ผมอยากเล่า มุมมอง ต่อ ธุรกิจ -> หุ้น ของผม จังเลยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่า มุมมอง ต่อ ธุรกิจ -> หุ้น ของผม จังเลยครับ
โพสต์ที่ 1
เอาเป็นว่า เริ่ม เรื่อง ที่ว่าด้วย ธุรกิจ ดีกว่าครับ
ธุรกิจ คืออะไร เคยมีใครสงสัยบ้างมั้ยครับ
ร้านนี้ ขาย เสื้อผ้า ก็แปลว่า ทำธุรกิจ เกี่ยวกับเสื้อผ้า
ร้านนี้ ขาย เฟอร์นิเจอร์ ก็แปลว่า ทำธุรกิจ เกี่ยว กับ เฟอร์นิเจอร์
ร้านนี้ ขาย อะไหล่รถ ก็แปลว่า ทำธุรกิจ เกี่ยว กับ อะไหล่รถ
ก็เห็นว่ามีธุรกิจ ต่างๆ มากมาย เต็มไปหมด แถมมีทั่วโลก อีกต่างหาก
งั้นไม่เอาดีกว่า
เอาเป็น ว่า ธุรกิจ เกิดมาจากอะไรดีกว่า ดีป่ะ
แล้วคิดว่า ธุรกิจ เกิดมาจากอะไรล่ะครับ
ทุกอย่าง ต้องมีเหตุ และ มีผล สิ
ร้าน ขายเสื้อผ้า เค้าขายของให้ใครนะ
ก็คนน่ะสิ
ร้าน ขายเฟอร์นิเจอร์ เค้าขายของให้ใครอ่ะ
เฟอร์นิเจอร์ ไว้ ในบ้าน งั้นก็แปลว่า ขายให้บ้านเหรอ ขายให้คนอยู่แล้ว ถูกป่ะ แต่เป็นคนที่มีบ้าน
ร้าน ขายอะไหล่รถ เค้าขายของให้ใคร
อะไหล่รถ ก็ใช้กับรถ งั้นก็ขายให้ คน ที่มีรถ ถูกป่ะ
ดูเหมือน ว่า ก็ขายทุกอย่างให้กับคน แต่อาจจะเป็นทั้งทางตรง หรือ ทางอ้อม ก็ได้
งั้นตกลงว่า ธุรกิจ เกิดมาจากอะไรดี
งั้นลองมองย้อนหลังกันบ้างดีกว่า
ธุรกิจ คืออะไร เคยมีใครสงสัยบ้างมั้ยครับ
ร้านนี้ ขาย เสื้อผ้า ก็แปลว่า ทำธุรกิจ เกี่ยวกับเสื้อผ้า
ร้านนี้ ขาย เฟอร์นิเจอร์ ก็แปลว่า ทำธุรกิจ เกี่ยว กับ เฟอร์นิเจอร์
ร้านนี้ ขาย อะไหล่รถ ก็แปลว่า ทำธุรกิจ เกี่ยว กับ อะไหล่รถ
ก็เห็นว่ามีธุรกิจ ต่างๆ มากมาย เต็มไปหมด แถมมีทั่วโลก อีกต่างหาก
งั้นไม่เอาดีกว่า
เอาเป็น ว่า ธุรกิจ เกิดมาจากอะไรดีกว่า ดีป่ะ
แล้วคิดว่า ธุรกิจ เกิดมาจากอะไรล่ะครับ
ทุกอย่าง ต้องมีเหตุ และ มีผล สิ
ร้าน ขายเสื้อผ้า เค้าขายของให้ใครนะ
ก็คนน่ะสิ
ร้าน ขายเฟอร์นิเจอร์ เค้าขายของให้ใครอ่ะ
เฟอร์นิเจอร์ ไว้ ในบ้าน งั้นก็แปลว่า ขายให้บ้านเหรอ ขายให้คนอยู่แล้ว ถูกป่ะ แต่เป็นคนที่มีบ้าน
ร้าน ขายอะไหล่รถ เค้าขายของให้ใคร
อะไหล่รถ ก็ใช้กับรถ งั้นก็ขายให้ คน ที่มีรถ ถูกป่ะ
ดูเหมือน ว่า ก็ขายทุกอย่างให้กับคน แต่อาจจะเป็นทั้งทางตรง หรือ ทางอ้อม ก็ได้
งั้นตกลงว่า ธุรกิจ เกิดมาจากอะไรดี
งั้นลองมองย้อนหลังกันบ้างดีกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่า มุมมอง ต่อ ธุรกิจ -> หุ้น ของผม จังเลยครับ
โพสต์ที่ 2
เมื่อเกิด มีคน ขึ้น มา เป็นกลุ่ม ชุมชน เล็กๆ
ก็เคย ได้ยินว่า คนกลุ่ม นี้ เมื่อ ใครมีของอะไร ที่มากกว่าความจำเป็น ก็จะนำของสิ่งนั้น ไปแลกเป็นของอย่างอื่น กับผู้อื่น
กลุ่ม คน นี้ ก็ เริ่ม วิถี ชีวิต ด้วยการแลกเปลี่ยน
เมื่อเกิด มีคน ขึ้น มา เป็นกลุ่ม ชุมชน ที่ใหญ่ขึ้น
มีการแลกเปลี่ยน สิ่งของ มากขึ้น จนดูวุ่นวาย
และ เมื่อวุ่นวาย ยุ่งยาก ก็เริ่ม มีปัญหา
อย่างเช่น ด้านการเปรียบเทียบ มูลค่า ว่า ทำไม ของสิ่งนี้ จึง เท่ากับ ของสิ่งนี้
จน คนเรา ชักจะ ทะเลาะ กันบ่อย เรื่องมูลค่า และความยุ่งยากในการแลกเปลี่ยน
ก็ต้องแก้ปัญหา
จึงได้ สร้าง สิ่งสมมุติ ที่เป็นตัวกลาง ที่ต้องเชื่อ ว่ามีมูลค่า
แล้วก็ไม่แปลก สิ่งสมมุติ นั้น ก็คือ ลักษณะ แบบ เงิน
ที่เคยได้ยิน ก็เริ่ม จาก เปลือกหอย บ้างล่ะ หินบ้างล่ะ เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน มาเรื่อยๆ
เมื่อเกิด มีคน ขึ้น มา เป็นกลุ่ม ชุมชน ที่ใหญ่ขึ้น อีก
มีการแลกเปลี่ยน สิ่งของ มากขึ้น จนดูวุ่นวาย และวุ่นวายขึ้นอีก
สิ่งของ ที่แลกกันเองไม่สามารถ มีเพียงพอได้
ตัวกลาง ก็เกิด ขึ้น อีก
นั่น ก็คือ ตัวกลาง ที่จะรับซื้อ หรือ รับแลก ของ ที่เป็นเฉพาะเจาะจงขึ้น
นั่นก็คือ ร้านค้า ซึ่ง ก็ ดำเนิน โดย พ่อค้า แม่ค้า ซึ่ง ก็คือคนนั่นแหละ
พ่อค้า แม่ค้า ก็จะรับ ซื้อ เช่น ขายเนื้อ ก็รับซื้อ เนื้อ
และทำให้ ชุมชนรู้ว่า เค้าขาย เนื้อ และสามารถ มาซื้อเนื้อได้ที่นี่
เมื่อเกิด มีคน ขึ้น มา เป็นกลุ่ม ชุมชน ที่ใหญ่ขึ้น อีก และใหญ่ ขึ้นอีก
มีการแลกเปลี่ยน สิ่งของ มากขึ้น จนดูวุ่นวาย และวุ่นวายขึ้นอีก และวุ่นวายขึ้นอีก
จำนวน ร้านค้า ก็เพิ่ม ขึ้นอีกเรื่อยๆ ทั้งสินค้า ประเภทเดิม และ ประเภท ใหม่ๆ
เมื่อร้านค้า มากๆอย่างเข้า มารวมกัน ซึ่ง เป็นแหล่ง ในการซื้อขาย
ก็กลายเป็น ตลาด
และก็ ดำเนิน พัฒนา มาเรื่อยๆ จนเป็นปัจจุบัน
แล้วตกลง ธุรกิจ เกิดจากอะไรกันแน่เนี่ย
ดูย้อนหลัง ผสม กับ ปัจจุบัน
การดำเนินชีวิตของคน - > แลกเปลี่ยน -> ร้านค้า (ร้านค้า ก็คือ ธุรกิจ) -> ธุรกิจขนาดเล็ก -> ธุรกิจขนาดกลาง -> ธุรกิจขนาดใหญ่ -> เพื่อ ตอบ สนอง การดำเนิน ชีวิต ของคน
ทุกอย่าง ดูเหมือนทำเพื่ออะไร
ซื้อ ขาย ก็เพื่อ คน นำไปกินนำไปใช้
ธุรกิจ ผลิต ก็เพื่อ คน นำไปกิน นำไปใช้
ธุรกิจ บริการ ก็เพื่อ คน นำไปกิน นำไปใช้
เจ้าของ ธุรกิจ ซื้อ ขาย (ซึ่งก็เป็นคน) ก็เพื่อ หากำไร หาเงิน แล้ว นำไปใช้ในการดำรงชีวิต
เจ้าของ ธุรกิจ ผลิต(ซึ่งก็เป็นคน) ก็เพื่อ หากำไร หาเงิน แล้ว นำไปใช้ในการดำรงชีวิต
เจ้าของ ธุรกิจ บริการ(ซึ่งก็เป็นคน) ก็เพื่อ หากำไร หาเงิน แล้ว นำไปใช้ในการดำรงชีวิต
คน ก็ มี ชีวิต ดำเนิน ชีวิต
ถ้าแบบนี้ จะตอบว่า ธุรกิจ เกิดจาก ชีวิต (คน) ได้มั้ย
และเมื่อ ธุรกิจ เกิดขึ้น แล้วจัดหา สิ่งที่ ชีวิตคน ต้องการ เพื่อการดำรงชีวิต
แล้วจะแปลกอะไร ถ้า ชีวิตของเรา จะลงทุน ในธุรกิจ
ก็เคย ได้ยินว่า คนกลุ่ม นี้ เมื่อ ใครมีของอะไร ที่มากกว่าความจำเป็น ก็จะนำของสิ่งนั้น ไปแลกเป็นของอย่างอื่น กับผู้อื่น
กลุ่ม คน นี้ ก็ เริ่ม วิถี ชีวิต ด้วยการแลกเปลี่ยน
เมื่อเกิด มีคน ขึ้น มา เป็นกลุ่ม ชุมชน ที่ใหญ่ขึ้น
มีการแลกเปลี่ยน สิ่งของ มากขึ้น จนดูวุ่นวาย
และ เมื่อวุ่นวาย ยุ่งยาก ก็เริ่ม มีปัญหา
อย่างเช่น ด้านการเปรียบเทียบ มูลค่า ว่า ทำไม ของสิ่งนี้ จึง เท่ากับ ของสิ่งนี้
จน คนเรา ชักจะ ทะเลาะ กันบ่อย เรื่องมูลค่า และความยุ่งยากในการแลกเปลี่ยน
ก็ต้องแก้ปัญหา
จึงได้ สร้าง สิ่งสมมุติ ที่เป็นตัวกลาง ที่ต้องเชื่อ ว่ามีมูลค่า
แล้วก็ไม่แปลก สิ่งสมมุติ นั้น ก็คือ ลักษณะ แบบ เงิน
ที่เคยได้ยิน ก็เริ่ม จาก เปลือกหอย บ้างล่ะ หินบ้างล่ะ เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน มาเรื่อยๆ
เมื่อเกิด มีคน ขึ้น มา เป็นกลุ่ม ชุมชน ที่ใหญ่ขึ้น อีก
มีการแลกเปลี่ยน สิ่งของ มากขึ้น จนดูวุ่นวาย และวุ่นวายขึ้นอีก
สิ่งของ ที่แลกกันเองไม่สามารถ มีเพียงพอได้
ตัวกลาง ก็เกิด ขึ้น อีก
นั่น ก็คือ ตัวกลาง ที่จะรับซื้อ หรือ รับแลก ของ ที่เป็นเฉพาะเจาะจงขึ้น
นั่นก็คือ ร้านค้า ซึ่ง ก็ ดำเนิน โดย พ่อค้า แม่ค้า ซึ่ง ก็คือคนนั่นแหละ
พ่อค้า แม่ค้า ก็จะรับ ซื้อ เช่น ขายเนื้อ ก็รับซื้อ เนื้อ
และทำให้ ชุมชนรู้ว่า เค้าขาย เนื้อ และสามารถ มาซื้อเนื้อได้ที่นี่
เมื่อเกิด มีคน ขึ้น มา เป็นกลุ่ม ชุมชน ที่ใหญ่ขึ้น อีก และใหญ่ ขึ้นอีก
มีการแลกเปลี่ยน สิ่งของ มากขึ้น จนดูวุ่นวาย และวุ่นวายขึ้นอีก และวุ่นวายขึ้นอีก
จำนวน ร้านค้า ก็เพิ่ม ขึ้นอีกเรื่อยๆ ทั้งสินค้า ประเภทเดิม และ ประเภท ใหม่ๆ
เมื่อร้านค้า มากๆอย่างเข้า มารวมกัน ซึ่ง เป็นแหล่ง ในการซื้อขาย
ก็กลายเป็น ตลาด
และก็ ดำเนิน พัฒนา มาเรื่อยๆ จนเป็นปัจจุบัน
แล้วตกลง ธุรกิจ เกิดจากอะไรกันแน่เนี่ย
ดูย้อนหลัง ผสม กับ ปัจจุบัน
การดำเนินชีวิตของคน - > แลกเปลี่ยน -> ร้านค้า (ร้านค้า ก็คือ ธุรกิจ) -> ธุรกิจขนาดเล็ก -> ธุรกิจขนาดกลาง -> ธุรกิจขนาดใหญ่ -> เพื่อ ตอบ สนอง การดำเนิน ชีวิต ของคน
ทุกอย่าง ดูเหมือนทำเพื่ออะไร
ซื้อ ขาย ก็เพื่อ คน นำไปกินนำไปใช้
ธุรกิจ ผลิต ก็เพื่อ คน นำไปกิน นำไปใช้
ธุรกิจ บริการ ก็เพื่อ คน นำไปกิน นำไปใช้
เจ้าของ ธุรกิจ ซื้อ ขาย (ซึ่งก็เป็นคน) ก็เพื่อ หากำไร หาเงิน แล้ว นำไปใช้ในการดำรงชีวิต
เจ้าของ ธุรกิจ ผลิต(ซึ่งก็เป็นคน) ก็เพื่อ หากำไร หาเงิน แล้ว นำไปใช้ในการดำรงชีวิต
เจ้าของ ธุรกิจ บริการ(ซึ่งก็เป็นคน) ก็เพื่อ หากำไร หาเงิน แล้ว นำไปใช้ในการดำรงชีวิต
คน ก็ มี ชีวิต ดำเนิน ชีวิต
ถ้าแบบนี้ จะตอบว่า ธุรกิจ เกิดจาก ชีวิต (คน) ได้มั้ย
และเมื่อ ธุรกิจ เกิดขึ้น แล้วจัดหา สิ่งที่ ชีวิตคน ต้องการ เพื่อการดำรงชีวิต
แล้วจะแปลกอะไร ถ้า ชีวิตของเรา จะลงทุน ในธุรกิจ
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่า มุมมอง ต่อ ธุรกิจ -> หุ้น ของผม จังเลยครับ
โพสต์ที่ 3
รอบแห่ง อายุ
โลก หมุนรอบตัวเอง ใช้เวลา 24 ชั่วโมง ทำให้เกิด กลางวัน และกลางคืน
มีหน่วยเป็นวัน
ครบ 365 วัน เป็น หนึ่งปี ฤดูกาล ก็หมุนไปใน 1 ปี
ชีวิต คน อายุขัย ว่ากัน ว่า 100 ปี
แล้ว รอบ อายุ ของ ธุรกิจ ล่ะ
ถ้า ธุรกิจ เกิด จาก ชีวิต
และ การดำเนินชีวิต ก็ สร้าง ธุรกิจ
เคยสังเกต มั้ยครับ ว่า
รอบบัญชี ของแต่ละ บริษัท ต่างๆ และ กฎเกณฑ์ๆ จำนวนมาก ระบุ ระยะเวลา เป็น รอบปี
เช่น บริษัท หนึ่ง รอบบัญชี ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 31 ธันวาคม นี่เท่ากับหนึ่งปี
บริษัท สอง รอบบัญชี ตั้งแต่ วันที่ 1 กรกฎาคม-30 มิถุนายน ก็เท่ากับ 1 ปี
อาจจะคิดว่าผมกำลังพูดไร้สาระ มั้งครับ แต่มองดีๆ สิครับ
เคยเห็น บริษัท นี้ บอกว่า มีอายุครบรอบ 12 ปี บ้าง 20 ปีบ้าง 50ปีบ้าง
จนดูคล้าย อายุนั้น ก็หมุน ไปในแบบ อายุชีวิต ของมนุษย์
งั้นมันดูคล้าย สรุปได้ว่า อายุ ของธุรกิจ ก็มี หน่วยเป็นปี
แต่เมื่อครบ ปี ผลงานของ บริษัท คือ ผลประกอบการ
ผลประกอบการ เกิดจาก การดำเนินงาน ตลอด 365 วัน ในระยะเวลา หนึ่งปี
บ้างมี วันหยุด ก็ลบวันออกไป แต่บางบริษัท แม้ วันหยุด ก็สามารถ สร้างกำไร และผลประกอบการได้
และเมื่อมีผลประกอบการ
ผลประกอบการนี้ ก็รายงาน ในรูปแบบ บัญชี
และกฎเกณฑ์ ของบริษัทในตลาดหุ้นไทย จะต้องรายงาน
ผลประกอบการ ทุก ไตรมาส นั่นเท่ากับ 3 เดือน หรือ ประมาณ 90 วัน
ปีละ 4 ครั้ง ก็เท่ากับ 12 เดือน หรือ 1 ปี
และ เมื่อครบรอบปีในการตั้งบริษัท หลายๆ ครั้ง ก็มี การ Happy birthday ฉลองครบรอบ โดยเจ้าของบริษัท
และหลายครั้ง ถ้า ผลประกอบ ออกมาในเกณฑ์ที่ดี เมื่อครบรอบรับบัญชี ซึ่งส่วนใหญ่ คือ วันที่ 1 มกราคม -31 ธันวาคม
ก็มีการ happy birthday ให้เมื่อครบปี เช่นกัน ในรูป January effect ซึ่งเป็นเวลาที่ผลประกอบการ รอบปี กำลังออกมา
แม้ธุรกิจ จะดำเนินงาน ทุกวัน แต่วัดผล เกิดขึ้นเร็วที่สุด ทุกๆ ไตรมาส หรือ 3 เดือน
นี่คือสิ่งที่จะเกิด จากการดำเนินงานจริงๆ
นั่ง พูดถึงรอบเวลา เพื่อสิ่งใดล่ะ
การ ซื้อขาย หุ้น ในตลาด
ในรูปเก็งกำไร หลายๆครั้ง
มีการเล่น ตั้งแต่ ซื้อเช้า ขายเย็น นี่คือ daytrade
มีการ ซื้อ วันจันทร์ ขาย วันศุกร์ หรือการเล่น สั้นๆ ประมาณ อาทิตย์ ก็คือ week trade
มีการ ซื้อ แล้วถือ หลายอาทิตย์ จนยาวนาน สักเดือน ก็ month trade
ถ้าเล่นหุ้น ตามพื้นฐาน ของทางธุรกิจ
การวัดผลประกอบการ เกิดขึ้นเร็วที่สุด ทุกๆ ไตรมาส หรือ 3 เดือน
แล้ว 1 วัน ในเมื่อ วันนั้น บริษัทก็ยังดำเนินการคงเดิม อะไร ทำให้ราคาขึ้นลง
แล้ว 7 วัน ในเมื่อ 7 วันนั้น บริษัทก็ยังดำเนินการคงเดิม อะไร ทำให้ราคาขึ้นลง
แล้ว 30 วัน ในเมื่อ 30 วันนั้น บริษัทก็ยังดำเนินการคงเดิม อะไร ทำให้ราคาขึ้นลง
ใช้อะไร เป็นเหตุผล ในการเข้าซื้อ หรือ ขาย
ถ้าจะให้เดา ก็เดาว่า
ในระยะเวลา ไม่ได้ยาวนานพอ ที่จะมองเห็นผลประกอบการ
แต่ราคา ขึ้นลงได้ ทั้งที่ไม่เห็นผลประกอบการ
นั่นแปลว่า ราคา ขึ้นลง ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการเป็นหลัก
แล้วราคา ช่วงนั้น ขึ้นอยู่กับอะไร
นั่น คือ ความต้อง การ ซื้อ หรือ ขาย ของ คนในตลาดหุ้น โดยรวม
ซึ่ง แต่ละคน ก็มีความคิด มีจิตใจ
นั่น จึงดูว่า หลักจิตวิทยา ก็เป็นหนึ่ง ในสาเหตุ การขึ้นลง ของราคาหุ้น
โลก หมุนรอบตัวเอง ใช้เวลา 24 ชั่วโมง ทำให้เกิด กลางวัน และกลางคืน
มีหน่วยเป็นวัน
ครบ 365 วัน เป็น หนึ่งปี ฤดูกาล ก็หมุนไปใน 1 ปี
ชีวิต คน อายุขัย ว่ากัน ว่า 100 ปี
แล้ว รอบ อายุ ของ ธุรกิจ ล่ะ
ถ้า ธุรกิจ เกิด จาก ชีวิต
และ การดำเนินชีวิต ก็ สร้าง ธุรกิจ
เคยสังเกต มั้ยครับ ว่า
รอบบัญชี ของแต่ละ บริษัท ต่างๆ และ กฎเกณฑ์ๆ จำนวนมาก ระบุ ระยะเวลา เป็น รอบปี
เช่น บริษัท หนึ่ง รอบบัญชี ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 31 ธันวาคม นี่เท่ากับหนึ่งปี
บริษัท สอง รอบบัญชี ตั้งแต่ วันที่ 1 กรกฎาคม-30 มิถุนายน ก็เท่ากับ 1 ปี
อาจจะคิดว่าผมกำลังพูดไร้สาระ มั้งครับ แต่มองดีๆ สิครับ
เคยเห็น บริษัท นี้ บอกว่า มีอายุครบรอบ 12 ปี บ้าง 20 ปีบ้าง 50ปีบ้าง
จนดูคล้าย อายุนั้น ก็หมุน ไปในแบบ อายุชีวิต ของมนุษย์
งั้นมันดูคล้าย สรุปได้ว่า อายุ ของธุรกิจ ก็มี หน่วยเป็นปี
แต่เมื่อครบ ปี ผลงานของ บริษัท คือ ผลประกอบการ
ผลประกอบการ เกิดจาก การดำเนินงาน ตลอด 365 วัน ในระยะเวลา หนึ่งปี
บ้างมี วันหยุด ก็ลบวันออกไป แต่บางบริษัท แม้ วันหยุด ก็สามารถ สร้างกำไร และผลประกอบการได้
และเมื่อมีผลประกอบการ
ผลประกอบการนี้ ก็รายงาน ในรูปแบบ บัญชี
และกฎเกณฑ์ ของบริษัทในตลาดหุ้นไทย จะต้องรายงาน
ผลประกอบการ ทุก ไตรมาส นั่นเท่ากับ 3 เดือน หรือ ประมาณ 90 วัน
ปีละ 4 ครั้ง ก็เท่ากับ 12 เดือน หรือ 1 ปี
และ เมื่อครบรอบปีในการตั้งบริษัท หลายๆ ครั้ง ก็มี การ Happy birthday ฉลองครบรอบ โดยเจ้าของบริษัท
และหลายครั้ง ถ้า ผลประกอบ ออกมาในเกณฑ์ที่ดี เมื่อครบรอบรับบัญชี ซึ่งส่วนใหญ่ คือ วันที่ 1 มกราคม -31 ธันวาคม
ก็มีการ happy birthday ให้เมื่อครบปี เช่นกัน ในรูป January effect ซึ่งเป็นเวลาที่ผลประกอบการ รอบปี กำลังออกมา
แม้ธุรกิจ จะดำเนินงาน ทุกวัน แต่วัดผล เกิดขึ้นเร็วที่สุด ทุกๆ ไตรมาส หรือ 3 เดือน
นี่คือสิ่งที่จะเกิด จากการดำเนินงานจริงๆ
นั่ง พูดถึงรอบเวลา เพื่อสิ่งใดล่ะ
การ ซื้อขาย หุ้น ในตลาด
ในรูปเก็งกำไร หลายๆครั้ง
มีการเล่น ตั้งแต่ ซื้อเช้า ขายเย็น นี่คือ daytrade
มีการ ซื้อ วันจันทร์ ขาย วันศุกร์ หรือการเล่น สั้นๆ ประมาณ อาทิตย์ ก็คือ week trade
มีการ ซื้อ แล้วถือ หลายอาทิตย์ จนยาวนาน สักเดือน ก็ month trade
ถ้าเล่นหุ้น ตามพื้นฐาน ของทางธุรกิจ
การวัดผลประกอบการ เกิดขึ้นเร็วที่สุด ทุกๆ ไตรมาส หรือ 3 เดือน
แล้ว 1 วัน ในเมื่อ วันนั้น บริษัทก็ยังดำเนินการคงเดิม อะไร ทำให้ราคาขึ้นลง
แล้ว 7 วัน ในเมื่อ 7 วันนั้น บริษัทก็ยังดำเนินการคงเดิม อะไร ทำให้ราคาขึ้นลง
แล้ว 30 วัน ในเมื่อ 30 วันนั้น บริษัทก็ยังดำเนินการคงเดิม อะไร ทำให้ราคาขึ้นลง
ใช้อะไร เป็นเหตุผล ในการเข้าซื้อ หรือ ขาย
ถ้าจะให้เดา ก็เดาว่า
ในระยะเวลา ไม่ได้ยาวนานพอ ที่จะมองเห็นผลประกอบการ
แต่ราคา ขึ้นลงได้ ทั้งที่ไม่เห็นผลประกอบการ
นั่นแปลว่า ราคา ขึ้นลง ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการเป็นหลัก
แล้วราคา ช่วงนั้น ขึ้นอยู่กับอะไร
นั่น คือ ความต้อง การ ซื้อ หรือ ขาย ของ คนในตลาดหุ้น โดยรวม
ซึ่ง แต่ละคน ก็มีความคิด มีจิตใจ
นั่น จึงดูว่า หลักจิตวิทยา ก็เป็นหนึ่ง ในสาเหตุ การขึ้นลง ของราคาหุ้น
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่า มุมมอง ต่อ ธุรกิจ -> หุ้น ของผม จังเลยครับ
โพสต์ที่ 5
ขอเห็นต่างกับคอตเลอร์หน่อยเถอะ เพราะผมมาเห็นพี่ตี๋ แมชชิ่ง แล้วผมว่าบ.นี้จะให้รุ่ง การบัญชีต้องนำการตลาดครับคนเรือ VI เขียน:เค้าว่าให้เริ่มต้นที่ ลูกค้า ครับ
อย่างที่คอตเลอร์บอกให้เริ่มต้นที่การตลาด ใช้การตลาดนำ บริษัทจะสำเร็จครับ
จิตวิทยาผู้บริโภค สำคัญครับ
เพราะปีไหนงานเยอะ ปีนั้นขาดทุนเยอะ ปีไหนรายได้ลด ปีนั้นมีกำไร 555
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่า มุมมอง ต่อ ธุรกิจ -> หุ้น ของผม จังเลยครับ
โพสต์ที่ 6
อ่านไป ก็งงไป เหมือนพายเรือยู่ในอ่างน้ำ
มีแต่น้ำ หาเนื้อไม่ค่อยเจอครับ
ผมคงหาคนแนะนำตีความให้
อ่านแล้วเหมือนมีแต่อารัมภบท
เมื่อก่อนผมคิดว่า
การเขียนเริ่มต้นน่าสนใจ
แล้วก็เนื้อหา
ตอนจบประทับใจ
มีแต่น้ำ หาเนื้อไม่ค่อยเจอครับ
ผมคงหาคนแนะนำตีความให้
อ่านแล้วเหมือนมีแต่อารัมภบท
เมื่อก่อนผมคิดว่า
การเขียนเริ่มต้นน่าสนใจ
แล้วก็เนื้อหา
ตอนจบประทับใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่า มุมมอง ต่อ ธุรกิจ -> หุ้น ของผม จังเลยครับ
โพสต์ที่ 8
ขออภัยครับ ถ้าผมทำได้ไม่ดีพอ
งั้นลองแบบสั้นๆนะครับ
เมื่อ คิดว่า ธุรกิจเกิดจากชีวิต
นั้นแปลว่า การดำเนิน ธุรกิจ เพื่อแสวงหากำไร
นั้น จะตอบ สนอง การดำรงชีวิต ของมนุษย์
การว่า เรื่องอายุ ของธุรกิจ
ก็แสดงถึง การคงอยู่ซึ่ง ธุรกิจ
ซึ่ง 2 ข้อ นี้ เกี่ยวพันกันโดยตรง
บางธุรกิจ นั้นอยู่ได้ยาวนาน 50 ปี ก็มี 100 ปี ก็มี ยิ่งถ้าศึกษาจากต่างประเทศ
ซึ่งการที่บริษัท จะอยู่ได้นานนั้น
จะต้องดำรง ซึ่ง ความสามารถในการตอบสนอง ความต้องการ ของมนุษย์ ในการดำรงชีวิต
และการรับมือ ต่อการแข่งขัน
และหลาย บริษัท เช่น กันที่มีอายุ ไม่กี่ปี หรือ อาจจะ 10 ปี ก็หายจากไป
ชีวิต มนุษย์ ส่วนใหญ่ นั้น ต้องการของที่ถูกที่สุด นั่นเป็นธรรมดาที่จะเกิดการแข่งขัน
หลายๆบริษัท ล้มหาย เพราะ แข่งขันไม่ได้ ล้มเพราะโดน เทคโนโลยี ทดแทน
ล้ม เพราะ สินค้า กลายเป็นที่ไม่ต้องการ
เมื่อเป็น เช่นนี้แล้ว
ถ้าเราต้องการลงทุนในบริษัทไหน แล้วเรามองให้ยาว
ก็จะมองเห็นความเป็นมาเป็นไป แล้วดูไปที่ความต้องการของ ผลิตผล ของบริษัทนั้น
ว่าจะเป็นที่ต้องการของ ผู้ใช้ ยาวนานเพียงไหน(ไม่ใช่แค่ ปี หรือ สองปี แต่ยังยาวนานกว่านั้นอีก) แล้ว ถูกทดแทนด้วยอะไรได้บ้าง และปัจจัยอื่นๆ
ส่วนเรื่องการเก็งกำไร โดยไม่รู้มูลค่า
ผมแค่เพียง เอามาเทียบเคียง ในด้านเวลา ของผลประกอบการ จริงๆเท่านั้น
ขออภัยครับ
ผมว่าอาจจะเป็นเรื่อง ของความคิด ตัวเองมากเกินไป
ผมว่าถ้าผม ทำต่อ อาจจะทำไม่ดี
ขออภัยด้วยครับ
ไม่มีเจตนา เพื่อให้อ่าน แล้ว ไม่ได้ประโยชน์ นะครับ
งั้นลองแบบสั้นๆนะครับ
เมื่อ คิดว่า ธุรกิจเกิดจากชีวิต
นั้นแปลว่า การดำเนิน ธุรกิจ เพื่อแสวงหากำไร
นั้น จะตอบ สนอง การดำรงชีวิต ของมนุษย์
การว่า เรื่องอายุ ของธุรกิจ
ก็แสดงถึง การคงอยู่ซึ่ง ธุรกิจ
ซึ่ง 2 ข้อ นี้ เกี่ยวพันกันโดยตรง
บางธุรกิจ นั้นอยู่ได้ยาวนาน 50 ปี ก็มี 100 ปี ก็มี ยิ่งถ้าศึกษาจากต่างประเทศ
ซึ่งการที่บริษัท จะอยู่ได้นานนั้น
จะต้องดำรง ซึ่ง ความสามารถในการตอบสนอง ความต้องการ ของมนุษย์ ในการดำรงชีวิต
และการรับมือ ต่อการแข่งขัน
และหลาย บริษัท เช่น กันที่มีอายุ ไม่กี่ปี หรือ อาจจะ 10 ปี ก็หายจากไป
ชีวิต มนุษย์ ส่วนใหญ่ นั้น ต้องการของที่ถูกที่สุด นั่นเป็นธรรมดาที่จะเกิดการแข่งขัน
หลายๆบริษัท ล้มหาย เพราะ แข่งขันไม่ได้ ล้มเพราะโดน เทคโนโลยี ทดแทน
ล้ม เพราะ สินค้า กลายเป็นที่ไม่ต้องการ
เมื่อเป็น เช่นนี้แล้ว
ถ้าเราต้องการลงทุนในบริษัทไหน แล้วเรามองให้ยาว
ก็จะมองเห็นความเป็นมาเป็นไป แล้วดูไปที่ความต้องการของ ผลิตผล ของบริษัทนั้น
ว่าจะเป็นที่ต้องการของ ผู้ใช้ ยาวนานเพียงไหน(ไม่ใช่แค่ ปี หรือ สองปี แต่ยังยาวนานกว่านั้นอีก) แล้ว ถูกทดแทนด้วยอะไรได้บ้าง และปัจจัยอื่นๆ
ส่วนเรื่องการเก็งกำไร โดยไม่รู้มูลค่า
ผมแค่เพียง เอามาเทียบเคียง ในด้านเวลา ของผลประกอบการ จริงๆเท่านั้น
ขออภัยครับ
ผมว่าอาจจะเป็นเรื่อง ของความคิด ตัวเองมากเกินไป
ผมว่าถ้าผม ทำต่อ อาจจะทำไม่ดี
ขออภัยด้วยครับ
ไม่มีเจตนา เพื่อให้อ่าน แล้ว ไม่ได้ประโยชน์ นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่า มุมมอง ต่อ ธุรกิจ -> หุ้น ของผม จังเลยครับ
โพสต์ที่ 11
สิ่งจริง สิ่งสมมุติ สิ่งจริง สิ่งสมมุติ
สิ่งจริง สำหรับเรา และเป็น สิ่งจริง สำหรับผู้อื่น
สิ่งสมมุติ สำหรับเรา และเป็น สิ่งสมมุติ สำหรับผู้อื่น
สิ่งจริง สำหรับเรา แต่เป็น สิ่งสมมุติ สำหรับผู้อื่น
สิ่งสมมุติ สำหรับเรา แต่เป็น สิ่งจริง สำหรับผู้อื่น
ผมเคยสงสัยว่า เงิน คือ อะไรกันแน่
บ้างก็ว่า เงิน เป็น พระเจ้า ซื้อ ทุกสิ่งได้
และถ้ามีเงินมาก ก็จะเรียกว่า รวย
ผมเคยสงสัยว่า รวย คือ อะไรกันแน่
มีโอกาส เกิดขึ้นคราวนึง กับ คำว่า เงิน
ผมนั่งอยู่บนรถเพื่อน แล้วเห็น เงิน ใบละ 500 บาท วางอยู่ ซึ่ง ตอนนั้น เงิน ใบละ 1000 บาท มีค่ามากสุดโดยทั่วไป
แต่ในความคิดผม และคนทั่วไป ใบละ 500 บาท ก็ไม่น้อยอยู่ดี
ผมก็เลยถามเพื่อนว่า เงิน คืออะไร
- เงินก็เป็นเงินสิวะ
ผมก็พูดต่อว่า เงิน มัน ก็คือ กระดาษ
แล้วก็เถียงกันไปมาเล็กน้อย เรื่องเงิน
แล้ว ผมก็บอกว่า ไม่เชื่อ ใช่มั้ย ว่า เงิน คือกระดาษ
งั้นดูนี่น่า
เสียง แคร็ก เบาๆ ก็ดังขึ้น เบาๆ ช้าๆ และเพื่อน ผมก็ยังคงมองที่เงินใบนั้น อยู่
ใช่ครับ เงินใบนั้น ได้ขาดเป็นสองส่วนแล้ว
(แต่ผมรู้ว่า ถ้าเงิน ขาดเป็นสองท่อน สภาพสมบูรณ์ จะสามารถไปเปลี่ยนเป็นใบใหม่ได้ ที่ธนาคาร แต่เพื่อนผมอาจจะไม่รู้)
(แล้วผมก็บอกเค้า เอาไปเปลี่ยน ใบใหม่ได้ ที่ธนาคาร)
เพื่อนผม คงโกรธพอสมควร น่าสงสารจริงๆ มีเพื่อนอย่างผม
แปลกแต่จริง เพื่อน คนนี้ ยังคงคบกับผมอยู่ครับ นั่งรถเค้า ยัง ไปทำเงินเค้าอีก
(ผมไม่รู้นะครับ ว่าเพื่อนผมนำเงินนี้ไปทำยังไงต่อกันแน่ แต่ตอนถามเพื่อนผมจะบอกว่า ทิ้งไปแล้ว ด้วยเสียงแค้นนิดๆ 55)
เมื่อผมได้มีโอกาสแบบนั้น ผมก็สัมผัสได้ ถึงความเป็นกระดาษ ของเงิน จนวันนึงมีเงิน ใบละ 50 บาท ผลิตจากพลาสติก เคยลองดู แต่ไม่ขาดแฮะ
555 เงิน ก็คือ พลาสติกได้ 555
บางที เงิน ก็เป็นอะไร ที่เป็นเพียง ตัวเลข ขึ้นลง ในบัญชีธนาคาร แต่มีเยอะแล้วรู้สึกดี
บางที เงิน ก็เป็น ตัวเลข มูลค่า ในพอร์ต หุ้น ซึ่งขึ้นลงได้ง่าย กว่า ในบัญชีธนาคาร
มีโอกาส เกิดขึ้นคราวนึง กับ คำว่า รวย
วันนั้น ไปเที่ยวกัน ในกลุ่ม เพื่อนๆ
ที่ห้าง ดัง มา...
แล้วก็ไปนั่งกิน สุกี้ กัน
ซึ่งช่วงที่ รอ อาหาร มานั้น
เพื่อนผม คนนึง ซึ่งก็รู้จัก ผมมาเป็นปีแล้วล่ะ
ถามผมว่า ทำไมถึงอยากรวย นัก
ตอนแรก ผมรู้สึกดี ที่ถูกถาม เกี่ยวกับ ความรวย
แต่วินาทีต่อมา ผมก็ นิ่ง คิด
แล้วก็พูด ตอบเพื่อนว่า จะได้ซื้อ นู่น ซื้อ นี่ พูดไปพลาง คิดไปพลาง
แล้วก็นิ่ง อึ้ง
และก็ตอบเพื่อนว่า เออว่ะ จะรวยไปทำไม วะเนี่ย
จะซื้อ บ้าน บ้านก็มีอยู่
จะซื้อ รถ รถก็มีอยู่
จะซื้อ เสื้อผ้า นาฬิกา กินอาหารดีๆ มีเท่านี้ ก็ทำได้หมด นี่นา
เอ จริงๆ เราไม่ต้องรวยกว่านี้ เราก็มีครบ ทุกอย่าง แล้วนี่นา เพียงแต่ต้องรักษาระดับฐานะแบบนี้ให้คงอยู่
แต่ในใจ ก็ยังอยากรวยนะครับ
ประโยคนี้ จึงเป็นที่จดจำของผม ทำไมถึงอยากรวยนัก และก็ คิดถึงประโยคนี้เสมอ
ขอบคุณ เพื่อนทั้ง 2 คน นะครับ
การมอง เงิน ชัดเจนขึ้นอีก
เมื่อ ผมได้มี โอกาส ดูหนัง เรื่อง ช็อกโกแลต แฟกตอรี่
มีเด็กคนนึง ในครอบครัวที่ยากจน (พ่อ แม่ ปู่ย่า ตายาย รวมเด็ก 7คน ในบ้านเก่าๆ )
และก็มีปู่ ซึ่งเคยทำงานใน โรงงานช็อกโกแลตแห่งนี้ด้วย
ซึ่งโรงงานแห่งนี้ เมื่อมีการถูกขโมยสูตร ต่างๆ ก็เลย ไม่มีการจ้างคนงาน และไม่ให้ คนนอกเข้า เป็นเวลานาน
แล้ววันนึง โรงงานแห่งนี้ ได้ผลิต ช็อกโกแลต และมี ตั๋ว เพียง 5 ใบ แนบกับช็อกโกแลตที่ผลิตออกมา
ตัวนี้ ผู้ได้ จะได้ เข้าไป เยี่ยมชมในโรงงาน(ซึ่งมีคนอยากเข้าจำนวนมาก)
แล้วเด็กคนนี้ ก็บังเอิญ เก็บเงินได้ แล้วนำไปซื้อ แล้วเมื่อแกะออก ก็ได้ตั๋ว ใบนั้น
ก็มีคนที่เห็น รีบเสนอ ซื้อทันที และ ยังมีคนที่พร้อมเสนอราคาให้สูงกว่านี้อีก
เจ้าของร้าน ขายของ จึงบอกเด็ก รีบเอากลับบ้านไปก่อนดีกว่า
เด็กคนนี้ จึงไปคุยกับ พ่อแม่ แล้วบอกว่า นี่ถ้าขาย น่าจะได้ราคาสูงมาก
จะทำให้ เรามีข้าวดีๆ กินกันไป หลายสัปดาห์
ดูเหมือนว่า จะมีแต่คนตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะเอายังไงดี
จน ตา เรียกเด็กคนนี้ไปคุย
แล้วพูดประมาณว่า
เงินน่ะ เค้าพิมพ์ กันออกมาทุกวัน มีแต่คนโง่ เท่านั้นแหละ ที่จะเอาโอกาสดีแบบนี้ ไปแลก
และโอกาส ดี ของคนเรา ก็คือ การได้อยู่กับ ครอบครัว สิ่งดีๆที่เรามีอยู่ อย่าลืมโอกาสดีๆ ของตัวเองเพราะเงินนะครับ
และมี อีกคราว
ซึ่ง ผมได้อ่านหนังสือ คุณวอร์เรน เคยพูดว่า
ตลาดหุ้น ไม่ได้มีอยู่จริง มันมี ไว้แค่ ให้ดูว่า มีคนกำลังทำอะไร โง่อยู่รึเปล่า
อ่านแล้ว รู้สึก อะไรก็ไม่รู้ สุดๆไปเลย แต่ก็ไม่เข้าใจ แต่รู้ว่า สิ่งที่คุณวอร์เรน พูด ก็ออกมาจากสมองของคุณวอร์เรน
แปลว่ามีบางสิ่ง ที่ผมอาจจะยัง ไม่รู้ เลยไม่เข้าใจ (เก่งจริงๆ คุณวอร์เรน ไม่รู้คุณเข้าใจได้ยังไง)
ประโยคนี้ อยู่ในหัวผม เป็นอาทิตย์ มันคืออะไรกันแน่
ถ้าเราเล่นหุ้น ตลาดหุ้นต้องมีอยู่จริงสิ ก็เห็นๆกันอยู่ คนก็เล่นเต็มไปหมด
ถ้าเราเล่นหุ้น ราคาขึ้นลง ก็เป็นความจริงมีอยู่จริงนี่น่า ซื้อแล้วก็ขาย กำไร ขาดทุน ก็จริง
แปลว่าถ้าเราเล่น หุ้น ตลาดหุ้นก็น่าจะมีอยู่จริง
แล้วประโยคนี้แปลว่าอะไรกันแน่
ถ้าเรา ไม่เล่นหุ้นล่ะ ไม่รู้จัก ตลาดหุ้น อืม กรณี นี้ เราก็ไม่รู้จักตลาดหุ้น ก็ทำให้ ตลาดหุ้นไม่มีอยู่จริงสำหรับตัวเรา แต่มีอยู่จริงสำหรับผู้อื่น
แต่คุณวอร์เรน ซื้อหุ้น ผ่านตลาดหุ้นด้วยนะ ทำไมถึงพูดประโยคนี้
ผมก็ขอเดาว่า ปัญญาที่มีไม่มาก ว่า
เมื่อเรา เข้าใจ คำว่า ธุรกิจ ซึ่ง เกิดจาก ชีวิต และ ตอบสนอง การดำรงชีวิต ซึ่งดูอาจจะเป็นเรื่องจริง
เมื่อเราเข้าใจ เมื่อธุรกิจ ใหญ่ขึ้น ก็มีการนำเข้ามา ซื้อขายในตลาดหุ้น เป็นหุ้นแต่ละตัว ซึ่ง คุณ วอร์เรน พูดว่า
ตลาดหุ้น ไม่ได้มีอยู่จริง มันมี ไว้แค่ ให้ดูว่า มีคนกำลังทำอะไร โง่อยู่รึเปล่า
แปลว่า คุณวอร์เรน พูดว่า ตลาดหุ้น ไม่ได้ มีอยู่จริง ซึ่ง ก็อาจจะแปลได้ว่า ตลาดหุ้นอาจจะเป็นสิ่งสมมุติของคุณวอร์เรน
งั้นแปลว่า ธุรกิจ ที่ดำเนินอยู่ทุกวัน เป็นสิ่งจริง
งั้นแปลว่า ตลาดหุ้น ที่มีราคา ขึ้นลง เป็นภาพสะท้อน ของบริษัท เป็น สิ่ง สมมุติ
และเมื่อเกิดความโง่ ในตลาดหุ้น คือ ภาพสะท้อน ของ บริษัท ในตลาดหุ้น มีราคา ต่ำกว่า ที่บริษัท จริงๆเป็น
ก็เข้าซื้อ บริษัทนั้นได้ ด้วยมูลค่าที่ถูกกว่า ความเป็นจริง
ขออภัย ถ้าการเล่า ของผม ทำได้ไม่ดีพอ ทำให้ ผู้ใด ไม่เข้าใจ อึดอัด หรือ ไม่พอใจ ที่เสียเวลาอ่าน
ขออภัยจริงๆครับ
แต่ผมอยากมอบ สิ่งที่ผมรู้ ซึ่ง ก็ตอบไม่ได้ชัดเจนว่า เข้าใจถูกหรือผิด
แต่ผมขอมอบ ด้วย ใจบริสุทธิ์ ครับ
จะหวัง ก็แต่
ทุกท่าน ที่มีความรู้ ได้มอบ ความรู้ ที่เป็นประโยชน์ ต่อ ผู้ที่ขาดความรู้
ทุกท่าน ที่ประสบความสำเร็จ มีฐานะ ก็ได้มอบ สิ่งช่วยเหลือ แก่ผู้ที่ด้อยโอกาส กว่าในสังคม
การที่เรามีมากพอ จนล้น แล้วได้เป็นผู้ให้ สิ่งมีประโยชน์ต่อผู้อื่น ก็มีความสุขไม่น้อย นะครับ
สิ่งจริง สำหรับเรา และเป็น สิ่งจริง สำหรับผู้อื่น
สิ่งสมมุติ สำหรับเรา และเป็น สิ่งสมมุติ สำหรับผู้อื่น
สิ่งจริง สำหรับเรา แต่เป็น สิ่งสมมุติ สำหรับผู้อื่น
สิ่งสมมุติ สำหรับเรา แต่เป็น สิ่งจริง สำหรับผู้อื่น
ผมเคยสงสัยว่า เงิน คือ อะไรกันแน่
บ้างก็ว่า เงิน เป็น พระเจ้า ซื้อ ทุกสิ่งได้
และถ้ามีเงินมาก ก็จะเรียกว่า รวย
ผมเคยสงสัยว่า รวย คือ อะไรกันแน่
มีโอกาส เกิดขึ้นคราวนึง กับ คำว่า เงิน
ผมนั่งอยู่บนรถเพื่อน แล้วเห็น เงิน ใบละ 500 บาท วางอยู่ ซึ่ง ตอนนั้น เงิน ใบละ 1000 บาท มีค่ามากสุดโดยทั่วไป
แต่ในความคิดผม และคนทั่วไป ใบละ 500 บาท ก็ไม่น้อยอยู่ดี
ผมก็เลยถามเพื่อนว่า เงิน คืออะไร
- เงินก็เป็นเงินสิวะ
ผมก็พูดต่อว่า เงิน มัน ก็คือ กระดาษ
แล้วก็เถียงกันไปมาเล็กน้อย เรื่องเงิน
แล้ว ผมก็บอกว่า ไม่เชื่อ ใช่มั้ย ว่า เงิน คือกระดาษ
งั้นดูนี่น่า
เสียง แคร็ก เบาๆ ก็ดังขึ้น เบาๆ ช้าๆ และเพื่อน ผมก็ยังคงมองที่เงินใบนั้น อยู่
ใช่ครับ เงินใบนั้น ได้ขาดเป็นสองส่วนแล้ว
(แต่ผมรู้ว่า ถ้าเงิน ขาดเป็นสองท่อน สภาพสมบูรณ์ จะสามารถไปเปลี่ยนเป็นใบใหม่ได้ ที่ธนาคาร แต่เพื่อนผมอาจจะไม่รู้)
(แล้วผมก็บอกเค้า เอาไปเปลี่ยน ใบใหม่ได้ ที่ธนาคาร)
เพื่อนผม คงโกรธพอสมควร น่าสงสารจริงๆ มีเพื่อนอย่างผม
แปลกแต่จริง เพื่อน คนนี้ ยังคงคบกับผมอยู่ครับ นั่งรถเค้า ยัง ไปทำเงินเค้าอีก
(ผมไม่รู้นะครับ ว่าเพื่อนผมนำเงินนี้ไปทำยังไงต่อกันแน่ แต่ตอนถามเพื่อนผมจะบอกว่า ทิ้งไปแล้ว ด้วยเสียงแค้นนิดๆ 55)
เมื่อผมได้มีโอกาสแบบนั้น ผมก็สัมผัสได้ ถึงความเป็นกระดาษ ของเงิน จนวันนึงมีเงิน ใบละ 50 บาท ผลิตจากพลาสติก เคยลองดู แต่ไม่ขาดแฮะ
555 เงิน ก็คือ พลาสติกได้ 555
บางที เงิน ก็เป็นอะไร ที่เป็นเพียง ตัวเลข ขึ้นลง ในบัญชีธนาคาร แต่มีเยอะแล้วรู้สึกดี
บางที เงิน ก็เป็น ตัวเลข มูลค่า ในพอร์ต หุ้น ซึ่งขึ้นลงได้ง่าย กว่า ในบัญชีธนาคาร
มีโอกาส เกิดขึ้นคราวนึง กับ คำว่า รวย
วันนั้น ไปเที่ยวกัน ในกลุ่ม เพื่อนๆ
ที่ห้าง ดัง มา...
แล้วก็ไปนั่งกิน สุกี้ กัน
ซึ่งช่วงที่ รอ อาหาร มานั้น
เพื่อนผม คนนึง ซึ่งก็รู้จัก ผมมาเป็นปีแล้วล่ะ
ถามผมว่า ทำไมถึงอยากรวย นัก
ตอนแรก ผมรู้สึกดี ที่ถูกถาม เกี่ยวกับ ความรวย
แต่วินาทีต่อมา ผมก็ นิ่ง คิด
แล้วก็พูด ตอบเพื่อนว่า จะได้ซื้อ นู่น ซื้อ นี่ พูดไปพลาง คิดไปพลาง
แล้วก็นิ่ง อึ้ง
และก็ตอบเพื่อนว่า เออว่ะ จะรวยไปทำไม วะเนี่ย
จะซื้อ บ้าน บ้านก็มีอยู่
จะซื้อ รถ รถก็มีอยู่
จะซื้อ เสื้อผ้า นาฬิกา กินอาหารดีๆ มีเท่านี้ ก็ทำได้หมด นี่นา
เอ จริงๆ เราไม่ต้องรวยกว่านี้ เราก็มีครบ ทุกอย่าง แล้วนี่นา เพียงแต่ต้องรักษาระดับฐานะแบบนี้ให้คงอยู่
แต่ในใจ ก็ยังอยากรวยนะครับ
ประโยคนี้ จึงเป็นที่จดจำของผม ทำไมถึงอยากรวยนัก และก็ คิดถึงประโยคนี้เสมอ
ขอบคุณ เพื่อนทั้ง 2 คน นะครับ
การมอง เงิน ชัดเจนขึ้นอีก
เมื่อ ผมได้มี โอกาส ดูหนัง เรื่อง ช็อกโกแลต แฟกตอรี่
มีเด็กคนนึง ในครอบครัวที่ยากจน (พ่อ แม่ ปู่ย่า ตายาย รวมเด็ก 7คน ในบ้านเก่าๆ )
และก็มีปู่ ซึ่งเคยทำงานใน โรงงานช็อกโกแลตแห่งนี้ด้วย
ซึ่งโรงงานแห่งนี้ เมื่อมีการถูกขโมยสูตร ต่างๆ ก็เลย ไม่มีการจ้างคนงาน และไม่ให้ คนนอกเข้า เป็นเวลานาน
แล้ววันนึง โรงงานแห่งนี้ ได้ผลิต ช็อกโกแลต และมี ตั๋ว เพียง 5 ใบ แนบกับช็อกโกแลตที่ผลิตออกมา
ตัวนี้ ผู้ได้ จะได้ เข้าไป เยี่ยมชมในโรงงาน(ซึ่งมีคนอยากเข้าจำนวนมาก)
แล้วเด็กคนนี้ ก็บังเอิญ เก็บเงินได้ แล้วนำไปซื้อ แล้วเมื่อแกะออก ก็ได้ตั๋ว ใบนั้น
ก็มีคนที่เห็น รีบเสนอ ซื้อทันที และ ยังมีคนที่พร้อมเสนอราคาให้สูงกว่านี้อีก
เจ้าของร้าน ขายของ จึงบอกเด็ก รีบเอากลับบ้านไปก่อนดีกว่า
เด็กคนนี้ จึงไปคุยกับ พ่อแม่ แล้วบอกว่า นี่ถ้าขาย น่าจะได้ราคาสูงมาก
จะทำให้ เรามีข้าวดีๆ กินกันไป หลายสัปดาห์
ดูเหมือนว่า จะมีแต่คนตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะเอายังไงดี
จน ตา เรียกเด็กคนนี้ไปคุย
แล้วพูดประมาณว่า
เงินน่ะ เค้าพิมพ์ กันออกมาทุกวัน มีแต่คนโง่ เท่านั้นแหละ ที่จะเอาโอกาสดีแบบนี้ ไปแลก
และโอกาส ดี ของคนเรา ก็คือ การได้อยู่กับ ครอบครัว สิ่งดีๆที่เรามีอยู่ อย่าลืมโอกาสดีๆ ของตัวเองเพราะเงินนะครับ
และมี อีกคราว
ซึ่ง ผมได้อ่านหนังสือ คุณวอร์เรน เคยพูดว่า
ตลาดหุ้น ไม่ได้มีอยู่จริง มันมี ไว้แค่ ให้ดูว่า มีคนกำลังทำอะไร โง่อยู่รึเปล่า
อ่านแล้ว รู้สึก อะไรก็ไม่รู้ สุดๆไปเลย แต่ก็ไม่เข้าใจ แต่รู้ว่า สิ่งที่คุณวอร์เรน พูด ก็ออกมาจากสมองของคุณวอร์เรน
แปลว่ามีบางสิ่ง ที่ผมอาจจะยัง ไม่รู้ เลยไม่เข้าใจ (เก่งจริงๆ คุณวอร์เรน ไม่รู้คุณเข้าใจได้ยังไง)
ประโยคนี้ อยู่ในหัวผม เป็นอาทิตย์ มันคืออะไรกันแน่
ถ้าเราเล่นหุ้น ตลาดหุ้นต้องมีอยู่จริงสิ ก็เห็นๆกันอยู่ คนก็เล่นเต็มไปหมด
ถ้าเราเล่นหุ้น ราคาขึ้นลง ก็เป็นความจริงมีอยู่จริงนี่น่า ซื้อแล้วก็ขาย กำไร ขาดทุน ก็จริง
แปลว่าถ้าเราเล่น หุ้น ตลาดหุ้นก็น่าจะมีอยู่จริง
แล้วประโยคนี้แปลว่าอะไรกันแน่
ถ้าเรา ไม่เล่นหุ้นล่ะ ไม่รู้จัก ตลาดหุ้น อืม กรณี นี้ เราก็ไม่รู้จักตลาดหุ้น ก็ทำให้ ตลาดหุ้นไม่มีอยู่จริงสำหรับตัวเรา แต่มีอยู่จริงสำหรับผู้อื่น
แต่คุณวอร์เรน ซื้อหุ้น ผ่านตลาดหุ้นด้วยนะ ทำไมถึงพูดประโยคนี้
ผมก็ขอเดาว่า ปัญญาที่มีไม่มาก ว่า
เมื่อเรา เข้าใจ คำว่า ธุรกิจ ซึ่ง เกิดจาก ชีวิต และ ตอบสนอง การดำรงชีวิต ซึ่งดูอาจจะเป็นเรื่องจริง
เมื่อเราเข้าใจ เมื่อธุรกิจ ใหญ่ขึ้น ก็มีการนำเข้ามา ซื้อขายในตลาดหุ้น เป็นหุ้นแต่ละตัว ซึ่ง คุณ วอร์เรน พูดว่า
ตลาดหุ้น ไม่ได้มีอยู่จริง มันมี ไว้แค่ ให้ดูว่า มีคนกำลังทำอะไร โง่อยู่รึเปล่า
แปลว่า คุณวอร์เรน พูดว่า ตลาดหุ้น ไม่ได้ มีอยู่จริง ซึ่ง ก็อาจจะแปลได้ว่า ตลาดหุ้นอาจจะเป็นสิ่งสมมุติของคุณวอร์เรน
งั้นแปลว่า ธุรกิจ ที่ดำเนินอยู่ทุกวัน เป็นสิ่งจริง
งั้นแปลว่า ตลาดหุ้น ที่มีราคา ขึ้นลง เป็นภาพสะท้อน ของบริษัท เป็น สิ่ง สมมุติ
และเมื่อเกิดความโง่ ในตลาดหุ้น คือ ภาพสะท้อน ของ บริษัท ในตลาดหุ้น มีราคา ต่ำกว่า ที่บริษัท จริงๆเป็น
ก็เข้าซื้อ บริษัทนั้นได้ ด้วยมูลค่าที่ถูกกว่า ความเป็นจริง
ขออภัย ถ้าการเล่า ของผม ทำได้ไม่ดีพอ ทำให้ ผู้ใด ไม่เข้าใจ อึดอัด หรือ ไม่พอใจ ที่เสียเวลาอ่าน
ขออภัยจริงๆครับ
แต่ผมอยากมอบ สิ่งที่ผมรู้ ซึ่ง ก็ตอบไม่ได้ชัดเจนว่า เข้าใจถูกหรือผิด
แต่ผมขอมอบ ด้วย ใจบริสุทธิ์ ครับ
จะหวัง ก็แต่
ทุกท่าน ที่มีความรู้ ได้มอบ ความรู้ ที่เป็นประโยชน์ ต่อ ผู้ที่ขาดความรู้
ทุกท่าน ที่ประสบความสำเร็จ มีฐานะ ก็ได้มอบ สิ่งช่วยเหลือ แก่ผู้ที่ด้อยโอกาส กว่าในสังคม
การที่เรามีมากพอ จนล้น แล้วได้เป็นผู้ให้ สิ่งมีประโยชน์ต่อผู้อื่น ก็มีความสุขไม่น้อย นะครับ
- ake3004
- Verified User
- โพสต์: 502
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่า มุมมอง ต่อ ธุรกิจ -> หุ้น ของผม จังเลยครับ
โพสต์ที่ 14
yes kab.my name is Thamrong in mor 6/3.we might get used to when see face.may be u in science room between mor 6/4-6 or sor por por.i'm not sure.areliang เขียน:สวัสดีครับ คุณ ake3004
คุณ เป็นใครเหรอครับ
เรารู้จักกันรึเปล่า
but very glad to see AC friend who interest in investing.
u believe me?i never found AC friend who is VI.even our AC112 party in last few weeks.
i think we can share a lot of VI idea.
glad to see u here
if interest pls call me 081-8201230.
One up on SET
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่า มุมมอง ต่อ ธุรกิจ -> หุ้น ของผม จังเลยครับ
โพสต์ที่ 16
เห็นด้วยกับอาเหลี่ยงครับ ว่าตลาดเป็นสิ่งสมมุติ แต่ถ้าจะเอาลึกกว่านั้น ธุรกิจก็เป็นสิ่งสมมุติเช่นกันครับ ไม่มีอะไรจริงๆสักอย่างareliang เขียน:
ตลาดหุ้น ไม่ได้มีอยู่จริง มันมี ไว้แค่ ให้ดูว่า มีคนกำลังทำอะไร โง่อยู่รึเปล่า
แปลว่า คุณวอร์เรน พูดว่า ตลาดหุ้น ไม่ได้ มีอยู่จริง ซึ่ง ก็อาจจะแปลได้ว่า ตลาดหุ้นอาจจะเป็นสิ่งสมมุติของคุณวอร์เรน
งั้นแปลว่า ธุรกิจ ที่ดำเนินอยู่ทุกวัน เป็นสิ่งจริง
งั้นแปลว่า ตลาดหุ้น ที่มีราคา ขึ้นลง เป็นภาพสะท้อน ของบริษัท เป็น สิ่ง สมมุติ
แต่ผมว่าสงสัยถ้าจะคุยเรื่องนี้ เดี๋ยวจะต้องย้ายไปห้องธรรมมะแล้วครับ :lol:
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่า มุมมอง ต่อ ธุรกิจ -> หุ้น ของผม จังเลยครับ
โพสต์ที่ 17
ตกใจ นึกว่าอ่านๆอยู่ก็โดน.... :lol:ตลาดหุ้น ไม่ได้มีอยู่จริง มันมี ไว้แค่ ให้ดูว่า มีคนกำลังทำอะไร โง่อยู่รึเปล่า
การเว้นช่องวรรคทำให้มโนภาพของคนอ่านบรรเจิดจริงๆ
เอาเป็นว่า อาเหลียง มีจุดกระตุ้นในงานเขียนให้อยากอ่านต่อครับ
แต่ไม่รู้คอมพิวเตอร์อาเหลียงมีปัญหาหรือเปล่า
เว้นวรรคจนบางทีอ่านแล้วไม่ต่อเนื่อง
อ่านไปเหนื่อยไป หายใจหอบ แห่ะ แห่ะ
หรือเป็นสไตล์ของงานเขียนอาเหลียงเฉพาะตัว
ขยับชิดกันหน่อยก็ดีครับ ตัวหนังสือจะอบอุ่นและเกาะเกี่ยวแน่นหนา
ส่งพลังให้ผู้อ่านเข้าใจมากขึ้น :lol:
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่า มุมมอง ต่อ ธุรกิจ -> หุ้น ของผม จังเลยครับ
โพสต์ที่ 18
มือโปรมาแนะนำด้วยตัวเองเชียวนะครับเนี่ย
ผมชอบเนื้อหาครับ อ่านแล้วเข้าใจง่าย
อาจจะเป็นเพราะคุณอาเหลียง กลัวคนอ่านอ่านไม่เข้าใจมากเกินไป
ก็เลยเขียนอธิบายอย่างละเอียด
บางคนที่เขาอ่าน แล้วเก็บความได้ไว เลยรู้สึกว่ามันวก ๆ วน ๆ ได้ครับ
ต้องให้พี่ กูรูขอบสนาม ช่วยมาชี้แนะอีกนะครับ
ผมชอบเนื้อหาครับ อ่านแล้วเข้าใจง่าย
อาจจะเป็นเพราะคุณอาเหลียง กลัวคนอ่านอ่านไม่เข้าใจมากเกินไป
ก็เลยเขียนอธิบายอย่างละเอียด
บางคนที่เขาอ่าน แล้วเก็บความได้ไว เลยรู้สึกว่ามันวก ๆ วน ๆ ได้ครับ
ต้องให้พี่ กูรูขอบสนาม ช่วยมาชี้แนะอีกนะครับ