโชว์ปกหนังสือข้างบน
ปรากฏว่าหนังสือหมดแล้ว
เลยไม่มีเก็บไว้ให้เป็นที่ระลึกอีกสักเล่ม
เล่มที่มีอยู่ต้องค่อยๆเกลี่ยนิ้วขึ้นมาเปิด
กลัวจะหลุดร่อนไปกับสายลมหนาวจริงๆ
[quote="por_jai"] หนังสือในโลกนี้มีเยอะจริงเชียว
เมื่อวันก่อนลองโทรไปที่ Dokya ออนไลน์
เห็นโชว์ปกหนังสือข้างบน
ปรากฏว่าหนังสือหมดแล้ว
เลยไม่มีเก็บไว้ให้เป็นที่ระลึกอีกสักเล่ม
เล่มที่มีอยู่ต้องค่อยๆเกลี่ยนิ้วขึ้นมาเปิด
กลัวจะหลุดร่อนไปกับสายลมหนาวจริงๆ
[quote="por_jai"] หนังสือในโลกนี้มีเยอะจริงเชียว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 456
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สถิตไว้ในดวงใจ
โพสต์ที่ 7
ผมลองค้นหนังสือเก่าๆมานั่งอ่านใหม่
เรื่อง"ดวงใจ"ของซิม วีระไวทยะอยู่แถวก้นหีบพอดี
อ่านใหม่ก็ยังซึ้งตรึงใจไม่รู้เบื่อ
ไม่มีใครคิดจะพิมพ์ซ้ำหรือเอามาแปลกันใหม่เอาชื่อคนสถานที่ตามหนังสือจริงๆเลย
ลองค้นดูในกูเกิลเจอเพื่อนเก่าในเวปคือคุณกูรูขอบสนาม
เคยคุยกันในเวปthaivi
แถมเจอเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ(ใช้ชื่อcuoreภาษาอิตาลีแปลเป็นอังกฤษคือheart)
เวลาSearchต้องใช้cuore edmondo amicis
2คำหลังเป็นชื่อผู้แต่งเมื่อปี1886
จะเจอเป็นPDF fileภาษาอังกฤษ
และเซอร์ไพร้คือมีหนังเรื่องนี้สร้างขึ้นจริงตามแบบหนังสือเปี๊ยบ
ข้อเสียคือพูดอิตาลีทั้งเรื่อง
อ่านหนังสือจบค่อยมาดูถึงจะรู้เรื่อง
เรื่อง"ดวงใจ"ของซิม วีระไวทยะอยู่แถวก้นหีบพอดี
อ่านใหม่ก็ยังซึ้งตรึงใจไม่รู้เบื่อ
ไม่มีใครคิดจะพิมพ์ซ้ำหรือเอามาแปลกันใหม่เอาชื่อคนสถานที่ตามหนังสือจริงๆเลย
ลองค้นดูในกูเกิลเจอเพื่อนเก่าในเวปคือคุณกูรูขอบสนาม
เคยคุยกันในเวปthaivi
แถมเจอเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ(ใช้ชื่อcuoreภาษาอิตาลีแปลเป็นอังกฤษคือheart)
เวลาSearchต้องใช้cuore edmondo amicis
2คำหลังเป็นชื่อผู้แต่งเมื่อปี1886
จะเจอเป็นPDF fileภาษาอังกฤษ
และเซอร์ไพร้คือมีหนังเรื่องนี้สร้างขึ้นจริงตามแบบหนังสือเปี๊ยบ
ข้อเสียคือพูดอิตาลีทั้งเรื่อง
อ่านหนังสือจบค่อยมาดูถึงจะรู้เรื่อง
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สถิตไว้ในดวงใจ
โพสต์ที่ 8
คุณหมอจวบ
กูรูซื้อ ดวงใจ มาเก็บไว้อีกสองสามเล่ม
เป็น ดวงใจ ที่พิมพ์เมื่อปี 2541 โดยสำนักพิมพ์รวมสาสน์ วังบูรพา
คิดว่า น่าจะยังมีสต็อคเหลืออยู่อีกพอสมควร
ลองติดต่อดูได้ ที่เบอร์ 02 226 3808 02 221 6483
แฟกซ์ 02222 2036
ดูเหมือนจะมีบริการส่งทางพัสดุภัณฑ์ให้ด้วย
กูรูมีเล่มเก่าเก็บไว้ 1 เล่ม และเล่มพิมพ์ใหม่อีก 1 เล่ม
ภายหลังแจกจ่ายให้กับน้องๆบางคนในเวปไปหมดแล้ว
พูดถึงร้านหนังสือแถววังบูรพา
ดูแล้วเศร้าใจจริงๆ
ร้านหนังสือหลายร้านหลายเป็น ร้าน(ง)ไร้ผู้คน
นอกเหนือจากคนรุ่นใหม่ไม่มาเดิมแถววังบูรพาแล้ว
ยังเป็นเพราะการสร้างรถไฟใต้ดินบริเวณใกล้เคียง
ทำให้จราจรติดขัดมาก
ร้านรวมสาสน์ก็เหลือแต่ผู้เฒ่าผู้แก่สองสามี ภรรยา นั่งร้านเหงาหงอย
ขณะที่อีกหลายๆร้านย่านนั้นพากันปิดตัวลงทีละร้านๆ
วันนี้ไปพิพิธภัณฑ์ศิริราชภิมุขสถาน (สถานีรถไฟบางกอกน้อยเดิมที่โกโบริเสียชีวิตที่นี่)
แถวๆโรงพยาบาลศิริราช
ค่าเช้าชมช่วงโปรโมชั่นแค่ 50 บาทเอง
แปลกมากไม่มีคนเข้าชมเลย
หรือเมืองไทย จะมีลักษณะโดดเด่นของตัวเอง
ร้านหนังสือ และพิพิธภัณฑ์ หาคนเข้าไม่มี
กูรูซื้อ ดวงใจ มาเก็บไว้อีกสองสามเล่ม
เป็น ดวงใจ ที่พิมพ์เมื่อปี 2541 โดยสำนักพิมพ์รวมสาสน์ วังบูรพา
คิดว่า น่าจะยังมีสต็อคเหลืออยู่อีกพอสมควร
ลองติดต่อดูได้ ที่เบอร์ 02 226 3808 02 221 6483
แฟกซ์ 02222 2036
ดูเหมือนจะมีบริการส่งทางพัสดุภัณฑ์ให้ด้วย
กูรูมีเล่มเก่าเก็บไว้ 1 เล่ม และเล่มพิมพ์ใหม่อีก 1 เล่ม
ภายหลังแจกจ่ายให้กับน้องๆบางคนในเวปไปหมดแล้ว
พูดถึงร้านหนังสือแถววังบูรพา
ดูแล้วเศร้าใจจริงๆ
ร้านหนังสือหลายร้านหลายเป็น ร้าน(ง)ไร้ผู้คน
นอกเหนือจากคนรุ่นใหม่ไม่มาเดิมแถววังบูรพาแล้ว
ยังเป็นเพราะการสร้างรถไฟใต้ดินบริเวณใกล้เคียง
ทำให้จราจรติดขัดมาก
ร้านรวมสาสน์ก็เหลือแต่ผู้เฒ่าผู้แก่สองสามี ภรรยา นั่งร้านเหงาหงอย
ขณะที่อีกหลายๆร้านย่านนั้นพากันปิดตัวลงทีละร้านๆ
วันนี้ไปพิพิธภัณฑ์ศิริราชภิมุขสถาน (สถานีรถไฟบางกอกน้อยเดิมที่โกโบริเสียชีวิตที่นี่)
แถวๆโรงพยาบาลศิริราช
ค่าเช้าชมช่วงโปรโมชั่นแค่ 50 บาทเอง
แปลกมากไม่มีคนเข้าชมเลย
หรือเมืองไทย จะมีลักษณะโดดเด่นของตัวเอง
ร้านหนังสือ และพิพิธภัณฑ์ หาคนเข้าไม่มี
ชีวิตเกิดและตายเพียงอย่างละหน ส่วนที่เหลือตรงกลางต้องค้นพบเอง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 456
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สถิตไว้ในดวงใจ
โพสต์ที่ 9
เวลาผ่านไปแล้วก็ไปลับครับ
เดี๋ยวนี้ใครจะซื้อหนังสือเค้าก็เข้าตามร้านchianstoreแบบโมเดิร์นเทรดกันหมด
พอมากเข้าเรื่อยๆสำนักพิมพ์ก็ต้องฝากขายกับพวกนี้ทำให้อำนาจต่อรองเค้าสูงขึ้น
ซีเอ็ดจะหักค่าฝากขายครึ่งนึงของปก แถมมีค่าตั้งหน้าร้าน ถ้าขายไม่ดีก็เอาลงจากแผงภายในวันที่กำหนด
สำนักพิมพ์ต้องไปแบ่งกับคนแต่งคนแปลรู้สึกว่าจะ10%ของปกที่เหลือก็เป็นค่าพิมพ์ค่ากระดาษค่าแรง
อย่างนี้จะเหลืออะไรรับทานครับ
อาซิ้มอาซ้ออาเฮียอาเจ่กเจ้าของก็ทนทำไปเพราะทำไปค่อนชีวิตไม่รู้จะไปทำมาหารับทานอะไรต่อ
สังเกตุว่าสำนักพิมพ์เก่าๆเช่นรวมสาส์น เพลินจิตต์ .....ล้มหายตายจากกันไป
ถึงไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแบบโชว์สวย(ห่วย)ปัจจุบันที่นับวันรอฝัง
พลอยทำให้นิยายดีๆเก่าๆหายไปจากโลกหลายๆเรื่อง
และเดี๋ยวนี้ถ้าลองดูจะเห็นว่าราคาหนังสือที่พิมพ์ใหม่แพงมาก
ผมสังเกตุว่าเดิมนิยายจีนของสยามสปอร์ตราคาปก180ปัจจุบันเป็น230
การ์ตูน35-45เป็น60 ยิ่งของเนชั่นเป็นร้อยกว่า
คงปรับตามค่าแรงและค่าfeeของchainstoreที่เพิ่มขึ้น
เฮ้อ...บ่นไปตามประสาคนแก่ที่ยังติดกับวันเก่าๆ
เดี๋ยวนี้ใครจะซื้อหนังสือเค้าก็เข้าตามร้านchianstoreแบบโมเดิร์นเทรดกันหมด
พอมากเข้าเรื่อยๆสำนักพิมพ์ก็ต้องฝากขายกับพวกนี้ทำให้อำนาจต่อรองเค้าสูงขึ้น
ซีเอ็ดจะหักค่าฝากขายครึ่งนึงของปก แถมมีค่าตั้งหน้าร้าน ถ้าขายไม่ดีก็เอาลงจากแผงภายในวันที่กำหนด
สำนักพิมพ์ต้องไปแบ่งกับคนแต่งคนแปลรู้สึกว่าจะ10%ของปกที่เหลือก็เป็นค่าพิมพ์ค่ากระดาษค่าแรง
อย่างนี้จะเหลืออะไรรับทานครับ
อาซิ้มอาซ้ออาเฮียอาเจ่กเจ้าของก็ทนทำไปเพราะทำไปค่อนชีวิตไม่รู้จะไปทำมาหารับทานอะไรต่อ
สังเกตุว่าสำนักพิมพ์เก่าๆเช่นรวมสาส์น เพลินจิตต์ .....ล้มหายตายจากกันไป
ถึงไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแบบโชว์สวย(ห่วย)ปัจจุบันที่นับวันรอฝัง
พลอยทำให้นิยายดีๆเก่าๆหายไปจากโลกหลายๆเรื่อง
และเดี๋ยวนี้ถ้าลองดูจะเห็นว่าราคาหนังสือที่พิมพ์ใหม่แพงมาก
ผมสังเกตุว่าเดิมนิยายจีนของสยามสปอร์ตราคาปก180ปัจจุบันเป็น230
การ์ตูน35-45เป็น60 ยิ่งของเนชั่นเป็นร้อยกว่า
คงปรับตามค่าแรงและค่าfeeของchainstoreที่เพิ่มขึ้น
เฮ้อ...บ่นไปตามประสาคนแก่ที่ยังติดกับวันเก่าๆ