อย่าเพิ่งเชื่อเรื่อง โลกร้อน

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
laku
Verified User
โพสต์: 4
ผู้ติดตาม: 0

อย่าเพิ่งเชื่อเรื่อง โลกร้อน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ดร.โสภณ พรโชคชัย <1>
ประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย <2>

ใครได้ ใครเสียประโยชน์จากการรณรงค์เรื่อง โลกร้อน ประเด็นนี้สะท้อนถึงการใช้อิทธิพลของการโฆษณาชวนเชื่อในการทำให้ประชาชนมืดบอดหรือไม่ และถือเป็น เครื่องมือทำมาหากิน สำหรับใครบางคนหรือไม่

ผมได้ยินเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนมานานพอสมควร และเชื่อว่าทุกคนก็คงได้ฟังและชักเกิดความห่วงใยต่อโลกในประเด็นนี้เช่นกัน แต่เมื่อนายอัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้รับรางวัลโนเบลจากการรณรงค์เรื่องโลกร้อน <3> ผมกลับเริ่มสงสัยว่าการเคลื่อนไหวในประเด็นร้อนแรงนี้ส่งผลถึงขนาดให้ท่านได้รับรางวัลนี้เลยหรือ ผมเชื่อว่าทุกวันนี้ผู้คนมักเชื่อไปในแนวทางเดียวกันโดยไม่มีโอกาสได้ฟังเหตุผลในทางตรงกันข้าม ผมจึงขอเสนอข้อมูลในอีกแง่หนึ่งบ้างเผื่อจะได้ไม่ถูกครอบงำโดยการโฆษณาชวนเชื่อและข้อมูลด้านเดียว

คำถามต่อ An Inconvenient Truth
ท่านที่อ่านหรือชมภาพยนต์เรื่อง An Inconvenient Truth (AIT) <4> คงรู้สึกตรงกันอย่างหนึ่งว่า อยากทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน . . . คงจะไม่เป็นการเกินเลยไปนัก หากจะเรียกขบวนการดังกล่าวว่าเป็นภารกิจกู้โลก เพราะวิกฤตการณ์เกี่ยวกับสภาวะโลกร้อนนั้นเกิดขึ้นแล้วจริงๆ และกำลังส่งผลกระทบอย่างกว้างไกลเกินจินตนาการ <5> วลีที่อ้างถึงนี้สะท้อน อารมณ์ ได้ดีมาก ทำให้ผมนึกถึงภารกิจ กู้ชาติ ของกลุ่ม พันธมิตร เมื่อปี 2549 อย่างไรก็ตาม AIT มีจุดอ่อนด้านข้อมูลมากมาย <6> ซึ่งสังคมมักไม่มีโอกาสรับรู้ เช่น:

1. การมองด้านเดียว: AIT ไม่เคยมองถึงบทบาทที่จำเป็นของน้ำมัน ก๊าซและถ่านหิน (Hydrocarbon) ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนจน ช่วยเพิ่มอายุขัยของประชากร ฯลฯ AIT ละเลยอัตราการตายที่สูงขึ้นในยามที่โลกเย็นลงในอดีตที่ผ่านมา

2. ความเข้าใจผิด: สาเหตุหลักของการตายของมนุษย์ปัจจุบันไม่ใช่เป็นเพราะภัยธรรมชาติ คล้ายกับการตื่นกลัวไข้หวัดนกจนเกินเหตุทั้งที่โรคปอดบวมทำคนไทยตายมากมาย โดยในปี 2550 ไม่มีคนป่วยและตายด้วยไข้หวัดนกในประเทศไทยเลย แต่คนไทยป่วยด้วยโรคปอดบวมจนต้องนอนโรงพยาบาลถึง 88,841 ราย และตาย 765 รายในปี 2549 <7> นอกจากนี้ AIT ยังอ้างทำนองว่านักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นพ้องกับตน แต่ความจริงเสียงส่วนใหญ่เห็นตรงข้ามกับ AIT

3. การพูด ใส่ไข่ จับเอาปรากฏการณ์ครั้งคราวมาเป็นสรณะ: การอ้างว่าหมีขั้วโลกจมน้ำตายเพราะน้ำแข็งละลายทั้งที่เป็นเพราะพายุ การกล่าวถึงฝนตกหนักถึง 37 นิ้วในนครมุมไบในปี 2548 ทั้งที่ตลอด 45 ปี ไม่พบแนวโน้มการเพิ่มขึ้นเลย การโยงเรื่องโลกร้อนกับอุทกภัยในจีนเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทั้งที่ใน 1-2 ศตวรรษก่อนมีอุทกภัยที่รุนแรงยิ่งกว่านี้มากมาย การโทษว่าโลกร้อนทำให้ทะเลสาบชาด (Chad) แห้งหายไปหรือทำให้แนวปะการังเสียหายทั้งที่เป็นเพราะปัจจัยทางเฉพาะภูมิภาค ปัจจัยทางสังคมและอื่น ๆ การกล่าวว่าธารน้ำแข็งเกาะกรีนแลนด์จะเลื่อนลงสู่ทะเลทั้งที่ตั้งอยู่ในแอ่งที่ไม่มีทางออก

4. การพูดผิดความจริง เช่น การอ้างว่าโลกร้อนในอดีตเป็นเพียงระยะสั้น ทั้งที่มีระยะเวลานับร้อยปีในอดีตที่เคยร้อนกว่าปัจจุบัน จนทำให้ครั้งหนึ่งชาวไวกิ้งสามารถไปตั้งถิ่นฐานในเกาะกรีนแลนด์ที่หนาวเย็นในขณะนี้ได้ การอ้างว่าโลกร้อนขึ้นมากทั้งที่เพิ่มเพียง 0.17 องศาเซลเซียสในรอบ 30 ปีล่าสุด และร้อนขึ้น 0.5 องศาเซลเซียสในรอบ 100 ปี และที่ผ่านมาก็มีลักษณะขึ้น ๆ ลง ๆ การอ้างว่าคลื่นร้อนยุโรปที่ทำให้คนตายมากมายเป็นผลจากโลกร้อนทั้งที่เป็นเพราะสาเหตุอื่น

ในประเทศอังกฤษ มีการฟ้องศาลให้ห้ามฉาย AIT ในโรงเรียนมัธยม ศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่า AIT มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ผิดไปถึง 9 ประการ แต่ให้ฉายได้โดยต้องเพิ่มเติมข้อมูลที่ถูกต้อง และให้ครูที่จัดฉายต้องชี้ให้นักเรียนเข้าใจถึงข้อผิดพลาดของ AIT ด้วย <8> นอกจากนี้ AIT ยังทำการโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง ตัวอย่างความผิดพลาดสำคัญ ได้แก่ การกล่าวว่าหิมะบนยอดเขาคิลิมันจาโรซึ่งสูงถึง 6 กิโลเมตร ละลายเพราะภาวะโลกร้อน แต่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นแย้ง สาเหตุการละลายคงเป็นเพราะแสงอาทิตย์ การใช้ที่ดินโดยรอบตลอดจนความร้อนใต้พิภพ เพราะหากแม้ผิวโลกจะร้อนขึ้น อุณหภูมิบนยอดเขาก็ยังต่ำกว่าจุดเยือกแข็งอยู่ดี

ข้อมูลในอีกแง่มุมหนึ่ง
กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ 19,000 คนได้ร่วมกันลงชื่อใน The Petition Project <9> ว่าจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าการใช้ Hydrocarbon เพิ่มขึ้นทำให้เกิดภาวะโลกร้อนหรือภาวะเรือนกระจกแต่อย่างใด แม้โลกได้ร้อนขึ้นเล็กน้อย ก็ไม่ได้มีผลเสียหายร้ายแรง (อาจมีไวรัสบางชนิดเกิดขึ้น แต่ในช่วงโลกเย็นก็อาจเกิดโรคอื่น) แต่กลับเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกในเขตอบอุ่น การเพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะเป็นผลดีต่อชีวิตสัตว์และทำให้การเพาะปลูกพืชผลได้มากขึ้น นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้จึงหนุนให้สหรัฐอเมริกาไม่ลงนามในพิธีสารเกียวโต <10> ซึ่งได้กำหนดข้อผูกพันทางกฎหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศภาคี

บทวิพากษ์ของ The Petition Project ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า

1. การกลับหนาว-ร้อนของโลกมีลักษณะที่เป็นวัฏจักร ไม่ใช่มีแต่ร้อนขึ้นอย่างเดียว

2. ธารน้ำแข็งละลายเร็วมานับร้อยปีแล้วก่อนที่จะมีการใช้ Hydrocarbon เสียอีกและละลายเร็วในอัตราเดียวกันมาตลอด 150 ปีแล้ว

3. อากาศที่ร้อนขึ้นเกิดจากสาเหตุหลายอย่าง ภาวะเรือนกระจกอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ยังมีสาเหตุอื่นอีกมาก เช่น แสงแดด เมฆ ความชื้น การเปลี่ยนแปลงของผิวน้ำในมหาสมุทร ความร้อนใต้พิภพ ฯลฯ อย่างเช่นในประเทศไทยของเรา ที่ผมสังเกตเห็นว่าภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไป นั่นก็เป็นเพราะปรากฏการณ์เอลนีโญ ลานีญา และเอ็นโซ ตามกระแสน้ำอุ่น <11> แต่กลับมีการทึกทักเอาว่าเป็นเพราะภาวะโลกร้อน

4. พายุทอร์นาโดในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มลดลง ส่วนพายุเฮอริเคนจากมหาสมุทรแอตแลนติก ก็ไม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ยกเว้นอาจเห็นใหญ่เป็นพิเศษเช่นพายุ Katrina <12> ในปี 2548 เช่นเดียวกับกรณีประเทศไทย พบว่าพายุหมุนเขตร้อนมีปริมาณลดลงตลอดในช่วงปี 2494-2549 <13>  การถือเอาปรากฏการณ์ที่เพิ่งเกิด (ซ้ำ) ขึ้นมาในระยะนี้ มาทึกทักเป็นตุเป็นตะกับภาวะโลกร้อนซึ่งอาจเป็นวัฏจักรนับพันปี จึงเป็นสิ่งที่ควรทบทวนเป็นอย่างยิ่ง

5. ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น 7 นิ้วในรอบศตวรรษและเพิ่มมาก่อนยุคที่ใช้ Hydrocarbon และผมขอเพิ่มเติมว่า ที่อ่าวไทยพบว่าระดับน้ำทะเลกลับลดลงนับแต่ปี 2483 ที่สำรวจ <14> ส่วนที่เห็นน้ำท่วมโบสถ์วัดขุนสมุทร <15> นั้น คงเป็นเพราะการทรุดตัวของดินจากผลของการสูบน้ำบาดาลเกินขนาด การพังทลายของตลิ่งและอื่น ๆ ซึ่งเป็นมาโดยตลอดมากกว่าเพราะภาวะโลกร้อนแต่อย่างใด

6. ป่าไม้ในสหรัฐอเมริกาได้รับการปลูกเพิ่มขึ้น 40% ในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามการปลูกป่าก็อาจไม่ได้ช่วยแก้ไขโลกร้อนอย่างมีนัยสำคัญนัก <16> แต่ที่บ้านเรา เห่อ กันจนเป็นแฟชั่น

อย่าเป็น กระต่ายตื่นตูม
มีอยู่ภาพหนึ่งในภาพยนต์เรื่องนี้ เป็นภาพทะเลสาบ Aral Sea ในคาซัคสถาน <17> ซึ่งแต่เดิมมีขนาดใหญ่มาก แต่กลับแห้งไป มีเรือจอดอยู่บนพื้นคล้ายทะเลทราย ภาพดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจแก่ผู้ห่วงใยโลกเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็เป็นภาพแห่งการบิดเบือน เพราะการเหือดหายไปของทะเลสาบนี้ เป็นผลมาจากการสูบน้ำและเป็นที่คาดหมายมานานแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อนแม้แต่น้อย

ถ้าวันนี้เกิดการระเบิดของภูเขาไฟ ระดับเดียวกับภูเขาไฟกรากะตัว ในอินโดนีเซียเมื่อปี 2426 เราคงลืมเรื่องโรคร้อนเป็นแน่ และนึกว่าโลกต้องแตกแน่แล้ว เพราะ แรงระเบิดนั้นคร่าชีวิตทุกคนที่ยังอยู่บนเกาะ พื้นที่ร้อยละ 65.52 ของเกาะกลายเป็นเถ้าธุลี (รวมทั้งแก๊สมากมาย) ลอยสูงขึ้นไปถึง 80 กิโลเมตร ในรัศมี 240 กิโลเมตร เถ้าธุลีบดบังแสงอาทิตย์จนมืดมิดคล้ายตอนกลางคืน . . . อยู่ห่างจากกรากะตัวถึง 4,776 กิโลเมตรก็ได้ยิน (เสียงระเบิด) . . . เกิดคลื่นสึนามิ สูงกว่า 30 เมตร เดินทางไปถล่มเกาะหลายแห่ง แรงแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นตรวจจับได้แม้แต่ที่สหราชอาณาจักร รวมแล้วมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ประมาณ 36,000 คน (อากาศยังเย็นลง 1.2 องศาทั่วโลกเป็นเวลาถึง 5 ปี) <18> ดังนั้นเราจึงไม่ควรเป็น กระต่ายตื่นตูม กับปรากฏการณ์ชั่วคราวจนเกิดปริวิตกเกินเหตุ

แล้วไง สะท้อนอะไร!
โลกร้อนขึ้นย่อมไม่มีข้อสงสัย แต่จะปักใจเชื่อว่าเกิดจาก Hydrocarbon โดยไม่ฟังข้อมูลรอบด้าน ย่อมแสดงถึงการขาดความรอบรู้และเป็นการคิดอย่างไม่เป็นวิทยาศาสตร์ เราควรมีมีเวทีการถกเถียงเพื่อให้การศึกษาแก่ประชาชนในวงกว้าง เป็นการส่งเสริมสังคมอุดมปัญญา มีบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่สังคมที่สักแต่เชื่อกันด้วยศรัทธาอย่างมืดบอดอันถือเป็นอันตรายต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความรู้ของประชาชนในระยะยาว

วิชามารในการหลอกล่อนั้นมักทำใน 3 ด้าน ได้แก่ การล่อด้วยความกลัว ถึงผลร้ายของการเกิดโลกร้อนจนเกินจริง การล่อด้วยความน่ารัก น่าสงสารของคน สัตว์และสิ่งของเพื่อให้คล้อยตาม และสุดท้ายที่ถือเป็น หมัดเด็ด ในการปิดปากผู้ใฝ่รู้ความจริงก็คือการป้ายสีพวกเขาว่าเป็นผู้ไม่หวังดีต่อโลก เราจึงควรมีการวินิจฉัยด้วยตนเองให้ชัดเจนตามหลักธรรมกาลมสูตร <19> ก่อนที่จะเชื่ออะไรง่าย ๆ

นักเคลื่อนไหวทางสังคมที่อาศัยความไม่รู้ของประชาชน มาหลอกให้คนตื่นกลัวเรื่องโลกร้อน แสดงถึงการขาดจรรยาบรรณของการศึกษาวิจัยเป็นอย่างยิ่ง บุคคลเหล่านี้เห็นชาวบ้านเป็นดั่งวัวควายที่อธิบายกันดีๆ ไม่ได้ ผู้ที่กล้าพูดความจริงบางส่วนเพื่อให้ตนได้รับความเชื่อถือนับเป็นผู้ที่น่ากลัว อย่างบ้านของนายอัล กอร์เองก็ใช้ไฟฟ้ามากกว่าคนอเมริกันทั่วไปถึง 20 เท่า ใช้เงินค่าไฟฟ้าและแก๊สรวมกันปีละเกินกว่า 1 ล้านบาท <20>

ใครบ้างที่ได้ดีจากการพูดเรื่องโลกร้อน มาตรการแก้ไข เช่น แฟชั่นการปลูกป่า ถือเป็นรูปแบบการทำดีที่ นำสมัย มีระดับ ไม่ใช่พื้น ๆ แบบการบริจาคให้มูลนิธิร่วมกตัญญู ปอเต๊กตึ๊ง ฯลฯ คนทำดีพูดดีเรื่องโลกร้อนก็อาจได้รับรางวัลใหญ่น้อย เผลอ ๆ อาจสั่งสมบารมีจนได้เป็นสมาชิกวุฒิสภาอันทรงเกียรติ อาจกล่าวได้ว่าการรณรงค์ที่ใช้เวลา 10-30 ปีที่อาจไร้ผลนั้น อย่างน้อยก็ส่งผลดีต่อผู้รณรงค์เอง เช่น ทำให้บางคนมีอาชีพเป็นนักอนุรักษ์ นักประท้วง นักแบกป้ายเพื่อ กู้โลก หาเลี้ยงชีพไปได้ชั่วชีวิต เป็นต้น

การเคลื่อนไหวเรื่องนี้ยังอาจถือเป็นการเบี่ยงประเด็นสาระสำคัญของปัญหาในโลกนี้ อันได้แก่ โรคภัยไข้เจ็บที่เผชิญอยู่ทุกวัน การกดขี่เอารัดเอาเปรียบต่อผู้ด้อยโอกาส สงครามและการก่อการร้าย อำนาจเผด็จการที่ปิดกั้นเสรีภาพประชาธิปไตย ตลอดจนการปล้นสดมภ์ของประเทศมหาอำนาจต่อประเทศกำลังพัฒนา เป็นต้น

การเคลื่อนไหวเรื่องนี้ยังถือเป็นการบิดเบือนความจริง เช่น การส่งเสริมแฟชั่นการปลูกป่า (ซึ่งถือเป็นรูปแบบการทำดีที่นำสมัยและมีระดับ ไม่ใช่พื้น ๆ แบบการบริจาคให้มูลนิธิการกุศล) แต่เชื่อว่าปีหนึ่ง ๆ ป่าไม้ในไทยถูกทำลายไปมากกว่าป่าที่ปลูกเสียอีก และป่าที่ปลูกอย่างลูบหน้าปะจมูกนี้ก็คงตายไปมากกว่าจะงอกงามขึ้นได้ บาปของแฟชั่นการปลูกป่านี้ก็คือการช่วยบิดเบือน ปกปิดไม่ให้อาชญากรรมทำลายป่า ได้รับการตระหนักโดยสังคมส่วนรวม บางทีเราเองเงินรณรงค์เรื่องโลกร้อนไปช่วยคนทุกข์ยากยังอาจได้ประโยชน์มากกว่า

โปรดสังวรไว้ว่าบางที นักบุญ ที่พูดกับท่านถึงภาวะโลกร้อนนั้น แท้จริงอาจเป็น ซาตาน ผู้ก่ออาชญากรรมด้วยการกล้าบิดเบือนหรือพูดความจริงเพียงบางส่วนเพื่อตักตวงประโยชน์ทางการเมือง ฉกฉวยความดีหรือหาประโยชน์เฉพาะตน คนที่กล้า แหกตา พวกเราถึงขนาดนี้ น่าจะเป็นบุคคลอันตรายจริง ๆ เราควรส่งเสริมให้มีการระดมความคิด ถกเถียงค้นคว้าอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ มีสติค่อย ๆ คิด และต่อต้านการงมงายอย่างมืดบอดในทุกรูปแบบ ประเทศชาติจึงจะเจริญด้วยสังคมอุดมปัญญาที่แท้จริง

ที่มา:
<1> ดร.โสภณ พรโชคชัย เป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและนักวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์ ยังเป็นกรรมการที่ปรึกษาหอการค้าไทยสาขาอสังหาริมทรัพย์ ผู้แทนสมาคมประเมินค่าทรัพย์สินนานาชาติ (IAAO) ประจำประเทศไทย และกรรมการสภาที่ปรึกษา Appraisal Foundation ซึ่งก่อตั้งโดยสภาคองเกรสเพื่อการควบคุมการประเมินค่าทรัพย์สินในสหรัฐอเมริกา Email: [email protected]

<2> มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่มุ่งให้ความรู้แก่สาธารณชนด้านการประเมินค่าทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาเมือง ปัจจุบันเป็นองค์กรสมาชิกหลักของ FIABCI ประจำประเทศไทย ถือเป็นองค์กรเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่มีกิจกรรมคึกคักที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยจนได้รับความเชื่อถือจากนานาชาติ โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaiappraisal.org

<3> ข่าว 'อัล กอร์'-ไอพีซีซี โนเบลสันติภาพ ไทยรัฐ 13 ต.ค. 50 http://www.thairath.com/offline.php?sec ... tent=64404

<4> เว็บไซต์เกี่ยวกับภาพยนต์นี้ดูได้ที่ http://www.climatecrisis.net และ http://www.an-inconvenient-truth.com (แฟนคลับ)

<5> เพชร มโนปวิตร บทความ รายงานโลกใบใหญ่ / สิ่งแวดล้อม : An Inconvenient Truth กับภารกิจกู้โลก ในนิตยสารสารคดี พฤศจิกายน 2549: http://www.sarakadee.com/web/modules.ph ... &artid=633

<6> โปรดอ่านบทวิพากษ์ภาพยนต์เรื่อง An Inconvenient Truth ได้ที่ Marlo Lewis  A Skeptic's Guide to An Inconvenient Truth: http://www.cei.org/pages/ait_response-book.cfm และ Mary Ellen Tiffany Gilder Diagnosing Al Gore: Truth in the Balance http://sitewave.net/news/MaryEllenGilder.htm

<7> ฝ่ายวิเคราะห์และประมวลข่าวสาร สำนักสารนิเทศ กระทรวงสาธารณสุข 11 ตุลาคม 2550: ในปี พ.ศ. 2549 . . . ผู้ป่วยโรคปอดบวมที่รับไว้รักษาในโรงพยาบาลอีก 88,841 ราย/ ตาย 765 ราย ซึ่งไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 เกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่เป็นต้นเหตุ สำหรับในปี พ.ศ. 2550 จนถึงสัปดาห์ที่ 39 . . . มีรายงานผู้ป่วย. . . โรคปอดบวมที่รับไว้รักษาในโรงพยาบาลอีก 60,188 ราย ตาย 619 ราย . . . อย่างไรก็ตามจากการสำรวจของกรมควบคุมโรคในปี 2550 นี้ยังไม่พบผู้ป่วยจากโรคไข้หวัดนก หรือผู้เสียชีวิต ที่ http://www.moph.go.th/show_hotnew.php?idHot_new=9516

<8> โปรดอ่านข่าว Gore climate film's nine 'errors' BBC News, October 11, 2007: http://news.bbc.co.uk/1/hi/education/7037671.stm

<9> โปรดดูรายละเอียดของโครงการนี้ได้ที่ Petition Project http://www.oism.org/pproject/s33p1845.htm

<10> พิธีสารเกียวโต Kyoto ดูรายละเอียดภาค ภาษาอังกฤษฉบับเต็มได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Kyoto_Protocol หรือภาคภาษาไทยได้ที่ http://www.jgsee.kmutt.ac.th/greenhouse ... php#unfccc

<11> ปรากฎการณ์เอลนีโญและลานีญา โปรดศึกษาเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของกรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=17

<12> ดูรายละเอียดพายุ Katrina ถล่มนครนิวออลีนส์ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Hurricane_Katrina

<13> ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ www.tmd.go.th/programs/uploads/cyclones/track-56y.pdf

<14> ข่าว อัล กอร์ มั่ว น้ำทะเลอ่าวไทยลดลงทุกปี ไทยรัฐ 17 ตุลาคม 2550 http://www.thairath.com/news.php?sectio ... tent=64807 และข่าว อย่าตระหนก โลกร้อนไม่ทำให้กรุงเทพจมบาดาล http://www.tei.or.th/hotnews/071116-glo ... anager.htm

<15> โปรดดูภาพและคำอธิบายเกี่ยวกับการกัดเซาะของทะเล (แต่ไม่ใช่เพราะน้ำทะเลเพิ่มสูงขี้นตามข้ออ้างของผู้ที่เชื่อว่าเพราะโลกร้อน) ได้ที่เว็บไซต์วัดขุนสมุทร สมุทรปราการ http://www.khunsamut.com

<16> ผลการศึกษาของ Lawrence Livermore National Laboratory เรื่อง Plant a tree and save the Earth? ที่ http://www.llnl.gov/pao/news/news_relea ... 12-02.html และเรื่อง Models show growing more forests in temperate regions could contribute to global warming ที่ http://www.llnl.gov/pao/news/news_relea ... 12-04.html

<17> อ่านรายละเอียด Aral Sea ได้ที่ http://unimaps.com/aral-sea/print.html

<18> อ่านรายละเอียดภูเขาไฟกรากะตัวได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81% ... 1%E0%B8%A7

<19> กาลามสูตร 10 คือ อย่าปลงใจเชื่อ 1.ด้วยการฟังตามกันมา 2.ด้วยการถือสืบ ๆ กันมา 3.ด้วยการเล่าลือ 4.ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์ 5.ด้วยตรรก 6.ด้วยการอนุมาน 7.ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล 8.เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีของตน 9.เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าเชื่อ และ 10.เพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา เราจะเชื่อก็ต่อเมื่อพิจารณาเห็นด้วยปัญญา (ที่มาคือ http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/002684.htm)

<20> ข่าว เมื่อกระแสโลกร้อนย้อนมาเล่นงานอัล กอร์ สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ 7-15 มีนาคม 2550 โปรดอ่านข่าวภาษาอังกฤษที่ http://www.guardian.co.uk/international ... 69,00.html (The Guardian) และ http://www.usatoday.com/news/washington ... ouse_x.htm (USA Today)


หมายเหตุ: โปรดอ่านเพิ่มเติมในกระทู้ กระทู้รวมพล คนที่ ไม่เชื่อ ว่ามนุษย์ทำให้โลกร้อน และประจักษ์หลักฐานรวมทั้งความเห็นเพิ่มเติมอื่น ๆ ที่มีต่อกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic ... 12617.html
dan007
Verified User
โพสต์: 111
ผู้ติดตาม: 0

อย่าเพิ่งเชื่อเรื่อง โลกร้อน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

อันนี้มันมาอยู่ห้อง technical ได้ไงนี่
ขอบพระคุณครับที่กรุณากระผมเป็นอย่างสูง
MindTrick
Verified User
โพสต์: 1289
ผู้ติดตาม: 0

อย่าเพิ่งเชื่อเรื่อง โลกร้อน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ของมันมีมูลครับ นั่งอ่านๆไป เยอะเข้า ๆจะรู้ว่า ผลประโยชน์หนุนทั้งสองฟากนั่นแหละครับ

ฝ่ายนึงก็พลังงานใช้กันเป็นหลักๆปัจจุบัน
อีกฝ่ายก็พลังงานอนาคตหรือของที่เกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน

สิ่งที่ผมได้ก็คือ วิถีทางของฝ่ายป้องกัน ดูยังไงก็มีประโยชน์แน่นอน ส่วนอีกฝั่งที่มาเบรก แค่ไม่ให้เราตื่นเกินไป
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
แผ่วเบา
Verified User
โพสต์: 391
ผู้ติดตาม: 0

อย่าเพิ่งเชื่อเรื่อง โลกร้อน

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ผมก็ยังไม่เชื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
แต่ชอบครับ
ที่ดร.โสภณ พรโชคชัย มีแนวคิดแบบนี้

แบบนี้คือ ไม่ตามกระแส
กาลามสูตรยังคงใช้ได้ดีสำหรับเรื่องแบบนี้

แบบนี้เรียกว่า ทฤษฎีค้นหาความเท็จ
เจ้าของคือ คาร์ล ป็อบเปอร์
ทฤษฎีนี้เป็นสิ่งที่ช่วยให้วิทยาการต่างๆก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

ทฤษฎีนี้ตามความเห็นผมแล้ว

ผมว่าเหมาะสำหรับวีไอเป็นอย่างยิ่ง
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6447
ผู้ติดตาม: 0

อย่าเพิ่งเชื่อเรื่อง โลกร้อน

โพสต์ที่ 5

โพสต์

นึกถึงเรื่องปลูกป่าที่หน่วยงานผมเลยครับ

สักแต่ว่าปลูก รับโควต้ามาว่าต้องปลูกกี่ต้น หาที่ปลูกก็ยาก เพราะไม่ค่อยมีที่ว่างแล้ว ครั้งแรกก็เอากันง่ายเลย ปลูกในป่า ใต้ต้นไม้ใหญ่นั้นละ แสงแดดก็ไม่มี แล้วจะไปโตได้อย่างไร  

ครั้งที่สอง รับโควต้ามาอีกแล้ว มีทีว่างตรงไหนก็ขุดและปลูกทันที ไม่ว่าจะเป็นสนามที่สวยงาม   ริมถนน หรือเช่นเคยใต้ต้นไม้ใหญ่


ไม่รู้ว่าเป็นแฟชั่นหรือเปล่า แต่ผมบอกภรรยาว่านี่เป็นการ ผลาญเงินแผ่นดิน
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
แผ่วเบา
Verified User
โพสต์: 391
ผู้ติดตาม: 0

อย่าเพิ่งเชื่อเรื่อง โลกร้อน

โพสต์ที่ 6

โพสต์

เห็นด้วยกับพี่ลูกอิสานครับ

เราใช้เงินมหาศาลจริงๆกับเรื่องนี้
และส่งผลกระทบระยะยาวอีกมากมายเพียงใด
ถ้ากลายเป็นเรื่องทำนองเดียวกับ y2k
คงพูดไม่ออกเลยครับ

จำนวนเงินมหาศาลขนาดนี้
ถ้าเจียดมาสัก 1/10,000
ผมว่าจะได้เงินก้อนมหึมา
เอาไปพิสูจน์กันซักก่อนว่าโลกร้อนจริงไหม
เป็นผลจาก co2 จริงไหม
เอาให้ได้คำตอบชัดๆแจ่มแจ้งแดงแจ๋ก่อนไม่ดีหรือ
sattaya
Verified User
โพสต์: 1372
ผู้ติดตาม: 0

อย่าเพิ่งเชื่อเรื่อง โลกร้อน

โพสต์ที่ 7

โพสต์

แต่ผมกลับมองว่าเป็นเรื่องที่ดีนะครับ

การที่เรารณรงค์ประหยัดน้ำมัน ผลที่ได้ไม่ได้มีเพียงลด co2 แต่ยังลดการนำเข้าน้ำมัน

การที่เราช่วยกันปลูกป่า ก็เป็นเรื่องที่ดี ถ้าจะผิดก็ตรงที่วิธีการที่เรานำไปใช้ต่างหาก
สติมา ปัญญาเกิด
...
Verified User
โพสต์: 1817
ผู้ติดตาม: 0

อย่าเพิ่งเชื่อเรื่อง โลกร้อน

โพสต์ที่ 8

โพสต์

sattaya เขียน:แต่ผมกลับมองว่าเป็นเรื่องที่ดีนะครับ

การที่เรารณรงค์ประหยัดน้ำมัน ผลที่ได้ไม่ได้มีเพียงลด co2 แต่ยังลดการนำเข้าน้ำมัน

การที่เราช่วยกันปลูกป่า ก็เป็นเรื่องที่ดี ถ้าจะผิดก็ตรงที่วิธีการที่เรานำไปใช้ต่างหาก
เห็นด้วยครับ
แมงเม่าบินเข้ากลางใจ
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

อย่าเพิ่งเชื่อเรื่อง โลกร้อน

โพสต์ที่ 9

โพสต์

... เขียน: เห็นด้วยครับ
พี่หนูหื่นว่าไง ผมว่าตามครับ
พลาดท่า ... ไปแล้วนี่นา  :oops:
"Winners never quit, and quitters never win."
kigkigkik
Verified User
โพสต์: 18
ผู้ติดตาม: 0

อย่าเพิ่งเชื่อเรื่อง โลกร้อน

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ที่ร้อน คือส่วนนึงมาจากโอโซนถูกทำลายคับซึ่งถือว่ากระทบน้อยมาก ที่ร้อนจัดๆมาจากก๊าซ ซีโอทู คับมันทำหน้าที่เสมือนกระจกห่อหุ้มโลกไว้ครับ เหตุที่แสงผ่านกระจกแล้วให้อุณหภูมิ สูงขึ้น เพราะแสงเมื่อผ่านกระจกจะถูกกระจกเปลี่ยนความยาวคลื่นคับ กลายเป็นคลื่นความร้อนและไม่สามารถสะท้อนพื้นโลกกลับออกไปได้ครับ คือมันกลับขึ้นไปชนกระจกมันก็เด้งไปเด้งมาบนพื้นโลกของเราเต็มๆคับ ทำให้โลกร้อน สรุป ก๊าซ ซีโอทู ทำหน้าที่เป็นกระบนชั้นบรรยากาศ จึงทำให้คลื่นแสงธรรมดา(ร้อนนิดๆไม่มากมาย)กลายเป็นคลื่นที่ให้พลังงานความร้อนคับ แล้วยังทำให้คลื่นความร้อนนี้ไม่สามารถสะท้อนออกไปนอกชั้นบรรยากาศของโลกได้ คือ เด้งไปเด้งมาบนพื้นโลกครับ และสาเหตุหลักที่ทำให้มีก๊าซ ซีโอทู คงไม่ต้อง บอกกันคงรู้ๆกันดีแล้วว่ามาจากการเผาไหม้
(น้ำมันนะตัวดี) มีการนำประโยชน์จากกระจกไปใช้ในเรื่องเทคโนโลยีท่อความร้อนอย่างแพร่หลายครับ (พวกพลังงานแสงอาทิตย์ที่ไม่ใช่โซล่าเซลล์ ไม่ใช่จานพาลาโบล่าโค้งรวมแสง) มันร้อนขึ้นมากจริงๆนะครับถ้ามีกระจกสักอันมาวางให้แสงผ่าน สามารถทำให้ท่อส่วน evap(ส่วนทำระเหยสารทำงาน ) พังได้เลยนะครับ ยังไงๆก๊าซ ซีโอทู ก็เป็นเหมือนฟิล์มกระจกที่ติดบนชั้นบรรยากาศ ทำให้โลกร้อนได้มากจริงๆ แล้วมันก็มาจากการใช้นำมันจริงๆครับ แต่อีก30-40 ปีข้างหน้าน้ำมันก้อจะเกือบหมดโลกแล้ว(จาการสำรวจ เค้าคงลืมมาสำรวจที่ไทยนะคับ ตอนนี้ เพชรบูรณ์ มีบ่อน้ำมันผลิตน้ำมันได้ มากอยู่นะครับ) พอไม่มีแหล่งพลังงานน้ำมันมาเผาไหม้ ปล่อยก๊าซพวกนี้ ปรากฏการเรือนกระจกคงหมดไปโลกก็เย็นลงเองแหละคับ เหอะๆ อีก 30-40 ปี โลกจ๋าสู้ๆ
hot
Verified User
โพสต์: 6853
ผู้ติดตาม: 0

อย่าเพิ่งเชื่อเรื่อง โลกร้อน

โพสต์ที่ 11

โพสต์

สำคัญเรามีชีวิตยืนยาวได้เห็นสุดท้ายหรือเปล่านะ
Stock Broker
Verified User
โพสต์: 2509
ผู้ติดตาม: 0

Re: อย่าเพิ่งเชื่อเรื่อง โลกร้อน

โพสต์ที่ 12

โพสต์

laku เขียน:วิชามารในการหลอกล่อนั้นมักทำใน 3 ด้าน ได้แก่ การล่อด้วยความกลัว ถึงผลร้ายของการเกิดโลกร้อนจนเกินจริง การล่อด้วยความน่ารัก น่าสงสารของคน สัตว์และสิ่งของเพื่อให้คล้อยตาม และสุดท้ายที่ถือเป็น หมัดเด็ด ในการปิดปากผู้ใฝ่รู้ความจริงก็คือการป้ายสีพวกเขาว่าเป็นผู้ไม่หวังดีต่อโลก เราจึงควรมีการวินิจฉัยด้วยตนเองให้ชัดเจนตามหลักธรรมกาลมสูตร <19> ก่อนที่จะเชื่ออะไรง่าย ๆ

นักเคลื่อนไหวทางสังคมที่อาศัยความไม่รู้ของประชาชน มาหลอกให้คนตื่นกลัวเรื่องโลกร้อน แสดงถึงการขาดจรรยาบรรณของการศึกษาวิจัยเป็นอย่างยิ่ง บุคคลเหล่านี้เห็นชาวบ้านเป็นดั่งวัวควายที่อธิบายกันดีๆ ไม่ได้ ผู้ที่กล้าพูดความจริงบางส่วนเพื่อให้ตนได้รับความเชื่อถือนับเป็นผู้ที่น่ากลัว
เรื่องวิชามารคล้ายๆ กันนี้ ตอนนี้ก็เป็นกระแสฮิตกันอยู่ในบ้านเราครับ
chode
Verified User
โพสต์: 590
ผู้ติดตาม: 0

อย่าเพิ่งเชื่อเรื่อง โลกร้อน

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ตราบใดที่อเมริกาและออสเตรเลียไม่ลดการปล่อยก๊าซco2

แต่กลับบอกให้จีนและประเทศที่มีผู้บริหารขอบเอาหน้า(ไทย)ลดการปล่อยก๊าซco2
เพื่อเพิ่มต้นทุนของการผลิตสินค้า
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

อย่าเพิ่งเชื่อเรื่อง โลกร้อน

โพสต์ที่ 14

โพสต์

คิดถึงเรื่อง Y2K ซะจริงๆ   :lol:
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
kornjackrit
Verified User
โพสต์: 1524
ผู้ติดตาม: 0

อย่าเพิ่งเชื่อเรื่อง โลกร้อน

โพสต์ที่ 15

โพสต์

อ่า ต้องยอมรับว่าผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย -*-

เป็นอีกแง่มุมที่น่าสนใจมากครับ

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าบางที สหรัฐ รณรงค์เรื่องโลกร้อน
แต่ประเทศตัวเองกลับปล่อยก็าซพิษมากกว่าประเทศอื่นๆ
ึซึ่งเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าสิ่งที่ สหรัฐ รณรงค์นั้นอาจจะ
ไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงเท่าที่คิด

:?  :?  :?

ขอบคุงสำหรับการแบ่งปันครับ
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 0

Re: อย่าเพิ่งเชื่อเรื่อง โลกร้อน

โพสต์ที่ 16

โพสต์

CO2 ตัวการสำคัญยุติยุคน้ำแข็ง

จากการศึกษาครั้งใหม่ของนักวิทยาศาสตร์ ทำให้ทราบว่า คาร์บอนไดออกไซด์คือตัวการหลักที่ทำให้ยุคน้ำแข็งครั้งล่าสุดนั้นสิ้นสุดลง จากการเก็บข้อมูลของแกนน้ำแข็งทั่วโลก
เมื่อ 10,000 - 20,000 ปีก่อนนั้น โลกเพิ่งจะพ้นจากยุคน้ำแข็ง ที่น้ำแข็งเริ่มแตกหักและอุณหภูมิโลกเริ่มอุ่นขึ้น แต่สาเหตุที่ทำให้โลกออกจากยุคน้ำแข็งนั้น ก่อนหน้านี้ยังไม่มีใครทราบแน่ชัด จนกระทั่งล่าสุด ก็มีหลักฐานจากแกนน้ำแข็งที่ตัดมาจากทวีปแอนตาร์ติกาที่มีฟองอากาศอยู่ภายใน ซึ่งฟองอากาศนี้เองเป็นเหมือนแคปซูลเวลาที่ทำให้เราทราบถึงสภาพภูมิอากาศในครั้งอดีตกาลได้

หลังจากที่นักวิทยาศาสตร์เคยติดตามระดับของคาร์บอนไดออกไซด์ก็พบว่า ปริมาณความเข้มข้นของคาร์บอนจะเพิ่มขึ้นหลังจากที่อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นไปแล้ว แต่อะไรเกิดขึ้นก่อนหลังนั้นก็ยังมีคนสงสัยอยู่ และจากผลการศึกษาระบุว่า ข้อมูลจากแอนตาร์กติกานั้นไม่ได้สอดคล้องกับหลักการที่ว่าเลย

การศึกษาครั้งนี้ได้ศึกษาแกนน้ำแข็ง 80 แกน และตัวอย่างเศษน้ำแข็งจากกรีนแลนด์ ก้นทะเลสาบ และท้องทะเลจากทุกทวีป ซึ่งข้อมูลที่ได้มาได้บอกนักวิทยาศาสตร์ว่า เมื่อความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำให้น้ำแข็งเริ่มละลายโดยตรง แต่มันก็เป็น"ต้นเหตุ"ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนในช่วงเวลาดังกล่าว จนน้ำแข็งเริ่มละลาย

"เมื่อใช้ข้อมูลนี้กับอุณหภูมิทั่วโลก เราก็ได้เห็นว่า มีความสัมพันธ์กันระหว่างคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นกับการยุติของยุคน้ำแข็ง" ดร.เฌเรมี่ ชาคุน แห่งมหาวิทยาลัยฮาเวิร์ด สหรัฐอเมริกากล่าว "การเพิ่มขึ้นของคาร์บอนไดออกไซด์มีผลต่ออุณหภูมิทั่วโลก ซึ่งคุณก็น่าจะคาดได้ว่า คาร์บอนไดออกไซด์นี่แหละที่เป็นสาเหตุทำให้โลกอุ่นขึ้น" การศึกษาครั้งนี้ถือว่าหักล้างกับความเชื่อเดิมของนักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อว่า เหตุที่ยุคน้ำแข็งสิ้นสุดเพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงวงโคจร จนโลกมาอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น ทำให้โลกอุ่นขึ้น

"จากการศึกษาของเราแสดงให้เห็นว่า คาร์บอนไดออกไซด์เป็นปัจจัยที่สำคัญมากกว่าและก็เป็นปัจจัยจริงๆที่ทำให้โลกอุ่นขึ้นในช่วงที่น้ำแข็งเริ่มละลายทั่วโลกครั้งล่าสุด ส่วนการเปลี่ยนแปลงการโคจรของโลกนั้นก็อาจจะช่วยเร่ง เป็นตัวช่วยเสริม แต่ก็ไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญ" ดร.ชาคุนและทีมงานได้ตั้งทฤษฎีว่า การเปลี่ยนแปลงวงโคจรนี้น่าจะทำให้แสงแดดมาตกที่ซีกโลกเหนือมากขึ้นในช่วง 21,500 - 19,000 ปีก่อน ทำให้แผ่นน้ำแข็งเริ่มละลาย ทำให้น้ำแข็งกว่าพันล้านตันละลายเป็นน้ำไหลลงสู่ทะเลแอตแลนติกเหนือ กระแสน้ำเย็นที่ไหลลงมหาสมุทรแอตแลนติกทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนแปลง เกิดเป็น conveyor belt ที่รู้จักกันดี ซึ่งหมายถึง กระแสน้ำอุ่นจะไหลอยู่บนผิวของน้ำพุ่งไปทางทิศเหนือ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นกระแสน้ำเย็น ไหลอยู่ใต้น้ำพุ่งไปทางทิศใต้ เหตุการณ์เช่นนี้ก็ทำให้มหาสมุทรทางใต้เริ่มอุ่นขึ้น ก่อให้เกิดลม และน้ำแข็งในทะเลก็เริ่มละลาย และข้อมูลของคาร์บอนไดออกไซด์ที่มหาสมุทรดูดซับเอาไว้ก็เก็บข้อมูลตรงจุดนี้ได้เป็นอย่างดี

"คาร์บอนไดออกไซด์คือส่วนสำคัญที่ให้โลกออกจากยุคน้ำแข็งครั้งล่าสุด และใช้เวลาเป็นหมื่นปีกว่าจะออกมาได้สำเร็จ" ดร.ชาคุนชี้ "ตอนนี้ ระดับคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว แต่ครั้งนี้จะมีผลจากการเพิ่มขึ้นของคาร์บอนไดออกไซด์โดยใช้เวลาเพียง 200 ปีเท่านั้น ตอนนี้พอจะเห็นสัญญาณที่เกิดขึ้นบนดาวเคราะห์ดวงนี้บ้างแล้วนะ"
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
โพสต์โพสต์