มีใครเคยกินจุลรินทรีย์ ผง บ้างคับ

[hot]

พอดีเกิดอาการท้องเสียเพราะความเครียด

เลยมีคนแนะนำให้กินจุลรินทรีย์  เห็นว่า
จะทำให้การขับถ่ายกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

[MindTrick]

คนชวนนี่ หวังขายอาหารเสริมอะเปล่าครับ ถ้าใช่ ใช้วิจารณญาณดีๆครับ

ท้องเสียเพราะเครียด ทำไม ไม่เเก้ที่ต้นเหตุก่อน...ที่ความเครียดครับ

จุลินทรีย์ผมกิน บ่อยๆก็มีแต่แลคโตบาซิลัส ในยาคูล ไรพวกนี้เองครับ กินเอาอร่อย ไม่ได้หวังผลรักษาอะำไร เพราะมันคงให้ไม่ได้

[py106]

จุลินทรีย์กับระบบทางเดินอาหาร

จุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหารของเรานั้นมีหน้าที่หลายประการครับ ส่วนที่มีบทบาทมากที่สุดจะอยู่ในลำไส้ใหญ่ มีหน้าที่ เช่น เปลี่ยน precursur ของวิตามินบางชนิดให้เป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการ คอยช่วยกำจัด / ดูดซับสารพิษที่มากับอาหาร เป็นต้น

ลองนึกสภาพในลำไส้ใหญ่นะครับ มันจะคล้ายๆ กับโลกโลกนึงที่มีแบคทีเรียอยู่เต็มไปหมด ซึ่งแบคทีเรียพวกนี้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตครับ มันย่อมอยากขยายพันธุ์ของตนให้มากและจำกัดการขยายพันธุ์ของแบคทีเรียชนิดอื่น ซึ่งโดยปกติแล้ว มันจะเกิดสมดุลกันเองในโลกเล็กๆใบนั้น (แหวะเล็กน้อยนะครับ) แบคทีเรียในลำไส้เหล่านี้ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินเศษอาหารที่เหลือย่อยไม่สมบูรณ์ของเรานั่นเอง และการที่มันทำประโยชน์ให้กับร่างกายของเรา (ดังเช่นที่เขียนไว้ข้างบนนั่นล่ะครับ) ร่างกายของเราจึงเลี้ยงมันไว้แบบถ้อยทีถ้อยอาศัย (ผมไม่แน่ใจว่าใช้ศัพท์ว่า symbiosis จะถูกมั้ยนะครับ) หากเราไม่มีแบคทีเรียพวกนี้ก็แย่เหมือนกัน ใครเคยกินยาฆ่าเชื้อนานๆ อาจจะสังเกตได้ว่าระบบขับถ่ายผิดปกติไป

เวลาที่เราท้องเสีย หรือระบบขับถ่ายไม่ค่อยดีนั้น สาเหตุหนึ่งเกิดจากการที่สมดุลเรื่องนี้ในลำไส้ของเราเสียไป (จริงๆ ท้องเสียมีหลายสาเหตุครับ ขอพูดเฉพาะกรณีนี้เนื่องจากเกี่ยวข้อง) เช่น มีแบคทีเรียอื่นซึ่งผลิตสารที่ร่างกายเราไม่ต้องการเป็นจำนวนมากพอสมควร เป็นต้น ร่างกายเราก็จะพยายาม dilute สารพิษนั้น ด้วยการขับน้ำออกมายังลำไส้ ทำให้เกิดอาการท้องเดิน และวิ่งเข้าห้องน้ำนั่นล่ะครับ ส่วนกระบวนการขับน้ำออกมายังลำไส้ของคนเรานั้น ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง คือ reverse osmosis ครับ ดังนั้น เมื่อจะขับน้ำออกมายังลำไส้ จะมีการสั่งการให้มี ion exchange ระหว่างผนังลำไส้ลงสู่ภายในลำไส้ ซึ่งจะทำให้เกิดกระบวนการ reverse osmosis ที่ว่านี่ล่ะครับ ส่งน้ำไปยังภายในลำไส้ และเราก็รู้ๆกันอยู่ว่าลำไส้นี่น่ะ surface มันหยักๆ มีพื้นที่ผิวมาก ดังนั้น กระบวนการขับน้ำลงสู่ทางเดินอาหารของคนเราจึงทำได้เร็วมากๆ และนี่คือที่มาของการสูญเสียเกลือแร่จำนวนมากเมื่อเราท้องเสียนั่นเอง

มนุษย์เองได้รู้จักกับวิธีการปรับปรุงแบคทีเรียในลำไส้ของเรามาตั้งแต่อดีตกาล ใช่แล้วครับ นั่นคือ โยเกิร์ตนั่นเอง คนสมัยโบราณรู้ว่าการกินโยเกิร์ตนั้น ดีต่อสุขภาพ แม้ว่าจะไม่ชัดเจนว่ายังไง แต่ผลของโยเกิร์ตนั้น ได้มีการยืนยัน นั่งยัน นอนยัน มานมนานแล้ว

พอเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน เราก็เริ่มอยากรู้ว่า มันมีประโยชน์ยังไง พอเริ่มวิจัย เราก็ได้รู้จักกับสิ่งต่างๆมากมายในจุลินทรีย์โยเกิร์ต แต่จุลินทรีย์โยเกิร์ตธรรมดานั้นมีโอกาสรอดจากกรดในกระเพาะของเราน้อยมาก จึงมีการปรับปรุงพัฒนาสายพันธุ์ให้ดียิ่งๆขึ้น อย่างที่เราเห็นโยเกิร์ตหลายยี่ห้อพยายามโฆษณาอยู่ในปัจจุบัน

จุลินทรีย์ 3 แบบหลักๆ ที่พัฒนาให้ทนต่อกรดในกระเพาะอาหาร คือ แบคทีเรีย A B C ดังนี้ครับ

• A = Lactobacillus acidophilus
  B = Bifidobacterium spps
  C = Lactobacillus casei

เราอาจเห็นโยเกิร์ต (มักเจอในโยเกิร์ตนำเข้า) เขียนตัวโตๆ ว่า AB yoghurt ก็รู้กันละนะครับว่าหมายถึงอะไร อย่างไรก็ตามในแต่ละสายพันธ์ของมันเอง ก็อาจจะมีการพัฒนาเป็นสายพันธุ์เฉพาะได้ เช่น ในยาคูลท์เป็น Lactobacillus casei shirota (ลิขสิทธิ์ของเค้าครับ) เป็นต้น ในบ้านเราเอง สมัยก่อน (จนถึงเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา) เท่าที่ผมทราบมีเพียง yakult ยี่ห้อเดียวนะครับที่นำเสนอ yoghurt ในลักษณะนี้ ส่วนผลิตภัณฑ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโยเกิร์ตถ้วย หรือ พวกบีทาเก้น ล้วนใช้ ordinary bacteria ในการผลิต คือ Lactobacillus bulgaricus + Streptococcus acidophillus แต่ในปัจจุบันก็มีหลายรายการ ที่ใช้ A / B / C bacteria ในการผลิตแล้ว ดูได้ที่ฉลากนะครับ

แบคทีเรียทั้ง 3 แบบใหญ่ๆนี้ อยู่ในทางเดินอาหารของเราได้ประมาณ 2 สัปดาห์ครับ โดยมันจะสร้าง colony อยู่ในทางเดินอาหารของเราเลย จึงทำหน้าที่คล้ายๆจุลินทรีย์ปกติของเราในเรื่องการดูดซับสารพิษและลดการเจริญของแบคทีเรียอื่นๆที่ไม่เป็นผลดีของร่างกายด้วย concept : number is everything หรือ สุดยอดจอมยุทธพรรคมารก็สู้การรวมพลังปราบมาร (หมาหมู่?) ของจอมยุทธฝ่ายธรรมะไม่ได้

จากการศึกษาพบว่าแบคทีเรียพวกนี้อยู่ได้แค่ประมาณ 2 สัปดาห์ครับ แถมยังต้องใช้ concept : number is everything จึงมีการแนะนำว่าควรกินเป็นประจำเพื่อให้มันยังมีเจ้าพวกนี้อยู่ในท้อง ผมไม่ได้บอกว่าการกินทุกวันดีกว่ากินทุก 2 วันนะครับ อันนี้ไม่รู้แล้วล่ะ...เพราะไม่เคยมีข้อมูล...ที่มีข้อมูลคือ มันช่วยในการขับถ่ายได้จริง เพราะไปช่วยในการทำงานของจุลินทรีย์ปกติของคนเราครับ มีบางรายงานว่าสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ด้วย....แต่ผมว่าเรื่องภูมิคุ้มกันนี้มันมี factor มาเกี่ยวข้องเยอะ อย่าเชื่อมากครับ...

เรื่องสำคัญเลยในการเลือกกิน ABC yoghurt ควรพิจารณา cold chain ครับ เนื่องจากแบคทีเรียเจ๋งๆพวกนี้มันตายง่ายมากครับ ถ้าเก็บไม่ 2-8 C (ในตู้เย็นนั่นล่ะ) นานหน่อยมันจะโตเร็ว ขับของเสียมากจนตายกันไปยกขวด / ถ้วย ดังนั้นควรซื้อจากร้านที่ค่อนข้างเชื่อถือได้ (ยังงี้ล่ะมั้ง ยาคูลท์ถึงเน้นส่งแบบถึงบ้าน) ถ้าจะซื้อ 7-11 ก็ขอให้เลือกที่ใหม่ๆครับ เพราะตู้เย็น 7-11 ไม่ค่อยเย็น  :lol:

ปัจจุบัน มีการนำเสนอ ABC bacteria ในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่ yoghurt ด้วย เช่นเป็นเม็ด ซึ่งผมเองไม่มีข้อมูลว่ามันดีไม่ดีอย่างไรเมื่อเทียบกับการกิน live bacteria ใน yoghurt ครับ

ปล. ความรู้เริ่มเลือนๆ แล้วครับ เรียนจบมา 5 ปี เภสัชน้อยๆอย่างผมเริ่มลืม functional food ไปเสียแล้ว    
ปล.2 ที่คุณ MindTrick บอกเรื่องแก้ความเครียดนี่จริงนะครับ ถ้าแก้ความเครียดไม่ได้ยังไงเสียโรคร้ายก็จะมาเยือนครับ พยายามหาเวลาซัก 5-10 นาทีก็ยังดี (ถ้าทำไม่ได้ถึง 20-30 นาทีตามหลักวิชาการ) ออกกำลังเลยครับ ไม่ก็ทำงานใช้แรงงานหนักๆ เช่น ขุดดินทำสวน จะช่วยให้สมองของเราผ่อนความเครียดไปได้เอง (คนเราก็งี้ละครับ สมองมันต้องเลือกว่าจะเอาบู๊หรือเอาบุ๋น แกล้งๆ มันมันจะได้งง ไม่เครียดมาก เอิ้กๆ  :drink: )
ปล.3 อันนี้ขอส่วนตัวครับ ไม่เห็นด้วยที่จะกินอาหารเสริมที่เป็น ABC bacteria นะครับ เข้าข่ายโดนหลอกนะนี่ ผมว่าถ้าไม่ยากมาก กินแค่ยาคูลท์ ก็เวิร์คที่สุดแล้วครับ ของเค้าดีจริง ขวดละ 6 บาทเอง หรือพวกถ้วยๆ 11-14 บาทก็ได้ครับ (เอาแบบ ABC yoghurt นะครับ) แล้วได้แบคทีเรียตัวเป็นๆ ผมว่ามันอุ่นใจกว่าเยอะ (เป็นการส่วนตัว อิอิ) แต่ต้องระวังเรื่องการเก็บรักษาด้วยนะครับ

[bmw2681]

น้องแบงก์ เคยกินครับ หลังอาหาร เช้าเย็น หลังจากเจอไวรัสโรต้า เล่นงานซะแย่ ตั้งแต่มีไข้สูง อาเจียนและท้องเสียอย่างรุนแรง admit ไป 4วัน หลังจากกินจุลินทรีย์ไป 2วันการถ่ายเหลว และอาเจียนก้อหายไปครับ แต่หมอจ่ายมาให้ทานติดต่อกัน 7วัน โดยให้เก็บไว้ในตู้เย็น