หัดทำสมาธิครับ

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 31

โพสต์

8) พี่blue planet เขียนไว้อีกกระทู้นึง หลังกลับจากนั่งกรรมฐาน
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
ก้อนหิน
Verified User
โพสต์: 2344
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 32

โพสต์

por_jai เขียน:8) พี่blue planet เขียนไว้อีกกระทู้นึง หลังกลับจากนั่งกรรมฐาน
    พี่เขาว่า


เฮ้อ.. เฉพาะตัวเราเปล่าๆนี่ก็มีอะไรให้เรียนรู้ไม่สิ้นสุดเลยนะครับ
ไม่ต้องไปหาที่อื่น
ไม่ต้องไปมุ่งเอาชนะใคร
เอาชนะตัวเองให้ได้ในทุกๆวันนี่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
รู้สึกตัวเองยังเขลานัก


    ใช่แล้วครับ ชอบมากเลย
    อีกอย่าง อยากไปยุ่งกับคนอื่น นี่ทุกข์ทั้งเพ ครับ..
จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราครับ ผมว่า ใครเข้าใจตัวเองได้ทั้งหมด ควบคุมตัวเองได้ทั้งหมด นี่ก็เก่งมากๆๆ แล้วนะครับ
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 33

โพสต์

จะลองปฏิบัติดูนะครับ ไม่ได้ทำสมาธิมานานแล้ว
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 34

โพสต์

เพิ่งมีเวลานั่งแกะแผ่นบรรยายท่านพุทธทาสค่ะ (ยังแกะไม่จบนะเยอะมาก :lol: ที่ดิฉันมีอยู่นี่คือ ทั้งหมดนับตามความยาวรวมกันก็ราวๆ ร่วมสองร้อยชั่วโมงเห็นจะได้ :lol: )

ก็เลยอยากทำช๊อตโน๊ต(ที่ยาวมาก :lol: )มาฝากท่านที่สนใจ และยังไม่เคยเรียนรู้เรื่องอาณาปานสติ ในสติปัฏฐานทั้งสี่

สำหรับท่านพี่ท่านใด ที่เรียนรู้แล้ว อยากรบกวนให้เอามาแชร์ความรู้กันด้วยนะคะ เนื่องจากดิฉันกะลังเข้าขั้นสนุก และสนใจมาก  :lol:

เริ่มต้นทำความเข้าใจคร่าวๆหลักๆของความหมายของคำว่า อาณาปานสติก่อน
อย่างที่บอกไปแรกแล้วคือ ทำอะไรก็ตาม ที่เอาจิตไปฝักใฝ่อยู่ โดยกำหนดด้วยวิธีตามลมหายใจเข้าออก ก็เรียกอาณาปานสติทั้งสิ้น
เช่น....ฉันคิดถึงเธอทุกลมหายใจเข้าออก.... :lol:

ทีนี้มาว่ากันว่า ทั้ง 16 ขั้นมีไรมั่ง (ดิฉันจะเอาเป็นภาษาบ้านๆนะ จำบาลีไม่ไหว :oops: )

1  รู้ ลมหายใจยาว (คือจังหวะปกติ ไม่ใช่ยาวแบบเว่อร์)
2  รู้ ลมหายใจสั้น  (ก็คือตรงข้าวกะยาวอ่าค่ะ มันไม่ปกติ)
3  รู้ กายสังขาร   (รู้กายทั้งปวง รู้ว่ากายลมปรุงแต่งกายเนื้อ)
4  รู้ กายสังขารระงับอยู่ (กายลมสงบกายเนื้อก็สงบ).....ถึงตรงนี้ จะเกิดสมาธิ ที่เรียกว่า "ปฐมฌาน"
5  รู้ ซึ่งปีติ ...ซึมซับ ซึมซาบ ซึ่ง "ปีติ" อันเกิดมาแต่ตอนขั้น ปฐมฌาน
6  รู้ ซึ่งสุข ...ซึมซับ ซึมซาบ ซึ่ง "สุข" (เมื่อปีติจนถึงที่สุด สุขมันก็เกิดตามมา)
7  รู้ จิตสังขาร   ("รู้จิต"ทั้งปวง รู้ว่าเวทนาปรุงแต่งจิต)
8  รู้ จิตสังขารระงับอยู่   (เมื่อรู้ว่าเวทนามันเป็นตัวการปรุงแต่งจิต ก็คือทำให้มันสงบระงับ ทำให้มันหยุดเสีย)
9  รู้ จิต   ("รู้จักจิต"ทั้งปวง) จับสังเกตุความมีอยู่อันหลากหลายนานาชนิดของจิต
10 รู้ จิตปราโมทย์อยู่   (ปราโมทย์อยู่ประมาณ ระหว่างปีติ ระหว่างสุข)
11 รู้ จิตตั้งมั่นอยู่     บังคับให้มันเชื่อฟัง ให้มันหยุดอยู่
12 รู้ จิตปล่อยวางอยู่   บังคับทำให้จิตแปรเปลี่ยนไปได้ สลัดไปได้ (ทำให้จิตอยู่ในอำนาจเราทั้งสิ้น คือ จะเปลี่ยน จะหยุด จะสลัดทิ้ง นั้นขึ้นอยู่กะเราทำ)
13 รู้ ความไม่เที่ยง (อนิจจัง)   บังคับให้แลเห็นแต่อนิจจัง ๆ ๆ ๆ ๆ ใดใดก็ล้วนแต่อนิจจัง
14 รู้ ความจางคลาย (วิราคะ)   เมื่อเห็นอนิจจังมากๆเข้า จิตมันไปเอง มันจะไม่ยึดมั่นใดไว้ (เช่น ไม่รู้สึกทุกข์)
15 รู้ ดับไม่เหลือ (นิโรธ)    มันก็ต่อเนื่องมาจาก การที่ไม่ยึดไว้ มันจึงดับลง
16 รู้ ความกลับคืน (อันนี้จดไม่ทัน จำบาลีไม่ได้ :lol: )   คือ สลัดคืนกลับธรรมชาติไปหมด ดับเหลือความว่าง "ไม่มีตัวกู ของกู"



ท่านแนะให้ว่า จะจำเป็นบาลี หรือ ไทยก็ตาม จะต้องใช้ความเข้าใจเป็นหลัก หากท่องได้ แต่ไม่เข้าใจ เดี๋ยวก็จะลืมแล้ว
ท่านว่า ให้ทำความเข้าใจดู มองดูท้องเรื่องตั้งแต่ต้น จะเห็นว่า แต่ละข้อมันต่อเนื่องกันมา
ท่านว่าง่ายๆก็คือ หนังเรื่องนี้ มีจิตเป็นพระเอกของเรา ว่ามันมีปัญหาอย่างไร มันจึงต้องมานั่งกำหนดจิต  ไล่มาเรื่อยๆ จนมาถึงตอนสุดท้าย มาจบที่พระเอกตายลง

:lol:
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 35

โพสต์

ว่าแบบละเอียดขึ้นมาอีกนิด ว่าด้วย

หมวดที่ 1 กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ในที่นี้ประกอบด้วย อาณาปนาสติขั้นที่ 1-4

1  รู้ตัวทั่วถึงในขณะมีลมหายใจยาว (ระดับปกติ)
2  รู้ตัวทั่วถึงในขณะมีลมหายใจสั้น (หรือถี่ขึ้นนั่นเอง) รู้ว่านี่มันผิดปกตินี่นา สังเกตุให้รู้ ให้เข้าใจ ว่ามันมีอิทธิพลอย่างไร
3  รู้ ทำความเข้าใจว่า ลมหายใจ และ ร่างกายนั้นเกี่ยวเนื่องกัน เป็นการรู้กายทั้งปวง และรู้ว่าลมหายใจคือมีหน้าที่ปรุงแต่งร่างกาย เท่ากะ กายสังขาร
4  ปฏิบัติ บังคับกายลม คือ เป็นการกำหนดลมหายใจโดยใช้จิตกำหนด (จิตที่มีสติกำกับ) ทำให้กายลมละเอียด จึงทำให้กายเนื้อ สงบระงับได้

(หมวดแรกนี้ เป้าหมายคือ สามารถบังคับจิตให้อยู่ในอำนาจ ให้เชื่อง ในเบื้องต้น)

การวิ่งตามลมหายใจที่เข้าออก เปรียบเสมือนการเฝ้าเด็กขณะที่ไกวเปลไปมาจนกว่าเด็กจะยอมนอน
เริ่ม บริกรรมนิมิต......หลังจากที่วิ่งตามลมเข้าออกระยะนึงแล้ว (เมื่อเห็นว่าเด็กเริ่มไม่ดิ้นไปมา แต่ก็ยังลืมตาแป๋วอยู่) ก็กำหนดจุดใดจุดนึงในการเฝ้าดูนั้น เช่น กำหนดจุดเฝ้าดูการเข้าออกของลม ที่ปลายจมูก (คือเด็กเริ่มง่วงล่ะ เราก็ไม่ต้องส่ายหน้าไปมาตามเปลแล้ว แค่มองอยู่ที่จุดๆเดียว เราก็เห็นเด็กผ่านตาไปมาตามเปลที่ไกวนั้นแหละ)
......จากนั้น (เด็กหลับ ...เทียบว่า กายลมละเอียดทำให้กายเนื้อสงบระงับแล้ว) ...สร้างนิมิตขึ้นโดยมโนภาพ เช่น เป็นดวงเป็นอะไรสุดแท้แต่ เป็นรูปใดที่นานพอ ที่รู้ได้ว่าเราบังคับได้
.....เปลี่ยนรูปนิมิตจากรูปเดิมที่เรารู้ว่าเราบังคับได้มาแล้วนั้น ให้ผันแปรไป ต่างๆรูป ...โดยที่กายลมกายเนื้อ ยังคงสงบระงับอย่างต่อเนื่อง


จากนั้นจึงเกิดองค์ 5 องค์ เรียกว่า "ปฐมฌาน"
1  วิตก คือ เกาะอยู่ หรือ รับรู้อยู่ ซึ่งอารมณ์ที่เกิดนั้น (สังเกตุนะคะว่า "วิตก"ไม่แปลความหมายอย่างที่เราคุ้นชิน)
2  วิจารณ์ คือ ซึมซาบถึงอารมณ์นั้น (ท่านว่า ให้เต็มที่ไปเลย ดื่มด่ำให้เหมือนตระกระตระกรามเลย)
3  ปีติ คือ เราจะรู้สึกพึงพอใจเมื่อทำได้ตามที่ผ่านมาจนสำเร็จ
4  สุข คือ ความรู้สึกที่เกิดตามหลังมาจาก ปีติ
5  เอกคตา คือ รวมจุดสมาธิ จิตไม่รับรู้อารมณ์อื่น รับรู้แต่เพียงอารมณ์ในนิมิตนี้

ดังนั้น เมื่อมาถึง เอกคตา จึงได้เกิดสมาธิขึ้น

8) ยังมีต่อ...... :lol:
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 36

โพสต์

เอ้า แวะจิบกาแฟหน่อย.....

ปีติและสุข ที่เกิดมาจากการทำขั้น 1-4 นั้น เป็นปีติทางธรรม ซึ่งน่าสนใจ และดึงดูดใจยิ่งกว่า ปีติทางโลก เพราะมันเยือกเย็นกว่า เป็นสุขที่ปราศจากเหยื่อล่อ
สุขที่ต้องใช้เหยื่อล่อนั้น มันประกอบด้วยทุกข์ ซึ่งมันซ่อนอยู่ลึกลงไป

อันนี้ ต้องลองปฏิบัติเองนะคะ พุทธศาสนา คือศาสนาแห่งวิทยาศาสตร์  ไม่ใช่การคำนึงคำนวน :!:  :!:  :!:
ถ้าทำได้ถึง เอกคตา จะทราบว่ามันต่างกันจริงๆ สุขทางโลก กะสุขทางธรรม ต่างกันจริงๆ ...แต่อย่าได้เชื่อที่ดิฉันบอก ต้องลองจับหรือดื่มน้ำนั้นเอง ให้แจ้งว่ามันเย็น จึงแน่ใจว่ามันเย็น ดังนั้นแล

แวะมามุมนี้อีกหน่อยก่อนจะไปต่อหมวดที่สอง

เวทนานั้น(เครื่องปรุงแต่งจิต) มี 3 แบบคือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา
อันแรกมันคือ อยากได้ สองมันไม่อยากได้ ส่วนสามคือ มันฟันธงไม่ได้ว่าสุขหรือทุกข์ มันจึงเกิดสงสัย

ทีนี้มาดูว่า เหตุใดพระพุทธเจ้าจึงจับเอา สุขเวทนามาเป็นแบบฝึกหัดนี้
ก้เพราะว่า สุขนั้น เป็นเวทนาที่เป็นเครื่องปรุงแต่งจิตได้อย่างที่เกิดผลทุกข์ได้ร้ายกาจที่สุด เนื่องจากสุขเวทนานั้นมีสเน่ห์ ทำให้ผู้คนตกเป็นทาสมันได้โดยง่าย หากสามารถเปลื้องตัวออกจากการเป็นทาสสุขได้แล้วไซร้ เวทนาอื่นก็หมู :lol:
แล้วเมื่อเราทราบว่า ปีติ สุข ในทางธรรมนั้น มันแจ่มเสียยิ่งกว่า ปีติ สุข ในทางโลก ดังนั้นหากเราจัดการปีติ สุข ในทางธรรมอยู่หมัด งั้นในทางโลกก้ยิ่งหมูจิ :lol: :wink:



8) จะต่ออีกนิดสสเท่าที่ดิฉันฟังไปถึงก่อนนะคะ......เริ่มเหนื่อย   :oops:
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 37

โพสต์

หมวดที่ 2 เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ประกอบด้วย อาณาปานสติขั้นที่ 5-8

(สังเกตุนิดค่ะ แม้นแยกหมวดสติปัฏฐาน แต่เขาจะไม่แยกนับอาณาเป็นขั้น 1-4 ใหม่ ,เพราะว่า การทำอาณาปานสติตามสูตรที่ว่ามานี้ เป็นการที่ต้องต่อเนื่องกัน มันเนื่องกันอยู่ในแต่ละข้อ)

5  รู้ซึ่งปีติ (ปีติที่มันเกิดต่อเนื่องมาจากขั้นปฐมฌาน ดังที่กล่าว) คือ ซึมซับ ซึมซาบมัน กำหนดปีติอยู่ในทุกลมหลายใจเข้าออกนั้น ...ปีตินั้น ให้สังเกตุ มันคือความรู้สึกอิ่มใจ ชนิดต่างๆ เช่น น้ำตาไหล ขนลุก (คือเป็นอาการหวั่นไหวไปตามเนื้อตัว)
6  รู้ซึ่งสุข (ก็อัตโนมัติ มันต่อเนื่องมาหลังจากปีติแล้ว)  เมื่อปีติสงบระงับอยู่ จึงเกิดเป็นความสุข ประมาณว่ามันจะนิ่งกว่า เยือกเย็นกว่า สบายกว่า
7  กำหนดรู้ ทำความเข้าใจ ให้ทราบว่า "เวทนา"(ซึ่งในที่นี้คือ ปีติ สุข)นั้น มันเป็นผู้ทำหน้าที่ปรุงแต่งจิต มันทำให้จิตนั้นไม่สงบ ให้คิดไปต่างๆนาๆ เมื่อต้องการความสุข-ทุกข์-หรือไม่สุขทุกข์ นั้นๆ...ในขั้นนี้เรียก "รู้จิตสังขาร" (รู้จิตทั้งปวง รู้ว่าเวทนาปรุงแต่งจิต)

ดังนั้น...จึงต้องจัดการมัน ....ทราบแจ้งแล้วไง ว่าไอ้หมอนี่เองเป็นตัวการ :lol:

8  ทำจิตสังขารให้สงบระงับอยู่  คือ ระงับเสียซึ่งอิทธิพลซึ่งอำนาจของเวทนา(ซึ่งมันได้ปรุงแต่งจิตให้วุ่นวาย)

.
.
.
ในรายละเอียดอาณาปานสติขั้นที่ 8 นี้ ยังฟังไปไม่ถึง ว่าท่านจะแนะว่าอย่างไร


พอแค่นี้ก่อง....... :D ยังคงรอท่านพี่ท่านอื่น มาช่วยแนะนำให้ความรู้ต่อด้วยค่ะ

:bow:  :bow:  :bow:
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 38

โพสต์

อ้อ แถมค่ะ  :oops:

ในข้อ หายใจสั้นกะยาว ท่านใบ้ให้นิดค่ะ คือ เราก็ลองไปดูดิ่ ว่า เวลาเราอารมณ์ปกติ เราก็หายใจปกติ เวลาเราเกิดอยากได้ไม่อยากได้ จะโกรธขึ้งหรือ เสียใจอะไร การหายใจนั้นน่ะ มันเป็นอย่างไร




โอเช ไปพักจริงๆแระ :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
ก้อนหิน
Verified User
โพสต์: 2344
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 39

โพสต์

ยากจังครับพี่่ ภาษาธรรมมะซะเยอะเลย จะพยายามมาอ่านหลายๆรอบแล้วเอาไปลองดูครับ
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 40

โพสต์

นี่ดิฉันยายามพูดเป็นภาษาทางโลกให้มากที่สุดแล้วนะ สงสัยดิฉันยังทำได้ไม่ดีพอ :lol:

เอาใหม่ อิอิ

ดิฉันขออนุญาติเสนอแนะพี่ก้อนหินว่า
ให้ตั้งเป้าแค่ ปฐมฌานก่อนพอ
คืออย่าเพิ่งกังวลจะไปจัดการเจ้าจิตคิดที่มันวิ่งกันให้ว่อนอยู่ภายใน
(ดิฉันคิดงี้นะ ถ้าเราพบเห็นเจ้าจิตที่วิ่งกันให้ว่อน ยิ่งมากมายเข้า ก็ย่อมหมายถึง การรับรู้จิตเราเริ่มไวขึ้นนั่นเอง มันมาปุ๊ปเราเห็น มันมาปุ๊ปเราเห็น มันมาปุ๊ปเราเห็น อันนี้คือเราไวขึ้น จิงป้ะ....แต่เอาเป็นว่า ปล่อยมันไปก่อนแล้วกัน อย่าเพิ่งไปกังวลกะมัน)

พี่น่าจะต้องเริ่มจากสองขั้นแรกสุดก่อน คือ ลมหายใจเข้า-ออก แบบยาว หนึ่ง และสอง แบบสั้น
พอพี่เริ่มสูดหายใจเข้า ฟื้ดดด ยาวๆ พี่ก็ตามมันไป ว่าทางลมนั่นมันไปถึงในในตัวพี่ แล้วมันทำให้พี่เป็นอย่างไร พอพี่ฮืออออ เอาลมหายใจยาวนั้นออกจากร่าง มันมีอาการไง เออ ก็แบบ มันสบายๆปกติน่ะเนอะ
พอพี่เริ่มสำรวจแบบยาวเสร็จ ก็ลองทำสั้นๆดู ฟื๊ดฟ๊าดๆๆๆๆๆๆ เอ๊ะชักไงๆว้า ปอดมันเหนื่อยเนอะ เหมือนเลือดมันวิ่งแปลกๆ อาการมันแย่ๆพิก๊ล เนอะ

น่านล่ะ ทีนี้พี่จะรู้แล้ว ว่า กายลม มีผลต่อกายเนื้อจริงๆนี่นา รู้แบบรู้แจ้ง ไม่ใช่แค่เดาเอา เช่น ถ้าพี่ไม่ทำ แล้วพี่ใช้นึกเอาว่าอีตอนพี่โกรธ เออใช่ตอนนั้นเราหายใจสั้นถี่รัว หรือเราเคยสังเกตุคนเวลาโกรธจัดๆ หน้าแดงเลย ....อันนี้ไม่ได้ อันนี้คือพี่เล่นเดาเอา นึกเอา มันคือศาสตร์แห่งการคำนึงคำนวน มันไม่ใช่การพิสูจน์....พี่ต้องพิสูจน์ค่ะ

พอพี่รู้แจ้งว่ากายลม มันทำหน้าที่ปรุงแต่งกายเนื้อ นั่นก็คือพี่รู้ กายสังขาร หรือแปลว่า รู้กายทั้งปวง....ภาษาธรรมมันก็เก๋ไก๋อย่างนี้แหละ :wink:

ทีนี้ก็ขยับมาขั้นที่สี่ เริ่มเข้าสู่กระบวนการบริกรรมนิมิต  "ไกวเปลเด็ก" "เห่กล่อม" "ล่อวัวพันหลัก"...อะไรก็ได้แล้วแต่จะตั้งชื่อเรียก หรือไม่ตั้งก็สุดแล้วแต่พี่ค่ะ  :lol:

คือเริ่มหายใจเข้าออกเป็นจังหวะปกติ (ปกติของพี่ก็คือของพี่ พี่ว่าแค่ไหนปกติก็นั่นแหละค่ะเอาเลย)
ในตอนนี้เจ้าจิตคิดมันจะเริ่มระดมรัวยิง แบบแกล้งอ่า มันจะพยายามทำทุกอย่างให้พี่ไม่สามารถทำลมให้นิ่งเนียนได้โดยง่าย .....โดยทั่วไป เขาจะใช้ "พุทโธ" หรือ "ยุบหนอพองหนอ" สะกดสติค่ะ คือแบบให้มันเป็นมาตรวัด เวลาลมวิ่งเข้าวิ่งออก พี่จะได้ตามมันง่ายหน่อย แต่บางคนก็ไม่เอาเลย พยายามไม่พูดไรเลยตอนวิ่งตามลม ก็แล้วแต่ถนัด

การที่พี่จะรู้ได้ว่า ลมหายใจเริ่มละเอียด ก็มีหลายวิธี แต่เอาแบบง่ายๆก้แค่ พี่ดูดิ่ว่า มันเข้าออกเริ่มไม่มีสะดุดหรือยัง...คือถ้าเทียบเป็นหุ้น นี่ก็วิ่งไปแบบเนียนๆ ไม่มีกระชากขึ้นตบลงแบบหวือหวา ประมาณว่า ไซด์เวย์แคบๆ ด้วยโวลุ่มสม่ำเสมอค่ะ ....อ่า เด้กในเปลเริ่มนอนนิ่งไม่ดิ้นแล้ว .....แต่มันยังไม่หลับ ....พี่ก้เริ่มจ้องมันที่ปลายจมูกค่ะ อยู่ที่จุดๆเดียว เหมือนเป็นรปภ.ตอนเก็บตั๋วขาเข้าขาออก เท่านั้นเอง

....พอมันนิ่งเนียนนานพอ....พี่ก็รู้เอง ไม่มีใครจะบอกพี่ได้ .....

แล้วพี่ก็ ....
...สร้างนิมิตขึ้นโดยมโนภาพ เช่น เป็นดวงเป็นอะไรสุดแท้แต่ เป็นรูปใดที่นานพอ ที่รู้ได้ว่าเราบังคับได้
.....เปลี่ยนรูปนิมิตจากรูปเดิมที่เรารู้ว่าเราบังคับได้มาแล้วนั้น ให้ผันแปรไป ต่างๆรูป ...โดยที่กายลมกายเนื้อ ยังคงสงบระงับอย่างต่อเนื่อง


จากนั้นจึงเกิดองค์ 5 องค์ เรียกว่า "ปฐมฌาน"
1  วิตก คือ เกาะอยู่ หรือ รับรู้อยู่ ซึ่งอารมณ์ที่เกิดนั้น (สังเกตุนะคะว่า "วิตก"ไม่แปลความหมายอย่างที่เราคุ้นชิน)
2  วิจารณ์ คือ ซึมซาบถึงอารมณ์นั้น (ท่านว่า ให้เต็มที่ไปเลย ดื่มด่ำให้เหมือนตระกระตระกรามเลย)
3  ปีติ คือ เราจะรู้สึกพึงพอใจเมื่อทำได้ตามที่ผ่านมาจนสำเร็จ
4  สุข คือ ความรู้สึกที่เกิดตามหลังมาจาก ปีติ
5  เอกคตา คือ รวมจุดสมาธิ จิตไม่รับรู้อารมณ์อื่น รับรู้แต่เพียงอารมณ์ในนิมิตนี้

ดังนั้น เมื่อมาถึง เอกคตา จึงได้เกิดสมาธิขึ้น
ตามนั้นค่ะ  8)

พอพี่ทำได้ ปฐมฌาน จะมาเอง
ก้เพราะ เมื่อพี่ทำได้
1 คือพี่ก็รู้ไงว่าทำได้ ไม่ใช่ใครมาบอกว่าพี่ทำได้ แต่พี่รู้ของพี่เอง
2 คือพี่จะดื่มด่ำกะมัน เพราะแหมกว่าจะทำได้อ่า จิงมะ
3 คือพี่จะภาคภูมิใจไงมะรู้ เหมือนทำนองเราทำอะไรยากๆได้ตามที่หวังไว้อ่า
4 คือพอหลังจากซึมซับ สยิว ซาบซ่า อิ่มเอม ....อะไรแล้วแต่พี่ล่ะ หลังจากนั้นมาก็เหมือนพี่สร้างบ้านนี้มาสำเร็จได้กะมืออ่ะ พี่ก็ได้เข้าไปอยู่กะมัน พี่ก็เป็นสุขนะ ทำนองนั้น
5 คือก็พี่ก็จะเกิดเอกคตา คือ เกิดสมาธินั่นเอง ....เพราะพี่ไม่สนใจอย่างอื่นเลย สติพี่จูงจิตให้มานัวอยู่กะอารมณ์นี้เท่านั้น จึงเปี่ยมด้วยสมาธิแล้ว ....พี่ผลิตสมาธิได้เองแล้ว


ประมาณนั้นค่ะ

:bow:
ภาพประจำตัวสมาชิก
ก้อนหิน
Verified User
โพสต์: 2344
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 41

โพสต์

โอว้ คราวนี้เข้าใจขึ้นเยอะครับ  :bow:  :bow:  :bow:

แล้วปกติพี่ 007  ทำสมาธิ ใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ครับ
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 42

โพสต์

แล้วแต่ค่ะ บางทียาก บางทีง่าย
แต่สังเกตุพบอันนึงคือ อย่าไปเค้น ให้ชิวๆไปค่ะ

และอีกอันคือ ควรทำการบ้านตลอดเวลา
คือหมายถึง เวลาที่พี่จะไปไหนต่อไหน ทำไรอยู่ก็ตาม พี่ต้องฝึกตลอดเวลา
ในหัวข้อ "ตระหนักรู้" อันนี้พี่ควรทำไปเรื่อยๆ เพราะมันเป็นการฝึกสติ

ง่ายๆค่ะ เช่น
ดื่มน้ำ ให้รู้สึกถึงน้ำนั้น มันมีลักษณะแบบไหน ไหลไปไหน อะไรเงี้ยค่ะ หลายคนนะคะที่เวลาดื่มน้ำนี่ ไม่รู้สติลอยไปไหน

พี่เคยเดินชนโต๊ะที่ตั้งอยู่แค่ข้างหน้าพี่มั้ยคะ ....อ่ะ นั่นล่ะสติหลุดไง ทำไมพี่มองไม่เห้นว่าโต๊ะมันขวางอยู่ระยะประชิดเลย ก้เพราะสติพี่ไม่แนบอยู่กะเหตุการณ์ปัจจุบัน สติพี่เลยไปป้ายรถเมล์แล้ว แต่ตัวพี่ยังไม่ออกจากออฟฟิซเลย

ง่ายๆแบบนี้เองค่ะ เอาแค่เรื่องง่ายๆ การก้าวเดินนี่คือเกี่ยวกะกายเท่านั้นเอง กำหนดสติให้อยู่กะกาย (ยังไม่ไปถึงเรื่องอารมณ์เลยนะ)
ฝึกสติให้เข้าร่องก่อน แล้วฝึกสมาธิก็จะง่ายขึ้น

พี่จะเดินไปหยิบหนังสือที่ชั้น พี่รู้เป้าหมาย แต่เวลาพี่เดินแต่ละก้าวน่ะ ฝ่าเท้าพี่สัมผัสพื้นจุดไหนก่อนจุดไหนตามมา ตระหนักรู้เข้าไว้ ทำบ่อยๆ ทำทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าต้องทำ (ไม่ใช่ให้พี่เดินแบบยานหนืดนะ พี่ก็เดินปกติล่ะ พี่แค่เอา"รับรู้"ไปใส่ที่เท้าแค่นั้น)

:D  :D  :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
Linzhi
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1464
ผู้ติดตาม: 1

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 43

โพสต์

ขอเสริมแล้วกันนะครับ คุณ 007 ตอบได้ละเอียดดีจริง ๆ ผมไม่รู้แทรกยังไง ก็ขอเล่าเป็นภาพรวมแล้วกัน

สมาธิ เป็นเพียงอุบาย หนึ่งของกรรมฐาน

ซึ่งกรรมฐานมีอยู่ 2 ประเภท
1. สมถะกรรมฐาน ฝึกเพื่อให้ถึงฌาน ซึ่งมีมาก่อนสมัยพระพุทธองค์ตรัสรู้เสียอีก อาจารณ์ของพระพุทธองค์ทั้งสองท่าน ก็ฝึกเข้าฌาน แต่สุดท้ายพระพุทธองค์เห็นว่าไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ เพราะเหมือนกับเอาก้อนหินทับหญ้า เมื่อใดที่เอาก้อนหินออกไป หญ้าก็กลับมาขึ้นอีกร่ำไป ตัวอย่างที่เห็นทั่วไป คืออานาปานสติ แบบพุทโธ กำหนดหายใจเข้าออก ๆ ซึ่งเป็นการฝึกสมาธิ ไม่ใช่ตั้งอยู่บนสติ

การเข้าฌานระดับสูง จะได้ขึ้นไปสูงสุดที่ชั้นอรูปพรหม เสวยชาติพรหม 84000 มหากัปต์ แต่ยังคงต้องวนเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฎอยู่ เหมือนหินทับหญ้า แม้หินจะทับหญ้านานเพียงใด การยกหินออก ก็ทำให้หญ้า(ความทุกข์) โตขึ้นมาได้อยู่ดี

2. วิปัสสนากรรมฐาน ฝึกเพื่อให้ถึงญาณ ซึ่งเป็นเส้นทางสู้นิพพาน ถ้าถึงญาณชั้น 16 จะบรรลุโสดาบัน และถึงญาณ 16 สี่ครั้ง ก็จะเป็นพระอรหันต์ ตัดกิเลสทั้ง 6 ทวาร และบรรลุมรรคผลนิพพาน แนวคิดคือตั้งอยู่บนสติทั้งสี่

วิปัสสนากรรมฐาน การตั้งอยู่บนสตินั้น เราทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่เหมาะกับผู้เริ่มต้น คือให้รู้สิ่งที่เข้ามากระทบทวารทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ การรู้เท่าทันนี่เอง คือการดับกิเลส เพราะกิเลสสามารถเข้าหาเราได้จากหกทวารนี้เท่านั้น

ฝึกได้ทั้งสองอย่างครับ และขอยืนยันว่าดีทั้งสองอย่าง แต่โดยปกติ ถ้าฝึกเอง คนเราจะเข้าใจฝึกเป็นสมถะกรรมฐาน การฝึกวิปัสสนากรรมฐานต้องมีวิปัสสนาจารย์เพื่อสอบอารมณ์ (อย่างน้อยก็ครั้งแรก)

สุดท้าย ผมก็แนะนำให้ไปปฏิบัติตามที่ ๆ มีวิปัสสนาจารย์ ใช้เวลา 3-7 วัน ในระยะเริ่ม คุณจะได้วิชาของพระพุทธองค์ ที่ยิ่งใหญ่ และอัศจรรย์
JL
Verified User
โพสต์: 188
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 44

โพสต์

ฌาน มีลักษณะอย่างไร  ญาน มีลักษณะอย่างไร มีอธิบายไว้ไม๊ครับ
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 45

โพสต์

[quote="JL"]ฌาน มีลักษณะอย่างไร
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 46

โพสต์

อันนี้ดิฉันชอบมากเป้นการส่วนตัว

เรื่องมีว่า....
วันนึงพระสังฆปรินายกองค์ที่ห้า(แห่งนิกายเซนในจีน) ประกาศว่า ให้ศิษย์ทั้งหลาย ตั้งหน้าค้นหาปรัชญา(ปัญญา)ในใจแล้วเขียนโศลก(คาถา)มาให้ท่านหนึ่งโศลก ...ว่าด้วยเรื่องจิตเดิมแท้
ผู้ใดเข้าใจจิตเดิมแท้ได้ถูกต้อง จะได้รับตำแหน่งสืบต่อจากท่าน

ชินเชาผู้เป็นหัวหน้าศิษย์ ได้แต่งว่า
"กายของเราคือต้นโพธิ
ใจของเราคือกระจกเงาอันใส
เราเช็ดมันโดยระมัดระวังทุกๆชั่วโมง
และไม่ยอมให้ฝุ่นละอองจับ"

ส่วนเว่ยหลางซึ่งในขณะนั้นมาจากเด็กหนุ่มชาวบ้านพื้นๆทั่วไป แต่สนใจมาขอความรู้จากท่านสังฆปรินายกในขณะนั้น
ท่านแต่งว่า...
"ไม่มีต้นโพธิ์
ทั้งไม่มีกระจกเงาอันใสสะอาด
เมื่อทุกสิ่งว่างเปล่าแล้ว
ฝุ่นละอองจะลงจับอะไร"



แหงแซะ ชัวร์ป๊าป ... :lol:
สังฆปรินายกองค์ที่หก ได้แก่ เว่ยหลาง ในที่สุดค่ะ

:wink:
ภาพประจำตัวสมาชิก
ก้อนหิน
Verified User
โพสต์: 2344
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 47

โพสต์

มีคำถามนิดนึงครับ ทำไมถึงต้องมุ่งสู่นิพพานครับ การเวียนว่ายตายเกิดนี่มันไม่ดีตรงไหนเหรอครับ

อาจจะขัดใจ แต่สงสัยจริงๆครับ
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 48

โพสต์

คืองี้ก่อนนะพี่ก้อนหินคะ

นิพพาน นี่คือ หมายถึง การเข้าสู่สัจจธรรมสูงสุด เข้าถึงgod เข้าถึงธรรม ธรรมชาติ รู้แจ้ง.....อะไรสุดแล้วแต่พี่จะเรียกนะคะ ....มันเป็นแค่ชื่อไง :lol:

คือ นิพพานตามที่เราๆท่านๆ (รวมดิฉันด้วย) ตั้งแต่เด็กเล็กมา เวลาพูดถึงนิพานคือจะไปนึกถึงแค่จุดจบ จุดสุดท้าย ความตาย ...อะไรแต่เพียงอย่างเดียว

จริงๆนิพพานมันก็เป็นและตีความได้หลายมุม แต่คำที่น่าจะชัดเจนที่สุด ตามความเห็นดิฉันคือ สัจจธรรม รู้แจ้ง

นิพพาน ไม่ได้แปลว่าให้พี่ ไม่ขยับแขนขา อะไรทำนองนั้นนะคะ
ส่วนเรื่องว่า พี่จะต้องการหลุดพ้นในรอบชีวิตนี้เลยมั้ย จะไม่อยากเกิดอีกแล้วเลยมั้ย อันนี้สุดแล้วแต่พี่เองค่ะ

อย่างที่พี่ลิ้นจี่อธิบาย คือแม้ผู้ที่ฝึกในขั้นสูงๆแล้ว แต่ยังมีติดยึดอยู่อีกนิดๆ ก็ยังต้องกลับมาใหม่อีกรอบ คือมันไปไม่สุดเสียทีเดียว(อันนี้ไม่ทราบจริงเท็จ เพราะไม่เคยตายมาก่อน :lol:  แต่เอาว่า ตำราหลายเล่มเขาว่าไว้งั้นค่ะ)


คือนิพพานเนี่ย มันอยู่ในเราอยู่แล้ว เพียงแต่ใครจะพบมันมั้ย พบหรือไม่พบ"ธรรม" ก็อยู่ในทุกๆสิ่งอยู่เองอยู่แล้ว
มันคือ ธรรมดา ธรรมชาติ อะไรแค่เนี้ยเอง จริงๆไม่ใช่เรื่องต้องไปเที่ยวค้นหาให้ไกลเกินเอื้อมอะไรเลย

ประเด็นของพุทธศาสนาคือ การพ้นทุกข์ คำนี้ไม่ได้แปลว่า ให้ตายๆไปซะ  :lol:

คำว่า "ใบไม้กำเดียว" ของพระพุทธเจ้า หมายถึงแบบว่า เรื่องอะไรมากมาย มันมีอยู่เต็มพรืดไปหมด ตามที่เราจะไปสนใจมัน ใบไม้ในป่ามีมากมาย รู้ไม่หมดหรอก
(นักวิทยาศาสตร์ตายไปกี่รุ่นแล้วยังหาข้อสรุปที่นิ่งไม่ได้เลยว่าตกลงจักรวาลมีขอบเขตหรือไร้ขอบเขตมั้ย แล้วไร้ขอบเนี่ยรูปร่างเป็นไงอ่า อ่ะ เริ่มงงมะ บ้างบอกว่าทุกสรรพสิ่งเกิดจากบิ๊คแบงค์ อ่ะ แล้วบิ๊คแบงค์มาจากการรวมของอะไร แล้วไอ้อะไรน่ะ มาไง แล้วก่อนจะมาเป็น"อะไร"น่ะ มันเป็นอะไรมาก่อน กร๊ากกกกก ไม่จบค่ะ คนแรกบอกโลกแบน อีกคนมาบอกกลม ไม่แน่เดี๋ยวอาจจะมาอีกคน บอกจริงๆคือสามเหลี่ยม :lol: )

ใบไม้มีอยู่เต็มทั้งป่า แต่ใบไม้กำมือเดียวที่สำคัญเร่งด่วนในการเด็ดมาไว้ใช้ได้อย่างมีประโยชน์ และสำคัญที่สุดสำหรับทุกชีวิตคือ "วิธีการพ้นทุกข์"

ดังนี้เอง พระพุทธเจ้าจึงกลายเป็นดาวเด่นขึ้นมาได้ ในกาลก่อน

:D
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 49

โพสต์

007-s เขียน:ใบไม้มีอยู่เต็มทั้งป่า แต่ใบไม้กำมือเดียวที่สำคัญเร่งด่วนในการเด็ดมาไว้ใช้ได้อย่างมีประโยชน์ และสำคัญที่สุดสำหรับทุกชีวิตคือ "วิธีการพ้นทุกข์"


:D
8) วิริเยน ทุกขม เจติ
    คนล่วงทุกข๋ได้เพราะความเพียร
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
ก้อนหิน
Verified User
โพสต์: 2344
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 50

โพสต์

ผมไม่รู้ว่าผมเข้าใจผิดมั้ยนะครับ  ว่านิพพานแ้ล้วคือมันจะไม่ทุกข์ ไม่ยึดติด
ส่วนการจะกลับมาเกิด หลุดพ้น จากวัฏสงสารได้นี่มันคนละเรื่องกันใช่มั้ยครับ
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 51

โพสต์

ทำนองนั้ค่ะ คือ ไม่ทุกข์ นั่นคือเป้าหมายก่อนเลย

ทีนี้ ไม่ทุกข์ มันก็มีหลายขั้น หลายแบบ

ไม่ทุกข์เท่าเก่า
ไม่ทุกข์มาก
ไม่ค่อยจะทุกข์
ไม่ทุกข์บ่อยนัก
ไม่ทุกข์เอาซะเลย

....ก็แล้วแต่ความแก่กล้าของความสามารถที่จะจัดการกะมัน

ถ้าไปไม่สุด มันก็ยังมาวนเวียนใหม่อีก(ไม่ต้องนับว่าตายแล้วมาเกิดรึเปล่า นับแค่ว่า ถ้าพี่มีนิพพานได้ช่วงนึง พอกิเลสเข้ามาจับพี่ก็เอาอีก นี่มันก็เป็นวัฏสงสารโดยที่ไม่ต้องรอตาย)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Linzhi
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1464
ผู้ติดตาม: 1

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 52

โพสต์

ผมชื่อหลินจือ ครับ อ่านแบบภาษาจีน แต่อ่านแบบไทยว่าลิ้นจี่ก็ดีเหมือนกัน น่ารักดี  :lol: แล้วพี่ 007 ผมน่าจะเป็นรุ่นน้อง อีกทั้งยังอ่อนด้อยทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ แต่บางเรื่องที่พอมีความรู้ ก็อยากจะเผยแผ่ให้พี่น้องในเวปนี้

ขอแจมเรื่องความทุกข์ก่อน
เวียนว่ายตายเกิดมีแต่ความทุกข์ครับ ลองนึกภาพง่าย ๆ ว่าความสุขมันสั้นนิดเดียวจริง ๆ ผมลองยกตัวอย่างตัวผมเองดู
: วันสอบเอ็นทรานส์ พอเราพยายามแสนสาหัส เครียด และทุกข์ใจ
     :สอบได้ก็แสนจะมีความสุข เลี้ยงฉลองกันทั้งบ้าน
         : แต่พอเรียนไปทั้งยากและเครียด ก็กลับมาทุกข์อีกแล้ว (บางคนถึงกับทำอัตตวิบาตกรรม ฆ่าตัวเอง)
     : พอเรารับปริญญา ได้รับเกียรตินิยม เราก็มีความสุขเหลือหลาย เลี้ยงฉลองกันอีกแล้ว
         :แต่พอหางานทำงานไม่ได้ดั่งใจ ก็กลับมาทุกข์อีกแล้ว แทบจะลืมความสุขที่ได้รับตอนเอนทรานซ์หรือตอนรับปริญญาเลย
ยังมีความทุกข์และความสุขในชีวิตครอบครัว การงานอีก (ลองอ่านประวัติคุณฐิตินาถ ในเข็มทิศชีวิต จะเห็นภาพมากครับ สำหรับเรื่องนี้) มันเป็นวัฎสงสาร แบบย่อย ๆ อย่างที่พี่ 007 ว่าไว้

อันนี้เป็นภาพสั้นมาก ๆ เลยครับ ถ้ามองภาพใหญ่ ๆ บ้าง

เราเกิดมาในภพมนุษย์ พบทั้งสุขและทุกข์ (อย่างที่ยกตัวอย่างข้างบน) แต่ถ้าเราทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เราก็อาจจะเกิดไปเป็นเทวดา หายตัวไปไหนก็ได้ แสนจะสบาย (แต่ก็ต้องมีทุกข์ ซึ่งมีหลายตัวอย่างเรื่องราวในชาดก) แต่บางครั้ง เทวดาทำบาปกรรม ก็ต้องรับวิบาก เกิดเป็นเดรัจฉาน เป็นอสูรกาย ซึ่งก็ทุกข์อีก เฮ้อ ....

มันวนเวียนแบบนี้แหละครับ วิบากกรรม ตามเรามาทุก(ข์)ชาติทุก(ข์)ภพ วิบากดีอาจจะช่วยให้เรามองไม่เห็นและไม่เจอทุกข์ ไม่เข้าใจอริยสัจ 4 แต่สุดท้ายเราก็ต้องเจอ

ขนาดผู้ที่มีบุญบารดั่งเช่นเจ้าชายสิทธัตถะ ก็เจอเทวดาทั้งสี่ คือ เกิด แก่ เจ็บ และตาย จนเห็นความทุกข์ และเดินทางแสวงหาทางพ้นทุกข์ บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ
       เราเป็นเพียงบุคคลที่มีบุญบารมีเพียงกระผีกเดียว
       เราจะไปหลีกหนีความทุกข์ได้อย่างไร
ภาพประจำตัวสมาชิก
Linzhi
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1464
ผู้ติดตาม: 1

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 53

โพสต์

เรื่องฌานกับญาณ ผมอยากแค่อธิบายตามควร เพราะอ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ ถ้าไม่ได้ลองปฏิบัติ (และผมก็ไม่ได้เขียนให้อ่านเข้าใจง่ายขนาดนั้นด้วย  :oops: )

- ฌานคือสมาธิแบบดำดิ่งครับ การนั่งสมาธิแบบท่องพุท ... โธ ... กำหนดลมหายใจ คือการทำให้จิตเข้าสมาธิ ซึ่งสมาธิที่สูงมาก ๆ ทำให้เราสงบ ทำให้เราสบาย

ถ้าใครเคยอ่านสังสารวัฎและภพภูมิ จะเห็นว่าเวลาของเทวดานั้นยาวนานกว่ามนุษย์มากนัก คนที่นั่งสมาธิแบบนี้จะเข้าใจ เพราะนั่งนานเป็นชม. กลับรู้สึกว่านั่งเพียงลมพัด นั่นเป็นเพราะเรากำลังสะสมฌาน เพื่อขึ้นไปอยู่ในชั้นเทวดา หรือพรหม

และหลายตำราตะวันตกก็บอกว่าการฝึกสมาธิแบบนี้ทำให้เกิดคลื่นสมองที่ช่วยให้ความจำเราดีขึ้นด้วย ในทางตะวันออก ฌานขั้นสูงจะทำให้มีสามารถแสดงปาฎิหารย์ต่าง ๆ ได้ ผมไม่ลงรายละเอียด เพราะไม่ใช่แก่นของพระพุทธศาสนา

- ญาณคือการเจริญสติ สัมปชัญญะ (ไม่ใช่สมาธิเพราะสมาธิมาก ๆ ทำให้เราขาดสติได้) คือทำให้เราระลึกได้ (ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่) และรู้ตัวทั่วพร้อม คือรู้ทุก ๆ รายละเอียด

การเจริญสติแบบอานาปาสติ คือ
การกำหนด"สติ"ด้วย"ลมหายใจ"คือเราต้องเฝ้าดูลมหายใจหายใจตัวเอง ว่าเบาลง แรงขึ้น น้อยลง หายใจเข้ากี่ที ออกกี่ที ไม่ใช่เราไปกำหนด"ลมหายใจ" ว่าเข้าพุท ออก โธ ซึ่งลักษณะนี้จะเป็นการเข้าฌาน หรือเจริญสมถะกรรมฐาน

อย่างไรก็ตามการทำกรรมฐาน ทำสมาธิเป็นเพียงอุบายหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมด
การกำหนดอิริยาบถย่อย การเจริญสติตลอดเวลาต่างหากคือส่วนสำคัญ

พระอานนท์บรรลุพระอรหันต์ ตอนที่กำลังเอนกายนอน (ก่อนที่จะกลายเป็นพระอรหันต์ องค์ที่ 500 เพื่อเข้าร่วมทำสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งแรกหลังจากพระพุทธองค์เสด็จดับขันปรินิพพาน)

และมีอีกหลายองค์ที่สู่นิพพาน ได้ในขณะที่ไม่ได้นั่งสมาธิ
เหมือนที่กระทู้นี้พูดทุกอย่างเลยครับ รู้ทันกาย รู้ทันใจ รู้ทันอารมณ์ รู้ทันธรรมะ

รายละเอียดมีครบหมดแล้วครับ
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 54

โพสต์

ผมชื่อหลินจือ ครับ อ่านแบบภาษาจีน แต่อ่านแบบไทยว่าลิ้นจี่ก็ดีเหมือนกัน น่ารักดี
ขออภัยค่ะพี่(เห็ด)หลินจือ ดิฉันอ่านออกเสียงเพี้ยนไป  :lovl:
แล้วพี่ 007 ผมน่าจะเป็นรุ่นน้อง
:la: ในนี้ใครเขานับรุ่นกัน หึ๊อ นับพี่พอใจเป็นรุ่นพี่คนเดียวพอ  :mrgreen:

:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:



อ่านของพี่หลินจือแล้ว นึกขึ้นมาได้ค่ะ
ถ้าพี่ๆที่ลองฝึกดูแล้ว อยากทราบว่าตัวเองนั้น เริ่มทำได้ดีขึ้นแล้วหรือไม่
ให้ลองสังเกตุดูระยะเวลาภายในกะภายนอกค่ะ
คือให้พี่ดูเวลาไว้ตอนก่อนจะปฏิบัติ แล้วพอตอนพี่ออกจากการปฏิบัตินั้น ให้พี่เหลือบมองนาฬิกาค่ะ

ถ้าพี่รู้สึกว่า เวลาในตัวพี่นั้นช้ากว่าเวลาตามนาฬิกา นั่นแปลว่ามาถูกทางแล้ว
เช่น พอดูจากนาฬิกา คิดออกมาได้เป็นระยะเวลา 3 ชม. แล้วพี่รู้สึกจริงๆขึ้นมาว่า..เฮ้ย มันถึงสามชม.หรอ เรานึกว่าแค่ ชม เดียวเองนะ โหไม่น่าเชื่อ นี่เรานั่งนานขนาดนี้เลยหรอเนี่ย....อะไรประมาณนี้อ่าค่ะ

แต่ถ้าพวกที่ปฏิบัติมาจนชินระยะนึงแล้ว ใช้แค่สังเกตุลมหายใจก็จะพอทราบ ว่าเริ่มเนียนขึ้น นี่จะรู้เลยว่าเริ่มเดินไปทางทิศที่ถุกแล้ว
ค่อยๆหัดจับสังเกตุค่ะ ช่วงเริ่มนั่งแรกๆ จะเห็นว่า ลมมันเดินไม่เสมอ บางทีมีแอบกระตุกๆ บางทีไปสะดุดอะไรไม่ทราบ ไม่เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน เทียบเหมือนทรายที่พี่จับ พี่จะรู้ว่ามันอันไหนหยาบกว่า อันไหนละเอียดกว่า

ส่วนเรื่องจะพุทโธ หรือไม่พุทโธ อันนี้ดิฉันไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก
แต่ท่านพุทธทาสว่า ถ้าใครรู้สึกข่มใจเองไม่ไหว (มันก็เป้นได้ บางวันบางทีคนเรามันคุมได้ไม่นิ่งเท่ากันเสมอไป) ก็ใช้พุทโธ (หรือคำไรก็ได้สั้นๆ) สะกดให้อยู่ ก็ช่วยให้ง่ายขึ้นได้ค่ะ
แต่พอสะกดสติอยู่แล้ว ก็อย่าไปให้ความสำคัญกะมัน มากไปกว่า เทคนิคการ ตระหนักรู้ค่ะ

วิปัสสนากรรมฐาน เทคนิคมันอยู่ที่ ให้จับถึงกระบวนการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปค่ะ
(ดิฉันจึงชอบแนะให้ พยายามฝึกมีสติในชีวิตประจำวันบ่อยๆ ในเรื่องทั่วไปง่ายๆ)

ท่านโอโช่ มีแนะไว้ว่า ถ้าใครเริ่มเข้าใจและทำได้แล้ว คุณจะร้องฮัมเพลงในใจยังได้เลย

:D
August
Verified User
โพสต์: 510
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 55

โพสต์

por_jai เขียน:
8) วิริเยน ทุกขม เจติ
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 56

โพสต์

8) พี่หลินจือครับ
    ผมชอบสมถะกรรมฐานอ่ะครับ
    มันเหมาะกับผมไม่ซับซ้อนเกินไป
    วิปัสสนา สำหรับผม ยาขมดีๆนี่เอง

    อ้อน้องก้อนหินที่รัก
    ผมเพิ่งไปอ่านหนังสือมา
    เขาว่า  เซนที่ยุ่นนับถือๆกัน
    แปลเป็นไทยว่า ฌาณ ครับ

    เซนนี่เขาออกแนวฉับพลัน ดังที่น้องสายลับเขาว่า
    เหมาะกับยุ่น คือดินที่นั่นคงเหมาะสมกับ เซน
    เหมือนดินที่เมืองไทยเหมาะสมกับ เถรวาท หรือหินยา

    ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่า หิน เข้าใจยาก ปฏิบัติยาก
    ที่จีนเวียตนาม ดินที่นั่นเขาเหมาะกับ มหายาน
    พระพุทธเจ้าที่เราเคารพ ยุ่น จีน เวียตนามเคารพ
    ท่านเป็นคนอินเดียนะ แปลกดีไหมเอ่ย.........
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 57

โพสต์

[quote="August"]
ผมว่าสอดคล้องกันกับแนวลงทุนเน้นคุณค่า
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 58

โพสต์

จริงๆค่ะ ดูดีๆ ในโลกนี้ ทุกอย่างมันต่อเนื่องเกี่ยวพันกันไปหมด

สังฆปรินายกสายเซนองค์แรกในจีน เข้าใจว่าก็ไปจากอินเดียค่ะ แล้วก็ลามไปญี่ปุ่นอีกที
แต่หลังๆกลายเป็นว่า เซน ได้รับความนิยมกะญี่ปุ่นที่สุด

ท่านติชนัทฮันท์ ให้ข้อสังเกตุไว้เกี่ยวกะเรื่องลักษณะภาษา
รูปแบบประโยคของญี่ปุ่น มักไม่ค่อยมี "ฉัน"งั้น "ฉัน"งี้แบบพร่ำเพรื่อนัก
คือมันตรงกะใจความหลักของแก่นพุทธศาสนาว่าอย่า"ตัวกูของกู"

ท่านพุทธทาสเล่าว่า ในสมัยก่อน ไม่มีพระพุทธรูปนะ คือถ้ามีจะเป็นอย่างอื่น เช่น รอยพระบาท หรือเอาแท่น หรือเก้าอี้มาตั้งในรูปสลักนั้นๆ ก็รู้กันว่า นั่นน่ะคือพุทธเจ้าแล้ว
เนื่องจากเน้นหลัก ไร้ตน ( :lol: พูดถึงคำนี้ทีไรต้องนึกไปถึงจานจูแห่งทิงเขียวทุกที "ไร้ตนไร้พ่าย" อ่ะ เก๋นะคำนี้อ่ะ)

สายฉับพลันนี่ ยกตย.อย่างใกล้ๆ ตัวเราๆท่านๆ ก็อย่างที่พีพอใจเคยเล่า ว่าอ่านหนังสือ(จำชื่อไม่ได้ค่ะ :oops: ) แล้วมันเกิดว๊าบขึ้นมาได้เอง มันบิ๊ง มันคลิ๊คขึ้นมาเอง คือมันหวิว มันวู๊ป มันเฮ้ยยย มันฮืออออ อะไรอธิบายยาก แต่มันรู้ก็แล้วกันน่ะ

:lol:
August
Verified User
โพสต์: 510
ผู้ติดตาม: 0

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 59

โพสต์

เข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกดีครับ  
มาพบมาเจอกัน  ความคิดสอดคล้องกันโดยไม่ได้นัดหมาย
และพบว่าสมาชิกรุ่นพี่   นี่เข้าถึงแก่นธรรมะ

ขอคารวะทุกท่าน  



:bow:  007-s    por_jai   Linzhi
ภาพประจำตัวสมาชิก
Linzhi
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1464
ผู้ติดตาม: 1

หัดทำสมาธิครับ

โพสต์ที่ 60

โพสต์

อนุโมทนา สาธุคุณ August ครับ

เห็นด้วยครับ VI กับหลักพระพุทธมันเข้ากันมาก ๆ
ผมเคยเป็นนะครับว่า อยากหาหุ้นที่แข็งแกร่งนาน ๆ มาก ๆ เติบโต
ผมเคยยึดติดหุ้นบางตัว ชอบมาก กำไรได้มาก (แต่ราคาก็เริ่มนิ่งนาน) กอดมันไว้

แต่พอเรียนรู้พระธรรม ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยกฎไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ตอนนี้เลยไ่ม่มีัอัตตา ปรับพอร์ท เปิดใจเรียนรู้ และไม่ประมาทตั้งอยู่บนสติ

  ว่าแต่พี่ porjai ไม่ลองวิปัสสนาดูอีกซักตั้งล่ะครับ ข้อดีของวิปัสสนากรรมฐานคือช่วยให้พี่เห็นไตรลักษณ์ เห็นการเกิดดับของรูปนามได้ชัด แต่แรก ๆ มันเหมือนบอระเพ็ดจริง ๆ
  ผมก็อยากศึกษาเซน และอยากไปเที่ยวดูสวนหินที่เกียวโต นาน ๆ
เคยอ่านมานานแล้ว แต่ไม่รู้อ่านอีกทีหลังจากไปเรียนรู้วิปัสสนามาจะเป็นยังไง มันขมวดเป็นรากเหง้าความคิดเดียวกันที่จุดไหน

   การเผยแผ่ของศาสนาพุทธก็แปลกดีนะครับ ทางบ้านเรา(เถรวาท)รับมาจากพม่า รับมาเสร็จก็หยุดเลย ไม่เหมือนสายที่ไปทางจีน ทางอื่น เค้าขยายไปเรื่อยจนสุดขอบแผ่นดินที่ญี่ปุ่นโน่น (แถมวกกลับมาเวียดนามอีกตะหาก)