ประเทศเวียดนาม
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ประเทศเวียดนาม
โพสต์ที่ 4
สถานการณ์ในโลกตอนนี้มีหลายประเทศที่มีปัญหาค่อนข้างมากครับ
เวียดนามมีปัญหาทั้งขาดดุลการค้า และอัตราเงินเฟ้อที่สูงมาก สถานการณ์ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ทางออกน่าจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง
อีก 2 ประเทศที่น่ากลัวก็คือ สเปน และ กรีซ
ทั้ง 2 ประเทศมียอดขาดดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูงมาก (มากกว่าไทยตอนปี 40 ซะอีก) อีกทั้ง ทั้ง 2 ประเทศใช้สกุลเงินยูโร ดังนั้นจึงไม่มีอิสระที่จะปรับค่าเงิน เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยได้เลย ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดดุลด้วยการทำให้ค่าเงินอ่อนได้
น่าจับตาดูว่า ทั้ง 2 ประเทศ จะต้องถอนตัวออกจากยูโรหรือไม่ และถ้าออกจะส่งผลกระทบต่อสกุลเงินยูโรอย่างไร
เวียดนามมีปัญหาทั้งขาดดุลการค้า และอัตราเงินเฟ้อที่สูงมาก สถานการณ์ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ทางออกน่าจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง
อีก 2 ประเทศที่น่ากลัวก็คือ สเปน และ กรีซ
ทั้ง 2 ประเทศมียอดขาดดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูงมาก (มากกว่าไทยตอนปี 40 ซะอีก) อีกทั้ง ทั้ง 2 ประเทศใช้สกุลเงินยูโร ดังนั้นจึงไม่มีอิสระที่จะปรับค่าเงิน เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยได้เลย ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดดุลด้วยการทำให้ค่าเงินอ่อนได้
น่าจับตาดูว่า ทั้ง 2 ประเทศ จะต้องถอนตัวออกจากยูโรหรือไม่ และถ้าออกจะส่งผลกระทบต่อสกุลเงินยูโรอย่างไร
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
ประเทศเวียดนาม
โพสต์ที่ 6
ขอบคุณครับคุณฉัตรชัยมาให้ความคิดเห็นเป็นกรณีศึกษา
[url=http://www.thenextview.com/thai/images/ ... age009.jpg]
[url=http://www.thenextview.com/thai/images/ ... age009.jpg]
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
ประเทศเวียดนาม
โพสต์ที่ 7
สวัสดีครับพี่
ข่าวนี้เก่าแล้ว แต่ยังน่าสนใจเสมอ
...................
มหา'ลัยลุงโฮจ้างครูเดือนละแสนแก้สมองไหล
http://www.manager.co.th/IndoChina/View ... 4%b9%cb%ec
Ho Chi Minh City
http://en.wikipedia.org/wiki/Ho_Chi_Minh_City
Colleges and Universities | Vietnam
http://www.findaschool.org/index.php?Country=Vietnam
พี่ไทยไปอยู่ไหนนี่...ได้โปรด เลือกทะเลาะกันเถอะครับ หันไปดูเขากันเร็วววววววว...
โดยเฉพาะภาษษอังกฤษ ผมเห้นเขาทำกันจริงจังมาก
จีนหันหลังไปมองเมื่อ 5 ปี ก่อน ที่กว่างโจวยังหาลิ้นฟุตฟิตอิงลิชยากยิ่งก่าหาทองอีกครับ เดี๋ยวนี้กลับไปอีกครั้งเมื่อเดือนธันวา รายการตอบภาษาอังกฤษมีตลอด 24 ชั่วโมง ฟรีทีวีด้วย ภาษาจีนกลางเรียนกับครูซ่างไฮ่ เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ฟังครั้งแรก เพราะเสนาะจับใจ ยิ่งเพลงจีนกลาง ไม่ว่าชาติไหน ก็เพราะสู้ไมได้ สำเนียงอังกฤษคนจีนตอนนี้ ยังน่าฟังไม่แพ้กัน
แต่ที่ผมกลัว ไม่ใช่คนจีน แต่เป้นคนอเมริกันเวียดนาม ด้วยว่า สมัยเรียน เคยเจอมาแล้วหลายท่าน ขยันเหมือนคนจีน แต่อึดกว่าจริงๆ แล้วไหวพริบ ความรู้รอบตัวนี่ยกนิ้วให้ ด้วยสมัยเคยแข่งโอลิมปิกวิชาการในมหาลัย พี่ไทยอย่างกระผมแทคทีมเด็กจุฬา เด็กธรรมชาติ เข้ารอบชิงแพ้เจ้าเวียดนามนี่ละ 3 ปีซ้อน ปีสุดท้ายถึงชนะ เพราะผมไปดึงเด็กปี 1 ชื่อ เหงียน อะไรสักอย่าง เป็นเด็กเวียดนาครับ อยู่ตั้งแต่ High school เข้ามาอยู่ในทีมด้วย แล้วมันรู้ทุกอย่างจริงๆ คำถามสุดท้ายที่ทำให้ทีมไทยชยะนั้น ถามว่า ประตู soccer มี demensions เท่าไหร่
เจ้าเหวียนมันตอบได้คนเดียว....ผมเลยกลัวคนเวียดนามตั้งแต่นั้นมา
มันเก่งจริงๆ
....................
เพื่อนเก่าสมัยเรียนไปเจอกันงานศพเพื่อนคนหนึ่งที่จากไปไม่มีกลับ
เดียวนี้ไปอยู่เวียดนามแล้ว แต่งเมียเวียดนาม พูดถึงคนที่นั่นให้ผมฟัง ว่า เป้นเวียดนามเป้นคนที่มุ่งมั่นมาก ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ถึงเราบอกให้เขาแพ้ ทุกคนบอกว่าเขาแพ้ แต่ถ้าตัวเองไม่บอกว่าตัวเองแพ้ เขาก้ไม้แพ้
5-10 ปี เราสู้เขาไม่ได้หรอก ถึงนึกสู้ตอนนี้ก้ไม่ทัน เพราะเราล้ม ๆ ลุก ตลอด ล้มทีเดียวก็ตามเขาไม่ทันแล้ว
"ส่วนรัฐมนตรีกระทรวงไอทีของเขา การเมืองไม่ยุ่งเลย เขาเอาคนเก่งๆ เป็นรัฐมนตรี 10 ปี ให้ทำไปเลย วางไว้แล้วไปตามเป้าหมาย แล้วให้สิทธิพัฒนาเต็มที่ อยากทำอะไรทำไปเลย ไม่มีการเมืองไปเกี่ยว"
นั่นบอกผมมาอย่างนี้
ข่าวนี้เก่าแล้ว แต่ยังน่าสนใจเสมอ
...................
มหา'ลัยลุงโฮจ้างครูเดือนละแสนแก้สมองไหล
http://www.manager.co.th/IndoChina/View ... 4%b9%cb%ec
Ho Chi Minh City
http://en.wikipedia.org/wiki/Ho_Chi_Minh_City
Colleges and Universities | Vietnam
http://www.findaschool.org/index.php?Country=Vietnam
พี่ไทยไปอยู่ไหนนี่...ได้โปรด เลือกทะเลาะกันเถอะครับ หันไปดูเขากันเร็วววววววว...
โดยเฉพาะภาษษอังกฤษ ผมเห้นเขาทำกันจริงจังมาก
จีนหันหลังไปมองเมื่อ 5 ปี ก่อน ที่กว่างโจวยังหาลิ้นฟุตฟิตอิงลิชยากยิ่งก่าหาทองอีกครับ เดี๋ยวนี้กลับไปอีกครั้งเมื่อเดือนธันวา รายการตอบภาษาอังกฤษมีตลอด 24 ชั่วโมง ฟรีทีวีด้วย ภาษาจีนกลางเรียนกับครูซ่างไฮ่ เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ฟังครั้งแรก เพราะเสนาะจับใจ ยิ่งเพลงจีนกลาง ไม่ว่าชาติไหน ก็เพราะสู้ไมได้ สำเนียงอังกฤษคนจีนตอนนี้ ยังน่าฟังไม่แพ้กัน
แต่ที่ผมกลัว ไม่ใช่คนจีน แต่เป้นคนอเมริกันเวียดนาม ด้วยว่า สมัยเรียน เคยเจอมาแล้วหลายท่าน ขยันเหมือนคนจีน แต่อึดกว่าจริงๆ แล้วไหวพริบ ความรู้รอบตัวนี่ยกนิ้วให้ ด้วยสมัยเคยแข่งโอลิมปิกวิชาการในมหาลัย พี่ไทยอย่างกระผมแทคทีมเด็กจุฬา เด็กธรรมชาติ เข้ารอบชิงแพ้เจ้าเวียดนามนี่ละ 3 ปีซ้อน ปีสุดท้ายถึงชนะ เพราะผมไปดึงเด็กปี 1 ชื่อ เหงียน อะไรสักอย่าง เป็นเด็กเวียดนาครับ อยู่ตั้งแต่ High school เข้ามาอยู่ในทีมด้วย แล้วมันรู้ทุกอย่างจริงๆ คำถามสุดท้ายที่ทำให้ทีมไทยชยะนั้น ถามว่า ประตู soccer มี demensions เท่าไหร่
เจ้าเหวียนมันตอบได้คนเดียว....ผมเลยกลัวคนเวียดนามตั้งแต่นั้นมา
มันเก่งจริงๆ
....................
เพื่อนเก่าสมัยเรียนไปเจอกันงานศพเพื่อนคนหนึ่งที่จากไปไม่มีกลับ
เดียวนี้ไปอยู่เวียดนามแล้ว แต่งเมียเวียดนาม พูดถึงคนที่นั่นให้ผมฟัง ว่า เป้นเวียดนามเป้นคนที่มุ่งมั่นมาก ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ถึงเราบอกให้เขาแพ้ ทุกคนบอกว่าเขาแพ้ แต่ถ้าตัวเองไม่บอกว่าตัวเองแพ้ เขาก้ไม้แพ้
5-10 ปี เราสู้เขาไม่ได้หรอก ถึงนึกสู้ตอนนี้ก้ไม่ทัน เพราะเราล้ม ๆ ลุก ตลอด ล้มทีเดียวก็ตามเขาไม่ทันแล้ว
"ส่วนรัฐมนตรีกระทรวงไอทีของเขา การเมืองไม่ยุ่งเลย เขาเอาคนเก่งๆ เป็นรัฐมนตรี 10 ปี ให้ทำไปเลย วางไว้แล้วไปตามเป้าหมาย แล้วให้สิทธิพัฒนาเต็มที่ อยากทำอะไรทำไปเลย ไม่มีการเมืองไปเกี่ยว"
นั่นบอกผมมาอย่างนี้
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
ประเทศเวียดนาม
โพสต์ที่ 8
-
- Verified User
- โพสต์: 174
- ผู้ติดตาม: 0
ประเทศเวียดนาม
โพสต์ที่ 9
เมื่อวานดูTV น่าจะเป็นช่อง9 นะครับถ้าจำไม่ผิด
สำหรับวงการ IT ทางเวียดนามได้มีการสร้าง Software City [/sizeขึ้นประมาณ 8 เมืองเลยนะครับ :shock:
เพื่อที่จะให้ประเทศของเขากลายเป็นศูนย์การทางด้าน software
แถมยังสร้างเสร็จและเป็นรูปเป็นร่างไปเรียบร้อยแล้ว
ผิดกับบ้านเรา แค่ software park ยังไม่ไปไหนเลย :x
ซึ่งถ้าดูจากแค่นี้ มันก็ค่อนข้างที่จะสวนทางกับสภาวะตลาดหุ้นมาก
สำหรับวงการ IT ทางเวียดนามได้มีการสร้าง Software City [/sizeขึ้นประมาณ 8 เมืองเลยนะครับ :shock:
เพื่อที่จะให้ประเทศของเขากลายเป็นศูนย์การทางด้าน software
แถมยังสร้างเสร็จและเป็นรูปเป็นร่างไปเรียบร้อยแล้ว
ผิดกับบ้านเรา แค่ software park ยังไม่ไปไหนเลย :x
ซึ่งถ้าดูจากแค่นี้ มันก็ค่อนข้างที่จะสวนทางกับสภาวะตลาดหุ้นมาก
- gradius173
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
ประเทศเวียดนาม
โพสต์ที่ 10
ถึงเวียดนามจะมีปัญหา แต่ผมว่าเขาคงผ่านวิกฤตมาได้ เพราะคุณภาพของคนมันต่างกัน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ประเทศเวียดนาม
โพสต์ที่ 11
gradius173 เขียน:ถึงเวียดนามจะมีปัญหา แต่ผมว่าเขาคงผ่านวิกฤตมาได้ เพราะคุณภาพของคนมันต่างกัน
http://www.manager.co.th/IndoChina/View ... 0000056200นักศึกษาเวียดนามเริ่มมั่วสุม-อาชญากรรมพุ่ง
ผู้จัดการออนไลน์-- สื่อในเวียดนามออกรายงานสภาพสังคมที่เสื่อโทรมลง การสอนศีลธรรมในหลักสูตรที่เริ่มน้อยลง ได้เป็นสาเหตุทำให้นักศึกษาเวียดนามเริ่มทำตัวเป็นอันพาธมากขึ้น รวมทั้งการรุมซ้อมทุบตีอาจารย์ที่เกิดบ่อยครั้งขึ้น แม้ว่าผู้สอนไม่ได้อะไรลูกศิษย์ลูกหาเหล่านั้นก็ตาม
สื่อของทางการยังคงโหมประโคมข่าวสะท้อนให้เห็นการทั่วสุมของนักเรียนนักศึกษา ซึ่งได้กลายเป็นปัญหาสังคมในวงกว้าง
สถิติของกระทรวงศึกษาธิการและฝึกอบรมได้เปิดเผยให้เห็นว่า จำนวนนักศึกษาอันธพาลมีอัตราเพิ่มขึ้นปีต่อปี
ระหว่างปี 2003-2007 มีนักศึกษา 27 คนถูกลงโทษจากการกระทำผิด 77 คนถูกจับกุมในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรม 126 คนถูกให้ออกจากมหาวิทยาลัย และอีก 2,533 คน ได้ละเมิดกฎข้อระเบียบของหาวิทยาลัย
ไม่เพียงแต่การก่อความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นเท่านั้น นักศึกษาจำนวนไม่น้อยเริ่มรวมกลุ่มกันตามอพาร์ทเมนต์หรือหอพักจัดกิจกรรมรื่นเริงกระทั่งมั่วสุมทางเพศ
สำนักข่าวซเวินจิ (Dan Tri) ออนไลน์ ซึ่งเป็นเว็บยอดนิยมในหมู่นักศึกษามหาวิทยาลัย ได้อ้างการเปิดเผยของนายฟุงแค็กบิ่ง (Phung Khac Binh) อธิบดีกรมกิจการนักเรียนนักศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งระบุว่า ไม่เพียงแค่นักศึกษาเท่านั้น แต่ยังพบว่าอาจารย์ผู้สอนก็เริ่มมีการก่ออาชญากรรมเช่นเดียวกัน
ในอดีตนั้นนักศึกษาไม่กล้าพอที่จะทำร้ายอาจารย์ และอาจารย์ก็ไม่ทำอะไรรุนแรงกับนักศึกษา แต่ในปัจจุบันนี้กลับเริ่มบานปลายมากขึ้น แสดงให้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นต่อศีลธรรมอันดีและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของทั้งอาจารย์และนักศึกษา
นายบิ่งกล่าวว่า การสอนจริยธรรมและการอบรมให้ความรู้เรื่องคุณความดีจะต้องดำเนินควบคู่กันไป นักศึกษาควรได้รับการสอนให้เป็นพลเมืองดีที่มีคุณค่าต่อสังคมและมีบุคคลที่ดี
เหตุใดเหล่าปัญญาชนในอนาคตจึงถูกชักนำให้ก่ออาชญากรรม? ปัจจุบันมหาวิทยาลัยแห่งต่างๆ ยังขาดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักศึกษา ไม่ว่าจะเป็นหอพักและสถานที่พักผ่อนที่ขาดแคลนอย่างมาก ขณะที่นักศึกษาในปัจจุบันต้องการการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเพิ่มขึ้น
เมื่อนักศึกษาไม่มีสถานที่สำหรับแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ พวกเขาก็จะไปยังสถานที่ ที่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นร้านเกมหรือโต๊ะสนุ้กเกอร์ จำนวนหนึ่งรวมกลุ่มกันในอพาร์ทเมนต์ จัดกิจกรรมรื่นเริงจนถึงการมั่วสุมทางเพศ
ในปี 2002 กระทรวงศึกษาธิการฯ ได้ออกประกาศข้อบังคับเอาจริงกับนักศึกษาที่ "ขาดความรับผิดชอบ เพิกเฉย ต่อสิทธิหน้าที่ของพลเมือง ซึ่งมีโทษถึงให้ออก.
http://www.manager.co.th/IndoChina/View ... 0000046013Intel อึ้งคัด นศ.เวียดเข้าทำงานผ่านแค่ 40
ผู้จัดการออนไลน์-- ตามรายงานของบริษัทอินเทลโปรดักส์ เวียดนาม ได้เผยถึงการสำรวจนักศึกษาชาวเวียดนามเมื่อปีที่แล้วจำนวนกว่า 2,000 คนใน 5 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของประเทศพบว่ามีนักศึกษาเพียง 40 คนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
โห่-ถิ-ทู-อเวียน (Ho Thi Thu Uyen) ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทดังกล่าว เผยว่า มีนักศึกษาเพียง 90 คนเท่านั้น ที่ทำคะแนนได้ 60/100 ในการตอบคำถามพื้นฐานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ ไฟฟ้าและอื่นๆ รวมถึงภาษาอังกฤษด้วย
จากนั้น มีนักศึกษาเพียง 40 คนเท่านั้นที่สามารถผ่านการสัมภาษณ์ ซึ่งจะถูกส่งไปยังโรงงานของบริษัทที่ตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย เพื่อศึกษาต่อ โดยมหาวิทยาลัยอุตสาหกรรมนี้มีนักเรียนที่ทำการศึกษาอยู่เป็นจำนวนมาก
นี่เป็นการสรรหาบุคลากรได้จำนวนน้อยที่สุดในบรรดาประเทศที่มีโรงงานของบริษัท อินเทล ตั้งอยู่ อเวียน กล่าวเพิ่มเติม
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว บริษัท อินเทลคอร์ป (Intel Corp) จากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ตัดสินใจเลือกเวียดนามแทนอินเดีย ในการสร้างโรงงานออกแบบและประกอบชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้จะทราบดีว่าในเวียดนามยังมีปัญหาทรัพยากรมนุษย์ ขณะที่อินเดียมีวิศวกรด้านนี้อย่างเหลือเฟือก็ตาม
โรงงานมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ กำลังสร้างขึ้นในเนื้อที่ราว 600 ไร่ ในเขตอุตสาหกรรมไฮเท็ค ซึ่งตั้งอยู่ อำเภอที่ 9 ชานนครโฮจิมินห์ มีกำหนดจะเปิดดำเนินการในปีหน้านี้ซึ่งจะต้องใช้พนักงานในท้องถิ่นหลายพันคน
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- gradius173
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
ประเทศเวียดนาม
โพสต์ที่ 12
ขอบคุณพี่ฉัตรชัย ที่ให้ความรู้ สงสัยเรื่องศีลธรรม และคุณภาพคนคงเป็นปัญหาใหญ่ของเอเชีย
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
ประเทศเวียดนาม
โพสต์ที่ 14
บุคคลากรของเวียดนามชอบTraining มากครับ
คำถามแรกของคนหนุ่มสาวที่สมัครงาน ณ บริษัทไหนๆก็คือ
"ที่นี่มี Training ให้หรือเปล่า"
อะ อะ ไม่ใช่เพราะพวกเขาขยันหรือช่าสงขวนขวายหรอกนะ
อาจจะมีบ้าง...สำหรับบางคน
แต่เพราะหลังจาก Training แล้ว จะได้เอาใบ Certificate
ไปยกระดับหางานใหม่ที่อื่น
เมื่อเข้างานใหม่ได้แล้ว ก็จะถามคำถามนี้เองเพื่อหางานใหม่อีกระดับ
เพราะฉะนั้น Job Hopper จะเยอะมาก
และหาคนที่เก่งถึงแก่นจริงๆได้น้อย
เพราะอยู่แต่ละที่ยังไม่มี Learning Curve
หรือประสบการณ์เฉพาะด้านเลย
เวียดนามไม่มีแรงงานผู้ใหญ่ ประมาณ 45 -55 ปี ขึ้นไป ( Matured Skill)
เพระคนรุ่นนั้นล้มหายตายไปไประหว่างสงครามหมดแล้ว
ที่มาแรงหน่อยก็คือ Viet Kieu (ไม่แน่ใจสะกดผิดหรือเปล่า)
คือคนเวียดนามที่อพยพหรือเติบโตในเมืองนอก USA ฝรั่งเศส แคนาดา
มีความคิดความอ่าน วิธีการทำธุรกิจแบบฝรั่ง
ที่สำคัญมีเงินเยอะ และพร้อมจะกลับมาลงทุนในประเทศบ้านเกิด
แต่คงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะเข้าใจประเทศตัวเองจริงๆ
คำถามแรกของคนหนุ่มสาวที่สมัครงาน ณ บริษัทไหนๆก็คือ
"ที่นี่มี Training ให้หรือเปล่า"
อะ อะ ไม่ใช่เพราะพวกเขาขยันหรือช่าสงขวนขวายหรอกนะ
อาจจะมีบ้าง...สำหรับบางคน
แต่เพราะหลังจาก Training แล้ว จะได้เอาใบ Certificate
ไปยกระดับหางานใหม่ที่อื่น
เมื่อเข้างานใหม่ได้แล้ว ก็จะถามคำถามนี้เองเพื่อหางานใหม่อีกระดับ
เพราะฉะนั้น Job Hopper จะเยอะมาก
และหาคนที่เก่งถึงแก่นจริงๆได้น้อย
เพราะอยู่แต่ละที่ยังไม่มี Learning Curve
หรือประสบการณ์เฉพาะด้านเลย
เวียดนามไม่มีแรงงานผู้ใหญ่ ประมาณ 45 -55 ปี ขึ้นไป ( Matured Skill)
เพระคนรุ่นนั้นล้มหายตายไปไประหว่างสงครามหมดแล้ว
ที่มาแรงหน่อยก็คือ Viet Kieu (ไม่แน่ใจสะกดผิดหรือเปล่า)
คือคนเวียดนามที่อพยพหรือเติบโตในเมืองนอก USA ฝรั่งเศส แคนาดา
มีความคิดความอ่าน วิธีการทำธุรกิจแบบฝรั่ง
ที่สำคัญมีเงินเยอะ และพร้อมจะกลับมาลงทุนในประเทศบ้านเกิด
แต่คงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะเข้าใจประเทศตัวเองจริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1468
- ผู้ติดตาม: 0
ประเทศเวียดนาม
โพสต์ที่ 15
เจอก็มาแปะ เกาะติดสถานการณ์เวียดนามอยู่ค่ะ
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของเวียดนามเมื่อเร็วๆ นี้ ได้สร้างความตื่นตระหนกไปทั่ว หลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงิน และวาณิชธนกิจชั้นนำในต่างประเทศ พากันนำเสนอบทวิเคราะห์ที่เตือนถึงสัญญาณอันตราย ที่พบในตัวเลขเศรษฐกิจของเวียดนาม ทั้งในแง่ของอัตราเงินเฟ้อ ที่ทะยานขึ้นถึง 25.2% ในเดือนพฤษภาคม จนถึงการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ที่กำลังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มียอดขาดดุลการค้าทั้งสิ้น 1.44 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่ามูลค่าขาดดุลการค้า 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์ ตลอดทั้งปี 2550
คำเตือน และตัวเลขเศรษฐกิจที่ส่ออาการไม่น่าวางใจ ได้สร้างแรงกดดันอย่างมหาศาลต่อค่าเงินด่อง ของเวียดนาม จนธนาคารกลางเวียดนาม ต้องประกาศปรับมูลค่าอัตราแลกเปลี่ยนใหม่ โดยลดค่าลงมาประมาณ 2% และขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปอีก 2% เป็น 14%
อย่างไรก็ตาม มุมมองด้านลบ ไม่สามารถบั่นทอนเสน่ห์ของเวียดนาม ในฐานะปลายทางการลงทุนทางเลือกลงไปมากนัก แนวโน้มเงินลงทุนจากต่างประเทศ ยังคงส่งสัญญาณไหลเข้าอย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ทางการฮานอยคาดการณ์ว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ในครึ่งปีแรก ของปี 2551 จะสูงถึง 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 2.03 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่เวียดนามสามารถดึงดูดมาได้ตลอดทั้งปี 2550
ภาพที่ขัดแย้งดังกล่าว นำมาซึ่งความสับสน และไม่ชัดเจนในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ว่า แท้จริงแล้ว เวียดนามเป็นอย่างไร และจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อทิศทางการลงทุนของบริษัทที่ไปลงทุนที่นั่น หรือ อยู่ระหว่างวางแผนไปปักหลักลงทุนในอนาคตอันใกล้
"ประชาชาติธุรกิจ" ได้สัมภาษณ์ นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) บริษัทอมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รองประธานกลุ่มธุรกิจทั่วไป ไอบีเอ็มภาคพื้นอาเซียน ได้ให้มุมมองในฐานะนักธุรกิจไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำธุรกิจในเวียดนามทั้งในแง่ภาพรวมทั่วไปของธุรกิจ การลงทุน และการบริหารจัดการแก้ปัญหาของรัฐบาลเวียดนาม โดยได้ถ่ายทอดประสบการณ์และสิ่งที่ได้ไปพบปะในเวียดนามถึงข้อมูลต่างๆ ว่า
"อมตะ" มองเวียดนาม
"รัฐบาลรับมือปัญหาได้ดี"
จากภาวะฟองสบู่แตก เงินเฟ้อสูง และเงินด่องอ่อนค่าลง ส่อเค้าการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขั้นรุนแรง นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) บริษัทอมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ทำธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม โดยมีนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย 2 แห่ง คือ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง และนิคมอุตสากรรม อมตะนคร ที่จังหวัดชลบุรี นอกจากนั้นยังได้ขยายการลงทุนพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในเวียดนามด้วย อยู่ที่จังหวัดดองนัยจำนวน 700 เฮกตาร์ หรือประมาณ 4,550 ไร่ โดยใช้ชื่อว่า "นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ เบียนหัว" เป็นลงทุนร่วมกับรัฐบาลเวียดนามสัดส่วนการถือหุ้น 60:40 กล่าวว่า สถานการณ์ของเวียดนามในขณะนี้จะคล้ายกับประเทศไทยเมื่อประมาณ 10 ก่อนที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเศรษฐกิจร้อนแรงมาก มีการเก็งกำไรกันอย่างมหาศาล เงินเฟ้อสูงมากเมื่อเทียบกับค่าแรง ฟองสบู่แตก มีการลดค่าเงินบาท บริษัทในตลาดตลาดหลักทรัพย์รับผลกระทบไปเต็มๆก่อนเพื่อน
อย่างไรก็ตามแม้จะเกิดเหตุการณ์คล้ายกัน แต่ถ้าพูดถึงความแข่งแกร่งแล้วระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลเวียดนามแล้ว ประเทศเวียดนามดีกว่า การตัดสินใจ ผู้นำประเทศเขาเข้มแข็ง กล้าคิด กล้าทำ มีการศูนย์รวมอำนาจ
ที่มองข้ามไม่ได้คือ เวียดนามมีทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญคือ "น้ำมัน" ปีหน้า (2552) โรงกลั่นน้ำมันที่ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางในเวียดนามจะเริ่มดำเนินการผลิต หมายความว่า "เงิน" มหาศาลจะเข้าสู่เวียดนาม อุตสาหกรรมต่อเนื่องใหญ่ เช่น ปิโตรเคมี จะตามเข้าไปอีกมาก เหมือนกับที่นิคมมาบตาพุด จ.ระยอง ของไทยที่มีโรงกลั่น และมีอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
นอกจากนั้นยังมีทรัพยากรถ่านหิน แร่เหล็ก ที่ตัวเสริม สนับสนุนอุตสาหกรรม ดึงเงินเข้าประเทศเวียดนามอีกจำนวนมาก ดังนั้นเวียดนามไม่จำเป็นต้องกู้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ เชื่อว่าเวียดนามสามารถฟื้นตัวได้เร็ว
ในมุมกลับกัน คนที่เข้าไปลงทุนผลิตเพื่อส่งออก ไม่ได้มุ่งผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเวียดนามนั้น การลดค่าเงินทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้เขายิ่งชอบ เพราะสามารถเข้าไปใช้วัตถุดิบราคาถูก ค่าแรงก็ยังไม่แพงมาก ในขณะที่การส่งออกยังไปได้ดี เพราะค่าเงินอ่อนนั่นเอง
อีกทั้งเวียดนามในช่วงที่ผ่านมาพยายามทำทุกวิถีทางที่จะดึงนักลงทุนเข้าไปในประเทศ ตัวอย่างเช่น การออกใบอนุญาตตั้งโรงงาน ประเทศไทยใช้เวลา 2 วัน เวียดนามใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง เขาไม่มาเปรียบเทียบกับประเทศไทย แต่เอาสิงคโปร์เป็น Role Model เป็นตัวเปรียบเทียบในการทำเบนช์มาร์ก ซึ่งก็จะเป็นแรงขับให้เวียดนามเร่งการพัฒนา
ภาพรวมที่มองว่าเวียดนามมีปัญหาเศรษฐกิจ ลึกๆ เชื่อว่าเวียดนามแก้ไขได้ และมองว่าปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องปกติ อาจจะมองได้ว่าเวียดนามเพิ่งเปิดประเทศได้ไม่ได้นาน และเพิ่งเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO)
ซึ่งกรณีนี้อาจจะปรับไม่ทัน เป็นภาวะแทรกซ้อนชั่วคราว เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาเวียดนามมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 7-8% โตแบบมีพื้นฐานแน่น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ เหมือนกับเป็นการเหยียบเบรก เพื่อหันกลับมาดูแลประเทศมากขึ้น กลับมาสร้างโครงการพื้นฐานให้แน่นขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของประเทศเวียดนามต่อไป
นายวิบูลย์กล่าวว่าสำหรับที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ เบียนหัว ตอนนี้ก็ขายได้เรื่อยๆ จากพื้นที่ที่มีอยู่ทั้งหมด 700 เฮกตาร์ ตอนนี้เหลืออยู่ 200 เฮกตาร์ ก็คาดว่าจะมีการลงทุนขยายพื้นที่เพิ่ม แต่ก็ต้องมีการเจรจากับรัฐบาลเวียดนาม ว่าให้พื้นที่ และราคาเท่าใด ต้องยอมรับสถานการณ์จากในอดีตถึงปัจจุบัน เวียดนามต่อรองเก่งมาก ขอซื้อพื้นที่ได้ยากขึ้น ดังนั้นเราทำอะไรไม่ได้มาก
นโยบายบริษัทกับพื้นที่เหลืออยู่ 200 เฮกตาร์ จะไม่พัฒนาขายเป็นที่ดินอย่างเดียวแล้ว แต่พัฒนาเป็นโรงงานให้เช่า รองรับได้ได้ประมาณ 20 โรงงาน ถือเป็นการเพิ่มมูลค่า ได้ราคาดีกว่าขายเฉพาะพื้นที่ ซึ่งขณะนี้โรงงานชิเซโด ก็ได้ประเดิมเช่าชื้อโครงการ ดังกล่าวแล้ว อายุสัญญา 30 ปี
อย่างไรก็ตามแม้เวียดนามจะเกิดปัญหา แต่ก็ไม่ได้หมายความนักลงทุนจะหลั่งไหลมาประเทศไทย เพราะประเทศไทยก็ยังมีปัญหาการเมืองอยู่ ยังถือว่าไม่มีเสถียรภาพ
ด้าน นางสมหะทัย พานิชชีวะ ประธานเจ้าที่พัฒนาธุรกิจ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เวียดนาม ลดค่าเงินด่อง 2% กระทบไม่มาก เพราะบริษัทขายที่ดินเป็นเงินเหรียญ แม้จะขายเป็นเงินด่องแต่ก็เทียบค่าเงินเหรียญเป็นหลัก ส่วนค่าจ้าง ค่าแรงจ่ายเป็นเงินด่อง
ดังนั้น ผลกระทบของบริษัท อมตะเวียดนามน้อยมาก ที่กระทบคือค่าจ้าง กระทบเงินเฟ้อ ต้องปรับเพิ่มขึ้น แต่เราก็สามารถชดเชยโดยการปรับราคาจำหน่ายที่ดิน และผลกระทบทางอ้อมจากภาวะเงินเฟ้อ ต้นทุนสูง ทำให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนในเวียดนามน้อยลง
มุมมอง "เวียดนาม" ของไอบีเอ็ม
"ศุภจี สุธรรมพันธุ์" รองประธานกลุ่มธุรกิจทั่วไป ไอบีเอ็ม ภาคพื้นอาเซียน กล่าวว่าเวียดนามถือเป็นประเทศไฮไลต์ในการลงทุนของไอบีเอ็มในภูมิภาคอาเซียน เพราะเป็นประเทศที่มีการเจริญเติบโตสูงมาก ทำให้ต้องเดินทางไปเป็นประจำเฉลี่ยทุกๆ 2 สัปดาห์
กับกรณีปัญหาเงินเฟ้อเวียดนาม "ศุภจี" ยอมรับว่า น่าเป็นห่วงมาก เพราะเศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป แต่รัฐบาลเวียดนามก็ตั้งตัวได้ค่อนข้างเร็ว ไม่ได้ปล่อยให้แย่เกินไป พอเริ่มมีปัญหาเวียดนามก็ประกาศลดค่าเงิน รวมถึงการที่รัฐบาลชะลอการใช้งบประมาณถือว่ามีการแอคชั่นค่อนข้างเร็ว และสัญญาณได้ส่งผ่านตลาดหุ้นที่เริ่มซบเซาลง
จากเม็ดเงินที่เข้ามาลงทุนในเวียดนามเยอะมาก แต่ขนาดประเทศก็ไม่ได้ใหญ่มากเท่าจีน พอเงินลงทุนต่างประเทศเข้าไปมากๆมันก็สวิง เหมือนประเทศไทย เงิน 2 ล้านเหรียญก็ทำอะไรได้มาก เช่น ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯขึ้นลงรวดเร็วเพราะตลาดหุ้นเวียดนามก็ยังมีขนาดเล็กกว่าตลาดหุ้นไทย
นอกจากนี้ด้วยความร้อนแรงของเศรษฐกิจที่มีนักลงทุนต่างประเทศหลั่งไหลเข้าไป ทำให้ราคาอสังหาฯในเวียดนามสูงมาก
ศุภจีกล่าวว่า "อย่าง 10 ประเทศอาเซียนที่ดูแลอยู่ ดูเหมือนว่าราคาอสังหาฯสิงคโปร์แพงสุด แต่ไปที่เวียดนาม ฮานอยแพงกว่าอีก เพราะดีมานด์มากกว่าซัพพลาย เนื่องจากตึกเก่าหมดแล้ว ตึกใหม่กำลังขึ้นแต่ยังไม่ทันกับดีมานด์เพราะคนเข้ามาเยอะ อพาร์ตเมนต์จะแพงเพราะหาดีๆ ไม่ค่อยได้ มีแต่ตึกเกรดดี เกรดซี แต่ต่อไปถ้าโครงการต่างๆ สร้างเสร็จราคาก็คงจะลดลง"
อย่างไรก็ตามรัฐบาลค่อนข้างตื่นตัวและใส่ใจแก้ปัญหาค่อนข้างเร็ว อย่างผังเมืองฮานอยที่มีอายุประมาณ 100 ปี ตอนนี้ก็มีการ รีบราวน์ผังเมืองให้กว้างขึ้น ทำให้เมืองใหญ่ขึ้น ทำให้ลงทุนใน โครงสร้างพื้นฐานได้ครบมาก ผังเมืองค่อนข้างพร้อม เห็นทิศทาง ค่อนข้างดี
ในแง่ของตลาดไอทีเวียดนามก็ถือว่าเป็นตลาดที่มีการเจริญเติบโตมากที่สุด เพราะอุตสาหกรรมการผลิตต่างย้ายฐาน การผลิตเข้าไปลงทุนในเวียดนามเพราะแรงงานถูก มีประสิทธิภาพในแง่ภาษาและทักษะ ก็ส่งผลให้ต้องมีการลงทุนด้านไอทีด้วย
และหนึ่งในยุทธศาสตร์อาเซียนของไอบีเอ็มก็คือการโฟกัสการลงทุนและการเติบโตในเวียดนาม
วันนี้เวียดนามกำลังอยู่ในสเตตของจีนเมื่อ 10 ปีที่แล้วคือเมื่อ 10 ปีก่อน ไอบีเอ็มในจีนมีรายได้ 50 ล้านเหรียญ และ 10 ปีต่อมามีรายได้เพิ่มเป็น 1.5 พันล้านเหรียญ
ดังนั้นจึงต้องวางยุทธศาสตร์ของเวียดนามโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะในเรื่องของการวางกลยุทธ์ตลาด รวมถึงการลงทุนสร้างcompetency center ด้านแบงกิ้งที่เวียดนาม หรือการสร้างเวียดนามให้เป็นฮับในการส่งออก skill ในเรื่องโพรเคียวเมนต์ โปรเซส เอาต์ซอร์ซ ซึ่งก็หมายความว่าต้องมีการลงทุนที่ ค่อนข้างเยอะ
http://www.matichon.co.th/prachachat/pr ... ionid=0212
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของเวียดนามเมื่อเร็วๆ นี้ ได้สร้างความตื่นตระหนกไปทั่ว หลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงิน และวาณิชธนกิจชั้นนำในต่างประเทศ พากันนำเสนอบทวิเคราะห์ที่เตือนถึงสัญญาณอันตราย ที่พบในตัวเลขเศรษฐกิจของเวียดนาม ทั้งในแง่ของอัตราเงินเฟ้อ ที่ทะยานขึ้นถึง 25.2% ในเดือนพฤษภาคม จนถึงการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ที่กำลังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มียอดขาดดุลการค้าทั้งสิ้น 1.44 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่ามูลค่าขาดดุลการค้า 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์ ตลอดทั้งปี 2550
คำเตือน และตัวเลขเศรษฐกิจที่ส่ออาการไม่น่าวางใจ ได้สร้างแรงกดดันอย่างมหาศาลต่อค่าเงินด่อง ของเวียดนาม จนธนาคารกลางเวียดนาม ต้องประกาศปรับมูลค่าอัตราแลกเปลี่ยนใหม่ โดยลดค่าลงมาประมาณ 2% และขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปอีก 2% เป็น 14%
อย่างไรก็ตาม มุมมองด้านลบ ไม่สามารถบั่นทอนเสน่ห์ของเวียดนาม ในฐานะปลายทางการลงทุนทางเลือกลงไปมากนัก แนวโน้มเงินลงทุนจากต่างประเทศ ยังคงส่งสัญญาณไหลเข้าอย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ทางการฮานอยคาดการณ์ว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ในครึ่งปีแรก ของปี 2551 จะสูงถึง 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 2.03 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่เวียดนามสามารถดึงดูดมาได้ตลอดทั้งปี 2550
ภาพที่ขัดแย้งดังกล่าว นำมาซึ่งความสับสน และไม่ชัดเจนในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ว่า แท้จริงแล้ว เวียดนามเป็นอย่างไร และจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อทิศทางการลงทุนของบริษัทที่ไปลงทุนที่นั่น หรือ อยู่ระหว่างวางแผนไปปักหลักลงทุนในอนาคตอันใกล้
"ประชาชาติธุรกิจ" ได้สัมภาษณ์ นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) บริษัทอมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รองประธานกลุ่มธุรกิจทั่วไป ไอบีเอ็มภาคพื้นอาเซียน ได้ให้มุมมองในฐานะนักธุรกิจไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำธุรกิจในเวียดนามทั้งในแง่ภาพรวมทั่วไปของธุรกิจ การลงทุน และการบริหารจัดการแก้ปัญหาของรัฐบาลเวียดนาม โดยได้ถ่ายทอดประสบการณ์และสิ่งที่ได้ไปพบปะในเวียดนามถึงข้อมูลต่างๆ ว่า
"อมตะ" มองเวียดนาม
"รัฐบาลรับมือปัญหาได้ดี"
จากภาวะฟองสบู่แตก เงินเฟ้อสูง และเงินด่องอ่อนค่าลง ส่อเค้าการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขั้นรุนแรง นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) บริษัทอมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ทำธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม โดยมีนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย 2 แห่ง คือ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง และนิคมอุตสากรรม อมตะนคร ที่จังหวัดชลบุรี นอกจากนั้นยังได้ขยายการลงทุนพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในเวียดนามด้วย อยู่ที่จังหวัดดองนัยจำนวน 700 เฮกตาร์ หรือประมาณ 4,550 ไร่ โดยใช้ชื่อว่า "นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ เบียนหัว" เป็นลงทุนร่วมกับรัฐบาลเวียดนามสัดส่วนการถือหุ้น 60:40 กล่าวว่า สถานการณ์ของเวียดนามในขณะนี้จะคล้ายกับประเทศไทยเมื่อประมาณ 10 ก่อนที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเศรษฐกิจร้อนแรงมาก มีการเก็งกำไรกันอย่างมหาศาล เงินเฟ้อสูงมากเมื่อเทียบกับค่าแรง ฟองสบู่แตก มีการลดค่าเงินบาท บริษัทในตลาดตลาดหลักทรัพย์รับผลกระทบไปเต็มๆก่อนเพื่อน
อย่างไรก็ตามแม้จะเกิดเหตุการณ์คล้ายกัน แต่ถ้าพูดถึงความแข่งแกร่งแล้วระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลเวียดนามแล้ว ประเทศเวียดนามดีกว่า การตัดสินใจ ผู้นำประเทศเขาเข้มแข็ง กล้าคิด กล้าทำ มีการศูนย์รวมอำนาจ
ที่มองข้ามไม่ได้คือ เวียดนามมีทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญคือ "น้ำมัน" ปีหน้า (2552) โรงกลั่นน้ำมันที่ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางในเวียดนามจะเริ่มดำเนินการผลิต หมายความว่า "เงิน" มหาศาลจะเข้าสู่เวียดนาม อุตสาหกรรมต่อเนื่องใหญ่ เช่น ปิโตรเคมี จะตามเข้าไปอีกมาก เหมือนกับที่นิคมมาบตาพุด จ.ระยอง ของไทยที่มีโรงกลั่น และมีอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
นอกจากนั้นยังมีทรัพยากรถ่านหิน แร่เหล็ก ที่ตัวเสริม สนับสนุนอุตสาหกรรม ดึงเงินเข้าประเทศเวียดนามอีกจำนวนมาก ดังนั้นเวียดนามไม่จำเป็นต้องกู้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ เชื่อว่าเวียดนามสามารถฟื้นตัวได้เร็ว
ในมุมกลับกัน คนที่เข้าไปลงทุนผลิตเพื่อส่งออก ไม่ได้มุ่งผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเวียดนามนั้น การลดค่าเงินทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้เขายิ่งชอบ เพราะสามารถเข้าไปใช้วัตถุดิบราคาถูก ค่าแรงก็ยังไม่แพงมาก ในขณะที่การส่งออกยังไปได้ดี เพราะค่าเงินอ่อนนั่นเอง
อีกทั้งเวียดนามในช่วงที่ผ่านมาพยายามทำทุกวิถีทางที่จะดึงนักลงทุนเข้าไปในประเทศ ตัวอย่างเช่น การออกใบอนุญาตตั้งโรงงาน ประเทศไทยใช้เวลา 2 วัน เวียดนามใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง เขาไม่มาเปรียบเทียบกับประเทศไทย แต่เอาสิงคโปร์เป็น Role Model เป็นตัวเปรียบเทียบในการทำเบนช์มาร์ก ซึ่งก็จะเป็นแรงขับให้เวียดนามเร่งการพัฒนา
ภาพรวมที่มองว่าเวียดนามมีปัญหาเศรษฐกิจ ลึกๆ เชื่อว่าเวียดนามแก้ไขได้ และมองว่าปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องปกติ อาจจะมองได้ว่าเวียดนามเพิ่งเปิดประเทศได้ไม่ได้นาน และเพิ่งเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO)
ซึ่งกรณีนี้อาจจะปรับไม่ทัน เป็นภาวะแทรกซ้อนชั่วคราว เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาเวียดนามมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 7-8% โตแบบมีพื้นฐานแน่น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ เหมือนกับเป็นการเหยียบเบรก เพื่อหันกลับมาดูแลประเทศมากขึ้น กลับมาสร้างโครงการพื้นฐานให้แน่นขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของประเทศเวียดนามต่อไป
นายวิบูลย์กล่าวว่าสำหรับที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ เบียนหัว ตอนนี้ก็ขายได้เรื่อยๆ จากพื้นที่ที่มีอยู่ทั้งหมด 700 เฮกตาร์ ตอนนี้เหลืออยู่ 200 เฮกตาร์ ก็คาดว่าจะมีการลงทุนขยายพื้นที่เพิ่ม แต่ก็ต้องมีการเจรจากับรัฐบาลเวียดนาม ว่าให้พื้นที่ และราคาเท่าใด ต้องยอมรับสถานการณ์จากในอดีตถึงปัจจุบัน เวียดนามต่อรองเก่งมาก ขอซื้อพื้นที่ได้ยากขึ้น ดังนั้นเราทำอะไรไม่ได้มาก
นโยบายบริษัทกับพื้นที่เหลืออยู่ 200 เฮกตาร์ จะไม่พัฒนาขายเป็นที่ดินอย่างเดียวแล้ว แต่พัฒนาเป็นโรงงานให้เช่า รองรับได้ได้ประมาณ 20 โรงงาน ถือเป็นการเพิ่มมูลค่า ได้ราคาดีกว่าขายเฉพาะพื้นที่ ซึ่งขณะนี้โรงงานชิเซโด ก็ได้ประเดิมเช่าชื้อโครงการ ดังกล่าวแล้ว อายุสัญญา 30 ปี
อย่างไรก็ตามแม้เวียดนามจะเกิดปัญหา แต่ก็ไม่ได้หมายความนักลงทุนจะหลั่งไหลมาประเทศไทย เพราะประเทศไทยก็ยังมีปัญหาการเมืองอยู่ ยังถือว่าไม่มีเสถียรภาพ
ด้าน นางสมหะทัย พานิชชีวะ ประธานเจ้าที่พัฒนาธุรกิจ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เวียดนาม ลดค่าเงินด่อง 2% กระทบไม่มาก เพราะบริษัทขายที่ดินเป็นเงินเหรียญ แม้จะขายเป็นเงินด่องแต่ก็เทียบค่าเงินเหรียญเป็นหลัก ส่วนค่าจ้าง ค่าแรงจ่ายเป็นเงินด่อง
ดังนั้น ผลกระทบของบริษัท อมตะเวียดนามน้อยมาก ที่กระทบคือค่าจ้าง กระทบเงินเฟ้อ ต้องปรับเพิ่มขึ้น แต่เราก็สามารถชดเชยโดยการปรับราคาจำหน่ายที่ดิน และผลกระทบทางอ้อมจากภาวะเงินเฟ้อ ต้นทุนสูง ทำให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนในเวียดนามน้อยลง
มุมมอง "เวียดนาม" ของไอบีเอ็ม
"ศุภจี สุธรรมพันธุ์" รองประธานกลุ่มธุรกิจทั่วไป ไอบีเอ็ม ภาคพื้นอาเซียน กล่าวว่าเวียดนามถือเป็นประเทศไฮไลต์ในการลงทุนของไอบีเอ็มในภูมิภาคอาเซียน เพราะเป็นประเทศที่มีการเจริญเติบโตสูงมาก ทำให้ต้องเดินทางไปเป็นประจำเฉลี่ยทุกๆ 2 สัปดาห์
กับกรณีปัญหาเงินเฟ้อเวียดนาม "ศุภจี" ยอมรับว่า น่าเป็นห่วงมาก เพราะเศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป แต่รัฐบาลเวียดนามก็ตั้งตัวได้ค่อนข้างเร็ว ไม่ได้ปล่อยให้แย่เกินไป พอเริ่มมีปัญหาเวียดนามก็ประกาศลดค่าเงิน รวมถึงการที่รัฐบาลชะลอการใช้งบประมาณถือว่ามีการแอคชั่นค่อนข้างเร็ว และสัญญาณได้ส่งผ่านตลาดหุ้นที่เริ่มซบเซาลง
จากเม็ดเงินที่เข้ามาลงทุนในเวียดนามเยอะมาก แต่ขนาดประเทศก็ไม่ได้ใหญ่มากเท่าจีน พอเงินลงทุนต่างประเทศเข้าไปมากๆมันก็สวิง เหมือนประเทศไทย เงิน 2 ล้านเหรียญก็ทำอะไรได้มาก เช่น ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯขึ้นลงรวดเร็วเพราะตลาดหุ้นเวียดนามก็ยังมีขนาดเล็กกว่าตลาดหุ้นไทย
นอกจากนี้ด้วยความร้อนแรงของเศรษฐกิจที่มีนักลงทุนต่างประเทศหลั่งไหลเข้าไป ทำให้ราคาอสังหาฯในเวียดนามสูงมาก
ศุภจีกล่าวว่า "อย่าง 10 ประเทศอาเซียนที่ดูแลอยู่ ดูเหมือนว่าราคาอสังหาฯสิงคโปร์แพงสุด แต่ไปที่เวียดนาม ฮานอยแพงกว่าอีก เพราะดีมานด์มากกว่าซัพพลาย เนื่องจากตึกเก่าหมดแล้ว ตึกใหม่กำลังขึ้นแต่ยังไม่ทันกับดีมานด์เพราะคนเข้ามาเยอะ อพาร์ตเมนต์จะแพงเพราะหาดีๆ ไม่ค่อยได้ มีแต่ตึกเกรดดี เกรดซี แต่ต่อไปถ้าโครงการต่างๆ สร้างเสร็จราคาก็คงจะลดลง"
อย่างไรก็ตามรัฐบาลค่อนข้างตื่นตัวและใส่ใจแก้ปัญหาค่อนข้างเร็ว อย่างผังเมืองฮานอยที่มีอายุประมาณ 100 ปี ตอนนี้ก็มีการ รีบราวน์ผังเมืองให้กว้างขึ้น ทำให้เมืองใหญ่ขึ้น ทำให้ลงทุนใน โครงสร้างพื้นฐานได้ครบมาก ผังเมืองค่อนข้างพร้อม เห็นทิศทาง ค่อนข้างดี
ในแง่ของตลาดไอทีเวียดนามก็ถือว่าเป็นตลาดที่มีการเจริญเติบโตมากที่สุด เพราะอุตสาหกรรมการผลิตต่างย้ายฐาน การผลิตเข้าไปลงทุนในเวียดนามเพราะแรงงานถูก มีประสิทธิภาพในแง่ภาษาและทักษะ ก็ส่งผลให้ต้องมีการลงทุนด้านไอทีด้วย
และหนึ่งในยุทธศาสตร์อาเซียนของไอบีเอ็มก็คือการโฟกัสการลงทุนและการเติบโตในเวียดนาม
วันนี้เวียดนามกำลังอยู่ในสเตตของจีนเมื่อ 10 ปีที่แล้วคือเมื่อ 10 ปีก่อน ไอบีเอ็มในจีนมีรายได้ 50 ล้านเหรียญ และ 10 ปีต่อมามีรายได้เพิ่มเป็น 1.5 พันล้านเหรียญ
ดังนั้นจึงต้องวางยุทธศาสตร์ของเวียดนามโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะในเรื่องของการวางกลยุทธ์ตลาด รวมถึงการลงทุนสร้างcompetency center ด้านแบงกิ้งที่เวียดนาม หรือการสร้างเวียดนามให้เป็นฮับในการส่งออก skill ในเรื่องโพรเคียวเมนต์ โปรเซส เอาต์ซอร์ซ ซึ่งก็หมายความว่าต้องมีการลงทุนที่ ค่อนข้างเยอะ
http://www.matichon.co.th/prachachat/pr ... ionid=0212
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
-
- Verified User
- โพสต์: 1468
- ผู้ติดตาม: 0
ประเทศเวียดนาม
โพสต์ที่ 16
เวียดนามเริ่มสร้างโรงงานถลุงเหล็กใหญ่ที่สุดในประเทศ 20:39 น.
เมืองฮา ทินห์
หนังสือพิมพ์เดอะ เวียดนาม อิโคโนมิค ไทมส์รายงานวันนี้ว่า ทางการเวียดนามเริ่มก่อสร้างโรงงานถลุงเหล็กใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งถ้าแล้วเสร็จ จะมีกำลังการผลิตเหล็กปีละ 7 ล้าน 5 แสนตัน และในระยะที่ 2 จะสามารถเพิ่มการผลิต 2 เท่าเป็นปีละ 15 ล้านตัน
โรงงานถลุงเหล็กนี้ เป็นส่วนหนึ่งของนิคมอุตสาหกรรมมูลค่า 7 พัน 9 ร้อยล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 2 แสน 6 หมื่นล้านบาทตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดฮา ทินห์ ทางใต้ของกรุงฮานอยราว 400 กิโลเมตร และบริหารโดยบริษัทบริษัทฟอร์โมซ่าอุตสาหกรรมหนักของไต้หวันซึ่งมีหุ้นในโครงการร้อยละ 95 และซัน สตีล คอร์ปหรือ "ซันสโก" บริษัทจดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมน ซึ่งมีหุ้นร้อยละ 5
นายกรัฐมนตรี เหงียน ตัน ดุงของเวียดนามบอกระหว่างพิธีเปิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า เมื่อนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ ซึ่งมีท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ด้วย สร้างเสร็จสมบูรณ์ใน 3 ปี คาดว่าจะเป็นนิคมฯ ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และช่วยสร้างเสริมให้เศรษฐกิจเวียดนามแข็งแกร่งขึ้น
รัฐบาลเวียดนามระบุในเว็บไซต์ด้วยว่า โรงงานแห่งนี้จะนำเข้าแร่เหล็กจากต่างประเทศ และจะใช้แร่เหล็กจากเหมืองตัช เข่อในจังหวัดฮา ทินห์ซึ่งคาดว่ามีปริมาณเหล็กสำรองราว 540 ล้านตัน
http://breakingnews.nationchannel.com/r ... sid=328162
เมืองฮา ทินห์
หนังสือพิมพ์เดอะ เวียดนาม อิโคโนมิค ไทมส์รายงานวันนี้ว่า ทางการเวียดนามเริ่มก่อสร้างโรงงานถลุงเหล็กใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งถ้าแล้วเสร็จ จะมีกำลังการผลิตเหล็กปีละ 7 ล้าน 5 แสนตัน และในระยะที่ 2 จะสามารถเพิ่มการผลิต 2 เท่าเป็นปีละ 15 ล้านตัน
โรงงานถลุงเหล็กนี้ เป็นส่วนหนึ่งของนิคมอุตสาหกรรมมูลค่า 7 พัน 9 ร้อยล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 2 แสน 6 หมื่นล้านบาทตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดฮา ทินห์ ทางใต้ของกรุงฮานอยราว 400 กิโลเมตร และบริหารโดยบริษัทบริษัทฟอร์โมซ่าอุตสาหกรรมหนักของไต้หวันซึ่งมีหุ้นในโครงการร้อยละ 95 และซัน สตีล คอร์ปหรือ "ซันสโก" บริษัทจดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมน ซึ่งมีหุ้นร้อยละ 5
นายกรัฐมนตรี เหงียน ตัน ดุงของเวียดนามบอกระหว่างพิธีเปิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า เมื่อนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ ซึ่งมีท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ด้วย สร้างเสร็จสมบูรณ์ใน 3 ปี คาดว่าจะเป็นนิคมฯ ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และช่วยสร้างเสริมให้เศรษฐกิจเวียดนามแข็งแกร่งขึ้น
รัฐบาลเวียดนามระบุในเว็บไซต์ด้วยว่า โรงงานแห่งนี้จะนำเข้าแร่เหล็กจากต่างประเทศ และจะใช้แร่เหล็กจากเหมืองตัช เข่อในจังหวัดฮา ทินห์ซึ่งคาดว่ามีปริมาณเหล็กสำรองราว 540 ล้านตัน
http://breakingnews.nationchannel.com/r ... sid=328162
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
- bankniti
- Verified User
- โพสต์: 627
- ผู้ติดตาม: 0
ประเทศเวียดนาม
โพสต์ที่ 17
ผมว่าภายใน 10 ปีน่าจะตามไทยทัน
เวียดนามให้ความสำคัญกับการศึกษามาก นี้คือสิ่งที่จะเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต ที่ต้องทำและกำลังทำคือ การวางระบบการขนส่ง คมนาคม สาธารณูประโภคต่างๆ ซึ่งอันนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร แต่หากแล้วเสร็จมีความพร้อมบวกกับทรัพยากรมนุษย์ที่ผลิตขึ้นมาได้ ทีนี้แหละจะแซงไทยแน่ๆ อีกอย่างประเทศไทยเรายังไม่จริงจังในเรื่องการศึกษามาก เอาแต่นโยบายประชานิยม ไม่มีแผนระยะยาวในการผลิตคนให้มีคุณภาพมากขึ้น บวกกับการเมืองอย่างที่เห็นอยู่ นี้จึงเป็นตัวฉุดรั้งให้ไทยเราย่ำอยู่กับที่(ดูให้ดีผมว่าถอยหลังด้วยซ้ำ) ด้วยเหตุผลคราวๆ นี้ ผมจึงเห็นว่าภายใน 10 ปีเวียดนามน่าจะตามพี่ไทยทันครับ
เวียดนามให้ความสำคัญกับการศึกษามาก นี้คือสิ่งที่จะเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต ที่ต้องทำและกำลังทำคือ การวางระบบการขนส่ง คมนาคม สาธารณูประโภคต่างๆ ซึ่งอันนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร แต่หากแล้วเสร็จมีความพร้อมบวกกับทรัพยากรมนุษย์ที่ผลิตขึ้นมาได้ ทีนี้แหละจะแซงไทยแน่ๆ อีกอย่างประเทศไทยเรายังไม่จริงจังในเรื่องการศึกษามาก เอาแต่นโยบายประชานิยม ไม่มีแผนระยะยาวในการผลิตคนให้มีคุณภาพมากขึ้น บวกกับการเมืองอย่างที่เห็นอยู่ นี้จึงเป็นตัวฉุดรั้งให้ไทยเราย่ำอยู่กับที่(ดูให้ดีผมว่าถอยหลังด้วยซ้ำ) ด้วยเหตุผลคราวๆ นี้ ผมจึงเห็นว่าภายใน 10 ปีเวียดนามน่าจะตามพี่ไทยทันครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 393
- ผู้ติดตาม: 0
ประเทศเวียดนาม
โพสต์ที่ 19
ล่าสุดหุ้นเค้าเริ่ม pick up มากว่า 20% ของจุดต่ำสุดแล้วน่ะฮ่ะ ผมเห็นบวกทุกวันเลย