ขอรำลึกถึง สืบ นาคะเสถียร ในวาระนี้
-
- Verified User
- โพสต์: 843
- ผู้ติดตาม: 0
ขอรำลึกถึง สืบ นาคะเสถียร ในวาระนี้
โพสต์ที่ 1
1 กันยายน 2533 เมื่อเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ไขกุญแจเข้าไปในบ้านพักของสืบ นาคะเสถียร ก็พบกระดาษแผ่นหนึ่งบนเตียงนอนมีข้อความว่า ผมมีเจตนาที่จะฆ่าตัวเอง โดยไม่มีผู้ใดเกี่ยวข้องในกรณีนี้ทั้งสิ้น
ลงชื่อ สืบ นาคะเสถียร ผู้ตาย
(นายสืบ นาคะเสถียร)
31 ส.ค. 33
กระดาษอีกแผ่นหนึ่งมีข้อความว่า
ยงยุทธ
ถุงกอล์ฟ รองเท้ากอล์ฟ กล่องของของน้ำฝน กระเป๋าเอกสาร กล่องใส่เอกสาร หลักฐานต่าง ๆ กระเป๋ากุญแจบ้าน...กุญแจรถ กระเป๋าดำสารคดี ขอให้คุณยงยุทธนำคืนพร้อมรถโฟล์กให้แก่พ่อของผมด้วย โดยติดต่อ คุณสลับ นาคะเสถียร 17 หมู่ 12 ถนนปราจีนอนุสรณ์ ต. ท่างาม อ. เมือง จ. ปราจีนบุรี โทร. ป.จ. 037-211483 (ทุกเวลา)
สืบ นาคะเสถียร
31 ส.ค. 33
ปล. กระเป๋าสตางค์ และของพี่ฝากไว้กับหม่อม
สืบ นาคะเสถียร
02.00.ย. 33
สืบเคยให้สัมภาษณ์ว่า "ผมกลับไปที่บ้าน ผมไม่เคยขออะไรจากพ่อ ผมไปติดต่อธุระที่อำเภอ ผมไม่เคยบอกเจ้าหน้าที่ว่าผมเป็นลูกใคร ผมไปเกณฑ์ทหารที่ปราจีนฯ ผมก็ไม่ได้บอกพ่อว่า พ่อช่วยหน่อย เพราะผมเห็นใจคนอีกเยอะที่ไม่มีโอกาสในสังคมแบบนี้ บังเอิญผมโชคดีจับได้ใบดำ" เมื่อเรียนจบคณะวนศาสตร์ สืบไม่ยอมเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ด้วยเหตุผลที่ว่ายังมีความรู้ไม่เพียงพอที่จะรับปริญญา สืบว่างงานอยู่สองปีเพราะกรมป่าไม้ไม่มีตำแหน่งว่าง เขาจึงไปทำงานที่การเคหะแห่งชาติ ประจำฝ่ายสวนสาธารณะ มีหน้าที่ปลูกต้นไม้ตามหมู่บ้านจัดสรร ทำงานอยู่ไม่นานก็ลาออกมาศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ด้านวนวัฒน์วิทยา คณะวนศาสตร์ เขาให้เหตุผลว่า "ไหน ๆ ก็แหย่ขาเข้าไปในป่าไม้แล้ว" ระหว่างที่เรียน สืบสามารถสอบเข้ากรมป่าไม้ได้เป็นอันดับ ๓ ซึ่งในเวลานั้นคนที่สอบได้อันดับ ๑-๑๐ มีสิทธิ์เลือกบรรจุกองไหนก็ได้ ซึ่งส่วนมากมักจะเลือกเป็นป่าไม้ เพื่อมีโอกาสจะก้าวไปเป็นป่าไม้จังหวัด หรือป่าไม้เขตในอนาคต แต่สืบกลับเลือกอยู่กองอนุรักษ์สัตว์ป่า โดยไปประจำที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ จังหวัดชลบุรีในปี ๒๕๑๘ โดยให้เหตุผลว่า "ผมเลือกที่นี่เพราะเกลียดพวกป่าไม้ แม้มาเรียนป่าไม้ตอนอยู่ในมหาวิทยาลัยก็รู้สึกว่า ไม่ชอบป่าไม้เรื่องที่ว่า ป่าไม้มันโกง พวกป่าไม้มันร่ำรวยมาจากการโกงป่า ผมรู้กำพืดพวกนี้ดี เพราะสมัยนั้นพ่อผมเป็นปลัดจังหวัด ผมไม่อยากไปยุ่ง ไม่อยากไปโกงกับมัน ถ้าผมไม่โกงกับมันผมก็อยู่ไม่ได้ ผมเลยเลือกมาอยู่กองนี้"
ในบรรดาศิษย์เก่าวนศาสตร์รุ่น ๓๕ จำนวนทั้งหมด ๑๒๐ คน มีมาสนใจงานด้านอนุรักษ์เพียง ห้าคนเท่านั้น
ที่เขาเขียว สืบ นาคะเสถียร เริ่มอาชีพข้าราชการกรมป่าไม้เต็มตัว เขาทุ่มเทให้แก่การทำงานด้านปราบปราม ลุยจับผู้ต้องหาทำลายป่า หรือพรานที่มาส่องสัตว์ล่าสัตว์กลางคืนได้นับร้อยคน "ผมมีหน้าที่ลุยอย่างเดียว จะใหญ่มาแค่ไหนผมจับหมด"
การที่สืบดำรงตนเป็นข้าราชการผู้ซื่อสัตย์ อาจเพราะได้แบบอย่างมาจากพ่อของเขา ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และได้รับการยอมรับว่า เป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์ที่สุดคนหนึ่งในสมัยนั้น ลูกชายคนโตคนนี้ภูมิใจในตัวพ่อมาก เขาเคยพูดว่า "พ่อผมไม่เคยโกงใครกิน.. ทำไมผมถึงดีใจ และภาคภูมิใจกับพ่อผมมาก เพราะพ่อเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดที่ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร"
ปีนั้นเอง สืบส่งบทกลอนเข้าประกวดคำขวัญด้านสัตว์ป่า-ป่าไม้ครั้งที่ ๓ ซึ่งจัดโดยคณะวนศาสตร์ และได้รางวัล กลอนบทนี้สามารถสะท้อนความรู้สึกของสืบ ที่มีต่อสัตว์ป่าได้ชัดเจนที่สุด
"สัตว์ป่า"
เสียงปืนที่ดังลั่น ตัวแม่นั้นต้องสิ้นใจ
ลูกน้อยที่แบกไว้ กระดอนไปเพราะแรงปืน
ฝืนใจเข้ากอดแม่ หวังแก้ให้แม่ฟื้น
แม่จ๋าเพราะเสียงปืน จึงไม่คืนชีวิตมา
โทษไหนจึงประหาร ศาลไหนพิพากษา
ถ้าลูกท่านเป็นสัตว์ป่า ใครเข่นฆ่าท่านยอมไหม
ชีวิตใครใครก็รัก ท่านประจักษ์หรือไม่ไฉน
โปรดเถิดจงเห็นใจ สัตว์ป่าไซร้ก็เหมือนกัน
ก่อนรุ่งสางของวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๓๓ เสียงปืนนัดหนึ่งดังขึ้นกลางความเงียบงันของป่าห้วยขาแข้ง เสียงปืนนัดนั้นต่างจากเสียงปืนที่มักจะดังขึ้นเสมอ ๆ ในราวป่าลึก ด้วยมิได้ดังขึ้นและเงียบหายไป เหมือนที่ผ่านมา หากแต่ส่งผลก้องสะท้อนต่อมาอีกนับสิบปี... มันไม่เพียงส่งผลให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องรีบเร่งมาประชุมที่ห้วยขาแข้ง เพื่อหารือถึงมาตรการในการดูแลรักษาป่า ไม่เพียงทำให้คนทั่วประเทศได้รับรู้ว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นกับสัตว์ป่าและผืนป่าอนุรักษ์ แต่ยังทำให้ป่าห้วยขาแข้ง-- ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ ที่ก่อนหน้านี้แทบไม่มีใครรู้จัก กลายเป็นผืนป่าที่คนทั้งประเทศรักและหวงแหน และส่งผลให้การอนุรักษ์สัตว์ป่า และผืนป่าเป็นประเด็นที่สาธารณชนให้ค่า และความสำคัญ สืบ นาคะเสถียร รอคืนวันเหล่านี้มานับตั้งแต่วันแรก ที่เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และอาจจะรู้ดีว่า มันคงไม่มีวันเกิดขึ้นได้เลยหากไม่มีเสียงปืนในราวป่านัดนั้น
สืบ นาคะเสถียร มีบ้านพักอยู่ในย่านฝั่งธน เป็นบ้านไม้เก่าแก่ของตระกูลที่เขาพักอาศัยอยู่กับน้องชาย บนฝาผนังบ้านมีภาพถ่ายพ่อสมัยเป็นนายอำเภอหนุ่ม ถ่ายกับซากเสือโคร่งที่ลงมากินชาวบ้านเมื่อประมาณ ๔๐ ปีก่อน และยังมีเขาละองละมั่งคู่หนึ่ง อันเป็นสัตว์ป่าสงวนที่สูญพันธุ์ไปจากเมืองไทยนานแล้ว เป็นเขาสัตว์เก่าแก่ที่นายพรานสมัยนั้นล่าได้ และเป็นสมบัติตกทอดมาถึงคนรุ่นปัจจุบัน สืบ นาคะเสถียร เคยพูดให้เพื่อนฟังว่า \\"เราทุกคนล้วนเคยทำความผิดมาก่อน\\" ในวัยเด็ก สืบก็เป็นนักยิงนกตัวยงคนหนึ่ง สืบเป็นคนเมืองปราจีนบุรี มีนามเดิมว่า สืบยศ นาคะเสถียร เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๔๘๒ เป็นลูกชายคนโตในจำนวนพี่น้องสามคน ตระกูลของแม่มีอาชีพทำนา และเก็บค่าเช่านา สืบเคยเล่าถึงชีวิตในวัยเด็กให้ฟังว่า \\"สมัยเด็ก ๆ แม่สอนผมทุกอย่าง แม่ยังคิดว่าจะเป็นลูกผู้หญิง ผมเย็บจักรได้ ผมทำกับข้าวเป็น ตื่นเช้าผมจะต้องถูบ้าน ต้องหุงข้าว ใส่บาตรก่อนไปโรงเรียน กลับมาบ้านผมจะต้องไปเก็บกวาด แม่สอนผมทุกอย่าง\\" บางครั้งสืบยังต้องช่วยแม่ทำนา ยามว่างมักชวนเพื่อน ไปเที่ยวยิงนกตกปลา ตามประสาเด็กบ้านนอก โดยมีไม้ง่ามหนังสติ๊กเป็นเพื่อนคู่ใจ สืบได้รับการศึกษาชั้นประถมต้นในโรงเรียนประจำจังหวัด พอจบชั้นประถมสี่สืบก็ย้ายจากปราจีนบุรีไปเรียนต่อที่โรงเรียนเซ็นต์หลุยส์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพราะพ่ออยากให้ลูกชายได้เรียนในโรงเรียนดี ๆ นับเป็นการจากบ้านเป็นครั้งแรก เขาเริ่มรับผิดชอบตัวเอง มีผลการเรียนที่ดี ชอบวาดรูปและเล่นดนตรีเก่งจนได้เป็นนักทรัมเป็ตมือหนึ่งของวงดุริยางค์ประจำโรงเรียน พอปิดเทอมสืบก็นั่งรถไฟกลับบ้าน เอารูปที่ตัวเองวาดไปอวดพ่อแม่ บางครั้งสืบจะไปช่วยแม่ยกคันนา เพราะชาวบ้านข้างเคียงไถนาเข้ามาในที่นาของแม่จนที่นาเว้าเข้ามา สืบกับแม่ช่วยกันยกคันนาท่ามกลางแดดแผดกล้า ทำให้เขารู้รสชาติความยากลำบากของชาวนามาตั้งแต่เยาว์วัย แม้บางครั้งสืบและน้องชายจะเกเรไม่ยอมทำงาน แต่พอเห็นแม่ทำงานคนเดียวสองพี่น้องก็ละอายใจ ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง สืบยังชอบไปเที่ยวเล่นกับน้องชายเหมือนเดิม ต่อมาเริ่มหัดทำปืนเถื่อน ซึ่งนิยมกัน มากในจังหวัดชายแดนสมัยนั้น ฝีมือการยิงเฉียบคมมากจนเป็นที่รู้กันในละแวกบ้านว่า สืบยิงปืนสั้นแม่นมาก จนพ่อที่เป็นนายอำเภอขู่ลูกชายทั้งสองให้เลิกปืนเถื่อน มิฉะนั้นจะจับไปโรงพัก สองพี่น้องต้องเอาปืนทิ้งคลอง กอบกิจ นาคะเสถียร หรือโด่ง น้องชายผู้สนิทกับสืบที่สุดเล่าว่า \\"พวกเราทำปืนเถื่อนกันเองทั้งนั้น ใช้เหล็กมาเจาะเอา ดินปืนเราก็ตำเอง พี่สืบชอบใช้ปืนสั้น ส่วนผมถนัดปืนยาว มีอยู่ครั้งหนึ่งพี่เขาเสียใจมาก เพราะไปยิงลูกนก แม่นกตามลูกนก แต่เราไปพรากลูกพรากแม่ ตอนนั้นเรายิงด้วยความภาคภูมิใจ ยิงเอาสนุก จริง ๆ ตอนเด็กเราก็ใกล้ชิดกับธรรมชาติมาก พี่เขารักป่าแต่เราก็ไปทำลายชีวิตนก อย่างสัตว์ป่าเราก็เคยเลี้ยง ชาวบ้านเอาค่างเอาชะนีมาให้ เราก็เลี้ยงตามมีตามเกิดแบบไม่ถูกวิธี ตายไปก็เยอะ บางทีเราเอาเชือกผูกคอ มันก็รัดคอจนตายเอง\\"
ลงชื่อ สืบ นาคะเสถียร ผู้ตาย
(นายสืบ นาคะเสถียร)
31 ส.ค. 33
กระดาษอีกแผ่นหนึ่งมีข้อความว่า
ยงยุทธ
ถุงกอล์ฟ รองเท้ากอล์ฟ กล่องของของน้ำฝน กระเป๋าเอกสาร กล่องใส่เอกสาร หลักฐานต่าง ๆ กระเป๋ากุญแจบ้าน...กุญแจรถ กระเป๋าดำสารคดี ขอให้คุณยงยุทธนำคืนพร้อมรถโฟล์กให้แก่พ่อของผมด้วย โดยติดต่อ คุณสลับ นาคะเสถียร 17 หมู่ 12 ถนนปราจีนอนุสรณ์ ต. ท่างาม อ. เมือง จ. ปราจีนบุรี โทร. ป.จ. 037-211483 (ทุกเวลา)
สืบ นาคะเสถียร
31 ส.ค. 33
ปล. กระเป๋าสตางค์ และของพี่ฝากไว้กับหม่อม
สืบ นาคะเสถียร
02.00.ย. 33
สืบเคยให้สัมภาษณ์ว่า "ผมกลับไปที่บ้าน ผมไม่เคยขออะไรจากพ่อ ผมไปติดต่อธุระที่อำเภอ ผมไม่เคยบอกเจ้าหน้าที่ว่าผมเป็นลูกใคร ผมไปเกณฑ์ทหารที่ปราจีนฯ ผมก็ไม่ได้บอกพ่อว่า พ่อช่วยหน่อย เพราะผมเห็นใจคนอีกเยอะที่ไม่มีโอกาสในสังคมแบบนี้ บังเอิญผมโชคดีจับได้ใบดำ" เมื่อเรียนจบคณะวนศาสตร์ สืบไม่ยอมเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ด้วยเหตุผลที่ว่ายังมีความรู้ไม่เพียงพอที่จะรับปริญญา สืบว่างงานอยู่สองปีเพราะกรมป่าไม้ไม่มีตำแหน่งว่าง เขาจึงไปทำงานที่การเคหะแห่งชาติ ประจำฝ่ายสวนสาธารณะ มีหน้าที่ปลูกต้นไม้ตามหมู่บ้านจัดสรร ทำงานอยู่ไม่นานก็ลาออกมาศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ด้านวนวัฒน์วิทยา คณะวนศาสตร์ เขาให้เหตุผลว่า "ไหน ๆ ก็แหย่ขาเข้าไปในป่าไม้แล้ว" ระหว่างที่เรียน สืบสามารถสอบเข้ากรมป่าไม้ได้เป็นอันดับ ๓ ซึ่งในเวลานั้นคนที่สอบได้อันดับ ๑-๑๐ มีสิทธิ์เลือกบรรจุกองไหนก็ได้ ซึ่งส่วนมากมักจะเลือกเป็นป่าไม้ เพื่อมีโอกาสจะก้าวไปเป็นป่าไม้จังหวัด หรือป่าไม้เขตในอนาคต แต่สืบกลับเลือกอยู่กองอนุรักษ์สัตว์ป่า โดยไปประจำที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ จังหวัดชลบุรีในปี ๒๕๑๘ โดยให้เหตุผลว่า "ผมเลือกที่นี่เพราะเกลียดพวกป่าไม้ แม้มาเรียนป่าไม้ตอนอยู่ในมหาวิทยาลัยก็รู้สึกว่า ไม่ชอบป่าไม้เรื่องที่ว่า ป่าไม้มันโกง พวกป่าไม้มันร่ำรวยมาจากการโกงป่า ผมรู้กำพืดพวกนี้ดี เพราะสมัยนั้นพ่อผมเป็นปลัดจังหวัด ผมไม่อยากไปยุ่ง ไม่อยากไปโกงกับมัน ถ้าผมไม่โกงกับมันผมก็อยู่ไม่ได้ ผมเลยเลือกมาอยู่กองนี้"
ในบรรดาศิษย์เก่าวนศาสตร์รุ่น ๓๕ จำนวนทั้งหมด ๑๒๐ คน มีมาสนใจงานด้านอนุรักษ์เพียง ห้าคนเท่านั้น
ที่เขาเขียว สืบ นาคะเสถียร เริ่มอาชีพข้าราชการกรมป่าไม้เต็มตัว เขาทุ่มเทให้แก่การทำงานด้านปราบปราม ลุยจับผู้ต้องหาทำลายป่า หรือพรานที่มาส่องสัตว์ล่าสัตว์กลางคืนได้นับร้อยคน "ผมมีหน้าที่ลุยอย่างเดียว จะใหญ่มาแค่ไหนผมจับหมด"
การที่สืบดำรงตนเป็นข้าราชการผู้ซื่อสัตย์ อาจเพราะได้แบบอย่างมาจากพ่อของเขา ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และได้รับการยอมรับว่า เป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์ที่สุดคนหนึ่งในสมัยนั้น ลูกชายคนโตคนนี้ภูมิใจในตัวพ่อมาก เขาเคยพูดว่า "พ่อผมไม่เคยโกงใครกิน.. ทำไมผมถึงดีใจ และภาคภูมิใจกับพ่อผมมาก เพราะพ่อเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดที่ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร"
ปีนั้นเอง สืบส่งบทกลอนเข้าประกวดคำขวัญด้านสัตว์ป่า-ป่าไม้ครั้งที่ ๓ ซึ่งจัดโดยคณะวนศาสตร์ และได้รางวัล กลอนบทนี้สามารถสะท้อนความรู้สึกของสืบ ที่มีต่อสัตว์ป่าได้ชัดเจนที่สุด
"สัตว์ป่า"
เสียงปืนที่ดังลั่น ตัวแม่นั้นต้องสิ้นใจ
ลูกน้อยที่แบกไว้ กระดอนไปเพราะแรงปืน
ฝืนใจเข้ากอดแม่ หวังแก้ให้แม่ฟื้น
แม่จ๋าเพราะเสียงปืน จึงไม่คืนชีวิตมา
โทษไหนจึงประหาร ศาลไหนพิพากษา
ถ้าลูกท่านเป็นสัตว์ป่า ใครเข่นฆ่าท่านยอมไหม
ชีวิตใครใครก็รัก ท่านประจักษ์หรือไม่ไฉน
โปรดเถิดจงเห็นใจ สัตว์ป่าไซร้ก็เหมือนกัน
ก่อนรุ่งสางของวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๓๓ เสียงปืนนัดหนึ่งดังขึ้นกลางความเงียบงันของป่าห้วยขาแข้ง เสียงปืนนัดนั้นต่างจากเสียงปืนที่มักจะดังขึ้นเสมอ ๆ ในราวป่าลึก ด้วยมิได้ดังขึ้นและเงียบหายไป เหมือนที่ผ่านมา หากแต่ส่งผลก้องสะท้อนต่อมาอีกนับสิบปี... มันไม่เพียงส่งผลให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องรีบเร่งมาประชุมที่ห้วยขาแข้ง เพื่อหารือถึงมาตรการในการดูแลรักษาป่า ไม่เพียงทำให้คนทั่วประเทศได้รับรู้ว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นกับสัตว์ป่าและผืนป่าอนุรักษ์ แต่ยังทำให้ป่าห้วยขาแข้ง-- ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ ที่ก่อนหน้านี้แทบไม่มีใครรู้จัก กลายเป็นผืนป่าที่คนทั้งประเทศรักและหวงแหน และส่งผลให้การอนุรักษ์สัตว์ป่า และผืนป่าเป็นประเด็นที่สาธารณชนให้ค่า และความสำคัญ สืบ นาคะเสถียร รอคืนวันเหล่านี้มานับตั้งแต่วันแรก ที่เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และอาจจะรู้ดีว่า มันคงไม่มีวันเกิดขึ้นได้เลยหากไม่มีเสียงปืนในราวป่านัดนั้น
สืบ นาคะเสถียร มีบ้านพักอยู่ในย่านฝั่งธน เป็นบ้านไม้เก่าแก่ของตระกูลที่เขาพักอาศัยอยู่กับน้องชาย บนฝาผนังบ้านมีภาพถ่ายพ่อสมัยเป็นนายอำเภอหนุ่ม ถ่ายกับซากเสือโคร่งที่ลงมากินชาวบ้านเมื่อประมาณ ๔๐ ปีก่อน และยังมีเขาละองละมั่งคู่หนึ่ง อันเป็นสัตว์ป่าสงวนที่สูญพันธุ์ไปจากเมืองไทยนานแล้ว เป็นเขาสัตว์เก่าแก่ที่นายพรานสมัยนั้นล่าได้ และเป็นสมบัติตกทอดมาถึงคนรุ่นปัจจุบัน สืบ นาคะเสถียร เคยพูดให้เพื่อนฟังว่า \\"เราทุกคนล้วนเคยทำความผิดมาก่อน\\" ในวัยเด็ก สืบก็เป็นนักยิงนกตัวยงคนหนึ่ง สืบเป็นคนเมืองปราจีนบุรี มีนามเดิมว่า สืบยศ นาคะเสถียร เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๔๘๒ เป็นลูกชายคนโตในจำนวนพี่น้องสามคน ตระกูลของแม่มีอาชีพทำนา และเก็บค่าเช่านา สืบเคยเล่าถึงชีวิตในวัยเด็กให้ฟังว่า \\"สมัยเด็ก ๆ แม่สอนผมทุกอย่าง แม่ยังคิดว่าจะเป็นลูกผู้หญิง ผมเย็บจักรได้ ผมทำกับข้าวเป็น ตื่นเช้าผมจะต้องถูบ้าน ต้องหุงข้าว ใส่บาตรก่อนไปโรงเรียน กลับมาบ้านผมจะต้องไปเก็บกวาด แม่สอนผมทุกอย่าง\\" บางครั้งสืบยังต้องช่วยแม่ทำนา ยามว่างมักชวนเพื่อน ไปเที่ยวยิงนกตกปลา ตามประสาเด็กบ้านนอก โดยมีไม้ง่ามหนังสติ๊กเป็นเพื่อนคู่ใจ สืบได้รับการศึกษาชั้นประถมต้นในโรงเรียนประจำจังหวัด พอจบชั้นประถมสี่สืบก็ย้ายจากปราจีนบุรีไปเรียนต่อที่โรงเรียนเซ็นต์หลุยส์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพราะพ่ออยากให้ลูกชายได้เรียนในโรงเรียนดี ๆ นับเป็นการจากบ้านเป็นครั้งแรก เขาเริ่มรับผิดชอบตัวเอง มีผลการเรียนที่ดี ชอบวาดรูปและเล่นดนตรีเก่งจนได้เป็นนักทรัมเป็ตมือหนึ่งของวงดุริยางค์ประจำโรงเรียน พอปิดเทอมสืบก็นั่งรถไฟกลับบ้าน เอารูปที่ตัวเองวาดไปอวดพ่อแม่ บางครั้งสืบจะไปช่วยแม่ยกคันนา เพราะชาวบ้านข้างเคียงไถนาเข้ามาในที่นาของแม่จนที่นาเว้าเข้ามา สืบกับแม่ช่วยกันยกคันนาท่ามกลางแดดแผดกล้า ทำให้เขารู้รสชาติความยากลำบากของชาวนามาตั้งแต่เยาว์วัย แม้บางครั้งสืบและน้องชายจะเกเรไม่ยอมทำงาน แต่พอเห็นแม่ทำงานคนเดียวสองพี่น้องก็ละอายใจ ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง สืบยังชอบไปเที่ยวเล่นกับน้องชายเหมือนเดิม ต่อมาเริ่มหัดทำปืนเถื่อน ซึ่งนิยมกัน มากในจังหวัดชายแดนสมัยนั้น ฝีมือการยิงเฉียบคมมากจนเป็นที่รู้กันในละแวกบ้านว่า สืบยิงปืนสั้นแม่นมาก จนพ่อที่เป็นนายอำเภอขู่ลูกชายทั้งสองให้เลิกปืนเถื่อน มิฉะนั้นจะจับไปโรงพัก สองพี่น้องต้องเอาปืนทิ้งคลอง กอบกิจ นาคะเสถียร หรือโด่ง น้องชายผู้สนิทกับสืบที่สุดเล่าว่า \\"พวกเราทำปืนเถื่อนกันเองทั้งนั้น ใช้เหล็กมาเจาะเอา ดินปืนเราก็ตำเอง พี่สืบชอบใช้ปืนสั้น ส่วนผมถนัดปืนยาว มีอยู่ครั้งหนึ่งพี่เขาเสียใจมาก เพราะไปยิงลูกนก แม่นกตามลูกนก แต่เราไปพรากลูกพรากแม่ ตอนนั้นเรายิงด้วยความภาคภูมิใจ ยิงเอาสนุก จริง ๆ ตอนเด็กเราก็ใกล้ชิดกับธรรมชาติมาก พี่เขารักป่าแต่เราก็ไปทำลายชีวิตนก อย่างสัตว์ป่าเราก็เคยเลี้ยง ชาวบ้านเอาค่างเอาชะนีมาให้ เราก็เลี้ยงตามมีตามเกิดแบบไม่ถูกวิธี ตายไปก็เยอะ บางทีเราเอาเชือกผูกคอ มันก็รัดคอจนตายเอง\\"
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
ขอรำลึกถึง สืบ นาคะเสถียร ในวาระนี้
โพสต์ที่ 3
รออ่านต่อนะครับ......เสียดายคนดีๆครับ
อนิจจัง อนิจจา .......บ้านเมืองนี้ คนดีๆ ต้องอยู่ที่อนุสาวรีย์
หรือไม่ก็มีป้ายปักที่หน้าหลุม ครับ
เฮ้อ....ยามอยู่บนแดนดิน ทำดี ยากมีคนเข้าใจ
ยามตายเท่านั้น ที่มีคนคิดถึง
วีรบุรษ สืบ....เลยต้องเลือกไปสู่ เมืองที่ตนเองอยู่ได้.....
สังคม.....เอย.......
โอ้.... อนิจจา .....GDP ต้องโตขนาดโน้น ขนาดนี้
โกยกันเข้าไป.....
ทำไมหนอ.....เพียงคนดีๆ แค่ 1 คน ยังรักษาไม่ได้เลย
คอรับชั่น
เอาหูไปนา เอาตาไปไร่
คนดีๆ....แบบ ถึงตากรูมั่ง
เอาตัวรอดเป็นยอดดี
.............มีเต็มเมือง
สมกับคำพระท่านว่า มันเป็นกรรม.......
อนิจจัง อนิจจา .......บ้านเมืองนี้ คนดีๆ ต้องอยู่ที่อนุสาวรีย์
หรือไม่ก็มีป้ายปักที่หน้าหลุม ครับ
เฮ้อ....ยามอยู่บนแดนดิน ทำดี ยากมีคนเข้าใจ
ยามตายเท่านั้น ที่มีคนคิดถึง
วีรบุรษ สืบ....เลยต้องเลือกไปสู่ เมืองที่ตนเองอยู่ได้.....
สังคม.....เอย.......
โอ้.... อนิจจา .....GDP ต้องโตขนาดโน้น ขนาดนี้
โกยกันเข้าไป.....
ทำไมหนอ.....เพียงคนดีๆ แค่ 1 คน ยังรักษาไม่ได้เลย
คอรับชั่น
เอาหูไปนา เอาตาไปไร่
คนดีๆ....แบบ ถึงตากรูมั่ง
เอาตัวรอดเป็นยอดดี
.............มีเต็มเมือง
สมกับคำพระท่านว่า มันเป็นกรรม.......
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
-
- Verified User
- โพสต์: 1817
- ผู้ติดตาม: 0