ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 2
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสียงตาย
หรือ
คนที่มาออกกำลังกายบางคน มีความเสี่ยงอยู่แล้ว
ยิ่งนักกีฬา ดังๆ พอตายขึ้นมา ก็กลายเป็น สรุปว่า ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
ความคิดนี้ อันตรายมาก จริงๆแล้วโดยรวม การออกกำลังกาย แต่พอดี ก็น่าจะดีกว่าไม่ออกกำลังกาย
ส่วนนักกีฬาอาชีพ เล่นเพื่อ ลาภ ยศ สรรเสริญ
พวกนี้จะฝึกเกินกำลังความเป็นมนุษย์ ยิ่งผิดมนุษย์ ยิ่งเก่ง และได้รับการยกย่องมาก
ร่างกายเวลาออกกำลังเกิน จะเกิดความเมื่อยล้ามาก เพราะว่า กลไกปกติ ของการออกกำลังกาย ร่างกายใช้ ออกซิเจน ที่เรียกว่า ออกซิเดชั่น
แต่เมื่อเราใช้กำลังมาเกินจากปกติ ทำให้ร่างกาย จำเป็นต้องใช้ ปฎิกิริยา ที่ไม่ใช้ออกซิเจน ซึ่ง ขบวนการการใช้พลักงานสำรองตรงนี้ ทำให้เกิดกรด แลคติก ซึ่งกรดนี้ จะทำให้ร่างกายเมื่อย ( คงเป็นการเตือนว่า คุณกำลังใช้ร่างกายเกินปกติ )
เรื่องนี้ผมสรุปได้ว่า หากเราออกกำลังกายอยู่ในทางสายกลาง คือ ออกกำลังกายแบบพอดี โดยสังเกตุจากไม่เมื่อยล้า มากเกินไปหลังจากออกกำลังกาย
ผมว่า ดีกว่าการไม่ออกกำลังกายแน่นอน
หรือ
คนที่มาออกกำลังกายบางคน มีความเสี่ยงอยู่แล้ว
ยิ่งนักกีฬา ดังๆ พอตายขึ้นมา ก็กลายเป็น สรุปว่า ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
ความคิดนี้ อันตรายมาก จริงๆแล้วโดยรวม การออกกำลังกาย แต่พอดี ก็น่าจะดีกว่าไม่ออกกำลังกาย
ส่วนนักกีฬาอาชีพ เล่นเพื่อ ลาภ ยศ สรรเสริญ
พวกนี้จะฝึกเกินกำลังความเป็นมนุษย์ ยิ่งผิดมนุษย์ ยิ่งเก่ง และได้รับการยกย่องมาก
ร่างกายเวลาออกกำลังเกิน จะเกิดความเมื่อยล้ามาก เพราะว่า กลไกปกติ ของการออกกำลังกาย ร่างกายใช้ ออกซิเจน ที่เรียกว่า ออกซิเดชั่น
แต่เมื่อเราใช้กำลังมาเกินจากปกติ ทำให้ร่างกาย จำเป็นต้องใช้ ปฎิกิริยา ที่ไม่ใช้ออกซิเจน ซึ่ง ขบวนการการใช้พลักงานสำรองตรงนี้ ทำให้เกิดกรด แลคติก ซึ่งกรดนี้ จะทำให้ร่างกายเมื่อย ( คงเป็นการเตือนว่า คุณกำลังใช้ร่างกายเกินปกติ )
เรื่องนี้ผมสรุปได้ว่า หากเราออกกำลังกายอยู่ในทางสายกลาง คือ ออกกำลังกายแบบพอดี โดยสังเกตุจากไม่เมื่อยล้า มากเกินไปหลังจากออกกำลังกาย
ผมว่า ดีกว่าการไม่ออกกำลังกายแน่นอน
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 3
ต้องยืนยันให้ได้ก่อน ว่า เป็นอะไรตายครับ
บางทีก็ไม่เกี่ยวกับการออกกำลังกาย
หรือบางคนที่หัวใจวายตายคาสนาม แล้วรู้ได้ยังไงว่า ถ้าไม่ออกกำลังกาย เค้าอาจจะตายก่อนหน้านี้แล้วก็ได้
ส่วนโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด บางทีไม่ได้เกิดจาก chol อ้วน บุหรี่ ฯลฯ อย่างเดียว บางคนไป cath (ฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ) ก็พบว่าไม่ตีบ ก็โทษกันไปว่า มัน spasm เป็นโรคโน้นโรคนี้ มีชื่อโรคเหมือนกัน
ตอนที่นักบอลอาชีพล่าสุดที่ตายคาสนามก็มีคนไข้ถามเหมือนกัน
หมอโง่ๆ อย่างผม ก็ตอบไปว่า.......
1. ที่เป็นโรคตาย ส่วนมากเป็นจาก ปัจจัยเสี่ยงหลายๆ อย่าง เราเคยคุยกันแล้ว ทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบตัน (เห็นทั่วไป เดินไปมาแทบชนกันหัวแตก) ซึ่งการออกกำลังกาย ช่วยให้ห่างจากภาวะนี้ได้ แน่นอน และทำให้ชีวิต ยืนยาว อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี
กับ.....
2. เป็นโรคแปลกๆ ที่ แทบจะนับคนเป็นได้ (ที่ออกข่าว) แล้วโทษกันไปว่า ออกกำลังหนักไป เลยตาย
ถ้าท่านไม่รู้ว่าจะอยู่ในกลุ่มใน ท่านจะเลือกอย่างไรครับ :?
บางทีก็ไม่เกี่ยวกับการออกกำลังกาย
หรือบางคนที่หัวใจวายตายคาสนาม แล้วรู้ได้ยังไงว่า ถ้าไม่ออกกำลังกาย เค้าอาจจะตายก่อนหน้านี้แล้วก็ได้
ส่วนโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด บางทีไม่ได้เกิดจาก chol อ้วน บุหรี่ ฯลฯ อย่างเดียว บางคนไป cath (ฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ) ก็พบว่าไม่ตีบ ก็โทษกันไปว่า มัน spasm เป็นโรคโน้นโรคนี้ มีชื่อโรคเหมือนกัน
ตอนที่นักบอลอาชีพล่าสุดที่ตายคาสนามก็มีคนไข้ถามเหมือนกัน
หมอโง่ๆ อย่างผม ก็ตอบไปว่า.......
1. ที่เป็นโรคตาย ส่วนมากเป็นจาก ปัจจัยเสี่ยงหลายๆ อย่าง เราเคยคุยกันแล้ว ทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบตัน (เห็นทั่วไป เดินไปมาแทบชนกันหัวแตก) ซึ่งการออกกำลังกาย ช่วยให้ห่างจากภาวะนี้ได้ แน่นอน และทำให้ชีวิต ยืนยาว อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี
กับ.....
2. เป็นโรคแปลกๆ ที่ แทบจะนับคนเป็นได้ (ที่ออกข่าว) แล้วโทษกันไปว่า ออกกำลังหนักไป เลยตาย
ถ้าท่านไม่รู้ว่าจะอยู่ในกลุ่มใน ท่านจะเลือกอย่างไรครับ :?
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 4
ผนังหัวใจหนานี่จะเกี่ยวกับความดันสูงรึเปล่าครับ 

Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 5
อืมมม
อ่านผ่านไป
ผนังหัวใจหนา คงหมายถึง cardiac hypertrophy รึเปล่าครับ??
ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ถ้าใช่ สาเหตุที่พบบ่อย ก็ ความดันโลหิตสูงอย่างพี่ริวว่า (รอบรู้จริงๆ)
ส่วนที่ว่า หมอโรคหัวใจ เรียก หทัยแพทย์ จริงครับ
มีศัพท์ แปลกๆ อีกมาก
แต่สมัยเรียน เคยติดใจ คือ น้ำในเยื่อหุ้มปอด
ตำราศัลยศาสตร์ เล่มเก่าๆ เรียก "อุทกในอุรา"
อ่านผ่านไป
ผนังหัวใจหนา คงหมายถึง cardiac hypertrophy รึเปล่าครับ??
ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ถ้าใช่ สาเหตุที่พบบ่อย ก็ ความดันโลหิตสูงอย่างพี่ริวว่า (รอบรู้จริงๆ)
ส่วนที่ว่า หมอโรคหัวใจ เรียก หทัยแพทย์ จริงครับ
มีศัพท์ แปลกๆ อีกมาก
แต่สมัยเรียน เคยติดใจ คือ น้ำในเยื่อหุ้มปอด
ตำราศัลยศาสตร์ เล่มเก่าๆ เรียก "อุทกในอุรา"
-
- Verified User
- โพสต์: 391
- ผู้ติดตาม: 0
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 7
ผมชอบแนวคิดพี่ฉัตรครับ เพราะกล้าคิดนอก paradagm เดิม
ของเดิมนั้นเราได้ยินได้เห็นมาตลอดชีวิตว่า ออกกำลังกายกันเถิด เพราะทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนยาว
แต่จากสถิติอายุขัยของประชากรทั่วโลก พบตรงกันว่าผู้หญิงจะอายุยืนยาวกว่าผู้ชาย
และก็พบเช่นเดียวกันว่าผู้หญิงออกกำลังกายน้อยกว่าผู้ชายโดยเฉลี่ย
ถามว่า ถ้าจับข้อมูลสองอย่างนี้ไปทำ correlation test ผลจะเป็นอย่างไร
ผลก็จะออกมาว่าการออกกำลังกายทำให้อายุสั้นกว่า อันนี้เป็นผลหยาบๆที่ใช้แค่สองตัวแปร
แต่มีตัวแปรอื่นที่ทำให้คนเราอายุสั้นได้เช่น อุบัติเหตุ สุรา บุหรี่ และอื่นๆอีกมากมาย และผู้ชายมักจะสัมผัสสิ่งเหล่านี้มากกว่าผู้หญิง จึงเป็นสาเหตุให้ผู้ชายมีอายุขัยสั้นกว่าผู้หญิง
ดังนั้นแนวคิดที่ว่า ออกกำลังกายทำให้อายุยืน ก็ยังมีเหตุผลอยู่
แต่ตามความเห็นผมนั้น ผมว่านอกจากข้อมูลคุณภาพ(ออก/ไม่ออกกำลัง)แล้วเราควรจะพิจารณาข้อมูลปริมาณ(ไม่ออก/ออกน้อย/ออกปานกลาง/ออกมาก/ออกมากที่สุด)เข้าไปด้วยจึงจะตัดสินได้ชัดเจน
ความเห็นผม ผมว่าการออกกำลังกายที่พอดีๆ น่าจะให้ประสิทธิภาพสูงสุดต่อสุขภาพและอายุขัย แต่พอดีนี้ก็ไม่เท่ากันในแต่ละคนเพราะแต่ละคนไม่เหมือนกัน การกำหนดจุดพอดีๆจึงเป็นเรื่องยาก
กีฬาหลายๆอย่างก็เป็นผลเสียต่อสุขภาพ
ยกน้ำหนักเป็นการออกกำลังกายที่เน้นหนักในเรื่อง isometric ซึ่งจะสู้การออกกำลังกายแบบ isotomic ไม่ได้ จึงมักจะเห็นนักยกน้ำหนักมีปัญหาในเรื่องกล้ามเนื้อ ไขข้อ มากกว่ากีฬาประเภทอื่น
กีฬาชกมวยก็ไม่ใช่เล่น เพราะมีการบาดเจ็บร่วมด้วยไม่ใช่น้อย และเมื่ออายุมากๆเข้าก็มีนักมวยจำนวนไม่น้อยที่สมองเสื่อมก่อนวัยอันควรเพราะโดนกระแทกที่ศรีษะบ่อยๆ
นักฟุตบอลจะได้ประโยชน์จากกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ระบบหัวใจที่ดี แต่ระบบข้อต่อต่างๆจะไม่ดี บางทีก็บาดเจ็บที่ระบบกล้ามเนื้อบ่อยๆ
ว่ากันว่ากีฬาว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ให้ประสิทธิภาพกีฬาหนึ่งเพราะไม่ต้องปะทะกับใครและได้ประสิทธิผลทุกระบบ ทั้งหัวใจ หายใจ กล้ามเนื้อ ไขข้อ
การวิ่งมาราธอนก็ได้ประโยชน์กับหัวใจ หายใจ แต่มีความเสี่ยงที่ระบบกล้ามเนื้อและไขข้อถ้าเกิดอุบัติเหตุ(ว่ายน้ำเสี่ยงน้อยกว่าเพราะมีน้ำช่วยดูดซับแรงกระแทก)
แต่การวิ่งมาราธอนนั้นมีข้อเสียที่เจอได้บ่อยก็คือ ใบหน้ามักจะแก่เกินวัยเนื่องจากใช้เวลานานและมีการสูญเสียน้ำค่อนข้างมากทำให้หน้าเหี่ยวกว่านักกีฬาประเภทอื่น หรืออาจจะเป็นเพราะคนอ้วนๆไม่นิยมเอง ส่วนใหญ่ก็เป็นคนเพรียวๆที่ชื่นชอบ
มียกเว้นอยู่คนเดียวที่เป็นนักวิ่งมาราธอนแต่ใบหน้าอ่อนกว่าวัยก็พี่พอใจนี่เอง ไม่รู้ว่ามีเคล็ดลับอย่างไรเหมือนกันครับ
ของเดิมนั้นเราได้ยินได้เห็นมาตลอดชีวิตว่า ออกกำลังกายกันเถิด เพราะทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนยาว
แต่จากสถิติอายุขัยของประชากรทั่วโลก พบตรงกันว่าผู้หญิงจะอายุยืนยาวกว่าผู้ชาย
และก็พบเช่นเดียวกันว่าผู้หญิงออกกำลังกายน้อยกว่าผู้ชายโดยเฉลี่ย
ถามว่า ถ้าจับข้อมูลสองอย่างนี้ไปทำ correlation test ผลจะเป็นอย่างไร
ผลก็จะออกมาว่าการออกกำลังกายทำให้อายุสั้นกว่า อันนี้เป็นผลหยาบๆที่ใช้แค่สองตัวแปร
แต่มีตัวแปรอื่นที่ทำให้คนเราอายุสั้นได้เช่น อุบัติเหตุ สุรา บุหรี่ และอื่นๆอีกมากมาย และผู้ชายมักจะสัมผัสสิ่งเหล่านี้มากกว่าผู้หญิง จึงเป็นสาเหตุให้ผู้ชายมีอายุขัยสั้นกว่าผู้หญิง
ดังนั้นแนวคิดที่ว่า ออกกำลังกายทำให้อายุยืน ก็ยังมีเหตุผลอยู่
แต่ตามความเห็นผมนั้น ผมว่านอกจากข้อมูลคุณภาพ(ออก/ไม่ออกกำลัง)แล้วเราควรจะพิจารณาข้อมูลปริมาณ(ไม่ออก/ออกน้อย/ออกปานกลาง/ออกมาก/ออกมากที่สุด)เข้าไปด้วยจึงจะตัดสินได้ชัดเจน
ความเห็นผม ผมว่าการออกกำลังกายที่พอดีๆ น่าจะให้ประสิทธิภาพสูงสุดต่อสุขภาพและอายุขัย แต่พอดีนี้ก็ไม่เท่ากันในแต่ละคนเพราะแต่ละคนไม่เหมือนกัน การกำหนดจุดพอดีๆจึงเป็นเรื่องยาก
กีฬาหลายๆอย่างก็เป็นผลเสียต่อสุขภาพ
ยกน้ำหนักเป็นการออกกำลังกายที่เน้นหนักในเรื่อง isometric ซึ่งจะสู้การออกกำลังกายแบบ isotomic ไม่ได้ จึงมักจะเห็นนักยกน้ำหนักมีปัญหาในเรื่องกล้ามเนื้อ ไขข้อ มากกว่ากีฬาประเภทอื่น
กีฬาชกมวยก็ไม่ใช่เล่น เพราะมีการบาดเจ็บร่วมด้วยไม่ใช่น้อย และเมื่ออายุมากๆเข้าก็มีนักมวยจำนวนไม่น้อยที่สมองเสื่อมก่อนวัยอันควรเพราะโดนกระแทกที่ศรีษะบ่อยๆ
นักฟุตบอลจะได้ประโยชน์จากกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ระบบหัวใจที่ดี แต่ระบบข้อต่อต่างๆจะไม่ดี บางทีก็บาดเจ็บที่ระบบกล้ามเนื้อบ่อยๆ
ว่ากันว่ากีฬาว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ให้ประสิทธิภาพกีฬาหนึ่งเพราะไม่ต้องปะทะกับใครและได้ประสิทธิผลทุกระบบ ทั้งหัวใจ หายใจ กล้ามเนื้อ ไขข้อ
การวิ่งมาราธอนก็ได้ประโยชน์กับหัวใจ หายใจ แต่มีความเสี่ยงที่ระบบกล้ามเนื้อและไขข้อถ้าเกิดอุบัติเหตุ(ว่ายน้ำเสี่ยงน้อยกว่าเพราะมีน้ำช่วยดูดซับแรงกระแทก)
แต่การวิ่งมาราธอนนั้นมีข้อเสียที่เจอได้บ่อยก็คือ ใบหน้ามักจะแก่เกินวัยเนื่องจากใช้เวลานานและมีการสูญเสียน้ำค่อนข้างมากทำให้หน้าเหี่ยวกว่านักกีฬาประเภทอื่น หรืออาจจะเป็นเพราะคนอ้วนๆไม่นิยมเอง ส่วนใหญ่ก็เป็นคนเพรียวๆที่ชื่นชอบ
มียกเว้นอยู่คนเดียวที่เป็นนักวิ่งมาราธอนแต่ใบหน้าอ่อนกว่าวัยก็พี่พอใจนี่เอง ไม่รู้ว่ามีเคล็ดลับอย่างไรเหมือนกันครับ

- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 8
8) ใช้สิทธิพาดพิงครับ
ผมยังไม่ถึงมาราธอนครับ ได้แค่ฮาล๋ฟ
เคยลองมาราธอนครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าไม่ผ่าน
ยิ่งพี่แผ่วมาพูดอย่างนี้ ผมยิ่งไม่คิดไปสานต่อ
เพราะทุกวันนี้ก็ย่นพออยู่แล้ว
เรื่องออกกำลังนี่ผมออกทุกวัน เพราะโรคภูมิแพ้มันบังคับ
ไม่ออกกำลังซักพัก
กรรมมันมาตามแล้วครับ
หายใจไม่ออก น้ำมูกท่วม
พอออกทุกวันก็หายไป ก็เลยเหมือนไฟท์บังคับ
หลังๆ ก็เริ่มเบื่อเล่นแบดเหมือนกัน
พรรคพวกมือหนักๆทั้งนั้น
ผมคนแก่เล่นแล้วเหนื่อยเกินไป อย่างพี่ฉัตรว่า
พอดีชักชวนพรรคพวกในเวบไปเล่นด้วย
มือใหม่กันซะมาก อย่างนี้พอได้ครับ
เล่นแค่เอาเหงื่อออกชุ่มๆ อย่างนี้ชอบครับ
หรือวิ่งจ๊อกกิ้งนี่ก็เช่นกัน
ถ้าเราวิ่งแบบประมาณตัวเอง
แล้วก่อนวิ่ง stretch เยอะๆ วอร์มอัพ วอร์มดาวน์เยอะๆ
เจ็บยากครับ
ส่วนตัวแล้วก็คิดว่าออกกำลังนี่ดีแน่นอน
ถึงไม่เป็นภูมิแพ้ก็เหอะ
แต่ต้องพอดีๆ
ผมยังไม่ถึงมาราธอนครับ ได้แค่ฮาล๋ฟ
เคยลองมาราธอนครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าไม่ผ่าน
ยิ่งพี่แผ่วมาพูดอย่างนี้ ผมยิ่งไม่คิดไปสานต่อ
เพราะทุกวันนี้ก็ย่นพออยู่แล้ว
เรื่องออกกำลังนี่ผมออกทุกวัน เพราะโรคภูมิแพ้มันบังคับ
ไม่ออกกำลังซักพัก
กรรมมันมาตามแล้วครับ
หายใจไม่ออก น้ำมูกท่วม
พอออกทุกวันก็หายไป ก็เลยเหมือนไฟท์บังคับ
หลังๆ ก็เริ่มเบื่อเล่นแบดเหมือนกัน
พรรคพวกมือหนักๆทั้งนั้น
ผมคนแก่เล่นแล้วเหนื่อยเกินไป อย่างพี่ฉัตรว่า
พอดีชักชวนพรรคพวกในเวบไปเล่นด้วย
มือใหม่กันซะมาก อย่างนี้พอได้ครับ
เล่นแค่เอาเหงื่อออกชุ่มๆ อย่างนี้ชอบครับ
หรือวิ่งจ๊อกกิ้งนี่ก็เช่นกัน
ถ้าเราวิ่งแบบประมาณตัวเอง
แล้วก่อนวิ่ง stretch เยอะๆ วอร์มอัพ วอร์มดาวน์เยอะๆ
เจ็บยากครับ
ส่วนตัวแล้วก็คิดว่าออกกำลังนี่ดีแน่นอน
ถึงไม่เป็นภูมิแพ้ก็เหอะ
แต่ต้องพอดีๆ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 9
กีฬาว่ายน้ำ นี่ก็เสี่ยงจมน้ำตายถ้าว่ายไม่เป็นนะครับ :lol:
เล่นพอประมาณ เล่นเพื่อสุขภาพ ดีกว่านะครับ ทุกอย่างนั่นและ
เล่นพอประมาณ เล่นเพื่อสุขภาพ ดีกว่านะครับ ทุกอย่างนั่นและ
-
- Verified User
- โพสต์: 88
- ผู้ติดตาม: 0
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 12
การจะบอกว่าคนที่ออกกำลังกายมากๆ แล้วเสี่ยงตาย คงต้องหาสาเหตุ ว่าเขาตายจากอะไรก่อนค่ะ อย่างที่ทุกท่าน discuss กัน ยังมีอีกประเด็นหนึ่ง คือเรื่อง อาหารการกิน
ทุกคนคงทราบดีว่านักกีฬา ส่วนใหญ่ มักจะอยู่ดีกินดี แต่อย่าลืมว่า เขาเป็นพวก ใช้แรงงานเยอะ ดังนั้น ตามสายตาเรา ที่เห็นกินดี แต่อาจจะไม่พอดี ก็ได้
สาเหตุการตายของนักกีฬา ที่เดิมแข็งแรงดี แต่อยู่ๆก็ตายกระทันหัน มีหมอวินิจฉัยว่า หัวใจวายตาย แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดอื่นๆ เช่น อาการบวม หอบ หัวใจโต ฯลฯว่ามีร่วมด้วยหรือไม่
เคยมีรายงานเกี่ยวกับการขาดวิตะมิน B1 ซึ่งในช่วงแรก ที่ขาด อาจไม่มีอาการอะไรเลย ( และส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีอาการเสียด้วย )
แต่ถ้ามีการใช้แรงงานหนัก หรือมีภาวะเจ็บป่วย ก็อาจทำให้อาการกำเริบกระทันหันได้ โดยมีภาวะหัวใจวาย หัวใจโต บวม หอบ ถ้าหากแพทย์ไม่ทันได้นึกถึง ( ซึ่งในต่างประเทศ พบน้อย พอพบน้อยเลยไม่นึกถึงโรคนี้ ) ผู้ป่วยจะเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว แต่หากนึกถึงและรักษาได้ทัน หัวใจจะเล็กลง หายบวม หายหอบ ภายใน 24-48 ชม.
ที่ว่านักกีฬา อยู่ดีกินดี แต่อาจไม่พอดี ก็เป็นได้จาก กินน้อยกว่าที่ใช้ หรือกินเยอะแล้ว แต่ได้รับสารอาหารที่ไปทำลายวิตะมิน B1 ก็ได้
เช่น 1. สารทำลายวิตะมิน B1 ที่อยู่ในปลาร้า หอยลาย ปลาน้ำจืด พวกนี้ถูกทำลายได้โดยความร้อน ก็ควรจะทำให้สุกก่อนทาน
2. สารทำลายวิตะมินB1 ที่ทนความร้อน อยู่ในปลาหลายชนิดทั้งน้ำจืด น้ำเค็ม ใบชา ใบเมี่ยง หมาก ผักบางอย่าง พวกนี้ถึงทำให้สุกก็ขาดวิตะมิน B1 อยู่ดี ต้องกินอาหารอื่นเสริม
โดยเฉพาะข้าวสารที่ขัดสีจนขาวน่ากิน จะมีวิตะมิน B1 เหลืออยู่น้อยมาก
อาหารที่มีวิตะมิน B1 มาก ได้แก่ เนื้อหมู ข้าวสาลี ข้าวซ้อมมือ เนื้อวัว ถั่วเหลือง
และข้อสำคัญ ถ้าเอาเนื้อสัตว์หรือข้าวสารแช่น้ำนานๆก่อนนำมาปรุง ก็ทำให้วิตะมิน B1 ละลายน้ำหายไปหมดได้ ดังนั้น โรคนี้จึงขึ้นกับแม่ครัวด้วย
http://www.rcpt.org/rcpt_boffice/images ... riberi.pdf
ทุกคนคงทราบดีว่านักกีฬา ส่วนใหญ่ มักจะอยู่ดีกินดี แต่อย่าลืมว่า เขาเป็นพวก ใช้แรงงานเยอะ ดังนั้น ตามสายตาเรา ที่เห็นกินดี แต่อาจจะไม่พอดี ก็ได้
สาเหตุการตายของนักกีฬา ที่เดิมแข็งแรงดี แต่อยู่ๆก็ตายกระทันหัน มีหมอวินิจฉัยว่า หัวใจวายตาย แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดอื่นๆ เช่น อาการบวม หอบ หัวใจโต ฯลฯว่ามีร่วมด้วยหรือไม่
เคยมีรายงานเกี่ยวกับการขาดวิตะมิน B1 ซึ่งในช่วงแรก ที่ขาด อาจไม่มีอาการอะไรเลย ( และส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีอาการเสียด้วย )
แต่ถ้ามีการใช้แรงงานหนัก หรือมีภาวะเจ็บป่วย ก็อาจทำให้อาการกำเริบกระทันหันได้ โดยมีภาวะหัวใจวาย หัวใจโต บวม หอบ ถ้าหากแพทย์ไม่ทันได้นึกถึง ( ซึ่งในต่างประเทศ พบน้อย พอพบน้อยเลยไม่นึกถึงโรคนี้ ) ผู้ป่วยจะเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว แต่หากนึกถึงและรักษาได้ทัน หัวใจจะเล็กลง หายบวม หายหอบ ภายใน 24-48 ชม.
ที่ว่านักกีฬา อยู่ดีกินดี แต่อาจไม่พอดี ก็เป็นได้จาก กินน้อยกว่าที่ใช้ หรือกินเยอะแล้ว แต่ได้รับสารอาหารที่ไปทำลายวิตะมิน B1 ก็ได้
เช่น 1. สารทำลายวิตะมิน B1 ที่อยู่ในปลาร้า หอยลาย ปลาน้ำจืด พวกนี้ถูกทำลายได้โดยความร้อน ก็ควรจะทำให้สุกก่อนทาน
2. สารทำลายวิตะมินB1 ที่ทนความร้อน อยู่ในปลาหลายชนิดทั้งน้ำจืด น้ำเค็ม ใบชา ใบเมี่ยง หมาก ผักบางอย่าง พวกนี้ถึงทำให้สุกก็ขาดวิตะมิน B1 อยู่ดี ต้องกินอาหารอื่นเสริม
โดยเฉพาะข้าวสารที่ขัดสีจนขาวน่ากิน จะมีวิตะมิน B1 เหลืออยู่น้อยมาก
อาหารที่มีวิตะมิน B1 มาก ได้แก่ เนื้อหมู ข้าวสาลี ข้าวซ้อมมือ เนื้อวัว ถั่วเหลือง
และข้อสำคัญ ถ้าเอาเนื้อสัตว์หรือข้าวสารแช่น้ำนานๆก่อนนำมาปรุง ก็ทำให้วิตะมิน B1 ละลายน้ำหายไปหมดได้ ดังนั้น โรคนี้จึงขึ้นกับแม่ครัวด้วย
http://www.rcpt.org/rcpt_boffice/images ... riberi.pdf
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 13
ออกกำลังกายแต่พอเพียง ไม่มาก/น้อยไป
ผมว่า ok นะครับ
(ขออนุญาตินำหลักการเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันนะครับ)
ผมว่า ok นะครับ
(ขออนุญาตินำหลักการเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันนะครับ)
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 14
ผมเคยมีอาการเเน่น หน้าอก น้ำหนักก็มาก ไปหาหมอ
วัดชีพจร ตรวจ echoอะไรซักอย่าง
หมอบอกว่าชีพจรเต้นต่ำไป ความดันไม่สูง
เเต่ผนังหัวใจหนา
:shock:
ปกติออกกำลังกายประจำ ถามเพื่อนที่เป็นหมอ ก็บอกว่า
ออกกำลังกายบ่อยๆ ชีพจรจะเต้นช้า หัวใจหนา
:shock:
เลยไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรกัน เเน่ เเค่คุมปัจจัยเสี่ยง
หลังๆเวลาวิ่งบนสายพานก็พยายาม ไม่หนักมาก
เอาเเค่ชีพจร 150 กลัวหัวใจวายไปซะก่อน
:roll:
วัดชีพจร ตรวจ echoอะไรซักอย่าง
หมอบอกว่าชีพจรเต้นต่ำไป ความดันไม่สูง
เเต่ผนังหัวใจหนา

ปกติออกกำลังกายประจำ ถามเพื่อนที่เป็นหมอ ก็บอกว่า
ออกกำลังกายบ่อยๆ ชีพจรจะเต้นช้า หัวใจหนา

เลยไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรกัน เเน่ เเค่คุมปัจจัยเสี่ยง
หลังๆเวลาวิ่งบนสายพานก็พยายาม ไม่หนักมาก
เอาเเค่ชีพจร 150 กลัวหัวใจวายไปซะก่อน

สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ เเละดับไปในที่สุด
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 15
รบกวนคุณหมอหน่อยครับmprandy เขียน:แต่ผนังหัวใจหนาที่คุณพี่ (หรือน้อง ไม่แน่ใจ) chatchai พูดถึงไม่ใช่ผนังหัวใจหนาธรรมดา แต่เป็นโรคพันธุกรรมที่พบน้อยชนิดหนึ่ง เรียกว่า hypertrophic cardiomyopathy (HCM, hypertrophy = overgrowth, cardio = heart, myo = muscle, pathy = abnormal รวม ๆ ก็แปลว่า abnormally increased growth of heart muscle) ผู้ป่วย HCM จะมีผนังหัวใจหนามาก และไม่สม่ำเสมอ บางรายมีการหนาตัวบริเวณทางออกของเลือดไปยังหลอดเลือดแดงใหญ่ (aorta) ใต้ลิ้นหัวใจนั้นทำให้เกิดการตีบแคบ (subaortic stenosis) ร่วมด้วย แต่การตีบแคบจะเกิดขึ้นเมื่อมีการบีบตัวของหัวใจมาก หรือมีการเปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนเลือดในหัวใจที่จำเพาะบางอย่าง เช่นภาวะที่ทำให้เลือดไหลกลับเข้าหัวใจน้อยกว่าปกติ (decreased pulmonary venous return) ผนังหัวใจที่หนานั้นไม่ใช่กล้ามเนื้อหัวใจปกติ แต่เป็นการจัดเรียงตัวของกล้ามเนื้อหัวใจสะเปะสะปะ (disarray) กระจัดกระจายทั่วไป
ผู้ป่วยมักจะดูปกติแข็งแรงดี แต่มีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตฉับพลัน (sudden death) จากหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดร้ายแรง (malignant ventricular arrhythmia) ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจทำให้การนำกระแสไฟฟ้าผิดปกติ หรือเกิดการขัดขวางการไหลเวียนเลือดจาก subaortic stenosis ที่เป็นมากขึ้น และปัจจัยอื่น ๆ (เช่นการเพิ่มขึ้นของระดับ adrenaline ซึ่งทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะเกิดง่ายขึ้น) ขณะออกกำลังกาย
ไม่ทราบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ จะมีอาการอะไรให้รู้ตัวเองไหมครับ แล้วถ้าต้องตรวจจะตรวจด้วยวิธีไหนครับ และผลที่ได้แม่นยำมากน้อยแค่ไหนครับ
ขอบคุณมากครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 16
คนไข้ HCM มักไม่มีอาการอะไรผิดปกติครับ แต่สามารถตรวจได้
การตรวจร่างกาย ถ้าหมอหัวใจเคยเห็นโรคนี้มาก่อนก็ไม่น่าพลาด (แต่ถ้าเหมือนหมอเดี๋ยวนี้ ที่แม้แต่หมอหัวใจบางคนก็ไม่ค่อยได้ใช้ Steth ฟังหัวใจเท่าไหร่ ก็อาจจะตรวจไม่เจอ)
อย่างไรก็ตาม การทำคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) จะเห็นว่ามันผิดปกติชัดเจน
พอสงสัยปุ๊บ... ก็ทำ 2D-echocardiography (การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ หรือว่าง่าย ๆ ก็อัลตราซาวนด์หัวใจ) อันนี้บอกได้แน่นอน 100%
การตรวจร่างกาย ถ้าหมอหัวใจเคยเห็นโรคนี้มาก่อนก็ไม่น่าพลาด (แต่ถ้าเหมือนหมอเดี๋ยวนี้ ที่แม้แต่หมอหัวใจบางคนก็ไม่ค่อยได้ใช้ Steth ฟังหัวใจเท่าไหร่ ก็อาจจะตรวจไม่เจอ)
อย่างไรก็ตาม การทำคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) จะเห็นว่ามันผิดปกติชัดเจน
พอสงสัยปุ๊บ... ก็ทำ 2D-echocardiography (การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ หรือว่าง่าย ๆ ก็อัลตราซาวนด์หัวใจ) อันนี้บอกได้แน่นอน 100%
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 25
8) พวกขยันขอหุ้นชาวบ้าน นี่เข้าข่ายนี้เปล่าCK เขียน:แล้วคนเป็นโรคผนังหน้าหนา มีโอกาสหายไหมครับ
ถ้าใช่...ผมต้องเพลาๆหน่อยละ
ถ้าไม่เข้าข่าย...ขอใหม่ซักตัวเถิดครับพี่โต้
uec ขายหมูไปชาตินึงแล้ว
ตอนนี้เต็มพอร์ตเลยครับ ไม่รู้ซื้ออะไรดี
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 63
- ผู้ติดตาม: 0
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 26
ผมมีคนรู้จักคนหนึ่ง เพิ่งเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทางญาติเล่าว่า
จู่ๆเขาก็แน่นหน้าอก แล้วเป็นลมหมดสติ พอไปถึงโรงพยาบาลหมอบอกว่าเสียชีวิตแล้ว
อยากทราบว่าเขาเป็นโรคหัวใจหนาหรือไม่ครับ
ปล.ถ้าพี่พอใจได้หุ้นจากพี่ชอฯช่วยบอกผมด้วยนะครับ
ทางญาติเล่าว่า
จู่ๆเขาก็แน่นหน้าอก แล้วเป็นลมหมดสติ พอไปถึงโรงพยาบาลหมอบอกว่าเสียชีวิตแล้ว
อยากทราบว่าเขาเป็นโรคหัวใจหนาหรือไม่ครับ
ปล.ถ้าพี่พอใจได้หุ้นจากพี่ชอฯช่วยบอกผมด้วยนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 27
บอกยากครับ เพราะมีหลายสาเหตุบรรได lEll เขียน:ผมมีคนรู้จักคนหนึ่ง เพิ่งเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทางญาติเล่าว่า
จู่ๆเขาก็แน่นหน้าอก แล้วเป็นลมหมดสติ พอไปถึงโรงพยาบาลหมอบอกว่าเสียชีวิตแล้ว
อยากทราบว่าเขาเป็นโรคหัวใจหนาหรือไม่ครับ
ปล.ถ้าพี่พอใจได้หุ้นจากพี่ชอฯช่วยบอกผมด้วยนะครับ
จริง ๆ ว่าจะมาเล่าต่อเรื่อง sudden death in the young แต่ยังไม่มีโอกาส เดี๋ยวคืนนี้ว่าง ๆ จะมาลงให้ละกัน
ป.ล. เฮียได้หุ้นแล้ว อย่าลืมกระซิบกันมั่งเด้อ

-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 28
สาเหตุการเสียชีวิตเฉียบพลันในคนอายุน้อยที่เดิมแข็งแรงดี มีหลากหลายครับ แต่ที่พบบ่อยมักเกี่ยวกับความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด
1. HCM
2. Marfan syndrome สองอย่างนี้พูดไปแล้ว
3. Wolff-Parkinson-White syndrome (WPW) อันนี้เป็นความผิดปกติของการนำไฟฟ้าในหัวใจ หัวใจจะมีสายนำกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกอันและผิดปกติ (anomalous pathway หรือ bypass tract) ที่เรียกว่า Kent bundle ซึ่งมีคุณสมบัตินำกระแสไฟฟ้าในหัวใจได้ไวกว่าปกติ จินตนาการคล้าย ๆ กรุงเทพ มีทางด่วนลอยฟ้าขนาด 16 ช่องจราจร ผ่ากลางกรุงเทพ ทอดยาวจากพุทธมณฑล ไปถึงสุวรรณภูมิ แถมไม่เสียค่าทางด่วน แทนที่รถจะแล่นลัดเลาะไปเรื่อย ๆ ติดไฟแดงตามสี่แยก ก็เลือกขึ้นทางด่วนกันหมด
ภาวะนี้ทำให้เสี่ยงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งเกิดขึ้นได้เฉียบพลัน
4. Arrhythmogenic right ventricular dysplasia (ARVD) arrhythmia = หัวใจเต้นผิดจังหวะ, genic = เกิดได้ หรือเป็นสาเหตุ, ventricle = หัวใจห้องล่าง, dysplasia = ความผิดปกติในเนื้อเยื่อโครงสร้าง รวมความก็แปลว่าความผิดปกติของหัวใจห้องล่างขวา และทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ภาวะนี้พบน้อย เกิดจากความผิดปกติแต่กำเนิดที่กล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างขวามีความผิดปกติ และเกิดการแทนที่ด้วยไขมัน ความผิดปกตินี้ทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดร้ายแรง และเสียชีวิตเฉียบพลันได้
5. Brugada syndrome (Brugada เป็นชื่อหมอ) อันนี้เป็นสาเหตุของ "ใหลตาย" ในผู้ป่วยบางคน เป็นภาวะที่เสี่ยงต่อการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะเหมือนกัน
6. Long QT syndrome เป็นโรคพันธุกรรม เกิดความผิดปกติของการนำกระแสไฟฟ้าในหัวใจ ทำให้ตรวจพบได้จากการทำ EKG เห็นส่วน QT ในคลื่นไฟฟ้าหัวใจยาวผิดปกติ และเสี่ยงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ บางคนอาจมีหูหนวกร่วมด้วย
7. Commotio cordis อันนี้ไม่ทราบสาเหตุ เกิดจากที่ร่างกายได้รับแรงกระแทกที่บริเวณหน้าอก ซึ่งมักจะไม่แรง (เช่น ลูกบอล) และกระตุ้นให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะทันที อันนี้จริง ๆ เกิดยาก แต่มักเป็นข่าวบ่อย ๆ โดยเฉพาะในเมืองนอก เช่น เด็กเล่นเบสบอลแล้วโดนขว้างบอลเข้าหน้าอก แล้วล้มลงหัวใจหยุดเต้นทันที
ทั้งหมดที่ว่ามาทุกข้อพบน้อย และในข้อ 1-6 สามารถตรวจพบได้จากการตรวจร่างกายของแพทย์ ร่วมกับการตรวจเพิ่มเติมบางอย่างเช่น EKG และ 2D-echocardiography ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องตื่นกลัวจนเกินเหตุ (สรุปคืออย่าเอาพวกนี้มาเป็นข้ออ้างในการไม่ยอมไปออกกำลังกายเด็ดขาด! 8) )
1. HCM
2. Marfan syndrome สองอย่างนี้พูดไปแล้ว
3. Wolff-Parkinson-White syndrome (WPW) อันนี้เป็นความผิดปกติของการนำไฟฟ้าในหัวใจ หัวใจจะมีสายนำกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกอันและผิดปกติ (anomalous pathway หรือ bypass tract) ที่เรียกว่า Kent bundle ซึ่งมีคุณสมบัตินำกระแสไฟฟ้าในหัวใจได้ไวกว่าปกติ จินตนาการคล้าย ๆ กรุงเทพ มีทางด่วนลอยฟ้าขนาด 16 ช่องจราจร ผ่ากลางกรุงเทพ ทอดยาวจากพุทธมณฑล ไปถึงสุวรรณภูมิ แถมไม่เสียค่าทางด่วน แทนที่รถจะแล่นลัดเลาะไปเรื่อย ๆ ติดไฟแดงตามสี่แยก ก็เลือกขึ้นทางด่วนกันหมด
ภาวะนี้ทำให้เสี่ยงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งเกิดขึ้นได้เฉียบพลัน
4. Arrhythmogenic right ventricular dysplasia (ARVD) arrhythmia = หัวใจเต้นผิดจังหวะ, genic = เกิดได้ หรือเป็นสาเหตุ, ventricle = หัวใจห้องล่าง, dysplasia = ความผิดปกติในเนื้อเยื่อโครงสร้าง รวมความก็แปลว่าความผิดปกติของหัวใจห้องล่างขวา และทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ภาวะนี้พบน้อย เกิดจากความผิดปกติแต่กำเนิดที่กล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างขวามีความผิดปกติ และเกิดการแทนที่ด้วยไขมัน ความผิดปกตินี้ทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดร้ายแรง และเสียชีวิตเฉียบพลันได้
5. Brugada syndrome (Brugada เป็นชื่อหมอ) อันนี้เป็นสาเหตุของ "ใหลตาย" ในผู้ป่วยบางคน เป็นภาวะที่เสี่ยงต่อการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะเหมือนกัน
6. Long QT syndrome เป็นโรคพันธุกรรม เกิดความผิดปกติของการนำกระแสไฟฟ้าในหัวใจ ทำให้ตรวจพบได้จากการทำ EKG เห็นส่วน QT ในคลื่นไฟฟ้าหัวใจยาวผิดปกติ และเสี่ยงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ บางคนอาจมีหูหนวกร่วมด้วย
7. Commotio cordis อันนี้ไม่ทราบสาเหตุ เกิดจากที่ร่างกายได้รับแรงกระแทกที่บริเวณหน้าอก ซึ่งมักจะไม่แรง (เช่น ลูกบอล) และกระตุ้นให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะทันที อันนี้จริง ๆ เกิดยาก แต่มักเป็นข่าวบ่อย ๆ โดยเฉพาะในเมืองนอก เช่น เด็กเล่นเบสบอลแล้วโดนขว้างบอลเข้าหน้าอก แล้วล้มลงหัวใจหยุดเต้นทันที
ทั้งหมดที่ว่ามาทุกข้อพบน้อย และในข้อ 1-6 สามารถตรวจพบได้จากการตรวจร่างกายของแพทย์ ร่วมกับการตรวจเพิ่มเติมบางอย่างเช่น EKG และ 2D-echocardiography ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องตื่นกลัวจนเกินเหตุ (สรุปคืออย่าเอาพวกนี้มาเป็นข้ออ้างในการไม่ยอมไปออกกำลังกายเด็ดขาด! 8) )
-
- Verified User
- โพสต์: 2032
- ผู้ติดตาม: 0
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 29
มีคำถามคุณหมอเพิ่มเติม
1. ระหว่างออกกำลังกาย แล้วหัวใจเต้นเร็ว แบบ 170 ครั้ง / นาที นี่อันตราย มั้ยครับ เราควรจะ control ให้หัวใจเต้นช้าลงกว่านี้ สัก 150 จะดีกว่ามั้ย
2. ผมสังเกต เวลาเจ็บกล้ามเนื้อ หน้าอก (muscular) ทำไมมักเป็นด้านซ้ายครับ เกี่ยวอะไรกับหัวใจ ที่อยู่ด้านในหรือเปล่า ด้านขวาไม่ค่อยเจ็บ
3. ต่อเนื่องจากข้อ 2 มีพี่วิศวะคนนึง เค้าเวลามีลม จุกเสียดในระบบทางเดินอาหาร มันจะดันอวัยวะภายใน มาถึงหัวใจ ทำให้เจ็บได้ ข้อสันนิษฐานนี้เป็นไปได้มั้ยครับ
1. ระหว่างออกกำลังกาย แล้วหัวใจเต้นเร็ว แบบ 170 ครั้ง / นาที นี่อันตราย มั้ยครับ เราควรจะ control ให้หัวใจเต้นช้าลงกว่านี้ สัก 150 จะดีกว่ามั้ย
2. ผมสังเกต เวลาเจ็บกล้ามเนื้อ หน้าอก (muscular) ทำไมมักเป็นด้านซ้ายครับ เกี่ยวอะไรกับหัวใจ ที่อยู่ด้านในหรือเปล่า ด้านขวาไม่ค่อยเจ็บ
3. ต่อเนื่องจากข้อ 2 มีพี่วิศวะคนนึง เค้าเวลามีลม จุกเสียดในระบบทางเดินอาหาร มันจะดันอวัยวะภายใน มาถึงหัวใจ ทำให้เจ็บได้ ข้อสันนิษฐานนี้เป็นไปได้มั้ยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
ยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเสี่ยงตาย
โพสต์ที่ 30
อัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดขณะออกกำลังกาย (maximal heart rate) ที่แนะนำง่าย ๆ คือเอา 200 ลบอายุครับ (บางตำราอาจจะใช้ 220) ถ้าอายุซัก 30-40 ปี หัวใจเต้น 170 ก็โอเคอยู่ปุย เขียน:มีคำถามคุณหมอเพิ่มเติม
1. ระหว่างออกกำลังกาย แล้วหัวใจเต้นเร็ว แบบ 170 ครั้ง / นาที นี่อันตราย มั้ยครับ เราควรจะ control ให้หัวใจเต้นช้าลงกว่านี้ สัก 150 จะดีกว่ามั้ย
แต่การเต้นของหัวใจจริง ๆ แค่อย่างเดียวมันไม่สำคัญเท่าไหร่ ต้องดูอย่างอื่นประกอบด้วยเช่น มีอาการอะไรผิดปกติหรือไม่ สภาพร่างกายเป็นอย่างไร ออกกำลังกายระดับนี้มานานเท่าไหร่ เป็นต้น
ไม่เกี่ยวกันหรอกครับ เป็นความบังเอิญมากกว่า อาจจะเป็นคนที่ออกแรงผ่านแขนและไหล่ซ้ายมากกว่าไหล่ขวาขณะออกกำลังกาย ผมก็เป็นเหมือนกันเวลาวิ่งจะเหวี่ยงแขนซ้ายมากกว่าขวานิดหน่อย2. ผมสังเกต เวลาเจ็บกล้ามเนื้อ หน้าอก (muscular) ทำไมมักเป็นด้านซ้ายครับ เกี่ยวอะไรกับหัวใจ ที่อยู่ด้านในหรือเปล่า ด้านขวาไม่ค่อยเจ็บ
3. ต่อเนื่องจากข้อ 2 มีพี่วิศวะคนนึง เค้าเวลามีลม จุกเสียดในระบบทางเดินอาหาร มันจะดันอวัยวะภายใน มาถึงหัวใจ ทำให้เจ็บได้